...นิพพานก็ไม่เป็นอัตตา ขันธ์ ๕ ก็ไม่เป็นอัตตา ไม่ได้มีอัตตาแท้จริงอยู่ที่ไหนทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าขันธ์ ๕ เป็นไป จะมีอัตตาขึ้นมา ไม่ได้มีอัตตาที่จะเกิดขึ้นและดับสลายไป อัตตาไม่มี มีแต่การยึดถือว่ามีอัตตา คืออัตตามีอยู่เพียงในการยึดถือ เมื่อหมดการยึดถือ การยึดถือหายไป อัตตาที่ไม่มี ก็ไม่มีไปตามเดิมภาพอัตตาก็หายไป เพราะฉะนั้น คำว่า “อัตตา” นี้ ในบาลี เมื่อแปลลึกลงไป จึงหมายถึงการยึดถืออัตตา เช่น ในพุทธพจน์ที่ตรัสเรียกพระอรหันต์ว่าเป็น “อัตตัญชโห” แปลแค่ตามรูปศัพท์ว่า “ผู้ละอัตตา” แต่ความหมายคือ “ผู้ละไร้ความยึดถืออัตตา” เพราะไม่มีอัตตาที่จะไปละ เมื่อละความยึดถืออัตตาได้ อัตตาที่ไม่มีอยู่แล้วก็หมดภาพที่สร้างใส่ให้ไว้แก่ชื่อของมัน ภาพอัตตาที่ยึดไว้ถือมาก็ลับตาหายไป...