แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะอันเป็นหลักสั่งสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านหาที่นั่ง นั่งพักให้สบาย แล้วตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการมาวัดตามสมควรแก่เวลา เพราะการมาวัดนั้นเรามาเพื่อการศึกษา ไม่ใช่มาเพื่ออย่างอื่น วัดนี่เป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่ประชาชน
สมัยก่อนนั้นวัดเป็นสถานที่เล่าเรียนวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไร เรียนกันในวัดทั้งนั้น พระเป็นครูสั่งสอนประชาชนให้เกิดความรู้ความเข้าใจแล้วก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวันกันต่อไป จิตใจคนไทยจึงได้มีความผูกพันกับพระพุทธศาสนาโดยการเข้าวัดนี่เอง ตามหมู่บ้านคนไทยเราทั่วไปมักจะมีวัดประจำหมู่บ้าน ถ้าเป็นบ้านใหญ่คนมากก็มีสองวัด คือ อยู่หัวบ้านท้ายบ้าน เพื่อสะดวกแก่คนที่จะไปวัด เพื่อทำการศึกษาวิชาการต่างๆ สมัยนี้เราก็มีวัดไว้เพื่อประโยชน์อย่างนี้
แต่เฉพาะวัดชลประทานรังสฤษฏ์มีจุดหมายสำคัญอยู่ที่การเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชน เราไม่ทำเรื่องอื่น แต่เราจะทำหน้าที่สั่งสอนอบรมบ่มนิสัยให้คนเกิดความคิดนึกในทางที่ถูกที่ชอบ อะไรผิดก็บอกว่าผิด อะไรถูกก็บอกว่าถูก ต้องการให้ทุกคนมีปัญญา เป็นพุทธบริษัท คือเป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้มีความเบิกบานแจ่มใสในรสพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะไม่ทำอะไรในการส่งเสริมความงมงายของประชาชน แต่จะส่งเสริมสิ่งที่ถูกต้อง อันจะให้เกิดความสว่างทางปัญญาแก่ชาวบ้านทั่วๆไป อันนี้คือหลักใหญ่ที่เราทำกันอยู่ตั้งแต่เปิดวัดมาจนกระทั่งบัดนี้
ในขณะนี้พวกเราทั้งหลายก็จะได้ยินข่าวที่โด่งดังไปทั่วโลก คือ ข่าวเรื่องเจ้าหญิงแอนนา (3.28) ถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วก็มีคนชาวอังกฤษเขาแสดงความรักความเคารพต่อท่านผู้นั้นมากมาย ดอกไม้ที่คนซื้อเอาไปวางไว้ที่หน้าประตูวังนั้นกองใหญ่ ดอกไม้ในตลาดลอนดอนเกือบหมดสิ้น เพราะคนไปซื้อเอาไปวางไว้ แล้วเวลาพระศพเคลื่อนเป็นระยะทางตั้ง ๘ กิโลเมตรเพื่อให้คนได้เฝ้าเห็น ได้บูชาสักการะ คนก็เอาดอกไม้ไปวางไว้มากมายก่ายกอง ดูภาพแล้วเป็นภาพที่ประทับใจ การไว้คิดเห็นได้หลายอย่างในแง่ธรรมะ
วันนี้จึงใคร่จะนำเรื่องความรู้สึกนึกคิดในแง่ธรรมะที่ได้เห็นจากข่าวนี้มาพูดจาให้ญาติโยมทั้งหลายได้เกิดความคิดนึกเพื่อคุณงามความดี ว่าคนเราเกิดมาแล้วถ้าทำความดีก็ย่อมเป็นที่รักเป็นที่พอใจของมหาชน แต่ถ้าทำความเสื่อมก็ไม่มีใครรักไม่มีพอใจ
เจ้าหญิงไดอาน่า (5.00) เป็นผู้ที่ทำประโยชน์แก่ประชาชน คนจึงรักใคร่เคารพนับถือให้เกียรติอย่างมากมาย เวลาตายก็มีคนไปยืนสองข้างทางเป็นจำนวนล้าน ดอกไม้ก็มากมาย แล้วก็มีคนเสียใจร้องไห้กันหลายคนเหมือนกันในภาพที่เห็น แสดงว่าคนเหล่านั้นคิดถึง คิดถึงคุณงามความดีของบุคคลที่ตายไป เขาจึงร้องไห้เสียน้ำตามากมาย อันนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นผู้ทำดีนั่นเอง
เจ้าหญิงไดอาน่านี้เกิดในสกุลผู้ดีอังกฤษ พ่อมียศเป็นชั้นเอิร์ล(Earl) ถ้าเปรียบเมืองไทยก็เหมือนกับว่าเป็นเจ้าพระยา แต่ว่ายศเมืองอังกฤษไม่เหมือนเมืองไทย มีการสืบต่อ พ่อเป็นยศชั้นเจ้าพระยา ลูกก็สืบต่อเป็นเจ้าพระยาต่อไป สืบต่อกันไปหลายๆชั่วคน โดยมากคนที่มียศชั้นขุนนางของอังกฤษเป็นผู้ดี มีทรัพย์สมบัติมีบ้านช่องกว้างขวางนอกเมืองอังกฤษ มีที่ดินมากๆเป็นเจ้าของที่ดิน มีฐานะร่ำรวยจึงเป็นขุนนาง แล้วพวกขุนนางนี้ก็มีสิทธินั่งในสภา เขาเรียกว่า “สภาขุนนาง (House of Lord)” คู่กันกับสภาผู้แทนราษฎร สภาขุนนางนี้ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง เป็นไปตามสิทธิของความเป็น ครอบครัวใดเป็นขุนนางมียศอย่างนั้นก็ได้เข้าไปนั่งในสภาพิจารณากฎหมายเรียกว่า “สภาสูง”
ประเทศอังกฤษปกครองด้วยระบบธรรมนูญแต่ไม่มีธรรมนูญ ไม่ได้เขียนไว้เป็นตัวอักษร เขาถือกันมาตามธรรมเนียม ทำกันมาอย่างนั้น ไม่ต้องเขียนรัฐธรรมนูญแล้วทำลาย เขียนแล้วทำลายมากมายเหมือนบ้านเรา บ้านเรามีธรรมนูญ ๖๕ ปี ใช้ธรรมนูญ ๑๕ ฉบับ เขียนแล้วทิ้ง เขียนแล้วทิ้งมากมาย ฉบับที่กำลังเขียนอยู่นี้ก็มีวิพากษ์วิจารณ์กัน พวกผู้แทนไม่อยากได้เพราะว่าเสียประโยชน์ เสียประโยชน์ในการที่จะเป็นผู้แทนราษฎร ถูกจำกัดถูกควบคุมอะไรหลายอย่าง เขาเขียนไว้เพื่ออนาคตข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อคนในชุด (8.10) นี้ แต่เพื่ออนาคตข้างหน้าคนที่จะเข้ามาถูกกลั่นกรองจากประชาชน แล้วประชาชนก็ควบคุมการบริหาร ถ้าใครทำผิดทำไม่ดีประชาชนก็อาจจะขอถอดถอนได้ มีเขียนชื่อจะถอดถอนให้ออกจากตำแหน่งได้ มันก็ดีเหมือนกันเพราะมีคนคอยควบคุมดูแล ไม่ปล่อยให้ทำกันตามชอบใจ เพราะคนที่เข้าไปรวมตัวกันนั้นถ้าเป็นพวกที่มีความคิดเหมือนกันมันก็ทำสิ่งที่เหมือนกัน ถ้าโจรเข้าไปนั่งอยู่ในสภามีเสียงข้างมาก โจรก็ต้องชนะ ถ้าสุภาพชนเข้าไปนั่งในสภามีเสียงมากก็จะชนะ แต่ว่าโจรมักจะชนะมากกว่าคนที่มีธรรมะ เพราะโจรมีลูกไม้ มีวิธีการพลิกแพลงด้วยประการต่างๆที่ภาษาไทยว่า “ทั้งล่อทั้งชน” ล่อบ้างชนบ้าง ใช้กลเม็ดเด็ดพรายเพื่อให้ชนะได้ แล้วก็ได้เป็นใหญ่ เป็นใหญ่ก็เพื่อตัวเอง ไม่ได้เพื่อบ้านเมือง ไม่ได้เพื่อส่วนรวม ประชาชนก็ลำบากเดือดร้อน มีการคอรัปชั่นมีการกินสินบนกันด้วยประการต่างๆ
ถ้าใครพูดแค่เบาๆว่า ขอใบเสร็จนะ ขอใบเสร็จมาให้ดูหน่อย ไอ้ใครที่ไหนมันจะเอาใบเสร็จล่ะ ใครที่ไหนเขาจะคิดให้ เขาให้เงินสดกันทั้งนั้น เงินสดกันใส่ตะกร้ากันเป็นตะกร้าๆ เช่นเงินสิบล้านนี่ต้องใส่ตะกร้าไปให้ เอาไปให้ถึงบ้าน ไปชักเอาจากอะไรต่ออะไรที่ได้ลงทุนทำ สมมติว่ามีการสร้างตึกสักหลังหนึ่งราคาร้อยล้าน เขาก็ไปขอดึงมาสักสิบล้าน ดึงมาจากบริษัทรับเหมา บริษัทรับเหมาเวลาประมูลก็ต้องเผื่อไว้ เผื่อสำหรับให้คนที่จะมาชักเอาไปใช้ มันไม่มีใบเสร็จ มักจะพูดว่าถ้ามีหลักฐานก็เอามาพูดกันสิ มันจะเอาหลักฐานที่ไหน เพราะมันไม่มีใบเสร็จ แล้วคนที่ไปเอาก็เป็นลูกน้องทั้งนั้น ลูกน้องของพวกอันธพาลนั่นแหล่ะไปเอามา แต่ใครๆก็รู้ เพราะความลับมันไม่มีในโลก เขาก็รู้กันว่าเอาไปเท่าไร คนไหนไม่ให้ก็ถูกกีดกัน เดี๋ยวฉันย้ายแกซะนี่ เป็นอธิบดีไม่ส่งเงินให้ก็ย้ายเอาไปไว้ที่อื่นเพราะไม่ทำตามนโยบาย ไม่เอาอกเอาใจเจ้านาย อย่างนี้มันก็เสียหาย บ้านเมืองก็จะล่มจม ทำให้เกิดปัญหาเพราะว่าระบบมันไม่ค่อยจะดี อันนี้ก็เขียนใหม่บัญญัติใหม่เพื่อให้ดีขึ้น แต่คนที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไม่ยอมรับจะต้องมีการแก้ไข ตัวไม่ชอบแล้วไปเที่ยวบอกกล่าวลูกน้องให้มาช่วยกันคัดค้าน โดยเฉพาะกำนันผู้ใหญ่บ้านก็มาช่วยกันคัดค้านไม่ยอมรับธรรมนูญฉบับนี้ กำนันผู้ใหญ่บ้านมาเพราะคำสั่งเจ้านายให้มากัน แต่ว่าผลที่สุดก็ถอยทัพกลับไป ไม่ได้อะไรเท่าไร อันนี้คือความเสียหาย ประเทศอังกฤษเขาไม่มีรัฐธรรมนูญ แต่ว่าเขาทำตามธรรมเนียมที่ได้ตั้งกันไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ มีข้อกติกาสัญญาก็ทำตามแบบนั้น จึงมีสภาสองสภาควบคุมดูแลกันเป็นอย่างดี เป็นมาด้วยความเรียบร้อยไม่เสียหาย พวกขุนนางจึงมีที่ดิน มีทรัพย์สมบัติ มีลูกมีหลานก็เจริญด้วยการศึกษา
เจ้าหญิงเกิดในสกุลขุนนางครอบครัวหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปจากลอนดอน ห่างไกลพอสมควร แต่ว่าเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษา แกไปเรียนประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เรียนเรื่องเกี่ยวกับเด็กอนุบาล เพราะต้องการจะช่วยเด็กๆ มีจิตใจเป็นกุศลตั้งแต่เริ่มต้น เพราะไปเรียนวิชาที่จะเกี่ยวกับเด็ก แล้วก็มาเป็นครูให้โรงเรียนเด็กอนุบาล อยู่กับพวกเด็กๆ คนที่อยู่กับเด็กนี่เป็นคนใจดีเยือกเย็น มีความเมตตาปรานี ถ้าเป็นคนใจกระด้างอยู่กับเด็กไม่ได้เพราะเด็กมันมีหลายแบบ เด็กสุภาพ เด็กไม่สุภาพ เด็กซุกซน เด็กไม่ซุกซน เด็กเชื่อฟัง เด็กไม่เชื่อฟัง มันหลายแบบ ถ้าว่าเราเป็นคนอารมณ์ไม่เยือกเย็นพอก็อยู่กับเด็กไม่ได้ ครั้นการทำงานกับเด็กก็เป็นการฝึกธรรมะไปด้วยในตัว ฝึกธรรมะให้เป็นคนใจเย็นใจสงบ ไม่วู่วามไม่เร่าร้อน ไม่ต้องการผลประโยชน์แต่ต้องการช่วยเหลือเด็กให้มีความเจริญก้าวหน้า
ต่อมาก็ได้แต่งงานกับเจ้าชายชาลส์ซึ่งเป็นมกุฎราชกุมาร แต่งงานกันเป็นการใหญ่โตในโบสถ์ โบสถ์นั้นแหล่ะ วันแต่งงานก็แต่งกันในโบสถ์นั้นแหล่ะ แล้ววันตายก็เอาศพไปตั้งที่นั่นเหมือนกัน โบสถ์นั้นเป็นโบสถ์ที่เรียกว่า “เวสต์มินสเตอร์(Westminster)” อยู่ใกล้สภาผู้แทนราษฎร อยู่ในบริเวณใกล้วังเจ้านาย ศพท่านก็ไปอยู่ในที่นั่น เอาไปทำพิธีกัน ก่อนที่จะออกจากวังที่ประทับไปถึงโบสถ์เวสต์มินสเตอร์ระยะทางไกล เขาแกล้งเดินให้มันไกลไป ให้มันยาว เพื่อสะดวกแก่คนที่จะมายืนเคารพศพ ระยะทางตั้งแปดกิโลเมตร คนก็ยืนกันเต็มไปหมด แน่น ดูในภาพโทรทัศน์แล้วก็ปลื้มใจว่ามีคนรักท่านมากมายอย่างนี้ เข้าไปในโบสถ์แล้วก็ไปทำพิธีกันอยู่เป็นเวลานานพอสมควร มีคนพูดหลายคน แสดงความอาลัยกัน มีการร้องเพลงตามแบบของเขา แล้วก็เอาศพออกจากโบสถ์เดินทางไปนอกกรุงลอนดอน ไปบ้านเดิม เอาไปฝังไว้เคียงข้างกับศพของพ่อซึ่งตายมาก่อนแล้ว ก็เป็นอันจบเรื่องไป แต่ว่าได้ทิ้งสิ่งประทับใจไว้แก่คนทั้งหลาย เพราะว่าโทรทัศน์ของอังกฤษนี่ถ่ายทอดส่งไปทั่วโลก คนจำนวนหลายล้านคนได้ดูภาพข่าวนี้ ได้ร่วมแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจพอสมควร
คราวนี้เราดูภาพแล้วควรจะคิดอย่างไร ควรจะคิดว่าทำไมคนคนหนึ่งเกิดมาแล้วจึงเป็นที่รักเป็นที่พอใจของมหาชน ทำดีอะไรจึงเป็นที่รัก คนเรานี่อยากให้ใครรัก เขาไม่รักก็ไม่รู้จะทำอย่างไรทำให้เขารัก ผู้ชายอยากให้ผู้หญิงรัก ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายรักก็ไปเที่ยวหาเสน่ห์ หาแป้งบ้าง น้ำมันบ้าง อะไรต่ออะไร เพื่อจะมาทำให้หลงใหลมัวเมาในรูปของเสน่ห์ยาแฝด แต่ความรักอย่างนั้นมันไปไม่รอด ไม่คงทน ไม่ถาวร แต่คนก็ยังหลงใหลพอใจกันอยู่
เมื่อหลวงพ่อไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถามว่าท่านทำเสน่ห์ได้หรือไม่
เขาพูดภาษาฝรั่งว่า “Can you make a charm?”
เราก็ตอบว่า “ทำไม่ได้”
แล้วเขาถามว่า “บวชมากี่ปีแล้ว”
บอกว่า “บวชมาสิบปีแล้ว”
“เอ๊ะ! บวชตั้งสิบปีทำเสน่ห์ก็ไม่ได้ บวชอะไร”
แน่ะ!เขาต่อว่าเอาอีก ทำไมเขาจึงได้เข้าใจอย่างนั้น เพราะว่าพระเมืองไทยที่ไปอยู่มาเลเซียนี่ไปตั้งฐานไว้ให้คนเข้าใจผิด คือตั้งฐานไสยศาสตร์ไว้ ตั้งฐานเครื่องรางของขลังไว้ ใครเห็นพระก็นึกว่าเป็นอย่างนั้น เป็นผู้เรียนรู้ทางนั้น ทำอย่างนั้นได้ ถ้าพระทำไม่ได้เขาก็หาว่าพระอะไร บวชมาตั้งสิบปีแล้วทำอะไรก็ไม่ได้ไม่เป็น กลายเป็นพระเสียในสายตาของเขาไป
แล้วก็เลยถามเขาว่าทำไมจะต้องให้ทำเสน่ห์ เขาเล่าเรื่องให้ฟัง บอกว่าเขานี่อยู่กับสามีเรียบร้อย สามีเป็นนายไปรษณีย์ นายไปรษณีย์ของมาเลเซียเขามีบ้านให้อยู่ บ้านหลวง พวกสวัสดิการกับข้าราชการนี่คนอังกฤษเขาทำดีมาก ให้อยู่อย่างสะดวกสบาย ของเราไม่มีสวัสดิการ เช่นตำรวจนี่ไม่มีบ้านจะอยู่ติดกับโรงพัก ไปเที่ยวเช่าบ้านอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เวลาเกิดเรื่องเกิดราวเป่านกหวีดเรียกได้อย่างไร มันอยู่ไกลคนละที่คนละทาง มันไม่สะดวก ตำรวจต้องอยู่ใกล้โรงพักจึงจะสะดวก อย่างนี้เป็นตัวอย่าง ของเขาอยู่ติดกันไปในบริเวณนั้น ทีนี้นายไปรษณีย์คนนี้ก็เป็นคนดี แต่ว่าเมื่อสมัยสงครามการเป็นอยู่มันลำบาก แกไปเอาเตี่ยมาไว้ที่บ้าน เตี่ยนี้เป็นคนจีนมาจากเมืองจีน คนจีนที่มาจากเมืองจีนเป็นคนหัวเก่าถือระบบเก่า เมื่อมาอยู่กับบ้านลูกชาย ก็อยากให้ลูกสะใภ้ปฏิบัติต่อตนเหมือนกับลูกสะใภ้ในเมืองจีน ลูกสะใภ้ในเมืองจีนต้องปฏิบัติต่อทุกคนในครอบครัวของสามี ต้องซักผ้าให้ทุกคน ต้องปัดกวาดบ้านเรือน ต้องทำอาหารให้เขากิน เรียกว่าทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อคนทุกคนในครอบครัว คือแบบระบบโบราณ
ทีนี้ผู้หญิงคนนี้แกเป็นคนสมัยใหม่ ลูกจีนเหมือนกันแต่แกเรียนภาษาฝรั่งอยู่โรงเรียนฝรั่ง เป็นคนสมัยใหม่ จะให้ไปเป็นคนใช้ของทุกคนนั้นแกทำไม่ได้ ฝืนความรู้สึกของแก แม้แต่กับพ่อผัวก็ไม่ได้ปฏิบัติได้ดี ไม่ได้เอาอกเอาใจ พ่อผัวก็บอกกับลูกชายบอกว่าเมียเอ็งนี่ไม่เคารพข้า ไม่อ่อนน้อมไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติตามที่ข้าต้องการฟ้องบ่อยๆ พอฟ้องบ่อยๆลูกชายก็อึดอัดขัดใจ เลิกงานแล้วไม่มาบ้านตามเวลา ไปสโมสรไปเที่ยวตีบิลเลียด ไปคุยกับเพื่อนกลับมาก็ดึก มาถึงก็นอนไม่พูดไม่จากับภรรยา ภรรยาก็นึกว่าผัวนี้เบื่อหน่ายตัว ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส หารู้ไม่ว่าสาเหตุอยู่ที่อะไร ก็เลยคิดว่าต้องทำเสน่ห์ให้ผัวรัก ก็เลยมาขอให้หลวงพ่อทำเสน่ห์ เสน่ห์ก็เป็นพวกแป้ง น้ำหอมอะไรอย่างนี้ เอามาฝากพระไว้ให้ช่วยปลุกช่วยเสก หลอกลวงทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ได้จริงจังอะไร
หลวงพ่อทำอย่างนั้นไม่ได้ ก็เลยบอกว่าทำไม่ได้ แล้วก็บอกว่าไม่ควรทำอย่างนั้น ควรจะแก้ที่เหตุ แกก็เล่าเรื่องให้ฟัง แล้วก็บอกว่ามันง่ายนิดเดียว คือทำให้ถูกต้องแล้วมันสบาย เขาถามว่าแล้วจะทำอย่างไร ก็เธอไปปฏิบัติดีต่อพ่อ (22.39) สามี พ่อ (22.41) สามีตื่นขึ้นต้มน้ำให้อาบ อยากจะไปนั่งกลางแดดก็ยกไปนั่งกลางแดด เอาเก้าอี้ไปวางให้แกนอนอาบแดด อยากกินข้าวต้ม ให้กินข้าวต้ม อยากจะทำอะไรก็ทำตาม พ่อสามีก็จะเอ็นดูเรา แล้วจะไม่ฟ้องสามี ทำเท่านี้ได้หรือไม่ ตอบไม่ได้ๆ ทำไม่ได้ ทำไมทำไม่ได้ ดิฉันเกลียด อ้าว!แล้วกัน เกลียดพ่อแล้วไปรักลูกไม่ได้ ลูกมันมาจากพ่อนี่นะ ถ้าเรารักลูกมันก็ต้องรักพ่อด้วยแหล่ะ ก็ถ้าไม่มีพ่อผัวมันจะเกิดมาได้อย่างไร พูดก็แค่อย่างนั้น แกก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ลึก เป็นคนที่ค่อนข้างจะไม่ได้เรื่องหน่อย แล้วแกก็ไป
ทีหลังไปพบคนไทยซึ่งไปหากินในทางนั้น ก็ทำเสน่ห์ให้ แล้วเอาเงินตั้งเยอะตั้ง ๑๐๐ เหรียญ วันหลังมาบอกว่าพบหมอไทยแล้ว เขาทำให้แล้ว เสียเงินไป ๑๐๐ เหรียญ เลยบอกว่า “You are silly.” มันโง่ไม่ได้เรื่องอะไร เขาหลอกเอาไปตั้ง ๑๐๐ เหรียญ แล้วอะไรมันจะดีขึ้นหรือไม่ล่ะ พ่อผัวรักหรือเปล่า ก็ไม่ได้รัก เพราะเราไม่ทำเหตุให้เขารักแล้วมันจะรักได้อย่างไร พูดกับเขาอย่างนั้น เขาไม่เข้าใจ
ในมาเลเซียนี่พวกชาวจีนชอบของอย่างนั้น แต่อินโดนีเซียนี่ไม่เอา เพราะว่าอินโดนีเซียนี่มันไกลไปหน่อย พระไทยเราไปไม่ถึง ไม่ได้ไปสร้างฐานแห่งความเชื่องมงายให้แก่เขา ถ้าหากว่าพระไปอินโดนีเซียเขาอยากได้ธรรมะ เขาอยากฟังคำสอนอยากจะปฏิบัติ นี่มันคนละแบบ แต่มาเลเซียนี่พระไทยเราไปสร้างฐานไว้ในรูปงมงาย รูปความเชื่อเหลวไหลทั้งนั้น ก็บอกกับพวกพระที่ไปอยู่ บอกว่ามันต้องเปลี่ยนระบบแล้ว โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ เขามีความคิดเปลี่ยนไป เราต้องเผยแผ่ธรรมะ ต้องสอนให้เขารู้จักพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ที่ถูกต้อง สอนให้เขารู้ว่าคำสอนที่แท้จริงของพุทธศาสนาเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นมันจะไปไม่รอดเพราะว่าคนพวกที่อายุมากก็จะตายไปเรื่อยๆ แล้วพวกนี้จะเติบโตขึ้น เราไม่สอนเขาให้เข้าใจเราจะอยู่กันอย่างไร แต่ว่าพระเหล่านั้นแกก็ยังอยู่สบาย ยังรดน้ำมนต์ได้ ยังเอาแป้งแจกเขาได้อยู่ ยังเอาน้ำหอมเสกแล้วให้เขาได้ อย่างนี้ก็เป็นไปอย่างนั้น
แต่ว่าพระบางองค์ก็ทำฉลาดเหมือนกัน เช่น ผู้หญิงมาบอกว่าผัวไม่ค่อยรักไม่ค่อยชอบทำอย่างไรกัน เอ้า!เอาแอปเปิ้ลมา ฉันจะเสกให้ ก็เสกแอปเปิ้ล เสกแอปเปิ้ลแล้วก็เอาไปปอกให้เขากิน ให้เขากินนี่ต้องป้อนให้เขา ป้อนแอปเปิ้ลให้กินทุกวันๆมันก็รักเองน่ะ แกหาอุบายเอาแอปเปิ้ล ไม่ได้เสกอะไรหรอก แต่ว่านี่เสกแล้ว เอาไปเถอะเอาไปปอก ทำชิ้นให้เล็กๆแล้วป้อนให้เขา เวลาเขากลับมาจากงานก็เอาแอปเปิ้ลป้อนให้กิน เอาน้ำนี่ให้เขากิน ทำเป็นน้ำมนต์ เอาไปชงน้ำชากาแฟให้เขากิน แล้วก็ทำอย่างนี้ทุกวัน ผัวมันก็รักเองล่ะ เพราะว่าความสนิทสนมไม่ใช่เรื่องอะไร มันเป็นอย่างนั้น คนเรามักจะหลงผิดแล้วก็คิดในเรื่องไม่เข้าเรื่อง เชื่อในสิ่งที่ไร้สาระมีอยู่มาก ถึงได้เกิดอาการเช่นนั้น
ทีนี้เจ้าหญิงไดอาน่าเมื่อแต่งงานแล้ว ก็ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี ทำลูกให้เจ้าชายชาลส์ถึงสองคน ลูกก็โตแล้วเวลานี้เดินตามขบวนศพไปได้เหมือนกัน แต่ว่าความบกพร่องมันอยู่ที่เจ้าชาย คือเจ้าชายนั้นเล่นไม่ซื่อ ยังเอาใจออกห่างไปคิดถึงคนรักเก่า เพราะมีคนรักเก่า ก็ไม่ใช่สาวอะไรเป็นแม่หม้ายเหมือนกัน แล้วก็ไปชอบพอกับเขา แม่ม่ายคนนั้นก็คงจะมีลูกไม้ดี รู้จักเอาอกเอาใจติดต่อกัน เจ้าหญิงแอนนา (27.48) ทรงทราบก็ไม่สบายใจ ไม่สบายใจก็เป็นเรื่องธรรมดาของสตรี เราพูดว่าเสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร คนไทยเราพูดกันอย่างนั้น แกก็ไม่สบายใจ แล้วไปแยกกันอยู่ แยกกันอยู่ต่อมาก็เลยขอหย่า เพราะเหตุอยู่ที่ผู้ชายเลยขอหย่ากัน หย่ากันแล้วแกก็ทำหน้าที่ของแก แกไปช่วยเหลือสังคม อุปถัมภ์ค้ำชูสมาคมเด็กพิการ สมาคมเด็กปัญญาอ่อน คนพิกลพิการที่ไหนแกก็ไป คราวนี้ไปช่วยเขานี่ไปช่วยอย่างจริงจัง แกก็มีทรัพย์สมบัติที่จะช่วยได้ เพราะในการหย่านั้นแกได้เงินถึงสามสิบล้านปอนด์ ก็พอใช้สำหรับบำเพ็ญสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล แกก็ไป แล้วก็ชอบไปประเทศในแอฟริกาใต้ ประเทศที่มันวุ่นวายมันรบกันถูกระเบิด เด็กถูกระเบิด เด็กอดอยากปากแห้งมีมากมาย แกไปช่วย ไปเห็นเด็กผิวดำแกก็ยกมาอุ้ม หนังสือพิมพ์ก็ถ่าย พวกนักข่าวมาคอยถ่ายภาพ มันคอยถ่ายรูป มันเอาไปขาย ภาพเหล่านี้ปรากฏไปในโลก ว่าเป็นคนที่ไม่ถือพระองค์ ก็ปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธเจ้านั่นแหล่ะ คือ ธรรมะสี่ข้อ คือ ๑.คือการให้ ๒.พูดจาอ่อนหวานสมานใจ ๓.ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ ๔.ไม่ถือตัว เขาเรียกว่า “สังคหธรรม” ธรรมที่จะให้เกิดความสงเคราะห์แก่กันและกัน แล้วก็จะทำให้เกิดความรักความเอ็นดูต่อกัน ท่านไปช่วยเขา เด็กบางคนขาขาดท่านก็อุ้มขึ้นมา ช่วยทำแผลให้ ทำทุกอย่าง ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ภาพเหล่านั้นมันปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ของโลกบ่อยๆ ทรงกระทำอย่างนั้น ไปตามค่ายทหาร ไปที่คนอพยพอดๆอยากๆเอาของไปแจกให้เขา อะไรต่อมิอะไร ไปนั่งสนทนากับเขา ไม่ถือตัวเป็นกันเอง แล้วก็ทำประโยชน์แก่คนเหล่านั้น ทำด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่แสร้งทำ ทำบ่อยๆ ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์
มาถึงประเทศอินเดีย มาพบกับแม่ชี เขาเรียกว่า “เทเรซ่า” แม่ชีเทเรซ่านี่ก็ตายแล้ว เมื่อวานซืนนี่ตายแล้ว แกเกิดปีเดียวกับหลวงพ่อ ๑,๙๑๐ เหมือนกัน ก่อนหน่อย แล้วก็ตายไปแล้ว แม่ชีเทเรซ่านี่แกอยู่กับคนยากคนจน อยู่ในแหล่งสลัม ไปช่วยเหลือคนยากคนจนในเรื่องการเป็นการอยู่ เป็นมิตรกับคนยากคนจน เป็นคุณแม่ของคนจนทั้งหลาย เหมือนสมเด็จย่าของพวกเราท่านไปไหนก็ไปให้ความสุขให้ความสบายแก่เขา แจกยาให้เขา แจกเสื้อผ้า แจกอาหาร แจกของเล่นให้แก่เด็กๆน้อยๆ ทรงทำเป็นประจำ คนก็รักใคร่เคารพนับถือ เพราะเรารักเขา เขาก็รักเรา ถ้าเราเกลียดเขา เขาก็เกลียดเรา พระองค์ทำอย่างนั้น เรียกว่าประพฤติธรรมอยู่เป็นปกติ ไม่ใช่แสร้งทำ ทำเรื่อยไป ทำเป็นประจำแล้วก็อุดหนุนสมาคมต่างๆ มูลนิธิต่างๆที่ช่วยเหลือคนยากคนจน
ในประเทศอังกฤษเขามีมูลนิธิเยอะที่จะสงเคราะห์แก่คนผู้ลำบากยากไร้ มีมูลนิธิหนึ่งที่ช่วยเด็กหลายชาติหลายภาษา เด็กไทยก็มี เด็กอินเดีย เด็กเนปาล เด็กพม่า หลายชาติไปอยู่ เขามีบ้านให้อยู่ เด็กไทยอยู่ก็เรียกว่า “ไทยโฮม (Thai Home)” หมายความว่าบ้านไทย มีพี่เลี้ยงเป็นคนไทย อยู่ในบ้านก็พูดภาษาไทย เด็กเอาไปเป็นเด็กต่างจังหวัด เด็กภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคใต้ก็ไปจากจังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา นครศรีธรรมราช เขาเก็บเอาไป เด็กเรียนชั้นประถม เอาไปไว้ แล้วเขาก็เอาให้ไปเรียน ไปเรียนในโรงเรียนทั่วไป ไม่ได้โรงเรียนพิเศษอะไร ไปเรียนปนกับเด็กอังกฤษ จะได้รู้ภาษาดี ตอนเย็นก็กลับมานอนบ้าน เช้าไปโรงเรียน เรียนชั้นประถม เรียนมัธยม จบชั้นมัธยมแล้วให้ไปเรียนอาชีวะ เรียนวิชาชีพเป็นช่างยนต์ ช่างกล ช่างไฟฟ้า อะไรต่างๆ เด็กเหล่านี้เรียนจบมาหลายชุดแล้ว กลับมาเมืองไทย มาทำงานแถวโรงงานปากน้ำอยู่ เวลาหลวงพ่อไปประเทศอังกฤษก็ไปเยี่ยมทุกที ไปเยี่ยมบ้านนี้บ้านไทย ไปฉันเพล แล้วก็คุยกับพวกเด็กๆ เด็กส่วนมากเวลาจะไปอังกฤษก็เอามานอนที่นี่ คืนหนึ่งสองคืน แล้วก็ขึ้นเรือบินไป ก็รู้จักกันก็เลยไปเยี่ยม เขาก็ดีอกดีใจ
มูลนิธิต่างๆในอังกฤษมีมาก ก็ไปขอความอุปถัมภ์จากคนที่มีสตางค์ หรือจากมูลนิธิอื่นๆมาช่วยกัน วัดที่ไปตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษก็ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิของคนอังกฤษเหมือนกัน เช่น เราจะสร้างอะไรจะทำอะไร เขาก็ไปบอกบุญกับมูลนิธิ มูลนิธิเหล่านั้นก็บริจาคเงินมาให้ เจ้าหญิงไดอาน่านี้ท่านเป็นผู้อุปถัมภ์มูลนิธิต่างๆ ให้ความช่วยเหลือเจือจุนอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นคนที่เกิดมาเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่บุคคลอื่น
พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัตบุรุษคือคนดี นานๆจะเกิดขึ้นมาในโลกสักครั้งหนึ่ง และเกิดมาเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ได้เกิดมาเพื่อเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ เพื่อกอบโกยผลประโยชน์จากคนอื่น ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เกิดมาเพื่อให้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเอาอะไร เพราะเขาคิดว่าเอาไปทำไม เอาไปไม่ได้ ก็มีปัญญาอยู่พอสมควร เห็นว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ตายไป ไม่มีอะไรมา แล้วก็ไม่มีอะไรไป สิ่งทั้งหลายไม่ใช่ของเรา แต่เราควรจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ เป็นความสุขแก่เพื่อนมนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คนอย่างนี้จะเป็นที่รักเป็นที่พอใจของมหาชน
แล้วกำลังความรักของประชาชนเข้าไปกระตุ้นเตือนให้ราชวงศ์อังกฤษต้องทำการศพอย่างใหญ่โต เพราะความเร่งเร้าของประชาชน ประชาชนเขาบอกว่าต้องทำศพให้ใหญ่เหมือนเจ้านาย ต้องเอาไปตั้งที่เวสต์มินสเตอร์ แล้วก็ต้องทำอย่างนั้น ชาวบ้านเขาบังคับให้ไป นายกรัฐมนตรีก็ต้องไปพูด พระผู้ใหญ่ก็ต้องไปพูด พระราชินีก็ต้องเสด็จไป เมื่อตายใหม่ๆท่านก็เฉยๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาอะไร แต่ว่าประชาชนมาเร่งเร้าให้พระราชินีแสดงความรู้สึกบ้าง ท่านก็ต้องไป แล้วก็ไปพูดแสดงความเสียอกเสียใจในการที่เจ้าหญิงได้ถึงแก่กรรมลงไป อันนี้เป็นเรื่องความดีที่ทำแก่ประชาชน ก็ได้ดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำเหตุให้เกิดสุขก็ได้สุข ทำเหตุให้เกิดทุกข์ก็ได้ทุกข์ มันเป็นผลปรากฏเป็นตัวอย่าง ดูแต่เจ้าหญิงไดอาน่าซึ่งเราควรจะถือเป็นแบบอย่าง
พวกนักเรียนนักศึกษาที่มาฟังธรรมในวันนี้ก็ให้จำเป็นตัวอย่างไว้ว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องคิดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นความสุข อย่าคิดเพื่อทำลายใคร อย่าพูดเพื่อให้ร้ายใคร อย่าทำอะไรให้ใครต้องเดือดร้อน อยู่กันด้วยความรัก ด้วยความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน เพราะคนเราทุกคนมีหน้าที่อย่างนั้น เราไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่า ไม่ได้เกิดมาเพื่อรบกัน ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำผิดในเรื่องความรักความใคร่ ไม่ได้เกิดมาเพื่อพูดจาโกหกหลอกลวงกัน ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำร้ายสติปัญญาให้มันน้อยลงไปด้วยการเสพสิ่งเสพติดมึนเมา เราต้องคิดเป็นหลักเตือนใจ จะทำอะไร จะไปไหน จะเกี่ยวข้องกับใครต้องนึกถึงคำสอนของพระศาสนา ว่าพระพุทธเจ้าสอนอย่างไร อะไรถูกอะไรผิด อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องจำใส่ใจไว้ แล้วก็พยายามศึกษาหาความรู้ความเข้าใจ อย่าเป็นคนขี้เกียจเรียน อย่ามัวแต่เถลไถลไปเที่ยวไปเตร่ เพราะเวลานี้เรายังมีผู้ให้ความช่วยเหลือคือคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง คุณพ่อคุณแม่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นบ่อซึม เราจะตักจะตวงอะไรก็ได้ ขอสตางค์ก็ยังได้ ขอเสื้อขอผ้าขออะไรได้ทั้งนั้น ท่านยังให้เราอยู่ เพราะท่านให้ด้วยใจรักใจเมตตา
คราวนี้เราต้องตอบแทนพ่อแม่ด้วยน้ำใจอันงาม ท่านให้เราด้วยความรัก เราก็ตอบแทนด้วยความรัก รักพ่อรักแม่ รักพ่อแม่ก็คือทำดีให้พ่อแม่สบายใจ อย่าทำอะไรให้พ่อแม่เดือดเนื้อร้อนใจ อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ อย่าชอบสนุกเพลิดเพลินเหลวไหล เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสนุก เพื่อเล่น เพื่อเฮฮา แต่เราเกิดมาเพื่อทำชีวิตให้เป็นสาระเป็นแก่นเป็นสาร เราจึงต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เวลาเป็นเด็กทำหน้าที่ศึกษาเล่าเรียน เรียนให้มีความรู้ ให้มีความฉลาด
เมื่อวานนี้พ่อแม่พาลูกมาคนหนึ่ง กำลังเรียนชั้นม.๑ แต่ว่าขี้เกียจเรียน ไม่ค่อยชอบเรียน เกะกะ ชอบรังแกเพื่อนนักเรียน เลยก็คุยให้ฟังบอกว่าเธอทำอย่างนั้นมันไม่ถูกต้อง คุณแม่คุณพ่อรักเธอ ปรารถนาให้เธอเป็นคนดีมีความรู้มีความสามารถ โตขึ้นจะได้ช่วยตัวเองได้ ถ้าเราเกิดในกรุงเทพฯ เราไม่เรียนหนังสือ ไม่หาความรู้ใส่ตัว ไม่ทำความดี ไม่ประพฤติชอบตามคำสอนในทางศาสนา โตขึ้นจะลำบากจะเดือดร้อน จะต้องย้ายทะเบียนไปอยู่คุกลาดยาวคุกบางขวาง กลายเป็นคนไม่ได้เรื่องอะไร เราไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น พูดสอนพูดเตือนเขา ให้เกิดความสำนึกรู้สึกตัว พ่อแม่ก็ว่าขอถวายให้เป็นลูกหลวงพ่อ บอกว่าถวายฉันแต่ต้องเอาไปเลี้ยงเอง ฉันเอามาเลี้ยงไม่ได้ ไม่มีเวลา แต่ว่าเดือนหนึ่งพามาพบสักครั้งหนึ่งเพื่อจะได้สอบถามว่าการเรียนเป็นอย่างไร ความประพฤติเป็นอย่างไร ให้รู้ให้เข้าใจ
พวกเราเป็นนักเรียนอาชีวะ เรียนอยู่พาณิชย์พระนคร เป็นโรงเรียนพาณิชย์เก่าแก่ตรงนั้น ตั้งอยู่ในวังกรมหลวงชุมพรซึ่งเป็นวังเก่าของท่าน กรมหลวงชุมพรเป็นเจ้านายที่ทำประโยชน์มากแก่กองทัพเรือ เวลาสิ้นพระชนม์ก็กลายเป็นเทพเจ้า เป็นเทพพระเจ้าที่ทหารเรือเคารพเขาบูชา เรียกว่าเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพร มีรูปปั้นไว้ คนไปไหว้ ไปบูชา ไปสักการะเพราะความงามความดีของท่าน เราเรียนในโรงเรียนที่วังของท่าน แล้วก็มีรูปของท่านยืนอยู่ที่มุมตรงนั้นหน้าโรงเรียน เดินเข้าเดินออกต้องหยุดเคารพท่านหน่อย แล้วอธิษฐานใจว่าเราจะเป็นลูกที่ดีของเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพร เราจะเป็นนักเรียนที่อ่อนน้อมถ่อมตน เชื่อฟังคำสอนครูบาอาจารย์ จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้มีความรู้ ให้มีความสามารถ จะได้เอาความรู้ไปใช้เป็นหลักในการปฏิบัติชีวิตต่อไป เราจะอยู่อย่างคนก้าวหน้า ไม่ล้าหลังใคร เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นความชั่วความร้าย เราจะเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติบ้านเมือง ให้คิดอย่างนั้น อย่าคบเพื่อนไม่ดี อย่าชวนกันไปเที่ยวซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาดสรรพสินค้า ถูกจี้ถูกอะไรบ่อยๆ มีคนมันจี้ พอไปถึง เอ้ย!ไอ้น้องมีสตางค์หรือไม่ ขอหน่อย ขอสักบาท ถ้าไม่ให้ฉันจะทำร้าย ก็ต้องให้มัน นักเรียนบางคนเวลาไปเที่ยวต้องเอาเงินใส่ไว้ใต้รองเท้า ซ่อนไม่ให้เขาเห็นไม่ให้เขาจับได้ เพราะว่าเขามักคลำที่สะเอว ถ้าเงินมีเขาก็เอาไป แต่นี่ไปไว้ในรองเท้า เขาออกโทรทัศน์ ไอ้พวกขโมยมันก็รู้แล้ว อ๋อ!นักเรียนนี่เอาเงินไปซ่อนไว้ใต้รองเท้า ทีหลังมันเรียกมาถอดรองเท้ามันเอาเงินไปอีกเหมือนกัน
การโฆษณาบางทีมันก็เป็นผลร้ายเหมือนกัน ไปชี้ช่องให้กระรอกบอกทางให้โจร ไม่ได้เรื่องอะไร เสียหาย ทางที่ดีเราไม่ควรไปเที่ยว เราควรจะซื่อสัตย์ต่อพ่อแม่ ไปโรงเรียนก็ไปโรงเรียน เลิกโรงเรียนแล้วก็รีบกลับบ้าน มาถึงบ้านก็อยู่กับบ้านอ่านหนังสือทำการบ้าน ช่วยคุณพ่อคุณแม่ ให้ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์จึงจะเป็นการถูกต้อง ถ้าเราเรียนดีพ่อแม่เหมือนกับขึ้นสวรรค์ ถ้าเราเรียนไม่ดี พ่อแม่ก็เสียใจ เสียใจว่าลูกไม่ดี เราก็เป็นผู้ทำร้ายพ่อแม่ ทำอันตรายแก่จิตใจพ่อแม่ เป็นคนไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่ เสียหาย ขาดคุณธรรมสำคัญคือความกตัญญูกตเวที ถ้าเราไม่มีความกตัญญู เสียหมดเลย เสียหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ถ้าเรามีความสำนึกในหน้าที่ว่าเราเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ เราจะทำให้พ่อแม่สบายใจ เราก็ตั้งใจเรียนตั้งใจศึกษา ไม่กระทำความชั่วความร้ายประเภทใดๆ พ่อแม่สบายใจ ไปนั่งที่ไหนก็เอาลูกไปคุย “เอ้อ!ลูกฉันเขาเรียนเก่งเรียนดี อ่อนน้อมถ่อมตนเชื่อฟังพ่อแม่” อยากคุย แต่ถ้าลูกไม่ดี คนอื่นเขาคุยว่าลูกเขาดี พ่อแม่ก็นั่งถอนใจแล้วถอนใจอีก บ่นกับตัวเองว่า “ไอ้ของฉันมันแย่ ไม่รู้ว่ามันมาจากขุมไหน” หาว่าวิญญาณอะไรมาเกิดก็ไม่รู้ มีแต่สร้างความทุกข์ความเดือดร้อนแก่พ่อแม่อันนี้ไม่ถูกต้อง
เราจึงต้องคิด ตื่นเช้าต้องอธิษฐานใจวันนี้เราจะอยู่อย่างคนดี อยู่อย่างคนรักการเรียน อยู่อย่างคนก้าวหน้า อยู่อย่างคนชนะตัวเอง ไม่ทำอะไรที่เป็นความเสียหาย ไม่สร้างปัญหาให้แก่คุณพ่อคุณแม่ ได้เงินได้ทองก็อย่าเอาไปใช้ให้สิ้นเปลือง ใช้เท่าที่จำเป็น อย่าไปซื้อของที่ไม่ควรซื้อ อย่าไปซื้อบุหรี่มาสูบเพราะเป็นการทำลายปอดหลอดลมให้เสียหาย จะตายไว อย่าไปเที่ยวหัดดื่มสุราเมรัย อย่าไปเที่ยวกลางคืน กลางคืนควรอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน อ่านหนังสืออยู่กับพ่อแม่ ให้พ่อแม่ชื่นใจว่า เอ้อ!ไอ้หนูมันอยู่ที่บ้านมันอ่านหนังสือ แต่ถ้าเราออกจากบ้านหายไปคุณแม่ก็นั่งเป็นทุกข์นอนเป็นทุกข์ ลูกทำอะไรไม่ดีเท่ากับสร้างนรกไว้ในอกพ่อแม่ ลูกที่สร้างนรกไว้ในอกพ่อแม่เป็นลูกไร้ความกตัญญูกตเวที เป็นเด็กที่ใช้ไม่ได้ โตขึ้นก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ชาติแก่บ้านเมือง
เวลานี้เมืองไทยเรากำลังต้องการอะไร เธอทั้งหลายรู้หรือไม่ จะบอกให้ทราบว่า ต้องการคนดีไว้สำหรับสร้างชาติสร้างบ้านเมือง เดี๋ยวนี้คนดีไม่พอใช้เราขาด ไอ้ขาดเงินขาดทองไม่เป็นไร แต่ขาดคนดีนี่มันยุบยับ เรามีคนดีไม่ค่อยพอใช้ มีบ้างแต่มันไม่ค่อยพอ จะเอามาใช้ดำรงตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้มันก็ไม่ได้ ใช้ไปอย่างแกนๆอย่างนั้นแหล่ะ มันไม่ดีพร้อม บางคนมีความรู้แต่ไม่มีความสามารถ บางคนมีความรู้มีความสามารถแต่ขาดความประพฤติดี เป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ เอาเข้าไปตรงไหนก็จะเบียดบังประโยชน์ไปใช้ส่วนตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวมคือประเทศชาติ นี่เรายังขาดกันอยู่ คราวนี้ใครจะช่วยให้สมบูรณ์ช่วยให้เต็มล่ะ ก็อนุชนรุ่นพวกเธอทั้งหลาย ทั้งหญิงทั้งชายจะไปเพิ่มเติมสิ่งที่ขาดให้สมบูรณ์ให้เรียบร้อย เราจึงต้องตั้งใจว่าเราคนหนึ่ง จะทำให้คนดีในชาติเพิ่มขึ้น จะเพิ่มคนสามารถในชาติบ้านเมือง จะเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม คือ ประเทศชาติ ให้ตั้งใจอย่างนั้น คิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น คบกับเพื่อนฝูงมิตรสหายก็พูดจากันในรูปอย่างนั้นตลอดเวลา ก็จะเป็นการช่วยสร้างฐานแห่งความงามความดีให้เกิดขึ้นในชาติในบ้านเมืองของเรา นี้เป็นเรื่องสำคัญ และที่สำคัญก็คือว่าต้องมีระเบียบมีวินัย
เรื่องระเบียบวินัยนี่สำคัญมาก ประเทศชาติที่เขาเจริญก้าวหน้าเขามีระเบียบ ประเทศอังกฤษนี่เป็นชาติหนึ่งในโลกที่มีระเบียบวินัย เขาเรียกว่าผู้ดี คนอังกฤษนี่เขาเรียกว่าผู้ดีอังกฤษ เขาเรียบร้อย ดูในขบวนที่คนไปยืนรอจะดูขบวนแห่ศพเจ้าหญิงเขาเรียบร้อย เขามีดอกไม้มาเขาก็ไปวางเรียบร้อย แล้วก็ยืนคอยจะเซ็นชื่อในสมุดเยี่ยม ยืนคอยกันจนเหงื่อไหลไคลย้อย บางคนเข้าไปเซ็นเหงื่อไหลที่ปลายจมูก เขาถ่ายรูปติดคนที่เหงื่อกำลังหยดติ๋งที่ปลายจมูกนี่ หลวงพ่อเห็นแล้วบอกว่า โห!คนอังกฤษนี่หนักแน่นอดทน คอยจนเหงื่อไหลไคลย้อย เข้าไปเซ็นไว้อาลัย บางคนคอยตั้งครึ่งวันกว่าจะถึงได้ เขาใจหนักแน่น อดทน เยือกเย็น ไม่วู่วาม ไม่เร่าร้อน เขาทำได้ ดอกไม้เขาวางเรียบร้อย แล้วก็ยืนคอย ยืนกันด้วยความสงบ ไม่เอะอะมะเทิ่ง ไม่มีการกระทำอะไรที่จะเป็นความเสียหาย อันนี้คือความมีระเบียบมีวินัย
ชาติอังกฤษจึงเป็นชาติที่ปกครองคนทั่วโลก มีเมืองขึ้นจนพระอาทิตย์ไม่ตก เพราะว่าตกที่นี่ไปขึ้นที่นั่น ขึ้นไปเรื่อย ของเขามากมาย เรือสินค้าของเขาอยู่ทั่วโลก ในชั่วโมงใดเขารู้ว่าเวลานี้เรือสินค้าอังกฤษอยู่ทุกหนทุกแห่งในน่านน้ำของโลกก็จำได้เพราะเขามีระเบียบวินัย เขาปกครองคนจำนวนมาก ปกครองอินเดียซึ่งใหญ่กว่าประเทศอังกฤษหลายเท่า พลเมืองก็มากกว่า แต่เขาปกครองได้เพราะคนของเขามีคุณธรรม เขาอบรมมาดี
มหาวิทยาลัยของเขา เขาเรียกว่าสถานอบรมสุภาพบุรุษ มหาวิทยาลัยคือสถานอบรมสุภาพบุรุษ คนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเขาไว้ใจได้ ถ้าจบจาก อ๊อกซฟอร์ด (Oxford) จากเคมบริดจ์ (Cambridge) นี่เขาไว้ใจ ไปสมัครงานที่ไหนไม่มีใครปฏิเสธเพราะเขาไว้ใจว่าคนที่ออกมาจากอ๊อกซฟอร์ด เคมบริดจ์เป็นคนที่ได้รับการอบรมมาดีแล้ว เขามีการอบรม เช่นในห้องอาหารนี่เขามีเวทีสูง ครูอาจารย์ขึ้นมารับประทานบนนี้ นักเรียนนั่งรับประทานที่นั่นเป็นโต๊ะๆ เข้ามาแต่งตัวเรียบร้อย เวลารับประทานอาหารต้องแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ใช่ว่านุ่งอะไรก็ได้ แต่งตัวอย่างไรก็ได้ ไม่ใช่ล่ะ ต้องแต่งตัวเรียบร้อย เขาต้องการฝึกระเบียบ แล้วก็มานั่ง นั่งสงบ ไม่พูดไม่คุย ไม่เอะอะมะเทิ่งในห้องอาหาร รออาจารย์มา พออาจารย์มาพร้อมแล้วยังไม่ให้กินก่อน อาจารย์ต้องลิสต์ชื่อให้ฟัง ๑๕ นาที แล้วจึงรับประทานอาหาร ระเบียบเขาอย่างนั้น เขาตั้งมาตรฐานไว้ให้คนมีความอดทนหนักแน่นมีระเบียบมีวินัย ไม่ใช่ทำอะไรตามชอบใจตัวตามใจอยาก ที่พักของนักเรียนมันคล้ายๆกุฏิพระเป็นห้องๆ แล้วเฉลียงเดินไป ห้องน้ำอยู่สุดนู่นสุดหูสุดตา คนอยู่ตรงกลางนี่จะไปห้องน้ำต้องฝ่าความหนาว เพราะเขาไม่มีกระจกปิด ปิดไว้ ปิดเฉพาะในห้อง พวกนักเรียนต้องวิ่งฝ่าความหนาวไปส้วม เสร็จแล้วก็ต้องวิ่งฝ่าความหนาวกลับ
นักเรียนเดินขบวน เดินขบวนก็ไม่ใช่เอะอะมะเทิ่งอะไร ไปยืนอยู่หน้าห้องท่านอธิการฯอย่างเงียบๆ ท่านอธิการฯออกมา เขาก็บอกว่าบ้านเมืองพัฒนาไปมากแล้ว มหาวิทยาลัยยังไม่ได้พัฒนา ห้องน้ำมันอยู่ไกล หน้าหนาวลำบาก ขอให้ช่วยทำกระจกปิดเฉลียง ให้เดินได้ไม่ต้องหนาว อาจารย์ตอบอย่างไร อาจารย์ไม่พูดมาก ตอบคำเดียว ตอบว่า “ประเทศอังกฤษเขาสร้างชาติมาโดยวิธีนี้ ประเทศอังกฤษเขาสร้างชาติมาโดยวิธีนี้” นักเรียนไปหมด มีเหตุมีผล ไม่ติดไม่ตะโกนด่าอาจารย์ตลอดครึ่งวันครึ่งคืน เขามีเหตุผล พออาจารย์บอกว่าประเทศอังกฤษเขาสร้างชาติอย่างนี้ ที่ได้เป็นชาติยิ่งใหญ่เพราะเขาทำอย่างนี้ นักศึกษารู้สึกตัวกลับไปนอน แล้วก็อยู่อย่างนั้นจนบัดนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง นี่คนเขาหนักแน่นมีเหตุมีผล เขารู้จักว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เพราะฉะนั้นในงานพระศพเจ้าหญิงไดอาน่าเราเห็นความมีระเบียบเรียบร้อยของประชาชน ยืนแออัดยัดเยียด ร้อนไม่ใช่หนาว ฤดูนี้หน้าร้อน เหงื่อไหลไคลย้อยก็ยืนกันด้วยน้ำอดน้ำทน ไม่มีเรื่อง ไม่มีอะไร มหรสพทุกอย่างเขาหยุดหมดเขาไม่แสดง โรงหนังโรงละครเขาไม่แสดง กีฬาต่างๆเขาไม่แสดง วันที่เอาศพเจ้าหญิงไปฝังเขาหยุดหมด เขาไว้อาลัยแด่คนดีของชาติเขา เขาทำอย่างนั้น เขายกย่องคนดี เขาทำดีด้วยตัว ชักชวนคนอื่นให้ทำดี สนับสนุนคนทำดีให้มีกำลังใจทำดีต่อไป เป็นเรื่องสำคัญ จึงได้เป็นอยู่ดังที่เราเห็น เป็นอย่างนั้น
คราวนี้ความผิดพลาดในชีวิตของเจ้าหญิง พูดไปแล้วเจ้าหญิงเองไม่ได้บกพร่องอะไร แต่ว่าเจ้าชายค่อนข้างจะบกพร่อง คือไม่ซื่อ ไม่ซื่อตรงต่อภรรยา แต่งงานแล้วก็ยังเอาใจไปให้คนอื่น เจ้าหญิงรู้ก็เสียใจ และแยกกันอยู่ แยกๆกันก็หย่ากันดีกว่า พระราชินีก็อนุญาตให้หย่ากัน หย่าแล้วท่านก็มีชีวิตอิสระไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ แต่พวกหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ นักข่าวพวกชอบถ่ายภาพไปเที่ยวดักถ่าย ถ่ายแล้วเอามาขายแพง รูปดีๆนี่ขายราคาเป็นล้านนะ เอาไปลงหนังสือพิมพ์ประจาน พวกคนที่มีชื่อมีเสียง ก็ไปเที่ยวถ่าย ดักถ่ายที่นั่น ดักถ่ายที่นี่ เคลื่อนไหวที่ไหนมันถ่ายทั้งนั้นแหล่ะ วันนั้นก็หลบช่างภาพออกทางประตูหลัง พวกช่างภาพมันรู้ ช่างภาพอิสระ มันก็ไปตามถ่าย ขับรถเร็วหลบช่างภาพไปชนเสา เกิดอุบัติเหตุตายเลย อันนี้เป็นเรื่องที่เสียหาย
พวกนักข่าวทั้งหลายก็ต้องระวังเหมือนกัน เรื่องของคน เราต้องเคารพสิทธิของเขา อย่าไปล่วงล้ำสิทธิของเขาให้มากเกินไปมันจะเสียหาย บ้านเราก็มีบ่อย ชอบลงข่าวอะไรต่อมิอะไร โจมตีคนนั้นโจมตีคนนี้ ซึ่งบางทีมันก็ไม่เป็นสาระ โจมตีเหมือนกับโจมตีแม่ชีที่เกาะมหามงคล หลวงพ่อไปเยี่ยมบอกว่าโยมอยู่เฉยๆ อย่าไปพูดตอบ หนังสือพิมพ์อ่านวันเดียวก็เอาไปห่อของแล้ว ถ้าเราไปพูดตอบมันดีใจ มันจะเขียนกันใหญ่ เพราะฉะนั้นอย่าตอบ เฉยๆทำไม่รู้ไม่ชี้ เงียบไป แกไม่ตอบมันก็เงียบไปเอง เดี๋ยวนี้มันก็เรียบร้อย ถ้าเราไปจู้จี้กับเขา เขาก็ลงต่อไม่หยุด ลงต่อเหมือนกับที่โจมตีใครๆต่อใคร แล้วก็ชอบให้สัมภาษณ์ มันก็ตีต่อไป และเขาสบายใจ เขาได้เหยื่อเป็นข่าว ขายหนังสือพิมพ์ได้ คนก็ชอบอ่านเรื่องคนอื่นเสียด้วย เรื่องเขาด่าเขาตีกันนี่ชอบ คนทำดีไม่มีใครมาดูหรอก แต่ถ้าคนตีกันบนถนนคนมุงดูเต็มเลย แต่ถ้าคนทำดีมาวัดมาวานี่คนมาดูไม่กี่คน มันเป็นอย่างนั้น
มีคนถามหลวงพ่อว่าสมัยนี้เงินบาทลอยตัว คนมาวัดน้อยลงหรือไม่ ก็บอกว่ามาดู ยังมาอยู่เหมือนเดิม ยังทำบุญสุนทรทาน (59.49) เท่าเดิม ประกาศบอกบุญอะไรเขาก็มาช่วยทำกันอยู่ ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะคนมาวัดเขามีธรรมะ เขาไม่เป็นทุกข์กับการขึ้นลงของสถานการณ์ ขึ้นก็ไม่ดีใจ ลงก็ไม่เสียใจ มีสติปัญญารู้ว่าอะไรต่ออะไรมันก็เป็นอย่างนั้นแหล่ะ โลกไม่เที่ยง สิ่งทั้งหลายเปลี่ยนแปลง เราจะไปยึดถือให้เป็นทุกข์ทำไม แต่ดูมันด้วยปัญญาดีกว่า ก็ไม่วุ่นวายไม่สับสน คนที่เป็นทุกข์ก็คือคนที่ไม่ได้มาวัด ไม่ได้อ่านหนังสือธรรมะ ไม่มีเครื่องปลอบใจก็มีความทุกข์
เพราะฉะนั้นเวลาใครมีปัญหารีบมาวัด อย่าไปหาหมอดู อย่าไปไหว้เจ้าไหว้ผี อย่าไปเที่ยวสั่นติ้วสั่นกระบอกเสี่ยงทาย มันช่วยไม่ได้ แต่เรามาคุยกับพระที่สอนธรรมะก็จะชี้แนะแนวทางให้ ให้เราคิดเป็น พูดเป็น ทำเป็น เป็นสัมมาทิฐิ สิ่งทั้งหลายมันก็จะดีขึ้น ให้เข้าใจอย่างนี้ วันนี้ก็พูดมาสมควรแก่เวลา ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ ต่อนี้ไปก็ขอเชิญญาติโยมนั่งสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที