แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ปาถกฐาธรรมะ ปาถกฐาธรรมประจำวันอาทิตย์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๓๘
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาถกฐาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกคนหาที่นั่ง ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งสามารถจะได้ยินเสียงชัดเจน แล้วก็หยุดพูดหยุดคุยกัน ตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟัง ตามสมควรแก่เวลา
ตอนนี้อาตมาหายไปสองสามอาทิตย์ ป่วยบ้าง ไม่อยู่บ้าง วันนี้ก็พอดีอยู่ แล้วก็เสียงก็ค่อนข้างจะเรียบร้อยแล้ว จึงมาพูดกับญาติโยมทั้งหลายต่อไป วันนี้เป็นวันที่ ๒ เดือนเมษายน เป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ซึ่งเป็นเจ้าฟ้าหญิงที่ชาวไทยให้ความเคารพนับถืออยู่ตลอดเวลา เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำ ความดีความงาม เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่มหาชนตลอดมาโดยลำดับ จึงขอให้พวกเราทั้งหลาย ตั้งจิตอธิษฐานอวยพรให้พระองค์มีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ ปราศจากอุปสรรคข้อขัดข้อง ให้ได้มีน้ำพระทัยเข้มแข็ง จะได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้านเมืองตลอดไป
แล้วก็วันนี้เป็นวันที่ ๒ เดือนเมษา ทางราชการถือว่าเป็นวันมรดกไทย ก็เนื่องจากวันประสูติของสมเด็จพระเทพฯ เพราะสมเด็จพระเทพฯ ท่านส่งเสริมมรดกไทยในแง่มุมต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ทางราชการจึงได้ประกาศวันนี้ว่าเป็นวันมรดกไทย แล้วก็ขอร้องพระสงฆ์องค์เจ้าที่ไปเทศน์ทางวิทยุโทรทัศน์ ให้ช่วยพูดถึงเรื่องนี้ด้วย เมื่อเช้าออกโทรทัศน์ก็ได้พูดแล้วบางส่วน แต่วิทยุไม่ได้พูด เพราะไปอัดเสียงไว้ก่อน เลยไม่ได้พูดตามที่ประเทศชาติกำลังต้องการ
ในวันนี้ก็ใคร่ที่จะพูดที่นี่อีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้บันทึกไว้เป็นหลักเป็นฐานว่าวัดชลประทานรังสฤษดิ์นี้ส่งเสริมมรดกไทยอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าในทางที่ถูกที่ชอบ ตามหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา
คำว่า มรดก หมายถึงสิ่งที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เช่น คุณพ่อคุณแม่ท่านมีทรัพย์สมบัติ ท่านก็ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้ลูกหลานได้เอาไปกินไปใช้ต่อไป ถ้าลูกหลานเป็นคนดี ก็สามารถรักษามรดกนั้นให้ยืนยาวถาวร เกิดดอกออกผลต่อไป แต่ถ้าลูกหลานเป็นคนที่ประพฤติไม่ค่อยจะเรียบร้อย ก็มักจะผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ให้หมดสิ้นไป หลายครอบครัวที่มีฐานะดี มีความเจริญด้วยทรัพย์ ด้วยเกียรติยศ แต่ว่าพอพ่อแม่ถึงแก่กรรม ลูกหลานไม่สามารถจะรักษาทรัพย์นั้นไว้ได้ เพราะประพฤติตนเหลวไหลในหลายเรื่องหลายประการ ทำลายมรดกเหล่านั้นให้เสียหายไป เป็นการไม่ถูกต้อง ผิดหน้าที่
พระพุทธเจ้าสอนว่า ลูกหลานทุกคนจะต้องช่วยกันรักษามรดกของพ่อแม่ ช่วยดำรงวงศ์สกุลของพ่อแม่ไว้ คำว่า ดำรงวงศ์สกุล ก็หมายความว่าสืบต่อคุณงามความดีของพ่อแม่ พ่อแม่เป็นคนดีอย่างไร มีศรัทธาความเชื่ออย่างไร มีศีลอย่างไร มีปัญญารักษาตัวรอดอย่างไร มีความเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์ผู้อื่นอย่างไร ลูกทุกคนจะต้องรักษามรดกนั้นไว้
ถ้าลูกทุกคนในครอบครัวช่วยกันรักษามรดกของพ่อแม่ ครอบครัวนั้นจะไม่เสื่อม ไม่เสียหาย จะตั้งมั่นคงถาวรต่อไป สกุลใดครอบครัวใดที่ตั้งมั่น ก็เพราะว่าลูกเป็นผู้รู้จักคุณค่าของทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ มีคุณธรรมคือความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ไม่ทำลายทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่หามาให้ แต่ว่าพยายามสร้างสม พอกพูนทรัพย์เหล่านั้นให้เกิดดอกออกผลเจริญงอกงามต่อไป อยู่กันด้วยความรัก ความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ในเรื่องการแย่งชิงทรัพย์สมบัติ สกุลนั้นก็จะตั้งมั่นคงถาวรต่อไป อันนี้เป็นเรื่องมรดก
ที่ประเทศไทยเรานี้ คนทุกคนที่เป็นคนไทย หรือว่าใครก็ตามที่อยู่ในแผ่นดินไทย ก็ได้รับมรดกเบื้องต้นสามประการ เป็นมรดกที่หลีกไม่ได้ จะต้องรับ จะต้องรักษาสืบต่อกันต่อไป มรดกนั้นคือแผ่นดินไทย ที่เราเรียกว่าประเทศไทย สมัยก่อนเรียกว่าประเทศสยาม แต่ทีหลังถือว่าเป็นที่อยู่ของคนไทย ก็ควรเรียกชื่อว่าประเทศไทย ไปเรียกภาษาฝรั่งว่าไทยแลนด์ หมายความว่าแผ่นดินของคนไทย ก่อนนี้เรียกว่าแผ่นดินสยาม ก็เป็นของคนไทยอยู่เหมือนกัน ทีหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็นไทยแลนด์ หรือว่าประเทศไทย
แผ่นดินไทยนี้เป็นแผ่นดินที่เราควรจะภูมิใจ ควรจะรักษาไว้เป็นสมบัติของลูกหลานไทยต่อไป เพราะแผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีทรัพย์ในดินสินในน้ำ พอกินพอใช้ ไม่ต้องเดือดร้อน สามารถจะอยู่กันได้ถึงร้อยล้านคน ไม่เดือดร้อนอะไร ถ้ารู้จักทำมาหากินก็ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความเดือดร้อนใจ แผ่นดินไทยนี้เป็นแผ่นดินที่ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่ในประเทศนี้ เพราะธรรมชาติไม่เป็นพิษเป็นภัย ไม่มีแผ่นดินไหวรุนแรง ไม่มีลมพายุร้าย ไม่มีภูเขาไฟให้ระเบิด และไม่มีภัยธรรมชาติเหมือนกับประเทศอื่นๆ
หลายประเทศในโลกแผ่นดินไหวบ่อย เช่นประเทศญี่ปุ่น ปีนี้ไหวไปสองหนแล้ว ทำให้เกิดความเสียหาย คนตายกันมากๆ ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีแผ่นดินไหว ประเทศจีนก็มีแผ่นดินไหว ประเทศอินเดียก็มีแผ่นดินไหว เหมือนกับว่าแผ่นดินตรงนั้นรากมันไม่แข็งแรง มันไหวบ่อยๆ ทำให้เกิดความเสียหาย คนตายกัน บางประเทศก็มีภูเขาไฟกรุ่นอยู่ตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ระเบิดปึงปังออกมา เถ้าถ่านก็ไหลไปท่วมบ้านเรือนของประชาชน ท่วมพืชผักให้เสียหาย ทำลายเสียมากมาย บ้านเราไม่มี ซากภูเขาไฟไม่มี ภูเขาไฟก็ไม่มี ก็นับว่าเป็นบุญของคนไทยที่ได้มาจับจองแผ่นดินตรงนี้สร้างบ้านสร้างเรือน
เราทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินนี้ จึงควรคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นประโยชน์มาก ให้ความสะดวกสบายแก่เรามากตามสมควร เราควรจะอยู่ให้ดี อยู่อย่าให้มันรกแผ่นดิน หรืออย่าให้หนักแผ่นดิน แต่ควรจะอยู่เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของคนที่อยู่ร่วมแผ่นดินกัน ตื่นแต่เช้า เมื่อเราลงไปเหยียบแผ่นดิน เราก็หยุดคิดสักหน่อย หยุดคิดว่าแผ่นดินนี้ให้ประโยชน์แก่เรามาก ให้น้ำแก่เราดื่ม ให้อาหารแก่เรารับประทาน ให้ไม้สร้างบ้านสร้างเรือน ให้ยาสำหรับแก้ไข้ ให้เครื่องนุ่งเครื่องห่ม ทุกสิ่งที่เรามีเราได้อยู่ในปัจจุบันนี้ ก็มาจากแผ่นดินทั้งนั้น ไม่ได้มาจากที่อื่น เราได้จากพื้นแผ่นดินนี้
พื้นแผ่นดินนี้ก็เป็นเหมือนคุณแม่ เราจึงเรียกว่าแม่ธรณี พระแม่ธรณีทำเป็นรูปเทพธิดาสยายผมไหลเป็นแม่น้ำ หมายถึงความชุ่มความเย็น เป็นภาพที่เป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจคนไทย ให้เกิดความสำนึกในแผ่นดินบ้านเกิดเมืองมารดร แล้วก็ควรจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ อย่าคิดเรื่องชั่วเรื่องเสียหาย อย่าพูดกันในเรื่องชั่วเรื่องทำลาย อย่าทำอะไรในทางที่จะให้เกิดความแตกแยกแตกร้าวขึ้นในแผ่นดิน แต่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประสานรอยร้าว ให้เกิดความรักความสามัคคี
แต่ปัจจุบันนี้ได้สังเกตดู มักจะพูดเรื่องให้แตกแยกแตกร้าว พูดเรื่องที่มันไม่ค่อยจะดีจะงาม โดยเฉพาะนักการเมืองในเวลานี้ ชอบพูดแต่สิ่งชั่วๆ ร้ายๆ พูดแต่เรื่องไม่ดีกันอยู่ตลอดเวลา พูดให้เกิดแตกแยกแตกร้าว นั่นเป็นการไม่ถูกต้อง เป็นการทรยศต่อแผ่นดินที่ตนเกิดมาอยู่อาศัย ไม่ได้รักแผ่นดิน แต่ว่าทำโทษแก่แผ่นดิน สร้างความแตกแยกแตกร้าวให้เกิดขึ้น ญาติโยมฟังดูก็แล้วกัน เขาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ พูดทางโทรทัศน์ต่างๆ ฟังดูแล้วไม่เป็นสัมมาวาจาเสียเลย ไม่ใช่วาจาชอบ ไม่ใช่วาจาของคนฉลาดแหลมคมในปัญหา แต่เป็นวาจาที่เกิดจากความคิดเห็นเข้าข้างตัว ถือตัวเป็นใหญ่ ไม่ถือธรรมมะเป็นใหญ่ อย่างนี้มันก็เสียหาย
แต่ว่าคนเหล่านั้นก็คิดไม่ได้ เพราะว่าเมาตัวเอง หลงตัวเอง เป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่หลงตัวเองแล้วมันก็เกิดความเสียหาย ไม่รู้ว่าตัวคือใคร ตัวทำอะไร ตัวพูดอะไร ตัวไปไหน ตัวคบกับใคร และสิ่งที่ตัวคิด ตัวพูด ตัวทำ ตัวคบหาสมาคมกันอยู่นั้น เป็นความเสื่อมหรือเป็นความเจริญ เป็นเหตุให้เกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดอะไร ไม่ค่อยคิดละเอียด เพียงแต่ว่ามีโอกาสพูดก็จะพูดเรื่อยๆ ไป โดยไม่ได้ยั้งคิดยั้งตรอง มีปัญญาแต่ไม่ค่อยได้ใช้ มีความรู้แต่ไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ พูดจาใช้ถ้อยคำสำนวนที่ค่อนข้างหยาบคาย ไร้คุณธรรม ปรากฏอยู่บ่อยๆ ก็เป็นการประทุษร้ายตัวเอง ประทุษร้ายแผ่นดินให้เสียหาย เป็นความเสื่อมชนิดหนึ่งในสังคมของพวกเราทั้งหลาย
ถ้าเราคิดถึงมรดกคือแผ่นดินไทย เราก็ต้องช่วยกันคิดในรูปใหม่ พูด ทำในรูปใหม่ แล้วให้คิดว่าแผ่นดินนี้ บรรพบุรุษของเราสู้ด้วยเลือดด้วยเนื้อ พยายามต่อสู้กับข้าศึกศัตรูที่มารุกรานบ้านเมืองของเรา เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้แก่ลูกแก่หลาน คนไทยเรานั้นไม่มีนิสัยรุกรานใคร ในประวัติศาสตร์ก็ปรากฏว่าพระเจ้าแผ่นดินไทยไม่ได้ยกทัพไปรุกรานใคร แต่ว่าคนอื่นชอบมารุกรานเรา แต่ก็ได้ต่อสู้ข้าศึก ไล่ให้ออกพ้นเขตแดน ออกพ้นเขตแดนไทยแล้วก็กลับบ้าน ไม่ไปติดตามอะไร ไม่ไปโต้แย้งกับเขา อันนี้เป็นคุณธรรมอันมีอยู่ในนิสัยของคนไทยเรา เราจึงรักษาแผ่นดินนี้ไว้ได้เป็นประโยชน์แก่ลูกหลานทั้งหลาย
ลูกหลานทั้งหลายที่เกิดมาควรจะภูมิใจ แต่เขาจะภูมิใจไม่ได้ ถ้าเราไม่พูดจาให้เขาเข้าใจ ไม่พูดจาให้เขารักแผ่นดินไทย รักเอกราชของไทย รักความเป็นไทยอย่างถูกต้อง
มรดกประการที่สองคือ ความเป็นเอกราช
เอกรัฐ หมายความว่าเป็นรัฐเดียว เป็นรัฐที่ปกครองตนเอง มีพระเจ้าแผ่นดินไทย มีรัฐบาลไทย อะไรๆ ก็เป็นของไทย เรียกว่าเป็นเอกราช ผิดกันกับบางประเทศที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของชนชาติอื่น คนในประเทศที่เป็นเมืองขึ้น บ้านเมืองก็เจริญพอสมควร ทำถนนหนทาง รถไฟไปมา ท่าเรือค้าขาย สะดวกสบาย พอสมควร แต่ว่าคนในชาตินั้นไม่ค่อยมีความสุขทางใจ ไม่ค่อยร่าเริง ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสเท่าไร จิตใจหดหู่เหี่ยวแห้ง แม้ว่าจะร่าเริงสนุกสนาน แต่พอนึกขึ้นว่าบ้านเราเป็นเมืองขึ้นเขา จิตมันก็เหี่ยวลงไปทันที เหมือนต้นไม้ถูกน้ำร้อนลวก มันก็เหี่ยวลงไปฉันใด จิตใจที่ไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นตัวเอง ก็เหี่ยวๆ แห้งๆ อย่างนั้น
เคยไปในประเทศที่เป็นเมืองขึ้น บ้านใกล้เรือนเคียง เช่น ไปมาเลเซีย ไปพม่า ไปอินเดีย เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งทั้งนั้น ดูคนแล้วเขาไม่ค่อยจะร่าเริงแจ่มใส มีปมด้อยอยู่ในใจ ใครทำอะไรให้เป็นที่รำคาญ ก็มักจะใช้อารมณ์ ใช้โมโหโทโส ลุกขึ้นทุบตีคนเหล่านั้นให้เสียหาย อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากปมด้อย นึกว่ามันดูถูกฉัน อะไรอย่างนั้น ไม่มีความรู้สึกที่เป็นตัวเองมากมาย ได้เห็นมาแล้วก็สลดใจ ทำให้ภูมิใจในชาติของตัว ว่าเรามีสิ่งเหล่านี้
คนเราถ้าไปเที่ยวที่อื่น เห็นอะไรเอามาเปรียบเทียบกับบ้านเมืองของเรา เราก็จะภูมิใจในประเทศของเรา ว่าเรามีสิ่งที่ไม่เหมือนเขา เรามีความเจริญทางจิตใจ เรามีอิสรภาพในการพูด ในการเขียน ในการโฆษณาเรื่องอะไรต่างๆ ได้ แล้วก็เรามีสมบัติ เช่นว่าวัด หนังสือไทย คนไทยนี้มีหนังสือเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเอาหนังสือชาติอื่นมาใช้ เรามีภาษาที่ละเอียดอ่อน สามารถจะพูด เข้าใจกับคนอื่นได้ หรือว่าคนไทย ลิ้นไทยนี่เป็นลิ้นที่อ่อน จะพูดภาษาอะไรก็ได้ พูดภาษาอังกฤษก็พูดได้ชัดเจน พูดฝรั่งเศส พูดเยอรมัน พูดภาษาอะไรได้ทั้งนั้น เพราะลิ้นไทยนี่มันอ่อน อ่อนเพราะว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่เคลื่อนไหวอ่อนโยน มีเสียงเหมือนกับดนตรี เรามีหลายเสียง เช่น กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า คา ค่า ค้า ขา ข่า ข้า มันมีเสียง ไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี ไม้จัตวา เป็นเสียงสูงเสียงต่ำ ลิ้นเรามันอ่อน เวลาจะพูดภาษาอะไรก็พูดได้ชัดเจน พูดอังกฤษได้ แอ็กเซนต์ถูกต้อง พูดฝรั่งเศส พูดภาษาเยอรมัน ภาษาจีน ภาษาอะไร คนไทยพูดได้คล่อง เพราะลิ้นกระดิกง่าย อ่อนโยนดี
คนบางชาติพูดภาษาต่างประเทศไม่ได้เรื่อง ฟังแล้วมันไม่ค่อยชัด เพราะลิ้นมันแข็ง ไม่สามารถจะเปลี่ยนให้เหมือนกับของเขาได้ อันนี้เรานึกแล้วก็น่าภูมิใจ แล้วก็หนังสือไทยนี่มีตัวอักษรมาก สระก็มาก สามารถจะเขียนถ่ายทอดภาษาอะไรก็ได้ เช่นเราจะเขียนคำสำเนียงภาษาอังกฤษ เราก็เขียนด้วยภาษาไทยได้ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เขียนด้วยอักษรไทยได้ ไม่ขัดข้อง เพราะภาษาไทยมีเหลือเฟือ เหลือกินเหลือใช้ แต่ว่าบางประเทศ อักษรมันไม่ค่อยพอ ยกตัวอย่างเช่น ไอ้น้องลาวของเรา อักษรมันไม่พอใช้ เวลาเขียนก็จำกัดจำเขี่ย ไม่ค่อยจะถูกต้องตามอักขระวิธี ลำบากในการเขียน พูดก็จำกัด หนังสือก็มีน้อย ภาษาก็ไม่ค่อยเจริญ เพราะไม่เกิดใหม่ แต่ภาษาไทยเรานั้น ภาษาเกิดใหม่เยอะ
เราสามารถจะเอาภาษาอื่นมาให้กลมกล่อมกับภาษาไทย เราจึงมีภาษาที่มาจากภาษาบาลี มาจากสันสกฤต มาจากภาษาเขมร มาจากภาษาอินโดนีเซีย เอามาเป็นภาษาไทย พูดได้กลมกลืนสะดวกสบาย เรียบร้อย วรรณคดีไทย หนังสือเก่าๆ ที่คนสมัยก่อนเขาเขียนไว้ เป็นโคลง เป็นฉันท์ เป็นกาพย์ เป็นกลอน ไพเราะเพราะพริ้งในภาษาของเรา แม้ชาวต่างประเทศที่เขามาเรียนภาษาไทย เขาก็ชอบภาษาไทย ชอบวรรณคดีไทย
เมื่อไปอังกฤษ พบฝรั่งคนหนึ่งชื่อนายไซม่อน ฝรั่งชื่อไซม่อน แต่พอมาอยู่เมืองไทย คนไทยตั้งชื่อให้ใหม่ ชื่อว่านายสีหม่น คนไทยนี่เก่ง ฝรั่งชื่ออะไรก็ไม่เอา ชื่อฝรั่งเขาเรียกยาก เลยตั้งชื่อให้ใหม่ ชื่อนายสีหม่น แกไปอยู่โน่นแน่ะ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ไปเรียนหนังสือไทย ไปอยู่วัด อยู่กับที่ที่มีคนไทยมาก พูดฝรั่งไม่เป็น แกก็หัดพูดไทย เรียนหนังสือไทย อ่านภาษาไทยคล่องแคล่ว แกคุยเรื่องวรรณคดีไทย คุยเรื่องสังข์ทอง คุยเรื่องพระอภัยมณี คุยเรื่องอิเหนาให้หลวงพ่อฟัง ฟังแล้วก็นึกในใจ ฝรั่งคนนี้มันรู้มาก แล้วไม่ใช่พูดเฉยๆ ยกคำคมมาด้วย เช่นคำคมในเรื่องพระอภัยมณี แกยกมาท่องให้เราฟังเสียด้วย แล้วแกบอก ผมชอบภาษาไทย ชอบวรรณคดีไทย มีอะไรดีๆ ไพเราะเพราะพริ้ง
ไอ้เราคนไทยบางทีมันก็เฉยๆ เหมือนคนอยู่ใกล้อะไรไม่ค่อยสนใจ คนอยู่ใกล้พระธาตุ ไม่ค่อยได้ไหว้พระธาตุ คนนครศรีธรรมราช อยู่ติดกำแพงวัดพระธาตุ ไม่เคยเข้าไปไหว้พระธาตุ แต่คนอยู่ปัตตานี กันตัง ตรังกานู พัทลุง สงขลา ชุมพร ไปว่ายพระธาตุทุกปี ไปถามก็ กูไม่เคยเข้าไปไหว้ เกิดมาก็เห็นพระธาตุแล้ว ไม่เห็นเป็นของแปลก ไม่รู้ว่ามีคุณค่าแก่ชีวิตจิตใจอย่างไร หรือว่าภูมิประเทศที่สวยงาม คนที่เกิดที่นั่น มองแล้วมันไม่สวยไม่งาม เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เช่นอำเภอบางอำเภอของนครศรีธรรมราช เช่น อำเภอฉวาง อำเภอพิปูน ภูมิประเทศสวยงาม มีภูเขา มีอะไรต่ออะไรสวย ไปเห็นแล้ว โอ้น่าอยู่ ที่นี่สบาย แต่ไปถามคนที่นั่นเขาเฉยๆ เพราะเกิดมาก็เห็นอย่างนั้น ไม่รู้สึกแปลกอะไร หรือคนพัทลุงนี่มีภูเขาอยู่ในทุ่งในนาเยอะแยะ เขาไม่รู้สึกว่ามันสวยงามอะไร มองเขาอกทะลุ มันก็อย่างนั้น เขาหัวแตก เขาชัยบุรี เขาเห็นแล้วมันก็อย่างนั้น แต่ว่าคนที่อื่นไปยืนแล้วมองไปรอบทิศ เห็นภูเขารูปอย่างนั้น ก็เห็นว่ามีสภาพทิวทัศน์สวยงาม เพราะเขาดูแล้วมันงามตา ดูเป็นของแพง แต่คนที่นั่นดูแล้วมันไม่แปลกอะไร
คนอยู่ชายทะเล จะไม่รู้สึกว่าหาดทรายสวยมีคุณค่าอะไร หรือว่าน้ำทะเลมีคุณค่าอะไร เพราะมันชินนั่นเอง แต่ถ้าคนไปใหม่ ไปยืนชายทะเล หายใจสบาย เคยพาคนเชียงใหม่ชื่อทาจู เป็นลูกศิษย์ไป พาไปถึงก็วันนั้นลงเรือ เรือมันล่ม นั่งเรือเล็กไปขึ้นเรือใหญ่ เรือมันล่ม ล่มลงไป แกก็กินน้ำเค็มเข้าไป พอขึ้นมาถึงก็โอ้ยน้ำอะไร เค็มมาก แกบอกว่าเค็มมาก เค็มเหลือเกิน ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่เกิดมาแกไม่เคยเห็นทะเลน้ำเค็ม ไม่เคยเห็นน้ำ แกยืนดูคลื่น แกประหลาดใจว่าคลื่นนี่มาจากไหนท่านเจ้า มาไม่ได้หยุดได้หย่อน เป็นของประหลาด
ยิ่งคนแม่ฮ่องสอน ไปประชุมครูที่สงขลา แกไปยืนริมทะเล ไปแอบฟังเขาพูดแปลกๆ เพราะไม่เคยเห็นทะเล ไม่เคยเห็นคลื่นและลม ก็รู้สึกว่ามันแปลก เป็นของใหม่ นี่เป็นอย่างนี้ คนเราชินกับอะไรแล้ว มันไม่รู้สึกแปลก แต่ถ้าหากว่าคนอื่นเขามามองก็แปลก เขาอ่านภาษาไทยแล้ว เขาก็ทึ่งในสำเนียง ในเสียง ในความไพเราะของวรรณคดีไทย ซึ่งเป็นมรดกของไทยเรา ดีนะที่ในสมัยหนึ่ง พวกมันจะเผา หาว่าเป็นหนังสือประเภทน้ำเน่า แล้วก็จะเผา เหมือนที่เรดการ์ดในประเทศจีน มันเผาเสียเยอะ ทำลายเสียเยอะ เสียหาย วัดวาอาราม เผาหนังสือเก่า เผาสมบัติของประเทศชาติ เอามาเผาทำลาย โง่เต็มที ไม่รู้คุณค่าของสิ่งเหล่านั้น ดีที่มีการเปลี่ยนไป จับไอ้เจ้าสี่คนนั้นกับหัวหน้าขังคุกเสียเลย เลยไม่ได้เผาไม่ได้ทำลายต่อไป เดี๋ยวนี้ประเทศจีนต้องซ่อมแซมสิ่งที่ถูกเผา สิ่งที่ทำลาย เพราะว่ามันมีราคา ขายได้ ของเก่าๆ นี่มันขายได้นะ ขายแก่คนที่มาเที่ยวได้
เช่น เมืองไทยเรานี้ เรามีสมบัติวัดวาอาราม พระปรางค์ พระเจดีย์สวยๆ งามๆ บานประตูแกะสลักสวยงาม ฝรั่งไม่เคยเห็น เขาไม่มีของเหล่านี้ เขามีแต่คอนกรีตใหญ่โตสูง ตึกสูงร้อยชั้น บ้านเรามันไม่สูงแต่มันสวยงาม ฝรั่งไปดูวัดพระแก้ว ไปยืนดู เพ่งพินิจ ดูได้นานๆ ถ่ายรูปถ่ายภาพ แล้วก็ดูภาพเขียนรอบฝาผนังโบสถ์ ดูภาพรามเกียรติ์ เขาเดินดูช้าๆ ดูอย่างมีศิลปะ มีความซาบซึ้งในสิ่งเหล่านั้น แต่คนไทยเราเดินดูเฉยๆ ดูภาพสีมันลายๆ ไปอย่างนี้ ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นศิลปะ มีค่าแก่ชีวิตอย่างไร แต่ฝรั่งเขาดูด้วยความสนใจ บานประตูวัดพระแก้วประดับมุกสวย ภาพพระรามยิงลูกศร ลูกศรพุ่งเป็นเส้นเล็กพุ่งไปในประตู เขานอนดู น่าทึ่ง เขาเห็นแล้วเขาประหลาดใจ เขาชมเชยศิลปะของไทย สิ่งต่างๆที่อยู่ตามวัด ตามเจดีย์ ตามโบราณสถาน เป็นของมีค่าทั้งนั้น มีราคาสูง เขาเห็นแล้วเขาประหลาดใจ เขาชมเชยศิลปะของไทย สิ่งต่างๆ ที่อยู่ตามวัด ตามเจดีย์ ตามโบราณสถาน เป็นของมีค่าทั้งนั้้น มีราคาสูง เราขายกับนักท่องเที่ยวได้ คนที่มาเที่ยวเมืองไทย เขามาดูสิ่งเหล่านี้ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยเขาจะดูอะไร
ดูภูเขาก็ไม่มีภูเขาให้ดูเท่าไหร่นัก ดูป่ามันก็ถางกันหมดแล้ว ดูลำธารก็เหลือแต่ทราย ไม่มีน้ำเสียแล้ว เสียหายไปหมด สิ่งเหล่านี้ แต่ว่าโบราณวัตถุยังเหลืออยู่ เจดีย์เก่าอยุธยาเป็นของมีค่า แต่ก็เหลือเป็นเดนจากไอ้พวกชอบขุดค้น ชอบทำลาย เจาะเจดีย์ลงไปเอาทรัพย์สมบัติ เช่น เจดีย์วัดใหญ่สามองค์ เจดีย์สามพี่น้อง อุตส่าห์ขุดลงไป ขุดได้ดาบกรอบทอง ได้มงกุฏทำด้วยทองเป็นเส้นไหม ขุดเอาลักไปหมดเลย แต่ว่าตำรวจตามกวดเอามาจนได้ จับเอามาได้แล้วมาทำพิพิธภัณท์ ใส่ตู้เซฟ ใส่กุญแจแข็งแรง ขโมยเข้าไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่แน่เหมือนกันนะ ตู้เซฟธนาคารมันยังเจาะได้เวลานี้ โจรมันเจริญ มันเรียนเทคนิคเหมือนกัน มันรู้ว่าเจาะด้วยอะไร เอาไปเจาะไปทำลายบ่อย เดี๋ยวนี้ธนาคารนี้ถูกปล้นนั้นถูกปล้น ทรัพย์ในพิพิธภัณฑ์ที่มีค่าก็น่ากลัว แต่เขามียามดูแลรักษา เป็นสมบัติของชาติ ของดีของเรา
สิ่งเหล่านี้เป็นมรดกที่เหลืออยู่ มรดกกรุงศรีอยุธยา กรุงสุโขทัย ถ้าเราไปเดินช้าๆ แล้วก็เดินดู เดินชมอย่างละเอียด มันจะสบายใจ จะคิดถึงบรรพบุรษของเรา คิดถึงว่าคนเหล่านี้เขาตั้งใจทำ ทำด้วยความเต็มใจ ไม่มีค่าจ้าง ทำอะไรเขาไม่เอาค่าจ้าง แต่ว่าท่านทำฝากฝีไม้ลายมือไว้กับสิ่งเหล่านั้น
ศิลปะด้านพระพุทธรูป เขาหล่อ สมัยสุโขทัยหล่อพระสวยงามมาก พระพักตร์อิ่ม ยิ้มแย้มแจ่มใส ใครไปนั่งดูแล้วก็อิ่มใจ นั่งดูได้นานๆ ในหลวงรัชกาลที่ห้า เสด็จไปเมืองพิษณุโลก เข้าไปอยู่ในโบสถ์พระพุทธชินราช ท่านนั่งเพ่งดูพระพักตร์พระพุทธชินราชตั้งชั่วโมง นั่งเฉย ดูอยู่ได้ตั้งชั่วโมง ไม่เคลื่อนไหว เห็นว่าสวยงามมาก แล้วก็ทรงปรารถนาจะเอามากรุงเทพฯ แกว่าของงามควรจะเอามาไว้กรุงเทพฯ ชาวบ้านชาวเมืองไม่ยอม ชาวบ้านชาวเมืองคัดค้าน ไม่ยอมให้เอามา องค์นั้นเอามาไม่ได้ แต่เอามาสององค์ เอาพระชินสีห์กับพระศรีศาสดามาส่ง เอามาไว้ที่วัดบวรนิเวศ พระชินสีห์อยู่วัดบวรนิเวศ พระศรีศาสดาอยู่ที่ในกรุงเทพฯ พระพุทธชินราช ชาวบ้านไม่ยอม ชาวบ้านถือว่าเป็นหัวใจของเขา ถ้าเอาพระพุทธชินราชออกจากพิษณุโลก ก็เหมือนกับว่าควักเอาดวงใจของประชาชนไป ในหลวงท่านไม่รังแกประชาชน เห็นว่าเป็นของที่ประชาชนเคารพนับถือ ท่านก็ไม่เอา แต่เอาสององค์มา แล้วก็ทรงบำรุงรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ คนไปกราบไปไหว้จนกระทั่งปัจจุบันนี้
ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ก็มี เขาเรียกว่าหลวงพ่อ ท่านไปธุดงค์ ไปปักกลด แล้วก็ขึ้นไปบนจอมปลวก พระเกตุลอย แกก็เลยเอาไม้ไปแคะๆ ขุดๆ ได้พระพุทธรูปองค์งาม เลยเอามาไว้ที่วัดหัวถนนนั้น หลวงพ่อองค์นั้น พระบาทสมเด็จพระราชินี ท่านไปไหว้แล้วท่านชอบใจ พระศรีพัชรินทรา สมเด็จพระบรมราชินีรัชกาลที่ห้า เอามากรุงเทพฯ เอามาไว้กรุงเทพฯ ท่านฝัน ฝันเห็นพระห่มจีวรคร่ำมายืนในห้องพระบรรทม ยืนสงบนิ่ง แล้วก็บอกว่า อาตมามาทวงพระพุทธรูปที่ได้เชิญมาไว้ที่นี่ อยากจะให้เอากลับไปไว้ที่วัดหัวถนนตามเดิม เพราะประชาชนเขาเสียดาย เสียใจ
สมเด็จพระบรมราชินีนาถตื่นบรรทม ไปเล่าให้ในหลวงรัชกาลที่ห้าทรงทราบ ในหลวงก็สั่งให้เอากลับไปเลย หลวงพ่อองค์นั้น เอากลับไปไว้ที่นั่น คนก็กราบไหว้บูชากันอยู่จนกระทั่งบัดนี้ เป็นศิลปะ เป็นของสวยของงามที่คนเขาไหว้ เขาพอใจ มันไม่ใช่ธรรมดา คนเขาบูชาสักการะ ถือว่าเป็นสมบัติของเขา เขามีความไม่สบายใจก็คงมานั่งไหว้ มานั่งบูชา มาปรึกษาพระพุทธรูป เหมือนกับว่าได้ปรึกษากับองค์พระพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้คนสมัยก่อนสร้างด้วยความประณีต สวยงาม คนสร้างพระสมัยก่อนนั้น เขาไม่ได้ทำเล่นๆ เขาไม่ได้ทำเพื่อค่าจ้าง เดี๋ยวนี้ทำลวกๆ ทำองค์นี้ไม่เสร็จ องค์นู้นให้เงินมากกว่า ไปทำองค์นู้นก่อน อันนี้ทิ้งไว้ก่อน แล้วก็มาทำอย่างรีบร้อน โบราณเขาไม่ได้ทำเพื่อเงินทองค่าจ้าง เขาถือศีล เวลาจะปั้นพระนี่ เขาสมาทานศีลอุโบสถ นุ่งขาวห่มขาว ทำใจให้เป็นพระ แล้วค่อยปั้นค่อยแต่ง ปั้นแล้วก็มานั่งดู แต่งตรงนั้นนิด แต่งตรงนี้หน่อย แต่งแล้วมานั่งดู นั่งพิจารณา กว่าจะเสร็จปั้นได้นี่ต้องใช้เวลา
เขาไม่ได้ทำลวกๆ ทำด้วยความตั้งใจ ทำด้วยจิตใจที่สงบ พระจึงออกมาในรูปสวยงาม คนไปกราบไปไหว้แล้วก็สบายใจ สมัยสุโขทัยสงบอยู่ บ้านเมืองสงบร่มเย็น คนทำมาหากินสะดวกสบาย ไม่ได้ร้อนอกร้อนใจ ในเรื่องภาษีอากร ใครใคร่ค้าช้างค้า ค้าม้าค้า บ่เอาจังกอบในไพร่ลู่ทาง จูงวัวไปค้า จูงม้าไปขาย ได้ทั้งนั้น ไม่เก็บภาษี ประชาชนก็สบายใจ ทำบุญสุนทาน ไหว้พระสวดมนต์ ถือศีลกินเพลกัน มากมายก่ายกอง พระเจ้าแผ่นดินก็นำประชาชนรักษาศีล ฟังธรรม เป็นปกติ จึงสร้างอะไรอย่างสวยงาม สร้างด้วยใจเย็นใจสงบ
แต่พอถึงกรุงศรีอยุธยา ทำอะไรไม่ทันเสร็จ ไอ้หม่องมาแล้ว พี่หม่องมาท้ารบอีกแล้ว เอ้า ทิ้งไว้ก่อน ไปรบกันก่อน รบเสร็จแล้วก็มาสร้างใหม่ จิตใจมันวุ่นวาย ไม่ค่อยจะเรียบร้อย จึงทำพระก็ไม่สวยงามเหมือนกรุงสุโขทัย พระกรุงศรีอยุธยาพระพักตร์ไม่สวยเท่าไหร่ ไม่เหมือนพระพักตร์กรุงสุโขทัย มันเป็นอย่างนี้
สิ่งเหล่านี้มันเนื่องจากจิตใจคน เมื่อคราวหนึ่งท่านพุทธทาสท่านมากรุงเทพ แล้วก็หมอตันบ่อเชี่ยง หมอตันบ่อเชี่ยงเป็นหมอจีนแผนโบราณ แต่เป็นนักธรรมะ ในบ้านแกหนังสือเต็มทั้งห้องเลย หนังสือธรรมะทั้งนั้น แล้วก็ไปบ้านคนหนึ่งอยู่แถวทรงวาด มีภาพเขียนบนผ้าไหมมากมาย เป็นตู้เลย เขาก็นิมนต์ท่านพุทธทาส อาตมาก็ตามไปดูด้วย เจ้าของนี่ใจเย็นที่สุด สงบ เรียบร้อย เอาภาพมาถึงแขวน แล้วค่อยๆ คลี่ให้ดู หมอตันบ่อเชี่ยงก็อธิบายให้ฟัง เสร็จแล้วเก็บ แกก็ค่อยๆ ม้วนเอาไปวางที่เดิม เอาอันอื่นมาติด ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน
อาตมาดูกิริยาอาการของเถ้าแก่นั้นนะ ไม่ได้รีบ ไม่ได้ร้อน ไม่ได้หงุดหงิด งุ่นง่านแม้แต่น้อย ค่อยๆ ทำเหมือนเดิม หัวค่ำทำอย่างไร สามทุ่มก็ทำอย่างนั้น เที่ยงคืนก็ยังทำอยู่อย่างนั้น ท่านเจ้าคุณพุทธทาสบอกว่า เอ น้องท่านดู เจ้าของคนนี้จิตใจสงบมาก หยิบของมาไม่มีเบื่อไม่มีหน่าย แขวนเอาห้อยลงมา บางที่ก็ยาวไป เป็นผ้ายาวๆ หมอตันบ่อเชี่ยงก็อธิบาย ภาพเขียนเหล่านั้น เขียนอย่างประณีตสวยงาม หมอแกบอกว่า ช่างเขียนภาพเหล่านี้เขาถือศีลกินเจ เวลาเขียนภาพ เขาไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิให้จิตใจสงบ จนเขียนได้เรียบร้อย แล้วคนที่เป็นเจ้าของก็สงบจริงๆ ค่อยหยิบมาแขวน แล้วค่อยม้วน ไม่ได้นึกรำคาญว่าพระสององค์นี้อยู่นานจริง ไม่มีการแสดง แต่ว่าเสมอต้นเสมอปลาย เห็นแล้วประทับใจ
ภาพเหล่านี้คนเอามาขายฮ่องกง โยมจีนคนนี้ไปซื้อราคาเป็นแสนเป็นล้าน ซื้อมาเก็บไว้ เพราะเขาจะเอาไปขายฝรั่ง เอามาเก็บไว้ สมัยนั้นของดีเมืองจีนถูกทำลายมาก เอามาขายในราคาพอสมควรเพราะเขาไม่เอาไว้ ขัดกับหลักการคอมมิวนิสต์เลยต้องถูกขาย แต่คนจีนไปรับซื้อไว้ เอามาไว้เป็นสมบัติส่วนบุคคลต่อไป มันเป็นอย่างนั้น
ของเมืองไทยก็เหมือนกัน คนไทยบางคนก็ใจค่อนข้างจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไปตัดเศียรพระส่งไปขายฝรั่ง ไปขายต่างประเทศ ถ้าว่าอุ้มได้ก็อุ้มไป ถ้าอุ้มไม่ไหว ตัดเศียรเอาไปขาย เอาไปทั้งองค์ไม่ได้ พระสวยๆ เมืองสุโขทัยถูกตัดเศียร ถูกอุ้มไปเป็นจำนวนมาก ยังเหลืออยู่ไม่กี่องค์แล้ว ที่คีรีมาศมีอยู่สามองค์ ไปสุโขทัยทีไรว่า เอ๊ะ พระสามองค์ยังอยู่ไหม ยังอยู่ ไม่ได้อยู่ในโบสถ์ อยู่บนกุฏิ อยู่ในห้อง สมภารใส่กุญแจสามดอก นอนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เพราะถนนมันเข้าไปถึง เคยบอกล่วงหน้าไว้ว่า ระวังนะ ถนนเข้าผ่านวัดเมื่อใด พระองค์นี้จะขึ้นปิ๊กอัพไปแล้ว เขาจะเอาไปทั้งสามองค์ สมภารกลัวพระจะขึ้นรถปิ๊กอัพ จึงยกขึ้นมาไว้บนกุฏิหมด จึงยังเหลืออยู่จนบัดนี้
คนชอบขายของเก่า ชอบทำลายของบรรพบุรุษนี้มันก็มีอยู่ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่สมควรที่จะทำเช่นนั้น อะไรที่เป็นสมบัติของบรรพบุรุษ เราต้องช่วยกันรักษา ของที่เป็นสาธารณะนี่เป็นของของเราทุกคน เราจะต้องถือว่าเป็นของเรา เราจะต้องช่วยกันรักษาดูแลไม่ให้เสียหาย ถ้าเห็นว่าใครจะมาทำร้าย ก็ต้องจัดการบอกเจ้าหน้าที่ให้รับรู้รับทราบ แล้วก็ช่วยกันป้องกันรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ ให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองต่อไป นี่สำคัญ
มรดกทางวัตถุเรียกว่า วัฒนธรรมทางวัตถุ โบสถ์ วิหาร ศาลา ภาพเขียนตามโบสถ์ต่างๆ ฝรั่งเขามาเห็นภาพเขียนบางวัด เขากลัวจะเสียหาย เขาลงทุนให้เอากระจกมากั้น ไม่ให้คนจับคนต้อง หลายวัดนะ ฝรั่งมาช่วยรักษา ที่เชียงใหม่เขาเรียกว่าวัดพันตอง อยู่ติดกับวัดเจดีย์หลวง โบสถ์ทำด้วยไม้ แกะสลักสวยงาม ฝรั่งมาเห็นว่าจะแย่แล้ว ช่วยรักษา มาช่วยให้เงินซ่อม ให้ดูแลรักษา
ฝรั่งเขารักสิ่งเก่า สิ่งสวยสิ่งงาม ของบ้านใดเมืองใด คนที่จะมาช่วยรักษามี เลยให้เงินซ่อมแซมรักษา สิ่งนั้นก็ยังอยู่ต่อไป ฝรั่งที่ชอบช่วยประเทศอื่นในด้านรักษาของดีมี ช่วยรักษาป่า รักษาโบราณวัตถุ รักษาศิลปะต่างๆ เขาทำกันอยู่ เราเจ้าของบ้านไม่ค่อยสนใจในการที่จะดูแลรักษา
ฝรั่งตาเขาแหลม เขาเห็นอะไรก็รู้ว่ามันเป็นของมีค่า ต้องรักษาไว้ ก็ช่วยให้เงินรักษา โบสถ์ในกรุงเทพฯ หลายวัด ฝรั่งให้ทำกระจกกั้นเพื่อกัน หลังคารั่วให้เงินซ่อม กลัวภาพจะเสียหาย เขาลงทุนถึงขนาดนั้น ช่วยเราถึงขนาดนั้น แล้วเราเป็นเจ้าของ ไม่ดูแลรักษา มันก็ดูกระไรอยู่เหมือนกัน นี่สำคัญ
อีกอันหนึ่งที่เราควรจะคิดคือ มรดกทางจิตวิญญาณ มรดกทางจิตวิญญาณก็คือ ตัวพระพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นฐานแห่งวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ วรรณคดีของชาติ สิ่งทั้งหลายที่เกิดเป็นสิ่งต่างๆ ของบ้านเมือง พื้นฐานอยู่ที่ธรรมะในพระพุทธศาสนา สิ่งเหล่านั้นสร้างนิสัย สร้างประเพณี สร้างคุณค่าหลายอย่างหลายประการ ให้เราอยู่กันเรียบร้อย
คนไทยเรามาพบกันก็ยกมือไหว้ อันนี้มาจากหลักการปฏิบัติในทางศาสนา เราไหว้กัน ผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็แสดงความเอื้อเฟื้อต่อผู้น้อย อยู่กันด้วยน้ำใจ รักใคร่กัน ญาติพี่น้องพบกัน ใครๆ มาเจอกันก็ไหว้กัน แสดงความเคารพ
ก่อนนี้ไหว้เฉยๆ แต่ต่อมาเรามีคำพูดว่าสวัสดี สวัสดีนี้คนที่เอาคำนี้มาใช้คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร ท่านเป็นเปรียญหกประโยคอยู่วัดสุทัศน์ แล้วก็สึกไปเป็นอาจารย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านเก่งทางบาลีทางสันสกฤต แต่งหนังสือไวยากรณ์ภาษาไทยให้คนได้เล่าได้เรียนอยู่ เวลานี้ท่านก็ยังเป็นครูอยู่ที่ศิริราช คือโครงกระดูกท่านยกให้โรงพยาบาล โรงพยาบาลก็ร้อยเป็นโครงใส่ตู้ไว้ แล้วก็เขียนว่าคุณครูพระยาอุปกิตศิลปสาร เป็นคนไม่ตาย
ท่านผู้นี้ได้เพาะความนิยมสวัสดีขึ้น ให้คนไทยพบกันแล้ว สวัสดีครับ สวัสดีคุณพี่ สวัสดีน้องชาย และต่างๆ เอามาจากคำภาษาบาลีคือโสตถินั่นเอง โสตถิแปลว่าสวัสดี เอามาจากว่าสวัสดี เป็นคำสันสกฤต ก็ใช้กันอยู่ เป็นมรดกของไทย คนไทยเราไปเจอกันที่ไหนก็สวัสดีกัน ยกมือไหว้ แล้วกล่าวคำว่าสวัสดี หากไปพบผู้ใหญ่ท่านนั่ง ก็ไปนั่งพับเพียบเรียบร้อย ก้มกราบ เป็นภาพที่น่าเอ็นดู
เด็กๆ เข้าไปก้มกราบผู้ใหญ่ เป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดู เรามีลูกมีหลานต้องสอนให้รู้จักกราบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ ให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นลักษณะพิเศษของคนไทยเรา คนไทยเราไม่แข็งกระด้าง เป็นคนอ่อนโยนอ่อนน้อม
ประเทศชาติของเราที่เป็นอิสระอยู่ได้ ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง ด้วยคุณธรรมข้อนี้ คือความอ่อนน้อมถ่อมตัว เวลาฝรั่งเข้ามาจะทำการค้าขาย ในประเทศไทย เราอ่อน เราต้อนรับดี ให้กินให้อยู่ พูดจาปราศัยเรียบร้อย เอาชนะด้วยความดี ไม่เอาชนะด้วยอาวุธ ด้วยเครื่องประหัตประหาร ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ไม่เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าไปใช้ เวลาฝรั่งเข้ามาก็นึกว่า ไอ้พวกตาน้ำข้าว กูไม่ยอมให้เข้าเมือง ไม่ยอมให้มาค้าขาย ตีโต้กับเขา หมัดคนละชั้น ไอ้พวกเรามันหมัดชั้นเล็ก ฝรั่งมันมวยชั้นใหญ่ จะไปสู้กันได้ยังไง ผลที่สุดแพ้ มันยึดครองไปโดยลำดับจนหมดเมือง เพราะความแข็งกระด้าง แต่คนไทยเราอ่อนน้อมถ่อมตัว ต้อนรับดี พูดจาปราศัย เลี้ยงดูปูเสื่อ ก็ไม่เอาความชั่วต่อสู้กับความชั่ว ไม่เอาความแข็งไปต่อสู้กับความแข็ง แต่เอาความอ่อนไปชนะความแข็ง
คนไทยเรามีลักษณะเหมือนเส้นไหม เส้นไหมนี่เล็กๆ คลำดูมันอ่อน แต่ถ้าดึงไม่ขาด ดึงให้หน้าเขียวก็ไม่ขาด เพราะมันแข็ง คนไทยเราลักษณะอ่อนโยน อ่อนนอกแข็งใน จิตใจเข้มแข็ง แต่กริยาอ่อนน้อม พูดจาสุภาพนิ่มนวล
คนไทยในสายตาชาวตะวันตก เขาก็รู้ว่าคนไทยเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่แข็งกระด้าง เราไหว้คนนี่ไม่ใช่ไหว้ สวัสดี เขาก้มลงสวัสดีครับ ก้มกราบ ที่ญี่ปุ่นนี่ก็อ่อนเหมือนกัน เขาคำนับกันแล้วคำนับกันอีก โค้งแล้วโค้งอีก จนไม่รู้ใครคำนับใคร นิสัยก็เป็นอย่างนั้น คนญี่ปุ่น อ่อนน้อมเหมือนกัน แต่แข็ง ข้างในแข็งโป๊กเลย ญี่ปุ่นสู้ ไทยเราถึงแข็ง เราก็รู้กำลัง พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้ดูกำลังของตัว ดูกำลังของข้าศึก ว่ามันพอจะฟัดจะเหวี่ยงกันได้ไหม ถ้าเห็นว่าสู้ไม่ไหว อย่าสู้ เอาชนะกันด้วยวิธีอื่น เอาดีเข้าสู้ ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย จะเห็นว่าอยู่รอดด้วยความอ่อนนะ ไม่ใช่ด้วยความแข็ง เราอ่อนน้อมถ่อมตัว เราจึงเอาตัวรอด
สมัยพระนารายณ์มหาราช ฝรั่งเศสจะเล่นไทย เอาประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น โดยส่งนักบวชมา นักบวชนั้นมีนโยบายว่าให้ยึดครองประเทศไทย ให้กลับใจพระเจ้าแผ่นดินไปถือคริสต์ศาสนา แล้วก็พยายามเข้าไปสอนพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินไทยท่านอ่อน นักบวชมาสอน ท่านก็ฟังด้วยความตั้งใจ แล้วก็ถามข้อสงสัย นักบวชตายใจว่า พระเจ้าแผ่นดินไทยเหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือแล้ว เราจะบีบก็ตาย คลายก็รอด เขียนหนังสือคุยโม้ไปถึงปารีส คนเขาไปอ่านพบทีหลังว่า ฝรั่งคุยโม้ว่า ไม่ต้องตกใจประเทศไทย เป็นลูกไก่อยู่ในกำมือแล้ว เพราะพระเจ้าแผ่นดินสนใจคริสต์ศาสนามาก เราจะให้รับศีลวันไหนก็ได้ คิดมากไปถึงขนาดนั้น
แต่พอถึงวันดีคืนดี พวกบาทหลวงแต่งตัวเต็มยศ มากันเป็นหมู่ จะมากลับใจพระเจ้าแผ่นดินให้รับศีลเป็นคาทอลิก พระเจ้าแผ่นดินท่านเห็นท่านก็ยิ้มๆ แล้วถามว่า วันนี้ทำไมท่านบาทหลวงแต่งตัวไม่เหมือนวันก่อน แล้วมากันมากมาย
พระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์ มีพระดำรัสสั่งให้พวกข้าพเจ้ามา ให้ท่านรับศีลเป็นคาทอลิกในวันนี้ ในหลวงตรัสว่า ดีมาก แต่ว่าพระผู้เป็นเจ้าที่ท่านว่า ถ้ามีจริง พระผู้เป็นเจ้าท่านทรงทราบดีว่าคนไทยนับถือพุทธศาสนา พระผู้เป็นเจ้าให้ข้าพเจ้าเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินในประเทศไทย ก็ต้องการให้ข้าพเจ้าเป็นพุทธบริษัท ถ้าหากข้าพเจ้าเปลี่ยนใจไปนับถือคริสต์ศาสนา ขัดต่อความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า จะเป็นบาปเป็นโทษ ด้วยคำพูดที่แหลมคมทำเอาฝรั่งหงายหลังไปตามๆ กัน ไม่สำเร็จ คนไทยมันลูกไม้เยอะ เรียกว่าเอามาใช้ทีไรก็หงายหลังกันไปตามๆ กัน
ญี่ปุ่นมาอยู่เมืองไทย ไปฟ้องจอมพล ป. หลายอย่าง เช่นว่าคนไทยเอื้อเฟื้อแก่เชลย เพราะฝรั่งอยู่ที่หนองปลาดุกน่าสงสาร ตัวแดงเหมือนกุ้งต้ม รถไฟมา คนก็เอากล้วยมาให้ เอาขนมมาให้ เอาบุหรี่มาให้ ให้ฝรั่ง ไม่ให้ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นริษยา มาฟ้องจอมพล ป. ว่าคนไทยใช้ไม่ได้ เอาใจช่วยเชลยศึก
จอมพล ป. ว่า ไอ้นี่มันสันดานคนไทย ห้ามไม่ได้หรอก ถ้าญี่ปุ่นตกระกำลำบากแบบฝรั่ง คนไทยก็ช่วยเหมือนกัน ญี่ปุ่นพูดไม่ออก เพราะว่านิสัยคนไทยขี้สงสารคน ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคุณธรรมอันหนึ่ง เป็นลักษณะพิเศษของคนไทยทั่วไป
แต่เดี๋ยวนี้อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ช่วยให้ แต่ช่วยเอา ถ้ามีรถคว่ำทีไหนก็เฮมาขนเอา ไอ้คนเจ็บนอนอยู่ กูไม่ช่วย กูเอาของ เปลี่ยนไปเยอะเชียว ฉะนั้นต้องช่วยกันหน่อย รักษามรดกไทยไว้ ให้คงเป็นไทยต่อไป วันนี้ก็พูดกันเรื่องนี้ แสดงมาก็พอสมควรแก่เวลา ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้