แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ให้ญาติโยมฟังการแสดงธรรมการแสดงธรรมของท่านชาคโร ซึ่งไปปฏิบัติงานเผยแผ่ธรรมะอยู่ประเทศออสเตรเลีย เดินทางมาเมืองไทยเพื่อเยี่ยมสำนักเดิมและท่านอาจารย์ชา ที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อคืนนี้ได้มาพักอยู่ที่วัด เมื่อตอนเช้าได้นำไปออกโทรทัศน์ให้ญาติโยมทั่วไปได้พบได้เห็นได้ยินได้ฟัง มาในตอนนี้ก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว จะได้นิมนต์ท่านมาพูด พูดไทยให้ท่านทั้งหลายได้ฟังกันต่อไป ขอนิมนต์ท่านชาคโร ขึ้นมาพูด ณ บัดนี้
ขอบพระคุณหลวงพ่อ ที่ได้โอกาสวันนี้ให้มาพูดกับญาติโยมท่านทั้งหลายที่ได้มาวัดชลประทานเพื่อบูชาพระรัตนตรัยและเพื่อฟังธรรม อาตมามาเมืองไทยเป็นเวลา ๓ อาทิตย์แล้ว และรู้สึกว่ามีปิติอันมากที่ได้พบญาติโยมมากมายหลายคน หลายแห่ง หลายหน ได้ขึ้นไปเชียงใหม่ ตั้งแต่อาตมาบวชมาเป็นเวลา ๑๒ ปี ยังไม่ได้ไปเชียงใหม่เลย เคยไปเมื่อยังเป็นโยม เป็นฆราวาส ไปเที่ยว แต่ว่าคราวนี้ญาติโยมได้นิมนต์ให้ขึ้นไปเชียงใหม่ด้วย และได้โอกาสขึ้นไปอุบล ไปกราบท่านอาจารย์ชา ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาตมา และได้ไปพักที่วัดนานาชาติซึ่งเป็นวัดเก่าของอาตมา แต่ไม่ใช่วัดของอาตมาจริงๆ เป็นวัดที่อาตมาเคยอยู่ เคยปฏิบัติหลายปี อยู่ที่นั้น ๕ ปี
ฉะนั้นกลับไปพบกับพระเณรทั้งหลายก็รู้สึกว่าภูมิใจ มีปิติในใจที่เห็นพระหลายองค์ หลายท่าน พระเก่าก็มี พระใหม่ก็มี พระฝรั่งมากหลายคนหลายองค์อยู่ที่นั่น เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าผลงานของท่านปสันโนผู้เป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบันนี้มากจริงๆ และพอดีอาตมากลับไปอุบลถูกจังหวะพอดี ไปถึงวันเกิด วันฉลองวันเกิดของหลวงพ่อชา ซึ่งมีลูกศิษย์ของท่านหลายๆ องค์ไปรวมทำบุญ ทำวัตร หลวงพ่อชาในวันนั้น ได้โอกาสได้พบกับครูบาอาจารย์หลายองค์ หลายท่าน ได้สนทนากัน ถามกันเป็นอย่างไรบ้าง อันนี้เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับอาตมาเอง เพราะว่าอาตมาไปอยู่เมืองออสเตรเลียเป็นเวลานาน ๒ ปีกว่าแล้ว ไม่ได้พบกับพระสงฆ์
แต่อยู่ในเมืองออสเตรเลียตะวันตก ไม่เคยมีพระ มีพระไม่กี่ท่านไม่กี่รูป มี ๒-๓ รูปเท่านั้น ไปอยู่ ก็อยู่กับคน เห็นแต่คน และเห็นคนฝรั่ง ไม่ใช่เห็นคนไทย คนไทยมีแต่ไม่มาก ที่นี่คนฝรั่งยังไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนา ยังไม่รู้จักประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ฉะนั้นถ้าไปอยู่ใหม่ๆ ก็ต้องลำบากนิดหน่อย ต้องอดทนนิดหน่อย ที่อาตมาไปอยู่ ๒ ปี แรกๆก็อยู่ในบ้านของพุทธสมาคมแห่งออสเตรเลียตะวันตก บ้านหลังนั้นก็ไม่ใช่บ้านใหญ่ ไม่เป็นวัด มันเป็นบ้านอยู่ในเมือง ที่นี่เราเคยชินอยู่กับวัดป่า เคยอยู่วัดป่า ที่กว้าง ที่สงบ ที่สบาย น่าอยู่สำหรับพระปฏิบัติ
ที่นี่ได้ถูกนิมนต์ไปอยู่ในบ้านในเมืองก็รู้สึกว่าไม่ปกติ อึดอัดนิดหน่อย ได้เห็นประโยชน์ในการอยู่ที่นั้น เพราะได้โอกาสช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้พวกญาติโยมชาวฝรั่งในออสเตรเลียด้วย ซึ่งนับว่าเป็นบุญเป็นกุศล และเป็นประโยชน์แก่ตน เป็นประโยชน์แก่เขา เลยอาตมาตั้งใจอยู่อย่างนั้น อดทน ๒ ปี จำพรรษาในบ้านหลังนั้น แต่มีความรู้สึกอึดอัด ไม่ปกติ ไม่สบาย และคิดในใจว่า อยู่อย่างนี้จะเกิดประโยชน์น้อยเพราะคนอื่นจะมาศึกษาจริงๆ จะมาบวชไม่ได้ ไม่มีที่อยู่ ถ้ามีฝรั่งคนไหนสนใจว่าอยากทดลองปฏิบัติจริงจังเหมือนพระรักษาศีล ๘ เป็นประจำ อยู่กับพระปฏิบัติทดลองจนกว่าจะบวชก็ไม่มีโอกาส เพราะอยู่ในบ้าน เลยตั้งใจพยายามที่จะหาสถานที่ ที่เหมาะสมเพื่อจะสร้างวัด วัดป่า
พอดีปีที่แล้วก็ได้โอกาส ได้ซื้อที่ดินแล้ว พุทธสมาคมแห่งออสเตรเลียตะวันตกได้ซื้อที่ดินแห่งหนึ่ง ที่เหมาะสมสวยงาม เป็นที่กว้างใหญ่ ๒๐๐ กว่าไร่ เป็นป่าไม้ สงบ วิเวกดี ที่แห่งนั้นตั้งใจจะสร้างวัดแบบวัดป่า วัดนานาชาติ ญาติโยมบางคนคงเคยไปเห็นวัดป่าพง วัดสวนโมกข์ เราท่านทั้งหลายคงได้เห็นได้พบ รู้จักลักษณะของวัดป่า ก็จะพยายามสร้างวัดอย่างนั้นในออสเตรเลียให้เป็นที่ปฏิบัติธรรมที่ฝึกที่อบรมพวกฝรั่งผู้สนใจในการศึกษาและปฏิบัติธรรมะในสมเพศ ในสำหรับผู้สนใจจะทดลองบวชเป็นพระ เป็นเณร เป็นอุบาสก อุบาสิกา เพราะปัจจุบันนี้ยังไม่มีที่ ยังไม่มีที่ไหนที่พวกฝรั่งจะบวชได้ในออสเตรเลียตะวันตก
ถ้าหากว่าคนไหนสนใจอยากทดลองบวชเป็นพระ หรือบวชเป็นเณร หรือไปอยู่วัดชั่วคราว ไม่มีที่ เขาจะต้องเดินทางมาสู่ประเทศไทย หรือประเทศศรีลังกาก็ได้ แต่ในประเทศออสเตรเลียตะวันตกยังไม่มี ในออสเตรเลียตะวันออกมีวัดแห่งหนึ่ง วัดป่าเหมือนกัน ก็สวยน่าอยู่ เป็นวัดของท่านอาจารย์ขันติปาโล ท่านไปอยู่ที่นั่นหลายปีมาแล้ว และมีวัดไทยแห่งหนึ่งอยู่ในกรุงซิดนีย์ เป็นวัดไทย มีพระไทยอยู่หลายรูป แต่ว่าอันนั้นอยู่ตะวันออก ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใหญ่กว้างจริงๆ คนเราท่านทั้งหลายคงคิดไม่ถึงว่าใหญ่ขนาดไหน เพราะว่าจากตะวันออกไปสู่ตะวันตกก็เป็นระยะทางไกลเกือบจะ ๔๐๐๐ กิโล ฉะนั้นคนไหนจะเดินทางจากเมืองซิดนีย์ไปเมืองเพิร์ธ ก็ใช้เวลา ถ้าใช้รถไฟก็ใช้เวลา ๓ วัน ถ้าหากว่าไปเครื่องบินค่อยยังชั่วหน่อยแค่ ๔ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง ถึงแล้ว แต่ว่ามันไม่มีใครอยากไปเท่าไหร่ เพราะคนอยู่ตะวันตกก็อยู่ตะวันตก คนอยู่ตะวันออกก็อยู่ตะวันออก ไม่ไปหากันมากเพราะอะไร เพราะมันห่างกันมาก
ทีนี้พวกชาวออสเตรเลียตะวันตก เขาก็ไม่มีวัด ชาวพุทธ หรือคนสนใจในศาสนาพุทธยังไม่มีที่จะไปฝึก ที่จะไปทดลองบวช แต่คนที่มาบวชในประเทศไทยนี้มีมาก ชาวฝรั่งคนออสเตรเลียมีหลายคนที่มาบวชในประเทศไทยนี้ ในวัดนานาชาติมีมากพอสมควร และในอนาคต อาตมาจะพยายามให้มีวัดในที่โน้นด้วย เพื่อจะให้โอกาสแก่คนเหล่านั้น รู้สึกว่าความสนใจเขามีแล้ว เขามีความสนใจในพระพุทธศาสนา แต่ถ้าพูดความจริง คนใหม่ๆยังไม่สนใจในพระพุทธศาสนา เขาสนใจในธรรมะ
ธรรมะกับศาสนามันผิดกันนิดหน่อย ญาติโยมต้องคิดให้ดีก่อน ธรรมะกับกับศาสนาไม่ใช่อันเดียวกัน ฝรั่งเขายังไม่สนใจเรื่องประเพณีวัฒนธรรม หรือเรื่องพิธีรีตอง หรือการกราบไหว้พระ หรือการสวดมนต์ เขายังไม่เห็นประโยชน์ เขายังไม่มีศรัทธา ฉะนั้นเขายังไม่สนใจ เขาเคยทิ้งศาสนาเก่าของเขา เคยทิ้งศาสนาคริสต์ โดยมากในประเทศออสเตรเลียคนนับถือศาสนาคริสต์ แต่ความจริงคนหลายคนสมัยนี้ คนหนุ่มคนสาวไม่เอาจริงจังหรอก ทิ้งแล้วไม่มีศาสนา ที่นี้เขายังไม่สนใจที่จะไปเอาศาสนาอย่างอื่น แต่เขารู้สึกว่าไม่สบายใจ จิตใจยังไม่สงบ แม้ว่าสิ่งแวดล้อมเจริญมาก ทางวัตถุเจริญมาก ที่อยู่ของเขาสวยงามมาก
เมืองเพิร์ธที่อาตมาไปอยู่เป็นเมืองที่สวยงามมากจริงๆ เหมือนเทวโลก อะไรก็สะอาดทั้งนั้น สะอาด และก็เรียบร้อย มีระเบียบ ถูกต้อง งามจริงๆ ที่อยู่สบาย และพูดถึงเงินทรัพย์สมบัติเขามีมากพอสมควร ได้รับการศึกษามากพอสมควร ในส่วนมากเป็นคนฉลาด แต่ทางจิตใจเขายังไม่มีอุบายรักษาจิตให้มีความสงบ ความสุขจริง ๆ ฉะนั้นปัจจุบันนี้พวกฝรั่งหลายคนเขากำลังแสวงหาวิธีรักษาจิตใจให้มีความสุข ความสงบมากขึ้น
ทีนี้บางคน หลายคนได้ยินเรื่องพระพุทธศาสนา เขาก็สนใจว่า พระพุทธศาสนาสอนเรื่องจิต สอนวิธีรักษาจิต สอนวิธีทำจิตให้สงบ อันนี้เป็นเหตุทำให้พวกเขาไปหาพระ ไปหาวัดพุทธ เพื่อจะได้รักษาเรื่องอันนี้ เขายังไม่สนใจเรื่องพิธี เรื่องประเพณี เรื่องวัฒนธรรม อาตมาพูดอย่างนี้เพราะรู้จริงๆ สมัยก่อนอาตมาไม่ได้เป็นชาวพุทธ ยังไม่ได้เป็นพระ และความจริงยังไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนา เป็นนักท่องเที่ยว มาเที่ยวในประเทศไทยนี้ ได้มีประสบการณ์หลายอย่างในชีวิต ทำให้เกิดความสนใจเรื่องรักษาโรคทางจิตใจ โรคอันนั้นคือความทุกข์ มีความทุกข์ มีความเดือดร้อนในใจ ไปเที่ยวที่ไหนก็ยังมีความทุกข์ ความไม่สบายใจ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ โกรธบ้าง อิจฉาบ้าง สงสัยบ้าง กลัวบ้าง เรื่องธรรมดาที่เราท่านทั้งหลายคงรู้จักดีแล้ว
อันนี้ พออาตมามาถึงในประเทศไทยนี้ ได้เห็น ได้พบกับพระฝรั่งบางองค์ ท่านได้แนะนำเรื่องวิธีฝึกจิตใจ นั่งสมาธิ เกิดความสนใจอยากจะทดลอง เห็นว่าเสียเวลานานพอสมควรแล้ว หลายปีศึกษาแล้ว จบแล้ว ไปทำงาน ทำงานแล้วก็ไปเที่ยว แต่ในเวลานี้ก็ยังไม่มีความสุขใจอะไรมากหรอก สนุกสนานก็มีมากพอสมควรตามปกติของคนหนุ่มสมัยนี้ ก็เที่ยวไปแบบความสุขสบายใจไม่มี เลยมาพบกับพระพุทธศาสนา คิดว่าจะทดลองศึกษา แต่สมัยโน้นอาตมาไม่สนใจหรอก ไม่สนใจเรื่องศาสนาแม้ว่าไปอยู่ในวัด อาตมาไปอยู่วัด …… (13.17) วิปัสสนา อยู่ฝั่งธนบุรี ไปอยู่ที่โน่นเป็นเด็กวัด เด็กวัดใหญ่ ไปอยู่กับพระ ท่านสอนเรื่องวิธีนั่งสมาธิ ก็อยากเรียนเหมือนกัน แต่ว่าไม่สนใจเรื่องศาสนา เรื่องพิธี ไม่อยากเป็นชาวพุทธ แต่อยากปฏิบัติธรรมะ ก็อยู่อย่างนั้นหลายเดือน จนบวชเป็นสามเณร บวชเป็นสามเณรแล้วแต่ยังไม่รู้สึกเป็นชาวพุทธ เพียงแต่ปฏิบัติธรรมะเฉยๆ ไม่อยากเป็นชาวพุทธ
เมื่อเป็นเณรหลายเดือนแล้วก็บวชเป็นพระ แต่ยังไม่มีความรู้สึกว่าเป็นชาวพุทธ ไม่ได้คิดว่าเป็นชาวพุทธ ไม่ได้สนใจเรื่องศาสนา สนใจแต่เรื่องธรรมะ วิธีรักษาจิตใจ วิธีแก้ปัญหาในจิต วิธีสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในจิตของตน อาตมาก็อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ปีหนึ่ง ปีกว่า จนกว่าวันหนึ่ง ก็เริ่มคิด เอ๊, ความเป็นชาวพุทธมันเป็นเรื่องอะไร อะไรทำให้เราเป็นชาวพุทธ ในขณะนั้นอาตมาก็ปฏิบัติเป็นประจำ ฝึกจิตเป็นประจำ ศึกษาธรรมะเป็นประจำ ก็เริ่มเห็นผลในการปฏิบัติอันนั้น เห็นว่าอันนี้เป็นหนทางที่ดี เป็นหนทางที่จะไปสู่ความสงบจริงๆ เป็นหนทางที่มีผลประโยชน์แก่ตน ผลประโยชน์แก่คนอื่นด้วย หมายความว่าเกิดศรัทธาในใจ ไว้ใจในพระพุทธศาสนา เห็นว่านี้เป็นหนทางที่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าเป็นผู้อาจารย์ที่เราไว้ใจได้ เลยเกิดความรู้สึกอันนี้คือชาวพุทธ เราเป็นชาวพุทธแล้ว เพราะเราเป็นลูกศิษย์ของท่าน เราตั้งใจจะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน อันนี้คือชาวพุทธจริงๆ หมายความว่าเราเอาพระพุทธเป็นที่พึ่ง เอาพระธรรมเป็นที่พึ่ง เอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ในฐานะที่เราจะปฏิบัติตามเอาท่านเป็นครู เอาท่านเป็นอาจารย์ของเรา ขณะนั้นเกิดความรู้สึกว่าเป็นชาวพุทธแล้ว
และอาตมากลับไปสอนพวกฝรั่งในประเทศออสเตรเลีย เดี๋ยวนี้ก็เห็นว่าเขาเหมือนกัน คนที่มาศึกษาใหม่ๆ เขายังไม่เอาเรื่องศาสนา ยังไม่อยากจะเป็นชาวพุทธ เขาสนใจเรื่องวิธีรักษาจิตของตน วิธีหาความสงบในจิตของตน วิธีหาความสุขในชีวิตของตน เขาสนใจเรื่องอันนี้ เลยเราก็สอนเรื่องอันนี้โดยตรง เรื่องศาสนาเอาไว้ก่อน เช่นคนมาใหม่ๆ เขาไปหาในสำนักที่อาตมาอยู่ที่โน้น เขามาใหม่ๆ เข้าไปในห้องพระ เขายังไม่รู้เรื่อง เห็นพระพุทธรูป เขาก็ไม่รู้เป็นอะไร ไม่ได้กราบไม่ได้ไหว้ เราก็เฉยๆ ไม่บอกอะไรหรอก ให้เขามานั่งสบายๆ
เขาก็ถามเรื่องกรรมฐาน เรื่องธรรมะ แล้วก็เราแนะนำวิธีทำจิตสงบ วิธีฝึกจิต แนะนำให้คิดเรื่องชีวิตของตน อยู่อย่างไร ทำอะไร เพื่ออะไร ไม่ก็มากจะเบื่อนิดหน่อย ให้เริ่มพิจารณาตามเหตุผล และคนฝรั่งเป็นคนสนใจเรื่องเหตุผล เพราะเขาเป็นผู้ได้รับการศึกษามากพอสมควรแล้วเป็นคนฉลาด และคนหนุ่มคนสาวสมัยนี้ไม่เชื่อง่ายๆ เราบอกอะไรถ้าไม่มีเหตุผลเขาไม่ยอมรับ ไม่เอาจริงจัง แต่เมื่อเรายกเหตุผล เขาก็ฟัง เขาก็รับและไปพิจารณาอีกต่อไป และอันนี้ถูกกับหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่บังคับให้เราเชื่อ และความจริงท่านไม่ได้สรรเสริญคนที่เชื่อง่ายๆ ท่านสรรเสริญผู้ค้นคว้าค้นหาได้ผลจนรู้โดยตนเอง ฉะนั้นพวกฝรั่งเขาก็มีนิสัยอย่างนี้ ถูกกับพระพุทธศาสนาแล้ว
เมื่อเราสอน เรายกเรื่องเหตุผล เช่นเราบอกคุณสนใจเรื่องนั่งสมาธิ อาตมาจะสอนวิธีก็ได้ แต่เมื่อเราใช้วิธีอันนี้เราต้องมีความเห็นถูก อย่าให้มีความเห็นผิด ความเห็นผิด หมายความว่าเราปฏิบัติเพื่อจะได้สิ่งนี้ เพื่อจะได้สิ่งนั้น เพื่อจะไปโน้น เพื่อจะไปเห็นอย่างโน้น หลายอย่างอันนี้เป็นความเห็นผิดทั้งนั้น ที่เรานั่งสมาธิกรรมฐานอันนี้ต้องมีความเห็นถูก หมายความว่าเรานั่งเพื่อทำจิตใจของเราผ่องใสสะอาด
เมื่อจิตใจของเราผ่องใสสะอาดสงบแล้ว สามารถที่จะพิจารณารู้เรื่องลักษณะของจิต ลักษณะของร่างกาย รู้เรื่องลักษณะของชีวิตของเรา เกิดปัญญาได้ อันนี้เป็นโครงการ หรืออันนี้เป็นจุดมุ่งหมายของชาวพุทธผู้ปฏิบัติธรรม เราสอนอย่างนี้เพื่อให้มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบในเบื้องต้น เพราะว่าสังเกตแล้วในเมืองไทยนี้ คนหลายคนปฏิบัติแต่สัมมาทิฏฐิมีน้อย มักจะมีมิจฉาทิฏฐิมากกว่า ปฏิบัติโดยไม่ตั้งใจจริงๆ ปฏิบัติเพื่อจะไปนี้ เพื่อจะไปเห็นสวรรค์นรก เพื่อจะได้ฤทธิ์ เพื่อจะได้อภินิหารหลายอย่างอย่างนี้ ซึ่งมันนอกทางแล้ว นอกเขตของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญเลย และท่านไม่ได้สอนเรื่องอย่างนั้นมากมายหรอก
ที่ท่านสอนคือ ท่านสอนวิธีดับทุกข์ ท่านสอนอริยสัจสี่ซึ่งเป็นสัจธรรม ซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าท่านมีปัญญามากหลายเรื่องหลายอย่าง แต่ปัญญาที่ทำให้ท่านเป็นพระพุทธเจ้าจริงๆ คือท่านตรัสรู้เรื่องอริยสัจสี่เท่านั้น รู้เรื่องทุกข์ เหตุของทุกข์ ความดับทุกข์ และหนทางที่จะดับทุกข์ และธรรมะของพระพุทธ
เจ้าที่ท่านสอนไว้เป็นเรื่องอันนี้โดยเฉพาะ เช่นในปฐมเทศนาที่ท่านแสดงธัมมจักรกัปปวัฏนสูตร ท่านสอนเรื่องอันนี้โดยตรง ไม่ได้ไปสอนเรื่องสวรรค์นรกอะไรมากมายหรอก ชาติก่อน ชาติหน้า ท่านไม่ได้พูดมาก ไม่ใช่ไม่มี และไม่ใช่ไม่จริง แต่ว่าเรื่องสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญ เราจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้
แต่พระพุทธเจ้าท่านให้สนใจในเรื่องสิ่งที่เรารู้ได้ด้วยตนเอง ธรรมะที่เราเห็นได้ในปัจจุบันนี้ ในร่างกายจิตใจของตนโดยไม่ต้องสงสัยต่อไป อันนี้เป็นเรื่องธรรมะที่สำคัญ อันนี้เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ ฉะนั้นเมื่ออาตมาไปสอนพวกฝรั่งก็จะต้องบอกเรื่องอันนี้โดยตรง ตั้งแต่เบื้องต้นไป เมื่อได้สอนให้เข้าใจ ให้มีความเห็นถูกเรื่องอันนี้ ก็จะต้องชี้แจงอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ทีนี้บางคนเขามาสนใจจะนั่งสมาธิ คิดว่านั่งสมาธิ ใจจะสงบ แต่ว่านั่งสมาธิเฉยๆ นั่งสมาธิวันละชั่วโมง วันละสองชั่วโมง จิตใจไม่สบายหรอก ถ้าหากว่าชีวิตประจำวันของเราเข้ากับธรรมะไม่ได้ หมายความว่า ชีวิตประจำวันไม่มีศีล ชีวิตประจำวันวุ่นวาย เมื่อเราไปนั่งสมาธิแค่ ๓๐ นาที จิตใจจะสงบได้อย่างไร เพราะชีวิตประจำวันมีหลายชั่วโมงมาก วันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมง ทีนี้เราวุ่นวาย ๒๓ ชั่วโมง คิดว่าจะไปนั่งสมาธิ จะให้สงบภายในหนึ่งชั่วโมง คงไม่ได้ ทีนี้เราจะต้องชี้แจงให้พวกฝรั่งเห็น เข้าใจเรื่องอันนี้
ที่เขาอยากนั่งสมาธิ ทำใจสงบก็ดีอยู่ แต่ว่าอันนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลก เขาจะต้องดูเรื่องชีวิตด้วย ชีวิตประจำวันของเขาเป็นอย่างไร เขาอยู่อย่างไร อยู่แบบวุ่นวายไหม หรืออยู่แบบสงบๆ แบบคนมีศีล มีธรรมในชีวิตของเขา เมื่อเราชี้แจงการเหตุผลอย่างนี้ ศีลคือสิ่งที่รักษาชีวิตของเราไม่ให้วุ่นวายเกินไป ศีลคือสิ่งที่รักษาเรา ไม่ใช่เรารักษาศีล เรารักษาร่างกายและวาจาของเราให้อยู่ในขอบเขตของความดี การทำบาปนั้น หมายความว่าทำแล้วมีโทษ มีโทษแก่ตนเอง มีโทษแก่คนอื่น เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตน แก่สังคม แก่โลก ฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านว่าไม่สมควรทำ เพราะมีโทษ เราท่านทั้งหลายต้องการความสุข ต้องการความสงบ ฉะนั้นเราควรจะอยู่แบบสุขสงบแล้ว เมื่อเราพูดอย่างนี้พวกฝรั่งเขาก็ฉลาด เขาก็สนใจ เขายอมรับการรักษาศีลเป็นประโยชน์ เพราะว่าช่วยเราให้มีความสุขความสงบในชีวิต
เมื่อเรารักษาศีลได้แล้ว การนั่งสมาธิเจริญภาวนาก็ได้ดี ได้ง่ายกว่าเก่า ถ้าหากว่าเขายังไม่ได้รักษาศีลเช่น เขาไปกินเหล้าเมาสุราบ่อยๆ ติดยาเสพติดบ่อยๆ เที่ยวกลางคืนบ่อยๆ ทีนี้มานั่งสมาธิ มันจะได้สมาธิอย่างไร จิตใจก็วุ่นวายแล้ว จิตใจเศร้าหมอง ไม่สะอาด ไม่ผ่องใส นั่งสมาธิมีแต่นิวรณ์เท่านั้น ไม่สงบสักที เพราะเหตุนี้ก็ชี้แจงให้เขาเห็น และเขาก็ยอมรับเหมือนกัน เริ่มปรับชีวิตของตน ดูชีวิตของตนให้เข้ากับธรรมะ หมายความว่า เริ่มรักษาศีล เมื่อเขาเริ่มรักษาศีลแล้ว นั่งสมาธิเป็นประจำ เขาเริ่มเห็นผล เห็นผลในการปฏิบัติ เห็นผลในการศึกษาธรรมะ และอาตมาแนะนำให้ไปวัดบ่อยๆ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ไปหา ไปสนทนา ไปนั่งสมาธิด้วยกันเป็นกลุ่ม
เขามานั่งสมาธิเป็นกลุ่ม เช่นวันศุกร์ตอนเย็นทุ่มครึ่ง ญาติโยมที่โน้นมารวมในศูนย์กลางของสมาคมพุทธ ก็นั่งสมาธิ แต่วันศุกร์นั้นนั่งไม่นานแค่ ๓๐ นาที ปกตินั่ง ๑ ชั่วโมง แต่วันศุกร์นั่งแค่ ๓๐ นาที เพราะว่าสถานที่คับแคบ คนก็มาก ห้องมันน้อย นั่งไม่สบายกัน เลยก็ให้นั่ง ๓๐ นาที และหลังจากนั้นก็สอนธรรมะเทศน์สัก ๑ ชั่วโมง ให้เขาฟังรู้เรื่องธรรมะของพระพุทธเจ้าบ้าง อย่างนี้เขาได้รับความรู้เรื่องธรรมะมากขึ้น และมีห้องสมุดแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่องธรรมะบางเล่ม ไม่ใช่ทุกเล่มหรอก เพราะหนังสือบางเล่มก็ไม่น่าอ่านเหมือนกัน สับสนที่สุด ฉะนั้นเราจะต้องเลือกหนังสือธรรมะดีๆ ที่จะให้เกิดความรู้ในการปฏิบัติในการฝึกจิตใจของตน ในการรักษาชีวิตของตน
ทีนี้เมื่อเขาได้อ่านหนังสือ ได้ฟังเทศน์ และได้นั่งสมาธิ โดยเฉพาะนั่งสมาธิเป็นกลุ่ม ที่เราไปนั่งสมาธิคนเดียว ลำบากสำหรับคนใหม่ เพราะว่าคนใหม่มีอุปสรรคหลายอย่าง คนใหม่ก็มีนิวรณ์มาก ไปนั่งนิดหน่อย บางที่ ๑๐ นาทีมันไม่สงบ บางทีเจ็บขาด้วย บางทีฟุ้งซ่านด้วย บางทีง่วงนอนด้วย เดี๋ยวก็ถอดใจ ไม่มีกำลังใจที่จะทำต่อไป เลิกดีกว่า ไปดูโทรทัศน์ดีกว่า ไปคุยกันดีกว่า ไปเที่ยวดีกว่า นั่งที่นี่มันทุกข์ มันลำบากจะนั่งทำไม ทำคนเดียวลำบาก คนใหม่นะ
ฉะนั้นอาตมาชักชวนให้ไปนั่งด้วยกัน นั่งในสำนักของสมาคม มารวมนั่งสมาธิด้วยกัน ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง เพื่อจะให้กำลังใจ เมื่อคนมานั่งด้วยกัน มันจะทุกข์ขนาดไหน มันจะลำบากขนาดไหน ก็ทนเหมือนกัน ก็ละอาย ไม่กล้าจะลุกขึ้นหนี ก็คนอื่นเขาก็นั่งอยู่อย่างนั้น เขาก็จะต้องนั่งเหมือนเขา หมายความว่าในโอกาสที่จะฝึกจริงๆ มีความอดทนและมีความตั้งใจมากกว่า เมื่อเขาฝึกอย่างนี้นานๆ เกิดความชำนาญ ทำเองก็ได้
ทีนี้เมื่อเราสอนอย่างนี้บ่อยๆ เขาไปนั่งบ่อยๆ ไปฟังบ่อยๆ อ่านหนังสือบ่อยๆ เริ่มเห็นผลประโยชน์ในการปฏิบัติในทางพุทธศาสนา เมื่อเขาเห็นผลประโยชน์แล้ว เกิดศรัทธา เมื่อมีศรัทธาเขาก็รู้สึกว่าอยากเป็นชาวพุทธเหมือนกัน เดี๋ยวก็ต้องมาถาม เอ๊, การกราบพระกราบอย่างไร ทำอย่างไร เราก็ชี้แจง อธิบายก็ได้ กราบอย่างนี้ การกราบนี้เราแสดงความเคารพนับถือแก่ครูบาอาจารย์ของเรา คือพระพุทธเจ้า
การกราบอย่างนี้เป็นอุบายทำจิตใจให้สงบสักพักหนึ่ง เพราะว่าเมื่อเราจะกราบ เราจะต้องรวมสติของเรา ดึงจิตใจให้เข้ามาในร่างกายของเราในปัจจุบันนี้ ไม่ไปฟุ้งซ่านไปที่อื่น จิตกับร่างกายรวมอยู่ สงบอยู่ เรากราบ นี่เป็นการแสดงความเคารพและการรักษาความสงบของเราด้วย และเป็นการถ่อมตัว เพราะว่าเราท่านทั้งหลายมักจะมีทิฏฐิมานะมาก ถือตัวเป็นใหญ่ ทีนี้เราจะต้องถ่อมตัว หมายความว่าเพื่อจะละทิฏฐิมานะไปบ้าง ฉะนั้นการกราบมีประโยชน์มาก และเมื่อเราชี้แจงอย่างนี้ ฝรั่งเขาทำได้ง่ายๆหรอก ไม่มีปัญหา อาตมาไม่เคยบังคับใครให้กราบในที่โน้น แต่ว่าทุกคนก็กราบเหมือนกัน พอมานานๆ ก็มาเริ่มกราบ กราบพระ ไหว้พระ เราอธิบายคำสวดมนต์ ไหว้พระ ใช้อย่างไร เป็นประโยชน์อย่างไหน เขาก็ทำไป เพราะเห็นประโยชน์
การรับศีล เขาก็เห็นเป็นพิธีอันดี เพราะว่าเป็นวิธีตักเตือนตนเองให้มีศีลเป็นประจำ เพราะเราเป็นคนขี้ลืม รับศีลวันนี้เดี๋ยวก็ลืมไป รับแต่ว่าไม่ทำ ทีนี้เมื่อเราไปขอศีลบ่อยๆ มันมักจะติดเป็นประเพณีเฉยๆ อันนี้ต้องระวัง ที่เราทำพิธีรับศีล หมายความว่านิมนต์พระให้ประกาศศีล ประกาศศีลเพื่อให้เรารู้ควรทำอย่างไร ไม่ควรทำอะไร ที่ท่านบอกว่าศีลห้า คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ขโมยของ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่โกหก ไม่กินเหล้าเมาสุรา หมายความว่าท่านชี้แจงในสิ่งที่เราไม่ควรทำ สิ่งที่ทำแล้วมีโทษ ควรละ ควรทิ้ง ไม่ใช่รับแล้วก็ลืมไป รับแล้วก็ไปทำต่อไป อันนั้นเป็นพิธีที่ดี ถ้าหากว่าเราเข้าใจ แล้วความจริงเรื่องพิธีในพุทธศาสนามีมาก หลายอย่าง ถ้าหากว่าคนเราเข้าใจในความหมายของพิธีทั้งหลายเหล่านี้ ดี ใช้ได้ เป็นประโยชน์
เช่นเรามีพระพุทธรูปอย่างนี้ พระพุทธรูปอันนี้เพียงแต่เป็นรูปอันหนึ่ง ไม่ใช่พระพุทธเจ้าจริงๆ เพราะรูปอะไร รูปอะไรก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ รูปอะไรเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ เพียงแต่เป็นรูปเฉยๆ อันนี้รูปทองเหลือง ทองแดง อะไรก็ปั้นขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชาวพุทธ เราทั้งหลายได้เห็นพระพุทธรูปอย่างนี้ ก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงคำสั่งสอนของท่าน มีเหตุผล ฉะนั้นมีพระพุทธรูป ดี มีประโยน์ แต่ที่มีโทษคือคนไปหลง หลงและติด ติดในความสมมติ ติดในรูปอันนี้ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ติดในพิธี ติดในประเพณีเปล่าๆ โดยไม่ค้นหาค้นคว้าความหมายที่ลึกซึ้ง เหมือนที่เราสวดมนต์ไหว้พระ บางคนทำเป็นพิธีเปล่าๆ สวดแล้วก็จิตใจไม่อยู่เลย ไม่ได้สวดและทำจิตสงบด้วย ไม่ได้สวดและพิจารณาเรื่องความหมายของคำสวด อันนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์ พูดไปไม่รู้เรื่อง ถูกบ้าง ผิดบ้าง กราบพระ กราบสองหน สามหน สี่หน ไม่รู้เรื่อง หมายความว่าไม่ตั้งใจ ไม่ใช้วิธี ไม่ใช้อุบายอันนี้ให้เกิดประโยชน์
สิ่งเหล่านี้ พิธีทั้งหลาย ประเพณีทั้งหลาย เป็นอุบายที่ครูบาอาจารย์ท่านได้สอน เพื่อให้เราปฏิบัติ เพื่อให้เรามีสติ เพื่อให้มีความตั้งใจ ฉะนั้นเมื่อเราเห็นพระพุทธรูป ควรจะแสดงความเคารพ นับถือ แต่ว่าไม่ให้เข้าใจผิดว่า พระพุทธรูปนี้ของศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปนี้จะมาช่วยเรา พระพุทธรูปท่านช่วยจริงๆ แต่เราต้องฝึกตน ต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน พระพุทธรูปอันนี้แค่เป็นพระพุทธรูปเฉยๆ เป็นสัญลักษณ์ของเราเฉยๆ เพื่อจะให้เราระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าและคำสั่งสอนของท่าน เมื่อเราสวดอะไร สวดได้ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปคิดว่าการสวดมนต์อันนี้ไม่เป็นประโยชน์ พิธีรีตองเฉยๆ ทิ้งดีกว่า อาตมาไม่เห็นด้วย
ที่อาตมาไปสอนในประเทศออสเตรเลีย เอาพระพุทธรูปไปด้วย มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ที่นั่น ใหญ่จริง สวยด้วย ตั้งอยู่ที่นั่นให้คนฝรั่งเห็นพระพุทธรูป และอาตมาก็ทำวัตรเย็น ทำวัตรเช้า พยายามสอนให้เขารู้เรื่องการไหว้พระ ก็เห็นว่าอุบายเรานี่ดี ที่ไม่ดีคือคนไม่เข้าใจตามเหตุผล แต่ความจริงอุบายมันดีอยู่ เหมือนยา เราไม่สบาย เราไปหาหมอ เขาให้ยา แต่เขาบอกว่ายาอันนี้ต้องทานวันละสามเวลา และต้องทานวันละหนึ่งช้อน แต่เราไม่ฟัง ไม่รู้เรื่อง ลืมไป ไปบ้านบางทีทานตอนเช้า ตอนบ่ายไม่ทานแล้ว บางทีตอนเย็นไม่ทาน พรุ่งนี้ทานอีก บางทีทานสองช้อน บางทีครึ่งช้อน ไม่รู้เรื่อง ทำไปไม่รู้เรื่อง มันจะเกิดประโยชน์อะไรไหม ไม่เกิดประโยชน์ ยิ่งมีโทษมากขึ้น เรื่องอุบายในพุทธศาสนาที่เราเรียกว่าพิธีก็มีความหมายอย่างนั้น
เพื่อจะช่วยให้เราปฏิบัติดีขึ้น เพื่อช่วยให้เรารักษาจิตของตนให้ดีขึ้น แต่ถ้าเราใช้ไม่ถูก ก็มีโทษ พิธีทั้งหลายถ้าเราใช้ไม่ถูก ใช้โดยไม่เข้าใจตามเหตุผล มีโทษทำให้เราเป็นคนงมงาย ฉะนั้นเรื่องพิธีอาตมาคิดว่าดี ใช้ได้มากพอสมควร ถ้าหากว่าผิดศีล หรือผิดวินัยของพระ อาตมาก็ไม่เอาเหมือนกัน ถ้าหากว่าผิดวินัย หมายความว่าพุทธเจ้าห้ามไม่ให้ทำ ก็ไม่ทำ จะไปทำทำไม ถ้าหากว่าผิดศีล ก็ไม่ทำมันนอกเขตแล้ว ไม่ควร แต่ถ้าหากว่าพิธีอันนั้นไม่ผิดศีล ไม่ผิดวินัย ก็ไม่เป็นไรหรอก ทำได้ แต่ให้มีสัมมาทิฏฐิ ให้มีความเห็นถูก ให้มีความเข้าใจในเรื่องการกระทำอันนั้น เราจะต้องชี้แจง อันนี้เป็นหน้าที่ของพระผู้สอนผู้นั้น ถ้าหากว่าพระท่านฉลาดท่านจะชี้แจงให้เข้าใจ เมื่อทำพิธีเราทำเพื่ออะไร ทำอย่างไร คนก็ทำตาม เกิดความรู้ เกิดปัญญา ไม่ใช่เกิดความงมงาย
ฉะนั้นที่อาตมาไปสอนในประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา ๒ ปีแล้ว รู้สึกว่าสบายใจไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการสอน แต่ไม่ใช่เพราะอาตมาฉลาด และไม่ใช่เพราะอาตมาเก่งอะไรหรอก สอนได้เพราะว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ดีแล้ว เรียบร้อยแล้ว สมบูรณ์แล้ว มีอุบายที่ดีมากจริงๆ อาจารย์ไม่ต้องเก่งอะไรมากหรอก เพราะว่าเครื่องมือมันดีแล้ว เครื่องมือที่เราจะใช้ดีแล้ว สมบูรณ์แล้ว เราไปทำอะไรก็ทำได้ดี โดยไม่ต้องเก่ง ถ้าหากว่าเครื่องมือไม่ดี มันทำยากหน่อย ต้องเก่งจริงๆ อาตมาเคยพูดให้โยมที่อุบลฟังเมื่ออาตมายังอยู่ในวัดนานาชาติ พระอยู่ในวัดนานาชาติเรียบร้อยดี สอนง่าย สอนง่ายจริงๆ อาตมาเคยบอกโยม โอ้, โยมวัดนี้เรียบร้อยไม่ใช่เพราะอาจารย์เก่งหรอก เรียบร้อยเพราะว่าพระดี พระทุกองค์ก็ดีเขาตั้งใจปฏิบัติ เขาตั้งใจศึกษา เขาตั้งใจรักษาข้อวัตร ข้อปฏิบัติของวัดและของวินัย เลยพระดี วัดดี อาจารย์ไม่ต้องเก่งอะไร สบายหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นปวดหัวแน่ๆ
แต่ทีนี้อาตมาไปอยู่เมืองออสเตรเลีย ๒ ปี ก็ได้เกิดประสบการณ์หลายอย่าง ที่ไปอยู่ใหม่ๆ อยู่ในบ้าน ๒ ปีนั้นก็อึดอัด มีความรู้สึกเหมือนปลา แต่ปลาไม่ได้อยู่ในน้ำ ปลาแขวนในต้นไม้ อาตมาบอกหลายครั้งแล้ว เหมือนเราไปจับปลาตัวหนึ่ง ปลาตัวนั้นปกติอยู่ในน้ำ ชอบอยู่ในน้ำ ทีนี้เราจับแล้วไปแขวนในต้นไม้มันจะสบายไหม คงไม่สบายเลย นี่อาตมามีความรู้สึกอย่างนั้น แต่พอดีปีนี้ได้โอกาสไปอยู่วัดป่าแล้ว เขาปล่อยแล้ว ปล่อยปลาไปอยู่ในน้ำอีก ก็สบายใจหน่อย เกิดความสบายใจมากขึ้น และมีความรู้สึกว่าพระพุทธศาสนาคงจะเจริญได้ดี ปีนี้จะมีพระจำพรรษา ๓ รูป หรือบางที ๔ รูป ยังไม่แน่นอน
เพราะว่าปีนี้อาตมามาเยี่ยมเมืองไทย ก็ได้กำไรมาก มาบิณฑบาตรปีนี้ได้พระองค์หนึ่ง ได้พระรูปหนึ่งเอากลับไปเมืองออสเตรเลียด้วย ท่านเป็นพระฝรั่งชาวออสเตรเลีย ท่านสามารถที่จะไปอยู่ช่วยในที่นั่น อาตมาก็ดีใจ คิดว่า โอ้, การมาเที่ยวเมืองไทยปีนี้สบาย ได้กำไรแยะ บิณฑบาตได้ผลมาก ได้พระรูปหนึ่งก็เลยสบายใจมาก ฉะนั้นคิดว่าปีนี้ในที่อาตมาอยู่ที่ออสเตรเลีย วัดเซอร์เพนไทน์ ตั้งชื่อว่า เซอร์เพนไทน์ เฉยๆชั่วคราว แต่ความจริงกำลังคิดจะตั้งชื่อเป็น ชื่อภาษาบาลี เพราะ เซอร์เพนไทน์นี้เป็นชื่อของสถานที่โน้น เช่นนี้แม้นาม เซอร์เพนไทน์ มีเขื่อนเซอร์เพนไทน์ และมีหมู่บ้านเซอร์เพนไทน์ มันเป็นชื่อของสถานที่ เลยเราไปอยู่ที่นั่นก็ตั้งชื่อวัดเซอร์เพนไทน์ ก็ได้ แต่มันไม่มีความหมายแก่คนชาวไทย คนไทย เซอร์เพนไทน์ นี้หมายความว่างู เลยก็ตั้งชื่อวัดงู ไม่เพราะ ไม่เหมาะสม คิดว่าจะตั้งชื่อใหม่ เคยคิดว่าจะเอาวัดโพธิอาราม เพราะว่าอาตมาอยากจะปลูกต้นโพธิหลายต้นอยู่ในที่นั้น เลยคงจะเรียกว่าวัดโพธิอาราม อารามที่มีต้นโพธิหลายต้น คิดว่าเสียงไพเราะดีเหมือนกัน ก็คงจะตั้งชื่ออย่างนั้นในอนาคต แต่ปัจจุบันก็ยังเรียกวัดเซอร์เพนไทน์ ก็ใช้ได้
ที่อาตมาจะกลับไปวันที่ ๑๑ จะกลับไปอยู่ออสเตรเลีย และจะไปเข้าพรรษาในที่โน้น ในที่ เซอร์เพนไทน์ และจะเป็นมงคลมากที่วันที่ ๑๑ เดินทางไปถึงที่โน่นวันที่ ๑๒ พอดี ที่นี้วันที่ ๑๒ ตรงกับวันอาสาฬหบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนา เป็นวันพระ และเป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้แสดงปฐมเทศนา เป็นครั้งแรกที่ท่านได้แสดงธรรมะให้คนอื่นฟัง ท่านแสดงธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรให้พระปัญจวัคคีย์ฟัง ฉะนั้นอาตมากลับไปถึงวันนั้นพอดี และวันนั้นจะมีพระ ๔ รูปพอดีเป็นครั้งแรกที่จะครบเป็นพระสงฆ์ เลยจะได้โอกาสสวดปาติโมกข์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลียตะวันตก ฉะนั้นคงจะเป็นวันมงคลจริงๆ มงคลเพื่อจะดันพระพุทธศาสนาในที่นั้น แต่ยังไม่แน่ใจพระที่รูปนี้จะจำพรรษาด้วยกันหรือไม่ ต้องดูเหตุการณ์เวลาไปถึง ถ้าไม่มี ๔ รูป คงจะมี ๓ รูปอยู่จำพรรษาในวัดป่า
ที่จะอยู่ในวัดป่าปีนี้ รู้สึกว่าคงจะลำบากนิดหน่อย คงจะต้องอาศัยความอดทนมากหน่อย เพราะที่อยู่ยังไม่เรียบร้อย ถึงไปอยู่ไม่กี่เดือน นั่นเป็นป่า เมื่อก่อนยังไม่มีอะไร ที่อยู่ไม่มีอะไรสักอย่าง แต่ไปอยู่ใหม่ๆก็ได้พยายามสร้างกุฏิ สร้างห้องน้ำห้องสุขา สร้างที่เก็บของและมีโรงครัวชั่วคราว หมายความว่าพออยู่ได้ แต่มันไม่สบาย ไม่สะดวก แต่พระก็ไม่ต้องเอาความสะดวกมากหรอก พระท่านควรมีความอดทน ต้องมีขันติ เลยคิดว่าคงไปอยู่ได้ และทนได้ กลับไปก็เป็นฤดูหนาวพอดี หนาวแล้วก็ฝนตกด้วย คงจะต้องปรับตัวนิดหน่อยเพราะว่าในเมืองไทยนี้ร้อน ร้อนมาก อาตมามาเมื่อ ๓ อาทิตย์ก่อน รู้สึกว่าร้อนมาก
พอกลับไปวัดนานาชาติ วัดนานาชาติเป็นป่า ป่าทึบจริงๆ พอเข้าไปในวัดแล้วรู้สึกว่าหายใจไม่ออก หายใจไม่เข้ามันทึบเกินไป อากาศมันร้อนแล้วก็ชื้นมาก นั่งก็ไม่สบาย นอนก็ไม่ได้ ก็ทรมานแต่ว่าอยู่สัก ๒-๓ วันก็ปกติ ฉันอาหารได้ รู้สึกว่าตั้งแต่มา กลับมาเมืองไทย ผอมลงนิดหน่อย เพราะมันร้อน ฉันอาหารไม่อร่อย ไม่ใช่เพราะคนไม่ให้ คนถวายเยอะแยะ เลี้ยงมากทุกวันแต่ว่ามันร้อน ฉันไม่อร่อย ฉะนั้นแต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ากำลังจะปรับตัวได้ดีแล้ว ไม่รู้สึกร้อนเกินไป แต่พอดีอีกไม่กี่วันจะต้องกลับไปสู่ความหนาวอีก ไปถึงที่โน้นฝนตกด้วย หนาวด้วย และไปอยู่ในป่า หมายความว่ากุฏิยังไม่เรียบร้อย ที่อยู่ยังไม่เรียบร้อย ฉะนั้นคงจะต้องฝึกขันตินิดหน่อย มีความอดทนนิดหน่อย แต่ก็ไม่นานหรอก ก็ฤดูหนาวแค่ ๒- ๓ เดือนเดี๋ยวก็เริ่มเปลี่ยน อากาศเปลี่ยนกลับเป็นอากาศปกติ ร้อน
ปกติในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลียตะวันตก อากาศดี อากาศพอดีไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป แต่มันมีโทษบางอย่าง เช่นเดือนพฤศจิกา เดือนธันวา มักจะมีแมลงวันมาก มากจริงๆนะ โยมคงไม่เคยเห็นแมลงวันมากอย่างนั้นในป่า ในเมืองมีไม่มาก แต่ในป่าแมลงวันป่าแยอะแยะเป็นพัน เป็นแสน เป็นล้านตัวทั่วไป ที่นี้อาตมาได้นิมนต์หลวงพ่อไปเยี่ยมวัดป่าเซอร์เพนไทน์เดือนพฤศจิกา หวังว่าท่านจะไปต้นเดือน เพราะแมลงวันยังไม่มาก ถ้าหากว่าท่านไปปลายเดือนพฤศจิกา กลัวท่านคงจะรำคาญ แมลงวันเข้าหู เข้าตา เข้าปาก เข้าจมูกหมดทั่วไป นั่งข้างนอกไม่ได้ เราจะไปนั่งใต้ต้นไม้ รำคาญ เช่นโยมมานั่งอย่างนี้ในป่าเดือนพฤศจิกา เดือนธันวา ไม่ไหว นั่งไม่ได้ แมลงวันมาก แต่อันนั้นก็มันเรื่องธรรมดา ทุกแห่งทุกหน คงมีอุปสรรคอะไรบ้างเล็กๆ น้อยๆ
เช่นเราไปอยู่วัดป่าในเมืองไทยก็มียุง ยุงเยอะ ยุงชุม ก็มีโรคมาลาเลียด้วย ไปอยู่ที่โน่นโรคมาลาเลียไม่มี โรคอะไรก็ไม่ค่อยมีเลยสบายหน่อย อยู่สบายหรอก แต่ว่าเรื่องอุปสรรคต้องมีบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่เรื่องธรรมดาอย่างนี้ไม่เป็นไร พระอยู่ได้ และอาตมาคิดว่าเมื่อได้ที่แล้ว เมื่อมีพระสงฆ์แล้ว เป็นโอกาสแล้วสำหรับพวกฝรั่งในที่โน้นที่จะไปศึกษาและปฏับัติ อาตมาจะมี ๒ แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในป่าวัดเซอร์เพนไทน์ อีกแห่งหนึ่งอยู่ในเมืองเป็นศูนย์กลางเพื่อการสอนเผยแพร่ เก็บไว้ทั้ง ๒ แห่ง แห่งหนึ่งเพื่อการสอนเผยแพร่ อีกแห่งหนึ่งเพื่อการปฏิบัติอบรม ผู้สนใจในการบวชเป็นพระ เป็นเณร เป็นแม่ชีต่อไป
ปีนี้จะมีพระ ๓ รูป และจะมีโยมลูกศิษย์อุบาสก ๓ คนไปจำศีล ๓ คนนี้ยังไม่รู้เขาจะมีความตั้งใจมากขนาดไหน แต่รู้สึกว่า ๒ คนคงจะพอทนได้ คงจะบวชได้ทีหลัง แต่ให้ไปฝึกก่อน ก็การบวชอันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก โดยเฉพาะฝรั่งมาใหม่ๆ เราจะต้องให้ฝึกนานๆหน่อย เขาพึ่งมาใหม่เราจะต้องให้ฝึกเป็นอุบาสกก่อน อุบาสิกาก่อน ตอนหลังให้ฝึกเป็นสามเณรจนว่าสามารถที่จะบวชเป็นพระได้ ไม่เป็นไรอายุมากน้อยเท่าไรก็ชั่งมัน แต่ให้ฝึกอย่างนี้ ๕๐ปี ก็ให้เป็นผ้าขาว แล้วก็ให้เป็นสามเณร สามเณรแก่จนกว่าจะเป็นพระได้
หลวงพ่อท่านบอกว่าให้พูด ๕๐ นาที ก็จะถึงเวลาแล้ว อาตมาได้รับความยินดีและได้รับความปิติมากที่มาเยี่ยวเมืองไทยคราวนี้ เพราะได้โอกาสมาเห็นชาวพุทธมากหลายคน มาเห็นวัดหลายวัด มาพบกับพระอาจารย์หลายท่าน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความปิติในใจ เพราะไปอยู่กับคนมากแต่ไม่เห็นพระ บ้านมากแต่ไม่เห็นวัด ที่มากแต่ไม่เห็นที่สวยเหมือนวัด เลยก็กลับมาเที่ยวนี้รู้สึกว่าภูมิใจ และคิดได้ตั้งใจว่าคงจะกลับมาบ่อย
อาตมาบอกลูกศิษย์ที่อุบล พวกชาวบ้านที่โน้นซึ่งเป็นญาติโยมที่อาตมาเคยรู้จักนานแล้วเหมือนพ่อแม่ของอาตมา ชาวบ้านบุ่งหวาย (46.20) นะเขาเป็นพ่อแม่เลี้ยงหลายปีแล้ว เลยอาตมาบอกเขาว่าคงจะกลับมา บางทีทุกปีจะมาครั้งหนึ่ง มาเยี่ยมเมืองไทยและมากราบครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และมาสนทนากับญาติโยม เพื่อจะให้เกิดความสัมผัสและความสัมพันธ์กัน เพื่อจะได้รู้เรื่องกัน เราอยู่อย่างไรที่นี่และที่โน้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนในพระพุทธศาสนาต้องตั้งใจปฏิบัติดีหมดทุกๆ คน เพื่อจะพยายามรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญมากขึ้น
ในประเทศไทยนี้เจริญมากแล้ว แต่ว่าถ้าเราไม่รักษาคงเสื่อมได้เหมือนกัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดแล้วมีความเสื่อมและมีความดับเป็นธรรมดา ถ้าเราขี้เกียจไม่ทำมันจะเสื่อมเร็วนะ ถ้าเราขยันและพยายามรักษาจริงๆ คงจะทนได้นาน อาตมาฝากแค่นี้ และหวังว่าท่านทั้งหลายจะได้รับความสุขความเจริญในการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป เอวัง
อ้าว, เป็นยังไง ญาติโยม ฟังแล้วเป็นยังไง เขาเรียกว่าสบายใจ ท่านมาพูดให้เราฟัง เล่าเรื่องการไปอยู่ในต่างประเทศ ว่าไปต่อสู้อย่างไร หน้าร้อน หน้าหนาว สู้กับแมลงวัน แมลงวันมากเข้าจมูก เข้าปาก น่ากลัว แล้วก็ไปอยู่ในที่คับแคบ เคยอยู่วัดกว้างๆ ไปอยู่แคบๆ เหมือนกับจับปลาไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ แต่ว่าเวลานี้ไปได้หนองน้ำใหญ่ถึง ๒๐๐ ไร่ จะได้ไปสร้างวัดต่อไป แต่ว่าการสร้างมันก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือของญาติโยมทั่วๆ ไปจึงจะสร้างได้เรียบร้อย
อันนี้ท่านเตือนเราทั้งหลายว่าให้สนใจปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งมีค่าเหลือ เราได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา ลูกหญิงลูกชายบางทีรับมรดกพ่อแม่แล้วเอาไปขายหมด แล้วเอาเงินไปเที่ยวบาร์เที่ยวไนต์คลับ ผลที่สุดไม่มีอะไรเหลือ อันนี้มรดกทางจิตใจเป็นวัฒนธรรมภายใน เรารับแล้วถ้าไม่รู้จักรักษามันก็เสื่อมไปสิ้นไป เวลานี้สิ่งยั่วยุอารมณ์ทำให้คนหลงใหลมัวเมามีมากขึ้น ถ้าเราไม่หันหน้าเข้าหาธรรมะ ไม่ช่วยกันรักษา ธรรมะอันมีค่าสำหรับชีวิตก็จะหายไป เมืองไทยนี้ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นหลักประจำจิตใจแล้วเราก็จะไม่เป็นไทย เราจะไม่เป็นคนที่สมบูรณ์ เพราะความสมบูรณ์ของชีวิตอยู่ที่ความมีธรรมะ และเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า
ธรรมะของพระพุทธเจ้าท่านลงทุนค้นหานานเหลือเกิน กว่าจะได้มาถึง ๖ ปี ต้องไปอดแห้งอดแล้งอยู่ในป่า ทรมานร่างกายกว่าจะได้พบธรรมะไม่ใช่เวลาเล็กน้อย ศาสนาอื่นนั้นอาจารย์ค้นไม่นาน มาเที่ยวสอนได้แล้ว แต่ว่าพระพุทธเจ้าศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้งจึงนำมาสอน เป็นสิ่งที่หามาได้ด้วยความลำบาก เราทั้งหลายอย่าเห็นว่าเป็นของเล็กน้อย เพราะว่าเราเกิดในเมืองไทย เราเกิดถึง เราพบพระ พบวัด พบอาราม มันชินหูชินตาไป จนไม่รู้ว่ามีความหมายอย่างไร แล้วก็เป็นชาวพุทธโดยไม่ได้ศึกษา โดยไม่ได้ปฏิบัติอย่างแท้จริง ความเป็นมันก็ไม่สมบูรณ์ คนอื่นที่เขามาหลัง เขามาศึกษา มาปฏิบัติ แล้วเห็นพวกเราเป็นอยู่แล้ว เหมือนท่านกล่าวเมื่อตะกี๊ว่ายังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่เยอะ นี่แหละถูกต้อง ถูกต้องดังที่ท่านกล่าว
คือเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือยังหลงผิด ยังเข้าใจผิด ยังไปยึดถือสิ่งงมงายไร้สาระ ด้วยประการต่างๆ เรียกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ ยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางพระพุทธศาสนา อันนี้ควรฟังไว้ จำใส่ใจแล้วก็ไปพิจารณาว่าเรานี้เป็นมิจฉาทิฏฐิขนาดไหน งมงายขนาดไหน หลงผิดในเรื่องอะไร และเมื่อรู้สึกตัวก็รีบแก้ไขซะ ให้มันถูกต้อง ให้คนที่เขาได้ศึกษาใหม่มาเมืองไทยก็ได้เห็นก็ อ้อ, มีสิ่งถูกต้องอยู่ในจิตใจคนไทย ไม่ใช่มาเห็นแล้วประหลาดใจว่า โอ้, นี่คนไทยนี่ได้เพชรเม็ดใหญ่มีค่า แต่ขว้างทิ้งน้ำ เอาหินลูกรังมาห้อยคอกันตุงติงๆ ไปตามๆ กัน แล้วมันจะมีค่าที่ตรงไหน ญาติโยมทั้งหลายต้องนึกในเรื่องอย่างนี้ แล้วก็ช่วยกันคิดช่วยกันทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อไป
เวลานี้เมื่อได้พบท่านชาคโรแล้ว ก็รู้สึกว่าท่านต้องไปอยู่อย่างลำบากหน่อย แต่ว่าเป็นพระอดทนต่อสู้นำพระพุทธศาสนาไปฝังรากไว้ที่นั่น เราคนไทยที่อยู่ในประเทศไทย เมื่อได้รู้ ได้เห็นงานการของท่านแล้ว ก็ควรจะมีน้ำใจช่วยเหลือท่านบ้างตามสมควรที่เราจะช่วยได้ เมื่อไรก็ได้ เพราะว่าอาตมานี่จะเป็นเอเย่น เป็นเอเย่นอยู่ในประเทศไทย แล้วก็ช่วยเหลือทั้งสองแห่ง คือประเทศอังกฤษด้วย ประเทศออสเตรเลียด้วย ช่วยสองแขน ถ้าช่วยแขนเดียว ฝ่ายหนึ่งก็ เอ๊, หลวงพ่อนี้ลำเอียง มีแต่ไปช่วยทางด้านโน้น ด้านนี้ไม่ช่วยบ้าง อันนี้เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงก็ต้องช่วยทุกฝ่าย เพื่อให้กิจการมันเจริญก้าวหน้าต่อไปเป็นเกียรติแก่พวกเราที่เป็นชาวไทยทุกถ้วนหน้า
งานนี้เป็นเรื่องที่ได้ตั้งใจไว้ ก็ตั้งใจไว้นานแล้ว และตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมสักครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่บอก ก็นึกว่าปลายปี ออกพรรษา ทอดกฐินอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็จะย่องไปเยี่ยมเยียนสัก ๒ อาทิตย์ เพื่อจะได้ดูสภาพความเป็นอยู่อะไรของท่านตามที่เราได้ยินได้ฟังมา แล้วก็เห็นว่ามีอะไรควรจะได้อุปถัมภ์ค้ำจุนช่วยเหลือท่านบ้าง เราก็จะได้บอกญาติโยมให้ช่วยเหลือกันตามสมควรแก่ฐานะ
นี่วันที่ ๑๑ ท่านก็จะเดินทางกลับ ไปถึงโน่นวันที่ ๑๒ เป็นวันเข้าพรรษา เรียกว่าเป็นวันอาสาฬห คือวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมครั้งแรก ก็จะได้ไปทำกันที่โน่น ญาติโยมผู้ใดสนใจจะช่วยเหลือท่านบ้างไหม วันนี้ก็ได้เหมือนกัน เรียกว่าถวายติดปีกติดหางให้ท่านสักหน่อยสำหรับไปขึ้นเรือบินไป เอาไว้เมื่อจบเทศน์แล้วนะ ใครสนใจก็มาวางไว้ตรงนี้ ไม่ต้องจนชื่อจนเสียง วางๆไว้ วางๆไว้ ได้เท่าใดก็จะได้มอบไวยาวัจกร เอาขันวางไว้นะ เอ่อ, วางไว้ ให้ไวยาวัจกรต่อไป อันนี้ไม่ใช่เรื่องของท่านนะ ไม่ใช่เรื่องท่านชาคโร ท่านไม่ได้มาเรี่ยไร แต่ว่ามาบอกให้รู้ว่าท่านอยู่อย่างไร อันนี้เป็นหน้าที่ของอาตมา เจ้าของบ้านที่ต้องทำอย่างนั้น ตามฐานะ
อ้าว, ตอนนี้ไปก็นั่งสงบใจกันเสียก่อน นั่งสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที นั่งสงบใจ นั่งตัวตรง แล้วก็ตามองต่ำ หลับตาเสียเลยก็สบายดี ไม่ยุ่ง แล้วคอยกำหนดลมหายใจเข้า ให้กำหนดรู้ หายใจออกกำหนดรู้ มีสติควบคุมลมหายใจเข้า ไม่ให้จิตไปคิดในเรื่องอื่นเป็นเวลา ๕ นาที อ้าว, เชิญ