แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านหยุดเดิน นั่งพัก ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่สามารถได้ยินเสียงจากเครื่องขยายเสียงชัดเจน และจงตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการมาวัดในวันอาทิตย์ ตามสมควรแก่เวลา
วันอาทิตย์เป็นวันหยุดงานทางกาย เราก็มาทำงานทางใจ ทำงานทางใจก็คือมาวัด มาพักผ่อนทั้งกายและใจ มารับคำสอนเอาไปเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อทำชีวิตให้ดีขึ้น ชีวิตส่วนตัว ครอบครัว การงาน ตลอดจนถึงส่วนรวมคือประเทศชาติ จะไม่เรียบร้อยถ้าคนไม่มีธรรมะเป็นหลักคุ้มครองจิตใจ จะมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิต และไม่รู้จะแก้ปัญหาเพราะไม่เข้าใจธรรมะ ความยุ่งยากในสังคมก็เกิดมากขึ้น
ในครอบครัว ถ้าพ่อบ้านแม่บ้านเป็นผู้ประพฤติธรรม ครอบครัวนั้นเรียบร้อย ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าแม่บ้านประพฤติธรรม แต่พ่อบ้านไม่ประพฤติธรรม ก็เกิดปัญหา ลูกในครอบครัวนั้นไม่ค่อยจะเรียบร้อย ไม่เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่เพราะไม่ได้ทำตนให้เป็นตัวอย่าง ทำให้เกิดปัญหาขึ้นในครอบครัวไม่รู้จบไม่รู้สิ้น
เมื่อตอนเช้านี้ ก็มีคนโทรศัพท์มาแต่เช้า โทรศัพท์พูดทั้งน้ำมูกน้ำตา พูดไปพลาง ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปพลาง หลวงพ่อก็ถามว่าเป็นทุกข์เรื่องอะไร จึงร้องไห้ร้องห่มอย่างนั้น ก็เป็นทุกข์เรื่องในครอบครัว เรื่องในครอบครัวมันเป็นอย่างไรจึงได้มีความทุกข์ใจถึงร้องไห้ ก็บอกว่าพ่อบ้านเป็นผู้ที่ไม่ทำหน้าที่ของพ่อบ้านที่ดี เป็นคนเหลวไหลด้วยประการต่าง ๆ ดิฉันพูดจาว่ากล่าวแนะนำ เขาก็ไม่เชื่อไม่ฟัง ยังประพฤติตนอยู่เช่นนั้น ลูกคนหัวปลีก็ออกจากบ้านไปแล้ว ไปโดยไม่เรียบร้อย ลูกคนที่สอง ที่สามก็ไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น ทำอะไรตามใจตัวตามใจอยาก ดิฉันเป็นแม่บ้านก็มีความหนักอกหนักใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะปัญหามันหนักอยู่ในใจของดิฉัน
ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นจากพ่อบ้านไม่ประพฤติธรรม ไม่รู้เรื่องชีวิตถูกต้อง ชอบตามใจตัวเอง ชอบเที่ยว ชอบเล่น ชอบสนุก ไม่ได้คำนึงว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นในครอบครัว เล่าให้ฟังแล้วก็พลอยสลดใจด้วย เลยบอกถามว่าจะทำอย่างไรดี ก็บอกว่ามันมีทางเดียวคืออดทนไปก่อน ไม่จำเป็นก็อย่าพูด ปล่อยไปตามเรื่องตามราวไปก่อน ลูกเต้าเราก็ปล่อยเขาไป เพราะพูดเขาก็ไม่เชื่อแล้ว พูดทีไรเขาก็โต้ทุกที ก็บอกว่าพ่อไม่เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่ลูกกลับไม่เชื่อแม่ เถียงไปหมด ความจริงแม่พูดเตือนควรรับฟัง แต่ลูกก็ดื้อเอานิสัยพ่อมาใช้ มันติดมาในสายเลือด พ่อไม่ดีก็ติดสายเลือดมา แม่ไม่ดีก็ติดสายเลือดมา แต่นั่นพ่อคนเดียว ก็สร้างปัญหาขึ้นในครอบครัว อันนี้เกิดเพราะอะไร เกิดเพราะว่าไม่เข้าใกล้ธรรมะ ไม่เข้าใกล้ผู้รู้ธรรมะ ไม่ฟังคำสอนไม่เอาไปคิดไปตรอง ไม่ปฏิบัติธรรมะจึงเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัว
ในวงงานก็เหมือนกัน การเมืองเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย กว่าจะลงรอยนี่ก็แทบจะลำบาก ถ้าพูดภาษาชาวบ้านว่าแทบจะกะอักเลือดไปตาม ๆ กัน เพราะว่าไม่ตกลง คนนั้นจะเอาไอ้นั่น คนนั้นจะเอาอันนี้ ตามอารมณ์ ตามใจตัว ไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดแต่จะเอา คิดแต่จะเป็นในสิ่งที่ตนชอบ แล้วคนเอามันมีหลายคน ก็เกิดแก่งแย่งแข่งชั่วกัน ไม่ได้เอาดีมาแข่งกัน ถ้าแข่งดีกันก็ไม่มีเรื่องอะไร ก็แข่งกันคิดเรื่องดี พูดเรื่องดี ทำเรื่องดี มันก็ไม่ยุ่ง
แต่นี่คิดกันในเรื่องไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็เลยเกิดปัญหา กว่าจะลงตัวก็ใช้เวลา ต้องพูดกันอย่างเคร่งเครียด หน้าดำหน้าแดง ต้องเถียงกัน โต้แย้งกัน คือใช้กิเลสไม่ได้ใช้ธรรมะ ถ้าใช้ธรรมะมันก็ไม่ยุ่ง
ธรรมะเป็นเครื่องประสานน้ำใจ เป็นเครื่องประสานประโยชน์ เป็นเครื่องสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในหมู่ในคณะ
แต่คนไม่ใช้ธรรมะ เพราะไม่เคยศึกษาธรรมะ ไม่เคยคิดถึงเรื่องธรรมะ คิดแต่จะมีจะได้ คิดแต่จะเอาท่าเดียว เรื่องจะเอาแล้วไม่คิดถึงอะไร ฉันจะเอาอย่างนี้ ฉันจะเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ได้อย่างนี้ ฉันก็จะไม่ยอม ไปตั้งป้อมกันขึ้น
หาพรรคหาพวกกันไว้ และในพวกเดียวกัน พรรคเดียวกัน ก็มีแตกออกไปหลายพรรคหลายพวก ต่างคนต่างก็ชูโรงในทางจะเอา ไม่ได้ชูโรงในทางที่จะให้ ไม่ได้ชูโรงในทางที่เสียสละประโยชน์ความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่ส่วนรวม ปัญหามันก็เกิดขึ้น แล้วก็จะไม่จบ ตราบใดที่สมาชิกในสังคมนั้น ยังใช้กิเลส ใช้ความโลภ ใช้ความโกรธ ความหลง ความริษยา พยาบาทหรือความเห็นแก่ตัว ปัญหาก็จะไม่จบ
แต่ถ้าเมื่อใดคนเหล่านั้น มารู้สึกตัวว่าไม่ว่าเรื่องอะไร เราดูประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงว่ามีสภาพอย่างไร การไม่ออมชอมกัน การไม่หันหน้าเข้าหากันนั้น เกิดอะไรขึ้นในชาติในบ้านเมือง ได้ผลอะไรบ้าง บทเรียนมันก็มีอยู่ ชาติตะวันออกก็มีบทเรียน ชาติตะวันตกก็มีบทเรียน เรียกว่าทั้งสองหูมีบทเรียนเข้ามากระทบอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าไม่มีหูจะฟัง ไม่มีตาจะดู ไม่มีใจจะคิดในเรื่องที่ถูกต้อง
เพราะพื้นฐานสัมมาทิฏฐิไม่มี มีพื้นฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิดอยู่ในจิตใจ คิดอะไรก็คิดด้วยมิจฉาทิฐิ พูดด้วยมิจฉาทิฐิ ทำด้วยมิจฉาทิฐิ คบหาสมาคมกันด้วยมิจฉาทิฐิ คิดอะไรทำอะไรก็เป็นความผิดพลาดไปหมด ไม่ถูกต้อง เป็นการสร้างปัญหา คือความทุกข์ ความเดือดร้อน แต่ไม่รู้ว่าเรากำลังสร้างอะไร เรากำลังทำอะไรไม่รู้ เพราะขาดปัญญา
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในเรื่องเกี่ยวกับการทะเลาะเบาะแว้งของพระ เรื่องในเมืองโกสัมพี เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พระเหล่านั้นยังไม่เป็นพระอรหันต์ ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ยังไม่ถึงกระแสของธรรม เป็นผู้บวชเข้ามาใหม่ แล้วก็ถืออะไรมันสุดโต่งเกินไป เรื่องไม่มากเรื่องนิดเดียว คือเรื่องน้ำเท่านั้น น้ำในภาชนะ ในห้องน้ำ ระเบียบมีอยู่ว่าถ้าเราใช้ภาชนะตักน้ำมาใช้ล้างอุจจาระ แล้วคนอินเดียเขาใช้น้ำล้าง ทีนี้ภาชนะมีอยู่ตักน้ำมาล้าง ตามระเบียบต้องคว่ำภาชนะ ไม่หงายไว้ เพราะหงายไว้น้ำมันขัง แล้วจะเกิดเชื้อโรค
พระพุทธเจ้าบัญญัติให้คว่ำไว้ แต่ว่าพระองค์หนึ่งท่านเผลอไป เวลาไปใช้น้ำแล้วท่านก็หงายไว้ ไม่คว่ำ พระองค์หนึ่งมาเห็นเข้า พวกวินัยธรมาเห็นเข้า พระธรรมธร คือฝ่ายธรรมะทำผิด ฝ่ายวินัยธรมาเห็นเข้าก็ไปเที่ยวโพนทะนา โพนทะนาว่าอาจารย์ของพวกธรรมธรนี่ไม่รู้วินัย ไม่ปฏิบัติตามพระวินัย แล้วก็เที่ยวโพนทะนา ข้างฝ่ายคณะธรรมธรก็บอกว่าเรื่องเล็กน้อย ไม่ควรจะเอาไปพูดจากันเป็นข้อความใหญ่โตขึ้น ก็เลยขัดคอ เถียงทะเลาะกัน ไม่ลงรอยกัน ไม่ลงรอยก็แตกกันอยู่คนละพรรคคนละพวก
พระพุทธเจ้าท่านก็เรียกมาเตือนมาสอน แต่พระเหล่านั้นก็ไม่รับฟัง ยังดื้อ พระองค์ก็เห็นว่าพูดไม่ได้ พระพวกนี้ เลยเสด็จเข้าป่าไปเลย ไปอยู่กับลิงกับช้างดีกว่ามันไม่มีปัญหา เลยไปอยู่เขาเรียก ป่าปาลิไลยกะ ในป่านั้นมีลิงตัวหนึ่ง แล้วก็มีช้างอยู่เชือกหนึ่ง ช้างก็มาปฏิบัติพระพุทธเจ้า เอาผลไม้มาถวาย ลิงก็มาปฏิบัติพระพุทธเจ้า เอารังผึ้งเอาน้ำผึ้งมาถวาย ปฏิบัติวัตถากตลอดเวลา
ชาวบ้านชาวเมืองไม่พบพระพุทธเจ้า ไม่ได้ใส่บาตรพระก็เลยสงสัย ถามว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่อยู่ในเมืองโกสัมพี ทำไมไปอยู่ในป่าปาลิไลยกะอยู่กับช้างกับลิง เขาก็บอกว่า โอ พระท่านแตกแยกกันในพระ พระองค์พูดแล้วไม่เชื่อไม่ฟัง เลยลงทัณฑ์ ลงทัณฑ์ เขาเรียก พรหมทัณฑ์ คือไม่พูดด้วยแล้วปล่อยตามเรื่องไปซะ ชาวบ้านก็ขุ่นเคืองพวกพระเหล่านั้น ที่ทำให้พระพุทธเจ้าไม่อยู่ในเมือง ก็เลยชวนกัน ...... (12.48) แอนตี้ ไม่ใส่บาตร ทุกบ้านไม่ใส่บาตร พระไปบิณฑบาตชาวบ้านก็ไม่ใส่ พร้อมกันหมดทั้งเมือง
พระเหล่านั้นบิณฑบาตไมได้ ไม่มีอาหารฉัน ๒-๓ วันก็อ่อนแรงลงไป เกิดสำนึกรู้สึกตัวว่า โอ้! ไม่ไหวแล้ว ผลแห่งการทะเลาะเบาะแว้งกันมันได้รับทุกข์รับโทษอย่างนี้ ก็เลยหันหน้าเข้าหากัน ประนีประนอมกัน ปลงอาบัติต่อกัน แล้วก็ไปกราบทูลเชิญพระพุทธเจ้า ให้กลับเข้ามาอยู่ในเมือง พระองค์ก็กลับเข้าเมืองต่อไป
นี้มีกำกับในตอนหนึ่งว่า ในหมู่คนที่กำลังทะเลาะกัน ถ้ามีใครสักคนหนึ่งเกิดความคิดขึ้นว่า เราจะฉิบหายกันแล้ว เพราะการทะเลาะกันนี้ ความสงบจะเกิดจากสมองเพราะบุคคลนั้น ของบุคคลที่คิดว่าเราจะฉิบหายเพราะการทะเลาะเบาะแว้ง แล้วความสงบก็จะเกิดขึ้น แต่ในหมู่คนที่ทะเลาะกันอยู่นั้นไม่มีใครคิดได้ ทำไมจึงคิดไม่ได้ เพราะทิฐิมานะมันแรง ทิฐิมานะคือความยึดถือในความคิดความเห็นของตัวเอง มีความถือตัวจัด ไม่ได้ เราไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดจะไม่ยอมเป็นอันขาด อะไรจะเกิดก็ช่างมัน ให้มันเกิด เราไม่ยอมเป็นอันขาด นี่คือทิฐิมานะ ทิฐิมานะแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นในใคร ทำให้คนนั้นกระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมใคร ไม่ก้มหัวให้ใคร ผิดก็ไม่ยอมรับผิด ดันทุรังไปคนเดียว ปัญหาอะไรจะเกิดขึ้นในสังคมนั้น
เราก็มองเห็นว่าปัญหาเดือดร้อนจะต้องเกิดขึ้น เพราะการไม่ยินยอมพร้อมใจกัน แต่ชาวบ้านต้องเข้าช่วยด้วยการไม่ใส่บาตร เพราะไม่มีอาหารเพื่อฉัน พระสมัยนั้นไม่มีโรงครัว ไม่ได้เก็บมาม่าไว้สำหรับฉัน ...... (15.15) ข้าว ไม่มีอะไรจะฉัน ...... (15.19) พอชาวบ้านไม่ใส่ก็อดเลย วันแรกไม่เป็นไรทนได้ วันที่สอง วันที่สามไม่ไหวแล้ว เป็นอย่างนี้เลยรู้สึกตัวว่าเป็นความผิดของพวกเรา เลยหันหน้าเข้าหารือกัน เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อไปขอขมาโทษ เรียกว่าไปทำวัตร เพื่อให้พระองค์ยกโทษให้ พระองค์ก็ไม่ได้ถือโทษอะไร เห็นพระเหล่านั้นรู้สึกสำนึกตัว ก็เลยยกโทษให้แล้วก็กลับมาอยู่ร่วมกัน ชาวบ้านก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม ก็เลยใส่บาตรให้พระเหล่านั้นฉันต่อไป
อันนี้เป็นเรื่องมีอยู่ในคัมภีร์ของพุทธศาสนา เป็นเรื่องความแตกร้าวในหมู่สงฆ์ เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ความแตกร้าวเกิดขึ้นเพราะไม่ยอมกัน ไม่ยอมฟังเสียงใคร ใครพูดก็ไม่ยอมอย่างนี้ลำบาก ถ้าไม่ยอมกันแล้วมันก็ลำบาก
เมืองไทยเรานี้ก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้างเหมือนกัน เช่นว่าตัวอย่างเกิดเรื่องเกี่ยวกับการบ้านการเมือง ฆ่ากันตายไปหลายคนแล้ว แต่ผลที่สุดในหลวงก็เสด็จออกมาจัดทางโทรทัศน์ ทางวิทยุ ให้คนทั่วประเทศได้ยิน คนที่กำลังก่อความวุ่นวายอยู่ที่ถนนราชดำเนินนั้นได้ยินเหมือนกัน ด้วยความเคารพรักในในหลวง เลยก็เลิก ไม่ประชุมกันต่อไป หัวหน้าเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว เหมือนกับเด็กคลานเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่ นั่งสงบเรียบร้อย ในหลวงก็ตักอกตักเตือนด้วยถ้อยคำสั้นๆ ง่าย ๆ ให้เกิดความสำนึกรู้สึกตัว ผลที่สุดก็เลิกรากันไป ก็เป็นบุญหนักหนาของเมืองไทยที่มีประมุขที่คนรักคนเคารพ พูดอะไรก็มีคนเชื่อคนฟัง ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ยืดยาว จบลงง่ายๆ หลายครั้งหลายหน จบลงด้วยความสงบเรียบร้อย เพราะในหลวงออกมา
พระเจ้าอยู่หัวเป็นที่รักของประชาชน คน ...... (17:55) บางคนที่ยืนอยู่ที่อนุสาวรีย์พูดว่า ถ้าเป็นเรื่องในหลวงแล้วเรายอมได้ทุกอย่างแม้ชีวิตก็เสียสละให้ในหลวงได้ เป็นคำพูดที่ฟังแล้วตื้นตันใจในความรู้สึกนึกคิดของเขา เขามีความรัก มีความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขของชาติ ทีนี้ในหลวงของเราที่ได้เป็นที่รักเป็นที่เคารพนี่เพราะอะไร เพราะว่าพระองค์เป็นพระธรรมราชา พระราชาผู้ประพฤติธรรม ทรงนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใช้เป็นหลัก เป็นนโยบาย เป็นประทีปนำทางชีวิต พระองค์อยู่ด้วยธรรมะ นำธรรมะมาเป็นแสงสว่างของชีวิต
ทรงปฏิบัติพระองค์ เป็นประโยชน์เป็นความสุขแก่ประชาชน ทรงเสียสละทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนได้อยู่เย็นเป็นสุข มีความทุกข์ที่ไหน มีความเดือดร้อนที่ไหน เสด็จไปหาทางแก้ไข เมื่อพระองค์เสด็จไปประชาชนก็มาเฝ้าชมพระบารมี เขาก็สบายใจ ลืมทุกข์ ลืมโศก ลืมเรื่องร้าย เกิดความสุขความสบาย ด้านในหลวงท่านก็สั่งให้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบสิ่งทั้งหลายก็ดีขึ้น .
นับว่าเป็นบุญของประเทศชาติเรา ที่เรายังมีองค์พระมหากษัตริย์ไว้ สำหรับเป็นศีรษะของประเทศ ประเทศว่าร่างกาย ศีรษะนี่เป็นส่วนสำคัญของร่างกาย คนหัวขาดแล้วทำอะไรไม่ได้ เพราะขาดสมอง ขาดตา ขาดหู ขาดทุกสิ่งทุกอย่าง ...... (20.00) เมื่อส่วนนี้ไม่มีแล้วจะมีความหมายอะไร ชีวิตไม่มีความหมาย ฉันใดพระราชามหากษัตริย์ก็เป็นเหมือนศีรษะของประเทศ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของประชาชน ประชาชนให้ความเคารพนับถือบูชา เพราะองค์พระมหากษัตริย์เองนั้นทรงประพฤติธรรม ทรงนำหลักธรรมะมาใช้ในชีวิต ในการงานตลอดเวลา
พระองค์ทรงนั่งสมาธิทุกคืน ทรงฟังเรื่องธรรมะที่พระราชินีอ่านถวาย แล้วก็จะเข้าที่บรรทมก็ทรงนั่งทำสมาธิอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง แล้วจึงประทับบรรทม ตื่นบรรทมก็นั่งสงบพระทัย นั่งคิดวางแผนว่าวันนี้จะทำอะไร ที่จะเป็นประโยชน์เป็นความสุขแก่ประชาชน ทรงวางแผนแล้วก็ออกปฏิบัติ สั่งงานสั่งการให้ทำกันในโครงการต่าง ๆ ของในหลวง มีมากมาย จึงกลายเป็นที่เคารพบูชาของ ...... (21.23) เพราะพระองค์ประพฤติธรรม ธรรมะเท่านั้นจะทำคนให้สมบูรณ์ ทำคนให้รู้หน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เรียบร้อย ทำคนให้เป็นปูชนียบุคคลของคนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
แต่ว่าโลกนี้มันขาดธรรมะพอสมควร คนไม่ค่อยได้เอาธรรมะไปใช้จึงได้เกิดปัญหาขึ้นในตัว ในครอบครัว ในส่วนรวมคือประเทศชาติ เป็นปัญหา ทีนี้เราจะทำอย่างไร ก็พยายามที่จะพูดจาทำความเข้าใจ โน้มน้อมจิตใจคนให้เห็นประโยชน์ของธรรมะ ให้ได้นำธรรมะไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ญาติโยมที่มาวัดชลประทานอยู่เป็นประจำ บางคนก็มาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมาจนกระทั่งบัดนี้ ยังมาทุกอาทิตย์ไม่ขาด ขาดไปบ้างเพราะไปธุระ แต่ปกติก็มา น่าจะมีโล่ มีโล่ไว้แจกคนที่ขยันฟังธรรมที่วัดนี้ น่าจะมี เอาไว้ให้วัดครบ ๕๐ ปีก่อนแล้วค่อยทำโล่แจกกันสักที แจกคนที่มาวัดเป็นประจำ ก็จำได้เห็นหน้าก็จำได้มาอยู่เป็นประจำ ก็แจกไว้เป็นอนุสรณ์เป็นเครื่องเตือนใจ อย่างนี้มันก็ยังไม่ถึง วัดนี้เปิดปีห้าร้อยสาม ปีนี้สามสิบแปด ต่อไปสามสิบสามปียังไม่ครบ แต่ว่าไม่กี่ปีก็ครบห้าสิบแล้ว ลมหายใจไว้อย่ารีบไปไหนเสียก่อนพอครบห้าสิบปีได้ฉลองกาญจนาภิเษกเหมือนในหลวงฉลอง ๕๐ ปีในปีหน้า เดือนมิถุนายน ศกหน้าทรงเสวยราชย์ครบ ๕๐ ปี ก็จะมีการฉลอง ประชาชนก็ปลื้มอกปลื้มใจ ในการที่พระองค์มีพระชนมายุ
แต่ตอนนี้ในหลวงท่านก็มีความทุกข์เหมือนกัน ทุกข์เพราะเชิญทางนี้ก็ได้โยม นั่งนี้ ทุกข์เพราะราชชนนีป่วย ในหลวงท่านไปเยี่ยมทุกคืน ไปตีสามคนอื่นเขานอนหมดแล้ว รถไม่มีวิ่งบนถนนแล้ว ไม่กีดขวางการจราจรเสด็จไปเยี่ยมพระมารดา ไปอยู่ประมาณสักชั่วโมงแล้วก็เสด็จกลับ กลับไปวังไปเข้าสู่ที่บรรทม ท่านแสดงความห่วงใยต่อพระมารดา ทรงรักทรงเคารพคุณแม่ พูดภาษาง่าย ๆ ว่าทรงเคารพคุณแม่ พระคุณแม่ ไปให้กำลังใจ แต่ว่าพระราชชนนีท่านก็ ๙๕ แล้ว ท่านเกิดปี ๑๙๑๑ ไม่สิ ๑๙๐๐ ค..ศ ๑๙๐๐ เดี๋ยวนี้ ๑๙๙๕ พระชนมายุก็ ๙๕ คิดง่าย ปีเกิด ๑๙๐๐ เดี๋ยวนี้ ๑๙๙๕ พระชนมายุ ๙๕ ชีวิตของสมเด็จพระราชชนนีนั้นเป็นชีวิตที่อยู่เพื่อให้ อยู่เพื่อให้ ไปให้ ...... (25.16)
ถ้าสะดวกสบายก็ไป ที่ไหนที่ในหลวงยังไม่ได้ไป พระราชชนนีไป เช่นตามเกาะ ตามแก่ง เมืองริมทะเล ในหลวงเข้าไม่ถึงเพราะไม่มีถนน พระราชชนนีท่านเสด็จไปโดยเรือรบ แล้วลงเรือเล็กเข้าไปเยี่ยมชาวบ้าน แจกยา แจกเสื้อผ้า แจกหนังสือแก่เด็ก เป็นภาพที่น่าชื่นชม เอาออกโทรทัศน์มาแล้วก็เป็นภาพที่น่าดูที่สุดในรอบปี ภาพที่ท่านไปแจกสิ่งของ แจกคนแก่ ๆ เด็กนักเรียน ทำตามโรงเรียนต่าง ๆ แจกทุกสิ่งทุกอย่าง ทำอยู่เป็นประจำ ชีวิตของพระองค์ท่านอยู่ด้วยธรรมะ อยู่ด้วยการให้
ไม่ทรงเห็นแก่ประโยชน์ความสุขส่วนพระองค์ ทรัพย์สมบัติที่พระองค์ได้รับมาจากพระราชมรดก ของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้ามีมากมาย แต่ว่าทรงใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่เอามากักเก็บไว้เฉย ๆ ไม่เอาไปใช้ในเรื่องอะไรที่ไร้สาระ แต่ว่าทำทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์ เป็นความสุขแก่มหาชน ทรงปฏิบัติสม่ำเสมอตลอดมา กับประชาชนช่วยเหลือทุกแง่ทุกมุม ในสิ่งที่จะช่วยได้ นับว่าเป็นผู้เกิดมาเพื่อให้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเอาอะไร ผลแห่งการให้ทำให้พระองค์มีชนมายุยืนถึง ๙๕
แต่ว่านั่นแหละร่างกายของคนเรา อยู่นาน ๆ ก็มีโรคเพราะภูมิต้านทานลดน้อยลง โรคภัยไข้เจ็บก็เกิดขึ้นทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง แต่ว่านายแพทย์ทั้งหลายก็รักษาเต็มที่เลย มีความรู้มีความสามารถเท่าไรทุ่มลงไป อยากให้พระองค์ท่านอยู่ต่อไป อยู่เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่มหาชน อยู่เพื่อให้คนสบายจึงช่วยกันรักษา พระอาการก็ค่อยดีขึ้นบ้าง แต่ก็พระชนมายุมากแล้ว ไม่น่าเป็นที่ไว้วางใจ ก็สวดมนต์ภาวนานึกอยู่ให้พระองค์ท่านหาย วันเข้าพรรษาก็ทำการสวดมนต์อธิฐานใจ อ้างเอาบุญญาบารมีทั้งหลายที่เราได้กระทำ รวมทั้งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ช่วยคุ้มครองรักษา