แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้จะมาเล่าเรื่องที่ไปต่างประเทศมา ให้โยมฟังพอสมควรแก่เวลา เสียงยังไม่ค่อยแจ่มใส แต่ว่าไปต่างประเทศคราวนี้ ไปประเทศอิสราเอล เมืองยิว บ้านเราเรียกว่าคนยิว แต่เขาไม่เรียก เขาเรียกยิวเหมือนกัน ประเทศยิวนี่เป็นประเทศที่อยู่ระหว่างอาหรับ ด้านตะวันออกติดจอร์แดน เป็นอาหรับ ด้านตะวันตกติดทะเลเมดิเตอเรนียน เป็นทะเลระหว่างแผ่นดิน แล้วก็ด้านเหนือติดเลบานอน ซีเรีย กำลังยิงกันอยู่ เมื่อไปเขาก็ยิง ยิงกันมาหลายปีแล้ว เพราะว่าอาหรับกับยิวนี่เขารังเกียจกัน ไม่ค่อยถูกกัน อยู่กันด้วยความโกรธ ความเกลียด มันเป็นทุกข์ อยู่กันด้วยความรักมันก็ไม่มีทุกข์อะไร แต่มันรักกันไม่ได้ ไม่รู้เรื่องอะไร และก็ยิวก็เอาเรือบินไปทิ้งลงบนหัวของพวกเลบานอน ตายกันหลายๆคน
เลบานอนก็มีคนที่เรียกว่า หัวรุนแรง ชอบแอบมาตีท้ายครัวอิสราเอล ทำให้อิสราเอลตาย อิสราเอลก็โกรธ เอาเรือบินไปทิ้งระเบิดบ้านพังพินาศไปเลย ตายกันไปบ้าง บาดเจ็บกันไปบ้าง สู้รบกัน แต่ไม่กระเทือนภายในประเทศ คนเขาก็ทำมาหากินโดยปกติ
ประเทศอิสราเอลเป็นทะเลยทราย แห้งแล้ง แต่ว่าน้ำสมบูรณ์ เขาเอาน้ำมาใช้ในการเพาะปลูกอย่างสมบูรณ์ ไม่แห้งแล้ง พื้นที่แทนที่จะเป็นทราย กลายเป็นพื้นที่สีเขียว ด้วยการปลูกต้นไม้ ปลูกต้นไม่ใหญ่ก็พวกอินทผาลัม อินทผาลัมมันก็ต้นมันคล้ายกับต้นตาลบ้านเรา แต่ใบมันผิดกัน ออกลูกมา ลูกอินทผาลัมนี่ราคาแพง เนื้อมันกินอร่อย พอมาขายบ้านเราก็กิโลหนึ่งหลายสิบบาท เขาปลูกกันทั่วๆไป เพราะว่าแหล่งน้ำใหญ่ของประเทศคือทะเลสาบ
ทะเลสาบกาลิลี อยู่ตอนเหนือของประเทศ ทะเลสาบกว้างขวางพอสมควร รับน้ำมาจากแม่น้ำจอร์แดน เป็นน้ำจืด ไหลลงมาในทะเลสาบนั้น อิสราเอลก็สูบน้ำจากทะเลสาบขึ้นไปบนภูเขา สร้างถังใหญ่เก็บไว้ แล้วก็ส่งต่อไป สร้างถังไปเรื่อยๆ ไปจนถึงสุดประเทศทางใต้ ซึ่งป็นทะเลทราย
แล้วก็มีทะเลอีกแห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล เขาเรียกว่าทะเลตาย Dead Sea คือทะเลตาย เรียกว่าทะเลตายก็เพราะว่าไม่มีสิ่งที่มีชีวิตในทะเลนั้น เพราะน้ำมันเค็มเหลือเกิน เค็ม ๑๐๐% เอามาชิมก็ มันเกือบขม เกลือมันมาก เกลือมากทานน้ำหนักได้ คนลงไปอาบน้ำในทะเลไม่จมน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่จม ลอย คนลงไปลอยเล่น แต่อย่าให้น้ำเข้าตา อย่าให้น้ำเข้าปาก เขาเขียนเตือนไว้ ระวังอย่าให้น้ำเข้าตา เพราะถ้าเข้าตาแล้วก็แสบตา อาจจะเป็นโรคตาแดงได้ แล้วไม่ให้เข้าปาก ถ้ากลืนน้ำลงไปต้องรีบไปหาหมอ เขาเขียนเตือนไว้อย่างนั้น หลวงพ่อไปริมทะเลสาบนั้นก็นึกว่าลงไปสักหน่อย คือลงไปถึงจมหัวเข่า ถกผ้าไว้ก็ลงไปจนจมเข่า ไปยืนอยู่สัก ๔-๕ นาที ถ้าหากว่าคนเป็นโรคปวดข้อ Rheumatism หรือโรคเก๊าท์นี่ ไปอาบน้ำทะเลนั้นสัก ๒-๓ วันก็หาย หรือเป็นโรคผิวหนัง โรคผิวหนัง ผื่นคันอะไรอย่างนี้ ไปอาบน้ำในทะเลนั้นสัก ๒-๓ ครั้งก็หาย เพราะฉะนั้นคนลงไปอาบ แต่เขาทำที่ให้อาบ ให้ลงที่ตรงนั้น เขามีเจ้าหน้าที่ดูแล เผื่อคนออกไปไกล มีอันตราย เขาก็ช่วย คอยช่วยเหลือ ให้สวัสดิการพอสมควร
น้ำในทะเลนั้นเค็มจัด เขาสูบขึ้นมาแล้วก็เข้าโรงงาน ทำเขาเรียกว่าโพแทสเซียมเป็นธาตุชนิดหนึ่งซึ่งได้จากน้ำเค็ม โพแทสเซียมกองเป็นภูเขาเลย ส่งไปขายต่างประเทศ เอาไปทำยา ยังมีแร่ธาตุในน้ำเค็มนั้นอีกหลายอย่าง เขาจะต้องตั้งโรงงานแยกเพื่อเอามาใช้ เพราะประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่เจริญด้วยวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์เขาเยอะ คนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ล้วนเป็นชาวยิวส่วนมาก เช่น ไอน์สไตน์เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้น ๑ ของโลก อยู่ในประเทศเยอรมันก็เป็นยิว คนยิวที่เก่งๆมีมาก ได้รับรางวัลโนเบลหลายคน ๑๒ คนด้วยกัน ได้รับมากกว่าประเทศชาติใดๆ แต่ส่วนมากอยู่ในยุโรป อยู่ในประเทศเยอรมัน ประเทศอะไรต่ออะไรมากมาย
แต่สมัยฮิตเลอร์ครองเมืองนี่ ฆ่ายิวเสีย ๖ ล้านคน ยิวในเยอรมัน ๓ ล้าน ยิวในโปแลนด์ ๓ ล้าน เอาไปฆ่า ต้อนไป เข้าไปในห้อง แล้วก็ปิดห้องหมด เอาแก๊ส พ่นแก๊สเข้าไป ตาย ฆ่าคนเหมือนกับฆ่าแมลงที่เป็นศัตรูพืช ตายกันอย่างเป็นเบือเลยทีเดียว ตายแล้วก็เผาหมด เผาให้เป็นเถ้าถ่านไปเลย เอาน้ำมันเบนซินราด จุดไฟเผา เผาละเอียด แล้วเหลือแต่กระดูกก็เอาไปฝังไว้ ประเทศยิวได้เก็บกระดูกคนเหล่านั้นมาสร้างเป็นอนุสาวรีย์ ทำแข็งแรงมาก ทำได้หินก้อนโตๆ เป็นห้องใหญ่ แล้วเอากระดูก ๖ ล้านคนนี้มาฝังไว้ที่นั่น ทำไฟสว่างอยู่ตลอดเวลา และก็มีภาพเกี่ยวกับการถูกทารุณทากรรม ภาพเด็กๆนี้ เด็กไม่เดียงสา เขาเอาไปฆ่า ฆ่าเล่น เหมือนกับฆ่าอะไรอย่างนั้น แล้วก็ทำภาพเอาไว้ให้เห็น เป็นภาพที่น่าสลดใจ ทำไว้ที่เมืองเยรูซาเล็ม คนยิวมีลักษณะอย่างนั้น
ชนชาติยิวนี่มีอายุมาตั้ง ๔,๐๐๐ ปี เรียกว่าสร้างชาติสร้างปะเทศมาถึง ๔,๐๐๐ ปี แต่ว่าก็ตกระกำลำบากมาก ต้องไปเป็นทาสเขาในประเทศอียิปต์ ตั้ง ๒-๓ ชั่วคน และก็มีคนดีเกิดขึ้น ชื่อโมเสส โมเสสเกิดขึ้น พระเจ้าแผ่นดินอียิปต์ชื่อฟาโรห์ โหรทำนายว่าคนดีจะมาเกิดช่วยพวกยิว และพระเจ้าแผ่นดินจับเด็กยิวฆ่าหมด เด็กที่เกิดในระหว่างนั้นฆ่าหมดเลย มีโมเสสไม่ตาย เพราะคุณแม่เห็นว่าลูกจะถูกฆ่า เลยเอาลูกใส่ตะกร้าที่ไม่จมน้ำลอยน้ำไป ลอยไปในแม่น้ำไนล์ แล้วตะกร้านั้นไปติดสะพานท่าน้ำของวัง ลูกสาวของพระเจ้าฟาโรห์ลงมาที่ท่าน้ำ เจอเด็กคนนี้เข้า เป็นเด็กน่าเอ็นดู เลยเอาไปเลี้ยง เลี้ยงไว้จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ให้การศึกษาเล่าเรียน ต่อมาก็ได้เป็นหัวหน้าพายิวหนีออกจากอียิปต์ เดินทางอยู่ในทะเลทราย ๔๐ วัน ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน อดอาหาร กินของอะไรที่พอกินได้ จนถึงทะเลแดง ทะเลแดงเป็นทะเลไม่กว้างเท่าไหร่ มีน้ำขึ้นน้ำลง โมเสสรู้ว่าน้ำลงเวลาไหนก็ข้ามตรงที่ตื้น แต่ในคัมภีร์เขียนว่าพระผู้เป็นเจ้ามาช่วยแหวกน้ำให้โมเสสข้ามไป ในหลวงรัชกาลที่ ๖ บอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น โมเสสรู้ภูมิศาสตร์ รู้ว่าตรงไหนน้ำตื้น ตรงไหนน้ำลึก แล้วก็ไปข้ามตรงที่น้ำตื้นเวลาน้ำลง พอน้ำลงก็ข้ามเลย ทีนี้พวกอียิปต์ตามมา มาถึงก็บุ่มบ่ามลงไปเวลาน้ำขึ้น จมน้ำตาย พวกโมเสสไม่ตาย
โมเสสพาลูกน้องไป ไปก็ ไปพักอยู่ในทะเลทราย แกรำคาญคน เลยขึ้นไปพักสงบอยู่บนยอดเขาซีนาย ไปบนเขาซีนายแกก็บอกว่าได้ไปพบพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าสั่งมาว่าให้เราปฏิบัติตามบัญญัติ ๑๐ ประการ ไม่ฆ่าคน ไม่ลักของใคร ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก อะไรๆ เป็น ๑๐ เรื่อง ยิวก็ปฏิบัติตามหลักกการนั้นตลอดมา กลับมาสู่ประเทศที่เป็นยิวในปัจจุบัน เป็นประเทศที่พระผู้เป็นเจ้าสัญญาไว้ว่าจะให้ แล้วเป็นประเทศที่มีน้ำนม มีน้ำผึ้ง ความจริงไม่มี มันตายทั้งนั้น เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง แต่เมื่อคนยิวมาอยู่ก็ไม่อดตาย เพราะว่ายิวนี่เป็นชาติที่ขยันในการทำงาน มีความอดทนสูง มีการประหยัด คุณธรรม ประหยัด ขยัน อดทน เป็นหลักจิตใจ
เขาพยายามสร้างชาติ สร้างประเทศ แต่ก็ถูกเบียดเบียนจากพวกอาหรับบ่อยๆ เพราะอยู่ในระหว่างเขา (12.16) ได้พวกอาหรับอยู่รอบ ก็คอยรังแก แต่ยิวก็สู้ จนกระทั่งตั้งประเทศมาได้ แล้วก็มีอังกฤษเข้ามายึดครอง อยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่ต้องฆ่าต้องแกงกัน เพราะอิทธิพลอังกฤษมาก ก็ช่วยสร้างชาติ สร้างประเทศ ได้หลุดเป็นอิสรภาพเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
แล้วก็ยิวที่ไปอยู่ต่างประเทศ ยิวไปอยู่ประเทศไหนนี่ไปอยู่อย่างคนรวย ไม่ได้ไปอยู่อย่างคนจน มีกิจการค้าขาย เป็นนายห้าง เป็นอะไรต่ออะไรมากมาย เช่นยิวที่อยู่ในอเมริกา เป็นยิวที่มีฐานะดีทั้งนั้น เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ใหญ่ที่สุดในนิวยอร์ก เป็นเจ้าของตลาดการเงินในนิวยอร์ก เขาเรียกว่าตลาดการเงินใหญ่อยู่ในกำมือของยิว ยิวจะให้ของถูกก็ได้ ให้ของแพงก็ได้ เพราะเขากำอำนาจเงินไว้ รัฐบาลอเมริกาก็ต้องเอาใจยิว เวลามีการเลือกตั้ง ยิวให้เงินพรรคการเมืองที่เขาพอใจ ลงหนังสือพิมพ์เชียร์ ยกย่อง ก็ได้เป็นประธานาธิบดี เมื่อได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว ก็ต้องช่วยยิวประเทศอิสราเอล เพราะคนยิวในอเมริกาช่วยเหลือรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องส่งเงินไปช่วยประเทศยิวต่อไป เขาจึงอยู่ได้ด้วยความเรียบร้อย
ภูมิประเทศของประเทศยิวนี้ เป็นภูเขาสูงๆต่ำๆ แล้วก็เป็นทราย เป็นหินเป็นส่วนมาก เมืองบางเมืองนี่เขาสร้างบ้านไม่มีไม้ สร้างด้วยหินทั้งนั้น เอาหินมาสกัดเป็นก้อนๆ ก่อทึบ ดูเหมือนกับเป็นห้องทหารอย่างนั้น เป็นตึก ๓ ชั้น ๔ ชั้น อยู่บนยอดภูเขา แข็งแรงมาก แล้วก็น้ำท่าก็ไม่ฝืดเคือง เพราะเขาสูบน้ำส่งมาดังที่กล่าวแล้ว ทำประปา เมืองยิวไม่มีน้ำขวดขาย พราะเขาบอกว่าน้ำประปาของเขาสะอาด ดื่มได้ ไม่ต้องไปกินน้ำขวดราคาแพงเหมือนบ้านเรา บ้านเรานี่กินน้ำขวดแพง แพงกว่าน้ำมันเสียอีกเวลานี้ น้ำในขวดที่เรากินกัน
เราไม่ค่อยไว้ใจน้ำประปา เจ้าหน้าที่ประปาก็ไม่กินน้ำประปา วันนั้นไปเทศน์ที่การประปา ที่กรุงเทพฯ กำลังเทศน์อยู่ เห็นรถโพลาริส เข้ามา ขนน้ำเป็นขวดๆ เอาไปให้เจ้าหน้าที่ประปากินกัน อาตมาก็เทศน์ว่า อ๋อ นี่แหละ เจ้าของน้ำประปาเองก็ไม่กินน้ำประปาของตัว ยังสั่งน้ำโพลาริสมากิน แล้วจะให้ชาวบ้านชาวเมืองกินน้ำประปาได้อย่างไร เมื่อคนทำประปาก็ยังไม่กิน ผู้ว่านั่งฟังอยู่ก็หัวเราะแหะๆ ว่าน้ำของตัวนี้ตัวไม่กินแล้วจะขายคนอื่นได้อย่างไร ก็เป็นเรื่องประหลาด แต่ประเทศยิวนั้นประปาของเขาเปิดถึงกินได้เลย ตามโรงแรมที่ไปพักเขาไม่มีน้ำขวดให้ เขาบอก ถามเขา เขาบอกว่าน้ำที่นี่กินได้ทุกแห่ง น้ำสะอาด บริสุทธิ์ เลยกิน ท้องไส้ก็ไม่เสียอะไร กินน้ำอย่างนั้น
ในต่างประเทศก็เหมือนกัน ไปประเทนิวซีแลนด์ ภายในสวนสาธารณะมีท่อประปา เลยถามว่าน้ำนี้ดื่มได้ไหม เขาบอกว่าน้ำในประเทศนี้ดื่มได้ทุกแห่ง เพราะสะอาดทั่วกัน เลยเอามาดื่ม ก็ไม่เป็นอะไร ท้องไส้ไม่เสีย เขาทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้นทุกหนทุกแห่งมีน้ำ และโดยเฉพาะพวกทำการเพาะปลูกนี้ ปลูกพืช ปลูกผักเขียวไปหมด แต่ถ้าดูไปมันเห็นเหมือนกับว่าเป็นน้ำ เพราะหลังคาคลุม เขามีโรงเรือนกระจกแต่ไม่ใช่กระจก คลุมด้วยพลาสติก เอาผ้าพลาสติกคลุม ดูมันแปลกไป นึกว่าเป็นน้ำ เข้าไปใกล้ ไม่ใช่น้ำ เป็นพลาสติกคลุมหลังคา ปิดหมด ต้นไม้อยู่ในห้อง ไม่มีอะไรรบกวน คนเข้าไป แต่รดน้ำไม่ต้องรด เพราะเขามีท่อยาง ท่อชนาดเท่านิ้วชี้ ฝังไว้ใต้ดินทุกร่องเลย ฝังไว้ใต้ดิน แล้วก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์บังคับปิด-เปิดเป็นเวลา ถึงเวลาน้ำๆก็ไหลออกมา กี่นาทีน้ำก็หยุด แล้วก็ไปไหลอีก วันหนึ่งไหลหลายๆครั้ง
เขารู้ว่าต้นไม้ปลูกเท่านั้นวัน รากมันยาวเท่าใด เท่านั้นวัน รากมันยาวเท่าไหน ก็รดน้ำลงไปพอดีกับให้รากได้ดูดน้ำ เขาประหยัดน้ำ ไม่ใช่รดมากเหมือนบ้านเรา บ้านเราใส่ฝักบัวรด หรือว่าเปิดจากท่อ ต่อจากท่อไปฉีด ใช้น้ำมาก ของเขาไม่ได้ใช้อย่างนั้น ให้มันไหลออกมาเอง ไหลออกมาเท่านั้นนาทีหยุด แล้วพอถึงเวลามันก็ไหลอีก ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุมให้น้ำ ไหล
ปลูกอะไรบ้าง ปลุกมะเขือเทศ เขาพาไปดูในไร่ที่มีผ้าคลุม เปิดห้องเข้าไป มะเขือเทศลูกใหญ่ขนาดนี้ มะเขือเทศลูกใหญ่ มะเขือเทศลูกเล็กๆ ลูกเท่านี้ อีกชนิดหนึ่ง ชนิดลูกเล็ก รับประทานอร่อยดี เอาเก็บมาถวาย บอกว่าลองฉัน ลูกใหญ่ก็ฉัน เหมือนที่เราเคยกินมะเขือเทศ เขาก็บทีหนึ่งได้อย่างนี้ บรรทุกรถ ๑๐ ล้อ เป็นกล่องกระดาษขนาดยาวอย่างนี้ กว้างขนาดนี้ ใส่เต็ม บรรทุกรถ ๑๐ ล้อตั้ง ๒ คันรถมาจากไร่แล้วก็ปิดโรงเรือนอีก ส่งไปประเทศยุโรป ไปขายให้ฝรั่ง เพราะเมืองฝรั่งเขาปลูกไม่ค่อยได้ ทีนี้ทางอิสราเอลปลูกส่งไปขาย ได้เงินได้ทองเข้าประเทศ ปลูกพริกชนิดหนึ่งเรียกว่าพริกหวาน ลูกเท่านี้ ไม่เผ็ดพริกอย่างนั้น แต่ไม่ใช่หวาน เอามาใส่ปนกับกับข้าว ทำกับข้าว ลูกโตๆ แล้วก็ปลูกแตง คล้ายกับแตงแคนตาลูปบ้านเรา แต่บ้านเรามันเลื้อยไปบนดิน ออกลูกมาก็กองอยู่บนดิน ไม่เรียบร้อย เขาไม่ให้ทำ เขาให้เลื้อยขึ้นตามลวด เอาลวดขึงไว้ แล้วก็จับให้มันไต่ลวดขึ้นไป แล้วเวลาออกผลก็ห้อยผลโตๆ เขาก็ไปเก็บเอาไปขาย เปลือกหนาแต่ข้างในกินอร่อย เหมือนแคนตาลูปที่เขาขายบ้านเรา แต่ว่าเปลือกมันดูมันขรุขระ ไม่เรียบ บ้านเรามันเปลือกมันเรียบๆ แต่รสชาติของเขาดี
แตงโมนี่ก็ปลูกเยอะ ปลูกในทะเลทราย ปลูกในทราย เขียว ลูกแตงโมลูกโตๆ เขาก็เก็บเอาไปขาย เขาเอามาให้ฉันดู รสชาติมันหวาน ไม่เหมือนแตงโมบ้านเรา ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ แต่ของเขาหวานเย็น ฉันชื่นใจ ลูกแตงโม เขามีปลูกทั่วไป แล้วก็ปลูกฝักถั่วบางอย่าง ถั่วแระที่เอามาผัดทำกับข้าว เขาก็ปลูกมาก
คนงานที่ทำงานในไร่นี่ไทยทั้งนั้น คนไทยทั้งนั้น คนไทยอยู่เมืองไทยปลูกไม่ค่อยเป็น แต่ไปอยู่โน่นปลูกเก่ง ปลูกได้ ไปในสวนไหน ไร่ไหนก็กรรมกรไทยทั้งนั้น คนไทยนี่ไปทำงานนี่ ก่อนจะไปนี่เสียเงินหลาย คนหนึ่ง ๕ หมื่น ๖ หมื่น นายหน้าเขาเรียก ต้องจำนำนา จำนำบ้านเพื่อไปประเทศอิสราเอล แต่เมื่อไปถึงโน่นแล้วเงินเดือนที่ได้รับดี เพราะเงินเขาแพงกว่าเงินเรา เขาเรียกว่า Shekel Shekel เท่ากับเหมือนเงินบาทของเรา เป็นธนบัตรก็มี เป็นเหรียญก็มี Shekel หนึ่งเท่ากับ ๘ บาทของเรา เงิน ๘ บาท เพราะฉะนั้นถ้าเขาได้เงินเดือน ๑,๐๐๐ ก็เท่ากับ ๘,๐๐๐ เมืองไทยแล้ว เพราะฉะนั้นคนงานที่ไปทำงานได้เดือนละหมื่น ๒ หมื่น พอได้แล้วรีบส่งมาบ้าน คืนหนี้ก่อน แล้วก็นายทุนที่ให้กู้นี้เป็นนายทุนนอกระบบ เขาคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๖ ต่อเดือนบ้าง ร้อยละ ๗ ต่อเดือนบ้าง สุดแล้วแต่ท้องถิ่น
คนที่ไปส่วนมากเป็นคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ หนองคาย อุดร อุบล ศรีษะเกษ ขอนแก่น อะไรอย่างนั้น ชัยภูมิ ไปกัน อันนี้เป็นคนที่ค่อนข้างจะขาดการศึกษา ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร สุดแล้วแต่นายหน้าเขาจะบังคับเอา เท่านั้นเท่านี้ ก็ต้องไปยืมเงินเขามา เอาโฉนดไปจำนอง จำนำไว้ แล้วก็เสียดอกเบี้ย ผัวไปเมียอยู่ข้างหลังก็รับหน้ากับนายทุนให้กู้ไปตามเรื่อง แล้วเขาก้ส่งเงินมาให้เป็นเดือนๆ
ถามดูบางคนก็บอกว่าเรื่องหนี้หมดแล้ว ไม่ต้องลำบากใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปตามปกติ การทำงานนี่เขาให้ที่อยู่ ที่อยู่สบาย เป็นบ้าน เป็นหลังๆๆ บ้านก็มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้แก๊ส โรงครัว ต้องตื่นตี ๔ แล้วก็หุงอาหาร รับประทานน้อยๆ แล้วก็ไปทำงาน รถมารับพาไปส่งที่ไร่ เพราะไร่อยู่ไกลที่พักหน่อย ประมาณ ๒๐ นาที ครึ่งชั่วโมง นั่งไป ไปถึงไร่ ไปทำงาน เที่ยงเขามาส่งที่บ้าน มารับประทานอาหารกลางวัน บ่ายโมงครึ่งเขาเอาไปส่งโรงงาน เลิก ๕ โมงเย็น ทำงานหลายชั่วโมง ทำงานอย่างนั้น แต่ถ้าว่าทำงานล่วงเวลาเขาให้เงินเพิ่ม เรียบร้อยดี เขาไม่โกง ค่าจ้างแรงงานอะไรเขาไม่โกง คนงานก็อยู่สบาย
แต่ว่านิสัยคนไทยนั้นมันติดไปจากเมืองไทย ชอบดื่มเหล้า พอเลิกงานก็มาก๊งกัน ล้อมวงก๊งกัน วันหนึ่งเดินไปที่สนามหญ้าใกล้ที่พัก เห็นคนนั่งอยู่กลุ่มหนึ่งก็มองดู ไทยนี่ ก็เลยเข้าไปคุย เขากำลังดื่มเบียร์กันอยู่ ดื่มเบียร์คุยกัน คุยกันมันต้องดื่มเบียร์ด้วย หรือว่าหนักหน่อยก็ต้องดื่มเหล้า แม่โขงนี่เอาส่งไปขายถึงประเทศอิสราเอล แล้วก็มีเหล้าอื่นๆแพง แต่เขาอุสาห์ซื้อมากินกันอย่างนั้นทั่วๆไป แต่ว่าคนที่ไม่ดื่มก็มีเหมือนกัน เรียบร้อย ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน
ไอ้เรื่องเที่ยวนะไม่ต้องพูด เพราะไม่มีที่เที่ยว เขาไม่มีที่เที่ยว ไม่มีเรื่องสนุก ไม่มีบาร์ ไม่มีสถานท่องเที่ยวคาราโอเกะเหมือนบ้านเรา คนทำงาน ค่ำก็นอน พักผ่อน ตี ๔ ตื่นเตรียมตัวไปทำงาน ทำอย่างนั้น ไม่มีเวลาจะไปเที่ยวที่ไหน แต่ว่าไปซื้อของที่ตลาด ก็เรียกว่าตลาดสรรพสินค้า มีของ เครื่องอะไรต่ออะไรขาย ไปซื้อมากินมาใช้กัน ถ้าพูดโดยส่วนรวมการเป็นอยู่ของกรรมกรสบาย เพราะมีบ้านพักเป็นหลังๆ เขาทำให้อยู่ อยู่กันหลังหนึ่ง ๔ คน มีเตียงนอน มีที่อาบน้ำ น้ำก็มีน้ำร้อน น้ำเย็น ให้อาบเรียบร้อย อยู่สบาย สังเกตดูเขาก็มีความสุขกันดีอยู่ แต่ว่าก่อนจะไปนี้มันหนักหน่อย เสียเงินค่านายหน้าแพง พอไปถึงแล้วก็สบาย
โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่ค่อยมี เพราะว่าทำงานกลางแจ้ง แต่ไม่ร้อนหรอกเพราะว่าอยู่ในร่ม ในห้องพลาสติก เขามีห้องเอาไปอยู่ในนั้นทำงาน ดูแลต้นไม้ จัดต้นไม้ให้มันขึ้นตาม เป็นระบบ ดูแลตลอดเวลา ใส่ปุ๋ยแก่ต้นไม้บ้างอะไรบ้าง พวกที่ไปทำงานที่นั่นก็เรียกว่า ถ้ากลับมาก็เหมือนสำเร็จวิชาการเกษตรก็ว่าได้ มาเมืองไทยเอาความรู้นั้นมาทำต่อไปได้
แต่ว่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น้ำมันไม่ค่อยมี ถ้ารัฐจัดการเอาน้ำแม่โขง ให้มาสูบขึ้นมาแล้วก็ปล่อยเข้าท่อ ท่อยางใหญ่แล้วค่อยมาเล็กเข้าไปตามสวน เช่นทุ่งกุลาร้องไห้ พัฒนาแบบเมืองยิวก็เป็นประโยชน์มาก ก็มีคนไทยไปดูงานเหมือนกัน วันกลับนี่ก็พบข้าราชการชลประทาน ๑๒ คน ถามว่ามาทำไม มาดูระบบส่งน้ำ ระบบน้ำหยด ได้ไปดูที่ตามสวน ตามเรือกที่เขาทำกัน ทีนี้การจัดระบบของเขา เขาจัดอย่างไร เขาเรียกว่า Kibbutz อย่างหนึ่ง Moshav อย่างหนึ่ง
Kibbutz นี่คือเป็นสถานที่รับคนยิวที่มาจากต่างประเทศ เพราะว่าคนยิวต้องอพยพมาจากต่างประเทศ เช่นมาจากประเทศรัสเซีย โปแลนด์ ประเทศอะไรนะ ยุโรปที่อพยพกลับมาบ้านมีมาก พวกมาถึงมันก็ไม่มีสมบัติอะไร ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จะไปกินที่ไหน เขาก็มี Kibbutz ต้อนรับคนเหล่านั้น มีบ้านให้พัก มีครัวกลาง มีอะไรต่ออะไรพร้อม เป็นของกลางหมด ทำงาน ไปทำงาน ผลประโยชน์ที่ได้เอามารวมกัน แล้วกินอยู่ร่วมกัน เช่นจะกินอาหารก็ไปกินที่โรงอาหารกลาง มีข้าว มีกับข้าวพร้อม ไม่ต้องใช้จ่ายอะไร แต่ว่าต้องไปทำงาน เช่นว่าปลูกผัก ปลูกพืช แล้วก็ไปขาย ได้เงินเป็นส่วนกลาง ให้คนเหล่านั้นได้อยู่อาศัยจนกว่าจะมีสถานที่ให้อยู่ มีงานทำเป็นหลักฐานก็ออกไป ไปอยู่ตามที่ๆเรียกว่า Moshav ต่อไป
Moshav นั้นมันก็เหมือนสหกรณ์บ้านเรา เป็นสหกรณ์ สหกรณ์นี้ปลูกแอ๊ปเปิ้ล ปลูกแอ๊ปเปิ้ลทั้งหมด สหกรณ์นี้ปลูกส้ม ปลูกส้มทั้งหมด สหกรณ์นี้ปลูกมะเขือเทศ สหกรณ์นี้ปลูกแตงโม สหกรณ์นี้ปลูกอินทผาลัม เขาให้ทำ แบ่งให้ทำเป็นที่ๆ รัฐบาลตรวจสอบพื้นดิน ว่าดินตรงไหนมันเหมาะแก่จะปลูกพืชอะไร แล้วเขาก็สั่งให้ทำอย่างนั้น เจ้าหน้าที่คอยมาดูแลตรวจสอบการทำงาน แล้วก็มีกรรมกรคือคนไทยนี้ไปเป็นลูกจ้าง ไปอยู่กันก็ประมาณ ๘,๐๐๐ กว่าคนเวลานี้ เขายังต้องการอีก ปีนี้รับคนไทยอีก ๔,๐๐๐ คน
สมัยก่อนนี่จ้างคนชาติอื่น คนอาหรับ แต่ว่ายิวไม่ไว้ใจพวกอาหรับ เพราะอาหรับมันอาจจะเกิดรักพวกรักพ้องขึ้นมา และอาจจะทำร้ายยิวเมื่อใดก็ได้ เพราะฉะนั้นส่งกลับบ้านหมด ไม่เอา รับคนไทย คนไทยไม่เป็นปฏิปักษ์กับเขา ไม่เป็นศัตรูกับเขา ก็ได้ทำงานสะดวกสบาย แต่ว่ามันยังไม่ถูกต้อง กรมแรงงานประเทศไทยยังไม่กระดิกหูกันอีก ไม่เคลื่อนไหวดูแลเลย ความจริงคนที่จะไป กรมแรงงานต้องเอามาอบรมเสียก่อน อบรมสัก ๗ วัน ๑๕ วัน แล้วก็ในการอบรมนั้นต้องมีพระด้วย เอาพระไปสอนด้านศีลธรรม เพื่อให้เขาได้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรถูกต้อง ไม่ปล่อยให้พวกนายหน้าทำเองตามชอบใจ
แล้วพวกนายหน้าเขาไม่ทำอะไร เขาเอาเงินเท่านั้นเอง ส่งไปเอาเงินเท่านั้น แต่ถ้ากรมแรงงานกระดิกตัวสักหน่อย เอาใจใส่สักหน่อยก็ดี ทำให้คนงานได้รับควมสะดวกสบาย ไม่ถูกรีดถูกไถมากเกินไป แต่ก็ยังไม่ได้กระทำ ราชการไม่ค่อยอย่างนั้น ให้เอกชนทำไปก่อน ราชการไม่ค่อยสนใจ ไม่เข้าไปดูแล ไม่เอาใจใส่ในหน้าที่ ถ้าเอาใจใส่หน่อย ทำงานหาเงินส่งกลับบบ้านปีหนึ่งมากมาย แต่ว่ารัฐยังไม่ได้ค่อยสนใจอะไร ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรของเขา ไม่ได้ดูแล ว่างๆส่งคนไปเยี่ยมบ้างก็ได้ คนของกรมแรงงานไปดูว่าเขาอยู่กันอย่างไร เขากินกันอย่างไร ทำอะไร ให้พอชื่นอกชื่นใจบ้าง ไม่ค่อยจะมี
หลวงพ่อไปนี่ก็เพราะว่าสมาคมไทยอิสราเอลเป็นผู้นิมนต์ไป เพื่อไปพบคนงานทั้งนั้น ไปพบ ไปถึงวันที่ ออกจากนี่วันที่ ๑๐ ก็ไปถึงวันที่ ๑๑ ตอนเช้า ไปลงเรือบิน เขาก็รับไป ไปที่บ้านแห่งหนึ่ง Moshav หนึ่ง ไปถึงก็พบกรรมกรคนไทยประมาณสัก ๒๐ คนมารออยู่แล้ว เข้าไปฉันเพลที่บ้านนั้น อาหารวันนั้นก็มีแต่อาหารพวกไก่ อาหารไก่ กับปลา ไม่มีอื่น แห้งๆ ฉันฝืดๆ มันไม่ค่อยมีน้ำแกง ฉันเข้าไปอย่างนั้นแหละ ฝืดๆไป แล้วก็ฉันผลไม้อะไรตามเรื่อง แล้วก็พูดกับคนไทยที่มาอยู่นั้น ๒๐ คนนั้น แนะนำเรื่องแนวทางชีวิต ให้เขาเกิดความคิดถูกต้อง ตามหน้าที่ของพระ เสร็จแล้วก็พาไปพักที่โรงแรม เป็นโรงแรมที่ราคาไม่แพงเท่าใด โรงแรมชั้นถูกๆ แต่ว่าอยู่ริมทะเลเมดิเตอเรเนียน ลมแรงมาก ให้ขึ้นกลับไปในห้องแล้วลองเปิดหน้าต่าง เปิดหน้าต่างลมเข้ามาอย่างแรง กระทบตัวหนาว ตัวสั่นเลย เลยรีบปิด เพราะว่ามันหนาว ปิดแล้วก็เอาผ้าห่มๆไว้อุ่นแล้วก็อยู่ได้
โรงแรมก็ค่อนข้างจะกระจอกหน่อย เพราะว่าไม่มีอะไรบริการ แก้วน้ำก็ไม่มีให้ โรงแรมอื่นเขามีแก้วน้ำ ถ้า ๒ เตียงก็มีแก้วน้ำ ๒ ใบ ใส่พลาสติกหุ้มไว้ สะอาด แล้วก็มีผ้าเช็ดตัว โรงแรมนั้นมีแต่ผ้าเช็ดตัว ไม่มีแก้วน้ำสำหรับเปิดน้ำดื่ม ใครจะดื่มน้ำในก๊อกจะดื่มอย่างไร เพราะไม่มีแก้ว ก็เลยต้องไปขอเขา เขาให้มาใบหนึ่ง แก้วมาใบหนึ่ง แต่ว่าราคามันถูก สมาคมเขาจ่าย อาตมา พวกเราไม่ได้จ่ายอะไร เขาจ่ายหมดในการกินการอยู่
รุ่งเช้าขึ้นวันที่ ๑๒ ก็ไปที่สนามใหญ่ ปาร์ค เขาเรียกว่าปาร์ค คล้ายๆกับเขาดิน มีต้นไม้ มีเวที มีเครื่องขยายเสียง นัดคนมาประชุมกันนั่นหลายพันคน มาบรรทุกรถกันมาเป็นรถๆ เพราะเป็นวันสงกรานต์ เขาก็มากัน แต่ว่าคนไทยเราไปไหนมันนิสัยเดิม พอลงจากรถนี่เดินไม่ตรงทาง เซไปนั่นเซไปนี่ มาถึงนั่งกราบพระกราบอะไรฟุบ หลับอยู่ตรงนั้นเอง บอกว่าแย่แล้ว มาอย่างนี้ไม่ได้เรื่อง สนุกกัน แล้วก็ไปเทศน์ให้ฟัง ก็มีคนที่ตั้งใจฟังก็มากเหมือนกัน พวกที่ไม่ตั้งใจฟังมันก็เมากันไป เดินซัดๆโซเซไป หัวเราะกันไป อะไรกันไปตามเรื่อง จะพูดอะไรมันก็ไม่ได้ยิน มันเมาแล้วไม่ได้เรื่อง แล้วก็พอตอนเย็นก็ประลองฝีมือกันหน่อย เลยตีกัน หัวล้างคางแตกไป ๒-๓ ราย ลายไทยมันมี ไปไหนต้องไว้ลายหน่อย ตีกัน
สนุกสนานกันถึง ๑ ทุ่มจึงจะได้กลับบ้าน รู้สึกว่าได้ประโยชน์พอสมควร เอารูปไปวางไว้ เอาหีบเจาะให้บริจาค มันเอารูปไปแผ่นหนึ่ง บริจาคเป็นเงิน ๕๐ เซนต์บ้าง อะไรต่ออะไรบ้าง นิดๆหน่อยๆ ไม่ค่อยได้เรื่องอะไร อาตมาไม่ได้สนใจ แต่โยมเขาเอาไป แล้วก็ได้ก็ไม่รู้ ไม่ได้ให้อะไร เอาไปตามเรื่อง มันมีแต่จะเอา แต่ไม่ค่อยให้ แสดงธรรมก็ไม่ได้บูชากัณเทศน์อะไร ไอ้เราก็ไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการจะไปพูดกับคนเหล่านั้น แต่รู้ว่าได้ผลมันน้อย เพราะมันเมาไปเสียเป็นส่วนมาก สนุกกันเสียเป็นส่วนมาก ตามแบบของคนไทย
นึกในใจว่าต้องไปเยี่ยมตามหน่วยดีกว่า เลยเปลี่ยนวิธีการไปเยี่ยมตามหน่วย รุ่งขึ้นวันที่ ๑๓ ไปอีกแห่งหนึ่ง ไปทางใต้ นั่งรถผ่านภูเขา ผ่านทะเลทราย ผ่านทะเลตายแต่ไมได้แวะลงไป เขาเรียกว่าจอร์แดน คลอง Valley หุบผาจอร์แดน มีการเพาะปลูกมาก ไปที่นั่นก็ประชุมกันอีกเหมือนกัน วันสงกรานต์อีกเหมือนกัน วันที่ ๑๓ ไปประชุมกันกลางทรายเลย สนามฟุตบอล สนามที่เขียวๆก็มีมันไม่จัด มันไปจัดในสนามฟุตบอล อาตมาก็ยืนบนเนิน แดดก็ร้อนเปรี้ยงๆ ลำโพงก็ไม่ค่อยดัง พูดไปอย่างนั้น เพราะว่ามันไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ นึกในใจว่าคนจัดนี่มันแย่ มีเครื่องปั่นไฟเล็กๆ เครื่องขยายเสียง แล้วก็ลำโพงตัวหนึ่ง คนมันตั้ง ๑๐๐๐-๒๐๐๐ คนที่มากัน แต่มันก็เรียบร้อย มาถึงก็เดินมาเป็นขบวน ถือธงบอกตำแหน่งที่อยู่ มาถึงก็ยืนรอยู่ในสนามฟุตบอล เห็นว่าที่มันไม่เหมาะ เลยบอกให้เลื่อนขึ้นมาหน่อย เขาก็เดินเป็นขบวนมา ก็บอกให้ทุกคนนั่ง บอกให้นั่งก็นั่งเรียบร้อย นำไหว้พระ บูชาพระรัตนตรัย แบบอรหังสัมมาสัมพุทโธนี่ เขาก็ว่ากันดี แต่ว่าเครื่องมันไม่ได้เรื่อง คนจัดมันไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง ก็ว่าไปตามหน้าที่จนกว่าจะจบแล้ว รถตำรวจมา มีเครื่องขยายเสียงติดบนหลังคา ค่อยดังหน่อย เลยบอกว่าเสียงมันแห้งเสียแล้ว เครื่องมันดีแต่เสียงมันแห้งเสียแล้ว ไม่ไหวแล้ว ก็ไปพูดอีกนิดหน่อย
เขาพาไปฉันอาหารบนโรงเรียน ก็ดี เจ้าหน้าที่โรงเรียนต้อนรับดี ไปในห้องประชุม ก่อนจะฉันอาหาร เขาก็ฉายหนังให้ดูภูมิประเทศ สภาพความเป็นอยู่ของบริเวณนั้นว่าเป็นอยู่อย่างไร ให้เห็น เรียบร้อย แล้วก็มาพักที่บ้านที่เขาจัดไว้ บ้านก็เป็นบ้านนอนได้ ๒ ห้อง อาตมานอนคนเดียวห้องหนึ่ง มหาจรรยากับพระครูวัดประยูรนอนอีกห้องหนึ่ง มีน้ำอาบ น้ำร้อน เรียบร้อย นอนสบาย
แล้วก็รุ่งขึ้น ๖ โมงเช้า อาหารมาแล้ว คนที่ปรุงอาหารมานี้เป็นเด็กผู้หญิง อยู่ปากเกร็ดนี่เอง อยู่ปากเกร็ด บอกว่าบ้านอยู่ปากเกร็ด เคยไปวัดชลประทานบ่อยๆ รู้ว่าหลวงพ่อมาก็ดีใจ เลยทำอาหารไทยมาถวาย แล้วก็หนูอีกคนหนึ่งเป็นชาวพัทลุง เรียนจบรัฐศาสตร์ รามคำแหง แล้วก็ทำงาอนยู่ที่ร้านดิวตี้ ที่ไม่เสียภาษีในสนามบินดอนเมืองเขาเรียกดิวตี้ฟรี ซื้อของไม่เสียภาษี เงินเดือนมันน้อย เขาเลยไประเทศอิสราเอล ไปทำงานที่นั่น
แล้วก็มีผู้หญิงชาวพม่า ๒-๓ คน มากราบ มาไหว้ ปรากฏว่ารัฐบาลส่งไป ๔๐ คน ให้ไปดูงานประเทศอิสราเอล ให้ไปอยู่ ๓ เดือน ก็ไปอยู่ปนกับคนไทย หน้าตามันก็เหมือนๆกัน มากราบเรียบร้อย พูดภาษาไทยฟังไม่รู้เรื่อง ก็ต้องถามเป็นภาษาอังกฤษ เขาก็บอกมาจากเมียนมาร์ ถามเรื่องราวคุยกัน จัดอาหารมาถวาย พักที่นั่น ๒ คืน หนูทั้ง ๒ คนนั้นก็จัดอาหารเช้า อาหารเพลมาถวายให้เรียบร้อย สะดวกสบายดี แล้วก็พาไปงาน ดูไร่
ไปถึงเขตจอร์แดน ประเทศจอร์แดนมันอยู่ตะวันออกอิสราเอล ที่ประเทศอิสราเอลนะเขียว ต้นหมากรากไม้ปลูกเต็มไปหมด ประเทศอิสราเอลนะ แล้วประเทศจอร์แดน คือยืนบนภูเขามองไปเห็นแต่ทรายทั้งนั้น ไม่ได้ปลูกอะไรเลย ไม่เอาเยี่ยงเอาอย่างเขาบ้างเลย จอร์แดนนี่ แต่ว่ามันมีน้ำมันขาย มันก็ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่ต้องลำบาก ในอิสราเอลนี่ไม่มีน้ำมันเลย แต่ว่าในบริเวณจอร์แดน หุบผาจอร์แดนมีน้ำใต้ดินมาก
เขาสำรวจแล้วว่าน้ำใต้ดินนี่มีจำนวนเป็นล้านๆตัน เขาก็เจาะน้ำขึ้นมาใช้ มากินมาใช้ จากน้ำในทรายเอามาใช้ได้ ปลูกพืช ปลูกผัก ได้สะดวกสบาย ไปดูไร่เขา ไร่แตงโม ไร่มะเขือเทศ ไร่พริก ไร่อะไรต่างๆก็ปลูกกัน คนไทยทั้งนั้นไปช่วยปลูกช่วยทำให้เขา
อยู่นั่น ๒ คืน แล้วก็เดินทางกลับตามทางเดิม ไปแวะที่เขาลงไปอาบน้ำกัน ไปยืนดูว่าคนมันลงไปนอนอยู่ในน้ำ ไม่กระดิกตัวก็ไม่จม ว่ายน้ำไม่เป็นก็ลงไปได้ ลงไปนอนสบายๆ มือพุ้ยน้ำอะไรบ้าง น้ำมันมีน้ำหนักมาก อุ้มคนไว้ได้ ไม่ให้จมน้ำ ทะเลสาบบ้านเราลงไปก็ถ้าไม่ว่ายก็เรียบร้อยจมน้ำตาม อันนั้นไม่จม อยู่อย่างนั้น สมควรเวลาก็ขึ้นมา ขึ้นมารัฐบาลเขาจัดน้ำจืดไว้ เปิดท่อแล้วน้ำจืดพุ่ง เราก็ใช้ท่อล้างตัว แล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาทำไว้เรียบร้อย มีสถานที่สะดวกสบายแก่คนที่จะไปอาบน้ำในทะเลสาบนั้น นี่เป็นเรื่องที่ได้เห็นมาอย่างนั้น
แล้วก็เดินทางต่อมา ก็ไปแวะที่ Moshav เขาเรียกว่า Moshav อีกแห่งหนึ่ง เป็นที่ให้ที่พักสบาย เป็นบ้านพัก โยมพักท่อนหนึ่ง เราพักท่อนหนึ่ง แล้วก็มีคนไทยมาสนทนาด้วย ประมาณสัก ๒๐ คน ในบริเวณนั้น แล้วก็บอกว่าพรุ่งนี้เช้าไปอีกแห่งหนึ่ง จะพบคนไทยอีกชุดหนึ่ง ก็เลยไป ฉันเช้าแล้วไป ไปถึงนั่นก็ไปพบคนไทย สนทนาพาทีกัน แล้วก็ฉันอาหารที่นั่น ฉันอาหารเสร็จแล้วก็เดินทางต่อไป เดินทางต่อไปนี่ก็ผ่านพวกบ้านมุสลิม คือคนมุสลิม หรือพวกอาหรับนี่ที่อยู่ในประเทศอิสราเอลก็มีเหมือนกัน แต่เป็นพวกไม่ดุร้าย ไม่ๆโหดร้าย ไม่รังแกกัน อยู่กันสบายๆ มีความเห็นเป็นสัมมมาทิฐิ ไม่ใช่พวกมิจฉาทิฐิที่คอยแต่จะแหย่อิสราเอลด้วยความริษยา พวกนั้นก็อยู่กัน อยู่บนภูเขา บ้านอะไรอยู่กันสบาย เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ เป็นอาชีพ แล้วก็ทำเครื่องดินเผา ทำสวยๆเอามาวางขายข้างถนน นึกว่าจะซื้อมาก็มันจะเอามาแข่งกับ ปากเกร็ดของเรา ปากเกร็ดเราก็ทำเครื่องดินเผาอยู่แล้วก็เลยไม่ต้อง ดูๆก็ว่าเขาก็เก่งเหมือนกัน ทำขาย พวกมุสลิม
พวกมุสลิมที่อยู่ในเขตอิสราเอลเรียบร้อย วันหนึ่งขับรถจะไปบ้านนาซาเร็ธ นาซาเร็ธนี่เป็นบ้านที่พระเยซูเกิด ก็ไปๆๆ รถมันสีย น้ำมันเดือด ความร้อนมันสูง น้ำเดือด เดือดพุ่งเลย แล้วก็เลยบอก หยุดๆๆ หยุดแล้วก็บอกว่านี่ลงไปที่บ้านขอน้ำเขา เขาเอาน้ำมาให้ขวดยาวแค่นี้ ขวด เอามาใส่ มันไม่พอ ใส่แล้วน้ำก็เดือด พุ่งขึ้นมาจะใส่หน้าคนขับเสียเลย บอกไม่ได้ ทีนี้คนอาหรับ พวกมุสลิมมาถึงบอกว่า โรงซ่อมรถ ๑๐ เมตรห่างจากนี้ ถอยหลังไป ๑๐ เมตร ก็เลยถอยหลังมา ถอยหลังไปถึงก็ลงไปเอาน้ำเป็นท่อยาง มีน้ำมาใส่ลงไป เปิดปล่อยน้ำเก่าออกให้หมด แล้วก็ใส่น้ำล้างหมดเลย เขามาช่วย ช่วยกันแข็งแรง
อาตมาพอรู้ว่าเป็นบ้านมุสลิมก็ใช้ภามุสลิมหน่อย คือคนมุสลิมนี่ถ้าเขามาพบกันนี่ ต้องทักทายปราศรัยว่า Islam Alaikum อาตมาจำได้เพราะว่าคุ้นกับพวกอิสลามปักษ์ใต้ ต้องพูดว่า Islam Alaikum พอว่า Islam Alaikum มาจับมือ Alaikum Islam ทุกคนมาจับมือ เป็นเพื่อนกันไปเลย หัวเราะยิ้มกันสนุกสนาน แล้วก็ช่วยเหลือดี เพราะเราทักถูกหลักของเขา ทักว่า Islam Alaikum เขาก็มาจับมือแล้วบอกว่า Alaikum Islam หมายว่าอิสลามเป็นพวกรักสงบไม่วุ่นวาย เขาก็ช่วยจัดแจง ใส่น้ำอะไรให้ ช่วยดูเครื่องดูเคราเรียบร้อย เรียบร้อยแล้วก็แนะทางให้ไปต่อไป ก็รู้สึกชื่นใจ
นึกใจในว่าที่มันรบกัน มันพวกอิสลามนอกรีตนอกรอย ไม่ใช่อิสลามอยู่ในคัมภีร์ศาสนา พวกนอกรีตนอกรอย ไม่ถือธรรมะ ชอบรบ ชอบฆ่า พวกนิยมอิหร่าน ชีอะฮ์ เขาเรียกว่านิกายชีอะฮ์ อิสลามนี่มี ๒ พวก พวกชีอะฮ์ กับพวกสุนนีย์ พวกชีอะฮ์นี่ชอบดุร้าย วันไหนเขาฉลองชีอะฮ์แล้วจะไปดู แขกเจ้าเซ็นนั่นแหละ ที่บ้านเราเรียกว่าแขกเจ้าเซ็น เอาดาบฟันกัน ฟันสันหลัง ทุบตัวเอง ให้เอาไม้ทุบ เอาดาบมาฟันให้เลือดไหล พวกชีอะฮ์ดุร้าย พวกนี้ดุร้าย ชอบรบ ชอบทำวุ่นวาย แต่พวกสุนนีย์เรียบร้อย ไม่ยุ่ง ไม่ชอบอย่างนั้น ฝึกตนอยู่ในศีลในธรรม พวกชีอะฮ์นี่คลุมหัวด้วยผ้าดำ แต่งตัวดำ และคลุมหัวดำ หล่อ ลูกตานิดเดียว แต่พวกสุนนีย์นั้นผ้าสีใดก็ได้ แต่ส่วนมากจะใช้ผ้าขาว ถ้าเห็นแต่งตัวคลุมผ้าขาวแล้วไว้ใจได้ ไม่ดุร้าย ถ้าเห็นหน้าพวกคลุมผ้าดำต้องดูให้ดี แล้วค่อยทัก Islam Alaikum ไว้หน่อย จะไม่ดุร้าย ก็เลยเรียบร้อย เขาอยู่กันดี ไม่มีปัญหา อยู่ปนกันไป
ตรงนี้มัสยิสถ์ ตรงนี้ก็โบสถ์ของพวกยิว พูดถึงศาสนายิวนี่เขามีโบสถ์ โบสถ์ศาสนายิวไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเป็นเครื่องหมายบนหลังคา ของคริสเตียนมีไม้กางเขน พวกอาหรับก็มีดาว ดาวกับเดือน แต่โบสถ์พวกยิวไม่มีอะไร เข้าไปในโบสถ์วันหนึ่งก็ไปที่เขาเรียกว่า (49.13) ภาษาเขาก็เรียกกว่า (49.16) เข้าไปดูในโบสถ์ แล้วก็มี เขา เรียกว่าพระของเขาเรียกว่าแรบไบๆๆ แรบไบนี่แต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้าน คือนุ่งกางเกงดำ ใส่เสื้อสี สูทสีดำ ใส่หมวกสีดำ ไว้หนวดไว้เครารุ่มร่าม ทำหน้าที่เป็นแรบไบ คือเป็นพระนั่นเอง ก็นัดไปว่าอยากจะไปพบพระ อยากจะไปเยี่ยม (49.46) อยู่บนเนินเขา สวยดี ขึ้นไปเขาก็ต้อนรับดี และพาเข้าไปในโบสถ์ ในโบสถ์เขากั้นไว้ ส่วนหนึ่งเอาผ้ากั้นไว้ ที่กั้นไว้นั้นเป็นที่สำหรับผู้หญิง ผู้หญิงไปไหว้พระในโบสถ์ เขากันผ้าไว้ ไม่ให้เห็นกัน พวกผู้ชายอยู่ซีกหนึ่ง ผู้หญิงอยู่ซีกหนึ่ง
แล้วก็คุยกันเรื่องศาสนา เขาบอกว่ายิวนี่นับถือพระเจ้าองค์เดียว ไม่มี ๒ แล้วก็ไม่มีอะไรที่แทนพระเจ้า ไม่มีรูป ไม่มีร่าง ไม่มีอะไร พระเจ้าเป็นสิ่งที่เขาเคารพบูชา เขาเชื่ออย่างนั้น อันนี้คริสเตียนนี่มันมีพระจิต พระบุตร พระวิญญาณ มันเลอะเทอะ มันยุ่ง เขาไม่เอา เขาไม่เชื่อพระเยซูนะ พระเยซูเป็นยิว เป็นคนชาติยิว เกิดในเมืองยิว แต่ว่าศาสนาพระเยซูไม่ได้แพร่หลายในประเทศยิว เพราะคนยิวเขามีศาสนานับถือแล้ว มีมาตั้ง ๔,๐๐๐ ปีแล้ว ศาสนายิว เพราะฉะนั้นในโบสถ์เขาไม่มีรูปเคารพ ไม่มีอะไร ไม่มีเครื่องหมายอะไร เรียกว่าศาสนายิวนี่เป็นศาสนากระเป๋าหิ้ว คือคริสต์บอกว่าเป็นศาสนากระเป๋าหิ้ว ไปไหนก็พาไปได้ เพราะไม่มีอะไร ไม่ลำบาก ไม่มีรูปเคารพ ไม่มีอะไรทั้งนั้น
แล้วคนมาไหว้พระวันหนึ่ง ๓ เวลา ไหว้ ๓ เวลา เวลาเช้า เวลาเที่ยง เวลาเย็น ก็มา (51.38) วันละ ๓ เวลา พวกมุสลิมนี่ ๕ เวลา มากกว่ายิวเข้าไปอีก มาไหว้ ๕ เวลา แต่ยิวไหว้ ๓ เวลา เพราะเขาเคร่งครัดตามศาสนาของเขา ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ยิวไปอยู่ที่ไหนเขาพาศาสนาไปด้วย พาภาษาไปด้วย ภาษาเขาเรียกว่าภาษาฮิบรู ภาษาฮิบรูมีตัวหนังสือของเขา เขาเขียนจากขวามาซ้าย เขียนเหมือนกับอาหรับ อาหรับเขียนจากขวามาซ้าย ถามว่าเขียนมาอย่างไร เขาบอกจากขวา เขาบอกมือขวาสำคัญกว่ามือซ้าย เลยบอกคนบางคนมือซ้ายสำคัญ มิสเตอร์ คลินตัน นายก ประธานาธิบดีอเมริกา มือซ้ายสำคัญ เห็นแกเซ็นชื่อมือซ้ายทุกที แต่ว่าเขาว่ามือขวาสำคัญ เขียนมาจากขวา เขามีหนังสือ ตำราของยิว เขาเรียน เขาศึกษากัน เป็นศาสนายิว
ทีนี้ในประเทศยิวมีศาสนามุสลิม หรืออิสลาม คนอาหรับก็นับถือ วันหนึ่งเดินทางไปเยรูซาเล็ม ไปเยรูซาเล็มซึ่งเป็นนครหลวงของเขา ก็ไปว่าจะไปชม ถนนดี ถนนในประเทศยิวดีทั้งนั้น ถนน ๔ เลน กว้างขวางวิ่งสบาย รถไม่มากเท่าใด แต่ว่าในเมืองจอแจเหมือนกัน โดยเฉพาะในเมือง Tel Aviv ซึ่งไม่ใช่นครหลวง แต่ว่าสถานทูตนี่เขาไม่ให้อยู่ที่เยรูซาเล็ม เขาให้อยู่ที่ Tel Aviv สถานทูตไทยเพิ่งไปเปิด เพิ่งเปิดยังไม่ถึงเดือน ท่านทูตก็มาเยี่ยมมาเยียน พาไปที่สถานทูต ไปแสดงธรรมให้พวกข้าราชการสถานทูตฟัง เช่าโรงแรมอยู่เวลานี้ กำลังหาบ้านที่จะตั้งสถานทูต ยังไม่ได้บ้าน แพง บ้านช่องที่นั่นแพง กำลังหาอยู่ แล้วเขาให้ไปอยู่รวมกัน บริเวณเดียวกัน ทูตๆทั้งหลาย ไม่ได้อยู่ที่เยรูซาเล็มคือนครหลวง
ที่นครหลวงเขามีเรื่องราชการ มีสภาผู้แทนราษฏร วันนั้นก็ไปเที่ยวชมสภา เขาพาเข้าไปดูสภา เขาทำมั่นคงแข็งแรง สภา ห้องประชุมอยู่ชั้นสูง แล้วมีห้องใต้ดิน มีอะไรต่ออะไร ๒-๓ ชั้น ทำแบบง่ายๆ แต่ว่ามั่นคงดี เข้าไปดูห้อง ไปชมห้อง สมาชิกสภาเขามี ๑๐๐ กว่าคนเท่านั้นเอง ไม่ได้มากมายอะไร แล้วเวลานี้กำลังจะเลือกตั้ง กำลังจะเลือกตั้ง วันที่ไปดูนั่นท่านเลขารัฐสภาไม่อยู่ ไปประชุมรัฐสภาลูกที่ประเทศยุโรป มีห้องเลขา เป็นผู้หญิงมาต้อนรับ
พูดเรื่องผู้หญิงชาวยิวนี่เขาไม่แต่งตัวด้วยเครื่องสำอาง ไม่ทาปาก ไม่ทาแก้ม ไม่แต่งเล็บ เรียบๆง่ายๆ ไปที่สภาท่านรองเลขาแกก็แต่งตัวเรียบๆ แล้วเจ้าหน้าที่ทุกคนก็มาสังเกตดู ไม่แต่ง ไม่แต่งหน้า แต่งคิ้ว ไม่ทำ ของเดิมมันมีอย่างไรก็มีกันอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่เที่ยวแต่งสวีทสวาท ไม่เหมือนบ้านเรา ชอบแต่ง ชอบปรุง ชอบแต่ง เขาๆไม่แต่ง เขาอยู่ตามธรรมดา แล้วผู้หญิงของเขานี่มันเสียอย่าง สูบบุหรี่จัด เห็นผู้หญิงเห็นบุหรี่ทุกที เด็กก็สูบ สาวๆก็สูบ หนุ่มๆก็สูบ สูบมากจริงๆบุหรี่นี่ สูบกันมาก ยังไมมีการโฆษณาให้เลิกบุหรี่ ไม่เหมือนบ้านเรา
บ้านเรารณรงค์ไม่ให้คนสูบบุหรี่ แต่ไม่รณรงค์ให้คนเลิกดื่มเหล้า บุหรี่ไม่โฆษณาทางโทรทัศน์ แต่เหล้าโฆษณาทุกวัน เหล้านั้นเหล้านี้โฆษณา เป็นการให้คนดื่มแล้วให้เมากันทั้งบ้านทั้งเมือง ของเขาสูบบุหรี่จัด แล้วผู้หญิงก็เป็นทหารด้วยนะ อายุ ๑๘ ต้องไปเป็นทหาร ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยต้องเป็นทหารก่อน เป็นทหาร ๓ ปี อยู่ในค่ายทหาร เห็นทหารถือปืนเดินกันเกร่อบนถนน ปืนกลทั้งนั้นนะที่สะพายกัน ไม่ใช่ปืนธรรมดา แต่ว่าไม่เกะกะระราน ไม่เห็นคนเกะกะ คนขี้เมา เที่ยวเดินเปะปะบนถนน คนเขาเรียบร้อย ไม่เมาเหล้าเกะกะ แล้วก็ไม่วุ่นวาย ไปที่ไหนเจอทหารเขาก็เรียบร้อย
ไปเมืองเยรูซาเล็มก็ไปดูที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ๆเขาสร้างเป็นอนุสรณ์แก่คนยิวที่ตายในสมัยสงคราม ไม่ใช่ตายธรรมดา ฮิตเลอร์สั่งฆ่า ๖ ล้าคน สั่งฆ่า ยิวในเยอรมัน ๓ ล้าน ยิวในโปแลนด์ ๓ ล้าน แล้วก็ยิวในประเทศอีกเท่าไหร่เขาเขียนไว้หมด ยิวในเบลเยี่ยมเท่านั้น ในประเทศสวิตเท่านั้น อิตาลีเท่านั้น เขียนบอกไว้หมดเรียบร้อย แล้วเอามา กระดูกเก็บขี้เถ้า เอากระดูกมา เอามาบรรจุไว้ แล้วก็ตามไฟตามเทียน เขาจุดเทียน เทียนไฟฟ้าสว่างไสวตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทำไว้เป็นอนุสรณ์ เป็นเครื่องเตือนใจว่ายิวถูกรังแกมาอย่างไร ให้คนได้เห็น เด็กๆไปดู ไปชมกัน
แล้วก็ยิวประเทศไหนช่วยเหลือบ้างเข้าก็เขียนป้ายบอก ยิวประเทศนั้นช่วยอย่างนั้นๆ เอามาติดไว้ เป็นแผ่นทองเหลืองติดไว้ ให้คนได้อ่าน เขาขอบใจทุกชาติ ทุกภาษาที่มีความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือพวกยิวในยามขับขัน เราจะไม่ลืมบุญคุณของชาติเหล่านั้นเป็นอันขาด เขาจำไว้อย่างนั้น แล้วก็ไปดูด้วย คนที่นำไปดูนี่เป็นอดีตนายพล ชื่อนายพลคูรี่ เขาบอกว่าพนายพลคูรี่นี่ไปเหยียบประเทศอิสราเอลที่ไหนก็เอียงไปเลย หมายความว่าเป็นคนมีอิทธิพล มีอำนาจในสมัยเป็นทหาร เป็นคนสำคัญ แต่เดี๋ยวนี้แกไม่ได้เป็นทหาร แกเป็นนายพลนอกราชการ เหมือนท่านนายพลของเรา เป็นนายพลนอกราชการ แต่ว่าแกยังมีอิทธิพลอยู่ ไปไหนคนเกรงใจ ไปเมืองยิวท่านพาไปเข้าที่นั่นที่นี่ ไปดู รัฐสภา ก็ไปถามปัญหาคุยกันว่าคนอายุเท่าใดจึงจะเลือกสมาชิกสภาได้ อายุ ๑๘ เหมือนกัน เขาให้เด็กอายุ ๑๘ เลือกได้ แล้วก็คนที่จะสมัครเป็นผู้แทนต้องอายุ ๒๕ ขึ้นไป เป็นผู้ใหญ่หน่อย เลือกได้ ถามว่าคริสต์ ยิว กับมุสลิมแตกต่างกันอย่างไร เขาบอกว่าฐานะกัน ในสภานั้นมีคนยิว ก็มีคนมุสลิมเข้ามาเป็นผู้แทน ผู้หญิงมุสลิมก็มีมาเป็นผู้แทนในสภา ไม่มีการกีดกันระหว่างศาสนา ระหว่างเชื้อชาติ ให้สิทธิเท่าเทียมกันหมด ก็ใช้ได้ เรียกว่าอยู่กันด้วยความเสมอภาคกัน ก็เป็นการดี แสดงมาก็พอสมควรแก่เวลา ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ต่อนี้ไปก็ขอเชิญญาติโยมนั่งฝึกจิต กำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นเวลา ๕ นาที เชิญได้