แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
บัดนี้จักแสดงปาฐกถาธรรม เรื่อง ความตาย เพื่อผู้ที่ไม่กลัวที่จะฟังเรื่องนี้ฟังแล้วจะเกิดความไม่กลัวตาย กล้าตายและได้คติธรรมที่ดีจากคติธรรมดาของบุคคลและสัตว์ทั่วโลกในเรื่องนี้ อีกเป็นอันมาก (ในไฟล์เสียงไม่มีประโยคเหล่านี้) ได้มีพุทธศาสนสุภาษิตว่า “ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล ทั้งบัณฑิต ล้วนไปสู่อำนาจแห่งความตาย ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า”
แทบทุกคนเคยได้รับรู้ความหมายของข้อความนี้อยู่ตลอดมาแล้ว แทบทุกคนเคยพูดออกจากปากตนเองมาแล้ว (นับครั้งไม่ได้) แม้จะไม่ตรงเป็นคำๆ แต่ก็มีความหมายตรงกัน
ทุกคนมีความรู้อยู่แก่ใจ ว่าทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ไม่มีสักคนเดียวที่จะหนีความตายพ้น (และ) ทุกคนมีความได้เปรียบอยู่ประการหนึ่งที่มีความรู้นี้ติดตัวติดใจอยู่ แต่ (แทบ) ทุกคนก็มีความเสียเปรียบอยู่ประการหนึ่ง ที่ไม่เห็นค่า ไม่เห็นประโยชน์ของความรู้นี้ จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร ปล่อยปละละเลย รู้จึงเหมือนไม่รู้ สิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์จึงเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า
ความรู้ว่าทุกคนเกิดมาแล้วต้องตายเป็นสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ แม้ใส่ใจในความรู้นี้ให้เท่าที่ควร ก็จะสามารถนำให้เกิดคุณ (เกิด) ประโยชน์แก่ตนเองได้มหาศาล (ยากจะหา) ประโยชน์ใดอาจเปรียบได้ ปราชญ์ทางพุทธศาสนาทั้งหลาย สอนให้หัดตายก่อนถึงเวลาตายจริง ท่านสอนให้หัดตายไว้เสมอ อย่างน้อยก็ควรวันละครั้งๆ ละห้านาที สิบนาทีเป็นอย่างน้อย
การหัดตายนั้น บางพวกบางคนน่าจะเริ่มโดยหัดคิดถึงสภาพเมื่อตนกำลังจะถูกประหัตประหารให้ถึงตาย คิดให้ลึกซึ้งถึงความกลัวตายของตนในขณะนั้น แล้วก็คิดจนถึงเมื่อต้องถูกประหัตประหารถึงตายจนได้ แม้จะกลัวแสนกลัว แม้จะพยายามกระเสือกกระสนช่วยตนเองให้รอดพ้นอย่างไรก็หารอดพ้นไม่ ต้องตายด้วยความทรมานทั้งกายทั้งใจ การหัดตายด้วยเริ่มตั้งแต่ความกลัวตายอย่างทารุณโหดร้ายเช่นนี้ มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจจักสามารถอบรมบ่มนิสัย แม้ที่เหี้ยมโหดอำมหิตปราศจากเมตตากรุณาต่อชีวิตร่างกายผู้อื่น สัตว์อื่นให้เปลี่ยนแปลงได้ ความคิดที่จะประหัตประหารเขาเพื่อผลได้ของตนจักเกิดได้ยาก หรือจักเกิดไม่ได้เลย
การพยายามหัดให้รู้สึกหวาดกลัวการถูกประหัตประหารผลาญชีวิตตนนั้น เมื่อทำไว้เสมอ ก็จะเกิดผลเป็นความเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่จะต้องหวั่นกลัวเช่นเดียวกัน ความเมตตาปราณีชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นก็จะเกิดได้แม้จะไม่เคยเกิดมาก่อน ซึ่งก็เป็นการเมตตาปราณีชีวิตตนเองพร้อมกันไปด้วยอย่างแน่นอน ผู้ประหัตประหารเขาแม้จะได้สิ่งที่มุ่งได้ แต่ผลที่แท้จริงอันจะเกิดจากกรรมคือการประหัตประหารที่ได้ประกอบกระทำลงไปนั้น จะเป็นทุกข์โทษแก่ผู้กระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กรรมนั้นให้ผลสัตย์ซื่อนัก เหมือนผลของยาพิษร้าย กรรมนั้นเมื่อทำแล้วก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไปแล้ว จะไม่เกิดผลแก่ชีวิตและร่างกายไม่มี ถ้าเป็นกรรมดีก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จักให้ผลชั่ว เราเป็นพุทธศาสนิกนับถือพระพุทธศาสนา พึงมีปัญญาเชื่อให้จริงจังถูกต้องในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม จักเป็นสิริมงคล เป็นความสวัสดีแก่ตนเอง ยุคนี้สมัยนี้น่าจะง่ายพอสมควร สำหรับจะนึกให้กลัวการถูกประหัตประหารถึงชีวิตเพราะเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นแก่ใครต่อใครไม่ว่างเว้น อาจจะเกิดแก่เราเองวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้ หัดคิดไว้ก่อนจึงเป็นการเตรียมพร้อมที่จะไม่ปราศจากเหตุผล แต่เป็นความไม่ประมาท ความตายเกิดขึ้นได้แก่ทุกคนทุกแห่งทุกเวลา
พุทธศาสนสุภาษิตกล่าวว่า “เมื่อสัตว์จะตายไม่มีผู้ป้องกัน จะอยู่ในอากาศ อยู่กลางสมุทร เข้าไปสู่หลืบเขา ก็จะไม่พ้นจากมฤตยูได้” ประเทศคือดินแดนที่มฤตยูจะไม่รุกรานผู้อยู่ไม่มี เราจะถูกมฤตยูรุกรานเมื่อไรที่ไหน เราไม่รู้ หายใจออกครั้งนี้แล้วอาจจะไม่หายใจเข้าอีก เมื่อถึงเวลาจะต้องตาย ไม่มีผู้ใดจะผัดเพี้ยนได้ ไม่มีผู้ใดจะช่วยได้ เพราะเมื่อสัตว์จะตายไม่มีผู้ป้องกันและความผัดเพี้ยนกับมฤตยูอันมีกองทัพใหญ่นั้นไม่ได้เลย
ทุกย่างก้าวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครอยู่แห่งหนตำบลใด นำไปถึงมือมฤตยูได้ ผู้ร้ายก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยู ทั้งที่ถุงใส่เงินแสนเงินล้านที่ไปปล้นจี้เขายังอยู่ในมือ ไม่ทันได้ใช้ ไม่ทันได้เก็บเข้าบัญชีสะสมเพื่อความสมปรารถนาของตน นักการเมืองไม่ว่าเล็กไม่ว่าใหญ่ ก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยูในขณะกำลังเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ใช้หัวคิดทุ่มเทเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดของตน ผู้ที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขกับครอบครัว เคี้ยวข้าวอยู่ในปากแท้ๆ ก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยูโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผู้เหินฟ้าอยู่บนเครื่องบินใหญ่โตมโหฬารราวกับตึก ก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยูโดยไม่คาดคิด ผู้โดยสารเรือเดินสมุทรใหญ่ก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยูพร้อมกันมากมายหลายร้อยชีวิต นักไต่เขาผู้สามารถก็เคยหายสาบสูญในขณะกำลังไต่เขาโดยตกเข้าไปอยู่ในมือมฤตยู
ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาคือผู้มีปัญญา ท่านสอนให้เร่งอบรมมรณสติ นึกถึงความตาย หัดตายก่อนตายจริง จุดมุ่งหมายสำคัญของการหัดตาย ก็คือเพื่อจะปล่อยใจจากสิ่งทั้งหลายก่อนที่จะถูกความตายบังคับให้ปล่อย กิเลสเครื่องเศร้าหมอง ตัณหาความดิ้นรนทะยานอยาก อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายทั้งปวง หัดใจให้ปล่อยเสียพร้อมกับหัดตาย สิ่งอันเป็นเหตุให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้เกิดตัณหาอุปาทาน หัดละเสีย ปล่อยเสีย พร้อมกับหัดตายซึ่งจะมาถึงเราทุกคนเข้าจริงได้ทุกวินาที
อันความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาอุปาทานนั้น บางครั้งบางคราวก็ทำให้ผู้ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหลาย ได้รับวัตถุตอบสนองสมปรารถนา เช่นผู้มีความโลภอยากได้ข้าวของทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น บางครั้งบางคราวก็อาจขอเขา โกงเขา ลักขโมยเขา ได้สิ่งที่โลภอยากได้มาเป็นสมบัติของตนสมปรารถนา หรือผู้มีความโกรธอยากว่าร้ายเขา อยากทำร้ายร่างกายเขา บางครั้งบางคราวก็อาจทำได้สำเร็จสมใจ แต่ถ้าตกอยู่ในมือมฤตยูแล้ว เป็นคนตายแล้ว แม้จะยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาอุปาทานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจิตใจ จะไม่สามารถใช้กิเลสกองใดกองหนึ่งให้เกิดผลสนองความปรารถนาต้องการได้เลย ผู้มีความโลภที่ตายแล้วไม่อาจขอเขา ลักขโมยเขาได้ หรือผู้มีความโกรธที่ตายแล้ว ก็ไม่อาจว่าร้ายเขา ทำร้ายเขาได้ กล่าวได้ว่าแม้ใจของผู้ที่ตายจะยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาอุปาทานอยู่มากมายเพียงไร ก็จะไม่สามารถก่อให้เกิดผลดีอันเป็นคุณแก่ตนหรือแก่ผู้ใดได้เลย มีแต่ผลร้ายเป็นโทษสถานเดียวจริง
กิเลสเป็นคุณแก่ผู้ตายไม่ได้แต่เป็นโทษแก่ผู้ตายได้ เมื่อลมหายใจออกจากร่างกายไม่กลับเข้าอีกแล้ว สิ่งที่เป็นนาม แลไม่เห็นด้วยสายตา เช่นเดียวกับลมหายใจ คือจิตก็จะออกจากร่างนั้นด้วย จิตจะออกจากร่างโดยคงสภาพเดิม คือพร้อมด้วยกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวงที่มีขณะจิตยังอยู่ในร่าง คือยังเป็นจิตของคนเป็น คนยังไม่ตาย พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า “ผู้ละโลกนี้ไปในขณะจิตที่เศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้” กิเลสทั้งปวงเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต จิตที่มีกิเลสเป็นจิตที่เศร้าหมอง กิเลสมากจิตก็เศร้าหมองมาก กิเลสน้อยจิตก็เศร้าหมองน้อย จิตที่มีกิเลสเศร้าหมอง เมื่อละจากร่างไปสู่ภพภูมิใดก็จะคงกิเลสนั้นอยู่ คงความเศร้าหมองนั้นอยู่ ภพภูมิที่ไปจึงเป็นทุคติ คติที่ชั่ว คติที่ไม่ดี มากน้อยหนักเบาตามกิเลสความเศร้าหมองของจิต
คำว่า “จิตเศร้าหมอง” มิได้หมายถึงจิตที่หดหู่อยู่ด้วยความเศร้าโศกเสียใจเท่านั้น จิตเศร้าหมอง หมายถึงจิตที่ไม่บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว คือเศร้าหมองอยู่ด้วยกิเลส จิตมีกิเลสมากก็เศร้าหมองมาก จิตมีกิเลสน้อยก็เศร้าหมองน้อย
อันกิเลสกองหลงหรือโมหะนั้นเป็นกองใหญ่กองสำคัญ เป็นเหตุแห่งราคะหรือโลภะ และโทสะ
ความหลงหรือโมหะ คือความรู้สึกที่ไม่ถูก ความรู้สึกที่ไม่ชอบ ความรู้สึกที่ไม่ควร คนมีโมหะคือคนหลง ผู้มีความรู้สึกไม่ถูก ไม่ชอบ ไม่ควรทั้งหลาย คือคนมีโมหะ คือคนหลง เช่น หลงตน หลงคน หลงอำนาจ เป็นต้น
คนหลงตนเป็นคนมีโมหะ มีความรู้สึกที่ไม่ถูกไม่ควรไม่ชอบในตนเอง คนหลงตนจะมีความรู้สึกว่า ตนเป็นผู้มีความดี ความสามารถความวิเศษเหนือใครทั้งหลายเกินความจริง เป็นความรู้สึกในตนที่ไม่ถูก ไม่ควร ไม่ชอบ เมื่อมีความรู้สึกอันเป็นโมหะ ความหลง ราคะหรือโลภะและโมหะ(โทสะ)ก็จะเกิดตามมาได้โดยไม่ยาก เมื่อหลงตนว่าดีวิเศษเหนือคนทั้งหลาย ความโลภให้ได้มาซึ่งสิ่งอันสมควรแก่ความดี ความวิเศษของตนย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ความโกรธด้วยไม่ต้องการให้ความดีความวิเศษนั้นถูกเปรียบหรือถูกลบล้าง ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ผู้หลงคนเป็นผู้มีโมหะ มีความรู้สึกที่ไม่ถูก ไม่ชอบ ไม่ควรในคนทั้งหลาย ผู้หลงคนจะมีความรู้สึกว่า คนนั้นคนนี้ที่ตนหลงมีความสำคัญ มีความดี วิเศษเหนือคนอื่น เกิดความมุ่งหวังเกี่ยวกับความสำคัญ ความดี ความวิเศษ ของคนนั้นคนนี้
ความมุ่งหวังนั้นเป็นโลภะ และเมื่อมีความหวัง ก็ย่อมมีได้ทั้งความสมหวังและความผิดหวังเป็นธรรมดา ความผิดหวังนั้นเป็นเหตุแห่งโทสะ
ผู้หลงอำนาจเป็นผู้มีโมหะ มีความรู้สึกที่ไม่ถูก ไม่ชอบ ไม่ควรในอำนาจที่ตนมี ผู้หลงอำนาจจะมีความรู้สึกว่า อำนาจที่ตนมีอยู่นั้นยิ่งใหญ่เหนืออำนาจทั้งหลายเกินความจริง เป็นความรู้สึกที่ไม่ถูก ไม่ชอบ ไม่ควร ผู้หลงอำนาจของตนว่ายิ่งใหญ่เหนืออำนาจทั้งหลาย ย่อมเกิดความเหิมเห่อทะเยอทะยานในการใช้อำนาจนั้นให้เกิดผลเสริมอำนาจของตนให้ยิ่งขึ้น ความรู้สึกนี้จัดเป็นโลภะ และแม้ไม่เป็นไปดังความเหิมเห่อทะเยอทะยาน ความผิดหวังนั้นก็จะเป็นเหตุแห่งโทสะ ผู้ที่มีโมหะมาก คือผู้มีความหลงมาก มีความรู้สึกที่ไม่ถูก ไม่ชอบ ไม่ควรในตน ในคน ในอำนาจมาก ย่อมปฏิบัติผิดได้มาก ก่อทุกข์โทษภัยให้เกิดได้มาก ทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้อื่น ทั้งแก่ส่วนน้อยและแก่ส่วนใหญ่ รวมถึงแก่ประเทศชาติ ศาสนา มหากษัตริย์
บุคคลผู้มีโมหะมาก หลงตนมาก จัดเป็นพวกมีกิเลสมาก จิตเศร้าหมองมาก จะเป็นผู้ขาดความอ่อนน้อมแม้แต่ต่อผู้ควรอย่างยิ่งที่จะได้รับความอ่อนน้อม บุคคลเหล่านี้เมื่อละโลกนี้ไปในขณะที่ยังไม่ได้ละกิเลสคือโมหะให้น้อย จิตย่อมเศร้าหมอง ย่อมไปสู่ทุคติ ทุคติของผู้หลงตนจนไม่มีความอ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อมอย่างยิ่ง คือจะเกิดในตระกูลต่ำ ตรงกันข้ามกับผู้รู้จักอ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อมที่จะไปสู่สุคติ คือจะเกิดในตระกูลสูง เป็นเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมที่เที่ยงแท้
ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จักได้รับผลของกรรมนั้น ทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว ทำเช่นใดจักได้เช่นนั้น การไม่อ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อมเป็นกรรมไม่ดี การเกิดในตระกูลต่ำเป็นผลของกรรมไม่ดี เป็นผลที่ตรงตามเหตุแท้จริง ผู้ที่เกิดในตระกูลต่ำปรกติย่อมไม่ได้รับความอ่อนน้อมจากคนทั้งหลาย ส่วนผู้ที่เกิดในตระกูลสูงปรกติย่อมได้รับความอ่อนน้อมที่ผู้เกิดในตระกูลสูงมีปรกติได้รับนั้น เป็นผลที่เกิดจากเหตุอันเป็นกรรมดีคือความอ่อนน้อม
ผู้มีปัญญาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา หัดตายก่อนที่จะตายจริง หัดปล่อยใจจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง พร้อมกับการหัดตายก่อนที่จะถูกความตายมาบังคับให้เป็นไป
การหัดตายที่ปราชญ์ในพระพุทธศาสนาท่านแนะนำ คือการหัดอบรมความคิด สมมติว่าตนเองในขณะนั้นปราศจากชีวิตแล้ว ตายแล้ว เช่นเดียวกับผู้ที่ตายแล้วจริงทั้งหลาย คิดให้เห็นชัดว่าเมื่อตายแล้วตนจะมีสภาพอย่างไร ร่างที่เคยเคลื่อนไหวได้ก็จะทอดนิ่ง อย่าว่าแต่เพียงจะลุกขึ้นไปเก็บรวบรวมเงินทองข้าวของที่อุตส่าห์สะสมไว้เพื่อนำไปด้วยเลย แม้จะเขยิบให้พ้นแดดพ้นมดสักนิ้วสักคืบก็ทำไม่ได้ เมื่อมีผู้มายกนำไปยังที่ซึ่งเขากำหนดกันว่าเหมาะว่าควร ก็ไม่อาจขัดขืนโต้แย้งได้ แม้บ้านอันเป็นที่รักที่หวงแหนเขาก็จะไม่ให้อยู่ จะยกไปวัด เคยนอนบนฟูกบนเตียงในห้องกว้าง ประตูหน้าต่างเปิดโปร่ง เขาก็จะจับลงไปในโลงศพที่แคบทึบ ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง ตีตะปูปิดสนิทแน่นไม่ให้มีแม้แต่ช่องลมและอากาศ จะร้องก็ไม่ดัง จะประท้วงหรืออ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ ไม่มีใครสนใจ
สามี ภรรยา มารดา บิดา บุตร ธิดา ญาติสนิทมิตรทั้งหลายที่เคยรักใคร่ห่วงใยกันนักหนา ก็ไม่มีใครมาอยู่ด้วยแม้สักคน อย่าว่าแต่จะเข้าไปนั่งไปนอนในโลงศพด้วยเลย แม้แต่จะนั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่ข้างโลงทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่มีใครยอม บ้านเรือนใครก็จะพากันกลับคืนหมด ทิ้งไว้แต่ลำพังในวัดที่อ้างว้าง มีศาลาตั้งศพ มีเมรุเผาศพ มีเชิงตะกอน มีศพที่เผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้วบ้าง ยังไม่ได้เผาบ้าง มากมายหลายศพ
ทีนี้เมื่อยังไม่ตาย เราเคยกลัวเคยรังเกียจ แต่เมื่อตายเราก็หนีไม่พ้น เรามีอะไรหรือในขณะนั้น เราไม่มีอะไรเลย มือเปล่าเกลี้ยงเกลาไปทั้งเนื้อทั้งตัว เงินสักบาท ทองสักเท่าหนวดกุ้งก็ไม่มีติด มีแต่ตัวแท้ๆ เขาไม่ได้แต่งเครื่องเพชรเครื่องทองของมีค่า หรือมอบกระเป๋าใส่เงินใส่ทองให้เลย อย่างดีก็มีเพียงเสื้อผ้าที่เขาเลือกสวมใส่แต่งศพให้ไปเท่านั้น ซึ่งไม่กี่วันก็จะชุ่มเลือด ชุ่มน้ำเหลืองที่ไหลจากตัว มีใครเล่าจะมาเปลี่ยนชุดใหม่ให้ทั้งๆ ที่สะสมไว้มากมายหลายสิบชุด ล้วนเป็นที่ชอบอกชอบใจว่าสวยว่างาม โอกาสที่จะได้ใช้เงิน ใช้เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องเพชรเครื่องทองเหล่านั้นสิ้นสุดลงแล้วพร้อมกับลมหายใจ พร้อมทั้งชีวิตที่สิ้นสุดนั้นเอง ไม่คุ้มกันเลยกับความเหนื่อยยาก แสวงหามาสะสมโดยไม่ถูก ไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง ที่เป็นบาป เป็นอกุศล เป็นการเบียดเบียนก่อทุกข์ก่อภัยให้ผู้อื่น
หัดให้เห็นร่างกายของตนที่ตายแล้วขึ้นอืดอยู่ในโลง เริ่มปริ เริ่มแตก มีน้ำเลือด น้ำหนองไหลออกทุกขุมขน เส้นผมเปียกแฉะด้วยเลือดด้วยหนอง ลิ้นที่เคยอยู่ในปากเรียบร้อยก็หลุดออกมาจุก นัยน์ตาถลนเหลือกลาน รูปร่างหน้าตาของตนเองขณะนั้น อย่าว่าแต่จะให้ใครอื่นจำได้เลย แม้ตนเองก็จำไม่ได้ อย่าว่าแต่จะให้ใครอื่นไม่รังเกียจสะดุ้งกลัวเลย แม้แต่ตัวเองก็ต้องยากจะห้ามความรู้สึกนั้น ผิวพรรณที่อุตสาหะพยายามถนอมรักษาให้งดงามเจริญตาเจริญใจ ใส่หยูกยา เครื่องอบ เครื่องลูบไล้ เครื่องประทิน อันมีกลิ่นมีคุณค่าราคาแพงทั้งหลาย มีลักษณะตรงกันข้ามกับความปรารถนาอย่างสิ้นเชิงเมื่อความตายมาถึงเมื่อความตายมาถึง ไม่มีผู้ใดจะสามารถถนอมรักษา ทะนุบำรุงร่างกายของเขาไว้ได้ แม้สมบัติพัสถานที่ควรแสวงหาไว้ระหว่างมีชีวิตจนเต็มสติปัญญาความสามารถแม้ด้วยเล่ห์กล เพื่อใช้ทะนุถนอม รักษา เชิดชู บำรุงตัวของเรา ก็ติดร่างไปไม่ได้เลย
เป็นจริงดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า “ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้” ให้ความสุข ความสมบูรณ์ ความสะดวกสบาย ความปกป้องคุ้มกันร่างกายของคนตายไม่ได้ ต้องปล่อยให้ร่างนั้นผุพังเน่าเปื่อยคืนสู่สภาพเดิม เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ประจำโลกต่อไป ต้องตายตามพุทธศาสนสุภาษิตว่า “สัตว์ทั้งปวงจะทิ้งร่างไว้ในโลก” ผู้มีความเข้าใจว่า ตายแล้วจะไปเกิดเป็นอะไร สุขทุกข์อย่างไร เราไม่รับรู้ด้วยแล้ว จึงไม่มีความหมาย นี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เป็นโมหะที่สำคัญ ก็ที่เราเกิดเป็นนั่นเป็นนี่กันในชาตินี้ ทำไมเราจึงรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ ทั้งๆ ที่เราไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับชาติก่อนอย่างไร
พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีชาติในอดีตและชาติในอนาคต เชื่อว่าก่อนที่จะมาเกิดในชาตินี้ ได้เคยเกิดในชาติอื่นมาแล้ว และก็จะต้องเกิดในชาติหน้าต่อไปอีก ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ ถ้ายังทำกิเลสให้สิ้นไปไม่ได้ อย่าพลอยเป็นไปกับคนเป็นอันมากที่มีโมหะหลงเข้าใจผิดอย่างยิ่งว่าจบสิ้นความเป็นคนในชาตินี้แล้วก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับชาติต่อไป เพราะฉะนั้น ความสำคัญจึงอยู่ที่ควรแสวงหาความสุขความสมบูรณ์ให้ตนเองและให้เต็มที่ในชาตินี้ ผู้ใดมีโมหะหลงผิดเช่นนี้ จะสามารถทำความผิดร้ายได้ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ตน ทรยศคดโกงเบียดเบียน ทำร้ายแม้กระทั่งถึงชีวิตเขาก็ทำได้ เป็นการสร้างกรรมที่จะให้ผลแก่ตนเองแน่นอน คนจะต้องเสวยผล เสวยทุกขเวทนาทั้งในโลกนี้ และเมื่อละโลกนี้ไปแล้วตามกรรมของตน ต้องตามพุทธภาษิตว่า “กรรมของตนเองย่อมนำไปสู่ทุคติ”
ปราชญ์กล่าวว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก” ก็คือชีวิตในชาตินี้น้อยนัก ชีวิตในชาติข้างหน้ายาวนานไปไม่อาจประมาณได้ ชีวิตในภพข้างหน้าจะสิ้นสุดเมื่อไร ขึ้นอยู่กับความหมดจดจากกิเลสอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น เปรียบชีวิตข้างหน้ากับชีวิตนี้แล้ว ชีวิตนี้จึงน้อยนัก แม้รักตนจริง ก็ควรรักให้ตลอดไปถึงชีวิตหน้าข้างหน้าด้วย ไม่ใช่จะคิดเพียงสั้นๆ รักแต่ชีวิตนี้เท่านั้น หาความสมบูรณ์พูนสุขในชีวิตนี้ภายในขอบเขตที่ชอบ ที่ถูกทำนองคลองธรรมเถิด ผลแห่งกรรมทั้งในชาตินี้และชาติหน้าต่อๆ ไปก็จะต้องเสวยแน่ จะได้ไม่เป็นผลร้าย ไม่เป็นผลของบาปกรรมที่ให้ความทุกข์ มิได้ให้ความสุข
ชีวิตใครๆ ก็รัก ชีวิตเราๆ ก็รัก ชีวิตเขาๆ ก็รัก ความตายเรากลัว ความตายเขาก็กลัว ของๆ ใครๆ ก็หวง ของๆ เรา เราหวง ของๆ เขา เขาก็หวง จะลัก จะโกง จะฆ่า จะทำร้ายใครสักคน ขอให้นึกกลับกันเสียให้เห็นเขาเป็นเรา เราเป็นเขา คือเขาเป็นผู้ที่จะลัก จะโกง และจะฆ่า จะทำร้ายเรา เราเป็นเขา ผู้ที่จะถูกลัก ถูกโกง ถูกฆ่า ถูกทำร้าย ลองนึกเช่นนี้ให้เห็นชัดเจน แล้วดูความรู้สึกของเรา จะเห็นว่าที่เต็มไปด้วยโมหะนั้นจะเปลี่ยนเป็นเมตตากรุณา
ข่าวผู้พยายามป้องกันสมบัติของตนจนเสียชีวิตนั้นน่าสลดสังเวชยิ่งนัก หรือข่าวแม้ของผู้กำลังจะสิ้นชีวิตแล้ว แต่ก็ยังพยายามกระเสือกกระสนรักษาสมบัติมีค่าของตนที่ติดตัวอยู่ ก็น่าสงสารที่สุด พบข่าวเหล่านี้เมื่อไหร่ ขอให้นึกถึงใจคนเหล่านั้น อย่าคิดทำร้าย อย่าคิดเบียดเบียนกันเลย ทุกคนจะต้องตาย และจะตายในเวลาไม่นาน
ชีวิตของมนุษย์นี้จะยืนนานเกินร้อยปีก็ไม่มาก ทั้งยังเหลืออยู่ไม่ถึงร้อยปีอีกด้วย คนไม่ได้อายุยืนเพราะทรัพย์ จะทำทุกวิถีทางแม้ที่ชั่วโหดร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ทำไมเล่า ในเมื่อชีวิตดับสลายแล้ว ทุกสิ่งที่ชีวิตเคยครองก็ต้องสูญสลายพลัดพรากจากไป ทรัพย์ติดตามคนตายไปไม่ได้ แต่เหตุแห่งการแสวงหาทรัพย์โดยมิชอบซึ่งเป็นกรรมไม่ดีติดตามคนตายไปได้ ให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนแก่คนที่ตายไปแล้วได้ ทรัพย์จึงไม่ใช่สิ่งที่พึงแสวงหาโดยไม่คำนึงให้รอบคอบถึงความถูกความผิด ความควรความไม่ควร ทรัพย์ที่แสวงหาด้วยความโลภเป็นใหญ่ ได้ทำลายชีวิตและทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของใครต่อใครมาแล้วอย่างประมาณมิได้ ปรากฏให้เห็นอยู่ในชีวิตนี้ ความโลภโดยไม่มีขอบเขตนั้นเป็นทุกข์หนักนัก ทั้งโลภในลาภ ในทรัพย์ ในยศ ในชื่อเสียง ล้วนเป็นทุกข์หนักนักทั้งสิ้น ตนเองก็เป็นทุกข์ ทั้งยังแผ่ความทุกข์ไปถึงผู้อื่นอีกด้วยจึงเป็นกรรมไม่ดี
ถ้าทุกข์ร้อนเพราะความอยากได้ไม่สิ้นสุดในลาภในยศในชื่อ จะดับทุกข์ร้อนนั้นได้ด้วยทำกิเลสให้หมดจด ชีวิตในภพชาติข้างหน้าอันยาวนานนักหนาจะเป็นชีวิตดีมีสุขเพียงไรขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำไว้แล้วทั้งในอดีตชาติและในชาตินี้เป็นสำคัญ จะฉลาดนักถ้าไม่ลืมความจริงนี้ จะฉลาดที่สุดถ้าจะไม่มุ่งคำนึงถึงแต่ความสุขเฉพาะในชีวิตนี้หรือชีวิตหน้า แต่จะมุ่งคำนึงถึงว่าจะปฏิบัติอย่างไรให้เต็มสติปัญญาความสามารถ เพื่อไม่ต้องมีภพชาติข้างหน้าอีกต่อไป เพราะความเกิดเป็นความทุกข์แท้
ผู้ฉลาดมีสัมมาทิฏฐิความเห็นชอบ จะมุ่งมั่นเพียรอบรมสติ อบรมปัญญาให้สามารถทำลายกิเลส คือราคะหรือโลภะ โทสะ และโมหะให้หมดจด เพื่อพาตนให้พ้นได้จากความเกิดอันเป็นความทุกข์แท้แล
ขออำนวยพร