แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์ อันเกิดขึ้น จากการฟัง ตามสมควรแก่เวลา
หมู่นี้ เป็นฤดูฝน ฝนตกบ่อย กลางคืนฝนตก แต่ว่าเช้าวันอาทิตย์นี่ ขออย่าให้ตกเลย เพราะว่าถ้าตกวันอาทิตย์แล้วก็ยุ่งที่สุด คนมากันมากๆไม่รู้จะไปหลบฝนที่ไหน พระฉันอาหารที่ลานหิน ก็จะลำบากด้วยการขบฉัน เพียงได้ขอร้องกันไว้ว่า อย่าตกวันอาทิตย์ ให้ตกคืนวันเสาร์ ถ้าวันอาทิตย์จะตก ก็ขอให้ตกตอนบ่าย อย่าตกตอนเช้า ก็ได้รับกรุณาด้วยดีมาเรื่อยๆ คือฝนไม่ลงโทษวันอาทิตย์ เพราะว่าคนมาวัด เราได้รับความสะดวกสบายกัน เรื่องฝนนี่ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่จะต้องตกตามเรื่องตามราว แต่ปีนี้นี่ฝนตกมากเป็นพิเศษ ทั่วโลก เพราะว่าได้ดูข่าวทางโทรทัศน์ มีน้ำท่วมหลายประเทศ ท่วมในประเทศจีน ท่วมในประเทศอเมริกา ท่วมในประเทศอื่นหลายประเทศ อีกทั้งเมืองไทยก็พลอยท่วม ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้นั้นยังไม่ถึงเวลา น้ำจะ ฝนจะตกมากทางภาคใต้ก็ต่อเมื่อ หลังออกพรรษา คือเป็นฤดูหนาว พอลมหนาวพัดมาทางแหลม ก็พัดฝนลงไปใต้ แล้วก็จะไปตกตั้งแต่ชุมพร จนถึงจังหวัดนราธิวาส เลยเข้าไปในแหลมมลายู ประเทศ รัฐกลันตัน ฝนจะตกมาก ทางฝั่งตะวันออกของแหลมมาเลเซีย มลายู อันนั้นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นอย่างนั้น
ความจริงคนเรานี่ อยู่ได้ด้วยน้ำฝน ถ้าไม่มีฝนก็จะเกิดความแห้งแล้ง ต้นไม้ก็ไม่มีความเขียว หญ้าก็จะไม่สดชื่น คนเราก็จะไม่มีน้ำดื่ม จะเกิดปัญหา แต่ถ้าตกมากเกินไป มันก็ไม่ดีอีกเหมือนกัน ตกมากเกินไปก็ลำบากเดือดร้อน ธรรมชาติมันเสียดุล การเสียดุลของธรรมชาติก็เนื่องจากว่า คนเรานี่ ไม่ได้กตัญญูกตเวทีต่อธรรมชาติ เราขาดคุณธรรมข้อนี้อยู่ คือขาดความกตัญญูกตเวทีต่อธรรมชาติ ที่เราได้อยู่อาศัย เราชวนกันทำลายธรรมชาติ มากเกินไป จึงเป็นเหตุให้เกิดปัญหา เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน เช่นการทำลายป่านี่ มีมากทั่วๆไป โดยไม่ได้คำนึงว่าป่าให้อะไรแก่เรา เราได้รับประโยชน์อะไรจากป่า ป่ากับฝนมันก็เป็นของคู่กัน ป่ากับน้ำก็เป็นของคู่กัน แต่เราไม่ได้คำนึง เพราะเราคิดว่าป่ามีเยอะแยะ ถางเท่าใดๆก็คงจะไม่หมด แต่ว่าถางหนักเข้าหนักเข้ามันก็หมด มันเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลด้วย ของกรมป่าไม้ กรมป่าไม้นี่ตัวการใหญ่ล่ะ ที่สร้างปัญหา คือไม่ควบคุมดูแล การตัดป่า การตัดไม้ ให้อยู่ในระเบียบวินัย เขาก็ตัดกันเป็นการใหญ่ ตัดจนป่าเตียน โล่งไปหมด
โดยเฉพาะบนภูเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย มีคนพวกหนึ่งเขาเรียกว่า ชาวเขา ที่เรียกว่าชาวเขา เพราะเขาชอบอยู่บนดอย บนภูเขา เช่น พวกแม้ว พวกอีก้อ พวกมูเซอ อยู่บนภูเขาสูง พวกกระเหรี่ยงนี่อยู่ต่ำลงมาหน่อย มีมากตามแถวจังหวัดเพชรบุรี กาญจนบุรี ต่อเขตกับประเทศพม่า อยู่ทั้งสองฝ่าย กระเหรี่ยงอยู่ในพม่าก็มี กระเหรี่ยงอยู่ในประเทศไทยก็มี แต่กระเหรี่ยงที่อยู่ในพม่านี่ อังกฤษเขาให้การศึกษา เขาให้เป็นทหาร ให้เป็นตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่ เอาไปคุมพม่า เวลาอังกฤษถอย พม่าได้รับอิสรภาพ คนกระเหรี่ยงที่มีความเจริญ ได้เป็นนายทหาร เป็นตำรวจ มันก็อยากจะเป็นอิสระ อยากเป็นประเทศหนึ่ง แต่ว่าประเทศมันไม่ค่อยมี มีแต่ป่า อยู่ชายแดนไทย ส่วนมากอยู่ริมชายแดนไทย เขาก็ก่อการกบฏรัฐบาลพม่า พม่าปราบมาหลายปีแล้ว ไม่รู้จักจบ ไม่รู้จักสิ้น ก็ปราบคนในป่า มันจะหมดได้อย่างไร ส่วนกระเหรี่ยงในประเทศไทยนั้น ยังไม่ยุ่ง เพราะว่าเขาไม่ได้คิดอะไร แต่เรากลัวว่ากระเหรี่ยงพม่า จะมายุให้กระเหรี่ยงไทยยุ่ง จึงต้องไปทำการบางอย่าง
โดยเฉพาะในหลวง ท่านทรงทราบดีในเรื่องนี้ ท่านก็ไปผูกมิตรกับพวกกระเหรี่ยง เวลาเสด็จประทับหัวหิน ท่านก็เข้าป่า ราชบุรี เพชรบุรี ไปติดต่อกับคนเหล่านั้น ไปสงเคราะห์การทำมาหากิน สงเคราะห์การโรคภัยไข้เจ็บอะไรต่างๆ ให้เขามีความจงรักภักดีต่อประเทศไทย ก็นับว่าอยู่กันได้ด้วยความเรียบร้อย
เคยไปที่จอมบึง จังหวัดราชบุรี เขาว่ามีพระที่วัดเมี่ย เคยไปอยู่กับหลวงพ่อชา สองสามปี แล้วก็ไปตั้งวัดอยู่ในป่า คนกระเหรี่ยงมาทำบุญกัน ถ้าเราดูหน้าดูตาก็ไม่รู้ว่าเป็นกระเหรี่ยงหรอก แม้พูดออกมาก็ยังพูดภาษาไทยได้ แต่ว่าเนื้อแท้เขาเป็นคนกระเหรี่ยง ก็เอาน้ำผึ้งมาถวายหลายขวด เพราะว่าในป่ามีผึ้งเยอะ เขาจับแล้วเอามาถวายเป็นน้ำผึ้งแท้ ไม่มีอะไรเจือปน เลยเอามา ก็ใช้ประโยชน์ในทางหยูกทางยาต่อไป ก็เข้าวัดเข้าวา รักษาศีลฟังธรรมกันอยู่ ด้วยความเรียบร้อย
แต่ในพม่า มันมีกระเหรี่ยงเป็นคริสเตียน พวกหนึ่งเป็นคริสเตียน พวกหนึ่งเป็นพุทธ แล้วก็เกิดปัญหายุ่งยาก คนชาติเดียวกัน ถ้านับถือศาสนาต่างกัน ชั้นแรกมันก็ไม่ยุ่ง เพราะคนมันน้อย แต่พอมากขึ้น ก็ชักจะยุ่ง ชักจะเรียกร้องสิทธิอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ได้ก็ก่อปัญหาเกิดขึ้น จึงเป็นการที่เรียกว่า ไม่ค่อยจะถูกต้องเหมือนกัน เพราะว่าใจมันต่างกัน ประเทศเดียวกัน ใจเดียวกัน ก็ไม่มีปัญหา ใจเดียวกันก็หมายความว่าถือศาสนาเดียวกัน
แต่ว่าบ้านเรา พื้นฐาน คนที่ถือพุทธมีมาก ชาวพุทธเรานั้น ไม่ค่อยจะรังเกียจใคร ไม่มีความคิดรังแกใครในเรื่องศาสนา เราไม่เห็นความแตกต่างระหว่างคนต่างศาสนา เพราะว่าชาวพุทธเรานั้น มีปรกติเมตตาปราณี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนทุกคน ไม่จำกัดชาติ ไม่จำกัดศาสนา ไม่จำกัดภาษา หรือผิวพรรณอะไรทั้งนั้น เราไม่ถือ ใครที่เดินมา เดินอย่างคนแล้ว เราถือว่าเป็นคนทั้งนั้น เราจึงมีคำแผ่เมตตาเป็นสากลว่า สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่ามีเวร อย่ามีภัย อย่าเบียดเบียน แก่กันและกันเลย อันนี้ เป็นความมีใจกว้าง ไม่ได้จำกัดว่าเป็นพวกนั้นพวกนี้ แต่ว่าในบางศาสนา เขาจำกัดจำเขี่ย จะช่วยเหลือกัน ก็แต่ในพวกของตัว จะช่วยเหลือคนอื่นก็ต้องการดึงมาเป็นพวก ถ้าหากว่าดึงเป็นพวกไม่ได้ก็ไม่ช่วย อันนี้ยังคับแคบอยู่ ใจคอไม่กว้างขวาง แต่ชาวพุทธเรานั้น ช่วยทุกคน ถ้าตกทุกข์ได้ยากได้รับความเดือดร้อน เราก็ให้ความช่วยเหลือเท่าเทียมกัน
เพราะฉะนั้นคนต่างศาสนา ที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย จึงไม่มีเรื่องอะไร ไม่มีการกระทบกระทั่ง ไม่ค่อยมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่นทางภาคใต้ พี่น้องอิสลามเขามีมาก ในจังหวัดสตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส แล้วคนไทยก็เข้าไปอยู่ในที่นั้นด้วย คนไทยนี่ไปอยู่ เหมือนกับเป็นยาดำแทรกอยู่ เป็นหย่อมๆ ตรงไหนมีบ้านคนไทย ก็มีวัด แล้วรอบๆนั้น เป็นมุสลิมทั้งนั้น แต่ว่าก็อยู่กันได้ ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีข้อบาดหมางอะไรกัน เวลาเราทำอะไรเช่นว่า ทำพิธีอะไร เขาก็มาช่วย พวกอิสลามเขามีปลา เอาปลามาช่วย มีผัก เอาผักมาช่วย มีข้าวสาร ก็เอาข้าวสารมาช่วย แต่ว่าเขาไม่ค่อยกินอาหารที่เจือด้วยเนื้อหมู เราก็ต้องแกงอาหารที่ไม่มีหมูให้เขารับประทาน เขาก็ทานได้ แล้วเวลาเขามีงานอะไร เช่นพิธี ทำ ทำพิธี เขาเรียกว่าพิธีสุหนัต คือทำพิธีเข้าอิสลามของเด็กๆ ตัดปลายองคชาต ของเด็กผู้ชาย เขามีงานใหญ่ ชาวพุทธก็ไปช่วย
บางทีเขาสร้างมัสยิด ค้างมาหลายปีแล้วไม่รู้จักเสร็จสักที ชาวพุทธเห็นแล้วก็ แหมไอ้นี่มันสร้างนานจริงไม่สำเร็จ ก็ไปช่วย ทอดผ้าป่า ชักชวนกันแห่ต้นผ้าป่า ไปทอดที่มัสยิด ให้เขาได้สร้างมัสยิดสำเร็จเรียบร้อย เป็นไปด้วยดี เขาอยู่กันอย่างนั้น ไม่มีข้อปัญหา ไม่มีข้อพิพาท รักกันอย่างพี่น้อง แต่ว่ามันก็มีสมัยนี้ ที่มันยุ่ง มันไม่กี่คน เขาเรียกว่าพวกกวนเมือง ไม่ใช่นักการเมืองจริงจังอะไร พวกกวนเมือง พวกนี้ได้ไปศึกษาจากประเทศอาหรับ ไปประเทศอาระเบีย ไปอยู่ที่นั่น ได้รับบทเรียนจากนายกัดดาฟี่ กัดดาฟี่นี่เป็นตัวยุ่งของโลกทีเดียว ชอบยุยงคนให้ไปก่อกวนที่นั่น ก่อกวนที่นี่ ทำลายเรือบิน ทำลายรถไฟ เขาให้เงิน ตานี้พวกที่ไปอยู่นั้นมา ก็มาอยู่เมืองไทย ตั้งเป็นก๊ก เป็นเหล่า เป็นโจร แต่ชาวบ้านทั่วไป เขาไม่ได้สนใจ เขาตั้งหน้าทำมาหากิน ไม่ได้รบกวนอะไรกัน แต่พวกนี้ชอบรบกวน วางระเบิดสถานีบ้าง รถไฟบ้าง ให้มันดังไป ดังไปแล้ว ข่าวมันดังไปทั่วโลก พอข่าวดังไปทั่วโลก ทางโน้นก็จะได้ส่งเงินมาให้ พวกนี้ก็กินใช้สบายๆ เป็นวิธีหาเงินแบบหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต การบ้านการเมืองอะไร เรื่องวิธีหาเงิน แต่ต้องทำให้มันดังหน่อย เผาโรงเรียนบ้าง เผาศาลากลางเสียบ้าง อะไรต่ออะไร ก็ทำอย่างนั้น เพื่อให้เป็นข่าว ดังไปทั่วโลก แล้วทางโน้นก็เห็น อ้อ ดำเนินงานอยู่ ก็ส่งมา แล้วพวกนี้ก็ไปบอกทางโน้นว่า มุสลิมเมืองไทยนี่ได้รับรังแก รัฐบาลรังแกมาก ทำให้เกิดความเดือดร้อน ไปโกหกพกลม ไปพูดให้เขา เพื่อจะเอาเงินเขานะ
ความจริงรัฐบาลไทยไม่ได้รังแกพี่น้องมุสลิม เขาอยู่กันสบาย อยู่เหมือนกับเราอยู่นั่นแหละ เราคนไทยอยู่อย่างใด ชาวพุทธอยู่อย่างใด เขาก็อยู่อย่างนั้น ไม่ได้เป็นทุกข์ ไม่ได้มีปัญหา ไม่มีความเดือดร้อนอะไร
แต่เวลาไปแสดงธรรมนะ ถ้าเขาฟังได้ เขามาฟัง โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ถ้าไปที่อำเภอโคกโพธิ์ คนอิสลามอำเภอโคกโพธิ์นี่ พูดไทยทั้งนั้น อ่านหนังสือไทยได้ เขาก็มาฟังกันบ้างเป็นกลุ่ม แตกต่างกับชาวพุทธหน่อย ก็ตรงที่สวมหมวกคลุมหัว แต่เขานั่งฟังเรียบร้อย ฟังจนจบ เทศน์สองชั่วโมง เขาก็นั่งฟังจนจบ ไม่ลุกหนี ยิ่งไปจังหวัดสตูล สตูลนี่ คนอิสลามสตูลนี่ เขาพูดไทย ในครอบครัว เขาไม่ได้พูดภาษามาเลเซีย เขาพูดภาษาไทยกัน เพราะฉะนั้นเวลาไปเทศน์ เขาก็มาฟังกัน มามากกว่าชาวพุทธเสียอีก เพราะในที่บางแห่ง ชาวพุทธมี ๒๐ ครอบครัว แต่คนอิสลามมีเป็นร้อยๆ เขามากัน นั่งรถมอเตอร์ไซด์มากัน จอดเป็นแถว แล้วก็มานั่งเรียบร้อย ฟังกันอย่างสงบเรียบร้อยดี แล้วก็พอเทศน์จบแล้ว พวกหัวหน้า เขาเรียกว่าโต๊ะครูน่ะ แกขึ้นก็ไปพูดสรุป พูดไปพูดมา แกก็พูด ที่ท่านครูพูด ก็เหมือนกับในคัมภีร์เราทุกอย่าง ไปสรุปเอาอย่างนั้น ไม่เป็นไร เหมือนกันก็ดีแล้ว เขาก็มาฟังกันดี เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เวลาแจกหนังสือ เขาก็เอาเหมือนกัน เช่นมีหนังสือธรรมะไปแจก เขาก็รับทุกคน ถามว่าเอาไปทำอะไร เขาบอกเอาไปอ่าน เอาไปอ่าน เขาก็อ่านเหมือนกัน มันอยู่กันได้ ไม่มีอะไร ไม่มีความแตกแยกอะไร อยู่กันสบาย
ไอ้ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ชาวพุทธเราใจกว้าง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงอยู่กันด้วยความสงบสุข ไม่มีปัญหา เราไม่ได้รังเกียจใคร แม้พระเจ้าอยู่หัว ก็ไม่ได้ทรงรังเกียจ พวกมิชชันนารีที่มาเผยแผ่ศาสนาของเขาในเมืองไทย ในหลวงทรงต้อนรับด้วยดี ให้ที่สำหรับทำโบสถ์ด้วยซ้ำไป ถ้าใครไปที่สาทร สาทรเหนือนะ จะเห็นโบสถ์ฝรั่งหลังหนึ่ง โบสถ์หลังนั้น พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ให้ที่นะ แล้วก็สร้างโบสถ์ พอวันอาทิตย์เขาก็ไปประชุมกันที่นั่นตามสมควร นั่นเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าแผ่นดิน ที่ได้จัดที่ให้ เพื่อให้เขาได้รับความสะดวก ใจชาวพุทธเรา มันเป็นอย่างนั้น เป็นคนใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
พระพุทธเจ้าของเรานั้น ท่านเป็นผู้ที่สอนคนให้ใจกว้าง แล้วพระองค์เองก็ไม่ถือ คือไม่มีตัวจะถือ เพราะว่าพระพุทธเจ้านี่ท่านไม่มีตัว เรียกว่าไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตนที่จะยึดจะถืออะไร ภายหลังเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็หมด หมดเนื้อหมดตัว พูดภาษาชาวบ้านว่า หมดเนื้อหมดตัว คือไม่มีตัวจะเห็นต่อไป คนเรานี่ยังไม่หมดเนื้อหมดตัว ยังมีตัวให้เห็นอยู่ ยังเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ แล้วก็มีการถือเขา ถือเรา ถือพรรค ถือพวก ถืออะไรต่างๆ ยังมีอยู่ เล็กๆน้อยๆ บางคนก็มีมาก บางคนก็มีน้อยหน่อย ถ้ามีน้อย เข้ากับคนได้ง่าย ถ้ามีมาก เข้ากับคนได้ยาก อันนี้เป็นหลักทั่วๆไป คนธรรมดาก็เป็นเช่นนั้น
แต่ว่าองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไม่มีตัวตนแล้ว เป็นอนัตตาเต็มรูป ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ จึงไม่มีตัวจะเห็น แล้วความเห็นแก่ตัวก็ไม่มี ทรงบัญญัติคำสอนหรือธรรมะไว้ เป็นกลางๆ ใครเอาไปปฏิบัติก็ได้ ไม่ได้ถือว่าเป็นของใคร ถือว่าเป็นของกลาง โดยเฉพาะธรรมะนี่ มันเป็นของกลาง เป็นสิ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ ในโลกตลอดเวลา พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสให้เราเข้าใจว่า ตถาคต เรียกนามพระองค์เองว่า ตถาคต หมายความว่า มาอย่างใด ไปอย่างนั้น เป็นอยู่ตามธรรมชาติ ตถาคตจะเกิดขึ้นก็ตาม ไม่เกิดขึ้นก็ตาม สิ่งทั้งหลายที่เรียกว่า สังขาร เรียกว่าธรรมนิติ(๑๙.๐๖) ธรรมนิยาม ธรรมะอะไรต่างๆ มันมีอยู่ในโลกแล้ว ธรรมะมีอยู่แล้ว แต่ว่าตถาคตเป็นแต่เพียง ผู้ค้นพบ ทำให้ตื้น เอามาแจก แก่ชาวโลกทั้งหลาย
อันนี้ถ้าเปรียบในทางวัตถุ ก็จะให้เห็นง่าย ก็ตัวอย่าง เช่นว่า ในอ่าวไทยนี่มีแก๊ส ในอ่าวไทยเรามีแก๊ส ในทะเลอันดามันของพม่า มีแก๊สมากกว่าเราอีก เรียกว่ามีมากเป็นที่ ๑ ในโลกเลยว่าอย่างนั้น เราก็กำลังทำสัญญากับพม่า ที่จะเอาแก๊สในทะเลพม่า ข้ามภูเขามาใช้ในเมืองไทย กำลังสัญญากัน เจรจากันอยู่ ที่จะมีการเจาะแล้วเอามาใช้ในบ้านเมืองของเรา จะได้ถูกขึ้นหน่อย แก๊สนี่มันอยู่ในอ่าวไทย มันอยู่มานานแล้ว อยู่มาตั้งแต่มีลูกโน่นแหละ แต่ว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเข้าใจ
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ เขาเข้าใจ เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่เขารู้ ได้สะดวกเวลานี้ก็คือ อาศัยดาวเทียม ดาวเทียมที่ยิงไปลอย อยู่ในท้องฟ้ามากมายนะ เดี๋ยวนี้หลายดวง หลายร้อยดวงแล้วเวลานี้ ลอยอยู่ แล้วดาวนั่นมันสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ที่อยู่ในแผ่นดิน บอกมายังศูนย์กลางที่เมืองอเมริกา ที่เมืองศูนย์นาซ่า ที่เมืองเทกซัส รัฐเทกซัส เมืองฮุสตัน เขาก็รับรู้ว่า อ้อมีแก๊สที่นั่น มีดีบุก มีแร่นั้นที่นั่นที่นี่ เรียกว่าบอกให้ซะ อันนี้ก็ต้องมาสุ่ม เจาะดูว่ามันตรงไหนแน่ ไม่ได้บอกแน่ว่าตรงนั้น แต่ว่าบริเวณนั้นมันมี เพราะมันมองมาจากไกล ดาวเทียมมันอยู่ในอวกาศ เราไม่เห็นนะ ว่ามันลอยอยู่ตรงไหน แต่มันบอกว่าบริเวณนั้น มีนั่นมีนี่ เขาก็มาสุ่มตัวอย่าง เจาะลงไป เจาะลงก็ได้พบ ได้พบแก๊สในอ่าวไทย แล้วก็เรา ส่งเข้ามาเป็นเชื้อเพลิง สำหรับจุดไฟฟ้า ทำโรงงาน แล้วเอาแก๊สนี้มาเข้าโรงงาน เขาเรียกว่า โรงงานปิโตรเคมี
ปิโตรเคมี โรงงานนี้เป็นโรงงานที่จะผลิตวัตถุมากมาย เอาไปใช้หลายเรื่องหลายอย่าง คือพวกพลาสติกนั่นเอง เอาไปใช้ทำเครื่องรถยนต์ ตัวถังรถยนต์ ทำตัวถังนั่น ตัวถังนี่ เก้าอี้ที่เรานั่ง เครื่องมือที่เราใช้ มาจากโรงงานปิโตรเคมีทั้งนั้น ตั้งอยู่ที่มาบตาพุด ญี่ปุ่นมันทำก่อนเพื่อน แล้วญี่ปุ่นนี่ส่งสินค้าประเภท ผลิตภัณฑ์พวกนี้ออกขายไปทั่วโลก ญี่ปุ่นร่ำรวย เราเพิ่งตื่น เพิ่งตื่น เพิ่งตั้งโรงงาน แล้วก็ได้แก๊สจากอ่าวไทยขึ้นมาใช้ ก็รู้อย่างนั้น ไอ้ของอย่างนี้มันมีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ ดีบุกมันก็มีอยู่ สังกะสี ทองคำ ทองแดง มีอยู่ทั้งนั้น เราไม่รู้ ผู้รู้มันมี ผู้ใดเป็นคนค้นพบเรื่องนี้ เขาเรียกว่า เป็นผู้ค้นพบสิ่งนั้น เป็นคนสำคัญขึ้นมา
พระพุทธเจ้านี่ท่านค้นพบกฎธรรมชาติ ค้นพบความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา เมื่อได้ค้นพบแล้ว ก็หลุดพ้นจากปัญหา จากความทุกข์ ความเดือดร้อนในชีวิตของพระองค์ แล้วก็ไปสอนคนอื่นให้รู้ตาม เรียกว่า สาวก สาวกแปลว่าผู้ฟัง คำสอน เป็นอนุพุทธะ เป็นผู้รู้ตามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นเป็นสัพพัญญูพุทธะ พุทธะที่เรียกว่า รู้ด้วยพระองค์เอง ทรงค้นคว้า ทดสอบด้วยพระองค์เอง เอาต้นโพธิ์นั่นแหละเป็นห้องทดลอง ไปนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ที่พุทธคยา เป็นสถานที่ทดสอบเรื่องนี้ ทดไป สอบไป ศึกษาไป ค้นคว้าไป ก็ได้ความรู้โพล่งขึ้นมาในใจ เราเรียกว่าตรัสรู้ ตรัสรู้ก็หมายความว่าคิดค้นจนรู้จนเข้าใจ แล้วว่ารู้เข้าใจในเรื่องอะไรแล้ว ทำให้จิตสะอาดถาวร สว่างถาวร สงบถาวร ไม่ใช่สะอาดเพียงชั่วคราว สว่างเพียงชั่วคราว หรือว่าสงบเพียงชั่วคราว ไม่ใช่อย่างนั้น ถาวรเลย เป็นพุทธะ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอย่างแท้จริง อย่างถาวร
ครั้นว่าพระองค์ได้รู้แล้ว หมดเรื่องปัญหาแล้ว ก็คิดถึงคนอื่น เพราะว่าการออกบวชของพระองค์นั้น มิใช่เพื่อพระองค์เองผู้เดียว แต่ออกบวชเพื่อแสวงหาสัจธรรม แล้วจะนำธรรมะนั้นไปสอนชาวโลกต่อไป เพราะพระองค์มองเห็นความทุกข์ของชาวโลก เห็นว่าชาวโลกนี่ทั่วไปมีปัญหา มีความทุกข์ มีความเดือดร้อนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ทุกข์อย่างไร แก้ไม่ได้ ที่ทำกันอยู่ก็เพียงแต่ไปวิงวอนขอร้อง บนบานศาลกล่าวกับเทพเจ้า เพราะเขานับถือเทวดา แต่ก็ช่วยให้พ้นทุกข์ไม่ได้ เพราะเทวดาไม่เคยมาช่วย คนนั้นก็คงตรอมใจจนกระทั่งตายไปก็มี เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม พระองค์จึงได้ออกไปศึกษาค้นคว้า เอาชีวิตเข้าแลกนะ
ถ้าเราศึกษาเรื่องพระพุทธเจ้า จะเห็นว่า ใช้เวลานานเหลือเกิน ใช้เวลานานตั้ง ๖ ปี ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ บวชอายุ ๒๙ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเมื่ออายุ ๓๕ เวลา ๖ ปี เวลา ๖ ปีนี่เป็นเวลาแห่งการศึกษาค้นคว้า ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่า เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้มีความเบิกบานแจ่มใสอย่างถาวร ไม่กลับมาสู่ความมืดอีก สว่างแล้ว ไม่กลับมาสู่ความมืดอีก สะอาดแล้ว ไม่กลับมาสู่ความสกปรกอีก ผ่องใสแล้วไม่มาสู่ความเศร้าหมองอีกต่อไป เรียกว่าเป็นพุทธะ ไม่มีตัวที่จะยึดจะถือต่อไป หมดตัว
พูดภาษาชาวบ้านว่า หมดเนื้อหมดตัว แต่ว่าคำว่าหมดเนื้อหมดตัว ชาวบ้านหมายความว่าฉิบหาย เล่นการพนันแพ้หมดตัว หรือว่าค้าขายขาดทุน หมดเนื้อหมดตัว ไอ้นั่นมันหมดทรัพย์สมบัติ ตัวมันไม่หมดหรอกโยม มันยังอยู่ ยังทุกข์ต่อไป เดือดร้อนต่อไป แต่พระพุทธเจ้า หมดเนื้อหมดตัว หมายความว่า ไม่มีตัวจะเห็นต่อไป ไม่มีตัวจะยึดต่อไป จึงไม่มีเรื่องเห็นแก่ตัว หรือมีความคิดว่าทำอะไรเพื่อตัวต่อไป
อันนี้เมื่อได้ตรัสรู้แล้ว เข้าใจแล้ว เพราะองค์ก็คิดถึงคน เออ คนนี่ยังลำบากอยู่มาก ยังทุกข์ร้อนอยู่มาก เราจะต้องไปช่วยเหลือเขา เลยออกไปช่วยเหลือประชาชน ถ้าปฏิบัติงานตามแบบของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ออกปฏิบัติงาน ไปสอนคน สอนนักบวชด้วยกันก่อน เพราะนักบวชได้ศึกษาค้นคว้า มีปัญญา มีจิตใจพอที่จะรับคำสอนได้ ก็ไปสอนทดสอบ สอนปัญจวัคคีย์ ๕ ท่าน ก็ได้ผล เลยก็ไปสอนคนอื่นต่อไป จนได้ลูกศิษย์จำนวน ๖๐ ในพรรษาแรก ออกพรรษาก็ส่งออกไปทำงาน ให้ไปช่วยสอนคน ให้ช่วยไปดับทุกข์ดับร้อนของประชาชน เอาน้ำพระธรรมนี่ ไปรดหัวใจเขา ให้เขาชุ่มโชกด้วยธรรมะให้ชุ่มเย็นด้วยธรรมะ แล้วก็จะได้หมดปัญหาชีวิต นี่คืองานที่พระพุทธเจ้ากระทำ
แต่ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสากลก็ว่าได้ เรียกว่าเป็นคำสอนสากล คือเป็นกลาง ไม่เข้าใครออกใคร ไม่ให้ถือเขาถือเรา แม้ว่าเราเป็นพุทธบริษัท เราก็ไม่ควรจะถือว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่ เราอย่าไปเป็นเข้า เป็นแล้วมันเป็นทุกข์ เป็นอะไรเป็นทุกข์ทั้งนั้นแหละ เป็นๆที่ว่าเราเป็นๆ ไม่ว่าเป็นอะไร มันก็มีปัญหา สร้างความทุกข์ ความเดือดร้อน ให้แก่ชีวิตของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นอะไร เราเพียงแต่เป็นผู้ประพฤติธรรม โดยไม่ต้องเป็นอะไร ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ฉะนี้เมื่อไม่เป็นอะไร มันก็ไม่ยุ่ง ถ้าเราถือว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่ ไอ้คนอื่นมันไม่เป็นเหมือนเรา ก็เกิดแตกต่าง ระหว่างเขากับเรา ระหว่างพวกนั้น ระหว่างพวกนี้ มันแตกต่าง ถือว่าเราเป็นไทย คนไม่ใช่ไทย ก็ไม่ใช่พวกเรา ถือว่าเราเป็นจีน คนไม่ใช่จีน ก็ไม่ใช่พวกเรา แล้วก็เกิดแข่งขันกัน เป็นนั่นเป็นนี่
พระพุทธเจ้าท่านได้สอน ให้ถอนความเป็นนั้น ออกไปเสียจากจิตใจ คืออย่าไปเป็นอะไรเข้า เพราะความเป็น มันเป็นทุกข์เหมือนกัน ไม่ว่าเป็นอะไร เป็นอะไรก็เป็นทุกข์ทั้งนั้นน่ะ เป็นคนนี่ก็เป็นทุกข์ แล้วก็เป็นแม่ก็เป็นทุกข์เพราะลูก เป็นพ่อก็เป็นทุกข์เพราะลูก เป็นลูกก็เป็นทุกข์เพราะพ่อแม่ไม่ให้เงินใช้ตามชอบใจ เป็นอะไร ใครเป็นอะไร ที่ไปเป็นนี่แหละ โยมลองคิดดูให้ดี ว่าเราเป็นอะไรนี่ มันก็มีเรื่องปัญหาทั้งนั้น มีความทุกข์ทั้งนั้น เพราะเป็นด้วยความยึดถือ ไอ้ความยึดถือ ไอ้ความเป็นนั่นแหละ มันเป็นทุกข์
แต่ถ้าเป็น โดยเราเป็นด้วยปัญญา เป็นเพื่อหน้าที่ แล้วก็ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ให้เรียบร้อย มันก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่นเราเป็นตำรวจ ทำหน้าที่ตำรวจให้ถูกต้อง มันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้า เป็นทหารก็ทำหน้าที่ทหาร แล้วมันถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหา เป็นข้าราชการพลเรือน ก็ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง มันก็ไม่มีปัญหา แต่ที่มีปัญหากันนั้น เราเป็นไม่ถูก ทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง ทำหน้าที่ไม่ถูกต้องเพราะอะไร เพราะมีตัวเป็นฐาน มีตัวเป็นฐานรองรับ ทำเพื่อตัว ทำเพื่อมี ทำเพื่อเป็น ทำเพื่ออย่างนั้น ทำเพื่ออย่างนี้ แล้วมันไม่ได้ดังใจ เมื่อไม่ได้ดังใจ เราก็มีความทุกข์ มีความเดือดร้อนใจ ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นในใจของเรา
สมมติว่าโยมอยากจะถูกลอตเตอรี่ เลยซื้อ เวลาซื้อนี่ แหมสร้างภาพ ที่ ๑ สร้างภาพที่ ๑ ไม่เอาเลขท้ายล่ะ มันน้อยไป เอาเลข เอาที่ ๑ เลย สร้างภาพอยู่กี่วันล่ะ จนถึงวันลอตเตอรี่ออก พอลอตเตอรี่ออก ก็ซื้อไอ้ใบปลิวที่เด็กเที่ยวขาย เอามาเที่ยววิ่งขาย เอามาตรวจสอบ ตรวจสอบ โอ๊ย ที่ ๑ ไม่ถูกโว้ย เอ้า ดูที่ ๒ ไม่ถูก ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ดูเลขท้าย ไม่ถูกเลย พอไม่ถูกเลย ก็เป็นทุกข์ นั่งกลุ้มใจ แหมไม่ถูก เที่ยวนี้ไม่ถูกอีกแล้ว เอ้าไม่เป็นไร เอาใหม่ๆ ซื้อใหม่ ซื้อใหม่นี่ต้องไปหา ไปถามพระอาจารย์ที่เก่งๆ ไม่มีเก่งสักองค์เดียว อย่าไปถาม ที่เราว่าอาจารย์เก่งน่ะ ไม่เก่ง ถ้าเก่งแล้ว ไม่ต้องบอกโยมซื้อเองดีกว่า จะไปบอกโยมทำไม ซื้อเสียเองดีกว่า เพราะรู้ว่าจะออกเลขอะไร ซื้อ จะได้ไม่ต้องเที่ยวเรี่ยรายเงินโยมให้มันลำบาก เรามีหวัง เมื่อตะกี้พูดแล้ว มีหวังแล้ว มันไม่สมหวัง พอไม่สมหวังเป็นทุกข์
เดือนกันยายนนี่ เป็นเดือนที่จะเป็นทุกข์ พวกข้าราชการทั้งหลายนี่ นี้มากันหลายคนวันนี้ได้ข่าวว่า กทม. เขามากันหลายคน นั่งอยู่แถวไหนบ้างก็ไม่รู้หรอก นั่นแหละพวก กทม. นี่ เป็นทุกข์เดือนกันยานี่ เป็นทุกข์อะไร เพราะเป็นเดือนที่จะมีความหวัง ให้ความหวัง จะได้เลื่อนเงินเดือน ได้เลื่อนชั้น ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้อะไรต่ออะไรกันไป กำลังพิจารณาโผทหาร โผตำรวจ ผู้ว่า ผู้อะไรต่ออะไรนะ แล้วย้ายหมดนะ นู่นไปนี่ อ้าว ปลัดกระทรวงย้ายผู้ว่า ย้ายเสร็จแล้วรัฐมนตรีไม่พอใจ บอกว่าไม่ปรึกษาหารือบ้าง อะไรบ้าง ไม่แจ้งให้ทราบบ้าง รัฐมนตรีหน้าใหม่เพิ่งเข้าไปทำงาน ยังไม่เคยเป็น อยากจะให้เขามาปรึกษาหารือกับตัวบ้าง เขาไม่ปรึกษาก็เที่ยวบ่นออกโทรทัศน์ อะไรต่ออะไร มันยุ่ง แหมมันเรื่องของเขาน่ะ เรื่องการปกครองข้าราชการ มันเป็นหน้าที่ของท่านปลัด ท่านปลัดเขาทำตามหน้าที่ ไอ้เรามอบแต่นโยบาย รัฐมนตรีนโยบายว่า กระทรวงนี้มีนโยบายอย่างนั้น อย่างนี้ ทำตามนโยบาย แต่ว่าเขาก็ทำเรื่องของเขา เราอย่าไปก้าวก่าย แล้วไม่ยุ่ง แล้วก็จะไปย้ายอีก เช่นว่าต้องย้าย ปลัดเสียที ปลัดนี่ตำแหน่งมันสูงนะ ซี ๑๑ จะย้ายไปไหน ก็ย้ายไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกฯ มันก็ยุ่งอีกแหละ ทำให้เกิดปัญหาอีก มันยุ่ง คือว่ามันอย่าไปยุ่งกับหน้าที่ของเขา ย้ายไป
คราวนี้ผู้ว่าบางคนถูกย้ายก็ไม่พอใจ อยากอยู่จังหวัดนั้น อยากอยู่จังหวัดนี้ ไม่พอใจ อยากอยู่จังหวัดใหญ่ๆ แล้วจังหวัดเล็กก็ไม่พอใจ เคยมีผู้ว่าราชการคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กวัด ก็อยู่กับหลวงพ่อแหละ แต่ว่าเขาขยันขันแข็งเอางานเอาการ เรียน สอบไปเรื่อยๆ จนได้เป็นตำแหน่งถึงผู้ว่า วันหนึ่งพบกัน แล้วเขาพูดดี พูดว่าหลวงพี่ครับ เขาเรียกว่าหลวงพี่ ผมนี่จะย้ายไปอยู่จังหวัดไหน ผมพอใจทั้งนั้น เพราะผมไม่เคยคิดว่าจะไปหา ผลประโยชน์จากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะฉะนั้นย้ายไปจังหวัดไหนผมพอใจ ผมไปทำงาน เออ เธอพูดอย่างนี้ฉันสบายใจ ไม่เสียทีที่บิณฑบาตให้เธอฉันมา ๒ ปี เพราะเขาเรียน ม.๗ ม.๘ ไปอยู่สงขลา ก็อยู่บิณฑบาตให้ฉันทุกวัน ๒ ปี ตอบว่าฉันสบายใจว่า ไม่เสียทีที่บิณฑบาตให้เธอกินอยู่ ๒ ปี เธอมีความคิดถูกต้อง เขาคิดอย่างนั้น เขาไม่หาประโยชน์ ประโยชน์จังหวัดไหนก็ได้ แล้วก็ ต่อมาเขาลาออกจากราชการ มาสมัครผู้แทน เพราะว่าย้ายประจำกรม มาเป็นผู้ตรวจราชการ เขาคิดว่าเป็นผู้ตรวจนี่ทำอะไรไม่ได้ ไปตรวจแล้วสั่ง เขาไม่ทำก็ได้ ไม่มีอำนาจอะไร ไปทุกวัดเท่านั้นเอง(๓๖.๑๐) เลยก็พอแล้ว ออกไปสมัครผู้แทนก็ได้อีก สมัครพัทลุง เขาก็ได้เพราะเป็นชาวพัทลุง ได้เป็นผู้แทน แต่ว่าเป็นผู้แทนได้ไม่เท่าใด เพื่อนชวนไปดอยอ่างขาง ไปเฮลิคอปเตอร์ เลยเรือบินตกถึงแก่กรรมไปคราวนั้นเอง ตายกันหลายคนคราวนั้น ผู้ว่าคนนี้ก็พลอยตายไปด้วย เป็นอย่างนั้น
อันนี้ผู้ว่าบางคนนี่ อยากจะไปอยู่จังหวัดใหญ่ๆ มันมีผลประโยชน์ เรื่องนั้น เรื่องนี้ อะไรต่ออะไร เยอะแยะ คนเขาให้เอง พวกไอ้เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่พวกนั้นแหละ ไอ้พวก สจ. ทั้งหลาย ที่สมัครเป็น สจ. นี่ก็ไม่ใช่เพื่ออะไรหรอก เพื่อความสะดวกในการประมูลข้าวของ ประมูลลูกรัง ประมูลทำถนน ทำอะไรต่ออะไรต่างๆ มันสะดวก แล้วก็ทำอย่างนั้นแหละ ประมูลนิดๆหน่อยๆเอามาใส่ๆ ลาดหน้า ถ้านายอำเภอเป็นคนที่ซื่อตรง กวดขัน เขาไม่ยอม ไม่ยอมก็เลยขัดคอกัน ขัดคอกันก็เอาคนมาเดินขบวนไล่นายอำเภอซะ ยุ่งกันใหญ่ เคยมีที่อำเภอโน่นล่ะ อำเภออำนาจเจริญ อ้ออำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบล นายอำเภอคนซื่อไปอยู่ ไปอยู่แล้วก็ทำถนน ทำไม่เรียบร้อย มาเบิกเงินแกก็ไม่ให้ ไม่ให้ อันนี้เมื่อเบิกเงินไม่ให้ ผู้รับเหมาก็ไปป่าว พานักศึกษาบ้าง ชาวบ้านบ้าง มาเดินขบวน เดินมาด่านายอำเภออยู่หน้าอำเภอ นายอำเภอแกก็นั่งฟังเฉยๆ แกไม่ว่าอะไร พอเขาด่านานๆ เขาหยุดนะพอหยุด แกว่าจบหรือยัง ด่านายอำเภอพอหรือยัง พอแล้ว เอ้าฟังนายอำเภอพูดบ้าง พอฟังนายอำเภอ นายอำเภอแกขึ้นไปพูด พอขึ้นไปพูด คนกลุ่มหนึ่งมันฮานะ พอพูดมันฮา ไม่ให้คนได้ยินนะ นายอำเภอแกบอกว่า พี่น้องทั้งหลาย อยากฟังนายอำเภอพูดไหม ถ้าพี่น้องอยากฟังนายอำเภอพูด ต้องปราบไอ้พวกนักเลงนี่เสียก่อน แล้วนายอำเภอจะพูดให้ญาติพี่น้องฟัง ชาวบ้านมันอยากฟังนายอำเภอ เลยก็บอกว่าหยุด เอ้าพวกเราหยุด หยุดก่อน แกก็พูดให้ฟัง อธิบายเหตุผลให้เข้าใจ ว่าถนนที่ทำนั้น ทำแบบนั้น ฝนตกห่าเดียวไปหมดแล้ว ก็เป็นโคลนเป็นเลนต่อไป แล้วพี่น้องจะได้รับประโยชน์อะไร มันไม่ใช่ถนนของนายอำเภอ แต่มันถนนของพี่น้องทุกคน เงินนี้ก็เป็นเงินจากภาษีอากรของพี่น้อง นายอำเภอมีหน้าที่ดูแล ให้สิ่งทั้งหลายเป็นไปเรียบร้อย แต่ถ้ามันไม่เรียบร้อย นายอำเภอจ่ายเงินให้ ถนนมันก็ไม่ดี พี่น้องลำบากต่อไป ถูกต้องหรือไม่ พูด ชาวบ้านรับฟังด้วยดี รับฟังด้วยดี ก็เลยบอก เอ้าต้องทำใหม่ ต้องใส่ลูกรังใหม่ให้มีจำนวนหนาเท่านั้นเท่านั้น จึงจะจ่ายเงินให้ ผลที่สุดต้องทำใหม่ เพราะนายอำเภอแข็ง ที่แข็งเพราะอะไร แกไม่เอานะ นายอำเภอไม่เอา แต่ถ้าเป็นคนไม่แข็งก็ พวกนั้นเอาเงินมาให้นายอำเภอ สามหมื่น สี่หมื่น ก็ได้ทำถนนสายนั้น นายอำเภอยกใส่กระเป๋า พูดไม่ออก ถนนก็เละเทะ ไม่ได้เรื่องอะไร ถูกคนซื่อสัตย์ เสียสละ ไม่เอาเงินนั้น ก็เลยพูดจาทำความเข้าใจ ชาวบ้านก็พอใจ แล้วก็อยู่จนชาวบ้านรัก เพราะเป็นคนซื่อตรง ทำงานตรงไปตรงมา ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เป็นตัวอย่าง เพราะฉะนั้นมันเป็นอย่างนั้น
คนเราถ้าอยู่ในศีลในธรรมแล้ว ย่อมเป็นที่รักของประชาชน แต่ถ้าขาดศีล ขาดธรรม ก็ไม่เป็นที่รักของใคร เพราะว่าตัวไม่ได้รักสิ่งถูกต้อง การรักศีลธรรมนั่นคือรักสิ่งถูกต้อง แต่เราไปรักสิ่งอื่น มันก็ไม่ถูกต้อง เสียหายแก่ชีวิต แก่การงาน เราจึงต้องมีความรักธรรมะ คือสิ่งถูกต้อง เคารพกฎหมาย เคารพกติกา เราอยู่ในฐานะ ในทำอะไร ก็ต้องถือกติกาของสิ่งนั้น ทำตามระเบียบ ถ้าผิดระเบียบไม่เอา คราวนี้คนเราที่จะทำอะไรผิดระเบียบก็เพราะว่า มีความลำเอียงเกิดขึ้น เกิดความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ คนเอามาให้ เพราะพวกพ่อค้า พวกอะไรต่างๆ เขาเก่ง เขาพยายามที่จะยัดเยียดให้ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง
สมมุติว่าประมูลทำสะพานลอย เยอะแยะใน กทม. สะพานลอย ก็เอาเหล็กไปให้เขาตรวจ เอาอะไรไปตรวจ เอาเหล็กไปให้แล้ว ไม่ตรวจ เขาเที่ยวบ่น หลายวันแล้วไม่ตรวจ ไอ้ลื้อมันใหม่ต่องาน ยังไม่เป็น เขาจะตรวจให้ก็ต้องเอาอะไรไปหยอดบ้างสิ เลยเอาเงินไปให้เจ้าหน้าที่ พอเอาเงินไปให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็เอ้า เรียบร้อยแล้ว เอาไปได้ ตรวจหรือไม่ตรวจก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าได้อะไร ในหลวง จงรักภักดีต่อในหลวงมาก พอเห็นหน้าในหลวงหลายใบ ก็เรียบร้อยเอาไปใช้เลย จะต้องใช้ไฟฟ้า ก็ต้องใช้แม่แรงไฟฟ้ายกรถทำอะไรต่ออะไร ไปติดต่อก็ช้า ไม่ค่อยมา ก็ต้องเอาไปเหมือนกัน เอาเหยื่อไปให้ พอได้เหยื่อแล้วไฟฟ้าก็มา ทำให้เรียบร้อย
อันนี้มันเป็นเรื่อง สังคมในยุคปัจจุบัน เพราะว่าคนเราในยุคปัจจุบันนี้ เป็นผู้จิกเหยื่อ ถ้าไม่มีเหยื่อ แล้วก็ไม่ค่อยจะได้ประโยชน์ คราวนี้พ่อค้านี่เขาเข้าใจ เขาก็เอาเหยื่อมาอ่อย มาโปรย เพื่อให้ปลาติดเบ็ด แล้วเขาก็จะลากจะจูงไปได้ตามความพอใจ อันนี้มีอยู่ทั่วๆไปในสังคม หลายประเทศ ไม่เฉพาะแต่ประเทศไทย คือประเทศที่ด้อยพัฒนา หรือประเทศที่กำลังพัฒนา มักจะเป็นเช่นนั้น ส่วนประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว คนมันมีการศึกษาเท่าเทียมกัน ไม่กล้า ไม่กล้าทำอะไรอย่างนั้น เพราะว่าชาวบ้านนี่เขา เขาต่อว่าข้าราชการ ข้าราชการทำอะไรไม่เหมาะ หมายความว่า โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ พวกคุณยายนี่เก่งนักหนา คุณยายแก่ๆเดินถือร่ม ขึ้นไปบนสำนักงาน แกเอะอะมะเทิ่ง แกดุพวกข้าราชการ บนสำนักงาน ทำอะไรไม่ช้า ทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจ เอะอะขึ้นเลย พวกคุณยาย พวกข้าราชการกลัวคุณยาย สุภาพบุรุษไม่เป็นไร คุณยายแก อารมณ์แก แกต่อว่าต่อขาน จดหมายช้า เพียงสักไม่กี่ชั่วโมง ยกหูโทรศัพท์ไป สำนักงานไปรษณีย์ ทำไมจดหมายมันจึงช้า ทำไมมันจึงไม่ถึง ก็อธิบายให้แกเข้าใจ คนมันทวงสิทธิ์ คือทุกคนรู้จักสิทธิ รู้จักหน้าที่ของตัว ว่าควรจะได้สิทธิ์อะไร ควรทำหน้าที่อย่างไร คนเขามีการศึกษา เขารู้
แต่บ้านเรานี่ ขออภัยเถอะ คนไทยเรา ยังไม่ ยังด้อยการศึกษาอยู่มาก ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ประชาธิปไตยจึงไปไม่ค่อยเรียบร้อย ยังซื้อกันได้อยู่ แล้วคนที่ซื้อน่ะคือใคร ก็นักการเมืองนั่นแหละเป็นคนซื้อ แล้วคิดจะปฏิรูป ปฏิรูปการเมือง ความจริงไม่ต้องปฏิรูปอะไรหรอก ปฏิรูปพรรคพวกไม่กี่คนใน ในพรรคของตัวแหละ คือก็รู้กันอยู่ว่าในพรรคตัวมีใคร เป็นนักซื้อ นักซื้อก็รู้กันอยู่ทั้งนั้นแหละ ใครบ้างที่มีนิสัยชอบ ภาษาจีนเขาเรียกว่า เซ็งลี้ รู้กันอยู่ ก็เรียกมาพูดมาจา ทำความเข้าใจกันว่า หยุดกันที พวกเรานี่ พอแล้ว ไอ้วิธีการนี้ มาช่วยกันสร้างระบบที่ถูกต้อง เพื่อให้ชาติประเทศเจริญก้าวหน้า ในทางที่ถูกที่ชอบ แล้วถึงเวลาก็นัดกันว่า คราวนี้เราจะไม่ทำอย่างนั้น ดูสิว่าประชาชนเขาจะเลือกหรือไม่ เป็นการทดสอบประชาชน ว่าเราไม่ต้องเอาเงินไปให้ เขาจะเลือกหรือไม่ เขาจะเลือกสักกี่คนก็ตามใจ คะแนนน้อยก็ไม่เป็นไร จะได้รู้ว่า อ้อเพราะอะไร เราจึงจะได้ศึกษาต่อไป แต่ไม่กล้า เพราะกลัวจะไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้นโยม เพราะอะไร เพราะมีความอยากจะเป็น ไอ้ตัวอยากจะเป็น มันเป็นปัญหา มันจึงต้องลงทุน อยากจะสอบไล่ได้ ก็ต้องลงทุน อยากจะเข้าเป็นข้าราชการก็ต้องลงทุน อยากจะทำอะไรก็ต้องลงทุน เที่ยวลงทุน ทำให้เสียหายหมด ทำให้คนเสีย พวกพ่อค้าเรานี่ ทำให้ข้าราชการเสียหาย เพราะชอบไปเลี้ยง ไปทำ ทำแล้วมันก็ชิน พอชินแล้ว คนนั้นไม่ เคยให้ ทำไมไม่ให้ แสดงว่าติดเป็นนิสัย เสียผู้เสียคน การกระทำเช่นนั้นจึงเป็นบาปเป็นโทษ เป็นการทำให้ประเทศชาติเสียหาย
เราทั้งหลายจึงควรจะทำอะไร ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำเพื่อให้ ไม่ใช่ทำเพื่อจะเอาอะไร เราทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ทำงานเพื่องาน ช่วยกันมีอุดมการณ์ในแนวที่ถูกต้อง ตามหลักคำว่า ทำงานเพื่องาน ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ทำงานโดยไม่หวัง ไม่เป็นอะไร แต่มันได้เอง เรื่องธรรมดา ทำดีก็ได้ความดี ทำชั่วก็ได้ความชั่ว ทำเหตุให้เกิดทุกข์ก็ได้ความทุกข์ ทำเหตุให้เกิดสุขก็ได้ความสุข มันมาเอง เราไม่ต้องไปอยากให้มันเสียเวลา ไม่ต้องพูดว่าผิดหวัง เพราะไปหวังไว้นั่นเอง ถ้าใครพูดว่าผิดหวัง ก็แสดงว่ามีความหวัง จึงพูดอย่างนั้น แต่ถ้าไม่มีใครพูดว่าผิดหวัง แสดงว่าเขาไม่หวังอะไร เขาทำงานตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย แล้วก็ทำงานด้วยอารมณ์สดชื่นรื่นเริง ไม่เครียดในการทำงาน คนที่เครียดมาก มีเวลานี้ เขามีสำนักงานประกาศแก้เครียด ในโทรทัศน์ก็มีละครตลกแก้เครียด ไอ้ตลกแก้เครียดมันก็ยิ่งทำให้คนเครียดหนักเข้าไปอีก เพราะว่าไม่ได้ดูตลกไอ้พวกนั้น ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง
วิธีแก้เครียดก็คือว่า เราพอใจในสิ่งที่ได้มอบหมายให้กับเรา เช่นมีงานอะไรก็พอใจ พอพอใจแล้วมันก็ไม่เครียด ความเครียดมันเกิดจากไม่พอใจ ไม่พอใจในสิ่ง ผู้ใหญ่มอบงานอะไรให้ทำ เราร้อง เอาอีกแล้ว ไอ้งานแบบนี้น่ะให้กูทุกที เริ่มเครียดแล้ว เพราะไม่ชอบนั่นเอง แต่ถ้าเขามอบอะไร แหมดีมาก จะทำด้วยความเต็มใจ ไม่มีเครียดเลย เพราะเราชอบ เราพอใจ นี่นั่งฟังธรรม ถ้าฟังด้วยความพอใจไม่เครียด แต่ถ้านั่งฟังไม่ชอบ แหมเมื่อไรจะจบสักทีนะ พูดจัง นั่นนั่งเครียด นั่งเป็นทุกข์อยู่ ไม่ต้องเครียดแล้ว เพราะมันหมดเวลา จึงขอญาติโยม ที่จุดนี้ก็ขออวยพรให้ท่านทั้งหลาย ผู้ได้มาฟังธรรมในวันนี้ จงเอาธรรมะไปเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันจนทั่วกัน ทุกท่านทุกคนเทอญ