แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ได้เวลาที่ท่านทั้งหลายจะได้ฟังเสียงจากโทรทัศน์ช่อง5แล้ว ขอทุกท่านที่มีโอกาสเปิดเครื่องรับฟังจงตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดีเพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟังตามสมควรแก่เวลา
วันนี้เป็นวันที่ชาติไทยเราได้สมมติว่าเป็นวันแม่ อันวันแม่นั้นเป็นวันที่เตือนใจพวกเราทั้งหลายที่มีแม่ด้วยกันทั้งนั้น ให้ระลึกถึงพระคุณของแม่ วันแม่เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยความคิดของชาวตะวันตก คือองค์การสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติ เป็นที่รวมของชาติต่างๆ แล้วก็ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาตินั้นๆ โดยเน้นตามสมควรแก่ฐานะ องค์การสหประชาชาติได้มองเห็นว่าพ่อแม่ถูกทอดทิ้ง พ่อแม่ที่ถูกทอดทิ้งไม่ใช่พ่อแม่ชาวเอเชียแต่เป็นพ่อแม่ของชาวยุโรปอเมริกา เพราะในประเทศนั้นเขาไม่ค่อยจะสอนกันในเรื่องเกี่ยวกับความกตัญญูกตเวที ลูกหลานไม่ค่อยนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ปู่ตาย่ายาย พอเขาโตขึ้นมากหน่อยเขาก็ ก็ทอดทิ้งพ่อแม่ เหมือนนกที่บินจากพ่อจากแม่ไปโดยไม่เหลียวแลอีกต่อไป องค์การสหประชาชาติเห็นว่าเป็นความคิดของคนเก่งๆเพราะไม่มีคนดูแลไม่บำรุงรักษาจึงได้จัดวันนี้ขึ้นเดือนต่อวันแม่ ประเทศไทยเราได้มีการเฉลิมฉลองวันแม่มาหลายปีแล้ว แต่ในสมัยก่อนน้ันถือเอาเดือนเมษายนเป็นวันแม่ แต่ต่อมาก็ได้เปลี่ยน เพราะว่าเรามีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติ วันชาติเมื่อก่อนนี้ถือเอาวันที่ 24 มิถุนายนเป็นวันชาติ แต่ต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันแม่ก็เช่นเดียวกัน เราได้เปลี่ยนมาเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเราถือว่าเป็นแม่ของชาติไทยเหมือนกัน อันองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถองค์ปัจจุบันนี้ เป็นพระราชินีที่ปฏิบัติพระองค์เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่ชาวไทยทุกถ้วนหน้า ตั้งแต่สร้างบ้านสร้างเมืองมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ เรายังไม่มีพระบรมราชินีนาถที่ปฏิบัติพระองค์เป็นประโชน์เป็นความสุขแก่ประชาชนเท่ากับสมเด็จพระบรมราชินีนาถองค์ปัจจุบันที่เราได้เคารพนับถืออยู่นี้ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำหน้าที่แห่งพระบรมราชินีนาถทุกประการ ทรงกระทำพระองค์เป็นแม่ของประชาชนอย่างแท้จริง ที่ใดมีทุกข์มีความเดือดร้อนมีปัญหาพระองค์ก็จะเสด็จไปสู่ที่สถานที่นั้น เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ความเดือดร้อนของประชาชนที่ตกอยู่ในความทุกข์คความเดือดร้อน ทรงกระทำพระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งด้านป้องกันและด้านแก้ไขในปัญหาต่างๆ กิจกรรมที่พระองค์ทรงกระทำนั้นปรากฎไปทั้วโลก จนนานาประเทศได้ยกย่องพระองค์ว่าเป็นมหาราชินีผู้บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่ปวงชนชาวไทยเป็นจำนวนมาก ที่เหลือที่จะพรรณนาให้หมดสิ้นได้ ได้รับเกียรติจากชาวโลก สมควรแล้วที่เราทั้งหลายจะได้สักการะบูชาพระองค์ว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณอันประเสริฐแก่พสกนิกรทั้งหลาย อันการบูชาพระองค์นั้นเราได้กระทำกันในด้านวัตถุอยู่มากมายหลายเรื่องหลายประการ เช่นกองทัพอากาศกระทำการโดยบูชาพระองค์ด้วยการสร้างพระมหาเจดีย์บนดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นดอยสูงสุดของประเทศไทยที่มีได้สร้างไว้องค์หนึ่งแล้ว แล้วก็จะสร้างอีกองค์หนึ่งเพื่อเฉลิมฉลองพระเกียรติของ สมเด็จพระมหาบรมราชินีนาถ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งการบูชาสักการะ ประชาชนทั่วประเทศได้มีการจัดทำอะไรๆ ในทางด้านที่ป็นวัตถุเพื่อเป็นการบูชาสักการะพระองค์ด้วยประการต่างๆ ก็เป็นการสมควรแล้วที่จะกระทำเช่นนั้น แต่ว่าการกระทำเช่นนั้นทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องของอามิสบูชา จึงบูชาด้วยวัตถุมีประการต่างๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่สรรเสริญอามิสบูชา แต่ว่าสรรเสริญการปฏิบัติบูชา
ในเวลาที่พระองค์ใกล้จะเสด็จปรินิพพานมีคนเอาดอกไม้มาบูชาพระองค์เป็นจำนวนมาก แต่พระองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ การบูชาของมหาชนเป็นจำนวนมากด้วยดอกไม้เครื่องสักการะนี้ ยังไม่ชื่อว่าเป็นการบูชาแท้ พระองค์ทรงตรัสว่าดูก่อนอานนท์ภิกษุภิกษุณี อุบาสกอุบาสิกาใดจะคิดทำสมควรแก่ธรรมปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติตามธรรมะอยู่ผู้นั้นแหล่ะได้ชื่อว่าสักการะเครารพนับถือบูชาตถาคตด้วยการบูชาอันสูงสุด การบูชาด้วยส้มสูกและดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะก็เป็นการบูชาอย่างหนึ่งแต่ว่าไม่ประเสริฐเท่าปฏิบัติบูชา เพราะปฏิบัติบูชานั้นเป็นการฝึกกายวาจาใจของเราให้ถูกตรงตามหลักคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า การปฏิบัติให้ถูกตรงตามหลักคำสอนนั้นเป็นการสืบศาสนา ทำให้ศาสนาเจริญ คำว่าศาสนาเจริญนั้น เจริญอยู่ที่อะไร ไม่ใช่เจริญในทางวัตถุ เช่นเรามีวัดสวยๆงามๆ มีเจดีย์ใหญ่ๆ มีพระพุทธรูปใหญ่ มันไม่เป็นเครื่องหมายของความเจริญแท้ในทางพระศาสนา ถ้าคนในประเทศชาติเรายังไม่ประพฤติธรรม ยังไม่ถือศีลห้าประการได้เป็นการเรียบร้อย ยังมีการพนัน มีการเสพสิ่งเสพติด มีการเที่ยวกลางคืน มีการคบค้าสมาคมกับเพื่อนเที่ยวเพื่อนร้าย สุรุ่ยสุร่ายในการจับจ่ายทรัพย์สมบัติ เกียจคร้านการงาน เบียดเบียนกันในทางกาย เบียดเบียนกันในทางทรัพย์ เบียนเบียนกันในเรื่องความรักความใคร่ เบียดเบียนกันในเรื่องการพูดจาโกหกพกลมเข้าใส่กัน แล้วก็ทำให้ปัญหาเกิดขึ้นในชาติในบ้านเมืองแม้เราจะมีสิ่งที่เป็นวัตถุเป็นบ้านเป็นเมือง สิ่งเหล่านั้นก็ช่วยให้คนดีขึ้นไม่ได้ คนจะดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้มีการสั่งสอนอบรมจิตใจให้เข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า ให้เขาได้ปฏิบัติกายวาจาใจถูกตรงตามหลักธรรมะนั่นจึงจะชื่อว่าเป็นการบูชาแท้ เราชาวไทยทั้งหลายให้รักพระพุทธศาสนาควรจะได้ช่วยกันศึกษาช่วยกันปฏิบัติ ช่วยกันประกาศสิ่งถูกต้องตามพระพุทธศาสนาให้คนเกิดปัญญาเกิดความรู้ความเข้าใจถูกต้องนั่นแหล่ะเป็นการช่วยกันส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ในเรื่องเกี่ยวกับแม่ของเราก็เหมือนกันเราทุกคนเกิดจากแม่ แต่อย่าลืมว่ามีพ่อด้วยเหมือนกัน จึงควรจะพูดควบคู่กันไปว่า พ่อแม่เพราะพ่อแม่นี้เป็นผู้ให้กำเนิดแก่เรา เราจะเกิดมาไม่ได้ถ้าเราไม่มีคุณพ่อไม่มีคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองคนเป็นผู้ที่สร้างชีวิตจิตใจให้แก่เราทั้งหลาย ท่านทั้งสองนั้นเป็นเหมือนกับเทพเจ้าผู้ให้กำเนิดแก่เราไม่ใช่เพียงให้เกิดเฉยๆแต่ว่ายังทำการเลี้ยงดูเรา ให้การศึกษาแก่เราหางานให้เราทำหาคู่ครองที่สมควรให้ มอบทรัพย์ให้ไปตั้งเนื้อตั้งตัว อันนี้เป็นหน้าที่ของท่าน ท่านทำหน้าที่สมบูรณ์เรียบร้อยทุกประการ เราจึงมีชีวิตอยู่ได้จนกระทั่งบัดนี้ เวลาใดที่มีเวลาว่าง ก็อย่างวันนี้เราถือกันว่าเป็นวันแม่ ราชการก็หยุดงานหยุดการเราไม่ต้องไปทำงานเหมือนปกติเราอยู่กับบ้านแล้วเราจะไปวัดไปวาเพื่อฟังธรรมรักษาศีล ตอบแทนบุญคุณของคุณแม่ด้วยการปฏิบัติบูชาก็ดีเหมือนกัน เราควรจะมีเวลาที่ว่างว่างสักชั่วโมงหนึ่งเป็นอย่างน้อยนั่งสงบจิตสงบใจ แล้วก็ตั้งปัญหาขึ้นถามตัวเองว่าใครเกิดเรามา ใครเลี้ยงเรามา เรามาให้การศึกษาแก่เรา ใครให้ทรัพย์สมบัติแก่เรา บรรดาความสุขสบายทั้งหลายที่เราได้รับอยู่ในเวลานี้มาจากใคร เราตั้งปัญหาขึ้นถามตัวเองแล้วก็คิดตอบปัญหา ถ้าตอบถูกต้องเรียกว่าสอบไล่ได้ ถ้าตอบไม่ถูกเรียกว่าสอบไล่ตกในวิถีชีวิต คำตอบที่ถูกต้องนั้น ก็ไม่มีคำตอบใดดีไปกว่าคำตอบว่าคุณพ่อคุณแม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เราโดยเฉพาะในวันนี้เราก็นึกถึงคุณแม่เป็นที่หนึ่งเพราะว่าคุณแม่เป็นผู้อุ้มท้องเรามาตั้งสิบเดือน ลำบากตรากตรำพอสมควร ตามธรรมชาติคนที่มีท้อง ใครที่ไม่มีท้องก็ไม่รู้เรื่อง หรือว่าผู้ชายก็ไม่รู้เรื่องแต่สุภาพสตรีทั้งหลายที่เคยมีลูกก็ย่อมรู้ในปัญหาข้อนี้ เราก็มานึกว่าสิบเดือนที่เราอยู่ในท้องของคุณแม่ คุณแม่ต้องอดอะไรหลายอย่างต้องทนอะไรหลายอย่าง ต้องทำอะไรที่จำเป็นจะต้องทำอีกหลายเรื่องหลายอย่างเพื่ออะไร เพื่อให้เราได้มีชีวิตสมบูรณ์ ได้เกิดมาเป็นคนมีร่างกายสมบูรณ์ มีอวัยวะสมบูรณ์ มีสติปัญญาสมบูรณ์ คุณแม่เวลาจะตั้งท้องท่านก็จะไปไหว้พระตามสถานที่ต่างๆ ที่ใดเขาถือว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ทที่เคารพบูชาของมหาชน ก็ไปไหว้ไปกราบขอพรจากสิ่งศักดิ์เหล่านั้นเพื่อเพื่อให้ลูกที่อยู่ในท้องนี้มีความเจริญเติบโตออกมาด้วยดี มีอวัยวะสมบูรณ์ มีสติปัญญาสมบูรณ์เรียบร้อย จะได้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลต่อไป
อันนี้เป็นเจตจำนงของคุณแม่ที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ตั้งแต่เริ่มต้น แล้วก็พยายามประคับประคองเป็นเวลาสิบเดือนจึงได้คลอดเราออกมาเป็นผู้เป็นคน เมื่อคลอดออกมาแล้วก็อาศัยการเลี้ยงดู รักษาด้วยดีจนกระทั่งเราเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ เด็กบางคนพอแม่เกิดแล้วแม่ก็ถึงแก่กรรมทันที คนอื่นที่มีใจเมตตามีคุณธรรมของความเป็นแม่ ก็ได้เอาไปเลี้ยงดูไว้ให้เจริญเติบโต ครั้นเมื่อเจริญเติบโตขึ้น เกิดความรู้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่แม่ของเราคนนี้ไม่ใช่พ่อของเรามีความรู้สึกกระด้างกระเดื่องไม่เชื่อไม่ฟังไม่มีความสำนึกในบุญคุณของ ของคนที่เลี้ยงที่เลี้ยงว่าเป็นแม่เลี้ยงเป็นพ่อเลี้ยงของเรานั้นเขาระลึกถึงบุญคุณไม่ได้ทำการกระด้างกระเดื่องแข็งข้อไม่เชื่อฟังคำสั่งคำสอน ทำให้ผู้เลี้ยงมีปัญหาทางใจเกิดความทุกข์ความเดือดร้อน ว่าเราเลี้ยงเขามาฟูมฟักถะนุถนอมเขามาโดยแท้แต่เขาไม่สำนึกในบุญคุณ อันนี้เป็นบาปเป็นโทษแก่เด็กผู้นั้น เรา เราไม่มีแม่ที่แท้ไม่มีพ่อที่แท้แต่ว่ามีคนใดคนหนึ่งเอามาเลี้ยงได้ ก็เป็นพ่อเป็นแม่เหมือนกัน ความจริงคนเลี้ยงนั่นแหล่ะเป็นคนสำคัญ คุณแม่เกิดลูกแล้วไม่เลี้ยงก็ได้แต่เป็นผู้ให้เกิดแต่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงดู การให้เกิดกับการเลี้ยงดูเป็นของคู่กันถ้าเพียงแต่ให้เกิดไม่มีการเลี้ยงดูมันก็ไม่มีความหมายของความเป็นแม่เป็นพ่อที่สมบูรณ์ได้ เพราะฉะนั้นคนใดเอามาเลี้ยงเราให้เติบโตขึ้นมาเราก็ควรถือว่านั้นแหล่ะเป็นแม่ของเราเหมือนกันเป็นพ่อของเราเหมือนกัน เราควรเคารพควรสักการะควรบูชาต่อแม่พ่อคนสองคนนั้น แล้วควรจะสนองความต้องการของท่านอย่ากระด้างกระเดื่องอย่าแข็งข้อต้องเชื่อต้องฟังต้องทำให้ท่านสบายอกสบายใจ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเคยมาหาหลวงพ่อที่วัดแล้วก็บอกว่าผมเนี่ยเรียนสำเร็จวิชาแล้ว แต่ว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงผมมานี่ ไม่ใช่พ่อแม่ของผม ผมก็ไม่อยากกลับไปหาพ่อแม่สองคนนั้น เวลานี้ท่านให้จดหมายมาให้ผมกลับบ้าน จะทำการเปิดร้านให้ค้าขายและจะหาคู่ครองที่สมควรให้ด้วย แต่ผมไม่พอใจผมไม่อยากจะกลับไป เพราะท่านทั้งสองนั้นไม่ใช่แม่ไม่ใช่พ่อของผมที่แท้จริง แล้วจะต้องอธิบายให้เด็กหนุ่มคนนั้นฟังว่า พ่อแม่ของเธอตายหมดโดยอยู่ในสภาพลำบากอนาถาไร้ที่พึ่ง แต่ว่าพ่อแม่ที่เอามาเลี้ยงไว้ก็ทำหน้าที่เป็นพ่อเป็นแม่ของเธอ รักเธอเหมือนลูกทะนุถนอมให้การศึกษา ประถม มัธยมจนจบได้ปริญญา ถ้าเธอไม่นึกถึงบุญคุณของคนทั้งสองที่เลี้ยงเธอมานั้นเธอก็ไม่มีความเป็นคนที่สมบูรณ์
ขอโทษที่จะกล่าวว่าก็เป็นเหมือนกับเดรัจฉานที่มันไม่รู้จักพ่อแล้วก็ไม่รู้จักแม่ และมันไม่คิดทำการตอบแทน จะเรียกว่าเป็นคนสมบูรณ์ได้อย่างไร เป็นการไม่ถูกต้องขอให้เธอคิดให้ดีว่า ถ้าไม่มีคนสองคนนั้นเลี้ยงเธอมา เธอจะเป็นผู้เป็นคนได้อย่างไรแล้วก็เลี้ยงอย่างเหมือนลูกทุกประการ ให้การศึกษาเล่าเรียนแล้วก็ยังคิดจะให้ตั้งเนื้อตั้งตัว คิดจะหาคู่ครองที่สมควรให้แก่เธอ คนอย่างนี้หาได้ที่ไหน น้ำใจอย่างนี้ควรที่เธอจะต้องแสดงความกตัญญูกตเวที เคารพบูชาต่อท่านทั้งสองนั้น ในฐานะคนที่มีพระคุณอยู่เหนือหัวของเธอ เธอควรจะกลับไปบ้านไปทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ท่านทั้งสองต้องการ เธออย่าทำอะไรให้ท่านทั้งสองที่เลี้ยงเธอมาต้องร้อนอกร้อนใจต้องเป็นทุกข์ทางใจเพราะการกระทำส่วนนั้นเป็นบาปเป็นโทษ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่เธอจะกระทำ พูดแนะนำเขาอย่างนั้นเขาเกิดความรู้สึกสำนึกตัวขึ้นมาเลยกราบแล้วก็บอกขอบพระคุณหลวงพ่อที่ช่วยชี้แนะแนวทางให้ พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านแล้วจะไปทำทุกอย่างตามที่พ่อแม่ที่เลี้ยงผมมามีความต้องการ นั้นเขาเข้าใจถูกต้องเพราะเขาได้เข้าหาพระได้ฟังเสียงพระเลยเกิดความสำนึกขึ้นในจิตใจ คนบางคนไม่ค่อยเข้าใกล้พระไม่ฟังเสียงพระก็เลยออกไปนอกลู่นอกทาง เป็นคนใจต่ำเกเรเกเกะกะทำลายตัวเองทำลายครอบครัวทำลายประเทศชาติให้เสียหายเป็นการไม่ถูกต้อง เราจึงควรจะได้คิดในข้อนี้โดยเฉพาะวันแม่วันนี้ เราควรจะนึกถึงพระคุณของแม่นั่งนึกให้ละเอียดนั่งนึกไปคิดไปถ้าคิดไปนานๆท่านจะรู้สึกว่าตื้นตันใจบางทีน้ำตาจะไหลออกมาในเบ้าตา น้ำตาที่ไหลออกมานั้นเป็นน้ำตาแห่งความเคารพบูชาสักการะ ที่เรานึกถึงท่านแต่เวลานี้ตัวท่านนั้นไม่อยู่แล้วท่านถึงแก่กรรมไปแล้ว เราอย่านึกว่าแม่ของเราตายไปแล้ว คุณแม่ที่แท้จริงไม่ได้ตายไอ้ที่ตายนั้นเป็นร่างกายเป็นที่อาศัยของพระคุณของคุณแม่เท่านั้นเอง ร่างกายนี้เป็นของผสมไม่ใช่ของแท้ไม่ใช่ของถาวรต้องมีอันแตกสลายเป็นธรรมดา แต่ว่าสิ่งซึ่งทำคนให้เป็นแม่ สิ่งนั้นหาได้ตายไม่ยังมีอยู่ต่อไปอยู่ที่ลูกต่อไปสิ่งนั้นคืออะไรก็คือตัวธรรมะที่ทำคนผู้หญิงให้เป็นแม่ทำคนผู้ชายให้เป็นพ่อ สิ่งนั้นแหล่ะเป็นสิ่งไม่ตายเป็นสิ่งที่จะอยู่ที่ลูกต่อไปเราทั้งหลายทุกคนที่มีคุณแม่คนเป็นผู้ให้กำเนิดมีคุณพ่อด้วยนั้น เราจึงควรนึกว่าพ่อแม่อันแท้จริงของเรานั้นไม่ได้ตายจากโลกนี้ไป แต่จะอยู่กับลูกต่อไปเราก็ควรนึกถึงสิ่งนั้น สิ่งนั้นก็คือตัวธรรมะหรือเรียกว่าพระธรรมอันเป็นหลักคำสอนในทางพระศาสนา พระธรรมนี้เป็นสิ่งที่ทำคนให้เป็นอะไรๆ ให้เป็นคนที่ดี เป็นคนเจริญ เป็นคนก้าวหน้าในชีวิตการงาน คนเราเกิดมาเฉยๆยังไม่เป็นอะไร จะว่าดีก็ไม่ได้จะว่าชั่วก็ไม่ได้แต่ถ้าพอมีธรรมะเข้าไปอยู่ในใจ เราก็เป็นคนดี เป็นคนเจริญ ถ้าไม่มีธรรมะเข้าไปหล่อเลี้ยงจิตใจ เราก็เป็นคนตกต่ำทำความเสียหายให้แก่ตนแก่ท่านด้วยประการต่างๆ ธรรมมะจึงเป็นสิ่งที่ทำคนให้เป็นคนสมบูรณ์ เมื่อเป็นคนสมบูรณ์การงานก็สมบูรณ์ความสุขก็สมบูรณ์อะไรๆ ก็สมบูรณ์ตามไปด้วย ผู้หญิงที่ได้นามว่าเป็นแม่ก็ดีผู้ชายที่ได้นามว่าเป็นพ่อก็ดีท่านมีธรรมะของความเป็นพ่อของความเป็นแม่ ธรรมะนี้เป็นสิ่งที่ไม่ตายไม่สูญหายไปจากโลกนี้เป็นสิ่งที่อยู่กับลูกถาวรตลอดไป จะยกตัวอย่างพระพุทธเจ้าของชาวเราทั้งหลาย ท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าเพราะอะไร เมื่อได้เป็นพระพุทธเจ้าเราเรียกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแปลว่าเป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่นเป็นผู้มีความเบิกบานแจ่มใส เพราะได้สัมผัสกับตัวธรรมะที่เป็นความจริงความแท้เมื่อนั้นพระทัยของพระองค์ได้สัมผัสกับตัวธรรมะนั้น พระองค์ก็หลุดพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนด้วยประการทั้งปวง ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิงไม่มีความทุกข์ความเดือดร้อนเกิดขึ้นในใจต่อไป ไม่เหมือนเราที่เป็นปุถุชนจิตใจยังไม่ได้สัมผัสกับสิ่งนั้นเราจึงมีรักมีเกลียดมีโลภมีหลงมีอะไรๆด้วยประการต่างๆจิตใจเรายังอยู่ในวงจรของกิเลสบางคราวมันก็รู้บางคราวมันก็ไม่ดี แต่ว่ามันก็มีกิเลสเกิดขึ้นบ่อยๆ ทำให้ชีวิตต้องตกต่ำ แต่ชีวิตของพระอรหันต์ซึ่งมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้นนั้น ท่านไม่เวียนกลับมาสู่ภาวะของคนมีกิเลสอีกต่อไป สภาพจิตของท่านสะอาดอยู่ สว่างอยู่ สงบอยู่ตลอดเวลาพระองค์จึงได้นำสิ่งนั้นมาสอนแก่ประชาชน ให้ประชาชนได้รู้ได้เข้าใจ ได้นำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันต่อไป
ในครั้งกระนู้นแต่ว่า (22.22) พระองค์ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้นประชาชนได้เข้าถึงธรรมะ ได้บรรลุมรรคผลเป็นพระโสดาบ้าง สกิทาคามี อนาคามี จนถึงพระอรหันต์เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย เพราะว่าได้เข้าถึงธรรมะของพระองค์ แต่ร่างกายของพระองค์ก็เหมือนร่างกายของคนเราทั่วๆไปประกอบด้วย ธาตุสี่่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพ ชีวิตของพระองค์ก็มีความแก่ตามสภาพของร่างกาย แต่ว่าใจของพระองค์ไม่ได้แก่ ไม่ได้มีความคิดว่าความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย สภาพจิตคงที่อยู่ตลอดเวลา แต่ร่างกายเปลี่ยนแปลง แล้วก็เสด็จปรินิพพานดับขันธ์ปรินิพพานไปในวันเพ็ญเดือนหกเมื่อพ.ศ. ก่อน พ.ศ. หนึ่งปีที่กุสินารา ในประเทศอินเดียนู้น ในวันที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพานนั่นแหล่ะพระอานนท์ได้นั่งอยู่ใกล้ๆเฝ้าดูพระอาการของผู้มีพระภาค พระอานนท์เป็นคนช่างคิดช่างตรอง ในเรื่องอะไรต่างๆ ท่านก็คิดว่าพระผุ้มีพระภาคจะเสด็จปรินิพพานแล้ว เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เราจะถามอะไรก็ต้องรีบถาม ถ้าไม่ถามเดี๋ยวก็ถูกใครๆต่อว่า ว่าอยู่ใกล้แล้วทำไมไม่ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็จะเป็นการเสียหาย เราควรถามปัญหาอะไรหลายเรื่องหลายอย่าง พระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสตอบปัญหานั้นๆแก่พระอานนท์ทุกประการ มีปัญหาข้อหนึ่งที่สำคัญมากที่เราชาวพุทธในยุคปัจจุบันควรจะศึกษาควรจะทำความเข้าใจควรจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันที่ (24.16) พระอานนท์ท่านถามว่า เมื่อพระองค์ทรงดำรงพระองค์อยู่ภิกษุภิกษุณีอุบาสกอุบาสิกาได้เข้าเฝ้าได้ฟังธรรม ได้ถือเอาพระองค์เป็นตถาคือเป็นครูเป็นอาจารย์เป็นผู้นำทางด้านจิตใจครั้นเมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้วพระองค์จะทรงตั้งบุคคลใดให้เป็นตัวแทนพระองค์ต่อไป พระอานนท์ถามมีความหมายมากเป็นเรื่องที่ดีมาก พระผู้มีพระภาคไม่ทรงตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้เป็นตัวแทนพระองค์ ทำไมไม่ทรงตั้งบุคคลเป็นตัวแทน เพราะว่าคนเรานี้มันเปลี่ยนแปลงได้และอาจจะสร้างปัญหาได้มีความยุ่งได้ คนเราในสมัยยุคพระพุทธเจ้าไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ แต่คนในสมัย 500 ปีหลังปรินิพพาน พันปี สองพันปี มีความยุ่งมีความวุ่นวายโดยเฉพาะคนในสมัยนี้ มีปัญหามีความวุ่นวายมากจิตใจตกต่ำอยู่ในอำนาจของกิเลส ถ้าหากว่าคนใดได้เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า โดยการแต่งตั้งคนนั้นก็จะเกิดเป็นบุคคลที่ใครๆก็ อยากจะเข้าใกล้อยากจะเชิญให้ไปทำนั่นให้ไปทำนี่ถือว่าเป็นศิริมงคลภายนอกด้วยประการต่างๆ แล้วก็อาจจะแย่งตำแหน่งกัน ตำแหน่งตัวแทนพระพุทธเจ้าก็จะเกิดปัญหาทำความเสื่อมเสียเพราะตัวแทนพระพุทธเจ้ายังมีกิเลส ก็อาจจะใช้กิเลสนั้นไปทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรให้เกิดขึ้นแก่พระศาสนา อาจจะบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ อาจจะทำลายสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติแต่งตั้งไว้แล้วก็ได้ อาจจะเป็นการนำมาซึ่งความเสื่อมโทรมแก่พระศาสนา จึงไม่ทรงตั้งบุคคล เมื่อไม่ทรงตั้งบุคคลทรงตั้งอะไร พระองค์ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่าอยู่คู่ (26.20) (บาลี) ว่าอานนท์เอ๋ยธรรมะอยู่ไหนอันใดที่เราแสดงแล้ว บอกแล้ว บัญญัติไว้แล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั่นแหล่ะจะเป็นศาสดาแห่งเราต่อไป อันนี้เป็นข้อแสดงว่าธรรมะเป็นสิ่งไม่ตายเป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่คงอยู่ในโลกนี้ตลอดเวลา ผู้ใดสนใจศึกษาสนใจปฏิบัติผู้นั้นก็จะเข้าถึงธรรมะและจะได้รับประโยชน์จากธรรมะได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเมื่อตัวธรรมะไม่ตายพระคุณของคุณแม่ก็คือตัวธรรมะ ความงามความดีที่อยู่ในใจของแม่นั้นเป็นตัวธรรมะ เมื่อธรรมะนั้นเป็นสิ่งไม่ตายมันคงเหลืออยู่ต่อไปเราทำการฌาปนกิจสรีระ (17.17) ร่างกายของคุณแม่ที่ถึงแก่กรรม เผาได้แต่ร่างกายแต่เผาความเป็นคุณแม่ไม่ได้
คือเผาธรรมะไม่ได้ธรรมะนั้นเราจะเผาเสียไม่ได้แต่ว่าเราควรจะทำอย่างไร เราควรจะถ่ายทอดธรรมะนั้นมาใส่ไว้ในจิตใจของเราเอาธรรมะของความเป็นแม่นั้นแหล่ะมาใส่ไว้ในใจของเรา ทำใจของเราให้เป็นเช่นนั้นก็เหมือนกับว่าคุณแม่อยู่กับเราตลอดไป ไม่ได้จากเราไปเราประพฤติธรรมที่คุณแม่มีอยู่เราก็มีธรรมะของคุณแม่เราก็เหมือนกับมีคุณแม่อยู่ใจของเรา คุณแม่อยู่กับเราคนใดมีคุณแม่อยู่กับตัว คนนั้นจะไม่ตกต่ำจะไม่ไปสู่อบาย คือจะไม่เป็นสัตว์เดรัจฉานไม่เป็นสัตว์นรก ไม่เป็นเปรต ไม่เป็นอสูรกาย ไม่เป็นผี แต่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยคุณธรรมอยู่ตลอดเวลา คนนั้นจะไม่มีใจตกต่ำ เพราะฉนั้นเราทั้งหลายที่เป็นลูกเมื่อมาถึงวันของแม่อย่างวันนี้เราทั้งหลายควรจะนึกถึงพระธรรมของแม่ แล้วเอาคุณธรรมของแม่นั่นแหล่ะมาใส่ไว้ในใจของเราอย่าให้ใจเราอยู่โดยไม่มีคุณแม่ ให้คุณแม่อยู่กับเราตลอดไป ข้อพระธรรมของความเป็นแม่มีอะไรบ้างในทางพระพุทธศาสนาถือว่าแม่นี่มีตำแหน่งหลายอย่างคือเป็นครูคนแรกของบุตรธิดิคุณแม่นี่เป็นครูของบุตรธิดา คุณแม่เป็นคุณของบุตรธิดา คุณแม่เป็นเทวดาของบุตรธิดา แล้วคุณแม่มีคุณค่าเทียบเท่ากับพระอรหันต์ ในพระพุทธศาสนาของบุตรธิดาก็ว่าได้ ที่ว่าคุณแม่เป็นครูของบุตรธิดานั้น เพราะเราได้รับคำสอนจากคุณแม่ ในเรื่องต่างๆ สอนให้รู้จักนั่ง ให้รู้จักเดิน ให้รู้จักยืน ให้รู้จักพูดจา ด้วยวาจาอย่างนั้นอย่างนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเราได้รับจากคุณแม่ ลูกของแม่ใดกริยาอาการเป็นการพูดจาก็คล้ายแม่คนนั้น ถ้าเรารู้จักแม่ แล้วมาเห็นลูกของคุณแม่เราอาจจะนึกว่าเออคนนี้น่าจะเป็นลูกของคนนั้นเรานึกทายในใจ ที่ทายเช่นนั้นก็เพราะอะไร เพราะว่ากิริยาท่าทางแสดงออกมันคล้ายๆกับคุณแม่คนนั้น ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนี่เป็นคำพังเพยของคนไทย ว่าไว้ตั้งแต่โบราณ ลูกคนก็เหมือนกัน เหมือนๆกับคุณพ่อคุณแม่ กิริยาท่าทางบางคนก็คล้ายพ่อบางคนก็คล้ายแม่ ไม่ได้แตกต่างไปจากพ่อจากแม่เท่าไร เป็นการถ่ายทอดกันอย่างนี้ เพราะฉนั้นท่านจึงเป็นครูคนแรกของเรา เพราะเรามีครูสอนหนังสือสอนเลขสอนวิชาการต่างๆ ให้เรามีความรู้ความเข้าใจ ครูอื่นๆนั้นเป็นครูชั้นสองชั้นสามแต่ครูชั้นหนึ่งของเรานั้นก็คือพ่อแม่ของเรานั่นเองโดยเฉพาะแม่เป็นครูมากกว่าพ่อเพราะว่าพ่อไม่ค่อยอยู่บ้านออกไปทำงานทำการ แต่ว่าแม่นั้นอยู่กับลูกตลอดเวลาคอยเฝ้าดูแลเอาใจใส่ลูกก็จะได้เห็นแม่ กล้องถ่ายรูปของลูก ดวงใจของลูกเหมืออนกับกล้องถ่ายรูปก็ได้ถ่ายรูปของคุณแม่กิริยาท่าทางการพูดการจา ถ่ายรูปของลูกคือใจของลูกเหมือนกับกล้องถ่ายรูปก็ได้ถ่ายรูปของคุณแม่กิริยาท่าทางการพูดการจาอะไรทุกอย่างไว้ในจิตใจทั้งหมด นี่แหล่ะท่านเป็นครูของเราอย่างนี้คุณแม่ท่านมีคุณธรรมของความเป็นครู คุณแม่เป็นพระพรหมของบุตรธิดา พระพรหมหมายถึงอะไร เป็นเราที่นับถือพระพรหมก็ไปไหว้พระพรหมซึ่ง ไปไหว้พระพรหมหน้าโรงแรมเอราวัณนู่นหรือว่าตามบ้านจัดสรร เดี่ยวนี้เขาก็มีรูปพระพรหมทั้งนั้น แทนที่จะพระพุทธรูปไว้ ไว้ขึ้นตามบ้านแต่เดี๋ยวนี้มีรูปพระพรหม พระพรหมนั้นไม่ใช่ของพระพุทธศาสนาแต่เป็นของศาสนาฮินดู พวกฮินดูเขานับถือเทพเจ้า นับถือพระพรหม นับถือพระศิวะ นับถือพระวิษณุแต่ว่าคนในอินเดียนี่นับถือพระพรหมน้อยเขานับถือพระศิวะมาก นับถือพระวิษณุมาก ถ้าอยู่ในแถบดอนๆใกล้ภูเขา เขานับถือพระศิวะ ถ้าอยู่ริมทะเลเขานับถือพระวิษณุ พระวิษณุจะอยู่ในทะเลแล้วก็อวตารมาเป็นพระนารายน์ ปราบยุคเข็ญที่เราอ่านเรื่องรามเกียรติ เล่นโขนเล่นละครอะไรกันอยู่นั่นแหล่ะ เขานับถืออย่างนั้น
แต่ในทางพุทธศาสนา พระพทธเจ้าของเราทรงเปลี่ยนตัวพระพรหมที่เป็นบุคคลสมมติให้เป็นธรรมะ เคยมีพราห์มคนหนึ่งถามพระพุทธเจ้า แล้วก็ถามว่าพระองค์ รู้จักพระพรหมไหม พระพุทธเจ้าตอบทันทีว่ารู้จัก พระองค์รู้จักทางที่จะไปหาพระพรหมไหม พระองค์ก็ตอบทันทีว่ารู้จัก เขาก็ถามต่อไปว่าพรหมคือใคร พระพุทธเจ้าก็ตอบว่าใครก็ได้ถ้าว่ามีธรรมะสี่ประการที่จำเป็น เขาเรียกว่าเป็นพระพรหม ธรรมะสี่ประการนั้นคือมีเมตตา ปรารถนาความสุขความเจริญแก่ผู้อื่น มีความกรุณาทนไม่ได้ถ้าเห็นใครมีความทุกข์มีความเดือดร้อน จะต้องเข้าไปช่วยเหลือเรียกว่ากรุณา มีความพลอยยินดีเบิกบานใจ เมื่อคนใดมีควมเจริญมีความก้าวหน้า มีความสำเร็จในชีวิตในการงานเรียกว่ามุฑิตา แล้วก็ประการสุดท้ายเรียก่าอุเบกขา อุเบกขานี่หมายความว่า เอาดูอยู่คอยฟังอยู่คอยคิดตามอยู่ในรื่องนั้นๆ เมื่อยังไม่มีอะไรจะเข้าไปช่วยเหลือก็ดูๆไปก่อน เหมือนกับว่าลูกไปอยู่บ้านไกลเมืองไกล คนพ่อคนแม่ก็เป็นห่วงคอยถามข่าวถามคราว ถ้าใครมาจากเบื้องนั้นก็ถามเออเห็นลูกฉันไหม พบลูกฉันไหมลูกฉันเป็นอย่างไร มีความสุขมีความสบายดีอยู่หรือเปล่า อย่างนี้เรียกว่าอยู่ในสภาพอุเบกขา ฝึกให้ดูจ้องดูอยู่ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่จะต้องใช้เมตตาก็จะใช้เมตตาก็ใช้เมตตา มีอะไรที่จะใช้กรุณาก็ใช้ความกรุณา มีอะไรที่ต้องใช้มุฑิตาก็ใช้มุฑิตา ลักษณะอย่างนี้เป็นลักษณะของพระพรหม คุณแม่คุณพ่อของเราทั้งหลายเป็นพรหมของบุตรธิดา เราจะไปไหว้พระพรหมไม่ต้องไปไหว้ถึงหน้าโรงแรมเอราวัณ ไม่ต้องไหว้พระพรหมรูปปั้นที่เขาสร้างขึ้นเป็นวัตถุ แต่เราไหว้คุณแม่คุณพ่อของเรานั่นเอง ตื่นแต่เช้า เราเข้าไปกราบบนตักของคุณแม่ ไปกราบที่ตักของคุณพ่อแสดงความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกล่าวคำว่าสวัสดีคุณแม่ครับสวัสดีคุณพ่อค่ะ อะไรต่างๆอย่างนั้น เขาเรียกว่าเราเข้าไปหาพระพรหมคือพ่อคือแม่ พระพรหมคือพ่อแม่นี่แหล่ะให้อะไรแก่เราได้เราต้องได้เงินสักร้อย ไปขอพระพรหมหน้าโรงแรมเอราวัณคงไม่ได้หรือไปขอพระพรหมตามบ้านจัดสรรก็คงไม่ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปแบมือขอคุณแม่ก็คงจะได้สักร้อยบาท จะขออะไรอีกก็ได้เด็กลูกชายหนุ่มๆกำลังคะนองขอรถมอเตอร์ไซค์จากคุณแม่สักคันหนึ่งเอาไปขี่เล่นให้คอหักตายไวๆก็ยังได้เลย คุณแม่ให้ทั้งนั้นแหล่ะ คุณแม่นี่เรียกว่าเป็นที่พึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งทรัพย์สมบัติของลูก ลูกต้องการอะไรก็ได้ ท่านเป็นธนาคารของลูก เป็นธนาคารที่ไม่มีวันปิด เปิดอยู่ตลอดเวลา จะขอเวลาใดก็ได้ไม่ต้องใช้บัตรเอทีเอ็มอะไรหรอกเพียงแต่แบมือไปขอ กราบขอท่านก็ให้แก่เราทุกสิ่งทุกประการ นี่แหล่ะคือพระคุณของแม่ที่ปรากฏอยู่ในใจของเราทั้งหลาย ท่านมีเมตตาธรรมประจำใจมีกรุณา พอรู้ว่าลูกมีควมทุกข์มีความเดือดร้อนท่านก็มาช่วยเหลือก่อนใครๆ มาช่วยให้ลูกหายทุกข์หายร้อน แต่ถ้าลูกมีความสุขมีความเจริญสอบไล่ได้ปริญญาคุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจว่าลูกสำเร็จการศึกษา ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็คอยสดับฟังข่าวเอาหูใส่เอาใจฟังคอยดูคอยนิ่งฟังอยู่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างมีอะไรพอจะช่วยเหลือได้บ้าง คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือเราทันที คุณธรรมสี่ประการนี้เป็นธรรมะที่อยูในใจของคุณแม่ คุณพ่อ จึงได้ชื่อว่าเป็นพระพรหมของลูกเราที่นับถือพระพุทธศาสนาไม่ต้องไปไหว้พระพรหมที่เขาตั้งไว้แต่เราไหว้พระพรหมที่นั่งอยู่ที่บ้าน ไหว้พระพรหมคือพ่อ ไหว้พระพรพมคือแม่ แล้วเราก็เอาพระพรหมนั้นมาไว้ที่ตัวของเราด้วย ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของเราตายไปแล้ว เราก็อันเชิญพระคุณของคุณพ่อคุณแม่ มาใส่ไว้ในใจของเรา ให้อยู่ด้วยน้ำใจเมตตา ปรารถนาความสุขความเจริญแก่เพื่อนมนุษย์ตลอดสัตว์ทั้งหลายตลอดจนถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เราอยู่ด้วยความกรุณา ถ้าใครมีความทุกข์มีความเดือดร้อนมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเราอย่าเป็นคนเฉยเมยอย่าเป็นคนใจจืด (37.48) อย่าเป็นคนใจดำมีอะไรพอจะช่วยใครได้เราช่วยมีอะไรเหลือกินเหลือใช้ควรจะแบ่งให้เพื่อนฝูงได้กินได้ใช้บ้าง ให้เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้กินได้ใช้บ้างเราก็แบ่งสิ่งนั้นให้ไป อย่างนี้เรียกว่าเรามีน้ำใจกรุณา เวลาเพื่อนบ้านเรามีความสุขมีความเจริญอย่าไปริษยา อย่าไปแสดงความไม่ยินดีกับเขาเหล่านั้น อย่าไปทำลายเขา แต่เราควรจะช่วยกันแสดงความยินดีปรีดา ไปพูดว่า โอ้ ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ได้มีความสุขมีความเจริญได้มีความก้าวหน้าในชีวิตในการงาน แสดงด้วยน้ำใจอันแท้จริงเรียกว่ามุฑิตา ตัวเมตตานี้ทำลายความโกรธความเกลียด ตัวกรุณาก็ทำลายความตระหนี่ถี่เหนียวให้หมดไปจากจิตใจ ตัวมุฑิตาก็ทำลายความริษยา ไม่ให้เกิดขึ้นรบกวนจิตใจของเรา ตัวอุเบกขาทำลายความเห็นแก่ตัวให้หมดไป เห็นแก่ลูกแก่หลาน เห็นแก่คนบ้านใกล้เรือนเคียง อย่างนี้เรียกว่าเป็นคุณธรรมของแม่ โดยเฉพาะในวันแม่คือวันนี้เรามาช่วยกันสร้างพระคุณไว้ในใจของเรา สร้างความเมตตาปรานีให้เกิดขึ้น สร้างความกรุณาให้เกิดขึ้น สร้างตัวมุฑิตาให้เกิดขึ้น สร้างคุณธรรมคืออุเบกขาให้เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องช่วยกันกระทำในเวลานี้ คือความสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ เขาเรียกว่ามีความกตัญญูมีกตเวทีต่อพ่อแม่ คนที่มีความกตัญญูกตเวทีนั้น เพราะได้คิดบ่อยๆ คิดว่าท่านเกิดเรามาเลี้ยงเรามา ท่านให้การศึกษาแก่เรา ท่านให้บ้านเรือนอยู่อาศัย ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตความเป็นอยู่ของเรานี้ได้มาจากเจ้าประคุณ คือคุณแม่ของเรานั่นเอง เราก็ต้องคิดตอบแทนบุญคุณของท่าน บุญคุณของพ่อแม่เราจะตอบแทนอย่างไร ตอบแทนด้วยการตั้งใจที่จะประพฤติความงามความดี อย่ากระทำสิ่่งใดที่เป็นความชั่วความร้าย ในวันแม่อย่างนี้ เราควรจะได้พิจารณาตัวเองถามตัวเองว่าเรามีความชั่วอะไร อยู่ในตัวของเราบ้าง เราเป็นคนชอบเล่นการพนันหรือเปล่า เราชอบสิ่งเสพติดมึนเมาหรือเปล่า เราชอบเที่ยวกลางคืนหรือเปล่า เราคบเพื่อนชั่วเพื่อนร้ายหรือเปล่า เราเป็นคุนสุรุ่ยสุร่ายจ่ายทรัพย์สินเงินทองสิ้นเปลือง จนเป็นหนี้เป็นสินต้องจำนำบ้านช่องเรือกสวนไร่นาหรือเปล่า เราเป็นคนขี้เกียจเหลวไหลในการทำงานในหน้าที่ของเราหรือเปล่า เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณา เราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ตักเตือนตัวเอง แก้ไขตัวเอง เพื่ออะไร เพื่อปรับปรุงตัวเองของเราให้ดีขึ้น ทำชีวิตของเราให้ดีให้เจริญให้งอกงามต่อไป เป็นหน้าที่เราควรจะกระทำบ่อยๆในเรื่องอย่างนี้ ความสุขความเจริญก็จะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ถ้าเราพบว่าเรามีสิ่งไม่ดี เช่นเราเป็นคนชอบเล่นการพนัน ไปเที่ยวสนามม้าไปแข่งม้า หรือว่าแทงหวยแทงเบอร์เล่นแชร์เล่นอะไรกันบ่อยๆมันก็เกิดความเสื่อมแก่ชีวิตของเราไม่มีความเจริญก้าวหน้า ไม่งอกงามในเรื่องความงามความดี เราก็ควรจะเลิกละจากสิ่งนั้นในวันแม่วันนี้มาเลิกเล่นการพนัน ถ้าเราเป็นคนชอบสิ่งเสพติดมึนเมา เช่นว่าชอบดื่มสุราเมรัย ชอบสูบบุหรี่ ไอ้เรื่องของเมามีมันมีสามเมาด้วยกัน คือว่าสุราคำหนึ่ง เมรัยคำหนึ่งมัชชะคำหนึ่ง ในศีลห้าที่เรารับมาจากพระน่ะ มันมีคำอยู่สามคำคือสุรา เมรัย มัชชะ สุราก็คือเหล้าที่ต้มกลั่นเรียบร้อยใส่ขวดติดฉลากสวยงาม อยู่ในขวดนี่ไม่เป็นไร แต่ว่าเทออกจากขวดเข้าท้องใครแล้วมันก็เปลี่ยนนิสัยคนนั้นทันที ทำให้คนนั้นเปลี่ยนสภาพจากสุภาพกลายเป็นไม่สุภาพ จากความเย็นกลายเป็นความร้อน จากความดี (41.36) กลายเป็นไม่ดีไม่งามในทันที เขาเรียกว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย ส่วนเมรัยนั้นเป็นของเมาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ต้มได้กลั่น เอาหมักมาดองมาแช่ไว้ เช่นน้ำตาลโตนด ขึ้นมาเช้า กินเช้ามันก็หวานอร่อยดี แต่ทิ้งไว้จนบ่ายสภาพมันก็เปลี่ยนไปเป็นเมรัยกินเข้าไปก็ลายเป็นน้ำเมาทำลายสภาพชีวิตจิตใจได้นี่เรียกวาสเมรัย มัชชะคือสิ่งเสพติดเช่นบุหรี่ กัญชา ฝิ่น เอามาผลิตเป็นเฮโรอีนเป็นผงขาว เป็นของเสพติด ใบไม้เช่นใบกระท่อม ใบกัญชาก็เป็นสิ่งเสพติด น้ำบางประเภทที่มีขายในตลาด คนพวกสิบล้อชอบเอาไปกินกัน เขาเรียกว่ายาม้า เอามากินเอามาทำให้ตาแข็ง ขับรถไปได้แต่พอหมดฤทธิ์ยามันก็ง่วงซึมทันที เกิดอุบัติเหตุชนกันบ่อยๆ ประเทศไทยเรานี้พวกขับรถสิบล้อกินยาม้าขับรถยนต์กินยาม้า จึงได้เกิดอุบัติเหตุ สิ่งเหล่านี้ มันเป็นสิ่งเสพติดให้โทษทั้งนั้นเราควรจะงดเว้น โดยเฉพาะบุหรี่ อย่าสูบซะดีกว่า สูบทำไม ลองถามตัวเองว่าสูบทำไม สูบเพื่ออะไร สูบแล้วมันได้อะไร ธรรมชาติของร่างกายต้องการควันบุหรี่ ไปรมปอดแล้วมันเหี่ยวแห้งให้มันพองแล้วไม่ยุบหรือไม่ ถ้าเราเป็นโรคถุงพองเกิดจาการสูบบุหรี่ สุราก็เหมือนกัน เราถามว่าดื่มทำไมดื่มเพื่ออะไร ดื่มแล้วมันจะได้อะไร ธรรมชาติของร่างกายต้องการน้ำสุราเมรัยหรือไม่
ถ้าเราถามอย่างนั้นแล้วก็คิดๆแล้วก็เห็นว่าเอ้อไม่ได้เรื่อง เราโง่มานานแล้ว เรามาฉลาดกันซะในวันแม่สักหน่อย แล้วก็เลิกดื่มสุราเมรัยเลิกสูบบุหรี่ ของเสพติดทุกประเภทไม่ดี เราก็ประหยัดเงินทองได้ ตัวอย่างเช่นคนสูบบุหรี่ วันหนึ่งต้องใช้เงินสิบห้าบาทซื้อบุหรี่หนึ่งซองสิบห้าบาทต่อวัน เดือนหนึ่งสามสิบห้าวัน (44.51) สิบห้าสามสี่สิบห้าสิ้นเงินไป ๔๕๐บาทถ้าเพิ่มเป็นวันที่สามสิบเอ็ดก็เพิ่มอีกสิบห้า เป็น ๔๕๕ บาท สูญเปล่าไม่ได้เรื่องอะไร ไปซื้อของเป็นพิษมาพ่นใส่คอตัวเองลงปอดตัวเองให้มันเสียหายให้ทลายลงเท่านั้น จะโง่อยู่ทำไมพี่น้องทั้งหลาย ฉลาดกันเสียบ้าง แล้วก็มาเลิกสิ่งเหล่านี้ในวันแม่ของเราก็จะได้ชื่อว่าเป็นการเคารพแม่เป็นการบูชาแม่ ด้วยการประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ชอบ เราชอบเที่ยวกลางคืนหรือไม่ สัตว์เดรัจฉานพอค่ำแล้วมันกลับรวงรังทั้งหมดนอนอยู่ในรังแล้วพอเช้ายังไม่ทันสว่างก็ตื่นแล้ว ร้องเรียกกันเจื้อยแจ้วเจื้อยแจ้ว ที่วัดชลประทานมีนกอยู่หลายชนิดมานอนตามกอไผ่กลางคืน ตอนเช้ามันก็บินไปทำมาหากินต่อไปกลับมามันก็มารวงมารัง มันไม่ไปเที่ยวบาร์เที่ยวไนท์คลับ แต่ว่ามันไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แต่คนเราเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ประเสริฐ เจริญกว่าสัตว์เดรัจฉานค่ำแล้วไม่อยู่บ้านไปเที่ยวบาร์เที่ยวสถานเต้นรำหรือเที่ยวเธคอะไรต่างๆตามที่เขาจัดไว้ ไอ้สถานที่เหล่านั้นเขาจัดไว้สำหรับคนปัญญาอ่อน ไม่ใช่คนที่มีปัญญามีความคิดถูกต้องไปเที่ยวไปเล่น เราไปกันทำไม ถามตัวเองว่าไปทำไมไปเพื่ออะไร ไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าเห็นแล้วไปแล้วไม่ได้เรื่องไม่ได้อะไรไปทำไม ค่ำแล้วควรกลับบ้าน ผู้ชายทำงานค่ำแล้วกลับบ้านผู้หญิงทำงานก็กลับบ้าน บ้านคือวิมานคือสวรรค์ของเรา เรามาอยู่ที่บ้าน มาทำมาหาเลี้ยงดูกัน นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน ฟังวิทยุด้วยกัน มีโอกาสที่จะอบรมลูกในขณะดูโทรทัศน์ก็ได้ ในขณะฟังวิทยุก็ได้ แนะนำพร่ำเตือนเอาสิ่งนั้นเป็นบทเรียนเป็นเรื่องเตือนใจอบรมสั่งสอนลูกเต้าใหมีความเข้าใจในเรื่องอะไรถูกต้อง ดีหรือไม่ถ้าเราทำอย่างนี้ มันก็ดีขึ้น ในวันแม่เป็นจึงวันที่ควรจะนึกว่าเราเคยเที่ยวกลางค่ำกลางคืนหรือเปล่า ถ้าคุณแม่อยู่เราไปเที่ยวนี้ท่านจะคิดท่านเป็นทุกข์เป็นห่วงว่าป่านนี้มันไปไหนทำไมยังไม่กลับมา หรือว่าจะมีอันตรายถูกตำรวจจับไป ถูกสิบล้อชนตายคุณแม่ก็เป็นห่วงสร้างความทุกข์ให้แก่คุณแม่ แต่ว่าคุณแม่ไม่มีแล้วเราก็ต้องเป็นห่วงตัวเอง ถ้าเรารักคุณแม่ถึงแม้ท่านไม่อยู่ธรรมะของคุณแม่ก็ยังอยู่ เราก็ควรนึกถึงพระธรรม พระธรรมคือความงามความดีที่อยู่ในจิตใจของแม่ถ่ายทอดมาไว้ในจิตใจของเรา เพราะการเป็นอยู่การจับจ่ายใช้สอย แล้วว่าเราคบเพื่อนชั่วหรือเปล่าคบเพื่อนชั่วนี่เพื่อนก็จะจูงไปในทางชั่วคบคนเช่นใดก็จะเป็นเช่นคนนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนั้น เช่นเราดื่มสุราเมรัยไปคบกับเพื่อนนักดื่มก็ดื่มเป็นดื่มเก่งซะด้วย เราไม่เคยเที่ยวกลางคืนคบกับคนเที่ยวกลางคืนก็พาเราไปเที่ยวกลางคืน เราไม่เล่นการพนันไปคบกับนักเลงการพนัน เขาก็ชวนเราไปเล่นการพนัน เราเป็นคนประหยัดใช้จ่ายอย่างประหยัด พอไปคบเพื่อนสุรุ่ยสุร่ายก็ต้องจ่ายแข่งกันแล้วก็จนกรอบไปตามๆกัน เราเป็นคนขยันทำงานไปคบกับคนเกียจคร้านเราก็กลายเป็นคนเกียจคร้านเหลวไหลนี่เรื่องมันเป็นอย่างนี้
เพราะฉนั้นในวันแม่นี้ ถ้าเราระลึกถึงบุญคุณของคุณแม่ นึกถึงธรรมะที่อยู่ในใจของแม่ แล้วก็เอาธรรมะนั้นมาใส่ไว้ในใจของเรา ทำตนให้เป็นคนดีปลอดอบายมุขเลิกลดละจากความชั่วความร้ายด้วยประการทั้งปวง เขาเรียกว่าเรารักคุณแม่ของเรา เรานึกถึงพระคุณของคุณแม่ แล้วเราก็สนองตอบแทนด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะมีความสุขความเจริญมีความก้าวหน้า อีกประการหนึ่งถ้าเรารักคุณแม่ รักธรรมะของคุณแม่เราช่วยกันรักษาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตของคนและสัตว์ทั้งหลาย ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมอย่าทำบ้านเมืองให้สกปรก คนในกรุงเทพช่วยกันทำลำคลองให้สกปรกไปหมด น้ำเน่าเหม็นไปหมดแล้วเวลานี้ ใครเป็นคนทำให้เน่าให้เหม็นก็พวกเราทั้งหลายนี่แหล่ะ ที่ช่วยกันทิ้งขยะมูลฝอยสิ่งโสโครกลงไปในแม่น้ำลำคลอง เราทิ้งขยะบนถนนหนทางสวนสาธารณะ ที่เขาทำไว้สะอาดเรียบร้อย เราก็ช่วยกันทำลาย พวกที่หากินตามป่า ก็ทำลายป่า ไม่เคารพป่าไม่กตัญญูกตเวทีต่อป่าไม้ ที่เราได้อยู่ได้อาศัยอย่างนี้เขาเรียกเป็นการไม่ถูกต้อง ป่าก็เป็นแม่ของเราภูเขาก็เป็นแม่ของเรา แม่น้ำก็เป็นแม่ของเราเหมือนกันเพราะให้อะไรแก่เรา ไม่ไม่มีป่าจะมีน้ำได้อย่างไร ไม่มีน้ำเราจะอยู่กันได้อย่างไร สมมติว่าป่าภาคเหนือถูกตัดหมด แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลองก็เหือดแห้ง ไม่มีน้ำให้เราได้กินได้ใช้ ป่าไม้จึงเหมือนเป็คุณแม่ที่ให้ความสะดวกสบายแก่เราทั้งหลาย เราก็ถือว่าป่าเป็นแม่ภูเขาเป็นแม่ แผ่นดินนี้ก็เป็นแม่เหมือนกัน คือแม่ธรณี เราควรรักแผ่นดิน ควรจะอย่าทำให้เป็นคนหนักแผ่นดิน แต่อยู่ให้เป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน ด้วยการช่วยกันพัฒนา แผ่นดิน ป่าไม้ธรรมชาติ ห้วยหนองคลองบึงบางทั้งหลายทั้งปวงให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยดีงาม เราเกิดมาสร้างไม่ได้ก็อย่าทำลายอะไรๆ ของพื้นแผ่นดินให้ได้ชื่อว่าเป็นคนดีเป็นคนที่มีความรักพ่อรักแม่ มีความเป็นอยู่ที่ถูกต้องรู้จักคุณค่าของชีวิต คิดได้ว่าเราเกิดมาทำไม เราอยู่เพื่ออะไรสิ่งที่ดีที่ถูกที่ชอบคือที่เราควรทำคืออะไร เราได้กระทำสิ่งนั้นๆแล้วหรือยัง นี่เป็นเรื่องที่เราควรคิดนึกอยู่เสมอ ก่อนที่จะยุติการแสดงปาฐกถาเรื่องเกี่ยวกับวันแม่ ก็ขอประกาศ สิ่งที่ควรจะรู้สิ่งที่ควรจะได้ช่วยกันทำ ดังที่เคยประกาศไว้แล้ว เกิดตึก ๘๐ ปีปัญญานันทะเป็นตึกโรงพยาบาลของโรงพยาบาลชลประทาน เวลานี้สร้างไปถึงชั้นที่หกแล้ว ยังจะตบแต่งภายใน ยังขาดปัจจัยที่จะซื้อเครื่องใช้ไม้สอยตามห้องหับต่างๆ ห้องหนึ่งก็ต้องใช้เงิน ๖๒,๐๙๐บาท ญาติโยมคนใดมีปัจจัยเหลือกินเหลือใช้ในวันแม่นี้เราควรจะทำบุญอุทิศให้แม่ ก็ช่วยกันไปบริจาคที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เพื่อสร้างตึกนี้ให้เรียบร้อยเป็นประโยชน์แก่ประชาชนต่อไป อันนี้เป้นการประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบ แสดงมาด้วยเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่ของเราทั้งหลายก็สมควรแก่กาลเวลา ขอให้เราทั้งหลายจงพร้อมใจกันระลึกคุณของแม่และตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อสนองพระคุณของคุณแม่จงทั่วกันขออวยพรให้ทุกคนจงเจริญด้วยศีลด้วยธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนทั่วกันทุกท่านทุกคนเทอญ