แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยม พุทธบริษัททั้งหลาย ต่อนี้ไปของให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ อย่าเดินไปเดินมา หาที่นั่ง เวลาตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเป็นเวลาที่นั่งสงบ ใช้หู อย่าใช้ปาก นั่งไปกันคุยกันไปเรื่อยๆ วิพากษ์วิจารณ์เรื่อยไป คนข้างเคียงเขารำคาญ เรามาฟังไม่ใช่มาพูด มาวัดนี้มาฟังธรรมะ เราต้องตั้งใจฟัง ฟังให้รู้ ฟังให้เข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน การแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันนั่นต้องแก้ด้วยธรรมะ แก้ด้วยเรื่องอื่นไม่ได้ การแก้ด้วยเรื่องอื่นเป็นของหลอกลวงทั้งนั่น แต่ถ้าแก้ด้วยธรรมะเป็นการแก้ที่ถูกเป้า เพราะพระพุทธเจ้าสอนเราว่าสิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุไม่มีเหตุ ผลเกิดไม่ได้แล้วเหตุนั่นไม่ได้อยู่ที่ใด แต่อยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ความคิด การพูด การกระทำของเรา เราจึงต้องแก้ที่ความคิด การพูด การกระทำ
เมื่อเช้ามีคนหนึ่งดูท่าทางซึมๆ เซื่องๆ มาตักบาตร แล้วก็เจอเข้า และจับข้อเท้า กราบ กราบแบบเซื่องๆ มึนๆ อะ กราบแล้วก็ถามว่า (ผมมันไม่ค่อยสบายเคราะห์ร้าย) ถามว่าเคราะห์ร้ายเรื่องอะไร ไม่พูดไม่จา มองไปทางเมีย บอกให้ช่วยตอบแทนที เมียก็ตอบว่าขับรถลงไปในคูหลวงพ่อ อ้าวถนนมันกว้างใหญ่ทำไมดันลงไปในคูอะ มันเรื่องอะไรที่ได้ขับรถลงไปในคู (ผมมันเมา) อ้าวทำไมถึงเมา เมาเพราะอะไร (ดื่มเหล้า) ไปดื่มทำไมเหล้า ดื่มให้มันเมาดื่มทำไม พอดื่มเหล้าแล้วมันก็เมา เมาแล้วขับรถลงไปในคูเสียหายเข้าไปเท่าไหร่ ไปดื่มทำไม ดื่มเพราะความโง่หรือ ไม่ตอบ หลวงพ่อตอบเองว่าดื่มเพราะความโง่ อย่างนี้มันต้องเขกกบาล เลยเขกกบาลซะ ๓ ที แล้วก็บอกว่าจะให้หลวงพ่อช่วย ต้องช่วยตัวเอง เธอต้องเลิกดื่มเหล้านะ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ต้องเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาด แล้วรถมันจะไม่ลงคูต่อไป เพราะเรามันลงคูเหล้าก่อน รถมันจึงลงคูน้ำ เพราะฉะนั้นเลิกดื่มนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็จับหน้าแข้ง กราบอีกทีหนึ่ง แล้วก็ไป ยังไม่หายเมา เช้าแล้วยังไม่หายเมา มาหาพระก็ยังมึนๆอยู่ เพราะความเมามันค้าง เขาเรียกว่าเมาค้าง แบบอย่างนี้มันก็แย่มันอยู่ที่ตัวนั่นแหละไม่ใช่อยู่ที่อะไร เราต้องแก้ที่ตัวเรา จึงจะได้ขอให้เข้าใจอย่างนี้ไว้
วันนี้ใคร่ที่จะพูดถึงเรื่อง เรียกว่ามรดกไทย คือว่ามีเขาโทรศัพท์มาให้ไปพูดโทรทัศน์ในวันที่ ๑ นี้ ให้พูดเรื่องการรักษามรดกไทย วันที่ ๑ นี้ เป็นวันก่อนวันประสูติของสมเด็จพระเทพฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นี้ท่านประสูติในวันที่ ๒ เมษายน เรียกว่าเป็นวันเฉลิมพระชมพรรษาสมเด็จพระเทพฯ ทีนี้เขาอยากให้พูดเรื่องการรักษามรดกไทย แต่ว่าพูดที่โทรทัศน์มันสั้นเวลามันนิดเดียวก็เลยมาพูดที่นี่ซะก่อนให้มันเต็มเรื่องเต็มอิ่มตามเรื่องที่ควรจะพูด แล้วจะได้อัดเทปได้ส่งเทปไปถวายสมเด็จพระเทพฯ ด้วย ส่งหนังสือไปให้ท่านด้วยในวันคล้ายวันเกิดเป็นของขวัญ ว่าอย่างนั่น เพราะฉะนั่นอยากจะพูดเรื่องนี้ญาติโยมทั้งหลายที่เรียกว่าให้รักษามรดกไทย
มรดกคืออะไร มรดก คือสิ่งที่เรารับมาจากบรรพบุรุษ รับมาจากพ่อแม่ ปู่ตา ย่ายาย มันเป็นมาโดยลำดับ ตั้งแต่เริ่มต้นมาเป็นสิ่งที่เราได้รับ ได้รับมาเขาเรียกว่าเป็นมรดกตกทอด บางคนก็รักษามรดกไว้ได้ แต่บางคนก็รักษาไว้ไม่ได้ บางครอบครัว บางสกุลมรดกมาก แต่รักษาไว้ไม่ได้ ขายๆๆๆ จนหมด จนสิ้น เป็นคนเกิดมาเพื่อขาย แล้วก็ขายกันจนหมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ อย่างนี้เรียกว่าไม่รักษามรดกของพ่อ แม่ ปู่ ตา ย่า ยาย ทำให้เสียหายด้วยประการต่างๆ เป็นความเสื่อมในชีวิต แต่ถ้าบุคคลใดรับมรดกมาแล้วมีความสำนึกในใจ สำนึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของสะสมมาจากปู่ย่า ตายาย กว่าจะได้สิ่งเหล่านี้มาท่านเหน็ดเหนื่อยลำบากไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ไม่ใช่ตื่นขึ้นแล้วก็ลอยมากองอยู่ในบ้าน หรือนึกฝันแล้วก็จะมีขึ้น ท่านต้องทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำ กว่าจะตั้งเนื้อตั้งตัวได้ กว่าจะสะสมทรัพย์สมบัติไว้ไม่ว่าจะเป็นคนไทยคนอะไรที่ในประเทศไทยที่ร่ำรวยขึ้นมานั้นมันต้องเหนื่อยพอใช้เหนื่อยทางกายเหนื่อยทางใจ ด้วยการทำงาน ทำด้วยความขยัน ด้วยความเอาใจใส่ ด้วยการคิด การค้น จนมีทรัพย์สมบัติเหลือไว้ให้ลูกหลานได้กินได้ใช้ แต่ลูกหลานนึกไม่ค่อยได้เพราะว่ามันสบายเกิดมาถึงก็กินสบายนอนสบายเที่ยวสบาย อะไรๆ ก็สบายไปหมด ให้ความสบายนี้ไม่เคยสร้างคนให้เป็นคนก้าวหน้าแต่ความทุกข์ยากลำบากนี้เป็นสิ่งสร้างคน เราเลี้ยงลูกอย่าเลี้ยงให้สบายเพราะการเลี้ยงให้สบายลูกอ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าเราเลี้ยงให้ลำบากสักหน่อย เขาจะได้รู้ว่าโลกนี้ต้องต่อสู้ ชีวิตต้องลำบาก ชีวิตมีความทุกข์ แล้วจะได้คิดแก้ทุกข์ต่อไป แต่ถ้าเราไม่ทราบทำให้เข้ารู้จักเขาก็ไม่รู้จัก เขาเกิดมาสบายทำอะไรไม่เป็นเวลาพ่อแม่พ่อแม่ตายแล้วทำไม่เป็น พ่อแม่ทำงานทำการเหน็ดเหนื่อยแต่ลูกทำไม่ได้แบบนี้แหละคือความเสื่อมในชีวิต มรดกก็จะสูญหายไปรักษาไว้ไม่ได้พระท่านจึงสอนให้รู้จักรักษามรดกเหมือนกัน คือลูกเต้าต้องรู้จักรักษามรดกของพ่อแม่แต่ว่าลูกจะรักษาได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับพ่อแม่อีกเหมือนกัน ถ้าพ่อแม่ฝึกสอนให้เข้ารู้จักรักษามรดกเขาก็จะรักษาได้ ถ้าไม่สอนให้เขาไม่รู้จักรักษาเขาก็รักษาไม่ได้ นี้เป็นความผิดอยู่ที่พ่อแม่แล้วก็ความผิดนั่นตกทอดมาถึงลูกด้วย ลูกก็รับมรดกความผิดด้วยเหมือนกันเลยก็ทำผิดต่อไปจนกระทั่งหมดสิ้นไม่มีอะไรเหลืออันนี้คือความเสียหายในชีวิต ให้เราสังเกตว่าตระกูลใหญ่ๆ ครอบครัวใหญ่ๆ ที่บรรพบุรุษของครอบครัวนั่นพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาแล้วมาไม่ทันใดก็ล่มจมไป ความล่มจมนี้เกิดขึ้นจากอะไรเกิดจากคนในชั้นหลังอ่อนแอไม่คิดก้าวหน้าไม่ซ่อมแซมของที่เก่าแก่คลำคล่า ไม่หาของมาเพิ่มเติม ไม่รู้จักทำมาหากิน ไม่ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม คบเพื่อนที่เสเพล เฮฮา ชอบความสนุกสนานไม่เข้าเรื่อง ผลที่สุดสิ่งเหล่านั่นก็หมดไปสิ้นไป ไม่ต้องดูอะไรใครๆหรอกดูในกรุงเทพที่เราเห็นๆอยู่นี้ เดินไปดูสิเมื่อก่อนตรงนี้มันเป็นของใครบริเวณนี้เป็นของใคร เดี๋ยวนี้มันเป็นของใคร แล้วทำไมมันจึงไปเป็นของคนอื่น ถ้าหากว่าคนในตระกูลนั่นครอบครัวนั่นรู้จักรักษากิน ๗ ชั่วโครตไม่หมดทรัพย์สมบัติตรงนั่นราคามันมหาศาลกิน ๗ ชั่วโครตไม่รู้จักหมดจักสิ้น แต่ทำไมต้องขายทำไมรักษาไว้ไม่ได้มันก็แสดงความบกพร่องของคนในครอบครัวนั่นอยู่แล้ว ว่าคนในครอบครัวนั่นบกพร่องอย่างน้อยก็ไม่รักกันไม่สามัคคีกันไม่ร่วมแรงร่วมใจกันวางแผนสร้างงานเพื่ออนาคตของครอบครัว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไป ไม่เคยมานั่งคิดกันในเรื่องอะไรต่างๆ ไม่เคยปรารกถึงความก้าวหน้า ถ้ามาก็กินกันสนุก ล้อมวงกันเล่นไพ่ ดื่มเบียร์ ดื่มเหล้า อะไรกันไปตามเรื่องคิดทำแต่เรื่องที่ให้เสื่อม ไม่คิดทำแต่เรื่องให้เจริญ ไม่ไปหาผู้รู้ในทางศาสนาถ้าเข้าวัดเข้าวาก็ไปหาแต่พระปัญญาอ่อนๆ ไปหาพระหมดดู หมอปลุก หมอเสก ลงเลขลงยันต์มีอะไรก็ให้ช่วยสะเดาะบ้าง อะไรๆบ้าง แล้วมันจะไปรอดได้ยังไง เพราะไม่เข้าหาผู้รู้ ไม่คบบัณฑิต คนเราถ้าไม่เข้าใกล้ผู้รู้ไม่ฟังคำสอนไม่เอาไปคิดให้เข้าใจไม่เอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันมันจะไปรอดได้อย่างไรมันไปไม่รอด
ประเทศชาติก็เหมือนกันที่ล่มจมไปนั่นเพราะอะไร เราดูประวัติศาสตร์ชาติๆในโลกนี้ล่มจมไปมีมากมายทิ้งไว้แต่ค่าของวัตถุปรักหักพังของเหล่านั่น ถ้าไปศึกษาดูแล้วเป็นความยิ่งใหญ่มีอำนาจเจริญก้าวหน้าในยุคนั่นในสมัยนั่น แต่ต่อมาก็เสื่อมสลายไปจนกระทั้งหมดก็เกิดมาจากว่าคนเหล่านั่นไม่ได้ประพฤติธรรมมีความประมาณ คนเราที่มีความประมาณก็เพราะมัวเมาในความสุขความสบาย คนสมัยก่อนนั่นเขาลำบากสร้างสิ่งต่างๆไว้ให้ พอมาขั้นลูกชั้นหลานมันสบายๆ หนักเข้าๆ ก็เลยเพลินไปกินเพลินไปสนุกเพลินไปจนของหมดก็ไปจำนำจำจองกันต่อไป ผลที่สุดประเทศอื่นเข้ามาแย่งเอาไป เพราะความเหลวไหลนั่นเองไม่ใช่เรื่องอะไรนี้คือความเสียหาย คนไทยเราทุกคนหรือว่าคนใดก็ตามที่อยู่ในประเทศไทยต้องมีส่วนในการรับมรดกที่เป็นวัตถุ แล้วก็ต้องมีส่วนในการรับมรดกที่เป็นคุณค่าทางจิตใจ
มรดกที่เราจะพึงรับมันมี ๒ อย่างเรียกว่ามรดกทางวัตถุ แล้วก็มรดกที่เป็นคุณค่าทางจิตใจมรดกทางวัตถุที่เราเห็นง่ายๆคือแผ่นดินนี้ แผ่นดินไทยที่เราได้รับมรดกตกทอดมาเราได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศ ประเทศไทยกว่าจะอยู่มาได้จนถึงขนาดนี้ลองอ่านประวัติศาสตร์ว่ามีความยุ่งยากลำบากขนาดไหนบรรพบุรุษของเราต้องต่อสู้ด้วยเลือดด้วยเนื้อ เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานได้อยู่สบายๆ คนไทยต้องตายในสนามรบจำนวนเท่าไหร่เพราะฆ่าศึกมารุกรานต้องการเอาทรัพยากรธรรมชาติในแผ่นดินต้องการแผ่อำนาจเพื่ออวดว่าฉันนี้เก่งกว่าใครๆ แล้วคนไทยก็ต้องต่อสู้บางคราวก็สู้ได้บางคราวก็สู้ไม่ได้ต้องพ่ายแพ้ แต่ว่าแม้ถึงจะแพ้ไปก็มีคนดีเกิดขึ้นต่อสู้ จนมีคำพังเพยว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี แต่ว่ามันก็มีวันสิ้นสักวันหนึ่งเหมือนกันถ้าไม่ช่วยกันทำดีไม่ช่วยกันชักชวนให้สร้างความดีไม่สนับสนุนคนดีและความดี มันก็เสื่อมเหมือนกัน ผลที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็แตกสลาย เหลือแต่ซากปรักหักพัง เราได้ไปดูกันบ่อยๆ เวลาไปดูอย่าดูเฉยๆอย่าดูเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ดูว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรนึกถึงภาพความสมบูรณ์ในสมัยก่อนที่เค้าเขียนว่าเจดีย์ระดะแซงเสียดยอด และก็มีแต่เสียงระฆังดังเหง่งหง่างๆ กรุ้งกริ้งๆ ทั่วไป มันมีแต่วัดวาอารามมีแต่เจดีย์ มีวังอันสวยงาม แต่เดี๋ยวนี้มีแต่ซากอิฐแล้วคนก็ไปขุดซากอิฐมาขายซะอีก เอามาถมบ้านถมเมือง สิ่งเหล่านั่นค่อยๆหายไปสิ้นไป บุญหนักหนาที่มีคนฉลาดเกิดขึ้นได้ช่วยกันป้องกันไว้ให้เราได้มองเห็นกันอยู่บ้างดังในปัจุบันนี้ ถ้าไม่มีคนนั่นเกิดขึ้นสิ่งนั่นมันก็ถูกขายหมดเอากำแพงไปขายเอามาถมบ้านถมเมืองเอาเจดีย์ไปขายเพราะอิฐกรุงศรีอยุธยากับอิฐเมืองสุพรรณนี้มันแพงดีเขาเผาด้วยไม้ฟื้นมากๆ สมัยก่อนๆไม้มันเยอะเวลาจะเผาก็เผาด้วยแรงก้อนหนาแล้วก็ยาวเขาก็เอาไปขายกัน คนชอบชื้อ ไม่ใช่ซื้อไปไว้พิพิธภัณฑ์ ซื้อไปถมดินแล้วมันก็จมไปในกองดินหมด ถ้าบรรพบุรุษเราตื่นขึ้นมาเห็นคงจะนั่งร้องไห้เสียใจ ว่าเอ้อกูอุตส่าสร้างไว้ด้วยเลือดด้วยเนื้อแต่มาชั้นลูกชั้นหลานมันขุดเอาไปขายหมด เอาไปถมบ้านถมเมืองถมที่ลุ่มจมดินหมด ท่านก็จะนั่งเศร้าใจน้ำตาไหลนอง อันนี้เป็นเรื่องของการกระทำที่ไม่ถูกต้องไม่รักษาไว้ คนโบราณก็ต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้แล้วก็ผลที่สุดก็ดังที่เราเห็นแต่ว่าคนดียังมีอยู่จึงกอบกู้ต่อไปย้ายกรุงอยุธยามาอยู่ที่กรุงธนฯ มาอยู่ที่กรุงเทพฯ รักษาจนมาจนกระทั่งบัดนี้ พระเจ้าแผ่นดินครองมาจนถึง ๙ รัชกาล ไอ้ต่อไปข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นเราก็ไม่รู้ เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนเพราะสิ่งทั้งหลายมันเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ แต่ว่าคนเรานี้ถ้าช่วยกันแก้ไขความเปลี่ยนแปลงทางสังคมก็ย่อมไม่รุนแรงไม่มีอะไรเสียหาย ถ้านึกได้คือนึกถึงความดีความงามของบรรพบุรุษ นึกถึงความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อนพวกเรา เขาอยู่กันอย่างไร เขาทำอะไร แล้วเราควรจะช่วยกันเรารักษาสิ่งนั่นอย่างไร ถ้าเราคิดได้มันก็ไม่พังทลาย
วัดวาอารามนี้ก็เหมือนกันสมภารองค์ใดองค์หนึ่งมาอยู่ เพราะความนิยมชมชอบแก่ประชาชนสร้างนั่นสร้างนี้ขึ้นไว้ แต่ถ้าสมภารที่มาอยู่ที่หลังไม่เอาไหนเพราะสบายแล้วกุฎิก็สบาย อะไรก็สบายไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องลำบาก ไม่ขวนขวายในการศึกษาไม่ขวนขวายในการสั่งสอนประชาชน ไม่ประพฤติดีประพฤติชอบให้คนเลื่อมใสศรัทธา วัดมันก็เสื่อมเหมือนกัน เสื่อมลงไปจนพังทลายมีอยู่หลายที่หลายแห่ง องค์หนึ่งอยู่คนก็มากัน พอองค์นั่นตายแล้วคนก็ไม่มากันเพราะว่าไม่สืบต่อคุณงามความดีอันนั่นไว้ หรือว่าคนมาก็ไม่ได้มาเพื่อความฉลาด แต่มาเพื่อความโง่ความงมงายแล้วองค์ที่ทำให้คนโง่ตายไปคนหลังก็ยังโง่ทำต่อไปด้วยเพราะไม่ได้สอนให้ฉลาดก็รักษาไว้มันเป็นอย่านี้ อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เราเห็นกันอยู่ทั่วๆไปในสังคมของมนุษย์
ประเทศอินเดียเคยเจริญรุ่งเรืองมาในสมัยก่อนโน้นเดี๋ยวก็เสื่อมลงไปเหลือแต่ซากปรักหักพังดังที่เราไปดูไปเห็น ประเทศอียิปต์สมัยโบราณก็เจริญรุ่งเรืองสร้างพีระมิดใหญ่ๆได้ แล้วเดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างไร ประเทศเมโสโปเตเมียเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองเหมือนกันลุ่มแม่น้ำ เขาเรียกว่ายูเฟรทีส เป็นลุ่มแห่งความเจริญทาง อารยธรรม แต่เดี๋ยวนี้สถานที่เหล่านั่นเสื่อมโทรมจมอยู่ในทะเลทราย ไม่มีอะไรไปขุดไปค้นจึงพบว่า โอ้เคยเจริญมากในสมัยหนึ่งแต่ก็เสื่อมไปความเสื่อมเกิดเพราะความมัวเมาในความสนุกสนานมากเกินไปไม่สนใจในการรักษาสร้างสรรค์สิ่งที่คนโบราณเขาทำไว้จึงได้เกิดความเสียหาย อันนี้เป็นเรื่องน่าคิด
เราทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินนี้ถ้าเราคิดสักหน่อย คิดว่าแผ่นดินที่เราอยู่นี้บรรพบุรุษมาจับจองเป็นเจ้าของ แล้วก็ต่อสู้เพื่อรักษาไว้ให้เป็นแผ่นดินของลูกของหลานแต่มาในชั้นลูกชั้นหลานนี้เค้าไม่ค่อยจะเอาใจใส่เท่าใด โดยเฉพาะเวลานี้ลูกหลานพยายามขายดินของบรรพบุรุษขายกันเป็นการใหญ่ เพราะราคาแพงเอาดินไปแลกกระดาษเวลานี้ กระดาษนั่นราคามันสักเท่าใดเค้าเขียนเลขสมมุติไว้ใบร้อย ใบห้าร้อย ใบอย่างนั่นอย่างนี้ ยิ่งเขียนเลขมาก็ยิ่งยุ่ง กระดาษถ้าเขียนเลขมากแล้วมันเพ้อ ไปไหนก็ต้องเอากระบุงใส่ไปซื้อข้าวซื้อของ เหมือนในบางประเทศเคยทำไปซื้อของต้องเอากระบุงใส่ธนบัตรไปซื้อ นับกันเป็นกองๆได้ของมาไม่กี่ชั้น นั่นประเทศมันจะล่มจมแล้วเพราะว่าเงินมันฟืดเกินไปข้าวของแพง ราคาของกระดาษนิดเดียว แล้วที่เราขายที่ดินกันอยู่ในเวลานี้ก็ขายแลกกระดาษ ซึ่งกระดาษมันก็ค่าน้อยเวลานี้ไม่ได้มากมายอะไร เราเอามาก็ไปซื้อของกินของเล่น บางคนขายแล้วก็เอาไปเที่ยวไปเล่นไปสนุกสนาน พอกระดาษที่เป็นเรียกว่าเงินตรามันหมดดินก็หมดเสียแล้ว แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ลูกหลานจะอยู่กับใคร เป็นเรื่องที่ควรต้องคิดแต่คนก็ไม่คิดเพราะว่าเงินมันแพงแต่ก่อนนี้ไร่หนึ่ง ๕ พัน เดี๋ยวนี้ไร่หนึ่ง ๕ แสน ในบ้างแห่งไร่หนึ่งตั้ง ๕ ล้านเข้าไปแล้ว โอ๊ยเงินเยอะเลยขายกันใหญ่โดยไม่ได้นึกว่าเงินนั่นมันมีค่าขนาดไหนราคาของเงินเป็นอย่างไร มันไม่ได้คิดอย่างนั่นเห็นแก่เงินที่จะมีจะได้ก็เลยขายกันซื้อกันเป็นแถบๆ แล้วที่ดินดีๆ ไปซื้อแล้วไปตั้งโรงงาน ที่ควรทำการเพาะปลูกเอาไปสร้างโรงงานหมด ที่ดินควรทำสวนสวยๆ งามๆ ดูแล้วชื่นใจ เอาไปสร้างบ้านจัดสรรเสียหมดนั่งรถผ่านถนนรัตนาธิเบศร์ไปนครชัยศรีไปนครปฐมก็นั่งวิตกกังวลไปตลอดทาง บอกว่าอีกไม่เท่าใดก็จะไม่เป็นต้นมะพร้าวเขียวขจี จะไม่มีสวนให้เราดู จะไม่มีส้มโอขายในบริเวณนั่น เพราะบ้านจัดสรรมันรุกเข้าไปทุกวันทุกเวลาเมื่อวานนี้ก็ไปเทศน์ที่ อำเภอบางกรวย วันก่อนไปที่ อำเภอบางกรวย บอกนายอำเภอว่าช่วยบอกชาวบ้านนะอย่างขายสวนเสียหมด (โอ้หลวงพ่อข้างในนี้มันขายหมดแล้วยังเหลือติดถนนนี้แหละที่เป็นวิวทิวทัศน์อยู่สักหน่อย ผมไปเดินตรวจท้องที่เค้าขายกันเกือบหมดแล้วสร้างบ้านกัน) ต่อไปเมืองนนจะไม่มีชื่อว่าทุเรียนดีต่อไปเพราะสวนทุเรียนมันไม่มีแล้ว หรือว่าผลไม้อะไรดีมันจะไม่มีต่อไปเพราะกลายเป็นบ้านจัดสรรไปหมด คนขายดินขายสวนเพื่อเอาเงินมากินมาใช้ แล้วจะใช้ไปได้สักเท่าใดเงิน คนมีเงินมันมีสิ่งยั่วยุ อยากซื้ออยากหา สร้างบ้านสร้างช่อง แล้วก็ทำอะไรมันก็อยู่ไม่ได้เท่าใดบ้านอยู่ในที่ดินนิดหน่อยไม่มีที่ทำมาหากินจะอยู่ในบ้านหลังนั่นได้นานสักเท่าใด ถ้าเราไม่เงินสำหรับใช้บ้านหลังนั่นก็ต้องขายต่อไปแล้วที่สุดก็ขายหมดลูกเต้าก็ไม่ได้เจริญก้าวหน้าอะไร นี้คือความเสื่อมที่กำลังจะก่อตัวขึ้นในบ้านเมืองของเรา แล้วไม่เฉพาะแต่ในกรุงเทพต่างจังหวัดก็ขายเหมือนกันโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่นี้ขายกันใหญ่ ทุ่งนาปลูกข้าวดีๆ เอาไปทำสนามกอล์ฟ ไปเห็นเอ๊ะอะไรทำอะไร สนามกอล์ฟโอ้ยตายแล้วที่ปลูกข้าวเอาไปทำสนามกอล์ฟไว้ตีลูกกลมๆ เล่นกัน แล้วมันจะกินอะไรกันต่อไปจะปลูกข้าวที่ไหนเอาไปทำซะอย่างนั่นแล้ว
คนเหล่านั่นไม่มีที่ก็ต้องเข้าไปในป่ารุกป่าสงวน ป่าเสื่อมโทรมไปถางป่าทำมาหากินกันต่อไป ต่อไปก็ไม่มีป่าให้ทำมาหากินไม่มีภูเขา จะให้ฝนตกลงมารดจะได้กักน้ำไว้ สำหรับไหลลงมาตามลำห้วยลำธารแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะแห้งขอดลงไป แห้งแล้วก็ยังมีน้ำโสโครกไหลลงไป กินไม่ได้ใช้ไม่ได้ อนาคตจะเป็นอย่างนั่นถ้าเราไม่ตื่นตัว ไม่ก้าวหน้า ไม่ช่วยกันรักษาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้าไม่ช่วยกันป้องกันแล้วมันจะเกิดกันไปใหญ่ เป็นเรื่องที่น่าคิดในปัจจุบันนี้ นั่งคิดนั่งนึกแล้วแก้น่ากลัวอยู่เหมือนกันว่าทรัพย์สมบัติของคนเรานี้มันจะเสื่อมไปสิ้นไปชั่วเรานี้ยังพออยู่นะ แต่ชั่วลูกชั่วหลานจะลำบาก จะลำบากมากขึ้นเพราะความเจริญทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น อะไรมากขึ้นแต่คนที่อยู่ต่อไปข้างหน้าจะไม่ทันเหตุทันการณ์ในสิ่งเหล่านั่น แล้วก็จะกลายเป็นถอยหลังเข้าคลอง ไปอยู่ตามตรอกตามซอยไปอยู่ตามแหล่งสลัม ไอ้ส่วนที่ใหญ่ๆโตๆ คนอื่นเขามาอยู่กันมาเป็นเจ้าของประเทศกันต่อไปในนามของคนไทย แต่ว่าไม่ใช่คนเจ้าของเดิมแล้ว มีคนใหม่เข้ามาอยู่กันมากมายนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด ว่าแผ่นดินของบรรพบุรุษจะหดจะสั้นลงไป
ริมทะเลมีป่า เขาเรียกว่า ป่าโกงกางป่าโกงกางนั่นมันเป็นดินเลน เป็นที่เกิดของสัตว์น้ำพวกปลา พวกกุ้ง พวกหอย พวกปู มันอาศัยป่าโกงกาง ออกลูกออกเต้าออกมาแล้วก็ไปเติบโตต่อไป เวลานี้ป่าโกงกางเขาเรียกว่า ป่าชายเลน ถูกถางเพื่อทำนากุ้งเลี้ยงกุ้งกันให้เราเลี้ยงกุ้งแต่ว่าสัตว์ที่เป็นอยู่ตามธรรรมชาติมันก็หายไป ทำให้เกิดปัญหา ยุงก็ชุมขึ้น เพราะยุงมันเคยอยู่ในป่าโกางกาง เวลานี้ป่าโกางกางไม่มียุง ยุงก็ไม่มีที่อยู่ เมื่อไม่มีที่อยู่ก็ต้องมาอยู่กันคนแหละทีนี้มันก็ต้องมากันคน เช่น แถวบริเวณ อำเภอไชยา ท่าฉาง แถวสุราษฎร์นี่ (ชาวบ้านนี้ยุงมันชุมเหลือเกินตัวใหญ่ๆทั้งนั่น) ทำไมมันจะไม่ชุมก็เราไปรุกบ้านของมันนี้แล้วมันก็ไม่มีที่อยู่ มันก็มาอยู่กับคนมันมาอยู่กับคน มันไม่อยู่เฉยๆ มันดูดเลือดคนด้วยมันรู้ยุงมันโกธรไปทำลายบ้านกู กูจะต้องเล่นงานพวกแกแหละที่นี่ แล้วมันก็กัดเป็นการใหญ่คนก็กระทบกระเทือนทางเรื่องความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมก็เสียทำให้เกิดปัญหา
วันก่อนคุยกับอธิบดีกรมการประมง คุณปลอดประสพ สุรัสวดี เขาบวชที่นี่แล้วก็มาสนทนากันเอาปัจจัยมาถวายสร้างตึกด้วย ท่านบอกว่าปัญหามันเยอะเรื่องนี้ผมสู้เต็มที่แต่คนเดียวมันสู้ไม่ไหว เลยเกิดเป็นปัญหาทั่วไป กำลังทำลายธรรมชาติ เราไม่รู้จักบุญคุณของธรรมชาติไม่รู้จักบุญคุณของป่าของภูเขา ของต้นหมากรากไม้ แล้วก็ชวนกันทำลายโดยไม่รู้สึกตัว การทำลายสิ่งเหล่านั่นก็คือการทำลายตัวเอง ทำลายลูกหลานให้เกิดควาทุกข์ความเดือดร้อนในกาลต่อไปข้างหน้า แต่เขาไม่รู้ที่ไม่รู้ก็เพราะไม่มีคนไปสอนให้เขารู้ เราไม่มีการอบรมคน ไม่มีการทำควาเมเข้าใจ คนที่อยู่ตามริมป่าเราไม่ไปเรียกมาประชุม มาอบรม มาเข้าค่าย พูดจากันให้เกิดความรู้ความเข้าใจพูดปาวๆ อยู่ทางวิทยุที่กรุงเทพ คนมันไม่สนใจฟังมันสนใจจะฟังก็ต่อเมื่อเพลงลุกทุ่งดังขึ้น พอเพลงลูกทุ่งดังแล้วเปิดทุกบ้าน ทีวีก็เปิดทุกบ้าน มีลิเกก็เปิดทุกบ้านแต่พอพูดเรื่องอะไรเขาปิดวิทยุ ปิดโทรทัศน์ เขาไม่สนใจจะฟัง พวกคนเหล่านั่นต้องไปจับมามัดเข้าแล้วก็พูดกรอกไปในหูอย่าเอามาให้นั่งฟังพูดจาทำความเข้าใจ มีภาพแสดงประกอบ มีเหตุมีผล อาจทำได้ต้องช่วยกันทำ กรมป่าไม้ต้องทำงาน กรมประชาสัมพันธ์ก็ต้องทำงานทุกกระทรวงต้องช่วยกัน เพื่อรักษาแผ่นดินไทยให้คงเป็นแผ่นดินที่มีความสมบูรณ์พอสมควร เดี๋ยวนี้มันสมบูรณ์น้อยแล้วเพราะว่าเดินทางไปในเห็นแต่ภูเขาเตียนโล่งไปไม่มีอะไร วันก่อนไปฉวางนั่งในรถคุยกันไปกับคนขับ เค้าก็บอกว่าแย่แล้วหลวงพ่อภูเขามันแล้งฝนมันไม่ตกต้นไม้ก็จะตาย น้ำก็จะแห้งเพราะภูเขาถูกทำลาย ฝนมันก็ไม่มาตกตามฤดูกาล เดือนนี้มันควรตกแต่มันก็ไม่ตกเมฆมันลอยผ่านไปถ้าเมฆพูดได้มันคงจะพูดว่าฉันไม่แวะเพราะไม่มีความชุ่มความเย็นให้ฉันได้พักผ่อนซะเลย ฉันจะแวะทำไม พวกแกทั้งหลายทำลายป่าของฉันป่ารับน้ำไม่มี ฉันจะแวะทำไมก็ลอยผ่านไปในทะเลหมดแล้วไม่ได้ตกมา มันก็เสียหายธรรมชาติมันก็ลงโทษ ลงโทษคนเหล่านั่น แต่ว่าคนที่ทำนั่นไม่ได้ทำทุกคนแต่ถึงบทลงโทษทำรวมกันหมด ลงโทษหมดทุกคนเพราะว่ามีส่วนรับผิดชอบร่วมกันจึงต้องถูกลงโทษตั้งปัญหาเหมือนกันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นเห็นๆ กันอยู่ทุกวันทุกเวลา
แผ่นดินของเรากำลังจะไร้คุณค่าแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์จะไม่สมบูรณ์ต่อไปเพราะไม่มีปุ๋ยธรรมชาติที่ไหลลงมาจากภูเขาน้ำที่ไหลมาก็ไม่มีอะไรจะไหลมาด้วยแล้วสมัยก่อนนี้ชาวนา อยุธยา สุพรรณบุรี เขาไม่ได้ใช้ปุ๋ยอะไรแต่ว่าทุกปีน้ำเอาปุ๋ยมาให้เพราะน้ำมันไหลหลากมาท่วมเวลามาน้ำขุ่นเป็นตมไอ้ในตมนั่นแหละมีอะไรอยู่พร้อมแล้วมันก็ตกตะกอนพอวันเพ็ญเดือน ๑๒ นี้น้ำขุ่นใสหมด เขาจึงบอกว่าน้ำเดือนเพ็ญพอถึงวันเพ็ญก็ตักน้ำนั่นใส่โอ่งไว้เอาไว้รับประทานตักน้ำใส่โอ่งไว้ทุกบ้าน ทุกช่อง ถ้าเราไปขอน้ำ บอกน้ำอะไรน้ำวันเพ็ญเดือน ๑๒ น้ำมันใสแต่น้ำเดือน ๑๑ กินไม่ได้ น้ำเดือน ๑๐ ขุ่นเป็นตมเลย ตมเหล่านั่นมันตกเป็นตะกอนไว้พอถึงฤดูทำนาก็กลายเป็นปุ๋ยของชาวนา ชาวนาไม่ต้องซื้อปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ดังที่เราใช้กันอยู่สมัยนี้เพราะเวลานี้มันไม่มีปุ๋ยอย่างนั่น ป่ามันไม่มีมันมีแต่ชะดินเฉยๆ แต่ไม่มีปุ๋ยอินทรีย์ไม่มีใบไม้แห้งไม่มีอะไรที่ติดมากับสิ่งเหล่านั่น ก็เลยต้องใช้ปุ๋ย หลวงพ่อสมัยเด็กก็อยู่ในสภาพชาวนา คุณพ่อคุณแม่ทำนาไม่เห็นใส่ปุ๋ยอะไรแต่พอถึงฤดูก็ไปไถให้มันเป็นโคลนแล้วก็คราดคราดแล้วก็ไปปักดำเท่านั่นเอง ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเลยไม่เคยไม่รู้จักคำว่าปุ๋ยด้วยซ้ำไปแต่ข้าวมันก็ขึ้นงามออกดอกออดรวงแล้วก็ได้เก็บเกี่ยวได้กินได้ใช้กันมาทุกปีปุ๋ยธรรมชาติมันมีน้ำเอามาให้แต่เดี๋ยวนี้ต้องซื้อปุ๋ยวิทยาศาสตร์ราคาก็แพงบางทีก็ไม่ใช้ปุ๋ยแท้ด้วยกลายเป็นปุ๋ยปลอมก็มีเหมือนกันแล้วปุ๋ยวิทยาศาตร์นี้ทำให้ดินแข็งมากขึ้นเหนียวมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาอยู่เหมือนกัน ปุ๋ยอินทรีย์มันทำให้ดินอ่อนใส่แล้วก็ร่วน แต่ปุ๋ยนี้มันทำให้ดินแข็งกระด้างเพราะมันมีอะไรผสมอยู่ในดินมีกรด มีด่าง ทำให้เกิดเป็นปัญหาแล้วราคาก็แพงด้วย นี้มันเราทำลายธรรมชาติความกระทบกระเทือนในเรื่องการเพราะปลูกในเรื่องดินฟ้าอากาศแล้วโรคภัยไข้เจ็บก็เกิดมากขึ้นต่อไปในกาลข้างหน้าเพราะว่าศัตรูพืชมีมากขึ้น ทำไมศัตรูมันจึงมาก ทำไมตั๊กแตนจึงแห่กันมาเป็นฝูงๆ มากินข้าวโพดของชาวไร่ ก็เราไปรื้อบ้านมันก่อนไปรื้อบ้านตั๊กแตนคือไปถางป่า ถางป่าตั๊กแตนก็ไม่มีที่จะอยู่แล้ว มันออกลูกแล้วมันก็เหาะเอาลูกเอาเต้ามาไปกินข้าวโพดของชาวบ้านดีกว่าลูกเอ๋ยแล้วมันก็บินมาเป็นฝูงๆ มากินข้าวโพดของชาวบ้านเพราะมันไม่มีที่อาศัยไม่มีอะไรจะกินในป่า ก็มารังแกคนเพราะคนไปรังแกเขาก่อนหากบาปเกิดเพราะเราไปรังแกเขา เราก็ถูกรังแกมั่ง อ้าวตั๊กแตนมากต้องเอาเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยยาพิษ ไปพ่นยาพิษมันไม่ตายแต่ตั๊กแตนคนมันจะพลอยตายด้วยเพราะว่าไอ้ยาพิษที่พ่นไปในอากาศนั่นมันไม่ได้ไปลงเฉพาะที่ มันไม่ได้ทำให้ตั๊กแตนตายทั้งฝูงแต่ว่ามันปลิวไปปลิวไปแล้วเราหายใจเข้าไปวันละเล็กวันละน้อยแต่พิษนั่นก็ไปสะสมอยู่ในร่างกายแล้วต่อมาก็เกิดซูบขึ้นมา นอนๆ หลับก็หลับไปเฉยๆ เยอะแยะ
คนงานไปสิงคโปร์นอนหลับตายกันเยอะแยะ มันตายเพราะอะไรหมอก็ยังไม่รู้แต่ว่ามีอย่างหนึ่งคือการสะสมของพิษต่างๆ ที่เราเก็บเข้าไปกับลมหายใจกับอาหารที่เรารับประทานเข้าไปกับปูปลาอะไรต่างๆที่มีสารพิษจากโรงงานไหลลงไปในอ่าวทำให้ปลาเหล่านั่นมีสารพิษคนญีปุ่นไม่กินปลาในอ่าวโตเกียว ไม่กินปลารอบเกาะญีปุ่น ญีปุ่นไม่มีปลาจะกินแล้วแถบนั่นเพราะมีพิษทั้งนั่น โรงงานมันเยอะเต็มเกาะเลย แล้วก็ขายๆพิษลงไปในน้ำ ญีปุ่นไม่กินแล้วเวลานี้ญี่ปุ่นก็มาสร้างปลาเมืองไทยมาสร้างกุ้งในเมืองไทยของตัวฉิบหายหมดแล้วกเลยมาทำให้เมืองไทยเสียหายต่อไปอีกมาเลี้ยงกุ้งก็มาทำลายป่าเมืองไทยให้เสียหายต่อไปกุ้งที่เลี้ยงไม่ใช่คนไทยกินหมดเมื่อไหรแช่แข็งส่งญีปุ่นทั้งนั่นปลาดีๆจับได้เข้าโรงงานแช่แข็งส่งญีปุ่น ปลากะพงแดง กะพงไร ที่จับได้เมื่อก่อนนะคนได้กินไม่ได้เดี๋ยวนี้ที่สงขลากุ้งตัวใหญ่ๆ เราเรียกว่าแม่กุ้ง สมัยเด็กๆ แม่กุ้งมีไข่มีอะไรเอามากินมาต้มกินอร่อย เดี๋ยวนี้ไม่ได้กินเพราะมีโรงห้องเย็น พวกนั่นจับได้ส่งเข้าห้องเย็นราคาสูงกว่าและดีๆส่งนอกหมด เหลือแต่กุ้งเล็กกุ้งน้อยเป็นกากเป็นเดน เอาไว้ให้เจ้าของบ้านกินกันต่อไป คือได้กินกากกินเดนแล้วเวลานี้ ไอ้ที่เป็นเนื้อดีๆส่งเข้าห้องเย็นเขาเอาไปกินหมดเพราะปลาบ้านเขากินไม่ได้ต้องมาซื้อจากเมืองไทยต่อไปเมืองไทยก็จะกินไม่ได้เพราะโรงงานมากขึ้นๆ ทำให้แม่น้ำทั้งหลายเป็นพิษกันไปหมดนี้คือการเปลี่ยนแแปลงธรรมชาติ นี่คือการทำลายธรรมชาติ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงบ้างแต่ต้องมีการควบคุมไว้ ตรงนี้ควรมีป่าตรงนี้ควรมีอะไรต่ออะไร ต้องจำกัดเนื้อที่เรายังไม่มีสิ่งเหล่านั่นควบคุมไม่มีกฎหมายไม่ได้ถามคุณ ...... (37.39 เสียงไม่ชัดเจน) อัยการดูมันมีหรือเปล่าสำหรับทำการเพาะปลูกเป็นโรงงานบริเวณเป็นบ้านบริเวณนี้เป็นสวนไม่ยัง ดูจะไม่มีเพราะดูมันจะเลอะเทอะกันไปหมดแล้ว
เราสร้างบ้านอยู่เป็นห้องแถวไอ้พวกแต่งรถมาเช่าห้องแล้วมา …… (37.58 ไม่ยืนยันตัวสะกด) อยู่กลางดึกดื่นเที่ยงคืนคนไม่ได้หลับได้นอน เมืองนอกเขาไม่มี เมืองนอกไม่มีที่แต่งรถข้างถนน แล้วข้างถนนนี่เค้าไม่ให้จอดรถเพ่นพ่านมีบางสายให้จอดได้ แล้วไม่มีการขายของเต็มหน้าร้านจนเดินไม่ได้เหมือนเมืองนนทบุรี หากใครเข้าไปเมืองนนเดินได้กับเขาเมื่อไหร่มันเต็มไปหมดจะไปธุระที่ธนาคารกรุงไทยที่เมืองนนฯ อะ เอ๊ะมันเข้าทางไหนอะธนาคารนี้ มันไม่มีทางเข้าร้านเต็มหมดเลยต้องไปเข้าทางหลังไปเคาะประตูหลัง ขอทางหน่อยๆ เลยเข้าไปแล้วบอกว่าทำกันอยู่อย่างไรพวกเรามันไม่มีประตูเข้าแล้วคนขายของเต็มหมดแล้วฉันจะถอนเงินแล้วไม่ฝากแล้วที่นี่ จะเอาไปฝากปากเกร็ดเดินทางสะดวกหน่อยแต่เดี๋ยยวนี้ปากเกร็ดก็ชักจะเริ่มขึ้นแล้ว ชักจะรกรุงรุังขึ้นอีกแล้ว ฟุตบาทก็ชักจะเต็มขึ้นขยะก็ชักจะมากขึ้นแล้วเวลานี้ สุขาภิบาลปากเกร็ดชักจะแย่ลงไปทุกวันแล้วเวลานี้ ขยะกองหมดข้างถนนหนทางเต็มไปหมดไม่รู้อะไรที่ไม่มาเก็บมาโกย เราก็เคยสั่งให้มาโกยมันก็ไม่มาโกยเดินเหม็นอึ่งทุกวัน เพราะว่าไม่ช่วยกันรักษาหน้าที่มันก็เป็นปัญหา เรื่องเสียหายก็เกิดขึ้นอีกต่อไปทั้งนั่น นี้คือการทำลายทั้งนั่น ทำลายธรรมชาติ ทำลายสมบัติของเรา ทำให้เกิดความเสียหาย
เมื่อเด็กๆ เคยอ่านนิทานอีสปเล่าว่าพรานไปล่าเนื้อ ล่าเนื้อเนื้อมันก็หนี หนีแล้วมันก็ไปซ่อนอยู่ในพุ่มไม้นายพรานเดินไปไม่เห็น เดินพ้นไปไม่เห็น ไอ้เจ้าเนื้อก็นึกในใจโอ้พรานไปแล้ว ไอ้พุ่มไม้ที่กูมาอาศัยอยู่นี้ใบเขียวชอุ่มดีกินมันซะเลย ก็เลยกัดกินพุ่มไม้ กัดกินพุ่มไม้หัวมันก็โผล่ ในภาพเห็นเนื้อโผล่อออกไปออกไป พรานเลยอ้าวมาอยูนี้เองโป่งเข้าให้เนื้อตัวนั่นตาย นี้แหละคือบทเรียนว่าเราทำลายสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เราทำลายภูเขา ทำลายป่าไม้ ทำลายแม่น้ำ ทำลายลำคลอง แล้วเราก็ถูกนายพรานยิ่งตาย นายพรานก็คือความลำบากเดือดร้อนก็คือตัวนายพรานใหญ่ที่จ่องลูกศรอยู่ตลอดเวลา โป่งเข้าให้ ตายเข้าไปตามๆกันถึงไม่ตายก็ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนกันไปตามๆกัน นี้คือการทำลายสิ่งที่ไม่ควรจะทำลายแต่ควรจะช่วยกันสร้างช่วยกันสร้างสรรค์
วันก่อนนี้เค้ามาโค่นต้นไม้อาตมาไม่อยู่แต่ว่าพระบอกเมื่อวานต้นสนนี้อันตรายเขาว่าลมพัดทีมันล้มลงมาทีอะไรๆวินาศสันตะโรอ้าวโค่นก็โค่นแต่ไม่ได้อยู่คุม แหม่โค้นหมดเลยตรงไหนๆก็โค่นหน้ากุฏิก็โค่นโค่นอย่างนี้ ตายแล้วนึกว่าจะตัดสักท่อนหนึ่ง ให้มันแตกต่อไปไม่อย่างนั่นอะตัดถึงโคนเลยตัดหมดแดดเปรี้ยงแหละที่นี แดดก็ร้อนปลูกไม่ทัน ก็ต้องปลูกใหม่เลยไปซื้อต้นประดู่มา ๓ ต้น ให้พระไปซื้อ พอมาเบิกเงินนี้อาตมาจะเป็นลม เพราะว่าต้นละเจ็ดพันนะโยม บอกว่านี้ต้องปิดทองๆ ประดู่ ๓ ต้น ต้องติดทองโยมไปดูสิต้นประดู่มีอยู่ ๓ ต้นที่ไม้ค้ำอะไม้ไผ่ค้ำมีอยู่ ๓ ต้นต้นละเจ็ดพันบาท ลดให้นิดหนึ่งเอาไป สองหมื่น ลดให้หนึ่งพัน มันเจ็ดพัน ๓*๗ = ๒๑ แม่เอ้ย บอกว่าแหมอย่างนี้ก็แย่ อ้าวไม่เป็นไรซื้อมาแล้วก็ต้องจ่าย จ่ายไป สองหมื่น ๓ ต้นต้นละเจ็ดพันบาท เหลือเกินไม่ต้องทำอาชีพอะไรปลูกต้นไม้ขายดีกว่าโยมเพราะว่ามันไม่ต้องเลี้ยงคอยอะไรรดน้ำพรวนดิน นิดๆหน่อยๆ แล้วก็ขุดใส่ตะกร้าไว้คนมาก็ยกตะกร้ายอกไปเอาไปปลูกให้เค้าเค้ามาปลูกให้เอาไม้มาค้ำให้ แต่ว่ากำไรมันคงจะมากต้นละ ๗ พันนี้กำไรมันหลายพันเลยทีเดียวแต่ว่าก็ต้องซื้อ
นี้บางแห่งเค้าว่าซื้อต้นไม้ต้นละพันจริงที่แระว่าอะไรต้นตาลต้นเท่านั่น ต้นหนึ่งตั้ง ห้าพัน แพงเหลือเกินปลูกพุทธมณฑลหาว่าพวกข้าราชการองค์การศาสนาทุจริตแหละมันไม่ใช้มันอย่างนั่นจริงๆ เพราะว่าไปซื้อมันแพงแต่ว่ามันไม่ควรซื้อต้นตาล ตาลจะไปตัดยกมามันไม่ขึ้นรากมันไม่มี ถ้าเราจะปลูกตาลเราเอาเมล็ดลูกตาลอะไปเพาะไว้เพาะเพาะแล้วฝังๆไว้มันขึ้นของมันเองขึ้นมาแล้วค่อยๆ เติบโตอย่ารีบร้อนแต่ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองไทยอยากจะเห็นทันใจฉันอยากเห็นมะพร้าวขึ้นตรงนี้ อ้าวอธิบดีโยธาก็ไปขุดมะพร้าวมาปลูกตื่นเช้ามะพร้าวเต็มไปหมด อธิบดีนี้เก่งเนรมิตมะพร้าวได้ ได้ความดีความชอบ แต่อยูไม่ทันใดมะพร้าวเหี่ยวตายหมด มันไปขุดหัวขั่วมันจะอยู่ได้ยังไงปลูกแบบทางลัดมันไม่ได้ มันต้องค่อยๆปลูกเอาลูกมะพร้าวที่มีหน่อมาปลูก อย่าไปรีบร้อนดูอันนี้ทำอะไรจะรีบทำรีบร้อนมันไม่ค่อยดีหรอก ทำถนนรีบร้อนจะให้เปิดในวันนั่นวันนี้ อ้าวทำได้ แต่ว่าใช่ไม่กี่วันก็พังทลายดูกี่สายๆที่เค้าทำรีบร้อนพังทั้งนั่นแหละโยม ไม่ถาวรไอ้ของอย่างนี้มันทำเพื่อประเทศชาติไม่ได้ทำเพื่อตัวเรา ไม่ทำเพื่อให้เราเห็น แต่ทำเพื่อให้คนอาศัยได้ใช้นานๆเหมือนของรัฐบาลก็คือเงินของประชาชนต้องเอาไปใช้ให้มันเกิดประโยชน์ไม่ใช่รีบร้อนทำ แล้วมันก็ไม่ได้เรื่องอะไรบ่อยเมืองไทยบ่อยเค้าเรียกว่าทำรีบร้อน ผักชีโรยหน้าสวนผักชีเยอะบ้านเรา ใครจะไปจะมาก็ต้องโรยหน้ากันซะหน่อยเอาเรียบร้อย รัฐมนตรีจะไปไหนนึกว่าไปอย่าให้ใครรู้อย่าเลยสมัยนี้เทคนิคมันเยอะโทรศัพท์มันเยอะเวลานี้ลูกน้องก็บอกไปรัฐมนตรีจะมาตรวจเว้อไหนคนจะมาตรวจเจอก็กวาดบริเวณใหญ่โตถูพื้นเกลี้ยงเกลา รัฐมนตรีก็เอ้อ เรียบร้อยดีไอ้ความจริงมันสกปรกมานานแล้วมันเพิ่งสะอาดวันนั้นเอง ลองไปไม่ให้รู้จะได้เห็นขี้ฝุ่นบนสำนักงานไม่ปัดไม่กวาดจนสกปรกเหลือทนไม่เอาใจใส่ ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่เราอาศัย อยู่บ้านไม่รู้จักคุณค่าของบ้าน ใช้โต๊ะทำงานไม่รู้จักคุณค่าของโต๊ะไม่รู้จักคุณค่าของเก้าอี้ นั่งใต้ต้นไม้ก็ไม่รู้จักว่าต้นไม้ให้อะไรแก่เรา อยู่บนแผ่นดินก็ไม่รู้ว่าแผ่นดินให้อะไรแก่เรา พระให้อะไรแก่เรา เราไม่เข้าใจก็ไม่เคยสำนึกในสิ่งเหล่านั่นมันก็เสียหาย นี้เป็นความคิดที่ถ้าคิดถูกแล้วมันก็ดีขึ้นอะไรก็ดีขึ้น
มรดกทางวัตถุนี้เราได้รับกันมาถ้วนหน้าแต่ถ้ารักษาไม่ดีก็พังทลายมรกดกทางจิตใจ เป็นเรื่องสำคัญมรดกทางจิตใตจของคนไทยเราที่สำคัญที่สุดคือตัวพุทธศาสนาตัวพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นมรดกทางใจที่ล้ำค่า เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสารทางจิตใจให้เจริญงอกงามในทางที่ทางถูกที่ชอบ แต่ว่ามรดกล้ำค่าของพระพุทธเจ้านี้ ถูกเมฆหมอกปิดบัง อะไรๆหลายอย่างมาปิดบังไม่ค่อยจะชัดเจน ชาวพุทธเราไม่ค่อยเห็นความถูกต้องของธรรมมะอย่างแท้จริง เพราะว่าเราทำแต่สิ่งที่เป็นเรื่องเหลวไหลให้คนได้รู้ได้เห็นกันอยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้เดินไปพบป้ายแผ่นใหญ่ๆยาว ๒ วา ๓ วา วัดนั้นวัดนี้สวดภาณยักษ์ไม่ได้เรื่องอะไร ไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้นเลยไอ้สวดภาณยักษ์ แต่จะทำให้คนเป็นยักษ์เป็นมารมากขึ้นทุกวันทุกเวลา เพราะว่าเป็นของที่มันเป็นของที่มันเป็นพิธีกรรมที่ไม่ได้เรื่องแล้วสวดกัน แต่ได้สตางค์อยู่ได้สตางค์จากคนปัญญาอ่อนได้ไปซื้อทราย ซื้อหัว เข็ม ซื้อข่า ซื้อด้าย เอามาผูกข้อมือแสดงความโง่ไว้ ใครที่มีด้านผูกข้อมือปลอดทิ้งได้แล้วมันเป็นยี่ห้อของความโง่ที่เราผูกไว้ ลูกๆ หลานๆ อย่าเอาด้ายไปผูกมันสกปรกผูกไว้แล้วเหงื่อมันออกด้ายมันก็เปลียนสีดำถ้าผูกนานๆ แขนเป็นรอยผูกคอสมัยเด็กๆ เค้าผูกคอ เดี๋ยวนี้เค้าไม่ได้ผูกคอผูกมือๆเด็กมันเล็กๆก็ผูก แล้วบางทีก็มาขอพระช่วยผูกหน่อย ผูกทำอะไรด้ายเอามาผูกข้อมือทำไมเค้าก็ขายกันในงานสวดภาณยักษ์ขายกันทุกวัดได้เงินแล้วต้องเวลาสวดๆมีคนชักดิ้นชักงอไอ้นั่นหน้าม้า รู้ไว้ด้วย หน้ามาของวัดชักดิ้นชักงอ (47.18 เสียงไม่ชัดเจน) ดิ้นอาวพรเห็นอุ้มเลยก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำมนต์พรมพอพรมแล้วลุกขึ้นเดินผลอไปเลย รู้ไว้ว่าไอ้นี่ก็มนุษย์ วัดที่ทำอย่างนั่นต้มมนุษย์แท้ๆ แต่ก็ไม่มีใครพูด หลวงพ่อพูดองค์เดียวแต่พระสวดภาณยักษ์ฟังแล้วโกรธอยู่เหมือนกัน ไม่ได้เรื่องอะไรทำแต่เรื่องหลอกเรื่องต้มมนุษย์อยู่ตลอดเวลา มันไม่เหมาะไม่ควรเรื่องอย่างนั่นไม่เหมาะไม่ควรไม่ควรจะทำอย่างนั่น
นี้มีทั้งโทรทัศน์นี่ต้องยกมือท่วมหัวขออภัยไปคนมันเอาไปหากินเอาสมเด็จพระสังฆราชมาประกาศทางโทรทัศน์บอกว่า สมเด็จพระสังฆราชจะมีได้ครองตำแหน่งพระสังฆราชเมื่อ ๒๑ เมษายน …… (48.11 เสียงไม่ชัดเจน) เมษายน นี้จะครบ ๑ ปี ๑ปี ก็มีการฉลองแล้วก็ทำเหรียญทองคำแท้ราคาหนึ่งหมื่นบาท นั้นลดลงมา ห้าพัน อาตมาดูแล้วขออภัยรำคาญ รัฐมนตรีด้วยรัฐมนตรีเป็นผู้จัดทำแล้วออก ๒-๓ คืนแล้ว เอ้ทำไมต้องเอาพระสังฆราชไปขายทางโทรทัศน์อย่างนั่นของที่เราเคารพสักการะ ไม่ควรจะเอาไปออกขายเหรียญอย่างนั้น มันพ้นสมัยแล้วได้เห็นแล้วไม่รู้จะทำไงลองพูดๆไว้หน่อยใครได้ยินเอาไปเล่าด้วยก็ไม่เป็นไร แต่ว่าไม่ควรจะทำอย่างนั่นสิ่งสุงสุดคือพระสังฆราช เราเอาไว้ไหว้ไว้บูชาอย่าเอาคอท่านไปเป็นเครื่องมือขายเหรียญอะไรกันเลย เหรียญก็ราคาตั้งหมื่น นะไม่ใช่ถูกๆ แล้วไอ้ราคาหมื่นนั่นไอ้คนทำได้เปอเซ็นต์เท่าไหร่มันก็ต้องหากินกันทั้งนั่นแหละไม่ควรจะเอาไปทำอย่างนั่น ถึงทำก็อย่าไปโฆษณาอย่างนั่น นี่เอารูปพระสังฆราชไปโฆษณา มันเหมาะหรือไม่ ญาติโยมทั้งหลายลองคิดดู อาตมาเห็นว่ามันไม่เหมาะออกทุกคืนออกโทรทัศน์ช่อง ๕ หรือช่องไรนี้ ออกทุกคืน พอเห็นแล้วก็โอ้ทำไมทำอย่างนี้มันแค้นใจอยู่ในใจเลยต้องระบายออกมาซะหน่อยว่า มันไม่สมควรที่จะทำกับพระสังฆราชอย่างนั้น จะเอาเงินอะไรก็บอกไปสิ บอกไปว่าพระสังฆราชจะสร้างเจดีย์จะสร้างนั่นสร้างนี้ ใครจะอนุโมธนาก็ได้ เค้าก็พาไปให้เองแหละ เหมือนที่ทำอยู่ที่วัดชลประทานนี้ ก็บอกว่าจะสร้างตึกนะโยมนะ ใครมีเงินก็มาช่วยมั่งเค้าก็มากันทุกวันๆไม่ต้องไปเอาอะไรไปประกาศขายทางโทรทัศน์อย่างนั่นมีแต่บอกทางโทรทัศน์เท่านั่นไม่รู้จะบอกยังไงแต่ก็ไม่บอกขายเหรียญขายแหวนอะไรมันไม่เหมาะที่ทำอย่างนั่นมันไม่เหมาะต้องเข้าหูพวกนั่น ก็แกล้งพูดมันเข้าหูจะได้รู้สึกสำนึกตัวได้เปลี่ยนแนวคิดกันซะใหม่ ว่ามันไม่สมควรที่จะกระทำเช่นนั่น เราอย่าเอาของศักดิ์สิทธิ์มาทำอย่างนั่นของสูงส่งพระสังฆราชเป็นที่รักที่เคารพ แล้วพระสังฆราชองค์นี้ท่านเรียบร้อย จริยาวัตรเรียบร้อย แต่พวกลูกศิษย์จะหากิน มันจะเอามา เมื่อเป็นใหม่ก็นึกในใจว่าองค์ที่ ๑๙ มันต้องก้าวหน้ากันสักที มันต้องเปลี่ยนอะไรบ้างพัฒนาบ้าง อ้าวไม่ได้พัฒนาเพราะคนแวดล้อมมันนิสัยอย่างนั่น จะเอาพระสังฆราชไปขายกันอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ขายอยู่แล้วเวลานี้ขายเหรียญขายแหวนอะไร ต่อไปขายกันใหญ่ไม่จบไม่สิ้น อย่างนี้ก็เสียหายไม่ใช่เป็นการสร้างเสริมแต่เป็นการทำลายเหมือนกันทำลายความงามความดีขององค์พระสังฆราช ทำให้เสื่อมเสียคนอื่นเค้าจะนินทาศาสนาอื่นเค้าจะว่า เค้าจะว่าได้ อันนี้ถ้าหากว่าไม่สมควรหยุดอย่าไปทำอย่างนั่น โยมซื้อส่งไปวัดบวรก็ได้ส่งไปเลยส่งไปถวายวัดบวรสักอันหนึ่ง ส่งไปให้รัฐมนตรีคลังด้วยคุณประมวล ประภาวสุ ให้แกได้เปิดฟังมั่งเพราะแกเป็นตัวการอยู่เวลานี้ ตัวการหล่อเหรียญพระสังฆราชขาย อย่านั่นแกเคยช่วยพระสังฆราชวันก่อนอันนั้นมันถูกต้องเชิญคนมากินอาหารเค้าเรียกว่ากาล่าดินเนอร์คืนเดียวได้เงิน ๕๐ ล้าน เอาไปสร้างโรงพยาบาลอันนี้ไม่ว่าไม่ติ เพราะว่ามันไม่ยุ่งอะไรกินข้าวไปตามเรื่องพอค้าวานิชทั้งหลายที่เคยใช้รัฐมนตรีเอาเงินมาให้ไปตามเรื่องไม่ว่าอันนั่นไม่ว่า แต่ว่าเอาพระสังฆราชมาออกโทรทัศน์เพื่อขายเหรียญนี้หลวงพ่อปัญญา ไม่ชอบใจ จึงพูดเอาไว้ในที่นี่ด้วยว่ามันไม่ถูกต้องทำอย่างนั่นไม่ถูกต้องนี้เป็นตัวอย่าง เพราะว่าทำให้ตัวศาสนาเสื่อม
อันนี้วัดวาอารามที่ทำอะไรเพื่อปกปิดสิ่งถูกต้องนั่นคือการทำลายพระพุทธศาสนาไม่ช่วยส่งเสริมศาสนาให้ก้าวหน้าไม่สอนคนให้เข้าถึงเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนาเค้าเรียกว่าไม่รักษาพระพุทธศาสนา ช่วยกันทำลายได้วัตถุได้เงิน ได้ข้าวได้ของเอาไปสร้างเจดีย์สร้างอะไร แต่ว่าคนไม่รู้จักตัวธรรมะของศาสนา เราต้องสอนคนให้เข้าใจที่เป็นเนื้อแท้ แล้วเงินทองนั่นมันเป็นผลพลอยได้ มันมาเองทีหลังไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องสำคัญคือสอนคนให้ฉลาด ให้เข้าใจเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนาถูกต้อง เรียกว่าเราส่งเสริมพระพุทธศานา รักษาพระศาสนาของเราไว้ ซึ่งเป็นมรดกทางด้านจิตใจคนไทยเรานั่นมีวัฒนธรรมมีประเพณี มีจริยวัตรอ่อนโยนอ่อนโน้ม เนื่องจากพุทธศาสนาทั้งนั่น เพราะพระธรรมคำสอนสอนให้เป็นเช่นนั้น แล้วเป็นคนรู้จักอ่อนโอนอ่อนผ่อนตามในเรื่องที่บางเรื่องเอาตัวรอดมาได้ก็โดยอาศัยความดีงามของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมรดกสำคัญที่สุดเป็นมรดกทางด้านจิตใจแล้วมรดกทางศาสนานี้เกิดอะไรๆขึ้นอีกหลายอย่างในบ้านเมืองของเราถ้าเราไม่มีพระพุทธศาสนาไอ้มรดกที่ดีที่งามก็จะไม่เกิดอะไรเกิดแต่มันไม่เหมือนไม่ลึกซึ้ง ไม่ดีงามเท่ากับเกิดจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า
อันนี้เป็นเรื่องน่าคิด ถ้าเราคิดก็จะมองเห็นถ้าไม่คิดก็ไม่เห็นคุณค่าอะไรว่ามันมีคุณมีค่าอย่างไร แต่ถ้าคิดเห็นว่าโอ้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นฐานรองรับชีวิตคนไทย รองรับวัฒนธรรมประเพณีวรรณคดีเรื่องอะไรต่างๆเกิดจากพระพุทธศาสนานี้ไม่ใช่น้อยมีมากมายก่ายกองที่เราควรจะช่วยกันรักษาด้วยการศึกษาให้เจ้าด้วยการปฏิบัติตามสิ่งที่เราเข้าใจแล้ว แล้วช่วยส่งเสริมสนับสนุนคนที่ทำความงามความดีตามหลักพระพุทธศาสนา องค์การ บุคคล สมาคมใด ที่ส่งเสริมความถูกต้องของพระพุทธศาสนาเราต้องช่วยสนับสนุนให้มีโอกาสทำสิ่งนั่นเจริญก้าวหน้าต่อไป แต่ถ้าองค์การใด สมาคมใด บุคคลใด ทำอะไรเป็นเรื่องปิดบังความจริงของพระพุทธศาสนา ทำคนให้โง่งมงาย เราไม่ช่วยๆ เหลือ เพราะถ้าช่วยเหลือเราทำลายสมรู้กันไปทำลายสิ่งถูกต้อง อันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นบาปเป็นโทษจะได้รับทุกข์ในสังคมต่อไป ให้เข้าใจอย่างนี้ อันนี้เป็นข้อคิดที่นำมาพูดให้ญาติโยมทั้งหลายฟังก็พอสมควรแก่กาลเวลาขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้
- ปาฐกถาธรรมประจำวันอาทิตย์ที่ ๒๕ มีนาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๓