Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
" วยธมฺมา สงฺขารา .. สังขารเสื่อมไป ๆ”
... สังขารเสื่อมไปทีละน้อยๆ จนกระทั่งเราหลง หลงว่าเขาไม่ได้เสื่อมไปสิ้นไป หลงว่าเป็นของเราอยู่อย่างนั้น ไม่คิดว่าเขาเสื่อมไปทุกวัน หมดไปทุกวัน ถ้าคนไม่คิดล่ะอดที่จะหลงไม่ได้ เพราะเขาค่อยไปทีละน้อยๆ น้อยขนาดไหน น้อยจนกระทั่งสังเกตไม่ได้ เราโตเมื่อไหร่ เราก็ไม่รู้ เราแก่ไปเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้ มันไม่มีใครรู้สักคนว่าเราโตเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้สักคนว่า เราแก่เมื่อไหร่แก่วันไหน เดือนไหน ปีไหน ไม่มีใครรู้ไม่มีใครจำได้
... ถ้าหากจะรู้ มันก็แก่มาเรื่อยๆ มันแก่ทุกวัน วันไหนไม่แก่ไม่มี นอนอยู่เขาก็ไม่พัก จะสนุกสนานเพลิดเพลินขนาดไหน เพียรไรก็ช่าง เขาไม่ได้หยุดพักในการจะทรุดโทรมร่วงโรยลงไป เขาไม่ได้หยุดพักสักขณะเดียว จึงว่าเสื่อมไปสิ้นไปจริงๆ
... พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ไม่ให้ประมาทในร่างกายอันนี้ ร่างกายของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าคนไม่ว่าสัตว์ จุดหมายปลายทางก็คือความแตกสลาย ในเมื่อแตกสลายแล้ว จะมีอะไรเป็นสิ่งที่เราจะไปยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตนของเรา มีไหม ในเมื่อมันตายแล้ว จะไปยึดตรงไหนมันก็ไม่ได้ จะไปยึดตรงไหนมันก็ไม่มีที่จะไปยึด
...ถ้าหากว่า เรายังสามารถที่จะพูดได้ เราก็ยังว่า มันเป็นของเราๆ มันเป็นของเราได้อย่างยังไง มันเป็นของตาย มันตายมันก็มีแต่จะเน่าจะเปื่อย เราจะว่าของเรา คือของที่เน่าที่เปื่อยก็ว่าไม่ได้ จึงว่ามีแต่เสื่อมไปสิ้นไปเท่านั้น ดังพระปัจฉิมโอวาทที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้วก็ไม่เทศนาอีกเลย
.. ' มีความเสื่อมไปสิ้นไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายอย่าพากันประมาท ' ...คำว่าไม่ประมาทก็คือ ให้พิจารณาให้เห็นชัดว่า อันนี้เป็นของเกิดมาตายเท่านั้นเอง "
หลวงปู่แบน ธนากโรวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร( ตอนหนึ่งในโอวาทธรรม..จากหนังสือทางแห่งมรรคผล)