แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยม พุทธบริษัททั้งหลาย ก่อนอื่นก็ขอขอบใจญาติโยมทุกท่านที่มาฟังปาฐกถาในวันอาทิตย์ที่อาตมาไม่อยู่ คือไปเสีย ๒ อาทิตย์ แต่ก็ทราบว่าโยมก็มาฟังกันอยู่ จึงขอขอบใจเป็นเบื้องต้นในความมั่นคงในทางธรรมะ แม้ว่าอาตมาไม่ได้ปาฐกถา ญาติโยมก็มาฟังกัน เพื่อรักษาการฟังเทศน์ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ให้อยู่ในสภาพที่ยั่งยืนถาวรต่อไป บัดนี้ก็ได้เดินทางกลับมาจากการเดินทางไปต่างประเทศ คือไปต่างประเทศเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม วันเสาร์ อาทิตย์ที่ ๑๙ ก็ไม่ได้อยู่ ไปครั้งแรกก็ไปตรงไปที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียตะวันตก เพื่อไปเยี่ยมพุทธสมาคม และท่านชาคโรกับพระอื่นอีก ๕ รูปซึ่งอยู่ที่นั่น
ไปคราวนี้ก็มีความสบายใจมากกว่าปีก่อน เพราะว่าไปปีก่อนนั้นไปพักที่วัด ต้องเช่ารถประเภทที่เขาเรียกว่ารถปิ๊กนิก สำหรับลากไปนอนที่นั่นที่นี่ ไปให้อาตมาพัก ๒ คืน ไปคราวนี้ไม่ต้อง เพราะว่าได้สร้างโรงครัว มีความกว้างเกือบ ๗ เมตร ยาว ๑๖ เมตร แบ่งเป็น ๒ ตอน ตอนหนึ่งก็เป็นห้องครัวที่จัดอาหารสำหรับญาติโยม ห้องหนึ่งก็เป็นที่พระสวดมนต์ภาวนาอบรมญาติโยมชาวบ้าน นับว่าสะดวกสบายขึ้น แล้วโยมที่ไปก็มีที่พัก มีอาคารหลังหนึ่ง ๔ ห้อง ห้องหนึ่งก็พักได้ ๔ คน เตียงนอนมันแบบบนรถไฟ เตียงมันซ้อนกัน นอนได้ร่วมกัน ห้องละ ๔ คนได้ น้ำท่าก็สะดวกเวลานี้ คือหล่อถังน้ำฝนขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐ เมตร สูง อาตมายืนยกมือขึ้นอย่างนี้ก็ยังไม่ถึงปากบ่อ ก็ทำเอา จุน้ำฝนได้มาก เหลือกินเหลือใช้ แต่ว่าไปสร้างในที่ที่ไม่มีอาคาร ถามว่าแล้วเอาน้ำมาอย่างไร ท่านบอกว่าสูบมาจากถังล่าง ถังล่างนั้นอยู่ติดกับโรงครัว แล้วพอฝนตกก็สูบเรื่อยๆ ขึ้นไป ส่งไปไว้ข้างบน แล้วก็ปล่อยลงมาข้างล่าง ได้กินได้ใช้
ส่วนกุฏิที่พระอยู่ก็ เมื่อก่อน คราวไปคราวก่อนมีอยู่ ๓ หลัง เดี๋ยวนี้เพิ่มขึ้น ให้พระอยู่อีก ๒ หลัง เป็นกุฏิ สบาย แล้วกำลังสร้างอีก ๒ หลัง หลังเล็กๆ ใช้ติดต่อ ทำหลังคา กว้างขนาด ๔ เมตร ยาว ๓.๕ เมตร อยู่องค์เดียวๆ สบายๆ เสนาสนะที่อยู่ที่อาศัยในวัดโพธิญาณ หรือ …… (03.43 เสียงไม่ชัดเจน) นับว่าสะดวกสบายขึ้น ก็หยุดการก่อสร้างไว้เพียงนั้น นี่ก็ไปทำเรื่องอื่นต่อไป แต่ต่อไปข้างหน้าก็มีโครงการ เมื่อพุทธบริษัทมากขึ้นก็จะสร้างศาลาสำหรับฟังธรรมอีกสักหลังหนึ่ง แต่นั่นยังไม่ทำกันในตอนนี้ ตอนนี้เอาเพียงเท่านั้นก่อน
ส่วนการเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชนนั้น ก็ยังทำอยู่ที่ในเมืองนั่นเอง เพราะว่ามีพุทธสมาคมหรือเรียกว่าพุทธวิหารแห่งเมืองเพิร์ธ เป็นสถานที่สำหรับให้คนมาฝึกอบรมภาวนาบ้าง ศึกษาธรรมะ อาทิตย์หนึ่งก็หลายวัน ท่านชาคโรก็เดินทางมาที่สำนักนั้น อบรมสั่งสอนประชาชน เสร็จแล้วกลับไปพักที่วัด วันมาก็มาอีก เพราะว่าที่วัดมีรถเก่าๆ อยู่คันหนึ่ง สภาพมันก็เก่า แต่มันยังวิ่งได้ ระยะทางจากตลาดไปถึงวัดนี่ ๕๒ กิโลเมตร ถนนดี ไปมาสะดวก ไม่เดือดร้อนในเรื่องการกินอยู่ อาตมาไปเห็นแล้วก็มีความสบายใจขึ้น เพราะว่ามีความก้าวหน้า และเมื่อไปถึงวันที่่ ๑๙ วันอาทิตย์ตอนเช้า ก็เลี้ยงอาหารที่ในเมือง ที่พุทธสมาคม เวลาบ่าย ๓ โมงก็เดินทางไปที่วัด เวลา ๕ โมงเย็นทำพิธีบวชสามเณรให้เป็นพระ เพราะว่าไปปีก่อนนี้บวชเป็นสามเณรไว้ ชื่อเณรจอห์น ให้ชื่อในทางพระว่าอาริยสีโล หรือาริยสีละ ผู้มีศีลเจริญ ปีนี้ก็เห็นว่าควรจะบวชเป็นพระได้ พอดีก็มีพระครบจำนวน คือมี ๕ รูปก็บวชได้แล้ว ก็เลยทำพิธีบวช ในวันทำพิธีบวชนี่ มีฝรั่ง คนไทย คนสิงหล เขาก็ไปร่วมชุมนุมกันมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเวลาก่อนจะบวชก็ได้ปาฐกถา ทำความเข้าใจกับคนเหล่านั้น เพราะเขายังไม่เคยเห็นการบวช ไม่รู้ว่าการบวชนี้คืออะไร ก็ต้องพูด
ท่านชาคโรเป็นผู้แปลให้คนเหล่านั้นได้ฟังว่าการบวชมีกี่อย่าง ตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้าบวชแบบไหนบ้าง ปัจจุบันใช้แบบอะไร แล้วเมืองไทยนั้นมีธรรมเนียมว่าผู้ชายไทยทุกคน เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีก็ควรจะได้บวชในพระพุทธศาสนา อย่างน้อยสัก ๑ พรรษา เพื่อจะได้ศึกษาธรรมวินัยในพระพุทธศาสนาให้เกิดความรู้ความเข้าใจ จะได้นำหลักการไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป ได้บอกเขาว่าผู้ชายไทยที่ไม่ได้บวชในพระศาสนานี่ ถ้าไปขอลูกสาวใคร เขาไม่ไห้ เพราะถือว่ายังเป็นคนดิบอยู่ ถ้าบวชแล้วเขาไม่รังเกียจ ฝรั่งหัวเราะ มันเป็นเรื่องจริง แต่มันเป็นของเขาไม่เคยได้ยิน เลยบอกไปเขาก็หัวเราะกัน ก็ว่าเช่นนั้น (07.12) ที่เมืองนั้นเขาไม่มีเหมือนเรา บอกให้ฟังแล้วก็บอกว่า เมืองไทยน่ะ ตั้งแต่พระเจ้าแผ่นดินจนถึงประชาชนธรรมดา เมื่ออายุครบ ๒๐ ก็บวชในพระศาสนา แม้พระเจ้าแผ่นดินของเราองค์ปัจจุบัน ก็เคยบวช ๑๕ วันแล้ว เจ้าฟ้าชายที่มาเรียนที่เมืองออสเตรเลียนี่ ก็เคยบวชแล้ว ๒ อาทิตย์เช่นเดียวกัน ทุกคนไปบวช ตั้งแต่โบราณมา พูดให้เขาเข้าใจความหมาย แล้วก็ทำพิธีบวช และบวชเณรองค์หนึ่งด้วย เณรนี้ให้ชื่อว่า วิสารทู แปลว่าผู้แกล้วกล้า
สามเณรองค์นี้เป็นลูกของมิสเตอร์คอลลิน มิสเตอร์คอลลินนี่ก็เป็นพุทธบริษัท ไปคราวก่อนนี้ได้ไปเที่ยวที่ฟาร์มของแก ที่ไร่แกมีเนื้อที่ตั้ง ๒,๕๐๐ เอเคอร์ คือหลายลูกเขาเยอะ ที่ของแกเป็นไร่ แล้วก็เลี้ยงวัวตั้งสามสี่ร้อยตัว เวลานี้แกไปเที่ยวเมืองลังกา วันลูกชายบวชไม่อยู่ แต่ก็ขออนุญาตไว้เรียบร้อยแล้ว ลูกชายก็เลยบวชเป็นสามเณร พอบวชสามเณรเสร็จแล้วก็ทำพิธีบวชพระ เรียกว่า พูดภาษาตามพระวินัยว่า "ญัตติ" เพื่อให้เป็นพระสงฆ์ ท่านชาคโรเป็นคู่สวดกรรมวาจา พระนอกนั้นก็นั่งหัตถบาส บวชกันในกลางลาน ซึ่งตอนเย็นอากาศร่ม ลมพัดเย็นสบายดี บวชเสร็จแล้วก็บอกให้ญาติโยมทราบว่า เวลานี้การบวชเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็บอกว่าทุกคนที่มานี่ก็บวชได้ บวชได้ เขาก็งงกันว่าบวชอย่างไร ก็เลยบอกว่า บวชงดเว้นจากสิ่งซึ่งไม่ดีไม่งาม ใครเป็นนักการพนัน ชอบไปสนามม้า ชอบไปสนามแข่งหมาก็เลิกเสียบ้าง ใครชอบดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ก็ไปร้าน pub ก็เลิกดื่มเหล้าดื่มเบียร์เสียบ้าง เวลานี้เขากำลังจะเปิดคาสิโนขึ้นในเมืองนั้น เราก็ถือบวช ไม่ไปสถานคาสิโน ซึ่งเป็นเรื่องเปลืองสตางค์ ก็พูดให้เขาเข้าใจอย่างนั้นว่าทุกคนบวชได้ หญิงก็บวชได้ ชายก็บวชได้ แล้วก็จบเรื่องไปในวันนั้น
พักอยู่ที่วัดโพธิญาณนี่ ลมแรงมาก ลมพัดแรงเหมือนกับชายทะเล อาตมานอนเขาจัดให้พักเป็นห้องน้อยๆ อากาศข้างนอกร้อนมาก ร้อนจัด ปรอทขึ้นถึง ๔๑ องศา แล้วก็ร้อนมาก เดินข้างนอกนี่ร้อนเหลือเกิน พระท่านทำงานอยู่กลางแจ้ง ต้องสวมหมวก ไม่สวมหมวกไม่ได้ คือว่าแดดที่นั่นมันแรง ถ้าว่าให้ส่องถึงศีรษะบ่อยๆ จะก่อให้เกิดเป็นโรคทางสมอง คล้ายกับโรคมะเร็งอะไรอย่างนั้น เพราะฉะนั้นต้องสวมหมวก เดินไปไหนก็ต้องสวมหมวก แต่ว่าอยู่ในห้องเย็นสบาย กลางคืนนอนก็เย็น ได้ยินเสียงลมพัดอู้ อู้ ตลอดเวลา อาตมานึกว่ามานอนชายทะเล หัวหิน หรือแถวไหนได้ (10.37) แต่ความจริงคือเป็นป่า พัดต้นไม้โยกเยกๆ น่ากลัวมันจะล้มมา แต่ว่าต้นไม้ที่เมืองนั้นมั่นคงมาก เพราะกว่ามันจะขึ้นได้นี่ก็ต้องใช้เวลา ดินมันน้อย หินมันมาก หน้าดินมีน้อย เพราะฉะนั้นขึ้นได้ก็แข็งแกร่ง ไม้ของเขาก็เรียกว่าไม้กำ กำน่ะ (11.02) พวกนี้แข็งมาก แข็งกว่าไม้บ้านเราเสียอีก เวลามันแห้งแล้วนี่ เลื่อยไม่ค่อยไหว ร้อนเป็นไฟเลย วันนั้นเขาตัดต้นไม้ตายแล้วต้นหนึ่ง อาตมาเอามือไปแตะ เขาบอกว่าร้อน แตะเข้าไปแล้วร้อนผ่าวเลย มือเกือบไหม้เลยทีเดียว เพราะไม้มันแข็งมาก เวลาเลื่อยนี่ควันขึ้นเลย อยากจะลองเลื่อยนี่ ควันขึ้น ไม้เนื้อแข็ง แข็งเหมือนสัตว์ตายแล้ว เอาไปทำอะไรไม่ได้ เลื่อยไม่ไหว นอกจากว่าทำฟืนเท่านั้น ไม้ที่ล้มอยู่หลายต้นไม่สามารถจะทำอะไรได้ ก็ต้องเผาทิ้งไป แต่เผาหน้านี้ไม่ได้ เพราะหน้านี้ไฟไหม้ป่าในออสเตรเลีย มันไหม้เป็นอาทิตย์ ยังดับไม่ได้ ขนาดไปอยู่เมืองเพิร์ธก็ไฟกำลังไหม้ป่าอยู่แห่งหนึ่ง ไหม้อยู่ตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว ก็ยังดับไม่ได้ ลุกควันโขมงเห็นแต่ไกล
เมืองออสเตรเลียนี่มีชื่อทางไฟไหม้ป่า แต่ไม่มีชื่อทางไฟไหม้บ้านเรือน สู้กรุงเทพฯ เราไม่ได้ เพราะของเรามันไหม้ …… (12.08 เสียงไม่ชัดเจน) คือไหม้บ้านไหม้เรือน ของเขาเพียงแต่ไหม้ป่าเท่านั้นเอง แต่ว่าป่าที่ในรัฐนี้เขารักษาไว้ ไม่ให้ไฟไหม้ คนเข้าไปเที่ยวป่านี่ไม่สูบบุหรี่ แล้วก็ไม้ขีดไฟก็ไม่ทิ้งลงไปในป่า สมมติว่าเอาก้นบุหรี่โยนลงไปที่หญ้าแห้งนะ บึ้มเดียวก็จะไหม้ทั้งเมืองเลย เพราะหญ้ามันแห้งมาก เกรียมไปหมดทุกหนทุกแห่ง อากาศร้อน อาตมาก็สบายใจ คือไม่เป็นหวัดเพราะอากาศร้อน กลับมาเสียงเสิงไม่แห้ง แต่ว่าไปยุโรปกลับมาก็เสียงแห้งทุกที มาคราวนี้เรียบร้อย ที่เมืองเพิร์ธอากาศมันก็น่าอยู่ ที่เพิร์ธก็กลับเข้าไปในเมืองก็ไปแสดงธรรม ท่านชาคโรแปลให้ญาติโยมฝรั่งเขาได้ฟังกันเป็นการเรียบร้อย
ในการไปคราวนี้ได้นำปัจจัยซึ่งบอกบุญแก่ญาติโยมไว้ตั้งแต่คราวไปอังกฤษ มันได้เงินไว้ล้านกว่าบาท เอาไปอังกฤษ ๘ แสนเมื่อปีก่อนโน้น ปีที่เอาไปเพื่อการเปิดอมราวดีน่ะ เอาไปให้ ๘ แสนบาท ยังเหลืออยู่ ๔ แสนกว่า ก็เลยเอาไปช่วยคราวนี้สามแสนห้าหมื่น และบอกธนาคารว่าเอาไปแลกสามแสนห้า แต่ว่าไปแลกแล้วมันได้เงินเป็นออสเตรเลียหนึ่งหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยกว่าเหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็สามแสนสี่หมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท แหม เลขมันดี โยมอย่าเอาไปซื้อสลากก็แล้วกัน เพราะว่าเลขมัน ๙๙ มากตัว แล้วได้เงินเอาไปให้เขา ให้เขาในวันที่บวชนาคนั่นแหละ เพราะวันบวชนาคนี่สมาชิกสมาคมมาพร้อมกันหมด ก็เลยมอบให้ เขาก็รับด้วยความสบายใจ
รุ่งเช้าขึ้นท่านชาคโรบอกว่า เงินที่หลวงพ่อนำมาให้ ได้เอาไปชำระหนี้สถานที่ที่เป็นพุทธวิหารในเมืองเรียบร้อย เพราะว่าพุทธวิหารนี่ซื้อมาด้วยเงินผ่อน ผ่อนกันมาหลายปีแล้วยังไม่หมดสักที ยังเป็นหนี้เขาอยู่หมื่นสี่พันเหรียญ พออาตมาเอาไปให้หมื่นแปดพัน เขาก็เอาไปให้ธนาคาร ชำระกันหมดเลย ไม่ต้องผ่อนส่งเป็นรายเดือน เดือนละ ๓๐๐ เหรียญต่อไป เป็นอันว่าไปซื้อสถานที่ให้เขาเป็นการเรียบร้อย แต่ว่ามันคับแคบ ท่านชาคโรบอกว่าไม่ไหวหรอก คนมันเพิ่มขึ้น มามาก นั่งในห้องนี่ไม่พอนั่ง แล้วถ้านั่งเต็มนี่ร้อน อากาศร้อนนั่งในห้องไม่ไหว ก็เลยต้องหาที่ใหม่ กำลังมองหาที่ใหม่ ที่ที่มันกว้างกว่า จอดรถสะดวกกว่า จะใช้เป็นที่อบรมประชาชนได้ดีกว่าสถานที่นี้
ถ้ามีงานใหญ่ เช่นท่านสุเมโธไป ก็ต้องไปเช่าสถานที่ที่เป็นห้องประชุม ณ ที่ใดที่หนึ่งเพื่อเปิดการแสดงปาฐกถาอบรมประชาชนเป็นเวลา ๒ วัน ๓ วันติดต่อกันไป ไม่สะดวก เลยคิดว่าจะต้องหาใหม่ต่อไป เวลานี้ก็เรียกว่าหาทุนอยู่ หาทุนจากชาวบ้านที่นั่นน่ะเพื่อจะรวบรวมไว้ คนหนึ่งก็ให้ทำบุญอาทิตย์ละ ๓ เหรียญ คนละ ๓ เหรียญต่ออาทิตย์ เหมือนว่ารายการจ่ายค่าบุหรี่ ค่าอะไรต่ออะไรไป สามเหรียญนี่เอามาเป็นทุนไว้มาแล้วเขียนเป็นแผนที่ไว้ เป็นบัญชี (16.02 เสียงไม่ชัดเจน) ไว้ว่าขึ้นสักเท่าไรได้ ขึ้นมาได้ไม่เท่าไหร่มันไม่ถึงร้อย ยังไม่ถึงร้อย …… (16.07 เสียงไม่ชัดเจน) ก็บริจาคกันมาเรื่อยๆ เพื่อซื้อสถานที่ใหม่ต่อไป พี่น้องญาติโยมที่ได้บริจาคเงินกับอาตมาไว้ ก็ได้เอาไปให้ เงินบัญชีที่ฝากธนาคารก็ยังไม่หมดหรอก ยังเหลือเป็นทุนต่อไป แต่ว่าต้องหาทุนนี้เพิ่มขึ้น ช่วยเหลือต่อไปในที่ที่ควรช่วยเหลือ ประเทศนิวซีแลนด์อะไรบ้าง เดี๋ยวจะว่าให้ฟัง
ขณะอยู่ที่เพิร์ธนี่ก็ได้มีการพบปะสนทนาธรรมะกันกับญาติโยมตลอดเวลา แต่เวลาที่จะอยู่มันน้อย เพราะว่าอยู่ได้เพียง ๕ วัน ต้องเดินทางต่อไป ก็เลยออกเดินทางต่อไปยังเมืองซิดนีย์เพื่อจะเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์ต่อไป ขึ้นเรือบินจากเพิร์ธไปซิดนีย์ พอไปถึงก็ค่ำ ไปพักที่วัดพุทธรังสี วัดพุทธรังสีนี่เป็นลูกศิษย์วัดบวรนิเวศ ไปตั้งอยู่หลายปีแล้ว อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ถนน Standborough (17.18) ก็คับแคบเหมือนกัน …… (17.21 เสียงไม่ชัดเจน) พอพระอยู่ได้ คนมาประชุมกันก็ไม่กี่คนก็นั่งเต็มห้อง กำลังหาที่ใหม่ เลยได้แล้ว ได้ที่ใหม่แล้ว ก็พาไปดูที่ใหม่ แหม! ไกลเหลือเกิน นั่งรถจากตัวเมืองไป ๒ ชั่วโมงถึงจะไปถึงที่ ๆ ซื้อใหม่ได้ แต่ที่สวย คือใกล้ป่าสงวน ร่มรื่น สบาย แต่มันไกล คนที่จะไปก็คงจะลำบากสักหน่อย แต่ดูแล้วก็เห็นว่าเป็นที่เหมาะแก่การที่จะสร้างต่อไป เขากำลังออกแบบที่จะสร้าง วัดนี้เขามีทุนอยู่แล้วพอสมควร แล้วก็ทางมหามกุฎฯ ก็ช่วยเหลือเจือจุนอยู่ แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อน อาตมาไม่ต้องไปช่วย ไม่ต้องเอาเนื้อหนูไปเจือเนื้อช้าง เพราะช้างเนื้อมันมากอยู่แล้ว แต่ว่าที่เมืองเพิร์ธกับนิวซีแลนด์นี่มันเป็นหนูน้อยๆ ต้องเอาเนื้อช้างเมืองไทยไปช่วยบ้างถึงจะอยู่ได้ ไปพักที่นิวซีแลนด์ก็คืนเดียว รุ่งเช้าขึ้นก็เดินทางต่อไปประเทศนิวซีแลนด์ ไปนิวซีแลนด์นี่ความจริงก็ไม่ไกลหรอก จากเมืองซิดนีย์ไปนี่ ๓ ชั่วโมง ลานบินนี่ขนาดไม่ใหญ่เท่าไร เพราะว่าสนามบินเมืองเวลลิงตันนี่มันเล็ก มันสั้น อยู่ระหว่างภูเขา เป็นมาบลงไป คือเป็นโคกลงไปแล้วก็ทางมันสั้น ต้องเอาเรือบินเล็กๆ ไป แต่ก็ไม่เล็กเกินไป นั่งได้ตั้งร้อยกว่าคนเหมือนกัน ใช้เวลาบิน ๓ ชั่วโมงก็ไปถึงสนามบินเรียบร้อย
ที่สนามบินก็มีท่านวีรธัมโมกับฐานรโต (19.06) ที่เป็นพระอยู่ที่นั่นกับญาติโยมหลายคนมารับ ท่านเอกอัครราชทูตก็มีน้ำใจ ทั้งสองคน สามีภรรยามารับที่สนามบิน แล้วก็มอบรถเบนซ์สำหรับใช้คันหนึ่ง พร้อมด้วยคนขับซึ่งเป็นเลขานุการสถานทูต บอกว่า หลวงพ่อจะมีธุระไปไหนก็ไปได้ตามชอบใจ รถมีแล้ว เขาก็ช่วยด้วยความมีน้ำใจ รู้สึกสบายใจมาก ได้ไปพบผู้ที่มีน้ำใจอย่างนี้ เอาใจใส่ เมื่อได้สนทนาพาทีกันก็รู้ว่าเป็นชาวปากน้ำเพชรบุรี แล้วมีชีวิตเป็นเด็กวัดถึง ๖ ปี สมัยเรียนมัธยม ไปอยู่วัดที่ในเมือง แล้วมากรุงเทพฯ มาเรียนต่อ ทำงานกระทรวงต่างประเทศจนได้เป็นเอกอัครราชทูต อีก ๒ ปีครึ่งก็จะเกษียณ เป็นคนใจคอสงบเยือกเย็น วันหลังก็นิมนต์ไปฉันเพลที่บ้าน ได้คุยกันอะไรกัน รู้สึกว่ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้สบายใจ
อันนี้เมืองเวลลิงตันนี่เป็นเมืองที่น่าอยู่มาก น่าเที่ยวด้วย ญาติโยมลงทุนไปเที่ยวถึงประเทศอังกฤษ ออสเตรเลียมันใช้เงินมาก ไปเที่ยว อันนี้มันใกล้ ไม่ใช่โฆษณาให้คนไปเที่ยว บอกให้รู้ว่ามันใกล้ คือไปไม่ไกลเลย อย่างออกจากกรุงเทพฯ นี่มีการบินไทยไปที่เพิร์ธ แล้วต่อไปนี่เขาจะมีเรือบินจากเพิร์ธตรงไปเลย ตรงไปเวลลิงตัน พอไปถึงเวลลิงตันแล้วมองบ้านเมือง พอมองๆ แล้วมันเป็นสวรรค์ เมืองเขามันเป็นสวรรค์ เพราะว่าเขาสร้างตามไหล่ภูเขาสูงขึ้นไปๆ เมืองบนยอดภูเขาเยอะแยะ บ้านเมืองเขานี่ มันคล้ายกับเมืองสวิตเซอร์แลนด์สร้างเมืองบนภูเขาเหมือนกัน พอไปถึงตั้งข้าวของพับเรียบร้อย คุณจักรินทร์เลขาทูตก็บอก เอ้า พาหลวงพ่อไปหน่อย ฝนตกวันนั้นพรำๆ ไม่ค่อยสะดวกอะไร พาขึ้นภูเขา ด้านขวาของอ่าว ขึ้นไปจนถึงยอดสูงสุดเลย แล้วก็ไปยืนดูวิว สวยงามมาก เห็นทะเล เห็นบ้านเห็นช่อง ตึกราม บ้านที่อยู่บนไหล่เขา ด้านโน้น ด้านนี้ ดูแล้วมันก็คล้ายๆ กับสวรรค์ในเทพนิยาย
นั่งนึกดูก็ อ้อ นี่มันเป็นชั้นๆ คนที่ฐานะน้อยหน่อยก็อยู่ชั้นต่ำๆ แล้วก็สูงขึ้นไปๆ พวกเศรษฐีมีเงินก็อยู่บนยอด ราคาที่ดินตามภูเขานี่เขาคิดอย่างนี้ ได้รับแสงแดดดี วิวสวยงาม มองดูไกล แพง รับแสงแดดจ้า ดูวิวไม่ชัด ราคาถูกหน่อย เพราะฉะนั้นคนที่อยู่เชิงภูเขานี่ รับแสงแดดจ้า รับกลางภูเขาก่อนแล้วค่อยเลื่อนลงมาเป็นแดด แล้วก็มองไปไม่ไกล มันติดโน่นติดนี่ แต่พอขึ้นบนภูเขามองไกล บ้านใหญ่ๆ เมื่อไปอยู่บนภูเขานึกว่าจะลำบาก ไม่ลำบากเลย ทำถนนขึ้นดี ภูเขาคดเคี้ยวขึ้นไปจนถึงทุกบ้านทุกช่อง รถยนต์วิ่งได้หมด น้ำสะดวก ไฟสะดวก โทรศัพท์สะดวก มันพร้อมมูล เรียกว่าสาธารณูปโภคนี่มันสมบูรณ์เรียบร้อย บ้านเมืองสะอาดมาก ถนนนี่สะอาด แล้วสองข้างถนนนี่เห็นแต่ดอกไม้ ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง
บ้านเราจะปลูกต้นไม้เขาเรียกว่าไฮเดรนเยีย (hydrangea) ซึ่งมันบานๆ แล้วก็มีสีขาว สีม่วง สีชมพู แพง เราซื้อกันแพง ไอ้เมืองโน้นมันดอกไม้ป่า ธรรมดา ตามป่าข้างถนน ไฮเดรนเยียเกิดเต็มไปหมด มีทุกหนทุกแห่ง เห็นว่าบ้านเราแพงนี่ บ้านเศรษฐีจึงจะปลูกได้ แต่นั่นมันขึ้นตามป่า ตามป่า ตามสวน มันขึ้นของมันเอง มีทั่วไป แล้วก็ยังมีดอกไม้ชนิดอื่นๆ สีม่วง สีชมพู สีขาว สีแสด นั่งรถไปไหนมันมีแต่ความชุ่มชื่น เย็นอกเย็นใจ แล้วข้างถนนนี่ถ้าเป็นฟุตปาธ ข้างนี้คนเดิน ข้างโน้นก็ปลูกดอกไม้ ก็ไม่รู้ดอกอะไร ก็ดอกดาวเรืองบ้านเราแหละ แต่เขาไปจัดไปแต่งเข้า สลับซับซ้อนกันเข้า สวยงาม นึกว่า เอ! กรุงเทพฯ มันก็ปลูกได้นี่ ของนี่ แต่ทำไมปลูกไม่ได้ ปลูกไม่ได้เพราะว่าคนกรุงเทพจะเหยียบดอกไม้ตายหมดเลย ของเขานี่เขาไม่เหยียบ เขาเดินห่างดอกไม้ เขาไม่แตะต้อง แล้วมีคนสวนดูแลรักษา เขามีหน้าที่ เรียกว่าเป็นกรมหนึ่งเลย กองสวนนี่ เป็นกรมหนึ่ง แล้วที่พักนี่เป็นบ้าน บ้านเช่า ก็เช่าจากคนไทยเหมือนกัน ชื่อคุณเฉลิมศรี นามสกุลกรรณสูต น่ะ แต่ว่าแกไปแต่งงานกับฝรั่ง แกก็ให้ใช้อยู่ แกก็ใจดี แกให้อยู่ฟรี ๖ เดือน ไม่คิดค่าเช่า แกนึกว่าถ้า ๖ เดือนก็วัดบนภูเขาคงจะสร้างได้ แต่มันสร้างไม่ได้ มันไม่ใช่สร้างง่ายๆ จะสร้างอะไรในต่างประเทศ มันต้องมีแบบ มีแปลน ต้องเสนอ คิดรายละเอียด เรียบร้อย แล้วเขาไปดูสถานที่ ฝรั่งเขาก็ละเอียด เรียบไว ไม่เหมือนบ้านเราใครจะสร้างอะไรก็ได้ ต่อตรงไหน เติมตรงไหน ทำเอาได้ตามชอบใจ มีเสรีภาพมากเมืองไทยนี่ แต่ไม่เข้าเรื่อง แต่ของเขานี่เขาจำกัด จะทำอะไรมันต้องคำนึงถึงแบบแปลนแผนผังอย่างเรียบร้อย กว่าจะเสร็จมันก็กินเวลา เวลานี้น่ะ architect สถาปนิกนี่ออกแบบเรียบร้อยแล้ว แต่วิศวะยังไม่ได้คำนวณรายละเอียดว่าจะใช้ไม้ ขนาดไหน อะไรต่ออะไร
แม้ประชาชนส่วนมากนี่เป็นบ้านไม้ ไม่ค่อยมีตึกอะไร ที่เขาอยู่กันเป็นเรือนไม้ บนภูเขาก็เป็นเรือนไม้ แล้วไม้ของเขานี่เขาอบน้ำยา ทนทาน มันดีอย่างในเมืองนั้น ปลวกไม่มี น่าจะเอาพันธุ์ไปเพาะไว้มั่ง บ้านเรา แต่เข้าไปไม่ได้ เพราะเวลาเข้าเมืองนี่เขาตรวจ เห็นเลยนะ เอาพืชอะไรไปก็ไม่ได้ ขนไม้อะไรไปก็ไม่ได้ เขามีด่านตรวจ ตรวจจริงๆ เสียด้วยนะ ทุกคนต้องหยุดให้เขาตรวจ มีเล็กน้อย มีพืชมีอะไรมาบ้าง สมมติว่าเราจะไปเยี่ยมญาติ เอามะม่วงน้ำดอกไม้ไปฝากเขาสักตะกร้า ไม่ได้ กว่าจะได้กินมันก็เน่าพอดีแหละ เพราะว่าเขาต้องเอาไปกักไว้ เอาไปตรวจดู ไปอบ ไปรม ฆ่าเชื้อโรค มันก็ตายกันพอดีเลย มันลำบากเข้าไปไม่ได้ แล้วเรือบินไปเมืองออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์นี่สภาพเหมือนกัน พอเรือบินจอด ลงไม่ได้ก่อน เจ้าหน้าที่ขึ้นมาพ่นยา ฉีดยา เขาฉีดยาอะไรก็ไม่รู้ มันจะฆ่าเชื้อโรคหรือเปล่า แต่ก็ฉีด …… (26.25 เสียงไม่ชัดเจน)
ออสเตรเลียก็ฉีด อินเดียก็ฉีดเหมือนกัน แต่อินเดียนี่พอออกจากสนามบินเชื้อโรคทั้งนั้น มันฉีดกันเราไม่ให้เป็นโรคตาย ไม่ใช่ให้โรคแพร่ได้ เพราะสภาพเมืองผิดกัน แต่ว่าออสเตรเลียนิวซีแลนด์เขาฉีด ฉีดตลอดลำ เสร็จแล้วก็ลงได้ ผ่านด่าน พวกต้นไม้เขาก็ …… (26.42 เสียงไม่ชัดเจน) ไปตาม …… (26.48 เสียงไม่ชัดเจน) เห็นเขาไม่ค่อยจะช้าอะไร ทำเรียบร้อย อาตมาเข้าไปถึง พอตรวจพาสปอร์ตแล้ว บอกว่า "ขอบใจ" แกว่า (26.56) เอ๊ะ พูดไทยเสียด้วย ก็คงพูดได้คำเดียวว่า "ขอบใจ" เท่านั้นเอง ก็เรียกว่าเป็นคนอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส คือคนนิวซีแลนด์นี่เป็นคนมีความสุข เขาอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ถ้าเราเดินไป พอเจอกันเราก็ "Morning" เขาก็ "Morning" เขายิ้มให้เรา ถ้าเราจะไปถามอะไรเขาก็ต้องอธิบาย ไม่เบื่อไม่หน่าย อธิบายให้เราฟัง
วันหนึ่งเราไปเที่ยวสวนปลูกต้นไม้ สงวนพันธุ์ไม้ พืชพันธุ์ของนิวซีแลนด์เขาปลูกไว้แห่งหนึ่ง ลึกลับ ธรรมชาติ ไม่ให้คนเข้าไปยุ่ง มีทางเดินเล็กๆ เดินลงไป เดินกันไป แล้วก็ไปถึง เห็นเขาเรียกว่ากอล์ฟคลับ สนามกอล์ฟเล็กๆ สนามน้อยๆ เขาให้คนไปเล่น คนแก่ๆ ไปเล่น เขามีสโมสร หญ้าที่เขาปลูกนี่ ตัดเรียบ เรียบเหมือนเอาพรมสีเขียวไปปูไว้ อื๋อ มันปูพรมอะไร เขาว่าไม่ใช่ หญ้า ถามว่าหญ้าอะไรนี่ คนที่เฝ้าเป็นคนอายุสัก ฝรั่งนี่ …… (28.01 เสียงไม่ชัดเจน) ก็บอกว่า เขาเรียกว่า weed ชื่อว่าหญ้า weed ก็อธิบายให้ฟังว่าหญ้า weed เป็นอย่างนั้นๆ ถามว่ารดน้ำอย่างไร หญ้า weed ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รดสนามไว้ เดี๋ยวจะทำให้ดู ใจดี เดินเข้าไปในห้องกดสวิตช์ปุ๊บ อ้า! น้ำตรงนี้ออกเป็นฝอย พุ่งแกว่งไป แกว่งมา ๓ นาทีหยุด พอตรงนี้ ๓ นาทีเสร็จ ตรงนี้ รอบๆ สนามเลย แต่ไม่พร้อมกัน อันนี้ออกก่อน อันนี้ออกก่อน ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ว่าพอปิดสวิตช์ปุ๊บ แล้วมันก็หยุดไป แน่ เขาทำงานอย่างนั้น อธิบายให้ฟัง ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วเราก็พลอยสบายไปด้วย ไปที่ไหนก็เห็นคนอารมณ์ดีทั้งนั้น ยิ้มแย้ม
วันหนึ่งไปเที่ยวชายหาด "เรามาตี" (Raumati) โยมชะลอ จำง่าย ก็เลยเรียกว่า "เรามาตี" แต่ไม่มี "กัน" นะ "เรามาตี" เฉยๆ "เรามาตี" ชื่อหาด "เรามาตี" เป็นหาดทรายยาว แต่ว่าทรายมันไม่สวย สีมันดำ ทรายสีดำไม่เหมือนบ้านเราทรายสีขาวสะอาด ของเขามันดำ เลยถามว่าทำไมทรายที่นี่มันดำ มันเป็นซากของภูเขาไฟ เรามานิวซีแลนด์นี่มีภูเขาไฟอยู่ แล้วมันเคยระเบิด แล้วก็เป็นเถ้าเป็นถ่าน ทำให้ดินแถวนั้นดำไปหมด ทรายก็ดำไป ก็ไปเดินที่หาดทราย เดินไปก็เจอแหม่มแก่ๆ ผู้หญิง ๒ คนกำลังตัดไม้ฟืน เลยเข้าไปเขาก็ยิ้มนะ คุยด้วย เลยถามว่าเอาไปใช้หน้าหนาวหรือ หน้าหนาว ไม้ฟืนนี่เป็นประโยชน์ในหน้าหนาว ความจริงหนาวมันไม่เท่าไร พอสมควร ไม่ใช่หนาวเหมือนยุโรป เมื่อคืนดูโทรทัศน์ ฝรั่งเศสหิมะตกหนาตั้ง ๒ หรือ ๓ ฟุต มันแรงมาก ของเขาไม่ถึงขนาดนั้น แต่เขาไปเอาไว้ ประเดี๋ยวมีผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปคุยด้วยว่า แกมาจากอังกฤษ มาพัก อยู่โน่นมันหนาว มาพักที่นี่ ขอเลื่อยเลื่อยพื้นเป็นช่องเล็กๆ แล้วก็ใส่กระสอบป่านน้อยๆ แบกพาไปบ้าน คุยกันด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจเบิกบาน เขาไม่มีอารมณ์เครียด เพราะว่าการเป็นอยู่มันสบาย รัฐบาลก็ช่วยเหลือ คนไม่มีงานทำก็มีเงินเดือนให้กิน คนแก่ก็ได้รับบำนาญ แต่ว่าต้องเป็นคนเคยทำงาน เสียภาษีมาก่อน พอแก่ลงเขาก็ให้เงินเลี้ยงชีพ มีบ้านให้อยู่ มียารักษา สวัสดิการสังคมเขาดี คนจึงใจเย็น ใจสงบ
ประเทศนิวซีแลนด์นี่ ความจริงมันเป็นเกาะ เกาะใหญ่นี่มี ๒ เกาะ เขาเรียกว่า เกาะเหนือ เกาะใต้ เกาะเหนือนี่ก็มีเมืองเวลลิงตัน เมืองโอ๊กแลนด์เป็นเมืองใหญ่ โอ๊กแลนด์นี่มีคนมากกว่าเวลลิงตัน คือมีคน ๒ แสนกว่าคน เวลลิงตันมีน้อยกว่านิดหน่อย เมืองโอ๊กแลนด์นี่ก็เป็นเมืองสำคัญเหมือนกัน ถ้าไปจากออสเตรลีย ความจริงมันถึงโอ๊กแลนด์ก่อน แต่เรือบินไม่ลง ไปลงเมืองหลวงเวลลิงตัน จากเวลลิงตันไปโอ๊กแลนด์นี่ ๗๐๐ กิโลเมตร กรุงเทพ-เชียงใหม่ ถ้านั่งรถไปก็คืนหนึ่ง นั่งเรือบินก็ชั่วโมงกว่า เรือบินภายในประเทศ แต่นี่เกาะใหญ่เรียกว่าเกาะเหนือ
พลเมืองนิวซีแลนด์นี่ไม่มาก สามล้านหนึ่งแสนเศษเท่านั้นเอง แต่ว่ามีพลเมืองแกะมากกว่าคน พลเมืองแกะนี่มี ๗๐ ล้านตัว คน ๓ ล้าน แต่แกะ ๗๐ ล้าน เพราะฉะนั้นไปที่ไหนนี่เจอ แกะมากกว่าคน คือตั้งแต่เชิงเขาขึ้นไป ภูเขาชัน (32.05) อย่างนี้นะ แกะมันยังเดินอยู่ได้ กินหญ้า พบแกะทีไรมันทำงานตลอดเวลา มันถือว่างานคือชีวิต ชีวิตคืองาน มันจึงกิน ทำงานไม่หยุด งานกินหญ้า กิน กินเพื่อให้ขนมันยาว พอขนยาวคนก็ไปจับไปมากร้อนขนเสียทีหนึ่ง เอาไปขายต่อไป สินค้าออกของนิวซีแลนด์ก็คือขนแกะ เนื้อแกะ แล้วก็เลี้ยงวัวด้วย วัวก็เลี้ยงมากเหมือนกัน ส่งนมส่งเนยไปขายประเทศอื่น บางทีก็ส่งมาขายที่เมืองไทยเหมือนกัน เขาเลี้ยงตามหุบเขา มีที่ราบนิดหน่อยก็เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงแกะเอาเที่ยวไป ไปในที่แห่งหนึ่ง ขึ้นถนน ขึ้นภูเขาสูง สูงๆๆๆ จนถึงยอดสูงสุด แล้วเขา เขา บ้านเมืองเขามันเป็นอย่างนี้
ถ้าตรงไหนเป็นยอดสูงเขาจะต้องทำที่กว้างไว้ให้รถหยุดพัก พักเสร็จแล้วก็ให้ไปยืนชมวิว แล้วที่ชมวิวเขาจะบอกประวัติศาสตร์ไว้ว่า ถนนทางนี้มาอย่างไรไปอย่างไร ใครเป็นผู้ทำ ไอ้สายนั้นเขาก็บอกว่าฝรั่ง ๒ คนกับเมารี ๑๒ คนเดินทางบุกป่าฝ่าดงตามลำห้วย แล้วก็แม่น้ำฮัดสัน (Hudson) ขึ้นมาจนถึงที่ต้นน้ำ แล้วก็ต่อมาก็ตัดถนนข้ามไป พอไปลงด้านโน้นเป็นทุ่งใหญ่ มีทะเลสาบกว้างใหญ่มาก ทะเลสาบนั้น ในทุ่งนั้นเห็นแต่แกะทั้งนั้น เต็มไปหมด ในทุ่งแกะมากจริงๆ เต็มไปหมด เลี้ยงแกะเลี้ยงวัวทั่วๆ ไป บนไหล่เขาก็เป็นอย่างนั้น สภาพมันเป็นเกาะเป็นแก่ง
เกาะใต้นี่คนอยู่ได้ไม่มาก คือใน ๓ ล้านคนมีอยู่เกาะเหนือ ๗๓ เปอร์เซ็นต์ อยู่เกาะใต้ไม่เท่าไหร่เพราะมันเป็นทะเลภูเขา มีหิมะปกคลุม แล้วก็มีไอ้น้ำร้อนพุ บางแห่งมันไม่มีน้ำ แต่มันเป็นดินโคลนพุ พุๆๆ ขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับเรากวนขนมกา-ละแม อันนี้ไฟมันเดือดมันก็ปุ๊ดๆๆ ตลอดเวลา คือหุงข้าวกำลังเดือดใกล้จะแห้ง มันปุ๊ด ไอ้ปุ๊ดอย่างนี้อย่าลงไปเที่ยวเล่นนะ ลงแล้วไม่ได้ขึ้น แล้วมันจะสุกไปเลย มันร้อนมากเลย มันร้อนน้ำภูเขาไฟ เป็นน้ำเดือดอยู่ แต่คนไปอยู่ไม่ได้ แต่เขาอุตส่าห์ทำถนนผ่านเข้าไป ให้คนไปชม ชมภูเขา ชมน้ำแข็งในฤดูร้อน ไปเล่นสกีกัน ฝรั่งนี่ชอบหาเรื่องให้คนหัดกันบ่อยๆ เล่นสนุกๆ กันไปตามเรื่องตามราว เขาทำให้คนไปเที่ยว มีภาพสวยๆ งามๆ มีนกมีสัตว์ แต่สัตว์บางประเภทไม่มี
แต่ก็มีเกาะอยู่เกาะหนึ่ง ไร่ "เรามาตี" นี่ ก่อนนั้นเป็นที่ปล่อยหนู ปล่อยสัตว์ทุกประเภท เอาไปปล่อยไว้ในเกาะห่างจากเก่ามาก ให้อยู่นั่น เรียกว่าเป็นสถานที่สำหรับสัตว์อยู่ ความจริงเราเมืองไทยที่เอาสุนัขมามาปล่อยวัด แมวปล่อยวัดบ่อยๆ น่าจะหาเกาะไว้สักเกาะเหมือนกัน เอาแมวหมาไปปล่อย แล้วก็มีคนไปอยู่เป็นเพื่อนสักครอบครัวหนึ่ง เพื่อทำอาหารเลี้ยงสัตว์เหล่านั้น กว่ามันจะตั้งตัวได้ก็อุปถัมภ์ค้ำชูไปก่อน ไม่ได้บอกรัฐมนตรีมหาดไทยให้หาเกาะสักเกาะ ไม่ต้องเอามาปล่อยไว้วัดกันต่อไปให้มันวุ่น เอามันมีที่แล้วก็ปล่อยสัตว์ให้ไปอยู่สบายๆ นกก็มาก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สี่เท้าไปปล่อยไว้ที่นั่น เป็นเกาะใหญ่ คนไม่ยุ่ง ให้คนไม่เข้าไปอยู่
ไอ้เรื่องสงวนอะไรนี่ ในเมืองนั้นเขาสงวน แล้วสงวนจริงๆ เช่นสงวนป่านี่ ป่าสงวนจริงๆ ไม่มีใครแตะต้อง ไม่มีใครทำลาย ไม่เหมือนบ้านเราป่าสงวนเหลือต้นเดียว เหลือต้นที่ติดป้ายว่าป่าสงวนนั่นเอง นอกนั้นเรียบร้อยแล้ว ไอ้ของเขามันไม่อย่างนั้น ป่าจริงๆ เป็นป่าธรรมชาติ คือเข้าไปแล้วมันสบาย แต่ว่าต้นไม้ไม่ค่อยสวย ดูสวยอย่างเดียวคือต้นสน ป่าสนเขาปลูกมากเหมือนกัน เพราะเขาเอาไม้สนมาใช้งาน สร้างบ้าน สร้างเรือน นอกนั้นไม้ อื่นๆ ต้นมันเตี้ยๆ ที่เตี้ยนี่ไม่ใช่เรื่องอะไร ดินมันน้อย กรวดหินมันมาก แต่มันก็อุตส่าห์ขึ้น ขึ้นมาจนคลุมภูเขาไว้ได้ ดูมองแล้วก็เขียว ค่อยชื่นตาชื่นใจสักหน่อย นี่สภาพของประเทศนิวซีแลนด์ที่เขาอยู่กัน คือมันใต้สุดแล้ว นิวซีแลนด์ พ้นจากนั้นก็ไม่มีเกาะแล้ว ไม่มีคนแล้ว ขั้วโลกใต้เลย จากนั้นไปแล้วก็ไปถึงขั้้วโลกใต้ อากาศตอนไปนี่ก็ว่าพอสบาย ไม่หนาวแล้วก็ไม่ร้อน นอนสบายกลางคืน แต่อาตมานี่ก็ต้องห่มผ้านวมเหมือนกัน ผ้าผวย ๒ ผืนแล้วก็แถมนวมอีกผืนหนึ่ง เพราะมันไอขึ้นมา ท่านวีรธัมโมนอนห้องใกล้กัน พอได้ยินเสียงไอสองที ขอผ้านวมมาอีกผืนหนึ่ง คือคลุมไว้ แล้วก็อุ้มไปเลย สบาย เดินไปไหนอากาศก็สบาย
อันนี้ที่ที่จะสร้างวัดนี่เป็นสถานที่ที่เนื้อที่ทั้งหมดก็ ๓๗ เอเคอร์ ถ้าคิดเป็นไร่เมืองไทยก็ ๗๐ ไร่ โบกปูนสูงขึ้นไป แต่มันดีอย่างเดียวคือมีห้วยอยู่ตรงกลาง ภูเขามันลงมาอย่างนี้ มีห้วย น้ำไหลตลอดปีไม่มีแห้งเลย เราสร้างวัดอยู่บนภูเขานั้นแล้ว ถ้าว่าน้ำประปาไม่มี แต่เขาต้องให้ เขาต้องมีประปาให้ แต่ถ้าไม่มี เอาท่อไปต่อจากห้วย มันอยู่ในกลางพื้้นที่ของวัด ต่อลงมาถึงครัว ถึงกุฏิ สบายเลย แต่มันอาบไม่ไหว มันเย็นเจี๊ยบเลย อาตมาลงไปในห้วยเอามือแหย่ อู๊ย มันเย็น ยะเยือก น้ำสะอาด สะอาดดี สองข้างห้วยเป็นที่ซื้อผ่อน ซื้อผ่อนส่งยังไม่เรียบร้อย ยังค้างกันอยู่เก้าพันกว่าเหรียญ
อาตมาไปก็ยังไม่ได้เอาอะไรไปให้ คือมาดูก่อน ดูสภาพความเป็นอยู่ ความมั่นคงของศรัทธาสาธุชนสมาคมว่ามีขนาดไหน แต่รู้สึกว่าเขามั่นคงดี เขาร่วมมือกัน คนไทย คนพม่า คนสิงหล คนลาว มาร่วมกัน ทำบุญสุนทานด้วยกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน แล้วก็หาวิธีหาหาเงินกันบ่อยๆ เช่นจัดเรื่องอาหารเรียกว่าฟู้ดแฟร์ ไปจัดในที่ใหญ่ๆ อาหารพม่า อาหารสิงหล อาหารไทย ใครจะมากินอะไรก็ได้ มีบัตร กินแล้วก็ เงินก็ถวายวัดกันไป เขาหากันบ่อยๆ ช่วยกันจัดช่วยกันทำ ทุกคนดูเหมือนว่าว่องไวในการปฏิบัติงานกันถ้วนหน้า ตั้งใจจริงๆ ทำงานกันจริงๆ ทั้งคนไทยทั้งคนฝรั่งเขาร่วมแรงร่วมใจกัน คือว่าไปถึงวันแรกนี่เขาก็ พักที่บ้านนั้น
บ้านที่เช่า อาทิตย์ละร้อยกว่าเหรียญ เดือนหนึ่งก็ ๔๐๐ ค่าเช่า เขาให้ฟรี ๖ เดือน ก็ได้พบเจ้าของบ้านเหมือนกัน อาตมาบอกว่ายินดีมากที่คุณเพ็ญศรีมีน้ำใจให้พระอยู่ฟรีถึง ๖ เดือน แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น คือให้อยู่ฟรีตลอดไปก็แล้วกัน แกก็ยิ้มๆ มันก็ไม่ได้ ขาดค่าเช่า แกจะลำบาก แกคิดจะไปสร้างในที่ใหม่เขาเรียกว่า Oak Valley ขับรถจากเมืองเวลลิงตัน มันก็วิ่งในเมือง แต่เราออกไปนอกเมืองง่ายกว่า จากสนามหลวงมาบางซื่ออะไรอย่างนั้น ขับรถก็เพียง ๒๕ นาที ทางสะดวก ถนนไฮเวย์ กว้าง เลี้ยวกลับสะพานแม่น้ำไฮนส์ริเวอร์ (Hinds River) แล้วก็ไป แล้วก็เลี้ยวเข้า ถนนดีจนถึงวัดเลย แต่พอถึงวัดก็เดินขึ้นไป เดินขึ้นไป หลายหอบเหมือนกันกว่าจะถึงที่ที่ถากถางไว้จะสร้างกุฏิต่อไป กระทั่งบนไหล่เขา มีแผนผังว่า ที่พระอยู่ มีโรงครัว แล้วก็มีหอแสดงธรรมสำหรับคนไปปฏิบัติภาวนา อะไรต่างๆ ก็ใช้เงินราวสัก ๘ หมื่นเหรียญ ๖ หมื่น ๘ หมื่น ทั้งหมดก็ใช้เงินราวสัก ๖ กับ ๘ ก็เป็น ๑๔ แสนกว่า ถึงจะพอใช้สำหรับที่จะสร้างเป็นวัดที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ อาตมาก็ไปดูเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พูดแทนญาติโยมเมืองไทยไว้แล้ว บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ญาติโยมเมืองไทยเขามีน้ำใจ ถ้าไปบอกไปเล่าก็คงจะได้เงินมาบ้าง แต่ว่าวันนี้ยังไม่เอาอะไร ใกล้ๆ จำไปก่อนแล้วจะค่อยบอก ให้เราตั้งทุนไว้ เรียกว่าทุนส่งเสริมพุทธศาสนาแห่งประเทศนิวซีแลนด์ ก็ได้ช่วยเหลือพระ ๒ รูป แล้วก็พุทธสมาคมที่ไปอยู่
ทีนี้เมื่อไปอยู่นี่ทำประโยชน์อะไรบ้าง วันรุ่งขึ้นเขาก็มีการทำบุญเลี้ยงอาหาร คนลาวทั้งหมดมาเลี้ยง แล้วจะเลี้ยงที่พักมันไม่ไหว ที่ไม่พอ ประเทศนิวซีแลนด์เขาก็ดีเหมือนกัน เขาจะสร้างห้องประชุมไว้เปลี่ยนเป็นหลังยาว จุคนได้ประมาณสัก ๗๐ - ๘๐ คน มีเก้าอี้มีอะไร พระที่ไปอยู่นี่ ถ้าจะไปแสดงธรรมก็ไปที่นั่นแหละ นั่งรถมาจากวัดก็สัก ๑๐ นาที มันอยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์ของเขา ในบริเวณเดียวกัน เขาสร้างเป็นเรือนไม้ เป็นชั้นเดียว เข้าไปใช้สถานที่นั้น คนลาวเขาก็มากัน มาประมาณสัก ๓๐ คน มาถวายอาหารบูชาพระ รับศีล แล้วก็ถวายอาหาร พอพระฉันเขาก็รับประทานกันไปด้วยในตัวนั่นแหละ เพราะว่าพระฉันในบาตร เอามาตักใส่ พอฉันแล้วพอสวดแล้ว โยมก็ไปทานกัน ทานเสร็จแล้วก็เลยแสดงธรรมให้เขาฟัง เขาติดกัณฑ์เทศน์นี่
คนลาวกับคนไทยเหมือนกันติดกัณฑ์เทศน์ ได้สองร้อยกว่าเหรียญ อาตมาก็บอกว่าเงินนี้ต้องเอาเก็บไว้เป็นทุนสำหรับสร้างวัดต่อไป ก็บอกให้เขา ไม่ได้เอามา เพราะว่าไม่ได้ไปเพื่อจะเอา ไปเพื่อให้ ไปนี่ก็เรียกว่า ไม่มีอะไรหรอก ต้องการอะไรก็โยมฉลองเป็นผู้จัดให้ แต่ก็ไม่ได้ต้องการอะไร ซื้อหนังสือเล่มเดียว แต่ว่าไปทั้งหมดนี่ซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง ได้สิ้นเงินไป ๑๘ เหรียญ อีก ๘ เหรียญนี่ก็เรียกว่าเป็นแถมพกจากบริษัทการบิน ขากลับ เพราะว่าบินกลับจากนิวซีแลนด์นี่ คนงานโฮเต็ลมันสไตร์ค มันไม่ส่งอาหารให้เรือบิน เรือบินก็ไม่ได้เลี้ยงอาหารให้กับคนเดินทาง เลี้ยงแต่น้ำส้มถ้วยหนึ่ง แล้วเขาก็ขอโทษขอโพย ว่ามันมีเหตุการณ์จำเป็นไม่สามารถจะเลี้ยงอาหารได้ แต่ไม่เป็นไร เมื่อท่านไปถึงซิดนีย์แล้วก็จะชดเชยค่าอาหารให้คนละ ๒๐ เหรียญ เขาก็ทำตามคำพูดแหละ ออกมาถึงประตูเขาก็แจกของ แจกคนละซองๆ โยมเปิดดู โอ้! ๒๐ เหรียญ เขาให้จริงๆ เขาไม่พูดเล่น เขาให้ เลยได้ ๒๐ เหรียญก็เลยเอาไปซื้อหนังสือเสีย ๑๘ เหรียญ เป็นหนังสือพุทธประวัติ อยากซื้อมาดูว่าเขาเขียนอย่างไร เขามีคนเขียนว่าอย่างไรเอามาได้แล้ว
นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เพราะไม่มีอะไรจะซื้อ มีแต่ไปช่วยเหลือเขา คนลาวมา ก็แสดงธรรมให้ฟังเรียบร้อย แล้วก็วันต่อมาก็มีพวกฝรั่งกับคนไทยมาประชุมกัน ก็ไปพูดให้ฟัง ท่านวีรธัมโมแปล ท่านพูดไทยได้ไม่เข้าใจ แต่ท่านฟังได้พอสมควร ก็แปลเรียบร้อย อาตมาก็พยายามใช้ถ้อยคำที่ง่ายที่สุด พูดเล่าเรื่องเมืองไทย เรื่องพระพุทธศาสนาให้เขาฟังกัน ท่านก็แปลได้ ๒ ครั้ง ทำ ๒ หนที่หอประชุมนั้นแหละ
แล้วก็มีวัดอีกพวกหนึ่ง เขมร เขมรที่อพยพไปอยู่ออสเตรเลียก็ดี นิวซีแลนด์ ที่อเมริกาอะไรนี่ น่าสงสารมาก เพราะพูดภาษาอื่นไม่ได้ พูดได้แต่เขมร แต่ว่าถ้าเป็นคนมีการศึกษาพูดฝรั่งเศส แต่น้อย เพราะคนมีการศึกษาเขาไปแล้ว เขารู้ว่าบ้านเมืองมันจะเป็นอย่างไรเขาไปก่อนแล้ว ขนเงินขนทองไปปารีสก่อนแล้ว ไอ้ที่เหลืออยู่นี่ก็เป็นชาวนาชาวไร่ ไม่ค่อยมีความรู้อะไร แล้วก็มาพักอยู่เมืองไทย อยู่ค่ายเขาอีด่างกระมัง ……. (45.42 เสียงไม่ชัดเจน) แล้วเราก็ส่งไปอยู่กัน ทุกชาติก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ที่มา …… (45.50 เสียงไม่ชัดเจน) นั่งรถยนต์กัน …… (45.52 เสียงไม่ชัดเจน) ทุกคน ครอบครัวคนละคัน คนละคัน อาตมามองมา โอ๊ย! พวกนี้มันมาขึ้นสวรรค์นี่ มาอยู่เมืองนี้มีรถยนต์ใช้ อยู่เขมรไม่มีโอกาสได้ใช้ อยู่เมืองลาวก็ไม่มีโอกาสได้ขับรถยนต์ นี่ขับรถยนต์ปร๋อมาเลย มาถึงก็ เอ้า ไหว้พระตามแบบ รับศีล ถวายอาหาร ไอ้เราจะอนุโมทนาสักหน่อยมันก็ไม่รู้เรื่อง ท่านชาคโรพูดอังกฤษ ไอ้พวกนั้นก็ฟังไม่รู้เรื่อง พูดไทยก็ไม่รู้เรื่องทั้งนั้นเลย มันตื้นตันใจบอกไม่ถูกเลย มีหูมันก็ไม่ดี มีปากก็ไม่ได้เรื่องอะไร ก็สงสารมัน ไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่ว่าไปนิวซีแลนด์นี่ค่อยสบายใจแล้ว เพราะว่าคนเขมรที่อยู่นิวซีแลนด์นี่เขาขอพระมาที่ เมืองไทย ได้ไปองค์หนึ่งจากวัดจักรวรรดิ เป็นคนเขมร มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่เป็นสามเณร เข้ามาในสมัยที่สงครามอินโดจีน ไทยเข้าไปยึดครองเสียมราฐ พระตระบอง ศรีโสภณไว้ อันนี้ก็คน …… (46.58 เสียงไม่ชัดเจน) จีนก็มาเมืองไทย มาอยู่เป็นไทยไปเลย แต่ก็ไม่ลืมภาษาเขมร ชื่อมหาสุเทพ ก็เขาขอมา เขาก็จัดส่งไปให้ ก็ไปอยู่ ก็ได้ไปฉันอาหารร่วมกัน ๒ ท่าน แล้วก็พาไปดูที่ที่รัฐบาลให้ ไม่ต้องซื้อ
คนอพยพมันได้เปรียบ คือไม่ต้องซื้อ รัฐบาลสงเคราะห์ให้ที่บนภูเขา อาตมานั่งอยู่บนภูเขา เห็นเรือใบ ด้านนี้ก็ทะเล ด้านนี้ก็ทะเล ทิวทัศน์สวย พาไปดู บอก อ้า! ดีมาก ที่ดี บอกว่าให้สร้าง ทำอย่างนี้สักส่วนหนึ่ง หน้ายาวไปอย่างนี้ อีกส่วนหนึ่งเป็นห้องประชุม ไม่ต้องสร้างมากอะไร วันนี้แหละเป็นวันที่ชาวเขมรทั้งหมดจะต้องขึ้นไปพัฒนา คือไปถางต้นเบิร์ช (birch) ซึ่งเป็นต้นที่มีดอกไม้เหลืองเหมือนเมืองอังกฤษ เพราะเอาพันธุ์มาจากอังกฤษมาปลูกไว้ เหลืองเหมือนกัน (47.56) แต่มันมีหนามต้นไม้ชนิดนี้ ถางยาก ต้องมาช่วยกันขุด ช่วยกันแต่ง แล้วออกแบบออกแปลนก่อสร้างต่อไป แต่ในเวลลิงตันนี่จะมีวัดเขมร วัดในเมือง แล้วก็มีวัด StokesValley เรียกว่าหุบผา Stokes เป็นอีกวัดหนึ่ง เป็นวัดในป่า ก็ดีเหมือนกัน แล้วก็ช่วยเหลือเจือจุนกันไปตามฐานะที่จะช่วยกันได้ เป็นการส่งเสริมศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา
ญาติโยมอาจจะนึกว่า เอ๊! คนนิวซีแลนด์นี่ต้องสบายแน่ เป็นสุขแล้วทำไมเราจะต้องเอาธรรมะไปให้เขาอีก เขาเป็นสุขทางวัตถุ แต่จิตใจเขาไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไร ปัญหาในครอบครัวเยอะ คือมันเสรีภาพมากเกินไป เช่นการแต่งงาน แต่งกันไม่เท่าไร เดี๋ยวไม่ชอบใจก็หย่ากันแล้ว หย่ากันไปอยู่กับคนอื่นต่อไป บางทีฝ่ายสตรีนี่ก็ไปได้คนหนึ่ง มีลูกมาก็เลี้ยงลูกไป เขาก็ไม่ว่าอะไร รัฐบาลก็ให้เงินชดเชย เลี้ยงดูอะไรกันไป ปัญหาในครอบครัวมี แล้วมีความทุกข์ทางใจ แล้วไม่รู้จะแก้อย่างไร ศาสนาที่เขาเคยนับถือกันก็ไปอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า ช่วยลูกช้างทีเถิด พระผู้เป็นเจ้าก็เมินเฉยไม่ช่วยอะไร
พระผู้เป็นเจ้างานหนักอยู่แล้วเวลานี้ งานแถวตะวันออกกลาง งานแถวแอฟริกา ไอ้พวกรบราฆ่าฟันกันไม่รู้จักหยุดจักหย่อน พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ก็เลยนั่งหลับตาให้ตัวเฉยๆ ดีกว่า มันหาเรื่องกันเอง ช่างหัวมัน ก็มันไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ คนอ้อนวอนเท่าไรก็ไม่ได้เรื่อง ได้อะไร เพราะทุกๆ อย่าง เบื่อแล้วก็อ้อนวอนก็ไม่ได้ผล ก็เลยอยู่เฉยๆ ก็มองหาว่าอะไรที่จะทำให้เขามีความสุขทางใจ คือมีความสงบทางใจ เขาก็มองหา พอเขามาเจอพุทธศาสนา เขาก็สนใจศึกษา เอาไปปฏิบัติ ชีวิตเขาก็ดีขึ้น มีความสุขความสบาย
จะเห็นว่าพวกชาวนิวซีแลนด์เขาเรียกว่าพวกกีวี คนนิวซีแลนด์เขาเรียกตัวเองว่ากีวี กีวีนี่มันเป็นชื่อผลไม้ชนิดหนึ่งด้วย ชื่อนกด้วย นกกีวี มีแต่ในเกาะนิวซีแลนด์ นกกีวีตัวป้อม ปากยื่นยาว ประเทศอื่นไม่มีนกกีวี และผลไม้กีวีก็ไม่มีในประเทศอื่น มีเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์ ลูกมันคล้ายกับละมุดของเรานั่นแหละ แต่ว่าหวาน หวาน ข้างในมีเม็ด เม็ดหนึ่งเท่าเมล็ดงาอย่างนั้น เป็นไส้ตัดตรงตามยาวเป็นชิ้นๆ ฉันอร่อยดี เขาว่านี่แหละผลไม้ชั้นหนึ่งของนิวซีแลนด์ ส่งไปขายต่างประเทศ
เขาซื่อสัตย์มากคนนิวซีแลนด์นี่ ใครจะ …… (51.00 เสียงไม่ชัดเจน) ต้องเกรดดี ส่วนเกรดที่่ไม่ดีนี่ เราจะซื้อถูกๆ เอามาขายแพงๆ ก็ไม่ได้ ส่งออกไม่ได้ อย่างนี้ของไม่ดี เขาไม่เห็นแก่เงิน เขาไม่เห็นแก่การส่งออกเพื่อเงิน ถ้าไม่ดีเขาไม่ส่ง เขาสำรวจแล้วเขาก็ทำลายไป เอาแต่ลูกงามๆ ดีๆ ส่งไปญี่ปุ่น ญี่ปุ่นซื้อมากที่สุด ญี่ปุ่นซื้อทั้งเนื้อ ซื้อทั้งหนังแกะขนแกะจากนิวซีแลนด์มาก เรียกว่าเป็นลูกค้ารายสำคัญของเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคนนิวซีแลนด์เขาเรียกพวกกีวี คนไทยไปแต่งงานกับพวกกีวี
อีกคนหนึ่งเขาเรียกพวกเมารี เมารีนี่มันเป็นชาวโปเลนีเชี่ยน เขาเรียกตามประวัติมนุษยชาติว่าโปเลนีเชี่ยน มันอพยพไปจากเกาะใดเกาะหนึ่งแถวเกาะบอร์เนียว เกาะอะไรพวกนี้ ไปเรือ เรือใหญ่ๆ เรือทำด้วยไม้ลำใหญ่ๆ ก็ไปอยู่ในนั้น คนเมารีนี่ร่างใหญ่นะ ตัวใหญ่ สูงใหญ่ แต่ว่าชอบกินของดิบ ไปเก็บหอยในทะเล พวกหอยขาบหอยแมลงภู่อะไรริมทะเล กินปลาดิบๆ ก็เลยอายุไม่ค่อยยืน ร่างใหญ่แต่ว่าตายไวเพราะว่ากินของดิบมากเลยตายไว รัฐบาลเขาก็บำรุงส่งเสริม เดี๋ยวนี้ประธานาธิบดีเป็นเมารีนะ คนเมารีเป็นประธานาธิบดี เขามีการศึกษามีอะไรพอสมควร เดินไปถ้าเห็นร่างใหญ่กำยำล่ำสันเหมือนกับยักษ์มักกะสันละก็ เมารีแหละ ฝรั่งไม่ใหญ่เท่าไร รูปร่างแตกต่างกัน แต่ว่ามันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ พลเมืองเมารี ก็มีแต่พวกกีวีมาก คนกีวีนี่มีภรรยาไทยก็เยอะเหมือนกัน แล้วก็คนไทยที่เป็นสุภาพสตรี ภรรยาพวกกีวีก็ไม่มีศาสนา พบพระพบเจ้าก็ดีอกดีใจมาทำบุญสุนทานอะไรกันไปตามเรื่องตามราว
อาตมาไปอยู่นั่นก็ดีอย่างหนึ่ง ไม่มีใครขอพระ ไม่มีใครขอรดน้ำมนต์ ไม่มีใครขอตะกรุดหลวงพ่อ อันนี้ก็เรียกว่าค่อยยังชั่วหน่อย ไม่ ไม่เหมือนบางแห่ง บางแห่งมา หลวงพ่อมีอะไรบ้าง พระเครื่องอะไรๆ ผ้ายันต์อะไรๆ มีไหม บอกว่า ไม่ได้เอามา ว่าอย่างนั้น มีแต่เมืองไทยแต่ไม่ได้เอามา ก็ว่าไปอย่างนั้น เรียกว่าไม่ช้ำใจเกินไป ถ้าบอกอย่างอื่นมันก็จะช้ำใจกันเกินไป บอกว่าไม่ได้เอามาก็แล้วกัน ค่อยสบายใจหน่อย ว่าอย่างนั้น
มาพักอยู่ที่นิวซีแลนด์นี่ก็เรียกว่าสะดวกสบาย เขาก็พาออกทุกวันแหละโยม พาไปเที่ยวโน้น ไปเที่ยววัดนี้ ไปดูนั่นดูนี่ ไปที่ไหนก็พบแต่ความร่มรื่น ดอกไม้สวยๆ งามๆ สนามหญ้าสวย ไม่มีขยะมูลฝอยบนถนน ถนนก็ล้าง กลางคืนก็เอารถมาล้างถนน ล้างสะอาด โดยเฉพาะสวนสาธารณะ เขาเรียกว่า park Wellington Park อยู่ใกล้กับที่พัก อาตมาเช้าขึ้นก็แอบเดินไปในปาร์ค วันหนึ่งเดินสัก ๒ ชั่วโมง ขึ้นลง ขึ้นลง เดินเสียเหนื่อยเลย ออกกำลังดี สบาย เขาปลูกต้นไม้ร่มรื่น ก็มีดอกไม้ประดับประดา ตกแต่งเป็นหย่อมเป็นที่สวยงาม มีคนประจำคอยดูแล
คนงานเขามาแต่เช้า ๗ โมงนี่คนงานมาแล้ว มาเรื่องพรวนดิน รดน้ำต้นไม้ ดูแลต้นไม้ ของเราปลูกต้นไม้บนถนนคนงานมา ๘ โมงครึ่ง มารดน้ำก็รดตอนเที่ยง แดดเปรี้ยงๆ เอาน้ำไปรดต้นไม้ เขาไม่รดอย่างนั้น เขารดเหมาะแก่เวลา เช้าๆ แล้วน้ำก็ออกเป็นฝอย ดอกไม่ช้ำ ใบไม่ช้ำ ต้นไม้ไม่บ่นว่า "กูเจ็บจะตายแล้ว รดอย่างนี้" บ้านเรามันรดอย่างชอกช้ำ เอารถดับเพลิงไปรด ซ่า ชอบเอาดินมาใส่ แต่ดินเทียม เอาปุ๋ยมาวางไว้มันชะเอาไปหมดเลย ของเขารดค่อยๆ แล้วเขาพรวนดินเขามีเหล็กแหลมๆ …… (55.27 เสียงไม่ชัดเจน) เขามีครบนี่ ทำอะไรก็ใช้เทคนิคทั้งนั้น ของเขาจึงอยู่สวยงามเรียบร้อย น่าดูน่าชมทั้งนั้น
อยากจะอยู่หลายวัน ถ้าไม่เป็นห่วงญาติโยมที่รอนี้ ก็อยากอยู่นานๆ เพราะว่าอากาศมันก็สบายดี หากแต่เวลาจะมาเขาบอกว่า ปีหน้าหลวงพ่อมาใหม่ ต้องมาอยู่นานๆ อยู่หลายๆ วันหน่อย ก็ค่อยว่ากันต่อปีหน้า วันที่ ๒๗ ก็เดินทางกลับ เรือบินออก ๘ โมง จากนิวซีแลนด์ เวลลิงตัน ๘ โมง เช้าขึ้นก็ฉันอะไรนิดหน่อย ก็ได้ฉันรองท้อง ถ้าไม่ได้รองท้อง ขาดเพลใหญ่เลย แต่ว่ามาทันปีนี้ที่มาที่เมืองซิดนีย์ได้ทันเพลพอดี บินสามชั่วโมงก็มาถึงที่นีก็พอดี ราว ๑๐ โมง แล้วก็ไปวัดก็พอดี อันนี้พอติดต่อเรือบินจะกลับเมืองไทย เขาบอกว่าเรือบินมันขัดข้องทางเทคนิค ปกติจะออกเวลา ๑๖:๓๐ เวลาที่โน่น มาบิน ๒๒:๓๐ กลางคืนไป รุ่งขึ้นเช้าวันศุกร์ก็ …… (56.47 เสียงไม่ชัดเจน) ก็พอดี เด็กวัดไปรวมกันอยู่วัดนี้ จับพลัดจับผลูไปอยู่เมืองซิดนีย์ ไปอยู่ที่เรียกว่าวูลองกอง (Wollongong) เป็นเมืองชายทะเลตากอากาศ เขาก็มารับแต่เช้า เลยบอกโยมจะรอสักพักเที่ยววูลองกอง (Wollongong) ชายหาดกันหน่อย
เขาขับรถพาซิกแซกไป แวะตรงนั้น แวะตรงนี้ ไปถึงหน้าผาสูง อยู่ริมทะเล พวกฝรั่งมันจะบินกัน มันเอาเครื่องไปกางปีก ทำอะไรต่ออะไร ใส่เครื่องไว้ทั้งหญิงทั้งชาย มันจะบินสูงลงไปในทะเลอะไร …… (57.27 เสียงไม่ชัดเจน) ปรากฏว่าปีก่อนเขาว่าไปชนภูเขาตายไปหนึ่งราย อาตมายืนดูว่า เอ๊! พวกนี้มันหาเรื่องเหมือนกัน หาเรื่องไปตายเหมือนกัน พูดถึงเขามี …… (57.38 เสียงไม่ชัดเจน) ไปยืนดู …… (57.42 เสียงไม่ชัดเจน) ตอนนี้ออกไม่ได้ ลมเข้ามันแรงเกินไป ไอ้เวลามันก็ ๑๐ โมงแล้ว ถ้าขืนจะดูฝรั่งบินมันก็ไม่ได้กินข้าวเท่านั้น ก็เลยออกมา ไปบ้านดีกว่า ก็พามา นึกว่าเมืองเล็กๆ เหมือนกับแถวพัทยาสมัยก่อนอย่างนี้ สถานที่ตากอากาศนี้ เมืองใหญ่ มีคนตั้ง ๒ แสนในเมืองนั้น แล้วมีโรงงานถลุงเหล็กกล้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มันใหญ่โต โรงงานนู้น เต็มไปหมด บ้านช่องแถวนั้น โรงงานถลุงเหล็ก แล้วก็มีถ่านหิน ถ่านหินก็เป็นสินค้าออกที่สำคัญของออสเตรเลียเหมือนกัน เจาะลงไปใต้ภูเขา นู้น เอาถ่านหินขึ้นมาแล้วส่งไปขายต่างประเทศ มีท่าเรือโดยเฉพาะ บ้านเมืองก็ใหญ่โต สวยงามเหมือนกัน ผ่านป่าสงวนทั้งนั้น ครึ้ม ร่มรื่นชื่นใจ แล้วก็ไปฉันอาหารที่บ้าน เสร็จก็พาขึ้นไปเที่ยวอีก ขึ้นยอดนั้น ขึ้นยอดนี้ คนเขาอุตส่าห์ทำถนนให้คนขึ้นไปเที่ยว ไปพักผ่อนหย่อนใจ ลงทุนไม่ใช่น้อยเพื่อประโยชน์แก่สุขภาพของประชาชน แล้วกลับมาถึงบ้านประมาณ ๔ โมงเย็น ก็รอเวลา
โยมเขาก็มาส่งขึ้นเรือบินออกเวลา ๒๓ น. บิน ๘ ชั่วโมงครึ่ง ถึงดอนเมืองเวลาตี ๓ ครึ่ง หมอกลงจัด เรือบินลงทันทีไม่ได้ก็วน เอ๋! ทำไมมันลงช้า นึกในใจว่า แหม! มันดีจริงไม่กระเทือนเลย ผมยังไม่ได้ลง เขาบอก อาตมาคิดว่ามันลงแล้ว ตี ๓ กว่า ก็สะดวก เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเอาพาสปอร์ตไปประทับตรา รอรับของ กลับมาวัดเรียบร้อย เสียงไม่แห้ง ญาติโยมไม่ต้องต่อว่าโยมชะลอว่าพาเจ้าคุณไปทำไม เสียงแหบเสียงแห้ง ก็เรียบร้อย
นี่เป็นเรื่องที่ประสบพบเห็น เอามาเล่าให้ญาติโยมฟังก็จะได้รู้ว่าไปทำไม ได้อะไร เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมอย่างไรบ้าง ก็เล่าให้โยมฟัง แล้วขออนุโมทนาในส่วนปัจจัยที่ญาติโยมทั่วประเทศไทยได้ส่งผ่านมา รวบรวมไว้ ฝากธนาคารไว้ แล้วก็เอาไปถวาย ต่อไปก็ยังรวบรวมอีก เมื่อวานนี้พอวันเสาร์มาถึงก็มีมารายหนึ่ง ทำบุญสมทบทุนส่งเสริมพุทธศาสนาในต่างประเทศ ๕,๐๐๐ บาท ฤกษ์มันดีโยม พอมาถึงวันเสาร์คนเอามาให้ ๕,๐๐๐ แล้ว เรียกว่าเราเอามาแล้วก็ใช้เป็นประโยชน์ คนก็เลื่อมใส เพราะทำได้ประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงเล่าให้ญาติโยมฟัง ก็สมควรแก่เวลา ต่อไปนี้ก็ขอเชิญญาติโยมนั่งสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที
- ปาฐกถาธรรมประจำวันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙