แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะอันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการมาวัดตามสมควรแก่เวลา หน้านี้เริ่มเป็นหน้าร้อน อากาศเริ่มร้อน ร้อนกายและก็มีความร้อนใจ ร้อนกายนี้ไม่เท่าไหรแต่ร้อนใจนี่มันลำบาก คนเราร้อนใจนี้หาเครื่องกับยาก แต่ร้อนกายนี้หาเครื่องดับง่าย เช่น อยู่ที่บ้านร้อนก็เปิดแอร์ เปิดแอร์มันก็ค่อยหายร้อน หรือไปอยู่ตามใต้ต้นไม้ก็ค่อยยังชั่ว แต่ว่าอากาศในกรุงเทพนี้มีมลพิษมาก ฝุ่นมาก มีทั่วๆ ไป แก้ยาก แต่ถ้าอยู่บ้านนอกค่อยสบายหน่อย เพราะมลพิษมันน้อย คนที่มีสตางค์จึงชอบไปซื้อบ้านไว้แถวชะอำบ้าง หัวหินบ้าง ชายทะเล หรือไปซื้อไว้ที่เชียงใหม่ ที่เชียงใหม่นี้กลางวันร้อนมาก กลางคืนเย็นสบาย ร้อนที่เชียงใหม่นี้ทานอาหารไม่ค่อยได้ ท้องมันอืด ดื่มแต่น้ำ แต่เดี๋ยวนี้อยู่ที่วัดชลประทาน อาตมาก็เป็นโรคเบื่ออาหาร เห็นอาหารแล้วมันเฉยๆ มันไม่อยาก ฉันไม่ค่อยได้ ฉันน้ำมาก ผลไม้พอกลืนได้ ฉันผลไม้กับข้าวนิดหน่อยพออยู่ได้ อากาศมันเปลี่ยนแปลง ต้องหาที่อากาศเย็นไปอยู่ ถ้าไปอยู่ยุโรปแล้วก็สบาย ออสเตรเลียร้อนมากกว่าบ้านเราอีก แต่ไปอยู่อังกฤษก็สบายเหมือนกัน หลบร้อนไปสักพัก พอหายร้อนก็ค่อยมาใหม่ สุขภาพทางกายดีใจ ใจก็อยู่ปกติ ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะอาศัยธรรมะเป็นหลักปลอบใจ ประโลมใจ ใจก็อยู่ปกติ แต่ร่างกายมันไม่ไหว มันจึงต้องไปพักผ่อน เดือนเมษายนนี้อาตมาก็จะไปต่างประเทศ คือไปประเทศอังกฤษก่อน แล้วไปประเทศเยอรมัน
คุณหมอหายหน้าไปนาน สองคน แก่ลงไปทุกวันเลยโยมนะ ร่างกายมันธรรมดา แก่มากขึ้น อายุยืนคือคนที่แก่มากๆ แก่มากๆ จะไม่สบายเท่าไหร่ จะยืนจะเดินก็ขัดคล่อง จะนั่งก็ข้ดคล่อง ขัดไปหมดทุกอย่าง อวัยวะต่างๆ มันก็เปลี่ยนแปลงไปสู่ความชำรุดทรุดโทรม ท่านเจ้าคุณพุทธทาสเคยพูดกันในห้องสองคนว่า เราสองคนอยู่เลยพระพุทธเจ้าไปแล้ว มันไม่ค่อยดี เวลาท่านพูดนี้อายุท่าน 87 อาตมาไปเยี่ยมก็เลยนั่งคุย อยู่เกินพระพุทธเจ้าไปร่างกายมันก็ไม่ค่อยดี ความจริงแล้วอยากจะตายทุกวัน แต่ไม่มีคนช่วยให้ตาย เรียกว่าไม่มีใครช่วยเหลือ เราพูดเลยไปถึงเรื่องท่านพลเกอริง กองทัพอากาศของเยอรมัน เขาตายโดยมีคนช่วยเหลือ คนช่วยเหลือให้ตายคือภรรยานั่นเอง เขาจับได้แล้วเอาไปขังไว้ในห้องขัง แกไม่อยากให้ถูกแขวนคอเพราะว่าศาลตัดสินต้องแขวนคอแน่ๆ เลยไม่อยากให้เขาแขวนคอ พอภรรยาไปเยี่ยมก็คุยกันไปคุยกันมา ฝรั่งเวลาเขาจากกันก็หอมปากกัน ภรรยาก็จูบปากนายพลเกอริง ทายาพิษใส่ให้ ยาไซยาไนต์ใส่แคปซูลอย่างแรง เวลาอยู่ในปากไม่เป็นไร ไม่ละลาย แคปซูลนั้นไม่ละลาย แต่พอลงไปในท้องไม่นานก็ละลาย และก็ตายคืนนั้นไม่ต้องถูกแขวนคอ ท่านบอกว่ามีคนให้ความช่วยมือดี แต่เรานี้ไม่มีใครให้ความร่วมมือ เขาไม่อยากให้เราตาย อยากให้อยู่ต่อไป แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ไปก็ลำบาก ร่างกายมันไม่สะดวกด้วยประการทั่งปวง แต่ก็ต้องอยู่ไปตามเรื่อง จนถึงเวลาก็ตายไปก็เป็นอย่างนั้น คนแก่ๆ จะเบื่อโลก เบื่อสังขารร่างกาย เบื่ออะไรทุกอย่าง อยู่มานานแล้ว อย่าเบื่อให้เป็นทุกข์ แต่เบื่อให้สบายใจ เบื่อเป็นทุกข์นั้นมันไม่ถูก แต่เบื่อไม่เป็นทุกข์ก็มี เขาเรียกว่านิพพิทา ภาษาบาลีเรียกว่านิพพิทา คือเข้าใจในสรรพสิ่งทั้งหลายว่ามันไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แล้วเราก็รู้เท่ารู้ทัน มีอะไรเกิดขึ้นก็รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น ไม่ไปวิตกกังวลให้มากเกินไป
เมื่อเช้านี้คุณแม่มากับลูกสองคน ลูกคนหนึ่งถึงแก่กรรมเพราะอุบัติเหตุ เรียนหนังสือจบได้ปริญญาแล้ว แล้วก็ถึงแก่กรรมเพราะอุบัติเหตุ อุบัติเหตุในเมืองไทยมีมากในขณะนี้ ถี่ด้วย ตายกันมากๆ ลงหนังสือพิมพ์บ่อยๆ อุบัติเหตุเกิดเพราะอะไร เกิดเพราะความประมาท ขับรถไม่ระวังจึงเกิดเรื่องต่างๆ ได้รับอันตราย เมื่อลูกชายตายไป คุณแม่ก็เสียใจ บอกว่าปลงไม่ลงเพราะไม่เคยปลงมาก่อน ปกติก็ไม่ค่อยได้มาวัด ไม่ได้ฟังธรรม ไม่ได้อ่านหนังสือธรรมะ สามีเป็นคนที่มาวัดนี้ทุกอาทิตย์ แต่ภรรยาไม่มาด้วย อยู่บ้าน พอมีเรื่องลูกชายตายก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาแก้ มีแต่ความเศร้าโศก ความเสียใจ ก็เลยบอกว่า โยม..มีลูกกี่คนหละ มีสามคน หายไปเสียหนึ่งเหลือตั้งสอง มารักคนที่อยู่ก็แล้วกัน อย่าไปรักคนที่ตาย ตายแล้วจะไปรักก็ไม่ได้เรื่อง ถ้วยแตกแล้วก็ระวังอย่าให้ใจเราแตก ลูกชายตายก็อย่าให้ใจเราตายตามลูกชาย อยู่ด้วยปัญญา ด้วยความคิดถูกต้อง ก็บอกไปอย่างนั้น แต่จะเอามาใช้หรือเปล่าก็ไม่รู้ คนเราก็เป็นอย่างนั้นเพราะว่าเรารักมากเกินไป รักผิดทาง เราเรียกว่ามีอุปาทาน แปลว่าเข้าไปจับไว้ ยึดไว้ คิดไว้ว่าของฉัน ลูกของฉัน สามีของฉัน ภรรยาของฉัน เงินทองของฉัน อะไรๆ ก็เป็นของฉันไปหมด ของฉันมากมันก็ทุกข์มาก ของฉันน้อยก็ทุกข์น้อย ถ้าเข้าใจความจริงแล้วก็รู้ว่า ไอ้ตัวฉันมันก็ไม่มี แล้วของฉันมันจะมีได้อย่างไร ตัวฉันเองก็ยังบังคับไม่ได้ แล้วจะไปบังคับสิ่งอื่นคนอื่นได้อย่างไร ต้องคิดพิจารณา ถ้าคิดอย่างนี้ก็ค่อยสบายใจ ปลงลงไปได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง ลูกตายก็บอกว่ามันก็เป็นอย่างนั้นเกิดมาก็ตายทุกคน เวลามาก็ไม่ได้บอกเรา เวลาไปก็ไม่ได้บอกลา ไม่ได้สัญญาอะไรกับเราทั้งนั้น เราไปตู่เอาเองทั้งนั้น คิดบ่อยๆ ก็จะไม่เสียใจ ไปงานศพบ่อยๆ พระก็เทศน์ให้ฟัง ที่วัดอื่นไม่ทราบแต่วัดนี้ก่อนเผาศพจะเทศน์ทุกที เพื่อเตือนสะกิดให้รู้ความจริงของชีวิตให้รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ว่าคนเป็นญาติใกล้ชิดผู้ตายพอขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ก็ร้องไห้โฮเลยทีเดียว ธรรมะที่ฟังแล้วไม่ได้ใช้เลยไปร้องไห้อวดคน หลวงพ่อยืนอยู่หน้าเตาก็บอกว่าร้องก็ไม่ฟื้นแล้ว ไปร้องข้างล่างนะอย่าร้องตรงนี้ เลยหลงมาข้างล่าง ไปถึงข้างล่างก็หายร้องไกลไปหน่อย คนบางคนไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ปล่อยให้ร้องเสียให้หายทุกข์ดีกว่า ร้องแล้วก็ระบายได้เหมือนกัน อย่าไปห้าม ถ้าห้ามก็ยิ่งไปกันใหญ่ ไปพูดอะไรเข้าก็เหมือนไปยุให้ร้องไห้ร้องห่ม ชีวิตมันก็เป็นอย่างนั้น เราต้องหมั่นพิจารณาตักเตือนตัวเองให้เกิดความรู้สึกนึกคิดในทางที่ถูกที่ชอบแล้วก็สบาย อยู่ให้สบาย อย่าอยู่ให้เป็นทุกข์ อยู่เป็นทุกข์แสดงว่าเราไม่เข้าใจเรื่องชีวิตให้ถูกต้อง ไม่เข้าใจว่าชีวิตมันคืออะไร มันตั้งอยู่ได้ด้วยอะไร มันดับไปเพราะอะไร เราไม่เข้าใจ ไม่มีปัญญา เลยเป็นทุกข์ เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่ได้ประโยชน์อะไร แก้ไขเสียหน่อยก็จะสบายดี
อุ้ย ... น้ำร้อนจัด คือเวลาพูดคอจะแห้ง ไม่รู้ตอนนี้เป็นโรคคอแห้ง หน้าแล้งคอแห้ง ในปากไม่มีน้ำลาย ก็ไม่ค่อยดี ถามหมอ..หมอก็บอกธรรมดา ไม่เห็นให้หยูกยาอะไร กินน้ำมากๆ ก็เลยดื่มน้ำเยอะเพื่อแก้ มันก็ยังไม่หายอยู่อย่างนั้น (เปิดหรือยัง ไม่เปิดแล้วจะฉันอย่างไง) อืมม..ค่อยชุ่มคอหน่อย บางทีดื่มน้ำแล้วไม่ลงเลย มันจะติดอยู่นี้ ไม่ไหลลงไป ขึ้นก็ไม่ขึ้นเพราะว่าในร่างกายเรามีแก๊ส พอน้ำลงมันก็ไล่แก๊ส มันสวนทาง มัน one way ไม่มีทางเบี่ยง ก็เลยติดอยู่ตรงนี้ กำนหดมันแล้วก็ค่อยลงไปทีละน้อยๆ ถ้าขืนกลืนลงไป มันไม่ลงก็หายใจไม่ออก ตายได้นะ เขาเรียกว่าแค้นใจ แค้นน้ำแค้นอาหาร คนแก่บางคนกินขนมกาละแมติดคอตาย ตายด้วยการกินกาละแม เพราะว่ามันเหนียว มันลงแล้วก็ไม่ลง ทำอย่างไรก็ไม่ลงก็เลยกลั้นใจตาย อาตมาดื่มน้ำก็รู้สึกว่ามันไม่ลง บางทีมันสำลักออกมาทางจมูกทางปาก เป็นอย่างนั้นก็มี มีอะไรแปลกๆ อายุมากเข้าได้เห็นอะไรแปลกๆ ในร่างกายเราเอง ชอบศึกษาเวลามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับร่างกายเราว่ามันเป็นอย่างไร บางทีก็ปวดเสียวปลายเท้า ปลายนิ้ว เจ็บที่นิ้วแม่โป้งบ้าง นิ้วชี้ นิ้วกลางที่เท้า บางทีมันไม่พอมันมาเจ็บที่ปลายนิ้วมือ เหมือนมีอะไรมาเจาะอยู่อย่างนั้น กำหนดดูมันไป มันก็หายไปหลายวัน แต่ก็เดี๋ยวแอบมาอีกแล้ว มาปวดตรงนั้น ปวดตรงนี้ มีไหมโยม โยมแก่ๆ มีไหมอาการเหล่านั้น นั่นแหละทดสอบทดลองร่างกายเราว่าเป็นอย่างไร ต้องรู้มันไว้ว่ามันเป็นอย่างนั้นมันเป็นอย่างนี้ บางทีเวลานอนๆ ก็เป็นตะคริวที่ฝ่าเท้า บิดไม่ได้แข็งอยู่นั้น ก็นอนกำหนดอยู่นั้น ดูมันไปก่อน เดี๋ยวมันก็หายไป มาหยอกเล่น มาหยอกเท้าบ้าง หยอกมือบ้าง ขออย่างเดียวอย่าหลอกไปหัวใจก็แล้วกัน ถ้าหยอกหัวใจมันหยุดเล่นไม่ได้ เพราะหยุดจริงๆ ก็ลำบาก อายุมากเข้าเราก็ได้เห็น วิปริตนามธรรม แปลว่าความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ มีทุกคน ค่อยมีมาก ค่อยเพิ่มขึ้นๆ อย่าตกใจ มันเป็นเรื่องอย่างนั้น แต่ถ้าว่ารู้จักกับหมอก็ไปปรึกษาได้ แต่หมอบางทีก็ปรึกษาแล้วก็จะบอกว่ามันอย่างนั้นแหละครับ คนอายุมากก็เป้นอย่างนั้นแหละครับ ไม่ได้ช่วยอะไร ช่วยบอกให้รู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเองเท่านั้นเอง ก็ขอบใจแล้วก็กลับมาวัดดูมันต่อไป มีอะไรหลายอย่างค่อยเกิดขึ้น ล้วนเป็นเครื่องแสดงถึงความชรา ความชำรุด ความทรุดโทรมของร่างกายอันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นต้องมี ใครๆ ก็มีเหมือนกัน แม้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านก็มีเรื่องอย่างนี้เป็นโรค เมื่อวานนี้พบหมอที่ทำหน้าที่ประจำพระองค์ก็สอบถามสุขภาพของในหลวงเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ดีขึ้นท่านเดินทุกวัน เดินรอบพระตำหนัก พระเทพเดินตามหลัง เดินออกกำลัง ขี่รถจักรยานทุกวัน เวลาก่อนทรงจะขึ้นจักรยานจะต้องวัดความดันก่อน ว่าความดันเท่าไหร่ แล้วขี้จักรยานแล้วความดันเป็นอย่างไร หมอคอยคุมอาการของพระองค์ท่าน เพื่อให้ท่านมีอายุนานๆ อยู่เป็นร่มโพธิร่มไทรของประชาชนต่อไป เพราะว่าท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรม มีคุณงามความดีมาก
คนเราถ้ามีความดี คนก็ไม่อยากให้ตาย แต่ถ้าทำชั่วเขาอยากให้ตายไวไว แต่บางทีก็ไม่ตายเหมือนกัน อยู่ทรมานให้ลำบากไม่ค่อยตายเป็นอย่างนั้นก็มีเหมือนกัน ชีวิตของคนเรามันขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง ถ้าเราคิดดีพูดดีทำดีคบคนดี ไปสู่ที่ดีดี อะไรมันก็ดีขึ้น แต่ถ้าเราคิดเรื่องชั่ว พูดเรื่องชั่ว ทำเรื่องชั่ว คบหาสมาคมกับคนชั่ว ไปสู่สถานที่ชั่วๆ กัน ก็มีอันตราย เกิดปัญหา เวลานี่การเดินทางไปไหนมาไหนต้องระวัง คือว่าถ้าเรามีคนขับรถ สมมติว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไกล บอกคนรถว่านอนหัวค่ำนะ ให้มันหลับเต็มตื่น จะได้ไม่ขับรถง่วง ให้เขามีร่างกายปกติ แล้วก็เวลาจะขึ้นรถก็แนะแนวขับสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อนนะ ฉันต้องการไปที่นั่นแล้วก็ต้องการกลับถึงบ้าน ให้เขาขับดีๆ อย่าให้เขาดื่มยาประเภทกระตุ้นประสาท คนรถชอบกระทิงแดง ลิโพ เอ็ม ๑๐๐ อะไรอย่างนั้น เครื่องกระตุ้นทั้งนั้น จะดื่มกันมาก อันตราย เพราะว่ามันกระตุ้นประสาท ทำให้ตื่นอยู่ แต่พอหมดฤทธิ์ยาแล้วมันวูบลงไป เกิดเสียหายตรงนั้นเอง ตรงหมดฤทธิ์ยา จึงเกิดมากๆ คนขับก็ไม่ได้ระวังตัว ไม่ได้นึกว่าเราพาคนหลายชีวิตไปกับรถ เป็นคนดีมีประโยชน์ อย่าให้ท่านไปลำบากเลย ขับให้เรียบร้อยดี ไม่เสียหาย อาตมามีคนขับรถก็คอยเตือนอยู่เสมอ นั่งใกล้คนขับ คอยเตือน คอยบอก รถพุ่งมาแล้ว สิบล้อคันนั้นดูมันใหญ่ให้ระวัง เดี๋ยวมันจะมาชนเรา ให้หลีกๆ ไว้ห่างๆ กลางวันดียังมองเห็นแต่กลางคืนนี่ลำบาก อาตมาไม่ชอบนั่งกลางคืนไปไหนมาไหน ไปเทศน์กลางคืนแล้วจะนั่งรถกลับกลางคืน ก็อย่าเลย นอนนี้ดีกว่า ตอนเช้าค่อยไป ก็นอนที่วัดนั้นแล้วเช้ามืดออกเดินทางกลับ มันปลอดภัยกว่า ขับกลางคืนนี่น่ากลัวที่สุดคือรถสิบล้อ เขาเป็นเจ้าถนน พอเขาขึ้นมาแล้วเขาไม่หลีกใครแล้ว เราหลีกจนเกือบตกถนนแล้วมันก็หวืดไป มันอันตราย น่ากลัวมาก บ้านเรานี่อันตราย เมืองนอกคนขับรถเขาเรียบร้อย ไปในยุโรป นั่งหลายประเทศ นั่งรถยนต์ไปหลายประเทศ ไม่มีอุบัติเหตุ ไม่เจอเลย เมืองนี้สู้เมืองไทยไม่ได้ ไม่มีอุบัติเหตุเลย เขาขับรถเรียบร้อย ถนนกว้างไม่สวนกัน บ้านเราถนนกว้างแต่มันก็กระโดดข้ามเกาะไปชนกัน เก่งมาก ชนกันตายเลย ข้ามเกาะไปเลย ถึงขนาดนั้น มันเมากัญชาบ้าง เมายาม้าบ้าง ยากระตุ้นไม่ค่อยดี ควรจะดูแลให้ดี เพราะนั่นคือลูกเต้าเหล่าหลานของเรา กำลังเติบโตขึ้น ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ อย่าให้ไปเที่ยวกลางคืน ให้อยู่กับบ้านกับช่อง ที่บ้านถนนคอนแวนต์มีบ้านที่เรียกว่า บ้านศิวนนท์ เดี๋ยวนี้คงจะเป็นอื่นไปแล้ว คุณแม่นี่มีลูกชาย ลูกหญิง คุณแม่บอกคนใช้ให้ไปนอนเถอะ เดี๋ยวลูกชายมาฉันจะเปิดประตูให้ ลูกชายก็ไปเที่ยว กรุงเทพสมัยก่อนไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ก็ไปเที่ยว กลับมากดกริ่ง คุณแม่เดินช้าๆ เปิดกลอนให้ แล้วก็เดินกลับช้าๆ ไม่พูดไม่จา เข้าห้องเงียบ สองสามคืนเท่านั้นลูกชายได้ความคิด บอกว่าไม่ไหวสงสารคนแก่ คุณแม่ต้องคอยเปิดประตูรับเราทุกคืนๆ ไม่ได้หลับได้นอน เลิกเที่ยวสะทีเถอะ ก็เลิกเที่ยวเลย ไม่เที่ยวต่อไป คุณแม่สอนด้วยการมาเปิดประตูให้ ไม่บ่นไม่ว่า ลูกก็เปลี่ยนชีวิตจิตใจ กลัวคุณแม่จะลำบากเลยไม่เที่ยว เดี๋ยวนี้ลูกชายก็ตายหมดแล้ว คุณจรูญเวลาเป็นไข้แล้วอาตมาไปเยี่ยม เอ่ยปากพูดอะไรไม่ได้แกร้องไห้ (24.29 เสียงไม่ชัดเจน) โรคตามประสาทตามสมอง เลยไม่ต้องพูดอะไร นั่งดูเฉยๆ เพราะว่าร้องเป็นโรคได้ คนเรามันเลือกเป็นโรคไม่ได้ว่าจะเป็นโรคนั้นเป็นโรคนี้ เลือกเวลาตายก็ไม่ได้ เลือกสถานที่ก็ไม่ได้ มันเป็นไปตามเรื่องตามราวของชีวิต ก็ต้องปล่อยไปตามเรื่อง ถ้าโยมคิดได้อย่างนั้น มีลูกมีหลานก็เรียกมาสอนมาอบรมให้เขาเข้าใจในเรื่องอะไรต่ออะไรให้ถูกต้อง ไม่ให้ติดยาเสพติด ไม่ให้สูบบุหรี่ ไม่ให้ดื่มเหล้า ไม่ให้เที่ยวกลางคืน ไม่ให้คบเพื่อนเหลวไหล แต่เวลานี้ไปมหาวิทยาลัยเพื่อนเยอะ คบเพื่อนก็จูงกันไปเที่ยวไปสนุก แล้วถ้ามีเพื่อนเขาจะรักเพื่อนมากกว่าคุณแม่นะ ไม่ค่อยคิดถึงคุณแม่ ไปคิดถึงเพื่อน ช่วยเพื่อน เพื่อนก็ไม่ค่อยช่วยเพื่อนให้ดี ชอบชักจูงไปในทางต่ำ เสียผู้เสียคน อันนี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่จะต้องระวัง อย่าดุเขา อย่าพูดคำหนักกับเขา เรียกมาคุย พูดจา สนทนาแบบไม่ให้รู้สึกตัว ให้เขาได้คิดได้เปลี่ยนแปลงแนวทางชีวิตได้ถูกต้อง ต้องพร่ำสอน ต้องทดเหน็ดเหนื่อยหน่อย เพื่อให้เขาได้เป็นคนดี มีความรู้มีความเข้าใจในเรื่องอะไรต่างๆ เพราะเด็กๆ เป็นอนาคตของสกุลของครอบครัว ถ้าเราเลี้ยงให้เขาดีก็เป็นศรีแก่ตระกูล ถ้าเราเลี้ยงให้เขาไม่ดีก็เป็นปัญหาแก่วงศ์สกุล ซึ่งมีอยู่เยอะในสมัยปัจจุบัน เพราะความสนุกในกรุงเทพมันมาก เด็กก็สนุกเพลิดเพลินไปกับเรื่องเหล่านั้น เสียผู้เสียคน พ่อแม่จึงต้องคอยดูแลเอาใจใส่เพิ่มยิ่งขึ้น อันนี้เป็นเรื่องที่ฝากไว้สำหรับตอนนี้ เพราะว่าตอนนี้โรงเรียนปิดภาค เด็กก็จะชวนเพื่อนไปเที่ยว ไปชายหาด ไปป่าไปดงปีนภูเขา แล้วก็เดินไปทางเรือล่องเรือล่องแม่น้ำ ล่องแก่งอะไรต่ออะไร เด็กคนองลืมตัว เสียหาย ลูกจะไปไหนจึงต้องเรียกมาถามว่าจะไปไหน ไปทำไม ไปเพื่ออะไร ให้ระวังตัวอย่างไร ทำตามหน้าที่ ไม่ให้เขาเผลอตัว ไม่ให้ประมาทก็จะดีขึ้น
เมื่อตะกี้นี้พูดกับโยมว่าจะไปต่างประเทศ ไปคราวนี้ไปทำบุญด้วย เพราะว่ามีคณะคนกรุงเทพจำหนวนหลายคน มีพลอากาศเอกวรนาถ อภิจารีเป็นหัวหน้า แล้วนิมนต์สมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้อุปถัมภ์ ใส่ชื่อหลวงพ่อไว้ด้วย ว่าจะไปทอดผ้าป่าแก่วัดชื่อว่า "รัตนคีรี" คือพระลูกศิษย์หลวงพ่อชา มีท่านสุเมโธเป็นหัวหน้า เดี๋ยวนี้เป็นเจ้าคุณสุเมธมุนี เป็นมาสองสามปีแล้ว ท่านไปตั้งสำนักสอนฝรั่ง ครั้งแรกก็อยู่ในเมืองที่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ตึกเก่าๆ ไปครั้งแรกหลวงพ่อไปเยี่ยม ไปเห็นตึกก็น่ากลัวว่าตึกมันจะพังใส่ พระท่านบอกว่ากำลังจะไปอยู่ที่ใหม่ ไปซื้อที่ใหม่อยู่นอกเมือง เรียกว่า (29.03 ชื่อประเทศไม่ชัดเจน) นอกเมือง ทีหลังก็ไปอยู่ที่นั่นเรียกว่าวัดอมราวดี เนื้อที่ ๗๐ เอเคอร์ กว้างขวางแต่ว่าสร้างอะไรไม่ได้ ฝรั่งไม่อนุญาต ให้ซ่อมของเก่า เป็นตึกหลังหนึ่ง ตึกหลังนี้แก่กว่ากรุงเทพมหานคร เขาเขียนคริสต์ศักราชไว้ที่ประตู ทำด้วยหิน ก็เลยซ่อม หลังคารั่ว พระไปอยู่ก็ทรมานอยู่หลายเดือน อาหารการขบฉันก็ค่อนข้างจะลำบาก บางวันฉันข้าวกับเกลือ โยมไปเห็นพระอาจารย์เคี้ยวกรุบๆ เอ๊ะ..ท่านเคี้ยวอะไร พระบอกว่าเกลือกับข้าว ฉันเกลือกับข้าว แต่เดี๋ยวนี้พ้นปัญหานั้นแล้วมีคนเข้าไปช่วยเหลือ อยู่สบาย แล้วก็มีเรื่องแปลก ฝรั่งคนหนึ่งเขาไปวิ่งอยู่ในป่าสวนสาธารณะ วิ่งเกือบชนพระเลย พระก็หยุด เขาก็หยุด เผชิญหน้ากัน แล้วเขาถามว่า ท่านเป็นพระในพุทธศาสนาใช่ไหม พระสุเมโธตอบว่า ใช่ ผมเคยอ่านหนังสือพุทธศาสนาว่าพระในพุทธศาสนาจะอยู่ป่า แต่ว่าทำไมท่านมาอยู่ในเมือง ท่านก็บอกว่าไม่มีป่าจะอยู่ เลยมาอยู่ป่าคอนกรีต เขาพูดว่าผมมีป่านะ จะให้ไปอยู่ จะถวาย ท่านก็ว่าขอบคุณ ขอให้เป็นสุขเป็นสุข แล้วเขาคนนั้นก็ไป ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา สองวันเขามาที่ (31.10 เสียงไม่ชัดเจน) มาบอกว่าไปสำนักงานที่ดินด้วยกัน จะไปโอนที่ถวาย เขาพาพระ (31.24 เสียงไม่ชัดเจน) โอนที่ให้ เนื้อที่ตั้ง ๓๐๐ เอเคอร์ แต่ว่าไปสร้างอะไรไม่ได้ ป่าราชการเขาห้ามไม่ให้สร้างอะไร ไม่ให้ตัดต้นไม้ ปล่อยไว้ตามเรื่องตามราว แต่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งตัดได้ ตัดมาทำฟืนแล้วมันจะแตกใหม่ เจริญต่อไป พระก็ต้องไปตัดไม้นั้นมาทำฟืนในฤดูหนาว เพราะฤดูหนาวต้องใช้ไม้ฟืนติดไฟในกุฏิอบให้ร้อนส่งไปตามท่อ แต่เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปใช้ไอน้ำ ใช้ระบบแก๊ส ก่อนนี้ใช้ไอน้ำ ต้มน้ำแล้วให้ไหลไปตามท่อ แล้วจะอบอุ่นกันทุกห้อง พระอยู่กันที่นั่น ญาติโยมก็ไปทำบุญสุนทานกัน ที่นี้ที่อยู่ที่นั่นมันไม่สะดวกบางอย่าง ก็เลยหาที่ใหม่ ได้สวนป่าชื่อเรียกว่า "จิตตวิเวก" วัดป่าจิตตวิเวก เลยได้ที่ใหม่นี้อยู่ทางเหนือของกรุงลอนดอน ที่นี้มันอยู่ตอนใต้ของกรุงลอนดอน คนทางเหนือจะลงมาที่วัดจะต้องผ่านการจราจรคับคั่งในเมือง หรือไม่ก็ต้องเดินทางไปตามวงแหวนซึ่งอ้อมไกลไม่สะดวก เลยต้องมาสร้างใหม่เรียกว่า อมราวดี เนื้อที่ ๗๐ เอเคอร์ (๗๐ กว่ามีอยู่ ๒-๓ แปลง) เขาสร้างโบสถ์ เมื่อปีก่อนโน้นอาตมาก็เอาปัจจัยไปถวาย ญาติโยมอนุโมทนาไว้ ได้เป็นเงินปอนด์ ๕๐,๐๐๐ ปอนด์ เอาไปช่วยการสร้างโบสถ์ เขาสร้างเสร็จแล้วเวลานี้ ปีนี้จะทำพิธีผูกพัทธสีมา ไม่ทราบว่าวันไหน ไปแล้วก็จะรู้เอง ตอนนี้ขยายวัดออกไปทางเหนือไปอยู่ (33.54 ชื่อรัฐไม่ชัดเจน) ชื่อว่าเดวอนวิหาร เป็นชื่อบ้านเก่าอยู่บนเนินเขาสวย (34.06 เป็นชื่อภูเขาไม่ชัดเจน) แล้วก็เหนือสุดขึ้นไปเป็นนิวคาสเซิล นิวคาสเซิลเป็นเมืองถ่านหิน เขาจึงมีภาษิตว่าอย่าเอาถ่านหินไปขายให้แก่ชาวเมืองนิวคาสเซิล เป็นภาษาไทยว่าอย่าเอามะพร้าวไปขายสวน สวนเขามีมะพร้าวเยอะ เราเอาไปขายมันก็ไม่ได้เรื่องอะไร ไปทางเหนือพ้นนิวคาสเซิลไปประมาณ ๑๕ กิโลเมตร ติดชายแดนของพวกไอริชซึ่งยุ่งกันอยู่ตลอดเวลา พระก็ไปเช่าที่สร้างวัด เป็นที่ดินของคนแก่ คนแก่คนนี้แกไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ไม่มีหลาน อยู่คนเดียว ตอนกลางวันมากินข้าวกับพระทุกวัน พระต้องจัดโต๊ะพิเศษ ตั้งกับข้าวให้ท่านนั่งรับทาน หลวงพ่อก็บอกว่าเลี้ยงไว้เถอะ เวลาตายเผื่อแกจะให้ที่ดินบ้าง จะได้ขยายวัดออกไป เลี้ยงไว้จนตายนั่นแหละ แต่เวลาตายแกก็ไม่ได้ให้อะไร พวกจัดการที่ดินก็มาบีบคั้นพระ บอกว่าให้ซื้อที่รอบๆ ออกไปอีก จะได้สร้างเป็นวัด พระก็บอกว่ายังไม่มีเงิน ก็มีญาติโยมรู้ข่าวก็คิดจะไปช่วย วันที่ ๒๐ นี้เป็นวันทอดผ้าป่า เขาทำโบรชัวร์เอามาไว้ที่กุฏิ ๒๐๐ แผ่น อาตมามายังไม่เคยแจกซองใครไว้ค่อยแจกแต่วันนี้ไม่แจก เล่าเรื่องให้โยมฟังว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร จะได้ไปช่วย อาตมาไปวันที่ ๑๕ แล้วอยู่ถึงวันทอดผ้าป่า แล้วพักอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นการพักให้มันเย็นหน่อย ร่างกายจะได้สุขภาพดีขึ้น แล้วออกจากนั้นก็จะไปเบอร์ลิน เขาจะพาไปประเทศเบลเยี่ยม ออสเตีย ไปเวียนนา ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ แล้วจะซื้อตั๋วขึ้นเรือบินเดินทางต่อไปประเทศอเมริกา เพราะที่อเมริกาวัดที่นั้นมีปัญหาก็เข้าไปช่วยแก้ปัญหาต่อไป
งานพระศาสนาพุทธในอังกฤษนี้ มีพระฝรั่งไปอยู่ก้าวหน้ามาก คือคนเขามาเข้าวัดเป็นปกติ กลางคืนเข้ามาไหว้พระสวดมนต์ มานั่งสงบใจ ฟังธรรม มากันสม่ำเสมอ พระที่อยู่วัดก็ออกบิณฑบาตทุกวัน ไม่ค่อยได้อะไรเวลาไปบิณฑบาต แต่ว่าไปบิณฑบาตให้คนเห็น เขาจะได้ถามว่าท่านเป็นใคร ทำไมมาทำอย่างนี้ คุยกันให้รู้เรื่อง แล้วเขาไปวัดทีหลัง ไปบิณฑบาตได้แอปเปิลมาสองผล ได้กล้วยมาสองผล ได้ขนมปังมาปอนด์หนึ่ง ความจริงไม่ไปก็มีอาหารฉันเพราะมีโรงครัว แต่ว่าให้ไปเป็นสายๆ ให้ไปเดินอวดโฉม ให้ฝรั่งเขาเห็นว่านี่คือพระในพุทธศาสนา บางแห่งเขานิมนต์ไปในบ้าน ไปคุยกันเลี้ยงน้ำชา คุยเรื่องอะไรต่ออะไรให้เขาเข้าใจ แล้วทีหลังเขาก็มาวัด มาฟังพระสวดมนต์ สวดมนต์เหมือนที่เราสวดแต่ว่าแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราแปลเป็นไทย (38.46 เสียงไม่ชัดเจน) พิมพ์หนังสือไว้แจก สวดมนต์เสร็จแล้วก็ฟังธรรม นั่งสงบใจใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง ก็กลับไปบ้าน พระไปบิณฑบาตบางทีก็ตรงไปที่บ้านๆ หนึ่ง เขาก็ต้อนรับเลี้ยงน้ำชา ของหวานเล็กๆ น้อยๆ เป็นอาหารเบาๆ ตอนเช้า แล้วก็เอารถยนต์มาส่ง คนที่มาส่งก็เลยมากินข้าวที่วัดด้วย ได้คุยกับพระ ทำให้เกิดความคุ้นเคย พระที่อยู่ประเทศอังกฤษนี้ออกธุดงค์ได้ ธุดงค์เหมือนบ้านเรา ผิดกันหน่อยที่ว่าไม่ได้เอาเครื่องรางของขลังไปแจก ธุดงค์ไป เวลาไปธุดงค์ไม่มีเครื่องหลัง เขาเรียกว่าเป้ ฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทยจะมีเครื่องหลัง หนักนะ อาตมาลองใส่ดูทำให้เดินเสเลย ไม่ไหว เดินเส มีพระฝรั่งองค์หนึ่งชื่อท่านอมร (40.10 ชื่อพระไม่ชัดเจน) เป็นคนลอนดอน บวชแล้วท่านออกธุดงค์จากคริสต์เชิร์ช (40.18 ชื่อเมืองไม่แม่นยำตัวสะกด) เข้ากรุงลอนดอน ไปพักที่สวนกวาง ชาวบ้านรู้ก็เอาข้าวไปถวายใส่บาตร ฉันพักอยู่ที่สวนกวาง เดินเรื่อยจนไปถึงฮาร์นัม นิวคาสเซิลฮาร์นัมใช้เวลาตั้ง ๒ เดือน ไม่ลำบากด้วยเรื่องอาหารการฉันเพราะเดินไปสองคน อุบาสกเตรียมตัวบวช คนฝรั่งที่จะมาบวชเป็นพระเขาไม่ได้บวชได้ง่ายๆ ต้องมาอยู่วัด ๒ ปี โกนหัว นุ่งขาวห่มขาว เรียกว่าเป็นพ่อขาว ถือศีลอุโบสถ ครบ ๒ ปีจึงจะให้บวช พระไปอยู่มาเมื่อคราวนั้นฉลอง ๑๐ ปี มีฝรั่งมาบวชทั้งหมด ๔๐ คน ปีละ ๓ คน ๔ คน บวชทุกปี บวชแล้วก็อยู่นานๆ คนที่นุ่งขาวห่มขาวก็จะไปกับพระด้วย (41.39 เสียงไม่ชัดเจน) เดินไป ไม่ได้เดินตามถนนใหญ่ เพราะการจราจรคับคั่ง ที่ประเทศอังกฤษจะมีทางพิเศษ เขาเรียกว่าพับบิกฟุตบาท (Public Footpaths) ทางเดินสาธารณะ เข้าไปในสวนของใคร บ้านของใคร เข้าไปเลยเขาไม่ว่า เขาไม่ท้วงเพราะเป็นทางสาธารณะ ก็เดินไป แล้วก็พักอยู่ในทุ่งในสวน ภายใต้แสงเทียน แสงโคม ฝรั่งเห็นก็จะเอ๊ะใจว่าใครมานอนอยู่ในทุ่งนา เข้ามาดูมาคุยด้วย รุ่งเช้าเขาก็นำอาหารมาถวาย คนฝรั่งใจดีเหมือนกันหมด ไปอย่างนั้นเรื่อยเป็นเวลา ๒ เดือนจนถึงนิวคาสเซิล แล้วก็ขึ้นรถกลับวัด คราวหลังไม่ไปองค์เดียว ไปกันทั้งหมด ๑๐ องค์ เดินกันเป็นแถวก็ไม่ลำบาก วันกลับนี่หลวงพ่อไปอยู่ที่นั่นก็เลยไปรับพระที่จะกลับไปฉันอาหารอยู่กลางทุ่งหญ้า เมืองฝรั่งไม่เที่ยงในเรื่องฝน ดูแจ้งๆ อย่างนี้เดี๋ยวก็ฝนตก กำลังจะฉันข้าวฝนเทลงมา มีบ้านใหญ่อยู่หลังหนึ่งเจ้าของบ้านใจดี วิ่งมาบอกว่า Please come to my home ไปที่บ้านกระผมเถอะ พวกเราก็ยกบาตร ยกข้าวของรุงรังหนีฝนเข้าไปฉันเข้าในบ้านนั้น เจ้าของบ้านใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทีหลังแกก็มาวัด คุยธรรมะกับพระ เลยกลายเป็นอุบาสกของวัดไป ไปทุกปีหน้าร้อน ออกเดินธุดงค์ ไม่ลำบาก มีพระ ๕ องค์ ออกเดินธุดงค์จากประเทศอังกฤษผ่านประเทศฝรั่งเศสไปสวิตเซอร์แลนด์ แล้วงานฉลองครบ ๑๐ ปี ทั้ง ๕ องค์ก็กลับมาในงานฉลอง หลวงพ่อเลยถามว่าบิณฑบาตเมืองฝรั่งเศสลำบากไหม พระท่านก็ตอบว่าคนฝรั่งเศสใจดี เขามาทำบุญกับพระ มาถวายอาหาร มาสนทนาธรรม พระเหล่านั้นมีอยู่ ๒ องค์พูดภาษาฝรั่งเศสได้เลยไม่ลำบาก เดินไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์
ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระฝรั่งก็ไปสร้างวัดใกล้เมืองโลซานน์ ติดกับภูเขา หลวงพ่อไปพักแล้วน่ากลัว น่ากลัวภูเขาจะหล่นลงมาทับกุฏิ ท่านบอกว่าไม่ต้องตกใจ มันไม่หล่นหรอก เพราะมันใหญ่ แต่ว่ามีน้ำตกลงมาใกล้ที่พัก เป็นโรงแรมเก่า ๔ ชั้น พระก็ไปพักอยู่ที่นั่น ชาวบ้านก็มาศึกษาเล่าเรียน พระที่นั่นเขาทำดีอย่าง ขาดอะไรก็เขียนไว้ที่ประตูทางเข้าวัด ขาดกระดาษชำระ ขาดน้ำตาล ขาดเนย อะไรก็เขียนบอกไว้ ชาวบ้านที่มาทำบุญก็ซื้อในสิ่งที่ไม่มีมาให้ ของมีแล้วไม่ต้องซื้อ ไม่รบกวนชาวบ้านในเรื่องไม่จำเป็น บ้านเราคนมาถวายสังฆทานกันทุกวัน เดี๋ยวนี้ต้องบอกว่ามาถวายสังฆทานต่อไปไม่ต้องหิ้วกระแป๋งมาด้วย มันหนัก ขึ้นรถลำบาก เดินไกล เอาเงินมาทีเดียว สมมติว่าถังนี้เราซื้อมา ๕๐๐ บาท เอาเงินมา ๕๐๐ บาท แถมอีกสัก ๒๐๐ บาทเอามาถวายวัด วัดได้ใช้เรื่องไฟฟ้า เรื่องน้ำ เรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่ต้องหิ้วมา เพราะในกระป๋องนั้นมันไม่ค่อยเรียบร้อย เขาใส่อัดไว้ปิดมิดชิดไม่ได้ระเหย ผงซักฟอกนี้ตัวแทรกซึมเข้าไปในข้าวสาร น้ำ ใบชา ทุกอย่างใช้ไม่ได้ โยมถวายเสร็จแล้วกลับบ้านไม่รู้ พระรู้ ท่านเจ้าคุณราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วันหนึ่งฉันข้าว ตักข้าวเข้าปากช้อนเดียวคาย ท่านถามว่าพวกเธอหุงข้าวด้วยน้ำซักผ้าหรือวันนี้ เด็กก็บอกว่าไม่ใช่ครับ..ใช้น้ำธรรมดา ท่านเจ้าคุณถามว่าแล้วทำไมมีกลิ่นผงซักฟอกติดไปกับข้าวด้วย เอาข้าวสารที่ไหน เด็กตอบท่านว่าเอาข้าวสารในถังสังฆทาน เลยเอามาพิสูจน์ ใบชาก็กินไม่ได้ ผักกาดเค็มก็เค็มจนกระทั่งไม่ได้เรื่อง เลยบอกโยมว่าทีหลังอย่าซื้อเปลื้องสตางค์ มาถวายเฉยๆ วันอาทิตย์คนเอามาถวายเยอะ มันมากเกิน ฝรั่งมาอยู่ก็เลยบอกว่าขาดอะไร เขาก็ซื้ออันนั้นมาให้ อาตมาไปกับโยมที่อยู่ประเทศเยอรมัน พอไปถึงเขาได้อ่านแล้วเมื่อไปตลาดก็ไปซื้อมาให้สำหรับของที่ขาดเพื่อเอาไปถวายพระต่อไป อยู่สบาย คนที่นั่นพูดภาษาเยอรมัน คนสวิตแต่พูดเยอรมัน คนประเทศสวิตเขาจะพูดภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาลี ส่วนตรงนั้นพูดเยอรมัน พระที่ไปอยู่ก็เป็นพระที่พูดเยอรมันเหมือนกันสอนกันได้เรียบร้อย เพราะธรรมะกว้างขวางเป็นประโยชน์มาก เพราะคนได้มาศึกษาเล่าเรียน ได้เกิดปัญญา ได้เกิดความรู้ความเข้าใจ แต่ว่าฝรั่งยังไม่ค่อยรู้จักการทำบุญให้ทาน เขายังไม่รู้ เราจะต้องไปสอนเขา ทำตัวอย่างให้เขาดูบ้างว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องช่วยเหลือพระให้เขารู้ เขามาเอาแต่ธรรมะ แต่ไม่ค่อยทำบุญ ก็อาศัยคนไทยที่อยู่ในประเทศอังกฤษไปช่วยเหลือ เอาข้าวสารไปถวายไว้ เอากับข้าวไปถวายไว้เพราะมีโรงครัว คนที่ทำกับข้าวก็คือพวกนุ่งขาวห่มขาวที่จะเตรียมบวชนั้นแหละ ได้ขับรถ ได้หุงข้าว ได้ไปไหนซื้อข้าวซื้อของให้พระ พระก็อยู่อย่างเคร่งครัด ไม่มีอะไรเป็นของตัว ของถวายก็เอาไว้เป็นกองกลาง ทุกรูปเอาไปใช้ได้เมื่อจำเป็น อยู่อย่างมีระเบียบ มีวินัยเคร่งครัด ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงพ่อเคยไปพักที่วัดอมราวดี พักแล้วชอบใจ ถ้าไปประเทศอังกฤษก็จะมีวัดพุทธประทีปอยู่ในเมือง แต่อาตมาจะไปพักวัดที่อยู่นอกเมือง นอกกรุงลอนดอนเพราะได้รับความสะดวกสบายกว่า กลับมาวัดพุทธประทีปบ้างเพื่อพบญาติโยมในวัดอาทิตย์บ้างอาทิตย์ แล้วก็ไปพักที่โน้น สะดวกสบาย ก็เห็นว่าควรช่วยเหลือก็ได้บอกบุญให้ไปช่วยเหลือตามสมควรตามนั้น สำหรับวันนี้ยังไม่ต้องไว้อาทิตย์หน้า อาทิตย์ต่อไปก็มีซองแจก ไว้แจกในวินอาทิตย์ต่อไป โยมอ่านดูเรื่องราวแล้ว ใส่ซองเขียนชื่อเอามามอบให้อาตมา ได้บ้างแล้วให้ซองทำบุญไปแต่ก็ยังไม่ทั่ว
นี่ก็เป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังว่าการพระศาสนาของเรานั้นแผ่กระจายไปประเทศต่างๆ มีพระไปอยู่ในอังกฤษ ในฝรั่งเศส แต่ที่ฝรั่งเศสมีปัญหา พระที่ไปอยู่ที่นั่นเป็นพระชั้นดี เป็นหลานของพระนครสวรรค์ เป็นหม่อมราชวงศ์ พูดภาษาฝรั่งเศสเหมือนพูดไทย พูดภาษาญี่ปุ่นก็ได้เพราะไปอยู่ที่ญี่ปุ่น เป็นพะที่ทันสมัย แต่ไปทำอย่างไรไม่รู้เสียท่าพระลาว พระลาวไปจากเมืองไทยไปพบคนลาวเข้า แล้วก็บอกว่าวัดนี้เป็นของลาวไม่ใช่ของไทย เพราะคนลาวทำบุญมากคนไทยทำบุญน้อย ขอให้ท่านเป็นพระไทยออกให้พระลาวเข้าไปอยู่แทน กำลังมีเรื่องกันอยู่ พระองค์นั้นจะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ได้รับข่าวว่าไม่ได้อยู่ที่วัดดังกล่าวแล้ว พวกลาวแข็งข้อขึ้นมาเพราะคนลาวมาก คนลาว คนเขมร คนญวนมีมากกว่า ในปารีสมีคนญวนมาก ร้านอาหาร ร้านตัดเสื้อผ้า ร้านซ่อมรถยนต์มีแต่คนญวนทั้งนั้น ถ้าพูดญวนได้ก็ไปคุยกับญวนก็ไม่อด เพราะญวนเป็นชาวพุทธ มีวัดลางเซิลอยู่ใกล้สถานีรถไฟใกล้สนามม้ามีพระชื่อ (52.40 ชื่อพระไม่ชัดเจน) ไปประเทศอเมริกา คนมาทำการปฏิบัติตั้ง ๒๐๐-๓๐๐ คน ขายหนังสือที่ท่านเขียน เป็นพระทันสมัย เป็นคนญวน ไปเยี่ยมแล้วไม่พบ พบแต่ญาติโยมมาไหว้พระ สวดมนต์ ออกมาต้อนรับขับสู้ดี ที่ปารีสมีวัดเขมรอยู่ ๒ วัด จะอยู่ห่างไกลกัน แล้วก็วัดลาว วัดลาวจริงๆ ก็มีอยู่นอกเมือง เคยไปพัก พระก็ใจดี แล้วก็ที่สวิตจะมีอยู่สองแห่ง ที่ฝรั่งอยู่แห่ง เจ้าคุณทองสูรย์อยู่วัดเบญจมบพิตรไปสร้าง สมเด็จพระบรมราชนนีทรงอุปถัมภ์ สร้างกุฏิทันสมัย ใหญ่โต มีห้องใต้ดิน มีที่หลบภัย เขาบังคับให้ทำ เกิดภัยทางอากาศก็ลงไปอยู่ในห้องใต้ดิน มีอาหาร มีอะไรพร้อมอยู่แล้ว ปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปพักอยู่ที่วัดนั้นสักสามสี่วัน แล้วก็เดินทางต่อไปประเทศอเมริกา สำหรับวันนี้ก็จบไว้ตรงนี้ก่อน