แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม
จะแสดงพระพุทธคุณบทว่าโลกวิทูผู้รู้โลก นำเป็นพุทธานุสสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าโดยพระคุณ พระอาจารย์ได้แสดงอธิบายพระพุทธคุณบทว่าโลกวิทูนี้ ว่าได้ทรงรู้แจ้งโลกโดยประการทั้งปวง คือโดยสภาวะ คือโดยสภาพ โดยสมุทัยคือเหตุเกิด โดยนิโรธคือความดับ และโดยนิโรธุปายะ หรือนิโรโธบาย คืออุบายอันได้แก่ทางที่จะนำเข้าไปสู่ความดับ
เรื่องของโรหิตัสสะเทพบุตร
ได้มีพระพุทธภาษิตตรัสถึงโรหิตัสสะเทพบุตร ซึ่งเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ได้ไปโดยเร็วในโลกนี้ เพื่อจะให้ถึงที่สุดโลก แต่ก็ต้องทำกาละกิริยาคือได้สิ้นชีวิตก่อน เป็นอันไม่ถึงที่สุดโลก พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า ที่สุดโลกอันเป็นที่ที่ไม่เกิดไม่แก่ไม่ตาย ไม่จุติคือเคลื่อน ไม่อุปบัติคือเข้าถึง เป็นที่ที่พระองค์ตรัสว่าไม่พึงรู้ ไม่พึงเห็น ไม่ถึงถึง ได้ด้วยการไปในที่ไหนๆ แต่ว่าหากไม่ถึงที่สุดแห่งโลก พระองค์ก็ตรัสว่าไม่พึงถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ และพระองค์ได้ตรัสว่า พระองค์ทรงบัญญัติโลก โลกสมุทัยเหตุเกิดโลก โลกนิโรธความดับโลก และโลกนิโรธคามินีปฏิปทาทางปฏิบัติให้ถึงความดับโลก ในกเฬวระคือในกายนี้ ที่ประมาณวาหนึ่ง มีสัญญา มีใจนี้ ดั่งนี้
โลกของพระพุทธเจ้า ตามเรื่องของโรหิตัสสะเทพบุตร และตามพระพุทธภาษิตที่ตรัส เป็นเครื่องส่องความให้เห็นว่า ได้ทรงรู้แจ้งโลกโดยประการทั้งปวงดังกล่าวมาข้างต้น คือโดยสภาวะหรือโดยสภาพ โดยสมุทัย โดยนิโรธ โดยอุบายคือทางปฏิบัติให้เข้าถึงนิโรธ อันความรู้โลกของพระพุทธเจ้า ตามที่พระอาจารย์ได้อธิบายอ้างพระพุทธภาษิตที่ตรัสเอาไว้ จึงเป็นอธิบายอันถูกต้อง เพราะมิได้อธิบายเอาเอง
และตามพระพุทธภาษิตที่ตรัสเล่าถึงโรหิตัสสะเทพบุตรนั้น เป็นเรื่องที่ตรัสเล่าถึงการไป เพื่อจะพบที่สุดโลก ในโลกภายนอกนี้เอง ซึ่งเทพบุตรไม่อาจจะถึงที่สุดโลก ต้องสิ้นชีวิตเสียก่อน คือต้องจุติ คือต้องเคลื่อนจากภาวะเป็นเทพไปเสียก่อน แต่พระพุทธภาษิตที่ตรัสแสดงเป็นเทศนาสั่งสอน ได้ทรงตรัสชี้เข้ามาถึงโลกในกเฬวระ คือในกายที่มีขนาดวาหนึ่งโดยส่วนสูงหรือโดยส่วนยาว ซึ่งมีสัญญาและมีใจนี้ เป็นการตรัสที่น้อมเข้ามาถึงขันธ์โลก โลกคือขันธ์ ๕ กายและใจอันนี้
และโดยที่ได้ตรัสว่าได้ทรงบัญญัติเรื่องโลก ก็ทรงบัญญัติในกเฬวระ คือในร่างกายที่มีสัญญามีใจนี้ ไม่ได้ทรงบัญญัติโลกในภายนอก ในคำสั่งสอนของพระองค์ และก็ตรัสว่าที่สุดโลก คือที่สุดโลกในภายในดังกล่าว ก็เป็นที่ที่ไม่เกิดไม่แก่ไม่ตาย ไม่จุติคือเคลื่อน ไม่อุปบัติคือเข้าถึง และที่สุดโลกนี้เองก็เป็นที่สุดแห่งทุกข์ด้วย เพราะฉะนั้น แม้ในโลกภายในนี้เมื่อไม่ถึงที่สุด ก็ไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ จะถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ ก็ต้องถึงที่สุดแห่งโลกในภายในนี้ เพราะฉะนั้น พระธรรมเทศนาที่ตรัสแสดงนี้ จึงเป็นพระธรรมเทศนาที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้ อาจปฏิบัติให้ถึงได้ เพราะอยู่ภายในกเฬวระ คือร่างกายที่มีสัญญามีใจของทุกๆ คน ของตนเอง ไม่ต้องไปค้นหาในภายนอกที่ไหน
ลักษณะของพุทธศาสนา
เพราะฉะนั้น ตามพระพุทธภาษิตที่ตรัสนี้ จึงเป็นอันแสดงลักษณะของพุทธศาสนา ว่าพระพุทธศาสนานั้น มิได้แสดงโลกหรือเรื่องของโลกภายนอกต่างๆ จะเป็นเบื้องต้นโลกก็ตาม ที่สุดโลกก็ตาม แต่ว่าได้ตรัสแสดงเรื่องโลกที่เป็นภายในดังกล่าวนั้น อันเป็นสัจจะธรรมที่ทุกคนจะพึงรู้ จะพึงเห็น จะพึงถึง และเมื่อรู้เมื่อเห็นเมื่อถึง ก็ถึงที่สุดแห่งทุกข์ เป็นผู้พ้นทุกข์ได้ เพราะฉะนั้น จึงควรทำความเข้าใจในสัจจะธรรมที่ได้ตรัสสอน อันแสดงแห่งพระพุทธคุณ บทว่าโลกวิทูนี้ เพื่อจะได้มีความเข้าใจ เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาและปสาทะ เป็นที่ตั้งแห่งปัญญา เป็นเนติแห่งการที่จะปฏิบัติตาม
ข้อตรัสอธิบายคำว่า โลก
(เริ่ม) ได้มีพระพุทธภาษิตตรัสอธิบายถึงคำว่าโลก โดยพยัญชนะคือถ้อยคำ อันส่องถึงอรรถะคือเนื้อความว่า สิ่งใดชำรุดทรุดโทรมสิ่งนั้นชื่อว่าโลก หรือว่าชื่อว่าโลก เพราะว่าเป็นสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรม ฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่มีความชำรุดทรุดโทรมสิ่งนั้นได้ชื่อว่าโลก
โลกคือขันธ์ ๕
และโลกที่เป็นภายในที่ตรัสสอนก็คือ ขันธโลก โลกคือขันธ์ ๕ หรือนามรูปกายใจอันนี้ อันขันธ์ ๕ หรือนามรูปย่อมเป็นทุกข์โดยสภาพ คือโดยภาวะของตน เป็นทุกข์ก็คือตั้งอยู่คงที่มิได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป โดยที่มีชาติความเกิดเป็นเบื้องต้น มีชราคือความชำรุดทรุดโทรมไปในท่ามกลาง มีมรณะคือความตายในที่สุด ชาติชรามรณะชื่อว่าเป็นสภาพหรือเป็นสภาวะ คือเป็นภาวะของตน คือของขันธ์ ๕ เอง ชาติก็เป็นสภาวะคือเป็นความเกิดขึ้นมาด้วยเหตุปัจจัยของตนเอง และเมื่อมีชาติคือความเกิดขึ้นมาเป็นขันธ์ ๕ เป็นนามรูป ก็ต้องมีชราคือความแก่ ความเก่าความชำรุดทรุดโทรม ซึ่งก็เป็นสภาวะคือเป็นภาวะของตนเองที่ต้องเป็นไป และในที่สุดก็มีมรณะคือความตาย คือความแตกสลาย ซึ่งก็เป็นสภาวะ คือเป็นภาวะเป็นความเป็นของตนเอง
สภาวะ
คำว่าสภาวะหรือสภาพบางทีก็พูดกันว่าเป็นสภาพธรรมดา คือธรรมดานั้นก็เป็นสภาพที่ปรากฏ เป็นภาวะคือความมีความเป็น เป็นความมีความเป็นอย่างนั้น เป็นความมีความเป็นอย่างนี้ เช่นที่เรียกว่าธรรมชาติธรรมดาต่างๆ เช่นที่ปรากฏเป็นกลางวัน เป็นกลางคืน เป็นฝนตก เป็นแดดออก ซึ่งก็เป็นภาวะคือเป็นความมีความเป็นอย่างหนึ่งๆ ถ้าไม่ใช่ภาวะคือไม่เป็นความมีความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่ปรากฏเป็นกลางวัน ไม่ปรากฏเป็นกลางคืน ไม่ปรากฏเป็นฝนตก ไม่ปรากฏเป็นแดดออก
แต่ที่ปรากฏขึ้นมาเป็นไปดังกล่าว ก็คือเป็นภาวะเป็นความมีเป็นความเป็นขึ้นมาอย่างใดอย่างหนึ่ง และความมีความเป็นที่ปรากฏขึ้นมานั้น เป็นไปตามเหตุปัจจัยของตนเอง ซึ่งเป็นธรรมชาติธรรมดา เพราะว่าอันความมีความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น จะต้องมีเหตุมีปัจจัย เช่นว่าเหตุที่ทำให้เป็นกลางคืน เหตุที่ทำให้เป็นกลางวัน เหตุที่ทำให้ฝนตก เหตุที่ทำให้แดดออก ต้องมีเหตุมีปัจจัย แต่ว่าเหตุปัจจัยนั้นเป็นเหตุปัจจัยของตนเอง เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่าสภาพ ดังที่เรียกกันว่าสภาพธรรมดา หรือสภาพดินฟ้าอากาศ
ภาวะ
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นภาวะเหมือนกัน คือเป็นความมีความเป็น เช่น เป็นนั่นเป็นนี่ขึ้นมาต่างๆ อันเป็นสิ่งที่สัตว์บุคคลทำขึ้น ไม่เรียกว่าสภาพ แต่เรียกว่าภาวะเฉยๆ เช่นความวุ่นวายต่างๆ ที่หมู่คนก่อขึ้น เรียกว่าภาวะไม่ปรกติ ภาวะที่รุนแรง ไม่เรียกว่าเป็นสภาพไม่ปรกติ สภาพที่รุนแรง เรียกว่าภาวะเฉยๆ เพราะว่าบุคคลก่อขึ้นมา ไม่ใช่เป็นไปตามเหตุปัจจัยของตนเอง
แต่ว่าถ้าเป็นไปตามเหตุปัจจัยของตนเอง เช่นว่าแผ่นดินไหวที่ให้ผลเสียหายรุนแรง ก็เรียกได้ว่าเป็นสภาพที่รุนแรง เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัยของตนเอง คนไม่ได้ไปทำขึ้น เพราะว่าอันภาวะต่างๆ ที่เป็นตัวสภาพดังกล่าวนั้นย่อมมีเหตุปัจจัย เช่นฝนตกก็ต้องมีเหตุปัจจัย เมื่อบุคคลมีความรู้ถึงเหตุปัจจัยให้ฝนตก จึงอาจที่จะประกอบกระทำเหตุปัจจัยให้ฝนตกขึ้นได้ และทำให้ฝนตกได้ ดั่งนี้ก็เรียกว่าเอาเหตุปัจจัยของธรรมชาติธรรมดา ที่เป็นไปตามภาวะของตนเองนั้นแหละมาใช้ แล้วก็ใช้ได้ แต่สิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้ ก็ควรจะเรียกว่าเป็นภาวะได้ หรือว่าเรียกตามที่มาว่าอันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าบุคคลทำขึ้นเอง แต่ว่ารู้วิธี และนำเอาวิธีการนั้นมาใช้เท่านั้น ก็อาจจะรวมอยู่ในคำว่าสภาพได้ แต่เมื่อมุ่งถึงเป็นการที่คนทำขึ้น ก็เรียกว่าภาวะเฉยๆ สำหรับในลักษณะเช่นนั้น
สภาวะของขันธโลก
จับเข้ามาถึงสภาวะของโลกภายในคือนามรูปนี้ หรือจะเรียกว่าขันธโลกอันนี้ของทุกๆ คน ก็มีสภาพที่ปรากฏเป็นชาติความเกิด ชราความแก่ มรณะความตาย และเมื่อเป็นดั่งนี้ ก็ต้องมีจุติคือความเคลื่อนจากกเฬวระร่างกายที่เป็นศพหรือที่ตาย ไปอุปบัติ ที่แปลว่า เข้าถึง กเฬวระคือร่างใหม่ ก็เป็นชาติคือความเกิดขึ้นมาอีก แล้วก็เป็นความแก่ เป็นความตาย แล้วก็เป็นความเกิดขึ้นมาอีก ดั่งนี้ ตราบเท่าที่ยังมีสมุทัยคือเหตุเกิดแห่งสภาวะทั้งปวงดังกล่าวนั้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้โลกภายในนี้ด้วยประการทั้งปวง ได้ตรัสรู้โดยสภาพคือโดยสภาวะทุกข์มีชาติความเกิดเป็นต้น และโดยปกิณกะทุกข์ ทุกข์ทางจิตต่างๆ มีโสกะปริเทวะเป็นต้น รวมเข้าก็คือว่าขันธ์เป็นที่ยึดถือทั้ง ๕ คือนามรูปนี้ เป็นอันว่าได้ตรัสรู้โดยสภาพ แล้วก็ตรัสรู้ถึงเหตุเกิด ดังที่ตรัสสอนว่าตัณหาความดิ้นรนทะยานอยาก เป็นไปในกามก็เป็นกามตัณหา เป็นไปในภพก็เป็นภวตัณหา ไปในวิภพไม่เป็นนั่นเป็นนี่ก็เป็นวิภวตัณหา
ทางปฏิบัติเข้าถึงความดับโลก
ก็เป็นอันว่าได้ตรัสรู้โลกทั้งปวงในด้านเกิดโลก คือเกิดทุกข์ และก็ได้ตรัสรู้โลกในด้านดับ ดับโลกก็คือดับตัณหาความดิ้นรนทะยานอยาก และเมื่อดับตัณหาซึ่งเป็นตัวสมุทัยได้ ก็ดับชาติดับชราเป็นต้น เป็นอันดับสภาวะทุกข์ และได้ตรัสรู้ถึงอุบายคือทางปฏิบัติเข้าถึงความดับโลก ดังที่ตรัสสอนไว้ก็คือมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิความเห็นชอบเป็นต้น มีสัมมาสมาธิความตั้งใจชอบเป็นที่สุด รวมเข้าก็เป็นไตรสิกขาคือศีลสมาธิปัญญา เป็นนิโรโธบาย คือเป็นทางเป็นวิธีปฏิบัติให้เข้าถึงความดับโลก และเมื่อดับโลกคือดับตัณหาได้ ก็เป็นอันว่าดับสภาวะที่ปรากฏเป็นชาติความเกิด ชราความแก่ มรณะความตาย ไม่ต้องมีจุติคือความเคลื่อน ไม่ต้องมีอุปบัติคือเข้าถึงชาติภพใหม่กันต่อไป เพราะฉะนั้นก็เป็นอันว่าได้ถึงที่สุดโลก และก็ถึงที่สุดทุกข์ไปพร้อมกัน
ฉะนั้น ตราบใดที่ยังมีโลกโดยสภาพ คือ ต้องมีเกิดมีแก่มีตาย ก็ต้องมีจุติคือเคลื่อน อุปบัติคือเข้าถึงชาติภพใหม่ ก็เป็นอันว่ายังไม่ถึงที่สุดโลก ยังวนเวียนอยู่ในโลก แต่เมื่อดับตัณหาได้ ด้วยปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ สมบูรณ์ จึงจะดับโลกได้ ก็ถึงที่สุดโลก ถึงที่สุดทุกข์ไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นโลกวิทูผู้รู้โลก
ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจฟังสวด และ ตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป