แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ก็ขอกราบเรียนนมัสการหลวงพ่อ ขอได้โปรดให้โอวาทและแสดงปาถกถาธรรมให้แก่พวกเราทั้งปวงครับ
ขอเจริญพรแก่ญาติโยมพุทธะบริษัททั้งหลาย อันมีท่านรองนายกเป็นหัวหน้า ได้มาประชุมกันเป็นพิเศษที่ลานอเนกประสงค์ในวันนี้
การมาประชุมกันในวันนี้ก็เนื่องจากคณะศิษย์คือหลวงพ่อไม่ได้สนใจอะไรจะทำอย่างไรก็ได้ เขาก็ประชุมปรึกษาหารือวางแผนงานกัน ทำกันอย่างเต็มที่ ตกแต่งวัดวาอารามเรียบร้อย อาตมาพูดเป็นเชิงตลก ๆ ว่าบ้ากันใหญ่แล้ว จะทำให้มากมาย แล้วจะส่งบัตรไปเชิญคนนั้นคนนี้ให้มาด้วยเพื่อมามุทิตาสักการะในคุณงามความดีที่หลวงพ่อได้กระทำมาเป็นเวลานาน จะไปห้ามไม่ให้กระทำก็ไม่ได้ เหมือนคนจะมากราบ แล้วบอกว่าอย่ากราบ อย่ากราบ อย่างนี้ไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้เขากราบตามสบาย กราบเสร็จแล้วก็ค่อยคุยธรรมะอะไรกันต่อไป เรื่องมันจึงเป็นมาอย่างนี้
ท่านเจ้าคุณพุทธทาสปีที่ทำบุญอายุปีสุดท้าย อาตมาไปก่อนแล้วก็บอกท่านว่าปีนี้ไม่ได้มาเพราะติดเทศน์ที่กรุงเทพ ท่านบอกให้มาทำอะไร เขาเลิกอายุกันแล้ว ไม่ต้องยุ่งหรอก แต่ก็ไม่ได้ไป แต่ผลที่สุดต้องไป แต่ว่าท่านก็ไม่สบายในเช้าวันที่ ๒๖ เขาโทรศัพท์มาบอกว่าท่านเจ้าคุณไม่สบาย ก็ต้องรีบไป แต่ว่าไปตรงนั้นท่านไปนอนอยู่โรงพยาบาลซะแล้ว เลยไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ว่าพอแล้วสำหรับคำพูด ที่ท่านพูดกับอาตมา ที่พบกันทุกครั้งก็พูดเรื่องเดียว ไม่พูดมาก พูดยาว ๆ ก็ใจความเป็นอันเดียวกัน ใจความว่า “ น้องท่านต้องสอนคนให้มีความอยากจะละเลิกความเห็นแก่ตัว เพราะความเห็นแก่ตัวนี่เป็นฐานของความชั่วร้ายด้วยประการทั้งปวง ” พูดเรื่องนี้มากที่สุด แม้พบกันครั้งสุดท้ายก็จะไม่รู้สึกตัวท่านก็ทวนเรื่องนี้ ให้เทศน์เรื่องนี้ให้มาก ๆ แล้วก็เมื่อไปเยี่ยมท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก แล้วผลที่สุดท่านก็มรณภาพในวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๕ ทิ้งไว้แต่คุณธรรมความงามความดี ที่ท่านได้ทำไว้ อาตมาเองที่ได้มีชีวิตก้าวหน้าในการทำงานเพื่อพระศาสนาก็ด้วยการพูด ชักจูงแนะนำจากท่านเป็นส่วนมาก
ในขั้นแรกก็ไม่ได้พบตัวท่าน แต่พบหนังสือ คือหนังสือพุทธศาสนายาว ๔ หน้า ที่ออกในตอนแรก ๆ ก็เขียนรุนแรง ได้ถ้อยคำชัดเจนโน้มน้อมจิตใจเร่งเร้าอารมณ์อย่างแรง ได้อ่านสมัยนั้นอยู่นครศรีธรรมราช มาเรียนนักธรรมโท นักธรรมเอก อ่านแล้วก็ชอบใจ นึกในใจว่า เราจะต้องช่วยกันทำงาน เพื่อฟื้นฟูจิตใจชาวพุทธให้เป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้อง แล้วก็รอเวลาที่จะได้มาพบกับท่าน แต่ยังไม่ได้มา
ต่ อมาก็ท่าน มจ.เขมาภิรักษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่พบกันก่อนท่านเจ้าคุณ เรียกว่าพี่ท่านอยู่มานานแล้ว ท่านก็ไปอินเดีย ไปด้วยกัน แต่ว่าอาตมากลับเสียก่อน ท่านก็ไปที่อินเดีย แล้วเขียนจดหมายมาบอกว่า น้องท่านมาเถิด พบสถานที่อยู่อาศัยเล่าเรียนก้าวหน้าได้ อาตมาก็ไป แต่ว่าไปพลาดกันที่ย่างกุ้ง อาตมาถึงย่างกุ้ง พี่ท่าน มจ.ก็ลงเรือที่ย่างกุ้งในวันนั้นแหล่ะ เรือคนละลำ จึงไม่เจอกันแต่ไปพักที่เดียวกัน ไปพักที่นั้นก็บอกท่านสมภารว่ามาพบท่าน มจ.เขมาภิรักษ์ ท่านตาลุกเลย
“ มจ.เขมาภิรักษ์ ”
“ ครับ ”
“ ไปแล้ว ไปตั้งแต่เมื่อวานนู้น ”
อ้าวแล้วกัน ให้เขาไปแล้ว ก็กลับหนีมาเมืองไทย เลยก็ต้องกลับเมืองไทย ตามไปพบกันที่ชุมพร แล้วบอกว่า “ น้องท่านไม่ต้องไปอินเดียไปอยู่ไชยาด้วยกันดีกว่า ” ก็เลยได้ไปอยู่ไชยา พบท่านเจ้าคุณพุทธทาสตัวจริง อยู่กันหนึ่งพรรษา
ตอนเย็น ๆ ก็นั่งดื่มน้ำปานะ น้ำปานะก็คือน้ำชุมเห็ด ใบชุมเห็ดใบใหญ่ ๆ ของปักษ์ใต้ เอามาอังไฟให้มันไหม้นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็ใส่ลงไปในน้ำร้อนเอาน้ำตาลทรายแดงใส่ลงไปชงกัน คุยธรรมะกัน ทุกเย็นนั่งคุยธรรมะกัน พี่ท่าน มจ.นี่ก็ชอบขัดคอ ท่านพุทธทาสว่าอย่างนี้แกก็ขัดเถียง ขัด เลยถาม
“ ทำไมพี่ท่านพูดอย่างนั้น ”
“ อ้าว...ไม่พูดอย่างนั้นมันจะมีเรื่องอะไรพูดกัน มันต้องขัดคอกันบ้าง ”
ชอบเถียงชอบขัดคอ แล้วเวลาฉันอาหารก็ขัดคอกัน คุยกัน ทุกวันทุกวัน แล้วก็วันหนึ่งก็นั่งดื่มน้ำปานะพร้อมกัน ก็บอกว่าอ้าวเรา ๓ คนนี่มาปฏิญาณกันหน่อย ปฏิญาณเป็นพี่น้องกัน ร่วมทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา เหมือนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สัญญากันว่าจะกู้ราชวงศ์ฮั่น ไปเลย สัญญาตกลงกัน ว่าจะทำงานกู้พระศาสนา แม้จะจากกันก็ใจยังอยู่ใกล้ ไปอยู่ไหนก็ทำงานเหมือนกัน แนวเดียวกันเพื่อส่งเสริมกิจการพระศาสนา เพื่อได้ทำมาจนกระทั่งว่าท่านทั้งสองลาจากไป เวลานี้เหลืออยู่องค์เดียว ก็ค่อนข้างจะว้าเหว่พอสมควร แต่ว่าก็มีพระอื่นมาช่วยร่วมงาน ทำให้อิ่มอกอิ่มใจว่างานที่ทำไว้นี้คงจะไม่สลายเพราะมีคนสืบต่อโดยเฉพาะพระที่ได้รับการอบรมตามหลักการพระธรรมทายาท ๑๔ ชุดมาแล้ว ชุดละร้อยกว่าองค์ แล้วจะทำต่อไป ไม่หยุดในเรื่องนี้ก็คงจะมีทหารเพิ่มขึ้น กองทัพธรรมจะมีกำลังมากขึ้น แม้แม่ทัพจะไม่อยู่ แม่ทัพรองๆก็คงจะทำงานต่อไปได้ งานก็จะก้าวหน้าต่อไป
วันนี้ญาติโยมทั้งหลายได้มาประชุมกัน สักการะแกอาตมา อาตมาก็นั่งนึก นึกอยู่หลายวันแล้วว่า โอ้...เรานี่นะมีดีอะไรที่คนเขายกย่องนับถือบูชา ฐานะเดิมนั้นเป็นอย่างไร ก็นึกถอยหลังไปว่า เมื่อเป็นเด็กโตบ้านนอกจังหวัดพัทลุง แม้จังหวัดพัทลุงก็อยู่ไกลเกินเอื้อม สมัยก่อนเรามาอยู่ริมทะเลสาบพัทลุง แต่ราชการเรียกว่าทะเลสาบสงขลา เอาเปรียบอยู่พอสมควร เพราะว่าน้ำของพัทลุงทั้งนั้นที่ไหลไปทะเลสาบ น้ำสงขลาไม่มี น้ำสงขลา (9.50 เสียงไม่ชัดเจน) เขาเรียกว่าทะเลสาบสงขลา เกาะสี่ เกาะห้าก็เลยติดไปสงขลาซะด้วยเพราะมันมีรังนกเก็บภาษีได้ พัทลุงก็มีแต่น้ำไปเลี้ยงเท่านั้น เขาเรียกอย่างนั้น
บ้านเมืองพัทลุงในสมัยอาตมาเกิดนั้นก็อารีพอสมควร คนที่ไร้ทิฐิ ขโมยวัวขโมยควายปล้นกันเป็นธรรมดา แล้วคนก็มาเจอกันมากๆ ต้องตีกัน (10.30 เสียงไม่ชัดเจน) วันออกพรรษาต้องตีแล้ว มโนราห์แต่งวัดไหนต้องตีกัน หนังแต่งวัดไหนต้องปาจอหนังกัน ปาจนกระทั่งเอากระต่าย ไม่ใช่กระต่ายตัวจริง กระต่ายขูดมะพร้าวปาไปบนจอขาดไปเลย บางทีก็เอาแมวปาจอหนังแล้วมันก็ติดอยู่ที่จอ เป็นอย่างนั้น เป็นการระรานพอสมควร
อาตมาเกิดมาในสภาพที่เห็นแต่ความเกะกะระราน แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่นี่เป็นสัมมาทิฐิ มีความเห็นชอบ อยากจะให้ลูกมีความรู้ มีความสามารถพอสมควรจึงให้ได้เรียนหนังสือตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ สอนเอง คุณพ่อสอนเอง เรียนแรกคือวันพฤหัสบดี วันครู คุณแม่จับอาบน้ำแต่งตัวทาแป้งเรียบร้อยนุ่งขาวห่มขาวค่อยผูกเฉลียงบ่า ไปนั่งกราบที่ครู ดอกไม้เก้าดอกเทียนเก้าเล่มหมากพลูเก้าคำ ปูผ้าขาวสมมุติว่าเป็นที่ครูนั่ง แล้วก็มีคนแก่คนหนึ่งเป็นผู้นำให้ทำการไหว้ครู แล้วเริ่มเขียนตัวก.ล.เขียนจนครบ ๔๔ ตัวแล้วก็ผสมตัว เขียนกระดานยาว (12.10 เสียงไม่ชัดเจน) ว่ากันไปจนตลอด แล้วก็ (12.18 เสียงไม่ชัดเจน) มาตรากน มาตรากบ อ่านหนังสือกบ (12.17 เสียงไม่ชัดเจน) จบแล้วครูก็บอกว่า เอคนนี้อ่านคล่องดี ก็เพราะว่าเรียนมาก่อน ก็เรียนหนังสือไป แต่ว่าเกเรพอสมควร เกิดว่าขึ้นชั้นประถมสามนี่หนีโรงเรียน ไม่ไปเรียน ไปแต่ว่าไม่ถึงโรงเรียน หนีไป ๗ วัน ครูส่งจดหมายไปบอกพ่อ พ่อก็เลยบ่นเสียตั้งครึ่งคืน ตื่นเช้าก็ไป ครูถามว่า
“ ทำไมเธอจึงหนีโรงเรียน ”
“ เพราะว่าครูดุมากไป พอเขียนเลขเสร็จ ใครทำผิดตีมือ ๒ ทีต่อข้อ เถียง ไม้ตีก็อันใหญ่เสียด้วย แล้วผมกลัวผมไม่อยากมาเรียนครูดุมาก ”
“ อ้าวต่อไปนี้ไม่ดุแล้วนะ มาเรียนนะ ”
ทีหลังครูก็ไม่ดุสอนดี ๆ ครูคนนั้นเพิ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อ ๓ ปีนี่เอง (13.32 เสียงไม่ชัดเจน) อาตมาก็ได้แต่พูดหน้าศพท่าน เป็นครูที่ดุพอสมควร ก็ยังรักอยู่คิดถึงอยู่ แต่ว่าเราได้ดีก็เพราะครูคนนี้ ครูที่ตีเก่งแต่นึกถึงมาก ก็เรียนประถมเรียนมัธยมไปโดยลำดับ เวลาไปเรียนมัธยมนี่ไปสายหน่อย เขาสอบเสร็จเกือบพฤษภาแต่ไปเอานู้นปลายเดือนมิถุนา ข้ามชั้น ครูก็เหมือนกับว่าเป็นบุญ พอเข้าเรียนก็
“ เอ้า...เธออ่าน ”
อ่านอะไรเพิ่งเข้าวันนั้น อ่านไปสามสิบแบบประสมตัว (14.18 เสียงไม่ชัดเจน) มันอ่านไม่ได้เลย เรียนไม่รู้เรื่อง
“ บอกว่าอ่านไม่ได้ครับ ”
“ ทำไม ”
“ ก็ผมเพิ่งเข้าเรียนวันนี้ ”
อ้านั่งลง พอโรงเรียนเลิกครู
“ เธอมานี่ ”
เสี่ยวนึกว่าจะเรียนไปตี แล้วครูคนนี้ก็ดุเหมือนกัน มาถึง
“ ทำไมเพิ่งมา ”
“ มันเกี่ยวกับคุณพ่อ พ่อไม่พามาผมก็จะมาได้อย่างไง บ้านผมมันไกลกว่าเพื่อนตั้ง ๑๕ กิโล ”
แกก็พูดมา
“ อ้า แล้วตอนเรียนมาทำอะไร ”
(15.00 เสียงไม่ชัดเจน) ทีหลังไม่เอาแล้ว ทานข้าวเสร็จแล้วไปที่บ้านฉันอยู่ริมคลอง ...... ไปถามเขา บ้านครู ...... อยู่ตรงไหน เขาบอก เอาหนังสือมาด้วย ตามไปเพื่อวิชา ครูนี่สำคัญนะ ครูสมัยก่อน (15.40 เสียงไม่ชัดเจน) นั่งคิดสตางค์เลย เดี๋ยวนี้ครูเอาตังค์มา ลูกศิษย์ (15.40 เสียงไม่ชัดเจน) จะเอาสตางค์ด้วย สมัยก่อนไม่เอา (15.50 เสียงไม่ชัดเจน) ครู เอาแล้วพอแล้ว ทำโทษแล้ว อย่าขี้เกียจเลย ครูแกก็คอยติดตามอยู่ตลอดเวลา เรียนได้มาปีหนึ่งเล็กน้อยก็คุณพ่อป่วย ไม่มีใครไถนา ไม่มีใครทำนา พ่อแม่เป็นชาวนา บ้านช่องก็ไม่ใหญ่โตอะไร แต่ก็เรียกว่าพออยู่พอกิน ไม่เดือดร้อนเป็นผู้มีสัมมาทิฐิในดวงใจ ก็ไปช่วยทำนา ก็เลยขาดบ้าง เรียนบ้าง ลาออก ครูก็เสียดาย ก็ทำไมลาออก ก็ไม่มีใครไถนา ผมต้องไปไถนา เลยเล่า เมื่อลาออกแล้วก็ไปทำนาอยู่ ฤดูปักดำ พอเสร็จแล้วหลวงลุง เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณแม่ท่านอยู่ปีนัง กลับมาถึงรู้ว่าออกจากโรงเรียนแล้ว ก็ไปถามว่า
“ มันทำอะไร ไม่ทำอะไร ”
“ บอกว่าอยู่บ้าน ”
“ ไม่ได้ อยู่บ้านไม่ได้ ต้องไป (17.00 เสียงไม่ชัดเจน) ”
ท่านกลัวว่าถ้าอยู่บ้านจะเสียคน การเสวนาคบหาคนในพัทลุงนี่เป็นคนนักเลง ไอ้เรามันก็เป็นเด็กหนุ่มก็ต้องไปคบพวกนักเลง ก็ต้องเป็นคนเกะกะละราน จะเสียหาย ท่านเลยพาไปปีนัง ไปอยู่ปีนัง ไปเรียน ไม่ได้เรียน เรียนไม่ได้เขาไม่ให้เรียน มันไม่ถูกสะเป็กของเขา ก็เลยอยู่ไป ผลที่สุดเพื่อนชวนไป (17.40 เสียงไม่ชัดเจน) ก็ไปเป็นกรรมกรทำงานแบกหาม (17.50 เสียงไม่ชัดเจน) ทำไปไม่สูบไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน อยู่วัด (17.55 เสียงไม่ชัดเจน) อ่านหนังสือพระไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง (18.00 เสียงไม่ชัดเจน) อาจารย์บอกว่า ครูบวชไหม บวชสามเณร เอา ไม่มีพิธีรีตองอะไร .....พระ ๒ รูป ...... ไอ้ตอนบวชอยู่นั้นน้ำตาไหล ...... คิดถึงคุณแม่ไม่มีคุณพ่อ ...... (18.18 เสียงไม่ชัดเจน) ได้เป็นครูเป็นครูใหญ่เป็นครูน้อยเป็นภารโรง สามตำแหน่ง ......เงินเดือน ๒๕ บาท (19.00 เสียงไม่ชัดเจน) เขาไม่เรียกหลวงพ่อไม่เรียกท่านเจ้าคุณ เขาเรียกคุณครู ชื่นใจ ชื่นใจกว่าเรียกหลวงพ่อ เรียกท่านเจ้าคุณเขาเรียกคุณครู (19.20 เสียงไม่ชัดเจน) ไต่ถามสาระทุกข์สุขดิบ (19.25 เสียงไม่ชัดเจน) อายุ ๒๐ ก็ต้องกลับบ้านมาบวชพระตามคำสัญญาของคุณแม่ คุณแม่สั่งว่าไปไหนก็ไปเถิด อายุ ๒๐ กลับมาบวชให้แม่ ความจริงบวชแล้วเลยกลับมาบวช บวชแล้วเพื่อนคนหนึ่งที่บวชก่อนเขาจะมาอยู่นครศรีธรรมราช มาเรียนหนังสือ ผมก็กุรีกุจรเก็บข้าวเก็บของ
“ แล้วถามว่า (19.55 เสียงไม่ชัดเจน) นครศรีธรรมราช ”
“ ไปทำไม ”
“ ไปเรียนหนังสือ ”
“ไป”
“ ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วย ”
“ไปไม่ได้ ”
“ ทำไม ”
“ไม่มีที่อยู่ ”
“ อย่างนิดเดียวจะนอนตรงไหนก็ได้ จะลำบากอะไร ”
“ไป ”
เลยมา ไม่มีที่อยู่จริงๆ วัด ฟังไม่ชัด ...... พระตั้ง ๑๓๐ กว่า ...... ไม่มีใครอยู่ ...... สามเณร ...... แต่ยังไม่บวชพระบวชพระ หลวงพ่อก็ ...... ไปเรียนหนังสือ ก็เลยไปได้นักธรรมชั้นเอก ...... (20.20 เสียงไม่ชัดเจน) วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงเพราะพระฝรั่งมาชวนให้เดินทางไปเผยแผ่ศาสนาในต่างประเทศ อ้าวชอบใจขึ้นมา เลยบอกว่าเราจะไปแล้ว เราจะเป็นสิงโตแล้ว จะไปกับพระโลกนาท พระอื่นได้ยินเข้า บอกผมไปด้วย ผมไปด้วย ? อ้าวกลายเป็น ๑๐ องค์ขึ้นมา (21.25 เสียงไม่ชัดเจน) สมัยนั้นค่ารถจากนครถึงกรุงเทพ ๑๓ บาทไม่ได้มากมายอะไร แต่เงินมันหายากนะสมัยนั้น ก็เลยทำอย่างไง ออกอุบาย (21.40 เสียงไม่ชัดเจน) เศษกระดาดเขียนตามคำบอก ฟังไม่ชัดให้เขียน ......เพื่อนบอกแล้วว่าจะไป ...... ญาติโยม ...... อาตมาเทศน์เอง (21.45 เสียงไม่ชัดเจน) เพื่อนบอกแล้วว่าจะไปอย่างนั้น อย่างนี้ โยมก็ติดกัณฑ์เทศน์พระหลวงพ่อพระ (22.05 เสียงไม่ชัดเจน) มากรุงเทพ พักกรุงเทพ ๒ อาทิตย์ก็เดินทางไปกับพระโลกนาทไปถึงฟังไม่ชัด ...... บางกุ้ง ...... พี่ท่านมจ. ...... กลับมาก็มากรุงเทพไปพักอยู่วัด ...... (22.20 เสียงไม่ชัดเจน) ฉันอาหารกับท่านสมภารทุกวัน ๆ แต่พอจะขออยู่ท่านไม่รับ ท่านบอกว่าลูกศิษย์พระโลกนาทไม่รับ จะเข้าพรรษาแล้ว ๑๔ ค่ำแล้ว ไม่รับจะทำอย่างไร เพื่อนอยู่โรงเรียนบอก ไปสงขลา ชวนไปสงขลา ไปอยู่วัด (23.00 เสียงไม่ชัดเจน) แล้วก็เป็นนักเทศน์อยู่แถวนั้น ...... ๒-๓ ปี ...... (23.05 เสียงไม่ชัดเจน) ท่านเจ้าคุณท่านพระพุทธทาสแนะนำว่า ถ้าจะทำงานเรียนบาลีด้วย ก็เลยเรียนบาลี เรียนบาลีได้ปีก็เลิก แล้วเกิดสงครามญี่ปุ่นก็หนีลูกระเบิดไปปักษ์ใต้ เกิดสงครามตะเลิดไปมาเลเซีย ไปอยู่สัก ๒-๓ปี ท่านเจ้าคุณพุทธทาสเรียกไป (23.30 เสียงไม่ชัดเจน) เชียงใหม่ ขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ ๑๐ ปี แล้วมาอยู่วัดนี้ ชีวิตเป็นมาอย่างนั้น
ความจริงไม่ได้มีแผนอะไร (23.40 เสียงไม่ชัดเจน) อาตมานั่งนึกๆว่าเรานี่มันมาอย่างนี้ได้อย่างไร ก็นึกได้ว่าหลักกรรมของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าสอนว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ชีวิตขึ้นอยู่กับการกระทำ อันนี้เราได้ทำแต่เรื่องดีเรื่องงาม ได้คบคนดี ทางแห่งความเจริญมันมีอยู่ ๔ ประการ (24.25 เสียงไม่ชัดเจน) ฟังคำสอนด้วยความตั้งใจ เอามาคิดให้เข้าใจแล้วปฏิบัติ ก็ได้เอาหลักธรรม ๔ ประการนี้ใช้ (24.35 เสียงไม่ชัดเจน) คบกับท่านพุทธทาส ท่านเป็นบัณฑิตของเมืองไทย ท่านพูดท่านสอนแล้วก็เอามาคิดมากรอง แล้วเอามาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ชีวิตก็หักเหเข้าสู่ธรรมะ
อันนี้อาตมามาอยู่นครศรีธรรมราช หลวงลุงที่พาไปปีนัง ท่านบอกว่าพอถึงเมืองนครให้ไปไหว้พระธาตุ แล้วให้อธิษฐานใจว่ามาอยู่เมืองนครเพื่ออะไร มีจุดหมายอะไร ให้อธิษฐานที่พระธาตุ ก็มาถึงก็เข้าไปไหว้ กราบอธิฐานใจว่าข้าพเจ้ามาอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อศึกษาธรรมะและเพื่อเอาธรรมะไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ข้าพเจ้าขอมอบร่างกายชีวิตถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยกร่างกายชีวิตถวายพระรัตนตรัย จะตั้งใจศึกษาทำงานไปจนตลอดชีวิต อธิษฐานอย่างนั้นจนค่ำเลย แล้วก็เดินทางมากรุงเทพ ไปวัดพระแก้ว ไปกราบพระแก้วไปอธิฐานใจเหมือนกัน อธิฐานใจว่าข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตบูชาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ จะทำงานเพื่อนพระพุทธศาสนาจนตลอดชีวิต เดินทางกับพระโลกนาทไปถึง พิษณุโลก เข้าไปไหว้พระพุทธชินราช พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปอยู่ในลักษณะสวยงามมาก ไปเห็นแล้ว เดินเข้าไปกราบ ไปที่ประทับของท่าน ...... (26.30 เสียงไม่ชัดเจน)โดยตรง ไปนั่งลงกราบไหว้เสร็จแล้วนั่งดู ชื่นใจ อธิษฐานใจว่าข้าพเจ้าขออธิฐานใจต่อพระพุทธชินราชซึ่งเป็นพระสำคัญของเมืองพิษณุโลก ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแก่พระรัตนตรัย ข้าพเจ้าจะอยู่เพื่อทำงานให้แก่พระพุทธศาสนาจนตลอดชีวิต ไปถึงย่างกุ้งขึ้นไปพระธาตุย่างกุ้งอธิษฐานใจอย่างนั้น เมื่อได้ไปอินเดียครั้งแรก ไปนั่งใต้ต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ นั่งนานแล้วอธิษฐานใจแบบเดียวกัน นี่คือคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระรัตนตรัย แล้วก็รักษาสัญญาไว้จนกระทั่งบัดนี้ แล้วก็ตั้งใจศึกษาเพื่อทำงานให้แก่พระพุทธศาสนา การทำงานนั้นทำงานเพื่องาน ไม่ได้สามารถอะไร ไม่ได้ต้องการอะไร แต่ในจิตใจนั้นไม่ได้สามารถอะไร ไม่ได้ต้องการอะไร เพราะการจะรับใช้พระพุทธศาสนา ต้องการจะทำตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคมจึงจะคุ้มค่า ไม่ได้คิดว่าจะได้ผล เหมือนเทปขาด ...... (28.02 เสียงไม่ชัดเจน) มากเข้ามากเข้า
พระผู้หลักผู้ใหญ่ชาวบ้านเขาไปถามว่าท่านปัญญานี่ทำงานมากทำไมไม่ค่อยเป็นอะไรบ้าง คนมันชอบถาม ถามบ่อย ๆ ปรากฏว่าท่านรำคาญเลยให้เป็นซะหน่อย ให้เป็นพระปัญญานันทมุนี ที่วัดมหาธาตุ ...... ฉลอง ...... (28.25 เสียงไม่ชัดเจน) ต่อมาก็ เลื่อนให้เป็นพระราชนันทมุนีมาอยู่วัดชลประทาน แล้วเอาพัดมาไว้ ฟังไม่ชัดมีประชนมายุครบ ...... พระชันษา (28.45 เสียงไม่ชัดเจน) มีคนคนหนึ่งเป็นศิษย์วัดมหาธาตุคือคุณเสถียร (29.00 เสียงไม่ชัดเจน) คุณเสถียรนี่แกสนิทกับคุณ (29.05 เสียงไม่ชัดเจน) มาก เลยเข้าไปคุยกับคุณตาว่า (29.15 เสียงไม่ชัดเจน) อาจารย์ผมเป็นพระธรรมโกศาจารย์?มา ๓๑ ปีแล้ว (29.25 เสียงไม่ชัดเจน) คนที่หิ้วกระเป๋าตามหลังอาจารย์ผมนี่เป็นสมเด็จตายไปแล้ว อาจารย์ผมยังไม่ล่วงเลย (29.30 เสียงไม่ชัดเจน) อย่างงั้นหรือ เลยเข้าไปกราบทูลในหลวงให้ทรงทราบ พระองค์นี้เป็นพระที่เป็นประโยชน์ทำงานทำการเป็นสมาชิกราชบัณฑิตสถานแต่ทำไมไม่ได้ร่วม ฉันอายุ ๖๐ ยังได้ร่วมเลย ...... บอกเถิดสำนักปรัดพระองค์นี้อยากจะไปด้วยเรียกว่าแผน แผนพระ (30.00 เสียงไม่ชัดเจน) ท่านพุทธทาสควรจะได้ร่วมคราวนี้ด้วยแล้วท่านกันยา รวมเป็น ๓ องค์ ท่านพุทธทาส ธรรมโกสา ...... เป็นพระธรรมทูต ...... (30.05 เสียงไม่ชัดเจน) ไม่นึกเลยไม่ฝันว่าจะได้เป็นกับเขา เรามันเด็กเลี้ยงควาย อยู่บ้านนอกเป็นกรรมกรแบกหาม ความรู้มันก็น้อยไม่ได้ก้าวหน้าอะไร แต่ว่าจนถึงขนาดนี้ก็สบาย (30.50 เสียงไม่ชัดเจน) ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นเรื่องงานตัวเดียว เรื่องงาน ทำงานไม่หยุดทำเรื่อยไป (30.00 เสียงไม่ชัดเจน)
อยู่เชียงใหม่มีโอกาสเขียนหนังสือด้วย ๑๐ โมงเช้า ๑๑ โมง ...... เขียนจนถึง ๕ โมงเลิก ทำอย่างนี้ ...... (21.05 เสียงไม่ชัดเจน) เมื่อไปอินเดียเขียน ๓ วัน ช่วงที่ปวด ต้องไปหาหมอเหมือนกัน หมอถามว่าท่านไปทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเขียนหนังสือ เขียนอย่างไง เขียนตั้งแต่ ๗ โมงเช้าถึง ๑๑ โมง ตั้งแต่บ่ายโมงถึง ๕ โมง ๓ วันติดกัน อ่อกลับไปนอนได้ พักผ่อนไม่ต้องกินหยูกกินยาแล้ว แต่ถ้าปล่อยมันก็หาย (32.00 เสียงไม่ชัดเจน) ไม่หยุด เขียนไม่หยุด เขียนไปนึกไป เขียนไปนึกไปเขียนกันไม่หยุดเพราะไม่มีใครรบกวน มาอยู่วัดนี้เขียนไม่ได้หรอก (32.15 เสียงไม่ชัดเจน) นั่งเขียนหนังสือ พระก็บอกโยมมากราบ อ้าวมานั่งให้โยมกราบ คุยกับโยม โยมก็มีทุกข์มาทั้งนั้น คุยกันแนะนำทางชีวิตไปตามเรื่อง โยมคนนั้นไปเข้าออก อ้าวคุณโยมมาอีกแล้ว โยมมาอย่างนั้น ไอ้เราจะไม่ต้อนรับก็ไม่ได้ (21.37 เสียงไม่ชัดเจน) มา มาหาหมอทางจิตวิญญาณ ต้องช่วยแก้ปัญหาเลยไม่ค่อยได้มาโอกาสเขียน ทำได้อย่างเดียว พูดเท่านั้นเอง พูดแล้วอัดไว้ อัดไว้ อัดไว้มากมายก่ายกอง ไอ้ที่พูดทิ้งไปก็ตั้งเยอะแยะไม่ได้อัดไว้ ถ้าอัดไว้ทั้งหมดโอ้หลายพันม้วนหลายพันตลับ ดีที่มี (33.00 เสียงไม่ชัดเจน) มาทันท่านเจ้าคุณพุทธทาสท่านเทศน์ทิ้งไปก็เยอะ ...... ตำราที่ท่านพูดที่เหลืออยู่ก็เล่มใหญ่ๆ ก็อาศัยเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ ก็ทำงานอย่างนั้น
...... ใครนิมนต์ไปไหนก็ไปทั้งนั้น เดี๋ยวนี้ก็ยังไปอยู่ โดยใครถามบ่อยๆว่าหลวงพ่ออายุ ๘๔ แล้วไม่เหนื่อยเหรอ อ้อยังไม่เหนื่อยแต่มันก็ต้องเหนื่อยสักวันข้างหน้า เมื่อใดมันจะหยุดของมันเอง แต่เวลานี้ยังไม่เหนื่อยก็ต้องไปต่อไป ไปต่างประเทศก็ได้ ...... นั่งรถไปต่างประเทศ ...... นั่งเรือบิน ไม่ใช่เดินไปนะ ถ้าเดินแล้วละก็แย่ เดี๋ยวนี้เขานั่งเรือบิน นอนไปในเรือบิน ซื้อตั๋วที่นั่งเขาก็ให้เลื่อนไปที่นอน เขาเลื่อนให้ทุกที พอขึ้นเครื่องบิน ...... หลวงพ่อมา ก็จัดหาที่นั่งให้สบาย ...... ลองดูก็ได้ชอบไปเรือบิน นึกเกรงใจนิดหน่อย ไปเรือบินกันก็ยังไปได้ ...... ไปไหนมาไหน
สมัยก่อนนี่ ไปเทศน์เสียเวลามาก เดินวันหนึ่งไปเทศน์คำเดียว เดินจากอีกวันหนึ่งมานอนวันเพลง เดินไปทางนู้น ไปทางนู้น ...... เดินจนริมสบงขาด มันขูดสีกับหน้าแข้ง ...... ตามศาลา ...... พวกโยมก็คุยกัน ...... จะได้ไปต่อไป ...... มีศาลาเข้าไปนั่งพัก พอนั่งพักก็มีคนหนึ่งมาถึงยกมือไหว้ เออนี่เราทำอะไร โอ้ ...... เอากระดูกคุณแม่เข้าบรรจุเจดีย์ ...... รับหนังท่านมาแสดงมโนราห์ ...... แสดง นิมนต์ท่าน ...... ท่านไม่มา ...... ทำไมท่านไม่มา ...... ได้ข่าวว่าท่านสอบไล่มันก็เป็นวันสอบไล่ท่านจึงไม่ได้มาท่านติดขัดอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร โอกาสอื่นท่านอาจจะมาเทศน์ให้ฟังได้ ...... คุยกับพระอะไรรู้เปล่า ไม่รู้ ...... นี่ละสิพระที่นิมนต์มาเทศน์งานพระที่ไปนิมนต์มาเทศน์งาน ...... ไม่ได้มาท่าน ...... องค์นี้ ...... ดีใจ เข้ามากราบ เสร็จแล้วท่านจะไปไหน จะไป ...... เทศน์เสร็จแล้วรีบมานะมีงานศพที่บ้านอยู่ มาที่งานศพ เสร็จแล้วรีบมา มาถึงประมาณ ๓ ทุ่ม พอมาถึงก็บอกลงมือเทศน์เลย โยมขอน้ำมาล้างหน้าหน่อยสิ เดินมาขี้ฝุ่นเต็มหน้าเลย ล้างหน้าล้างตาหน่อยให้มันสวยหน่อย แล้วก็ไปเทศน์ พอเทศน์แล้ว (36.40 เสียงไม่ชัดเจน) อ้าวต้องนิมนต์เทศน์ที่ป่าช้าให้ฉัน ...... ต้องหยุดเทศน์ให้เขาเวลาไปเทศน์โอ้...เหมือนว่าได้กินลูกมังคุด ว่าอย่างนั้น ...... ก็ว่ากันไปเรื่อย ...... พูดไปพูดไป ไม่ไหวพระที่เทศน์ด้วยกันไม่เข้าแนว ...... เทศน์คนเดียวดีกว่า เราก็เทศน์ ...... ว่าคนเดียวสบาย ญาติโยมก็ฟังด้วยความตั้งใจ
สมัยก่อนนี้เพื่อนคู่กับพระองค์หนึ่งชื่อท่านนาค ท่านมาอยู่กรุงเทพอยู่วัดประยูรวงศ์ วัดประยูรวงศ์นี่วัดพระนักเทศน์ เทศน์เพราะ ท่านเทศน์ว่า คนทำบุญก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ ...... (38.35 เสียงไม่ชัดเจน) ไม่ต้องตากแดดตากฝนทนความร้อนความหนาวข้าวก็ไม่ต้องหุง ...... เราฟังแล้วชอบใจ ...... ธรรมดานั่งเทศน์แบบปาถกฐา???ทีหลังอย่าไปเทศน์กับ ...... อาตมาก็ลงจากธรรมมาศ ...... ทีหลังเวลาเทศน์ก็ลงจากธรรมมาศ อาตมาก็ลงจากธรรมมาศ เหยียบ ...... ลงโยมมากราบ กราบแทบเท้า ......
บุหรี่พระสูบไม่ได้ แต่ว่าทีหลังจะเรียก ...... สามเณรเล็กๆ ...... ซองบุหรี่ที่สูบแล้วมาซ้อน ๆๆไว้ข้างฝา วันนั้นมันเรื่องอะไร มันพังครืนลงมา สามเณรไปนับ ได้เท่าไร ซองละเท่าไรคูณ ...... บุหรี่ที่ท่านสูบจำนวนเท่านี้นะ คิดสตางค์แล้วได้เท่านี้นะ ...... ไอ้เณรมาสอนกูแล้ว กูเทศน์คนอื่นมามาก นี่มาเทศน์ให้กูฟัง ก็เลยบอกว่า เณร นี่บุหรี่ในย่ามนั้นมีอยู่ห้าซองนำไปฝังขุดหลุมฝัง ฝังให้มิด ไม่ให้ใครขุดแล้วจำไว้นะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลวงพ่อจะไม่สูบบุหรี่ ฉันข้าวแล้วนอนคลุมโปง เทศน์แล้วนอนคลุมโปง สามวัน นอนคลุมโปงสามวัน (39.35 เสียงไม่ชัดเจน) ได้ข่าวว่าพี่ท่านนอนคลุมโปง สามวัน ทำไม ...... นะสิ ...... บุหรี่ พอกินข้าวเสร็จแล้วมันมาขยิก ๆ อยากให้สูบบุหรี่ ...... พอกินข้าวแล้วอยากสูบอย่างงั้น โมโหก็อยากสูบบุหรี่ ดีใจก็อยากสูบบุหรี่ ทำลายตัวเองซะ สู้กับมันสามวันเอาชนะได้ ก่อนนี้ท่านผอมนะ ถ้าเดินบนคันนาสูงๆลมพัดแรงๆอาจจะพัดไปก็ได้ แต่ทีหลังเลิกสูบบุหรี่อ้วน เป็นน้ำเป็นนวล ...... แต่ว่าสิ้นบุญไปแล้ว อาตมาก็ไปเทศน์หน้าศพท่านเหมือนกัน เป็นอย่างนั้น
นี้คนเขามากราบแทบเท้า นึกในใจว่าไม่ไหวแล้วเรา คนกราบถึงตีนอย่างนี้เราจะไปเหลวไหลได้อย่างไร ไม่กล้าทำอะไร? (40.35 เสียงไม่ชัดเจน) เพราะโดยกราบเท้า พระเรานะคนเขามากราบเราก็ต้องนึกบ้าง นึกว่ามันดีอะไรเขาจึงมากราบเรา เราเป็นใคร เรามีหน้าที่อะไร เราควรทำตนอย่างไรต้องคิด เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนจิตใจให้เกิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี โยมไปทำอย่างนั้นทุกท่าน ไปเทศน์ที่ไหนเขาก็กราบ ทำให้อ้าวกำลังใจให้ได้ทำงานทำการต่อไปทุกวันทุกเวลา นี่คือจุดหมายที่ได้ทำมาก้าวหน้ามาโดยลำดับตามเส้นทางที่ถูกต้อง การกระทำตัวเดียวทำให้คนเราดีก็ได้ ทำให้เราชั่วก็ได้ ไม่มีอะไร แต่ว่าบางคนไม่มีอะไรเป็นเครื่องกระตุ้น เกิดอยู่ในที่ไกลความเจริญ ไม่มีบัณฑิตในสถานที่นั้น ไม่มีโอกาสพบบัณฑิตจึงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงชีวิต คนเราถ้าว่าเกิดที่นั้นโตที่นั้น มันไม่ค่อยก้าวหน้าตอนไหน แต่ว่าย้ายที่ไปดีขึ้น ออกจากบ้านไปนู้นไปนี่มันก็ดีขึ้น มีความคิดก้าวหน้าขึ้นเพราะได้เห็นอะไรต่าง ๆ
หลวงพ่อนี่นับว่ามีบุญที่ได้มีโอกาสออกจากบ้านตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ก็หลวงลุงแกพา พาไปอยู่ปีนังเพื่อได้ไปให้เห็นอะไรต่าง ๆ บ้านเมืองเขา คนของเขาแต่เราไม่ได้เอามาคิดเอามาพิจารณา แล้วก็ไปอยู่ (41.15 เสียงไม่ชัดเจน) ไปต่อสู้กับชีวิต ทำงานทำการ ทำงานหาม หาบดินจนบ่าบวม ค่าจ้างวันละบาทสามสิบสตางค์ สองอาทิตย์เบิกเงินกันทีหนึ่ง พอเบิกเงินแล้วกรรมกรหายหัวไปหมด ไปเที่ยว หลวงพ่อไม่ไปเที่ยวกับคนพวกนั้น นอนอยู่ที่กงสีแต่ว่าดีอย่างหนึ่ง ชอบอ่านหนังสือ อันนี้สำคัญ ชอบอ่านหนังสือ ว่างแล้วก็ชอบอ่าน แล้วหนังสืออะไรอ่านทั้งนั้น สมัยเป็นเด็กนักเรียนไม่ชอบไปเล่นกับเพื่อนในสนาม หยุดพักก็ไปอ่านหนังสือ
สมัยนั้นมีหนังสือพิมพ์สองฉบับ ชื่อหนังสือพิมพ์ไทยกับอีกฉบับหนึ่งชื่อมอนิ่งกู้ด มันก็ภาษาไทยทั้งนั้นแต่หัวมันขึ้นโก้หน่อยว่ามองนิ่งกู้ด (43.15 เสียงไม่ชัดเจน) ในสมัยนั้นหนังสือพิมพ์ชอบลงเรื่องเกร็ดพงศาวดาร เกร็ดพงศาวดารจีนบ้างพงศาวดารไทยบ้างเขียนโดยนักเขียนชื่อ ...... สมัยนั้นก็อ่าน ...... เพราะว่าตัวเอกจะเป็นอย่างไร ต้องอ่านต่อ อ่านทุกวัน ทำให้อ่านหนังสือคล่อง แล้วก็สนใจศึกษา
เรียนภาษาต่างประเทศก็เรียน (43.55 เสียงไม่ชัดเจน) ไป ...... ม.๔ มัน?นิดหน่อย เรียนหนังสือสองเล่มเล็กชื่อบุควันบุคทรี ...... ภาษามันน้อย ...... บ้านนอก ...... แต่ว่า ...... ออกจากโรงเรียนแล้ว หาหนังสือมาเรียน หนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษของพระยา ...... บ้านแกอยู่ถนน ...... พอมากรุงเทพ ...... อยู่ป่าช้าวัด ...... นั่นเอง อาจารย์ ...... มีหนังสือหกเล่ม ซื้อทั้งหกเล่มเอาไว้เรียนอ่านไปตามเรื่อง ...... ฝรั่งจะได้คุยกันบ้าง แต่เมื่อบวชเป็นสามเณรก็เรียน ไปถามสมเด็จครูวัดจักรวรรดิ ถามว่าพระเดชพระคุณเรียนภาษาอังกฤษสำนักไหน ผมเรียนทางไปรษณีย์ของสำนักโรงเรียนกรุงเทพบัณฑิตศึกษา ที่อาจารย์ ...... อ้าวอาจารย์เดียวกันกับผมก็เรียนจากสำนักนี้เหมือนกันสมัยเป็นนักเรียนสามเณร ...... ๒๕บาท เลยสมัครเรียนโรงเรียนกรุงเทพบัณฑิตศึกษาเขาส่งมาทีละบททีละบท เรียนภาษาชอบ ก็เรียนไปเรื่อย ๆ ว่างก็เรียนไป เสร็จธุระก็ ...... สนใจอ่าน
แล้วตอนไปอยู่มาเลเซียก็พยายามเรียน ซื้อหนังสือมาอ่านมาศึกษาหาความรู้มาใส่สมอง เป็นคนไม่อยู่นิ่งอยู่เฉย ไม่เบื่อในการที่จะศึกษา ชีวิตจึงก้าวหน้ามาขนาดนี้ มีความรู้พอช่วยตัวเองได้ พอจะไปไหนมาได้ อ่านหนังสืออะไรได้พอสมควร แต่พูดจาไม่ค่อยคล่องเพราะไม่ค่อยได้พูด เวลาไปต่างประเทศคนเขา (46.00 เสียงไม่ชัดเจน) ไป ...... มันไม่ค่อยได้เพราะเรียนเอาเอง มันเป็นอย่างนั้น เสียดาย
เสียดายว่าถ้าได้กลับมาจากพระโลกนาทได้อยู่วัดดุสิต เวลานั้นถ้าว่าได้เรียนบาลีมันก็ไปไกลเพราะว่า ...... นักเรียนวัดมหาธาตุ คงจะไปเรียนได้สะดวก แต่ว่าท่านไม่รับ ...... อ้างว่าลูกศิษย์พระโลกนาท ไม่รับ ...... เวลาท่านเจ้าคุณนั้นแก่อายุ ๘๔ นิมนต์หลวงพ่อไปพูดทำบุญอายุ หลวงพ่อพูดกล่าวถึงความหลัง ...... คงจะลืมไปเสียแล้ว ในสมัยยังเป็นพระมหาสิงห์อยู่วัดดุสิต มีพระองค์หนึ่งกลับมาจากเดินตามพระโลกนาทมาฉันข้าวด้วยกันทุกวัน ๆ แต่พอจะขออยู่ด้วยกลับไม่ยอมรับ แต่ถ้ารับไว้สักหน่อยก็จะได้หน้าได้ตามั่งพระองค์นั้นไม่ใช่พระเหลวไหล มีชื่อมีเสียงจะมาเทศน์งานฉลองอายุท่านเจ้าคุณได้ เวลาท่านเข้ามาประเคนของ ยังจำได้หรือ ทำไมจะจำไม่ได้ ทำกับผมอย่างนั้นผมจะลืมได้อย่างไง (47.25 เสียงไม่ชัดเจน) ไปมีโอกาสที่จะไปได้ ...... แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเราไม่เสียใจในสิ่งที่เสียไป ...... ทำอะไร ๆ ...... ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตา อันนี้สำคัญ ...... ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตา เมื่อไม่ได้จุดนี้เราไปทำจุดอื่น เราไม่ยอมท้อแท้ไม่ยอมอ่อนแอ ต่อสู้ต่อไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ถอยหลัง ไม่อ่อนแอท้อแท้
หนังสือที่ให้ประโยชน์มาก ทำให้เกิดกำลังใจมาก ...... ให้ลูก ๆ อ่านคือหนังสือหลวงวิจิตวาทการ อาตมาเป็นสามเณรนนี่พอ ...... ซื้อเลย ...... เอาไปอ่าน แล้วต่อมาออกมหาบุรุษ พุทธานุภาพ จิตตานุภาพมันสมอง ทุกเล่ม แล้วออกหนังสือพิมพ์ชื่อดวงประทีปเป็นราย ...... รับเป็นสมาชิก ...... หนังสือหลวงวิจิตรให้กำลังมาก สร้างความเข้มแข็ง ความอดทน ความรักงานได้จากหนังสือนั่น ที่หลังพบหลวงวิจิตรที่เมืองสวิสเซอร์แลนด์ บอกว่าอาตมาเป็นลูกศิษย์ ...... เรียนที่วัดมหาธาตุ ไม่ใช่ อาตมาอ่านหนังสือของท่านทุกเล่มที่ท่านเขียนออกมา ถือว่าท่านเป็นอาจารย์ให้กำลังใจแก่อาตมา อาตมาก้าวหน้าเพราะหนังสือของท่าน แต่ก็ดีใจ มาอังกฤษก็รับไปเที่ยว อาตมาพัก ...... แต่มาถึงโทรศัพท์บอกเตรียมตัวพรุ่งนี้ไปเที่ยว ...... บ้านเชคสเปียร์ไปเคมบริดจ์ ...... ไปด้วยกัน เวลาท่านจะขึ้นเรือบินกลับ ...... ถ้ามีข้อขัดคล่องอะไรโทรศัพท์ถึงผมทันทีผมจะให้คนเอารถมารับท่านไปสวิส นั่นเรียกว่าผู้ให้กำลังใจ ......
โยมมีลูกมาหลานไปหาซื้อให้ลูกอ่านเรื่องมหาบุรุษอ่านแล้วอยากจะเป็นมหาบุรุษเลย เคยคุยกับสมเด็จวัดจักรวรรดิ ...... คุยกันที่ ...... ฉันข้าวแล้ว พระเดชพระคุณ ...... ปักธงชัยไกลเหลือเกินทำอย่างไงจะได้มาอยู่กรุงเทพ อ้อ...ท่านบอกว่าผมนี่มันพ่อตายแม่ตายอยู่กับคุณยาย ...... แล้วก็ไปวัด ไปวัดได้กินกับข้าวดี ได้กินน้ำแกง อยู่บ้านกินแต่ของแห้งๆ ปลาเค็มปลาแห้งไม่ค่อยอร่อย พอมาอยู่วัดได้กินน้ำแกงรู้สึกว่าคล่องคอ ก็เลยไปวัดบ่อย ๆ แล้วก็ได้ไปบวชเป็นสามเณร บวชเป็นสามเณรเรียนหนังสือ ...... ของพระยาสีสุนทรโวหาร อยากจะเป็นศรีสุนทรโวหาร ...... พอบวชเณรมาอ่านกัณฑ์เทศน์เจ้าคุณอุบาลี อยากจะเป็นเจ้าคุณอุบาลีเพราะอ่านหนังสือท่านเจ้าคุณอุบาลี เลยถามตัวเองว่า แล้วเอ็งจะเป็นได้อย่างไรอยู่ปักธงชัยไม่มีทางจะเป็นได้หรอก มันต้องไปจากปักธงชัย ไปกรุงเทพ เรียนหนังสือ จะไปได้อย่างไร
สมัยนั้นมันต้องเดินจากโคราชมากรุงเทพไม่ค่อยมีรถไป (50.45 เสียงไม่ชัดเจน) เอจะไปอย่างไง ...... พอดีมีพระองค์หนึ่งจะมากรุงเทพ หลวงพี่จะไปกรุงเทพหรือ ผมไปด้วย ...... หลวงพี่เดินได้ ผมเดินได้ เลยเดิน เดินมาจากโคราชจนมาถึงกรุงเทพ มาอยู่วัดมหาพฤฒาราม เรียนหนังสือ เรียนไปก็สอบมหาได้แล้ว จนอายุครบบวช พออายุครบบวช เอ...จะบวชวัดไหนดี วัดมหาพฤฒาราม นี่ไม่ไหว เมื่อก่อนจะไปบวชวัดมหาธาตุเพราะเรียนหนังสือเก่งครูบาอาจารย์เยอะแต่ไม่ไหววัดมหาธาตุบิณฑบาตผ่านสนามหลวงไม่ได้สักช้อน ผ่านราชดำเนินก็ไม่ได้ (52.30 เสียงไม่ชัดเจน) เวลานั้น ...... กระทรวง ...... ไม่ได้ ต้องบวชวัดจักรวรรดิ เพราะวัดจักรวรรดิอยู่ใกล้สามเพ็งเศรษฐีเยอะ ...... วัดจักรวรรดิการบิณฑบาตค่อยดีหน่อย ...... วัดจักรวรรดิจนได้ ......
วันหนึ่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ...... จดหมายในหลวงรัชการที่ ๕ เขียนถึงพระองค์เจ้ากรมหลวงจันทบุรีนครชัยศรี ...... เรียนเมืองนอก ในหลวงเขียนจดหมายสอนลูก (53.20 เสียงไม่ชัดเจน) แล้วก็ท่าน ...... นมส.แปลเป็นอังกฤษ ...... เขาแปลไม่เหมือนเราแปลบาลี เขาแปล ...... ไปเลยเอาแต่ใจความ ไม่ได้ บาลี ...... จะต้องแปลแบบนี้ เราก็แปล ...... เอาอย่างเขา ท่านน้องนมส.แปล ...... สมเด็จวัดมหาธาตุบอก ดี ...... เราเขียนนอกระบบ เขียนในระบบทุกทีไม่ได้เลย เขียนนอกระบบ ......
เรามีลูกมีหลานต้องกระตุ้นมันบ้าง เอาเรื่องชีวิตของคนสี่กลุ่มมาเล่าให้ลูกฟัง ...... ก็ต้องอ่านบ้าง อย่าเอาเวลาไปเล่นไพ่ อย่าเอาเวลาไปเที่ยวกินเหล้าเมายาเสเพ ...... หาความรู้ใส่สมองไปอีกให้เยอะต่อไป พูดให้ลูกฟังเรื่องคนสำคัญเรื่องมหาบุรุษทั้งหลาย ...... (54.35 เสียงไม่ชัดเจน) เอามาเล่าให้ลูกฟัง แล้วก็ชี้แนะว่าเขาดีเพราะอะไร เขาตกต่ำเพราะอะไร ชี้ให้รู้เข้าใจ จะได้ประโยชน์มาก ชีวิตของคนอีกคนหนึ่งที่ให้กำลังใจอาตมามาก แต่ไม่ใช่คนไทยท่าน ธรรมาการะกาลังกา (24.25 ไม่ยืนยันตัวสะกด) ท่านธรรมการะเขามีประวัติหนังสือเล่มใหญ่ ท่านเขียนเองคนร ...... เอามาแปลต่อแปลไม่ ...... แปลย่อๆ ลงหนังสือพิมพ์พุทธศาสนา ...... อาตมาก็อ่าน
อ่านแล้วชอบใจประวัติคนคนนี้ เพราะคนคนนี้เคยบีบคั้นคือลังกานี่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง พวกโปรตุเกตเข้ายึดครอง ...... อังกฤษก็ยึดครองสามฝรั่ง แต่ละฝรั่งที่มายึดครองลังกาบีบคั้นทั้งนั้น โปรตุเกตออกกฎหมายบังคับเด็กทุกคนที่เกิดพ่อแม่ต้องพาไปโบสถ์ให้บาทหลวงตั้งชื่อให้ แล้วชื่อเป็นฝรั่งหมดนายดอน เดวิด นายจอห์น ...... ไปตามเรื่องท่านธรรมมาการะก็ชื่อดอนเดวิด แต่ว่าเวลาไปโรงเรียนเรียนหนังสือนี่ ...... บาทหลวง ...... หนังสือเรื่อง ...... ไปนั่งอ่านเวลาพักเที่ยง บาทหลวง เธออ่านอะไร เรื่องอริยะสัจ มาดูสิ เอามาถึงฉีก บาทหลวงฉีก เอาใหม่ กลับบ้าน บอกให้พ่อทราบว่า บาทหลวงรังเก เอาหนังสือ ...... ไปฉีกทิ้งพ่อให้ออกจากโรงเรียนนั้น ไปเรียนโรงเรียนอื่น ไปเรียนโรงเรียน ชื่อ ...... (56.35 เสียงไม่ชัดเจน) ไปเรียนที่นั้นบาทหลวงเขาดีหน่อย แต่ก็บอกตรงๆว่าเราต้องการมากลับใจเพื่อ ...... คาทอลิก ...... แต่ผมไม่ชอบคัมภีร์เก่า ...... คัมภีร์ก็มีสอง Old Testament Bible New Testament แต่ว่าผมชอบคัมภีร์ใหม่แต่ผมไม่ชอบคัมภีร์เก่า ก็บอกตรง ๆ
...... เวลาเช้า ๆกรรมกรเข้าไปทำงานในท่าเรือ ...... ประตูยืนบนลังไม้พูดไป พูดธรรมะให้คนเหล่านั้นฟัง ไปพูดตามสามแยกสี่แยก เดี๋ยวนี้คนลังกาก็ยังพูดแบบนั้น เวลามาก็อยู่ลังกา ...... เขาพูดอะไรนักการเมืองหาเสียงเหรอ ไม่ใช่ ชาวพุทธไปหาเสียงให้พระพุทธเจ้า ไปพูดกับชาวบ้าน ชาวบ้านไปตลาด ...... กลับบ้านมา ...... ๓๐ ๔๐ เสร็จแล้ว ...... หนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ...... โต้กัน ...... หนังสือพิมพ์ลงข่าวเกรียวกราว ดังไปถึงต่างประเทศ ...... โยมที่วัด ...... วัดนั้น เอารูปท่านแห่รอบ ...... ท่ากรรมกาละ ...... เด็กนักเรียน ...... สนทนากับหลวงพ่อองค์นี้ ท่านก็ ...... (57.50 เสียงไม่ชัดเจน) เข้าไปในสมอง ฉีดความรักชาติรักประเทศรักวัฒนธรรมรักประเพณีเข้าไปในสมองของเด็กน้อย จนกระทั่งว่าโตขึ้นมีความคิดเสียสละ พ่อแม่ร่ำรวยเป็นพ่อค้าแต่ไม่อยากค้า แกลาพ่อแม่ เพราะว่ามีฝรั่งสองคนมาลังกาชื่อว่า (59.00 เสียงไม่ชัดเจน) ...... กับมาดาม ...... คนนี้เป็นคนก่อตั้งสมาคมเทววิทยา ...... คนอเมริกัน ชาวลังกาดีใจมากว่าฝรั่งมาช่วยไม่ได้มาทำลายพวกเรา เขาต้อนรับขบวนยาวจากท่าเรือไปถึงที่พัก ท่านธรรมปาระ ...... ก็ไปรับด้วย ...... ข้าพเจ้าชื่นใจเหลือเกินที่ได้ไปต้อนรับท่านทั้งสองนี้ แล้วก็ไปหาไปสนทนากัน แล้วท่านทั้งสองจะกลับไปมัทราส ท่าน ...... ขอกลับไปด้วย คุณแม่ไม่อยากให้ไป บอกว่าฝันร้าย ไปบอกพระในวัดท่านชื่ออโนมทัสสี บอกว่า ช่วยพูดกับคุณแม่ หน่อย ...... ผมไปแล้วจะกลับมาอีก???ผมไปทำประโยชน์
ผลที่สุดได้ไป ไปแล้วก็ ...... ผู้ชักนำชักจูงโน้มน้อมจิต ...... กลายเป็นคนที่เสียสละเพื่อ ...... ตั้งสมาคมมหาโพธิ์ ...... เป็นนักต่อสู้ วาทะที่แก่พูดไว้แต่ละคำ เทศน์กินใจ อาตมาอ่านแล้วชอบใจ ชอบใจมาก เห็นว่าท่านผู้นี้เป็นบุคคลตัวอย่างในทางสร้างสรรค์ชีวิตเพื่อต่อสู้ตามพระพุทธศาสนา
คนนี้ก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่ดลใจให้เราเกิดความคิดอ่านเพื่อการสร้างสรรค์ตามหลักการพระพุทธศาสนา คนสำคัญ มีชาวอินเดียแต่ว่านั่นเป็นฮินดูแต่ว่าวิธีการกระทำนั้นเป็นตัวอย่างได้ ทำจิตใจแต่ละวรรคแต่ละข้อกินใจ อ่านแล้วไปได้รับประโยชน์มาก
ฝรั่งมันสร้างตึกสูงฟ้า (60.05 เสียงไม่ชัดเจน) ...... เอาอิฐมาซ้อน ๆ มันไม่ลำบากอะไร แต่ของเราลวดลายวิจิตรสวยงาม ภาพพระรามยิงลูกศร ลูกศรพุ่งปี๊ดไปเป็นเส้น ฝรั่งดูแล้วมันทึ่ง มันสนใจบ้านเขาไม่มี เขาจะมายืนดูได้นาน ๆ เราพาลูกพาหลานไปดู บทจะเกิดความรักประเทศรักวัฒนธรรมรักประเพณีอันดีงามของไทย
พาลูกของคนหนึ่งไปอยู่เมืองนอก โตเมืองนอก ตอนกลับเมืองไทยบ่นจะกลับบ้าน ความจริงบ้านอยู่กรุงเทพแล้วแต่ว่าบ่นอยากจะกลับบ้านไปบ้านเมืองนอก เอ..จะทำอย่างไงดี ก็มีคนแนะนำว่าให้พาไปดูโบสถ์พระแก้วไปดูวัดโพธิ์ ไปดูอะไรที่เขาทำไว้อยู่ พาไปดู ลูกเปลี่ยนใจ กลับมาวัดเมืองไทยช่วยชาติไทยทะนุบำรุงให้รุ่งเรืองสมเป็นเมืองของ (62.10 เสียงไม่ชัดเจน) ...... รักเมืองไทย ...... รถถังวิ่งกัน เอามาร้องบ้างเพลงที่มันปลุกใจ ...... มันไม่ได้ ปลุกเร้าอารมณ์ ไม่ได้สร้างสรรค์ชีวิตจิตใจทำให้ฟุ้งเฟื้อ ...... ตอนเด็กๆอาตมา ...... มันร้อง แต่งตัวก็ไม่เรียบร้อย ...... ทำท่าทำทาง ไปเอาอย่างไอ้ฝรั่งไม่ค่อยเต็มบาทมาใช้ มันไม่ได้เป็นตัวอย่างอันดีงามของเด็กไทยเลย มันเป็นข้อน่าคิดนะฝากท่านรองไปด้วย ......
เมื่อก่อนนี้อาตมาพูดโทรทัศน์ ๔๕ นาที พูดไปพูดไป ...... มื่อเช้านี้พูด ๕ นาที ไม่ได้ฟัง ...... ไม่ได้ฟังว่าเขาทำอะไรบ้าง ให้เทศน์ ๕ นาที เอนานๆไปมันจะหลุดหายไปเลยนะ เบียดธรรมะชิดซ้ายไปเสียแล้ว ตัววัตถุนิยม ...... เบียดธรรมะชิดซ้ายไปเลย ไม่ได้มันต้องให้มีไว้บ้างธรรมะ ประเทศลังกานี่ เช้าต้องมีให้ศีล ๕ ทางวิทยุให้คนรับศีล แล้วก็มีการเทศน์ธรรมะ ๕ นาทีเหมือนกัน เขาเรียกว่ายกระดับจิตใจ ๕ นาที ก็ดีคนได้ยินเสียงพระบ้าง เดี๋ยวนี้โลกมันสับสนวุ่นวายก็เพราะว่าขาดธรรมะ คนไม่ได้สนใจธรรมะ (64.00 เสียงไม่ชัดเจน) ...... ดูการพูดการจา
เดี๋ยวนี้นักการเมืองทำสงครามจิตวิทยากับรัฐบาล ฝ่ายค้านนี่ทำสงครามจิตวิทยากับรัฐบาล พูดกระแนะกระแหนะอะไรต่าง ๆ วันนั้นนักการเมืองหัวหน้าพรรคคนหนึ่งพูดว่า คุณชวนนี่เวลานี้คุณนอนไม่หลับหรอก แกวิตกกังวลกลัวรัฐบาลจะล้มจะจม ...... กระแนะกระแหนนึกว่าฉลาด ...... แต่อาตมาฟังแล้ว ...... คนนี้มันยังโง่ ...... พูดไม่เข้าท่า คุณชวนก็ไม่ได้นอนไม่หลับแกนอนกลับปกติ สุขภาพจิตยังดีอยู่ ก็เป็นคนสงบเยือกเย็น ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเสียหาย ท่านก็ ...... แต่ว่าฝ่ายค้านก็คอยกระแนะกะแหน (64.50 เสียงไม่ชัดเจน) ...... ขาดสัมมาวาจา ไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัย ให้รู้ธรรมะ ...... เราจะต้องให้ธรรมะมันดังไว้
คนที่ได้ยินบ้าง ...... ยานเกาะ เทศน์ทุกวันอาทิตย์ ...... ธรรมะบ่อย ๆ ...... เขียนจดหมายมาขอบพระคุณบอหว่าผมนี่ได้เป็นผู้เป็นคนเพราะหลวงพ่อเทศน์ทางวิทยุ แล้วเล่าว่าตัวเขาเองเมื่อก่อนดื่มเหล้าเล่นการพนัน ชอบยิงนกตกปลาเรื่องเหลวไหล ครอบครัวก็ไม่เรียบร้อย แต่ว่าได้ฟังปาถกถาธรรมยายเกาะบ่อยๆ ผมรู้สึกตัวว่าเลยมากเวลานี้ผมรู้สึกแล้ว ขอบพระคุณหลวงพ่อ เพราะฟังเสียงทางวิทยุทางวิทยุ (66.00 เสียงไม่ชัดเจน) ...... เสียงทางวิทยุมันก็เยอะเหมือนกันทำให้เกิดประโยชน์ เพราะอย่างนั้นโทรทัศน์วิทยุต้องให้มีเสียงธรรมะไว้บ้าง พระเราไม่ค่อยมีสตางค์ให้สถานี ...... ค่าโฆษณาพระก็ไม่ให้ เขาให้บ้างนิดหน่อย ไปเทศน์ทีก็ให้ร้อยหนึ่ง เดี๋ยวนี้ขึ้นรถทางด่วนไป ๔๐ มา๔๐ เมื่อก่อน ...... เมื่อไรจะ ...... สักที ...... อะไรก็ขึ้นแต่ถวายพระยังไม่ขึ้น ...... กำลังทำเรื่องอยู่ ทำอยู่ปีแล้วยังไม่เสร็จสักที
...... เบิกบานแจ่มใส วันนี้เป็นวันที่ทุกคนสบาย สบายใจในการที่หลวงพ่อไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ถูกสิบล้อชน ยังมีชีวิตอยู่ได้เรียบร้อย จะได้ทำหน้าที่ต่อไปได้ ญาติโยมก็ดีใจว่ายังมีชีวิต ให้พรว่าขอให้มีอายุยืน ยืนพอสมควรอย่าไปเกินร้อย ร้อยไม่ไหว เอาแต่ว่าอยู่ไปตามธรรมชาติของสังขารปรุงแต่ง อย่าให้มันแรง อย่าให้มีโรคมีภัยอะไร ถ้าเป็นก็อย่าให้เป็นโรคหนักๆ อย่าทรมานร่างกาย ก็เอาเพียงเท่านั้นก็พอแล้ว อาตมาก็รู้สึกสบายใจ ?พูดไม่ค่อยออกวันนี้ มันแน่น ...... มันแน่น ดีใจไม่ใช่อย่างอื่น ดีใจว่าญาติโยมมากันคับคั่งมากหน้าหลายตา ท่านรองนายก็มา ท่านเลขานายกก็มา ท่านรัฐมนตรีช่วยศึกษา ...... ก็มา รู้สึกหายไปแล้ว
ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้มาแสดงมุทิตาสักการะในการที่อาตมามีอายุมาได้ถึงขนาดนี้ อีกสี่ห้าวันนี่จะครบ ๘๔ ในวันที่ ๑๑ เกิดวันที่ ๑๑ เวลาเช้า คุณแม่บอกว่าเวลาพระออกบิณฑบาตยามเช้า แล้วก็วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๖ รออีกวันเดียวก็วันวิสาขะแล้วแต่รอไม่ได้ ออกมาเสียก่อน แล้วก็ชีวิตมันก็มาอย่างนี้ คนเกิดวันพฤหัส ตำราว่าอย่างไร ว่าคนเกิดวันพฤหัสท่านบัญญัติว่ารูปงามใจดี พอใช้ได้ ถ้าเกิดที่นี่ไปอยู่ที่อื่น เมื่อน้อยร้าย (69.10 เสียงไม่ชัดเจน) ...... ใหญ่คงคืน ...... กองทัพ จะทำสิ่งใดมักตามใจตัว ...... สุขเกษมเปรมปรีดิ์
ได้โปรดอาราธนาศีลและรับศีลไว้ก่อน อวยพรให้ทุกท่านจะได้มาแสดงความยินดีในการที่อาตมาได้มีอายุยั่งยืนมาถึงบัดนี้ แล้วก็จะอยู่ต่อไปเท่าไรนั้นแล้วสุดแล้วแต่ร่างกายที่เกิดจากการปรุงการแต่ง แต่ว่าถึงจะอย่างไรก็ตามอาตมายังมีความคิดมั่นคงในอันที่จะทำงานถวายพระพุทธเจ้า อยู่เพื่อพระพุทธเจ้า อยู่เพื่อพระธรรม อยู่เพื่อพระสงฆ์ จะทำทุกอย่างเพื่อให้พระพุทธศาสนาเข้าถึงคนให้คนเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า อันนี้เป็นหัวใจ เป็นจิตใจที่คิดอยู่ตลอดเวลา
แล้วก็ใคร่จะขอร้องให้ญาติโยม ...... ช่วยกันทำอย่างนั้น (ซ้ำตั้งแต่นาทีที่ 70.20) ช่วยกันชักจูงเพื่อนฝูงมิตรสหายให้ได้เข้าหาเข้าหาธรรมะ ให้เห็นคุณค่าของธรรมะ และให้นำธรรมะไปเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันเพราะโลกในปัจจุบันนี้วุ่นวายพอสมควร ไม่มีอะไรจะช่วยโลกได้นอกจากธรรมะเท่านั้นถ้าเราได้ช่วยกันศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมะ เอาธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน ชีวิตดีขึ้น การงานดีขึ้น ความสุขสมบูรณ์ก็ดีขึ้น จึงขอให้ญาติโยมมีจิตใจดังที่กล่าวมา ขอให้ญาติโยมมีสุขภาพอนามัยดีอย่าเจ็บอย่าไข้ด้วยโรคหนัก ๆ เป็นน้อย ๆ ไม่เป็นไร รีบไปโรงพยาบาล ไปโรงพยาบาลชลประทานก็ได้เพราะว่าญาติโยมช่วยสร้างไว้แล้ว ไปใช้ สร้างแล้วต้องไปใช้ ใช้ให้เป็นประโยชน์แก่เราท่านทั้งหลายทั่วหน้ากัน จนทั่วกันทุกท่านทุกคน เทอญ สาธุ