แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟังตามสมควรแก่เวลา
วันนี้อากาศโปร่งดีมีแสงแดดไม่มีฝนตกก็สบายใจ เวลาฝนตกนี้ไม่สบายเพราะว่าการไปมาลำบาก สถานที่ก็ชื้นแฉะ ไม่สะดวกในการไปๆมาๆ
เมื่อวันศุกร์นี้เดินทางไปสวนโมกข์ คือว่าเขามีการชุมนุมคนกันที่เขาสก ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่น้ำตาปี ยังไม่เคยไป ท่านเจ้าคุณพุทธทาสเมื่อเวลาจะถึงมรณะท่านทำพินัยกรรมไว้ มีอยู่ข้อหนึ่งว่าอังคารหรือเถ้าถ่านส่วนหนึ่งให้เอาไปทิ้งไว้ที่ต้นน้ำตาปีที่เขาสก ผู้ที่อยู่ข้างหลังก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งเอาไปลอยที่นั่น แล้วก็ถึงวันลอยอังคารก็นำชาวบ้านไปชุมนุมกันฟังธรรมทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
ปีนี้ในวันที่ ๑๙ ตรงกับวันที่เอาอังคารไปลอย ก็เลยป่าวร้องชาวบ้านไปทอดผ้าป่า หาทุนเพื่อสร้างศาลาไว้ที่นั้นเป็นอนุสรณ์สักหลังหนึ่ง คนไปมาจะได้นั่งสบายๆจะได้ปฏิบัติธรรมกันด้วย ก็เลยนิมนต์หลวงพ่อให้ไปร่วม ก็เดินทางไปร่วมโดยเรือบิน ไปถึงโน่นก็๖โมงครึ่งไปพักที่บ่อน้ำร้อน เพราะว่ามีกุฏิหลังหนึ่งคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ สร้างไว้ให้หลวงพ่อไปพักเวลาไปที่นั่นก็เลยไปพักที่นั่นสะดวกสบายดี
เช้าขึ้นก็ไปเขาสกนั่งรถยนต์ไปจากสวนโมกข์ใช้เวลาประมาณเกือบ๒ชั่วโมง เข้าไปในภูเขา แถวนั้นภูมิประเทศมีภูเขาทั้งนั้น เป็นภูเขาหินปูนมีหน้าผาสวยๆงามๆ ไปเกือบถึงเขตตะกั่วป่า เขาเรียกอำเภอพนมจะติดสุราษฎร์ฯ แต่เลยไปอีกหน่อยเข้าเขตตะกั่วป่าและก็แวะเข้าไปที่อุทยานแห่งชาติเขาสก
สภาพอุทยานนั้นเป็นป่าตามธรรมชาติมีเนื้อที่มากมายและก็มีลำธารไหลออกมาน้ำใสสะอาดไม่ขุ่นไม่คด๒สายไหลมารวมกัน รถข้ามสะพานไปได้เฉพาะคันเล็กๆ เพราะสะพานไม้เก่าแก่ เขากำลังจะสร้างสะพานคอนกรีต
เมื่อไปถึงแล้วก็นำญาติโยมไหว้พระ บูชาพระ หลวงพ่อก็เทศน์ให้เขาฟังกัน เทศน์ให้ระลึกถึงท่านเจ้าคุณพุทธทาส ว่าท่านเกิดมาทำประโยชน์ให้ท้องถิ่นและทั่วๆไป ผลงานยังเหลืออยู่ แม้ตัวจะตายร่างกายสลายแต่ว่าผลงานยังเหลืออยู่ เป็นสิ่งที่เราควรคิดถึงและควรจะช่วยกันรักษาความดีนั้นไว้
เทศน์จบแล้วถึงเวลาฉันอาหาร เทวดาก็อนุโมทนาเกิดตกลงมา พระก็เปียกไปตามกันแต่ว่าหลวงพ่อเขานิมนต์ไปฉันในอาคารมีโต๊ะมีเก้าอี้ให้นั่งมีฉัน๔รูป เจ้าคณะจังหวัดด้วย พวกที่ฉันข้างนอกก็ฉันกันจนเสร็จตกก็ตกไปแต่ว่าตกไม่มาก พรำๆ พอชื่นใจ ว่าได้ตกจักๆ แต่ถึงกระนั้นสถานที่ก็เปียกแฉะไปหน่อย
ฉันเสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปที่ข้างบน ถ้าว่าจะไปดูที่ลอยอังคารระยะทาง ๔ กิโลเมตร เดินไม่ไหวเพราะพื้นมันแฉะแล้วไม่ได้เอาผู้ช่วยไปด้วยคือไม้เท้า เดินนิดหน่อยก็พอแล้ว บอกพอ เอาแค่นี้ก่อนไว้เวลาอื่นค่อยขึ้นไปดูต้นน้ำที่มันตกลงมาจากภูเขาต่อไปแล้วก็เดินทางกลับ
เจ้าหน้าที่หัวหน้าอุทยานพาไปที่เขื่อนรัชชประภา ก็เรียกว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน แต่ในหลวงตั้งชื่อว่ารัชชประภา แปลว่า แสงสว่างของประเทศ (รัช-ชะ แปลว่าประเทศ ประ-ภา แปลว่า แสงสว่าง) ก็ลงเรือนั่งไป ชมวิวทิวทัศน์
หลวงพ่อ : ถามว่าน้ำนี้ลึกเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่ : ๘๐ เมตร
หลวงพ่อ : โอ้แม่เว้ย ถ้าตกลงไปก็เรียบร้อย จมน้ำ ไม่ใช่จมธรณี มันลึกตั้ง ๘๐ เมตร
บริเวณนั้นเป็นภูเขาสวยงามเป็นหน้าผาสวยๆกั้นน้ำไว้สลับซับซ้อนหลายลูก ไปจนถึงที่พักของเจ้าหน้าที่และก็มีบ้านให้คนไปเช่าพัก มีข้าราชการกรมประชาสงเคราะห์ไปพักอยู่๑๐กว่าคนไปประชุม ประชุมกันในอ่างน้ำสบายดี ค่าอาหารก็คิดนิดๆหน่อยๆ ถ้าเป็นราชการก็ไม่แพง ญาติโยมจะไปนอนบ้างก็ได้แต่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ป่าไม่ที่เขื่อนเขาก็จัดบริการให้เรียบร้อยและก็เดินทางกลับมาสนามบินเพื่อรอเวลาขึ้นเรือบินกลับมาถึงวัดประมาณเกือบ๓ทุ่ม ไปมาเรียบร้อยเอามาเล่าให้โยมฟังหน่อย
เรื่องหนึ่งเป็นข่าวที่ไม่สบายใจ คือพระรูปหนึ่งที่จังหวัดพัทลุงอยู่วัดใกล้บ้านของหลวงพ่อคือบ้านอยู่ตรงกลาง ด้านตะวันออกมีวัดหนึ่ง ด้านตะวันตกมีวัดหนึ่ง หลวงพ่อเกิดระหว่างวัดด้านตะวันตกชื่อวัดท่าลาด ด้านตะวันออกชื่อวัดโคกเนียนเพราะมันเป็นเนินสูง เป็นวัด …… (8.30 เสียงไม่ชัดเจน) สมัยเด็กๆก็ไปโรงเรียนผ่านวัดนั้นบ่อยๆ ผ่านไปผ่านมาไม่ค่อยเจริญเท่าใด พระน้อย
แต่ว่าต่อมานี้ก็ ชื่อท่านกลัด เป็นบุตรของครอบครัวหนึ่งซึ่งแม่ตายตั้งแต่ลูกเล็กๆ พ่อทำหน้าที่แม่ทุกอย่าง ชาวบ้านเรียกชื่อว่า ไข่พร้อม แกชื่อไข่แต่เขาแถมว่าไข่พร้อมเพราะว่าทำได้ทุกอย่าง หุงข้าว ต้มแกง ทำขนม วาดลวดลาย ตีเหล็ก ทำอะไรได้หลายอย่าง แล้วเลี้ยงลูกชายให้เป็นคนดีของครอบครัวแต่หมู่ลูกชายเหล่านั้นคนที่ชื่อกลัดแก่กว่าหลวงพ่อปีเดียว ถ้าไปเยี่ยมบ้านก็มักจะแวะไปเยี่ยม ไปพูดไปคุยกันอะไรต่างๆ ไปเยี่ยมครั้งสุดท้ายนี้ท่านทำบุญวันเกิด ก็ไปด้วย ไปพบกัน
หลวงพ่อ : บอกว่าไปอยู่โรงพยาบาลแล้วยังอุตส่าห์กลับมาทำบุญวันเกิดอีก
พระกลัด : มันไม่ใช่ผมทำชาวบ้านเขาทำ เขาไปเข็นมาก็มากับเขา เอามานอนไว้ในศาลา พระสวดมนต์สวดพรอะไรไปตามเรื่อง
ปกติเป็นพระที่ใจดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนทั่วไป พระมาเรียนหนังสือวัดคูหาสวรรค์ วัดคูหาสวรรค์เต็มไปวัดโคกเนียนได้อยู่ เด็กมาเรียนหนังสือโรงเรียนมัธยมที่อื่นเต็มไปวัดโคกเนียนได้อยู่ เลี้ยงพระเลี้ยงสามเณรให้ได้ศึกษาเล่าเรียนทำประโยชน์แก่ชาติแก่บ้านเมืองอยู่หลายองค์ มหาสมคิดที่อยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้ไปอยู่อุบลฯ ก็เคยไปอยู่ที่นั้นเหมือนกัน แล้วอีกองค์หนึ่งชื่อ ปิญโญ (10.58 เสียงไม่ชัดเจน) อยู่ท่าศาลาเป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอก็เคยเรียนที่นั้น แล้วเด็กเรียนมัธยมจบไปมาเรียนกรุงเทพฯมากมาย
ให้ความอุปถัมภ์ใจดีอีกตัวดำแต่ใจดีไม่สะสมเงินทองเพราะไม่มีเงินทองจะสะสม แต่ว่ามีบุญ เพราะว่ามีสามเณรองค์หนึ่ง แกเรียกตัวว่าเป็นสามเณร ไม่บวช เป็นสามเณรอยู่นั้นแหละ เป็นแม่เหล็กดูดคนมาพัฒนาวัด สิ่งก่อสร้างในวัดเป็นตึกหมดหลายหลัง โยมทำก็แต่งก็สวยงามเอาหินอ่อนไปปูจัดพระพุทธรูปในไว้ในตู้สวยๆงามๆ ไปเห็นแล้วก็โอ้เจริญ ทำถนนเข้าวัด ตั้งแต่ประตูทำซุ้มประตูเรียบร้อย ท่านสมภารนี้นั่งสบายไม่ต้องทำอะไร ไปพบกันก็บอกว่า
หลวงพ่อ : มีบุญมาก ไม่ต้องทำอะไรเขาทำให้ทั้งนั้นแหละ
พระกลัด : ก็ยิ้มๆ แล้วก็บอกว่าบุญมากก็สู้เจ้าคุณไม่ได้หรอก
หลวงพ่อ : บอกว่ามันสู้ได้ สู้อยู่ตรงนี้ทำวัดนี้ให้เจริญ
พระกลัด : หมู่นี้ไม่ไหวแล้วเจ็บท้องเจ็บไส้บ่อยๆ
หลวงพ่อ : ไปโรงพยาบาลให้เขาผ่าดูปอกดูซิว่ามันเป็นอะไร
พระกลัด : ฮึ ไม่ได้ ผ่าท้องเรื่องมันใหญ่
หลวงพ่อ : บอกว่าเดี๋ยวนี้เขาผ่าหัวก็ยังได้ อย่าว่าผ่าท้องเลย ถ้าอันไหนสมองไม่ค่อยดีเขาผ่าหัวออกมาเลย เอามาดูแล้วจัดใหม่ให้เรียบร้อย
พระกลัด : โอ๊ยมันเสียวไส้ ถ้าผ่า
ก็ไม่ไปผ่ากินหยูกกินยาไปตามเรื่อง อันนี้ที่จะถึงแก่กรรมนี้ก็เพราะท่านเป็นพระใจดี ใครมาแต่ไหนก็ไม่รู้มาขอนอนด้วย เอ้านอนด้วยกัน ก็นอนที่กุฏิท่าน เปิดกว้างไม่เป็นห้องเป็นหับอะไรหรอก มันก็นอน มานึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ตอนดึกดื่นสงบเงียบดีมันเอามีดคว้านคอซะเลย แล้วเอาผ้าคลุมไว้ ตื่นเช้าก็มันหายตัวไปแล้ว ไม่รู้ใคร พระเณรก็มาแต่เช้าก็มาเยี่ยมท่าน ยังนอนอยู่ ยังนอนคลุมอยู่แต่อีกองค์ก็เฮ้ยนอนคลุมอะไร หน้าตาเขียวแล้ว เปื้อนเลือด …… (13.53 เสียงไม่ชัดเจน) ไม่ได้แล้วต้องไปบอกหมอแล้ว หมอเข้ามาเอาร่างกายไปชันสูตร
เชือดคอ ไอ้คนร้ายนี้มันทารุณเหลือเกิน เชือดคอพระได้ มันคงจะพวกขี้ยา ไม่อย่างนั้นก็สติสตางค์มันไม่สมบูรณ์ เขาโทรศัพท์มาบอกว่าท่านกลัด ท่านพระครูวัดโคกเนียนถึงแก่กรรมแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กำลังเอาศพไปโรงพยาบาล ทีหลังโทรมาบอกว่าถูกฆาตกรรม มีคนที่มาพักด้วยขึ้นไปหั่นคอท่าน หั่นคอตาย
เมื่อเช้านี้คุยให้โยมคนหนึ่งฟัง เอ้าผมเป็นเด็กไปเรียนหนังสือก็อยู่วัดโคกเนียนและผมมาเป็นครูอยู่นครฯ ไปเยี่ยมท่านที่ไรท่านก็ว่า เอ้านอนด้วยกัน ชวนนอนที่ท่าน …… (15.07 เสียงไม่ชัดเจน) นอนคุยกัน โอ้ต้องไปเยี่ยมแล้วหล่ะ ท่านตายแล้วต้องไปเยี่ยม แล้วก็เลยว่าจะไปเยี่ยมสักพรุ่งนี้และก็เลยไปหน่อย หลวงพ่อก็คิดถึงอยากจะไปอยู่เหมือนกันแต่ว่ามันยังไม่ว่างตอนนี้ ว่าอีกหน่อยจะไปเยี่ยมซักหน่อย เพราะว่านั่งอยู่คนเดียวมองเห็นพระ เห็นพระท่านเดินไปเดินมา เหมือนจะมาบอกว่าเจ้าคุณ ผมไปแล้ว ก็นึกว่าต้องไปเยี่ยมแก ตอนนี้ไม่ว่าง ให้ว่างหน่อยค่อยไป เพราะว่าเขาตั้งศพไว้ ยังไม่เผาเสร็จแล้วเรื่องเศร้า
เอามาเล่าให้ญาติโยมฟังว่าเดี๋ยวนี้ ศีลธรรมของคนนี้มันตกต่ำเหลือเกิน ถึงกับไปฆ่าพระได้แล้วก็เป็นพระดีไม่เคยให้ร้ายใคร ไม่เคยว่าใครให้เสียหาย ใครมาก็ให้พักให้อยู่ให้อาศัย ให้กินให้อยู่ สบายทุกราย แต่ท่านมาเจอคนที่มีความคิดวิตถารเข้านอนแล้วยังฆ่าท่านได้ นี้ก็แบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าจิตใจคนเรานี้มันตกต่ำเหลือเกิน
หมู่นี้พระถูกฆ่าบ่อย แต่ว่าองค์บางองค์ที่ถูกฆ่านั้นก็เพราะว่ามีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจเขา แต่บางองค์ไม่มีอะไร ไอ้หนุ่มคนหนึ่งเข้าไปขอไม่ขีดไฟจุดยาสูบ ท่านไม่ให้มันออกไปข้างนอกออกไปเอาไม่คมแฝกมาอันหนึ่งทุบหัว ตายเลย เอ้อดูนั่น จิตใจมันทารุณจริงๆ ทุบพระทำไม เพียงแต่ไม่ให้ไม้ขีดไฟจุดยาเท่านั้นแหละ มันคงจะติดยาเสพติดมันอยากที่สุดเอาไม้ขีดไว้ไปลนตะกั่วให้มันเป็นควันและก็ได้สูดควันไอ้พวกอมควัน เขาเรียกว่าไอ้พวกสิงห์อมควัน มันฮึดขึ้นมาเอาไว้คมแฝกไปทุบหัวพระตายอยู่ตรงนั้นเอง ไอ้นี้ทารุณ ได้ฟังข่าวอย่างนี้บ่อยๆก็ห่วงไม่สบายใจว่าศีลธรรมมันชักจะแย่เต็มที คนมันไม่สนใจศีลธรรม ไม่สนใจความเมตตาปราณีต่อกันและกัน
ถ้าว่ามีอะไรที่มันต้องการขึ้นมา มันก็ต้องฆ่า ลูกฆ่าพ่อก็ยังได้ ฆ่าคนที่ตนเคารพนับถือก็ยังได้ ความเสื่อมทางศีลธรรม ซึ่งเราทั้งหลายได้ยินได้ฟังแล้วก็ควรจะคิด คิดอย่างไร คิดว่า มันต้องช่วยกันผดุงศีลธรรม ช่วยกันชักจูงเพื่อนฝูงมิตรสหายให้เข้าหาธรรมะ ให้ได้มีหลักธรรมประจำจิตใจ ให้ถือศีลเป็นหลักใจ ว่าอย่างน้อยก็ ๕ ข้อ เรียกว่าศีล ๕ เป็นหลัก ถ้าเราถือศีล ๕ เป็นหลักใจ มันก็ไม่ยุ่งแล้ว เพราะคนถือศีล ๕ ไม่ฆ่าใคร ไม่ทำใครให้เดือดร้อน ไม่ลักช่อโกงใคร ไม่ประพฤติผิดสำส่อนในทางกามารมณ์ ไม่พูดคำหยาบ โกหก เหลวไหล คำที่ทำคนให้แตกจากกัน ไม่เสพสิ่งเสพติดมึนเมาทุกประเภท เป็นหลักประกัน
ศีลข้อ ๑ ประกันชีวิตร่างกาย
ศีลข้อ ๒ ประกันทรัพย์สมบัติ
ศีลข้อ ๓ ประกันครอบครัววงศ์สกุลให้ตั้งมั่น
ศีลข้อ ๔ ประกันการพูดการจากันให้เป็นการเรียบร้อย
ศีลข้อ๕ ประกันหมดทุกอย่าง เพราะว่าถ้าคนไม่เสพสิ่งเสพติดมึนเมา สติปัญญาเรียบร้อย ความคิดอ่านถูกต้อง มีความยั้งคิดยั้งตรอง จะทำอะไรลงไปก็คิดแล้วคิดอีกเลยไม่ทำความชั่วแต่ถ้าเมาแล้วมันคิดไม่ออกโกรธขึ้นมาก็แทงอีกเอาจนตายเลยเป็นอย่างนั้น ซึ่งมีข่าวเป็นประจำไม่ค่อยปลอดภัย
คนโบราณเขาว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าแต่คนคุ้นเคยกันก็อย่าไว้ใจเหมือนกัน เพราะคนคุ้นเคยกันจิตมันเปลี่ยนได้มันเห็นอะไรของเราเข้ามันเปลี่ยนได้ เช่น เห็นเงินเห็นทองมันเปลี่ยนใจได้
เหมือนกับข่าวสองปี สามปีมาแล้ว เป็นหม่อมราชวงค์ เป็นคนดี เรียบร้อย เด็กคนใช้มันมาอยู่ในบ้านแล้วมันก็เรียนที่รามคำแหง ท่านเป็นคนพูดภาษาอังกฤษเก่ง เกิดอยู่ในประเทศอังกฤษ พูดจาภาษาอังกฤษ ด่าคำไทยไม่เป็น ไม่รู้จักด่า ก็เรียกมาสอนทุกวันๆ ตอนเย็นๆสอนภาษาอังกฤษให้เพื่อจะได้ก้าวหน้าแต่ว่าวันหนึ่งท่านไปซื้อแหวนมา แหวนเพชรจะเอาไปหมั้นลูกสาวเขาให้ลูกชาย คราวนี้แกก็เห็นว่าเป็นเด็กอยู่ในบ้าน แกก็ให้ดู ว่านี่ๆมาดูนี่ซิ ฉันซื้อมาราคาเท่านั้น ฉันจะไปหมั้นลูกสาวเขาให้ลูกชายและจะได้แต่งงานกันต่อไปและแกเอาแหวนขึ้นไปเก็บไว้ข้างบนมันขึ้นไปทุบตายเลย แล้วมันหนีไปแต่จับได้ หนีไปเที่ยวสนุกอยู่ภูเก็ตโน่น ขายแหวนแล้วได้เงินมากไปเที่ยวโรงแรมสนุกสนานกินเหล้าเมายาจนเขาจับได้ จับได้แล้วมันบอกว่าคุณนายเจ้าของบ้านนี้ปากร้าย ด่าผมบ่อยๆผมโกรธ เพื่อนฝูงมิตรสหายได้ยินมันให้การก็บอกว่าไอ้นี่มันโกหกเพราะคุณหญิงคนนั้นแกด่าไม่เป็น แกด่าภาษาไทยไม่เป็น ถ้าแกโกรธขึ้นมาแกก็ด่าคำฝรั่งมันก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่จะพูดด่าเป็นคำไทยนี้แกไม่เคยพูด เป็นคนเรียบร้อย ไม่พูดโกหก ควรที่ถูกลงโทษไปตามกฎหมาย เขาเลี้ยง ให้ความรู้ ช่วยเหลือทุกอย่าง ยังฆ่าได้ มันเนรคุณใช้ไม่ได้
อีกรายหนึ่งก็ไปทำงานกับคุณยายคุณตา เป็นคนใช้อยู่ในบ้าน คุณตาคุณยายก็เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน วันหนึ่งคุณยายทำกับข้าวเพื่อจะได้กิน๓คนนี่แหละ คุณตาไม่อยู่บ้าน แต่จะมาทานอาหารด้วยกัน มันเห็นคุณยายมีสตางค์ มันอยากได้สตางค์ของคุณยายเลยมันเข้าไปทุบคุณยายตายคาครัวตายในครัวเลย คุณตามาเห็นเข้ามันทุบคุณตาอีกนะ ส่งไปสวรรค์พร้อมกันเลย ๒ คนตาย แล้วมันก็หนี แต่ผลที่สุดก็หนีไม่พ้นตำรวจจับได้ แล้วมันก็บอกว่าคุณยายนี้พูดด่ามันทำให้มันโกรธ เจ็บใจ คุณยายไม่เคยด่า เอ็นดู กรุณาดีนะคนแก่ ไม่ได้ด่าอะไร แต่มันก็ให้การว่าด่า ศาลก็ไม่ได้เชื่อเพราะสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นอย่างนั้น อันนี้สำคัญ
เราอยู่อย่าประมาทนะโยมนะ มีข้าวมีของอย่าไปอวดให้มันเห็นคนใช้ มีอะไรก็ซ่อนๆ อย่าเอามา เฮ้ยมาดูนี่ดูแหวนมั่ง หยิบสตางค์มาให้มันดูมั่ง ให้มันเห็นใจมันอยากขึ้นมา คนมันไม่มีพอมันเห็นก็มันอยากขึ้นมา ถ้าอยากขึ้นมาแล้ว มันคิดไม่ได้ นึกไม่ได้ มันก็ฆ่าตายเปล่า อย่างนี้อันตราย เราจะต้องระวังคนที่มาเป็นคนใช้ มาเป็นลูกจ้างเรา ที่บางที่ไม่ควรให้เข้าไป ของอะไรไม่ควรให้เห็นไม่ควรให้รู้
คนโบราณเขาสอนว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง” อย่าไว้ใจเท้าทางเดินคือเดินไปก็ต้องสังเกตไปว่ามันถึงไหนแล้วมันจะเลี้ยวตรงไหน ถ้าเดินเพลินไปถึงที่เลี้ยวแล้วไม่เลี้ยวมันก็เสียเวลาไว้ใจคนมากมันก็ไม่ได้ มันหักหลังเราเมื่อใดก็ได้ ทรยศเราเมื่อใดก็ได้ เพราะคนประเภทอย่างนั้นมันไม่คิดอะไร มันคิดจะเอาท่าเดียว เพราะฉะนั้นอย่าไปให้มันเห็นอะไรต่ออะไร
เงินทองไปเบิกจากธนาคารอย่าให้มันเห็น เอามาเก็บอย่าให้มันรู้ แล้วเวลาไปธนาคารก็อย่าเอาไปด้วย เพราะเอาไปแล้วมันเห็นว่าเราเบิกเงินมา ๒ ปึกใหญ่ๆ ปึกละหมื่นอย่างนี้นะมันตาลายแล้ว น้ำลายไหลแล้ว คราวนี้มาก็เห็นว่าเอาไปวางไว้ตรงไหน มันก็เอาไม้คมแฝกทุบหัวเราตาย แล้วมันเอาเงินไป ตามตัวมาได้ก็ชีวิตไม่มีแล้ว อันนี้ไม่ได้ไปไหนต้องระวัง
เคยบอกคนบางคนว่าโยมอย่าเอาเงินไว้ในกระเป๋าเดียวมากๆ ไปไหนก็ในกระเป๋าต้องไว้ที่หนึ่ง ให้สำหรับใช้สอยเอาไว้ที่หนึ่ง ใส่ซองใส่อะไรไว้เล็กๆน้อยๆ ๑๐๐, ๒๐๐ เสียค่าซื้อตั๋ว ค่ารถ ซื้อของกินอะไรต่ออะไร ไอ้ปึกใหญ่อย่าไปเปิดให้มันเห็น ไปเปิดในที่ชุมชนมันเห็น มันตามไปจี้เอาไปเสียเลย ถ้ามันจี้ก็ให้มันไปเถอะ อย่าไปสู้มันเลย ชีวิตมีค่ามากกว่าเงิน ให้มันไปช่างหัวมันเอาชีวิตไว้ก่อน แต่บางทีมันจี้แล้วมันแทงไส้ไหลแล้วเอาเงินไป มันฆ่าให้ตายเพื่อไม่ต้องไปแจ้งความ ไม่ต้องไปบอกว่าคนที่จี้หน้าตาเป็นอย่างไร ทำลายหมด ทารุณ โจรเดี๋ยวนี้ทารุณมาก
คนสมัยก่อนเป็นโจรเขายังมีคุณธรรม เขาจะไปปล้นบ้านใครเขาเลือกไปถึงที่จะปล้น ฝนมันตกเลยได้อาศัยหยุดชายคากันฝนกันแดดได้ ไม่ปล้น เพราะบ้านนี้มีประโยชน์ต่อเราๆ ไม่ปล้น ได้รับความช่วยเหลืออะไรแล้วเขาไม่ปล้น เขาไม่ทำลายคนใกล้ๆ ไม่ปล้นในเขตตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกันก็ไม่ปล้น ไปปล้นไกล คนอยู่กรุงเทพฯไปปล้นถึงโน่น นครสวรรค์ เขาไม่ปล้นที่กรุงเทพฯ
เดี๋ยวนี้คนชั่วเขาไม่มีครูไม่มีอาจารย์ ไม่ได้เชื่อฟังใครทั้งนั้น สมัยก่อนคนเป็นโจรมันก็มีครู เคารพครู เชื่อฟังครู ยังมีดีอยู่บ้าง ถ้าครูสั่งอะไรเขาไม่ขัดขืน เขาไม่ทำผิด ทำตามที่ครูสั่งไปปล้นบ้านไหนแบ่งครึ่ง เขามีผ้า ๒ ผืนเอาไปผืนเดียวเหลือไว้ให้เขานุ่งห่มบ้าง มีเงิน ๑๐๐ เอาไป๕๐เหลือไว้ให้เขาใช้บ้างเป็นอย่างนั้นแล้วไม่ทุบตีเจ้าบ้าน ทรัพย์สมบัติอันใดอยู่ที่ร่างกายผู้หญิงก็ไม่เอา แหวนใส่นิ้วผู้หญิง สายสร้อยผูกข้อมือ สายสร้อยคอ เขาก็ไม่แตะต้องเพราะอาจารย์สั่งว่าอย่าเอาของจากร่างกายของผู้หญิง เขาก็ทำตามจึงปลอดภัย
เดี๋ยวนี้เขาไม่เลือกทั้งนั้นแหละ มีอะไรกูก็เอาทั้งนั้น มันไม่ถืออะไร เพราะมันไม่มีครู มีอาจารย์ ไม่มีการเคารพบูชาใคร สมัยก่อนเขาจะไปปล้นเขาต้องทำพิธีไหว้ครู ไหว้อาจารย์ อาจารย์ก็ปลุกเสกเอาน้ำมนต์ใส่หัว เอาเชือกผูกหัว ทำอะไรหลายอย่างแล้วก็สั่งเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ให้ทำ เขายังมีครู …… (30.32 เสียงขาดหาย) มันไม่มีครูแล้ว มันทำของมันเอง อุกอาจมาก ทารุณมาก มันผิดกับสมัยก่อน เช่น ผู้ร้ายลักวัว ไปลักวัวเขามาได้ เอามาไว้ก่อนไม่ทำร้ายแต่ไปบอกครูหรือว่าหัวหน้าบอกว่าผมไปลักวัวมาตัวหนึ่ง ถามว่าเอาไว้ที่ไหนล่ะ เอาไว้ที่ป่าตรงนั้น เอาไว้ก่อนนะ อย่าทำลายนะ เจ้าของวัวตามมา มาหาคนที่เป็นผู้ใหญ่นั้น บอกว่าวัวสีนั้นหายมาทางนี้ ยังอยู่หรือเปล่า เออยังอยู่ ของใคร ของฉัน อ้อ ครับท่านเดี๋ยวเอาไปให้ เขาก็ให้คนที่ลักจูงไปให้ จูงไปให้ถึงบ้านแล้วก็ขอโทษขอโพยเพราะไม่รู้ว่าเป็นของใคร เจ้าของวัวก็ไม่ว่าอะไร ไม่ถือโทษโกรธตอบให้อภัยนี่คนมันเป็นอย่างนี้ สมัยก่อนเป็นอย่างนั้น เขาไม่ทำร้ายกัน ไม่เบียดเบียนในสิ่งที่ไม่ควรทำ เขานับถือ
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปลักวัวของคุณครูเข้าให้ คุณครูแกเลี้ยงวัวไว้ตัวหนึ่ง ก็ไม่ได้ใช้แรงงานอะไร เลี้ยงไว้เล่น ไอ้เจ้าโจรหนุ่มมาลักไปเลย ไม่รู้ว่าเป็นของคุณครู ครูก็เที่ยวสั่งคนที่รู้จักว่า วัวของครูหายไป ช่วยดูด้วยมันไปทางไหน ถ้ายังไม่ฆ่าไม่แกงก็เอามาคืนด้วย คนก็ไปเที่ยวสืบ ไปสืบๆก็ไปพบไอ้โจรที่ลักวัวนั้นแหละ ว่ามีวัวหายมาทางนี้บ้างไหม โจรบอกว่า มีอยู่ตัวหนึ่ง ใครลักมา กูลักเอง เอ้า มึงแย่แล้วนะ ไปเอาวัวคุณครูมาแล้ว ครูอะไร ก็ครูช่วงไง ขุนชนะณรงค์ เป็นท่านขุนทีหลัง ชื่อท่านขุนชนะณรงค์ วัวท่านขุนนะ โอ้ กูไม่รู้โว้ย แล้วจะทำอย่างไร ก็มึงเอาไปคืนซิไปขอโทษท่าน เลยมันก็จูงวัวมาคืนขอโทษผมไม่รู้ว่าของคุณครู ครูก็สอนแนะนำแล้วบอกว่าต่อไป อย่าประพฤติลักของใคร ของครูของใครอย่าลักทั้งนั้น มันกราบขอโทษอธิฐานใจต่อหน้าคุณครูว่า ผมจะไม่ประพฤติเป็นขโมยต่อไปเลิก โจรใจดีมาสารภาพผิดกับคุณครู แบบนี้มันมีอยู่ในสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ไม่มี มันไม่ปรึกษาใคร ให้ได้เป็นเอาจึงลดความรู้สึกนึกคิดทางจิตใจไปบ้าง ไม่มีอะไรเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งจิตใจ
คนสมัยก่อนอย่างน้อยก็มีความสำนึกในความกตัญญูกตเวที ซึ่งฝังอยู่ในจิตใจ คนใดเป็นผู้มีบุญคุณ เขาไม่ทำไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้เสียหาย เพราะสำนึกได้ว่าเรามีพันธะทางใจกับคนเหล่านั้น มันก็ดี แต่เดี๋ยวนี้มันไม่มีอะไรไม่มีพันธะ มันกินข้าวในเรือนขึ้นไปรดหลังคา ทำร้ายเจ้าบ้าน เบียดเบียนเจ้าบ้านให้เดือดร้อน จิตใจต่ำมาก อันนี้ มีอยู่มากขึ้นในสังคมมนุษย์
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่าการสอน การอบรมในเรื่องศีลธรรมมันน้อย ในโรงเรียนก็สอนน้อย พ่อแม่ก็สอนน้อย พระเราก็สอนน้อยเลยมันไม่รู้ว่าชีวิตของเขานี้เกี่ยวเนื่องกับใครบ้าง ใครเกิดเขามา ใครเลี้ยงเขามา ใครให้การศึกษาเล่าเรียน ใครช่วยเหลือ อย่างนั้นเขาคิดไม่ได้ คิดไม่เป็น แล้วมันก็ตอบแทนไม่เป็น คนที่คิดไม่ได้ว่าเราอยู่กับใคร ใครช่วยเหลือเราไว้ คิดไม่ได้จะไม่มีความกตัญญูเกิดขึ้นในใจแม้แต่น้อย
คนบางคนนะ สมมติว่าอยู่วัด ที่เรียนหนังสือจนกระทั่งว่าจบปริญญา ทำงานทำการออกจากวัดนั้นไปไม่เคยโผล่ไปวัดนั้นเลย ไม่เคยไปเยี่ยมไปเยียน ไปเคยไปช่วยเหลือวัดนั้น พระที่เลี้ยงมาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ไปสนใจ ไม่ไปดูแลรักษา ไม่ช่วยเหลือ เป็นตัวอย่างในทางนั้น
แต่ว่าในนักเรียนชุดนั้นบางคนเขาดี เขาเจริญในราชการเป็นถึงท่านอธิบดีไปเยี่ยมบ่อยๆ ถ้ากุฏิของท่านสมภารท่านนั้นมันเป็นน้ำคลำสกปรก สมัยแกเป็นเด็กแกก็เห็นมาอย่างนั้น พอแกมีบุญวาสนาขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมที่ดิน ก็จ้างรถบรรทุกเอาดินไปถมไปปิดให้สะอาดให้เรียบร้อยนี่คนดี แล้วเวลาอาจารย์ป่วยไปดูแล อาจารย์ตายก็ไปเป็นเจ้าภาพใช้จ่ายเงินทองไม่ให้ใครเดือดร้อน คนดี คนนี้เป็นอธิบดีกรมที่ดินเกษียณแล้ว
แต่ว่าคนบางคนจบแล้วไปทำตนเป็นนักการเมืองก็ไม่ค่อยเจริญเท่าไร อยู่พรรคนั้นนิด พรรคโน้นหน่อย มันไม่ค่อยเจริญ เพราะขาดคุณธรรมคือ ความกตัญญูกตเวที มันไม่ก้าวหน้า
แต่คนๆหนึ่งเขาไปอยู่วัดมา ครั้งแรกจะไปอยู่วัดบูรณศิริใกล้คลองหลอด เดินไปธรรมศาสตร์๕นาทีก็ถึงเข้าไปขออยู่ พระถามว่าเธอมาจากไหน ผมมาจากจังหวัดตรัง มีใบฝากไหม เสียใจครับผมไม่มีใครฝาก ไม่มีใครฝากอยู่ไม่ได้วัดนี้ไม่รับ ไม่เป็นไร ขอบพระคุณครับ ออกจากวัดนั้นไปฝั่งธนฯ วัดอมรินทร์ก็เดินมาก็ข้ามเรือมาธรรมศาสตร์สบาย ขันไปถึงก็กราบพระเรียบร้อย พระองค์นั้นท่าทางเป็นนักเลงหน่อย มีธุระอะไรวะ …… (38.56 เสียงไม่ชัดเจน) กระผมเป็นนักเรียนธรรมศาสตร์ อยากจะมาขอพึ่งบารมีอยู่เรียนหนังสือที่วัดนี้ด้วย เอ่อ เอ็งชื่ออะไรวะ บอกชื่อ อื้อ ชื่อ บัญชาโว้ย บอกว่าชื่อบัญชาอยู่กันได้รับเลย ก็ไปอยู่ ก็อยู่กันไป เรียนหนังสือ ท่านองค์นั้นแกสึกไปทำไร่อยู่เมืองกาญจฯ แต่ว่าไม่ลำบากหรอก เพราะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว ไปไหว้องค์นั้นไปไหว้องค์นี้ รู้จักกับพระองค์หนึ่งที่จะเป็นสมภาร เดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่ ก็ไปขอพึ่งองค์นั้นต่อไป ท่านก็รับไว้ เพราะว่าเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว พูดจาเรียบร้อยก็ได้อยู่ อยู่จนกระทั่งจบธรรมศาสตร์ ได้เนติบัณฑิต ก็ยังอยู่วัด
ที่หลังมาเล่นการเมืองได้เป็นผู้แทนราษฎรก็ไปอยู่บ้านเพื่อน เขาให้ขออยู่ แต่ว่าทุกวันเกิดแกไปวัด ไปถวายสังฆทานในวันพระบ้าง ทำสังฆทานไม่เคยละเว้นไป ต่อมาก็ได้รับเกียรติเป็นหัวหน้าพรรค ได้เป็นนายก พอเป็นนายก ซื้อผลไม้กระเช้าใหญ่ไปถวายสมภารวัดนั้น มาทำไมรึไปขอบพระคุณว่ากระผมได้อาศัยบารมีวัดนี้ ได้เล่าได้เรียน เวลานี้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี กราบขอบคุณแล้วแกไปบ่อยไปหาสมภารนั้น ส่วนพระที่สึกแล้วไปอยู่เมืองกาญจฯทำสวน พอได้เป็นนายกแกไปถึงไปเยี่ยมถึงสวนเลย ไปกราบขอบพระคุณ คนอย่างนี้ไว้ใจได้ เพราะฐานเขาดี ฐานมีความกตัญญูกตเวทีนี่ใช้ได้ เป็นผู้นำทางประเทศชาติได้ เพราะมีฐานดีทางด้านจิตใจดี
พระพุทธเจ้า ตรัสว่า นิมิตตัง สาธุปานัง กตัญญูกตเวทิตา ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายคนดี เราจะดูคนว่าดีไม่ดี ก็ต้องดูว่าเขามีความผูกพันทางจิตใจต่อพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ พระเจ้าพระสงฆ์ หรือบุคคลที่ทำประโยชน์อย่างไร ถ้าเป็นคนที่มีนิสัยกตัญญูกตเวทีแล้วละก็ใช้ได้ เลือกเอาไว้เป็นลูกเขยก็ได้ เอาไว้เป็นลูกสะใภ้ก็ได้ เอามาเข้าหุ้นร่วมค้าร่วมขายกันก็ได้ เขาไม่ทรยศไม่หักหลังใคร เพราะเขามีฐานความกตัญญูกตเวทีอยู่ในใจ เป็นคนใช้ได้ เป็นคนขยัน
สังเกตมามากแล้ว คนที่มีน้ำใจกตัญญูกตเวทีนี้ เขาไม่ทำชั่วเพราะเขานึกถึงคนเหล่านั้นกลัวจะเสียชื่อกระทบกระเทือนท่านผู้นั้นท่านผู้นี้ …… (43.11 เสียงไม่ชัดเจน) นิสัยเป็นอย่างนั้น มีหลายคนที่ได้พบและก็เป็นคนดีเจริญก้าวหน้า เพราะฐานมั่นคง คนมีความกตัญญูกตเวทียืนอยู่บนฐานที่มั่นคง ไม่โยกเยก …… (43.27 เสียงไม่ชัดเจน) อ่อนแอ ด้วยอะไรที่มากระทบใช้ได้ เป็นตัวอย่าง อย่างนั้น
พระพุทธเจ้าสรรเสริญพระสารีบุตรว่าเป็นพระอรหันต์ที่มีความกตัญญูอย่างเลิศ กตัญญูต่อใคร ท่านได้รับคำสั่งสอนจากท่านพระท่านอัสสชิ เป็นพระชุด ๕ รูปปัญจวัคคีย์ ท่านนอนกลางคืนก็ต้องหันหัวไปทางพระอัสสชินอน จนพระทั้งหลายคิดว่าท่านพระสารีบุตรคงจะถือทิศแบบไสยศาสตร์ เพราะนอนหันหัวไปนั้นไปนี้บ้าง พระพุทธเจ้าท่านรู้แล้วว่าเรื่องอะไรแต่ท่านก็เรียกมาถามให้ปรากฏหน่อย ก็เรียกมาถามว่า ได้ข่าวว่าเธอนอนนี้หันหัวไปทางทิศโน้นบ้างทิศนี้บ้างเธอถือทิศรึ พระสารีบุตรว่า มิได้เป็นเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ แล้วทำทำไม ข้าพระองค์ระลึกถึงบุญคุณของท่านพระอัสสชิที่ได้สอนธรรมะให้ข้าพระองค์เป็นองค์แรก ได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา จึงนอนหันหัวไปในทางทิศที่พระอัสสชิอยู่ พระพุทธเจ้าสรรเสริญว่า คนได้เรียนรู้วิชาใดจากใคร ระลึกถึงบุญคุณของผู้นั้นเป็นคนเจริญก้าวหน้า
พระสารีบุตรและเวลาท่านจะนิพพาน ท่านลาพระพุทธเจ้าไปขอนิพพานในห้องที่เกิด เพราะว่าคุณแม่ยังไม่ได้เป็นพุทธบริษัท ลูกบวชหลายคน ๓ คน แม่ก็ยังเป็นพราหมณ์อยู่นั่นแหละ ยังถือศาสนาพราหมณ์ไม่ยอมเปลี่ยน พระสารีบุตรคิดว่าจะไปโปรดคุณแม่ในวันสุดท้ายของชีวิต เลยลาไปบ้านคุณแม่ที่นาลันทา บ้านสารี อยู่ใกล้นาลันทา แล้วไปนอนในห้องนั้นห้องที่คุณแม่นอน เกิดแล้วท่านนอนที่นั้น ก่อนนอนก็คุยธรรมะให้คุณแม่ฟัง สอนธรรมะจนคุณแม่เปลี่ยนใจมาเป็นพุทธบริษัทเป็นอุบาสิกาในพระพุทธศาสนาแล้วท่านก็นิพพานที่นั้น
อันนี้พระพุทธเจ้าสรรเสริญว่าสารีบุตรเป็นยอดแห่งพระอรหันต์ที่มีความกตัญญูกตเวทีแล้วก็สอนพระทั้งหลายให้เอาเยี่ยงเอาอย่าง อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสารีบุตรเหมือนกัน ราธพราหมณ์เป็นพราหมณ์แก่ลูกหลานก็เขาไม่ค่อยเลี้ยง มาอยู่กับพระ อาศัยวัด อยากจะบวชไม่มีใครบวชให้ผิวพรรณซูบซีด เอ็นสะพรั่งไปทั่งตัวเพราะตรอมใจที่ไม่ได้บวช พระพุทธเจ้าตื่นแต่เช้านั่งดู เอ วันนี้ใครมีความทุกข์ ใครมีความเดือดร้อนใจ ทรงทำเป็นปกติทุกวันก็มองเห็นราธพราหมณ์ว่าเป็นผู้ทุกข์ระทมตรมใจเพราะไม่ได้บวชก็เลยเสด็จไปที่ …… (47.12 เสียงไม่ชัดเจน) ถามว่าร่างกายของเธอดูซูบซีดทำไมจึงเป็นอย่างนั้น พราหมณ์บอกว่าเป็นทุกข์พระเจ้าค่ะ ทุกข์เรื่องอะไร ไม่มีอาหารกินรึ ไม่มีที่อยู่รึหรือว่าเป็นยังไง บอกว่าอาหารมี ที่อยู่มี พระทั้งหลายช่วยเหลือดีอยู่ แต่ข้าพระองค์อยากจะบวช พระทั้งหลายไม่ยอมให้บวช ทำไมไม่ยอมให้บวชคือคนแก่พระไม่อยากให้บวช บวชแล้วว่าไม่นอนสอนไม่ฟัง กลายเป็นพระหลวงตา เมืองเหนือเขาเรียกตุ๊ปู่ ก็คือคนแก่ๆชอบทำอะไรตามใจอยาก ใครสอนอะไรก็เฮ้ย ผมเกิดมานานแล้วนะ อาบน้ำร้อนก่อนคุณนะเป็นอย่างนั้น พระไม่ชอบเลยไม่ให้บวช แต่พระองค์เห็นว่าราธพราหมณ์นี้เป็นคนว่านอนสอนง่าย นิสัยดีก็เลยเรียกประชุมพระทั้งหมด มาประชุมแล้วก็ถามว่าในหมู่พวกเธอทั้งหลาย ใครนึกถึงอุปการคุณของราธพราหมณ์ได้บ้าง พระสารีบุตรยืนขึ้นประนมมือ ข้าพระองค์ระลึกได้ พราหมณ์คนนี้เคยใส่บาตรให้ข้าพระองค์ทัพทีหนึ่ง เคยตักข้าวใส่บาตรให้ทัพทีหนึ่งยังนึกได้ อ้อ ดีแล้วสารีบุตรบวชให้ราธพราหมณ์หน่อย พระสารีบุตรก็ถามว่าจะบวชอย่างไง ก็บวชอย่างทีเราบวชกันอยู่เดี๋ยวนี้ ให้ทำอย่างนั้นๆ ราธะก็ได้บวชตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติก็เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งเหมือนกัน ท่านสารีบุตรคือท่านที่มีคุณธรรมกตัญญูกตเวทีอย่างสูง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราพระองค์นี้ ทรงมีน้ำพระทัยกตัญญูมาก โดยเฉพาะต่อพระมารดาบังเกิดเกล้าฯ พระมารดาป่วยไปอยู่ศิริราชท่านไปทุกคืน แต่ไปในเวลารถเบาบาง แม้จะมีรถนำ พระองค์ก็ไม่อยากรบกวนประชาชนไปตอนรถมันเบาแล้ว ไปเยี่ยมไปคุยไปสนทนาเสร็จแล้วกลับวังทุกคืนพระมารดาสิ้นพระชนม์ท่านไปทุกวันไม่ขาด ไปกราบพระศพ บำเพ็ญบุญถวายเป็นประจำ งานอื่นยกไว้ก่อนทำงานนี้ก่อน ทำงานนี้ก่อน เสร็จจากงานบำเพ็ญบุญถวายสมเด็จพระมารดาแล้ว ก็หันไปสั่งงานกับข้าราชการที่ไปนั่ง เรื่องน้ำท่วม ตอนนั้นน้ำท่วม สั่งว่า เอ้ ตรงนี้สั่งแล้ววันก่อนทำไมไม่ทำ พวกนั้นก็ …… (50.34 เสียงไม่ชัดเจน) ถ้าเป็นสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์พระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์นะ พวกนั้นหลังลายถูกไล่ออก ถูกเฆี่ยนนะก็สั่งแล้วไม่ทำ
แต่เดี๋ยวนี้ในหลวงท่านไม่มีอำนาจอย่างนั้นมีแต่พระคุณไม่มีพระเดชที่จะไปสั่งอย่างนั้น แม้สั่งงานก็ไม่ได้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่ว่าท่านเสนอแนะว่าควรทำอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้ได้ แล้วก็ทำกันด้วยความเต็มใจ เพราะเป็นโครงการในหลวง เพราะรักในหลวง รักอะไรของในหลวง รักความดีของในหลวง รักคุณธรรมของพระองค์ท่าน คนมีคุณธรรมเป็นที่รักเป็นที่เคารพของคนทั่วไปได้รับการสรรเสริญเยินยอจากมนุษย์และเทวดา ตายแล้วก็ไปสู่สุขคติไม่ตกต่ำ ไม่ไปอย่างนั้น
สำหรับวันนี้ก็พูดมาสมควรแก่เวลา