แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ให้มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม สืบสานปณิธานรับมรดกความเป็น "พุทธทาส"
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
พวกเราทั้งหลายเป็นมนุษย์ มนุษย์คือภพภูมิที่ประเสริฐ ต้องเอาธรรมนำชีวิต เราเป็นฆราวาสก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต เราจะเข้าถึงฆราวาสธรรม คือเอาธรรมนำชีวิต คำว่าฆราวาสหมายถึงผู้ครองเรือนด้วยตัวตนเป็นที่ตั้ง ต้องเพิ่มคำว่า ฆราวาสธรรม คือเอาธรรมนำชีวิต เป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นประชาชนทุกคน ที่ไม่ได้บวชเรียกว่าฆราวาส ฆราวาสก็ต้องเอาธรรมนำชีวิตเรียกว่าฆราวาสธรรม คือน้อมตัวเองปฏิบัติตัวเองเพื่อเอาธรรมนำชีวิต ชีวิตของเราต้องมีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต วันหนึ่งคืนหนึ่งพวกเราทั้งหลายที่เป็นฆราวาส พักผ่อน 6-8 ชั่วโมง ร่างกายถึงจะเอาไปปฏิบัติธรรม ทำธุรกิจหน้าที่การงานได้ มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะเรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ สุขภาพกายของเราก็ดี สุขภาพจิตเราก็ดี ดีทั้ง 2 อย่าง ที่ได้เอาธรรมนำชีวิต มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการปฏิบัติพร้อมๆ กัน
ทุกคนจะไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นไปได้แต่เพียงคนมันหลงนะ ไม่ถูกต้องนะ เราต้องเอาธรรมนำชีวิต ชีวิตของเราจะได้เข้าสู่ความเป็นมนุษย์ เราไม่ต้องเสียเวลาเป็นได้แต่เพียงคน เป็นได้แต่เพียงอวิชชาเป็นได้เพียงความหลง เสียหายมาก มันขาดดุลทั้งส่วนตัวทั้งส่วนรวม ทำความเสียหายมาก เราต้องเป็นฆราวาสที่เอาธรรมนำชีวิต เรียกว่าเข้าสู่ฆราวาสธรรม ชีวิตของเราก็จะมีความสุข ฆราวาสทั้งหลายก็ปฏิบัติธรรมกับทำงานก็คืออันเดียวกัน การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมก็อยู่ที่การทำงาน มันอย่างเดียวกัน ถ้าแยกกันมันคือความไม่ถูกต้อง การทำข้าราชการหรือเป็นนักการเมือง คือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมก็คือเป็นข้าราชการนักการเมือง มันจะเอาความไม่ถูกต้อง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ มันเสียหาย เสียหายมาก เสียหายมากจริงๆ เราต้องเข้าสู่ความถูกต้อง
สำหรับนักบวชคือผู้ถือพระธรรมถือพระวินัย 84,000 พระธรรมขันธ์ ที่เป็นทั้งคำสั่งเป็นทั้งคำสอน เรียกว่าเป็นทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่า นี่คือศีล นี่คือสมาธิ นี่คือปัญญา เป็นความดับทุกข์ ยกเลิกความทุกข์ มีแต่ความสุขความสงบความเย็นเรียกว่าเข้าถึงพระนิพพาน ยังไม่ตายก็เข้าถึงพระนิพพานแล้ว มันเป็นเหตุเป็นปัจจัยเข้าถึงพระนิพพาน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นคำสั่งและก็เป็นคำสอนที่สุดยอดแห่งความดับทุกข์ ให้เข้าใจเราจะไปทำตามใจทำตามอารมณ์ทำตามความรู้สึกของเราได้อย่างไร เพราะอันนั้นมันเป็นความไม่ถูกต้อง มันเสียหาย วันหนึ่งคืนหนึ่งนักบวชเขาก็ต้องพากันนอนพักผ่อน 4-6 ชั่วโมงนะ เวลาตื่นขึ้นเป็นเวลาที่เราทำงานหรือว่าทำความเพียร ให้มีสติให้มีปัญญา
ผู้ที่มาบวชทั้งหลายต้องพากันมาเสียสละ มายกเลิกตัวยกเลิกตน ยกเลิกสัญชาตญาณ ที่มันยึดมั่นถือมั่นในตัวตน มันเป็นมิจฉาทิฏฐินะ ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน หลงในตัวตนเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ มันหลงในความสุขติดในความสุข ความสุขนี้ เราไม่รู้ไม่เข้าใจ มันเป็นสิ่งที่เสพติดนะ ที่เขาว่ายาเสพติด ความสุขถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ มันก็เป็นสิ่งที่เสพติด ความสุขเป็นสิ่งที่มีอยู่ เราอย่าไปติด เราต้องมีปัญญา เราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ความสุขกับความทุกข์มันก็อันเดียวกัน มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นหน้ามือหลังมือ เราต้องรู้เข้าใจอันนี้มันเป็นสัจธรรม มันเป็นความจริง ความจริงที่เป็นประภัสสร มีอยู่ในโลกนี้ รูปก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ เสียงก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ กลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมมารมณ์เป็นสิ่งที่มีอยู่ ความสุขมันก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ ความทุกข์ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้ มันเป็นประภัสสรของธรรมชาติ เราต้องรู้เข้าใจ เราอย่าไปติดอกติดใจ อย่าไปชอบไม่ชอบ เราต้องมีสติคือความสงบมีสัมปชัญญะตัวปัญญา เราต้องก้าวไปด้วยทั้งความสงบทั้งปัญญา ผู้ที่มาบวชทั้งหลายต้องรู้เข้าใจอย่าไปหลงประเด็นนะ เอาตัวเอาตน เรียกว่ามันพัฒนาปฏิบัติไปอย่างไม่ถูกต้อง เราต้องจับหลักจับประเด็นให้ได้ เราพากันนอนพากันพักผ่อน วันละ 4-6 ชั่วโมง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงบรรทมทรงพักผ่อนวันละ 4 ชั่วโมง ทำงานหรือว่าปฏิบัติธรรม เพื่อรับใช้คนอื่นรับใช้ความถูกต้องรับใช้หมู่มวลมนุษย์เทวาสรรพสัตว์ทั้งหลายวันละ 20 ชั่วโมง เราต้องรู้เราต้องเข้าใจ เราอย่าพากันติดอกติดใจ มันหลงในความสุขติดในความสุข เราต้องก้าวไปด้วยการเสียสละ มนุษย์เราคือผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องนะ มนุษย์เราคือผู้ที่เสียสละ เราไม่เสียสละ เราจะเป็นคนที่มีศีลมีสมาธิมีปัญญาไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสียสละ ท่านยกเลิกตัวตนหมด เห็นว่าทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราจะเป็นได้แต่เพียงคนได้อย่างไร คนนี้แปลว่าอวิชาความหลง เราต้องมีความสงบมีปัญญา เราจะได้ก้าวไปด้วยสติด้วยปัญญา เราทุกคนต้องเข้าใจ นักบวชทั้งหลายต้องเอาเหมือนพระพุทธเจ้า ต้องเอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจของเรา กายวาจาของเรา กิริยามารยาทอาชีพของเรา ยกเลิกตัวตน เราทุกคนถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เราทุกคนจะไม่ได้แอบแฝงด้วยนิติบุคคลตัวตน เขาเรียกว่าอีแอบบักแอบ มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องรู้เข้าใจนะ ทุกคนพากันทำได้ปฏิบัติได้ คนที่ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ก็คือพวกสมองเสีย เพราะสมองเสียหาย เป็นคนบ้า คนวิกลจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง จนเป็นบ้า จนวิกลจริต นอนหลับไม่เพียงพอ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งฟุ้งซ่านมาก นอนหลับไม่เพียงพอนะ ท่านถึงบอกว่านอนหลับให้เพียงพอ นักบวชก็นอน 4-6 ชั่วโมง เวลาตื่นเป็นเวลาที่เสียสละ ยกเลิกตัวตน ใครไม่รู้ไม่เห็นไม่เป็นไร เน้นที่ใจของเรา เน้นที่วาจาของเรา กิริยามารยาทของเรา อาชีพของเรา ยกเลิกตัวตน อย่าไปเอาอะไร เราต้องเป็นผู้ให้เป็นผู้เสียสละ มีชีวิตอยู่ด้วยการเป็นผู้ให้เสียสละ เราถึงจะมีสติมีสัมปชัญญะ ศีลสมาธิปัญญาถึงจะก้าวไปอย่างนี้อย่างมีความสุขนะ เป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาท เราต้องไม่ต้องไปหาความสุขความดับทุกข์ที่ไหน อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ที่กายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ
นักบวชทั้งหลาย จะเป็นนักบวชวัดบ้านวัดป่าหรือเป็นหินยาน มหายาน ให้เข้าใจว่า เราต้องมายกเลิกตัวตน เอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจ เอาพระธรรมมาไว้ในใจ เอาพระอริยสงฆ์ผู้ที่คิดดีพูดดีกิริยามารยาทดียกเลิกตัวตน เอามาไว้ในตัวของเรา เราต้องมีความสุขอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เรามีความสุขนะ เราอย่าไปหลงงมงาย เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง มันหลงงมงายนะ เอาความไม่ถูกต้องมาครอบงำ เรียกว่าหลงโลก หลงโลกธรรม เอาโลกมาครอบงำธรรม มันไม่ใช่เอาธรรมนำชีวิต อย่างนี้มันไม่ใช่ทางสายกลางนะ มันเป็นนิติบุคคล เราทุกคนต้องกลับมาหาความสงบกลับมาหาปัญญา พากันมามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ การเดินจงกรมกับการทำงานก็คืออันเดียวกัน การเดินจงกรมก็เพื่อออกกำลังกายให้แข็งแรง เพื่อร่างกายของเราจะแข็งแรง เรามีความสุขในการเดินให้ร่างกายแข็งแรง กับการทำงานการทำงาน มันก็ได้ทั้งงานได้ทั้งความสงบ มันก็อันเดียวกัน ท่านบอกว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจนะ เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 จะมีอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาททั้งอาชีพ ยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง เป็นมรรค มันได้มาจากทุกทิศทุกทาง เรียกว่าการประพฤติการปฏิบัติ มันเป็นวิตามินเป็นโปรตีนแร่ธาตุ มันเป็นสิ่งที่ได้มาจากทุกทิศทุกทาง เพราะว่ามันเป็นความสมบูรณ์ สมบูรณ์ด้วยทั้งความรู้ความเข้าใจ สมบูรณ์ด้วยทั้งอัตถะทั้งพยัญชนะ เราจะเอาแต่เรื่องจิตเรื่องใจ ไม่ได้ เอาแต่สมาธิสมาบัติไม่ได้ เราต้องเอาทุกเรื่องทุกอิริยาบถเลย ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าปฏิปทาให้มันสม่ำเสมอหรือว่าปัญญา ต้องให้มันสม่ำเสมอ ศีลของเราต้องสม่ำเสมอ สมาธิของเราต้องสม่ำเสมอ คือมันจะอยู่ที่กายวาจาใจกิริยามารยาทยกเลิกตัวตน อยู่ทุกหนทุกแห่ง เราต้องรู้เข้าใจนะ การปฏิบัติมันอย่างนี้แหละ ลูกศิษย์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้เข้าใจนะพวกที่มาบวชทั้งหลาย พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดในโลกอย่างนี้ มันเป็นการพัฒนาศาสตร์ทั้งหมด 18 ศาสตร์นะความรู้ความเข้าใจเรื่องในการทำมาหากินกิริยามารยาท ทุกอย่างรวมอยู่ที่พุทธศาสตร์ มันดีจริงๆ มันดับทุกข์ได้จริงๆ เราจะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเสียหาย ต้องเอาความถูกต้องเป็นหลัก ต้องกลับมาหาความถูกต้อง เพราะเรามันเสียดุลมาก เสียหายมาก เขาเรียกว่ามันทำให้ชีวิตของเรามันเจ๊ง ทำให้ชีวิตของเราล้มละลาย ฉิบหายวิบัติ เราต้องรู้ต้องเข้าใจ เราต้องกลับมาหาความถูกต้อง เราต้องพากันมาเสียสละ มีความสุขในการเสียสละ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้ว่าวัดบ้าน ไม่ได้ว่าวัดป่า ท่านให้เรารู้เข้าใจ เรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย เรื่องความรู้ ผู้ปฏิบัติอยู่ในเมืองหลวงอยู่ในกรุงเทพฯ อยู่ในที่เจริญอยู่ที่ไม่เจริญ ที่ไหนก็มีแต่ความสุข ความดับทุกข์ ให้เรารู้เข้าใจ เราจะได้รู้ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราจะได้ปฏิบัติในปัจจุบัน ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติในปัจจุบัน มันไม่ถูกต้อง เขาเรียกว่าความรู้ความเข้าใจของเรา มันไปซ้ายจัดขวาจัด มันไม่ใช่ปัจจุบัน มันไม่ใช่ที่สุดแห่งความดับทุกข์ ทั้งกายทั้งวาจาใจกิริยามารยาทในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่าธรรมะมันเป็นเรื่องความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีทั้งปริยัติมีทั้งปฏิบัติ ดับทุกข์ในตัว เป็นปฏิเวธอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า มันต้องก้าวไป เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เราต้องก้าวไปด้วยธรรม ไม่ใช่ก้าวไปด้วยตัวตน เรียกว่าธรรมจักรคือเอาธรรมนำชีวิต ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิตอย่างนี้
เราต้องรู้เข้าใจ ผู้ที่มาบวชต้องเข้าใจว่าบวชนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกอะไรก็ไม่ดีไม่ประเสริฐเท่ากับบวช ยกเลิกสิ่งไม่ถูกต้อง cancel สิ่งที่ไม่ถูกต้อง หยุดก่อนสิ่งที่ไม่ถูกต้องมันเป็นความดีมันดีมากเราเจริญสติคือความสงบเจริญปัญญาอยู่ในอิริยาบถทั้ง 4 มันดีมาก การบวชนี้ดีมากดีพิเศษ วัดบ้านก็ดี วัดป่าก็ดี เพราะเราได้สิทธิพิเศษ บ้านก็ไม่ได้เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ ใครก็ให้เกียรติยกมือเคารพกราบไหว้ พ่อแม่ข้าราชการนักการเมืองเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ก็กราบก็ไหว้ บวชมันดี ยกเลิกตัวตนมันดี เราต้องรู้เข้าใจ เราจะได้รู้ว่าความหมายของการบวชนะ เราต้องพัฒนาสติคือความสงบสัมปชัญญะตัวปัญญา ต้องให้สะอาดทั้งกาย ทางวาจา ทั้งใจ กิริยามารยาท ทั้งห้องน้ำห้องสุขากุฏิวิหารลานเจดีย์ เราต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาเสียสละ มาเจริญสติสัมปชัญญะ เราทั้งหลายอย่าพากันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันฟุ้งซ่านนะ มันเป็นคนไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีชีวิตอยู่ด้วยอวิชชาความหลง ที่เรียกว่าสายมูสายหลงสายไสยศาสตร์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ใช่พระธรรมไม่ใช่เพราะวินัย มันเป็นวัฏจักรเป็นวัฏสงสารนะ ตัวตนนั้นไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เรียกว่าหาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง หาเรื่องหาราวให้กับคนอื่น เรียกว่าตัณหา ศัพท์นี้ซึ้งถึงใจ ความจริงไม่มีเรื่องไม่มีราวหรอก แต่เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจมันเลยหาเรื่องหาราวให้กับตัวเองให้กับคนอื่น
เราต้องมามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ สุขใดไหนเล่าจะเท่ากับมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เราต้องรู้ต้องเข้าใจเน้นมาที่ตัวเรา เราอย่าไปปฏิบัติเหมือนคนไม่รู้ไม่ อย่างเช่นจะจัดงานที่งานกฐินงานผ้าป่า จัดสถานที่อลังการ แสงสีเต็มไปหมด เเต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เป็นแต่เพียงการหลอกคนอื่น แต่ปกติแล้วมีแต่ความสกปรก ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะหัวใจมันเป็นนิติบุคคล เราต้องยกเลิกสิ่งที่เป็นนิติบุคคลตัวตนนะ เพราะนั้นคือหัวใจเป็นโจรเป็นแก๊ง ยังประเทศจีนก็แบ่งแยกเป็น 3 ก๊ก เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันแบ่งแยกเป็นหลายร้อยหลายพันก๊ก ความเป็นตัวตนมาเป็นแก๊งเป็นก๊กเป็นโจร เราต้องรู้จักมันไม่ได้อยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ใกล้ที่ไกล อยู่ที่ใจที่มีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้องนี่เอง เราต้องกลับมาหาความถูกต้องนะ เรายังเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเลย เราถึงจะได้เป็นมนุษย์ เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชที่สมบูรณ์ รู้เข้าใจแล้วจึงเข้าถึงบริสุทธิคุณปัญญาธิคุณอย่างนี้ เข้าถึงพรหมจรรย์สำหรับฆราวาสและสำหรับนักบวช
ทำไมพระธรรมพระวินัยมีมากมายถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ เพราะเป็นทั้งคำสั่งเป็นทั้งคำสอน เพื่อยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แคนเซิลสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อออกความถูกต้องกลับคืนมา เอาสติกลับคืนมาเอาสัมปชัญญะกลับคืนมา เอาสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เปรียบเสมือนคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป เอาความยึดมั่นถือมั่นออกไป เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราพากันเข้าใจและมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้ อย่าปล่อยตัวเองให้พลาดโอกาสเสียเวลา ถึงโลกนี้มันจะอร่อยมันจะแซ่บจะรำจะนัวจะหรอยเท่าไหร่ก็ช่างมัน เราต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจ เราอย่าไปติดอกติดใจ อย่าไปหลงใหลในความเป็นนิติบุคคลตัวตน ที่เป็นสัญชาตญาณที่มันรักในความสุข หลงในความสุข ไม่ชอบความทุกข์ สุขหรือทุกข์มันก็คืออันเดียวกัน มันเป็นตัวตน อย่าไปกลัวมัน อย่าไปกลัวโลกธรรมมันจะหายไปจากเรา มันมาครอบงำเรา เราพากันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หวั่นไหวไหวหวั่นไปหมด ตามสิ่งแวดล้อมไป มันหวั่นไหวต่อสิ่งแวดล้อมหวั่นไหวต่อผัสสะ เพราะไม่รู้อริยสัจ 4 มันเลยหวั่นไหว เห็นรูปสวยๆ ก็ร้องโอ้ยๆๆ ได้ยินเสียงเพราะๆ ก็ร้องโอ้ยๆๆ รู้อารมณ์อะไรก็โอ้ยๆ ความโอดโอยก็หมายถึงไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ชีวิตเราอยู่ในความหลงอยู่ในความโอดโอยนี่ไม่ดีไม่ถูกต้องนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้เรารู้เข้าใจ เพื่อกลับมาหาสิ่งที่ถูกต้อง เอาความถูกต้องกลับมา เอาความเป็นประภัสสรกลับมา รู้ความจริงว่าทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้น จะร้องโอดโอยไปทำไม เราเกิดมาเพื่อมารู้มาเข้าใจเพื่อหยุดความโอดโอยนะ รู้ความจริงรู้ความเป็นประภัสสร ทุกอย่างมันเป็นอย่างนั้น เราจะวิ่งตามอวิชชาความหลงได้อย่างไร เราต้องเข้าใจ เรามามีความสุขในการทำงานมีความสุขในการปฏิบัติธรรมอย่างนี้
ผู้ที่มาบวชทั้งหลายเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่นักบวชนะ เป็นเพียงเดียรถีย์ ไม่ได้ยกเลิกแคนเซิลสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นนักบวชได้อย่างไร เป็นได้แต่เพียงเดียรถีย์น่ะ เพราะพระพุทธศาสนาเป็นทั้งความดีเป็นทั้งปัญญา ก็มีผู้บวชมาเอาศาสนาให้อยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ อย่างนี้แหละมันไม่ได้มันเสียหาย เสียหายทั้งตนเอง เสียหายทั้งคนอื่นและส่วนรวม เราต้องมีจิตใต้สำนึกนะ ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีมาตั้งหลายล้านชาติ เมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ทรงสอนเรื่องอริยสัจ 4 เอาเรื่องความสงบเรื่องปัญญา 20 พรรษาผ่านไป พระองค์จึงได้ทรงบัญญัติพระวินัย เพื่อเป็นหลักการให้สงฆ์ได้ประพฤติได้ปฏิบัติ ทั้งกายวาจากิริยามารยาทอาชีพ เราต้องเข้าใจและเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ มีความสุขที่สุดในโลกเลย เพราะเมื่อได้ทำถูกต้อง ก็มีความสุขอยู่แล้ว ประกอบด้วยปัญญา ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับตนเอง ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับคนอื่น เราก็เข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เพราะว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ทั้งใจดีและมีปัญญา ผู้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพท่านก็ใจดีมีปัญญา แต่ก็ไม่เทียบพระพุทธเจ้าในเรื่องของปัญญา เพราะพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพุทธบารมีมา 20 อสงไขยแสนมหากัป นับเวลาเป็นหลายล้านชาติ ทรงละกิเลสได้พร้อมทั้งวาสนา อย่างพระสารีบุตรท่านบำเพ็ญสาวกบารมี ท่านละกิเลสได้ แต่ละวาสนาไม่ได้ ความเคยชินบางอย่างเมื่อตอนที่เสวยชาติเป็นวานรมาหลายชาติ ยังมีนิสัยกระโดดโลดเต้นเหมือนกับว่านอน เป็นบางครั้งบางคราวอยู่ ให้เราเข้าใจ คนเราเกี่ยวข้องกับอะไร มันก็เคยชิน มันติดนิสัย เหมือนเป็นลูกของใคร รับดีเอ็นเอและอุปนิสัยทางกายวาจากิริยามารยาทมาด้วย ซึ่งแทรกซึมอยู่
"วาสนา" วาสน + อา = วาสนา แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่อยู่ในจิต, สิ่งอันเขาบ่มเพาะมา” ในภาษาไทย คำว่า วาสนา มีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นอำนาจบุญเก่า หรือกุศลที่ทำให้ได้รับลาภยศ.
วาสนา จึงเป็นกิริยาอาการหรือลักษณะการพูดจาเป็นต้น ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษหรือเฉพาะตัวของบุคคล ซึ่งเกิดจากกิเลสบางอย่าง และได้สั่งสมอบรมมาเป็นเวลานานจนเคยชินติดเป็นพื้นประจำตัว แม้จะละกิเลสนั้นได้แล้ว แต่ก็อาจจะละอาการกายวาจาที่เคยชินไม่ได้ ซึ่งนอนเนื่องอยู่ในจิตหรือได้สั่งสมอบรมมาเป็นเวลานาน ถึงข้ามภพข้ามชาติ จนเคยชินติดเป็นพื้นนิสัยประจำตัวและแก้ไม่หายทั้งๆ ที่จิตเจตนามิได้ต้องการเป็นเช่นนั้น เช่น กิริยาเรียบร้อยหรือหลุกหลิก คำพูดกระโชกโฮกฮากหรือนุ่มนวล คำติดปากที่หยาบหรือสุภาพ เป็นต้น เหล่านี้คือความหมายของ “วาสนา” ในบาลี
ในทางธรรม “วาสนา” เป็นส่วนที่แนบอยู่กับ “กิเลส”
กิเลส อุปมาเหมือนพญามาร วาสนา อุปมาเหมือนเสนามาร
พระอริยบุคคลตัดกิเลสได้ตามภูมิชั้น จนถึงพระอรหันต์ตัดกิเลสหมดสิ้น แต่ตัดวาสนาได้ไม่หมดทุกอย่าง พระอรหันต์บางองค์มีกิริยาหลุกหลิก บางองค์พูดคำหยาบติดปาก ทั้งนี้ไม่มีผลเป็นดีเป็นชั่วสำหรับตัวท่านเพราะไม่ใช่เกิดจากกิเลส แต่เกิดจาก “วาสนาที่ตัดไม่ขาด”
ท่านขยายความว่า วาสนาที่เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตคือเป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่วก็มี ที่เป็นกุศลกับอัพยากฤตนั้น ไม่ต้องละๆ
แต่ที่เป็นอกุศลซึ่งควรจะละนั้น แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่จะเป็นเหตุให้เข้าถึงอบาย กับส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดอาการแสดงออกทางกายวาจาแปลกๆ ต่างๆ
ส่วนแรก พระอรหันต์ทุกองค์ละได้ แต่ส่วนหลัง พระพุทธเจ้าเท่านั้นละได้ พระอรหันต์อื่นละไม่ได้ จึงมีคำกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเท่านั้นละกิเลสทั้งหมดได้พร้อมทั้งวาสนา
การอบรม จนเป็นนิสัย อุปนิสัย จำต้องอบรมบ่อยๆ จนอยู่ตัว เหมือนอย่างกระดาษที่ม้วนจนอยู่ตัว จับคลี่ออกปล่อยมือก็ม้วนกลับเข้าไปเอง ความอยู่ตัวนี้เรียกว่า "วาสนา" มีทั้งทางชั่วและทางดีเช่นเดียวกัน การอบรม จนเป็นวาสนา เป็นนิสัย อุปนิสัย แสดงออกเป็นอัธยาศัย แล้วแสดงออกเป็นเจตนากรรมดังกล่าวมานี้ อาศัยเสวนาการซ่องเสพบ่อยๆ เป็นสำคัญ ฉะนั้นพระบรมศาสดาจึงตรัสไว้ในมงคลสูตรเป็นข้อต้นว่า
"อเสวนา จ พาลานํ การไม่ซ่องเสพ คบหาคนพาล
ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา การซ่องเสพ คบหาบัณฑิต"
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ยํ เว เสวติ ตาทิโส : คบคนใดย่อมเป็นเช่นคนนั้น"
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเรา เราเป็นมนุษย์ เราเป็นผู้ประเสริฐ ต้องเข้าสู่ความเป็นพระได้ทุกคน เพราะความเป็นพระนั้นเป็นสากล ฆราวาสก็เป็นพระได้มีฆราวาสธรรมเอาธรรมนำชีวิต นักบวชก็เป็นพระได้ทุกคน ใครคิดดีๆ พูดดีๆ กระทำดีๆ ประกอบด้วยปัญญา ทุกคนก็เป็นพระได้ ไม่ต้องไปหลงงมงายเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้น จะไม่ได้เป็นพระ ไม่ได้เป็นพระศาสนา ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไมรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ พระพุทธองค์จึงได้ทรงวางหลักการไว้ เพราะเพราะลูกศิษย์ของท่าน สาวกของท่านมีหลายเหล่า อย่างพระอรหันต์ก็มี 4 ประเภท ได้แก่
1. พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก พระอรหันต์ประเภทแรกนี้คือผู้ที่จิตหลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง แต่ไม่ประกอบด้วยฤทธิ์หรือมีอภิญญามีคุณวิเศษอย่างอื่น คือแม้จิตหลุดพ้นแล้ว แต่อาจไม่มีทิพจักขุ คือไม่มีตาทิพย์ ไม่เห็นนรกสวรรค์ ไม่เห็นภพภูมิอันลี้ลับที่ท่านพรรณนาไว้ แต่คุณธรรมภายในคือความบริสุทธิ์สะอาดภายในดวงจิตของท่านก็ไม่ด้อยกว่าพระอรหันต์ประเภทอื่นแต่อย่างใด
2. พระอรหันต์เตวิชโช พระอรหันต์ประเภทที่สองนี้ เป็นผู้มีคุณวิเศษประดับ คือนอกจากจะบรรลุธรรมชั้นสูงสุดแล้วยังประกอบด้วยวิชชาสามคือ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้ในการระลึกชาติก่อนได้ จุตูปปาตญาณ การรู้ว่าคนหรือสัตว์ตายแล้วไปไหน หรือรู้ว่าก่อนมาเกิดเป็นคนหรือสัตว์ในชาตินี้เคยเกิดเป็นอะไรมาก่อน และอาสวักขยญาณ ความรู้ในการสิ้นอาสวะกิเลส นี้คือพระอรหันต์เตวิชโช
3. พระอรหันต์ฉฬภิญโญ พระอรหันต์ผู้บรรลุอภิญญาหก พระอรหันต์ประเภทนี้ได้คุณวิเศษพิเศษยิ่งกว่าประเภทที่สองข้างต้น กล่าวคือ เมื่อบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ดับกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานแล้ว ยังได้คุณวิเศษอย่างอื่นด้วยดังนี้คือ
พระอรหันต์ฉฬภิญโญ คือบรรลุอภิญญาหกนี้ มีอานุภาพมากในการสร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้แก่ผู้คน เรียกกันโดยทั่วไปว่า “พระผู้ทรงอภิญญา” พระอรหันต์ประเภทนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยู่ปะปนคลุกคลีกับผู้คน เพราะปุถุชนจิตที่มืดมัวด้วยกิเลสอาจล่วงเกินท่านได้ง่าย จะเกิดบาปกรรมแก่พวกเขาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะจิตของท่านมักทรงอยู่ในฌานสมาบัติ ไม่ค่อยรับรู้สมมุติหรือกฎเกณฑ์ของสังคมชาวโลก คนจะไม่เข้าใจเพราะท่านมักทำอะไรแผลงๆ ท่านจึงมักหลีกเร้นอยู่ในป่า ในถ้ำ หลีกเร้นจากผู้คน เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญในการจรรโลงพระศาสนา ท่านจึงจะออกมาช่วยเหลือศาสนาในมิติต่างๆ
4. พระอรหันต์ปฏิสัมภิทัปปัตโต พระอรหันต์ประเภทที่สี่นี้คือพระอรหันต์ชั้นยอด เป็นผู้บรรลุพระอรหันต์แล้ว มีความแตกฉานในอรรถในธรรม สามารถแสดงธรรมให้ผู้อื่นได้เข้าถึงธรรมหรือบรรลุตามได้ เป็นการสืบทอดพระศาสนาอย่างแท้จริง พระพุทธองค์จึงทรงยกย่องว่าเป็นพระอรหันต์ที่ยอดเยี่ยมกว่าพระอรหันต์ทั้งปวง แต่ก็เป็นประเภทที่หาได้ยากและมีน้อยมากที่จะมีพระอรหันต์ประเภทปฏิสัมภิทัปปัตโต
ตามที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า แม้จะเป็นพระอรหันต์มีจิตหลุดพ้นจากสรรพกิเลสแล้ว คุณวิเศษของแต่ละองค์ยังแตกต่างกันไป ตามการสั่งสมบารมีมาของแต่ละองค์ บางองค์อาจหมดสิ้นกิเลสแต่ไม่เคยเห็นเทพบุตรเทพธิดาและสิ่งลี้ลับ บางองค์รู้เห็นอะไรมากมายแต่ก็ไม่มีความสามารถแสดงธรรม บางองค์ได้ทั้งหูทิพย์ตาทิพย์หรือระลึกชาติได้ บางองค์มีบารมียิ่งใหญ่ สามารถแสดงธรรมและประกาศพระศาสนาได้กว้างไกล บางองค์แม้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็อยู่เงียบๆ เหมือนพระธรรมดาไม่เป็นที่รู้จักของใครๆก็มี นี้คือวาสนาและบารมีที่สั่งสมมาแตกต่างกันไปของพระอรหันต์แต่ละองค์ แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ความยิ่งใหญ่ที่เสมอกันก็คือ การดับกิเลสและพ้นทุกข์สิ้นเชิงตลอดสาย ข้ามพ้นวัฏฏสงสารได้เด็ดขาด
พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักพระธรรมวินัยเป็นคำสั่งคำสอน ประมวลรวมเป็น 84,000 พระธรรมขันธ์ ที่เหมือนใบไม้ในกำมือ เอาแค่นี้ก็พอ เป็นหลักการประพฤติปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ เพราะทุกอย่างในโลกนี้ มองไปไหนก็มีแต่ธรรมะทั้งนั้นเลย ไม่สามารถจะเข้าใจได้ทั้งหมด แต่เอาเฉพาะแนวทางที่เป็นหลักประพฤติปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ก็เพียงพอ ให้เราเข้าใจ อย่าไปทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เพราะการทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย 3 อาทิตย์ขึ้นไปมันก็จะเป็นความเคยชิน เป็นเหมือนชิฟที่ฝังอยู่ในเมมโมรี่คือสัญญาขันธ์ เหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ตามผลการวิจัยเป็นอย่างนั้น การประพฤติการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ท่านถึงให้เจริญสติให้เจริญปัญญา เพื่อเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา 3 อาทิตย์ขึ้นไปก็ได้ผล หัวไม่ดีก็ทำได้หัวดีก็ทำได้ คนที่ทำไม่ได้ ก็คือคนที่หัวเสียสมองเสียวิกลจริต
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายนะ เป็นผู้ที่ประเสริฐเกิดมาเป็นทั้งคนดีคนมีปัญญา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราเข้าสู่การปฏิบัติดีคือสุปฏิปันโน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงทางปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ชีวิตของเราก็ดำเนินด้วยพระธรรมพระวินัย ให้ชีวิตมีพระนิพพานเป็นทางเดิน ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงจะเข้าถึงธรรมเข้าถึงการบรรลุธรรม ยกเลิกตัวตน เป็นผู้เอาธรรมนำชีวิต เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี ไม่ต้องไปหาพระนิพพานที่ไหน ให้เรารู้ให้เราเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติเพื่อสงบอบอุ่นเย็นเป็นพระนิพพาน
โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อรับชมบันทึกเทปในงาน
YouTube: https://youtu.be/oWNJrj2L0As [01:11:08]
[ ขอบคุณวีดีโอจากYouTube หอจดหมายเหตุพุทธทาส
คลิก https://www.youtube.com/@buddhadasaarchives]
โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อฟังธรรม
YouTube: https://youtu.be/lS7jWDB96m8 [52:01]
Blockdit: https://www.blockdit.com/posts/6739b9e540f3d1dc9fb58a29 [52:00]
Pagoda: https://pagoda.or.th/lp-kanha/2024-11-17-13-43-32.html [52:00]
Google Drive: https://drive.google.com/file/d/1vVHWo4j1tm5v7cUl570OGL1Vlca9zdu8/view?usp=drive_link [52:00]
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee