แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ อย่าเดินไปเดินมาให้วุ่นวาย นั่งพัก ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งสามารถจะได้ยินเสียงจากเครื่องขยายเสียงชัดเจนแจ่มแจ้ง แล้วจงตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการมาวัดในวันอาทิตย์ตามสมควรแก่เวลา เพราะว่าเรามาที่วัด มาเพื่อศึกษาธรรมะ เพื่อปฏิบัติธรรมะ เพื่อจะได้นำธรรมะที่เราได้เรียนรู้แล้วไปใช้เป็นหลักกำกับชีวิตของเราต่อไป เพราะในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนนั้นย่อมมีเรื่อง มีปัญหาเกิดขึ้นบ่อยๆที่มีปัญหาเกิดขึ้นนั้นก็เพราะว่าเราขาดหลักเป็นเครื่องคุ้มครองจิตใจ เหมือนว่าวที่ขาดรอยประจักสาย ลมมันก็พัดพาเรื่อยไป แล้วผลที่สุดก็ตกลงมาอยู่บนแผ่นดิน ในชีวิตของเราแต่ละคนนี้ก็เหมือนกัน ต้องมีสายใยธรรมะชักจูงจิตใจไว้ จิตใจจะไม่ออกไปนอกลู่นอกทาง ไม่ทำอะไรที่เป็นการผิดพลาดเสียหาย จะได้รับความสุขทางใจอย่างแท้จริง ฉะนั้นเราจึงได้ชักชวนกันมาวัดในวันอาทิตย์ วันอาทิตย์เราถือว่าเป็นวันหยุดงานหยุดการ เราก็มาวัด มาศึกษาธรรมะ มาวันไหนก็ได้
อ่านหนังสือพิมพ์มีเรื่องเกี่ยวกับวันอาทิตย์นิดหน่อย คือว่าอธิบดีกรมการศาสนาได้เสนองบประมาณเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอเงินมาช่วยเหลือโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในเมืองไทยเราในบัดนี้รัฐบาลเห็นว่า กรมการศาสนาเห็นว่าเป็นการทำที่เป็นประโยชน์ เป็นคุณค่าแก่เด็ก ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เป็นงานที่พระท่านคิดท่านทำกันขึ้น รัฐบาลหรือกรมการศาสนายังไม่ได้ช่วยเหลืออะไรและเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็เลยตั้งงบเข้าไปเพื่อขอทุนมาสนับสนุนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ผู้แทนราษฎรที่เป็นเจ้าหน้าที่กรรมาธิการฝ่ายการเงินเรื่องนี้ได้ทักท้วงว่าทำไมเอาเด็กไปเรียนวันอาทิตย์ไม่เอาไปเรียนในวันพระ วันอาทิตย์นี้เป็นวันศาสนาอื่น วันพระเป็นวันศาสนาพุทธ ทำไมไม่เอาเรียนกันในวันพระทำไมไปเรียนวันอาทิตย์ ผู้แทนพวกนี้ที่เข้าไปพูดอย่างนั้น เอามานึกว่าคงไม่เข้าใจในเรื่องอะไรหลายอย่าง เช่นว่าเราจะไปสอนวันพระกะเด็กมันจะสอนได้อย่างไรเพราะวันพระเด็กมันไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน โรงเรียนเขาไม่ได้หยุด แล้วจะเอาเด็กที่ไหนมาเรียน อันนี้ก็อธิบดีแกก็อธิบายเหมือนกัน อธิบายว่าโรงเรียนมันหยุดวันอาทิตย์เราก็สอนวันอาทิตย์ นี่ผู้แทนบอกว่าทำไมไม่บอกรัฐบาลให้โรงเรียนหยุดซะในวันพระ จะถอยหลังเข้าคลองไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว เขาหยุดกันในวันอาทิตย์กันมานานแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๖นู้น แล้วจะมาถอยหลังไปหยุดวันพระนี่มันไม่สะดวก คือวันพระนี่มันยืดหยุ่น วันมันไม่ค่อยเท่ากัน ๗วันอาทิตย์ครั้งหนึ่ง ๖วันอาทิตย์ครั้งหนึ่งมันดีแล้ว วันพระ๑๔ บ้าง ๑๕ บ้าง มันก็วุ่นวาย วันพระให้เป็นเรื่องของพระโดยเฉพาะ แต่ว่าวันอาทิตย์นั้นสากลเขาหยุดกันทั่วๆไปแล้ว เมื่อเขาหยุดเราก็เอาเด็กมาสอนมันไม่มีปัญหาอะไร ที่ว่าจะให้ไปหยุดวันพระแล้วเอาเด็กมาสอนนั้นมันไม่สะดวก แล้วพ่อแม่เขาหยุดวันอาทิตย์ เด็กไปหยุดวันพระ มันไม่ขัดกันหรอ พ่อแม่จะไปทำงาน ลูกจะมาวัด มันก็ยุ่งกันใหญ่ มันไม่ถูกต้องนะที่พูดอย่างนั้น ควรจะให้งบประมาณเขาไป ว่าเออก็ดีแล้ววันอาทิตย์เด็กจะได้มาวัด แล้วผู้แทนก็ควรจะมาดูซะบ้างว่าวันอาทิตย์วัดไหนเขามีโรงเรียน เขาเรียนกันอย่างไรเขาสอนกันอย่างไรได้เอาข้อมูลไปพิจารณาเรื่องให้งบประมาณแก่การส่วนนี้ต่อไป แต่ว่าท่านผู้แทนเหล่านั้นก็ไม่ค่อยได้มาวัด มาเวลาหาเสียงก่อนเลือกตั้งก็ขอให้พระช่วยเหลือลงคะแนน แถมศาลาเก่าก็บอกว่าจะเปลี่ยนให้ใหม่ถ้าผมได้เป็นผู้แทน ที่นี้ไม่ได้ศาลาก็ผุอยู่เหมือนเดิม บางทีได้แล้วก็ติดประชุมตลอดเวลา ไปบอกพระตามหัวเมืองว่าแหมงานมันมากครับ สภาปิดก็ต้องเป็นกรรมาธิการพิจารณานู้นนี่ไม่ค่อยว่าง ไม่ได้มาหาหลวงพ่อ เป็นยังนั้นเบี้ยวไปได้เหมือนฝักถั่ว อะไรก็ไม่ได้เรื่อง ความจริงก็ดีแล้ว มีเรื่องเขาลงอย่างนี้ในหนังสือพิมพ์มาเล่าให้ฟังซะหน่อยว่าผู้แทนบางคนนั้นชักจะไม่เข้าท่าอยู่เหมือนกัน เขาหยุดกันมาก็ดีแล้วควรจะขอบใจวัดที่ไปเอาเด็กเข้าวัดในวันอาทิตย์ ดีกว่าให้เด็กไปดูหนังไปฟังเพลง หรือไปเที่ยวเหลวไหล ก็ควรจะตั้งงบประมาณให้ก็หมดเรื่องไป ไม่ไปเซ้าซี้ แล้วก็บอกกรมการศาสนาว่าควรจะไปขอร้องรัฐบาล กรมการศาสนาก็ทำหนังสือไปถึงนายก นายกก็สั่งในตั้งกรรมการพิจารณา มันไปกันใหญ่
ความจริงนายกเป็นคนเฉยๆ ก็เฉยไปซะก็หมดเรื่อง ไม่จำเป็นจะต้องไปตั้งกรรมการพิจารณาให้เสียงบประมาณต่อไป ก็มันดีอยู่แล้วจะไปยุ่งทำไมอีก แต่ว่าเมื่อเรื่องมันมาก็ให้มันไปตามเรื่อง ไปจมหายตรงไหนก็ช่างหัวมัน ทำไปยังนั้นอะไรควรเฉยก็เฉยซะบ้างก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไม่ยุ่งเรื่องมันเป็นอย่างนั้น อันนี้เอามาเล่าสู่กันฟังนิดหน่อย ให้ถือว่าเป็นเรื่องขำๆขันๆ ในวงการของผู้แทนราษฎรก็แล้วกันไม่มีอะไร ขำๆโยมจะได้ยืดเส้นยืดสายหน้าร้อนหน่อย ก็หน้านี้มันร้อนก็หัวเราะซะบ้างจะได้สบายใจ เห็นอะไรขำๆก็เลยมาเล่าให้ฟังกันเป็นกิจเบื้องต้น หมดเวลาไป ๑๐ นาที ว่าธรรมะกันต่อไป
เรามาสวดมนต์ทุกเช้าทุกเช้า ได้มีคำสวดมนต์เป็นข้อเตือนใจหลายอย่างหลายประการ โดยเฉพาะบทพิจารณาสังขารที่เราสวดตอนท้ายนั้นเป็นเครื่องสะกิดใจอย่างมาก เพื่อให้เรารู้ถึงกฎธรรมชาติของชีวิตว่ามันเป็นมาเป็นไปอย่างไร ควรเป็นเหตุให้เราเข้าไปยึดมั่นถือมั่นจนเป็นเหตุให้เราต้องเกิดทุกข์หรือควรจะรู้จักปล่อยรู้จักวาง เพื่อให้เกิดความว่างในจิตใจแล้วจะไม่ต้องนั่งเป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องต่างๆที่มันเป็นไปตามกฎธรรมชาติ เพราะสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนเป็นสัตว์เป็นต้นไม้หรือว่าเป็นวัตถุสิ่งของอะไรมันหนีกฎธรรมชาติไปไม่พ้น กฎธรรมชาติก็คือความไม่เที่ยง มีเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเป็นทุกข์โดยสภาพ ไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นเนื้อแท้ในตัวของมันเองอันนี้เรียกว่าเป็นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น เราจะไปเกี่ยวข้องกับมันในรูปใดก็ตามมันก็ต้องเป็นอยู่อย่างนั้น เราเสียใจมันก็เปลี่ยนอยู่อย่างนั้น เราดีใจมันก็เปลี่ยนอยู่อย่างนั้นตามธรรมชาติ ทุอย่างเหมือนกันหมดต้นหมากรากไม้ สนามหญ้า วัตถุสิ่งของที่เราสร้างขึ้นมันก็ไม่ได้อยู่นิ่ง มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆแต่ว่าการเปลี่ยนบางอย่างนั้นมันเปลี่ยนช้าๆใช้เวลานานหน่อยแต่บางอย่างนั้นเปลี่ยนเร็วมากทำให้เราได้เห็นชัดขึ้น แต่บางอย่างมันก็เปลี่ยนช้าเรามองไม่เห็น
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เทศน์กับโยมนิ เพราะว่าเขานิมนต์ไปที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่อายนี่มันแยกออกไปจากอำเภอขวาง อำเภอขวางเป็นอำเภอเหนือสุดของประเทศไทย แม่อายแยกออกไปก็เหนือสุดขึ้นไปอีก เขานิมนต์ไปที่วัดท่าตอน ทำไมจึงได้เรียกวัดท่าตอน คือมันเป็นท่า แล้วก็เป็นขั้นตอนที่จะลงเรือกันตรงนั้น ลงแพกันตรงนั้น เพื่อจะล่องแม่น้ำกกไปสู่จังหวัดเชียงรายต่อไป อากาศที่นั้นยังเย็นอยู่ ลมพัดแรง กลางคืนนอนยังต้องห่มผ้าหนาๆ ตื่นเช้าอาบน้ำไม่ไหวเพราะมันเย็น ต้องอาบสายๆหน่อย…แล้วก็เดินทางโดยเรือหางไปจังหวัดเชียงราย ล่องแม่กกไป คนเขาอยากจะไปล่องแม่กกกันเขาบอกว่าทิวทัศน์มันสวยงามน่าทัศนาจร อาตมาไปแล้วมันไม่สวยงามอะไร แล้วก็ไม่น่าดูอะไร เพราะอะไร เพราะว่าภูเขาสองฝั่งแม่น้ำนั้น มันกลายเป็นภูเขาโล้นไปหมดแล้ว คนแถวนั้นขยันตัดผมให้ภูเขาจนไม่มีอะไรเหลือ อาตมานั่งไปดูไปแล้วมันไม่สบายไป แทนที่จะเพลิดเพลิน เจริญตาเจริญใจกับธรรมชาติที่ผ่านไป ก็หาได้รับความเพลิดเพลินอะไรไม่ แต่เกิดความหดหู่เหี่ยวแห้ง ในการที่ป่าไม้บนภูเขาถูกทำลายมากเหลือกิน บางภูเขาสูงมากคนก็ยังขึ้นไปถาง…ต้นไม้เป็นต้นใหญ่ๆตัดลงมาให้มันแห้งแล้วก็เผาไฟกลายเป็นขี้เถ้าไปหมด ไม่เกิดประโยชน์อะไร ต้นไม้กว่าจะเติบโตแต่ละต้นมันใช้เวลานาน เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ แต่ว่าพวกนั้นใช้ขวานกับมีดเท่านั้น ไปตัดครูดล้มลงไปตามไหล่เขา แล้วก็เผาให้มันเป็นขี้เถ้า เผื่อจะได้ปลูกข้าวบนไหล่เขาต่อไป ทำกันมานานแล้ว คนแถวนั้นที่เป็นคนอยู่ริมภูเขามีอาชีพอย่างเดียว คืออาชีพทำลายป่าแล้วก็ปลูกข้าวได้นิดหน่อยไม่ใช่มากมายอะไร ปลูกข้าวไร่ ตั้งแต่นั่งเรือจากท่าตอนก็เห็นความแห้งแล้งแต่มันชุ่มอยู่กับน้ำในแม่น้ำนิดหน่อย แม่น้ำกกนี่มันไหลมาจากประเทศพม่า ความจริงมันก็ควรจะเป็นประเทศไทย แต่เวลาแบ่งปันเขตแดนฝรั่งกำหมัดมันใหญ่มันก็บอกว่าไอนี้ของกู ไทยเราเวลานั้นกำหมัดมันไม่มี มันเล็กเหลือเกิน ก็ต้องยอมให้เขา ความจริงเขตไทยมันควรจะเอาแม่น้ำแทนวินเป็นเขตแดนกั้นระหว่างไทยกับพม่า แต่ว่าเขารุกล้ำเข้ามา เอาภูเขาเป็นเขต แม่น้ำนั้นก็เลยเกิดจากประเทศพม่าไป แต่มันไม่ไหลไปพม่าหรอก มันไหลเข้าหาไทย พาเชียงรายไปออกเชียงแสนลงแม่น้ำโขง ไม่เกิดประโยชน์แก่การเพาะปลูกอะไร ทำอะไรกับน้ำนั้นไม่ได้ แต่ว่ากรมชลประทานเขาวางแผนจะสูบน้ำจากแม่น้ำกกเอามาลงสู่แม่น้ำอิง จังหวัดพะเยา แล้วก็ปล่อยเข้าทุ่งไหลมาถึงแม่น้ำน่าน เอามาปล่อยลงแม่น้ำน่านอีกทีหนึ่งจะได้ทำน้ำนั้นให้เป็นประโยชน์ต่อไป
นี่เป็นโครงการที่ได้พบกับนายช่างที่นั้นเหมือนกัน คนบางคนก็ไปนั่งแพโล่งไป แพนี้เขาทำเป็นแพไม้ไผ่กว้างประมาณวาหนึ่ง มีหลังคาด้วย แล้วก็มีแม่ครัวไปอีกลำหนึ่ง มีผ้าห่มกันหนาว มีเครื่องใช้ ฝรั่งชอบล่องแพ ล่องแพนี่ต้องสามวันถึงจะไปถึงเชียงราย ล่องเรือนี่นั่งรถเรือก็สามชั่วโมง ถึงจังหวัดเชียงราย นับว่าเร็วมากพอได้ดูความบกพร่องของป่าที่เขาถางกันไปหมด กรมป่าไม้นี่ไม่ทราบว่าตั้งไว้ทำอะไร เพราะว่าไม่ค่อยดูแลป่าให้เรียบร้อย เดียวนี้ก็ไปปลูกชดเชย ปลูกกว่าจะโตนี่จะไม่ไหว มีหน่วยป่าไปปลูกต้นไม้ เห็นปลูกต้นกระถินยักษ์ไว้เป็นการสร้างป่าใหม่แต่ว่ามันไม่ทันกับคนโค่น คนโค่นนี่มันเร็วกว่าคนปลูกนี่ไม่ทัน มันถางแล้วดินมันก็แห้ง ปลูกต้นไม้อะไรมันก็ไม่ค่อยขึ้น พอฝนตกชะดินเป็นปุ้ยลงแม่น้ำเสียหมด อันนี้คือตัวปัญหา แต่ว่าก็ได้เห็นกฎความเปลี่ยนแปลงว่าสภาพป่าเปลี่ยนแปลงไป แล้วก็แม่น้ำก็เปลี่ยนเหลือเกินเหมือนกัน พอลงมาใกล้เมืองเชียงรายนี่มันเซาะฝั่งพังเป็นแถบๆไปเลย ทางราชการก็พยายามสร้างเขื่อนเพื่อไม่ให้ดินพังแต่ว่ามันเอาเขื่อนไปด้วยเหมือนกันก็น้ำมันแรงลงมาตอนล่างน้ำไหลแรงแม่น้ำกว้าง เวลานั่งเรือพวกคนเรือก็ต้องอยู่ริมนี้ต้องพุ่งไปริมนี้ พุ่งไปริมนั้น พุ่งไปริมนู้น มันช้าตรงนี้ เที่ยวผลาญร่องเพื่อให้เรือไปได้สะดวกไม่ติดร่องน้ำ ได้ดูตลิ่งแล้วมันพังน่ากลัว จะพังเมืองเชียงรายด้วยซ้ำไป แต่ว่าผู้ว่าการคนหนึ่งจะเอารถแทรกเตอร์ไปตัดตลิ่งให้น้ำพุ่งตรงไปไม่ให้เข้าตัวเมือง ตัวเมืองจะได้ไม่เสียหาย นั่งดูไปเศร้าสลดใจไป แล้วก็เห็นกฎธรรมดาว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้กระแสน้ำก็เปลี่ยนแปลงตลิ่งก็เปลี่ยนแปลงทำให้สิ่งทั้งหลายไม่คงที่ พอใกล้จะถึงเมืองเห็นพวกหนุ่มๆสาวๆลงไปแช่น้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เอ๊ะมันทำอะไรกัน มาแช่น้ำกันทำไม เลยถามว่าทำอะไรกัน เขาบอกว่าอาบน้ำ อ๋อ นัดกันไปอาบกัน ไม่ทราบว่าทางอำเภอเมืองเชียงรายเขาจัดที่ตรงนั้นให้เป็นพัทยาน้อย พัทยาใหญ่มันอยู่ที่เมืองชล แล้วก็ยกพัทยาน้อยไปตั้งไว้ตรงนั้น คนก็เลยไปสนุกอาบน้ำกัน อาบน้ำเสร็จขึ้นมากินน้ำอัดลมกัน เคี้ยวถั่วเล่นกันแล้วก็ลงไปอาบต่อไป อากาศมันร้อนก็ลงไปแช่น้ำเล่นกัน หนุ่มๆสาวๆลอยคอดูกันไปดูกันมาแล้วก็กลับบ้าน นัดกันไปพบที่โรงแรมต่อไป จะส่งเสริมเรียกว่าส่งเสริมให้มันก้าวหน้าเหมือนกันในเรื่องที่ไม่ค่อยได้สาระอะไร นี่ก็เป็นงานประเภทหนึ่งที่ทางการคิดขึ้น ให้คนเขาไม่มีที่สนุกก็ไปคิดที่สนุกกันขึ้น อันนี้ได้เห็นอยู่ว่ามันก็ยุ่งอยู่พอใช้
ไปถึงเชียงรายผู้ว่าการก็ใจดี เพราะว่าเคยพบไว้ก่อน เอารถไปรอรับอยู่ที่ท่าเรือ เอาไปไม่เอาไปวัด บอกว่าที่วัดมันไม่สะดวกไปดูแล้ว ที่พักไม่ค่อยมี พาไปพักบ้านรับรองของยาสูบ เป็นบ้านหลังใหญ่ ฝรั่งอยู่เมื่อก่อนทำห้องน้ำห้องท่าไว้ดี นอนสบาย อาบน้ำก็สบาย เช้าถวายอาหารแล้วก็ไปเทศน์ให้ข้าราชการฟัง แล้วก็ไปเทศน์ที่วัด ๒ ครั้ง กลางคืนที่ไปถึงและกลางวันอีกทีหนึ่ง แล้วก็ขอรถท่านผู้ว่าอยากจะกลับทางถนนใหม่เชียงราย แม่สรวย เวียงป่าเป่า ดอยสะเก็ด ก็เช่นเดียวกันอีกแหละนั่งสลดใจตลอดทางก็สองข้างทางถูกถางภูเขาเกรียนไปหมดแต่ว่ามันก็เห็นผลบางอย่างขณะนั่งจากเมืองขวางไปแม่อายรถสวนทุกคัน บรรทุกแต่กะหล่ำปลีทั้งนั้นเป็นรถหกล้อบ้าง สิบล้อบ้าง กะหล่ำปลีมากจริงๆไปดูเมืองนั้นเป็นเมืองกะหล่ำปลีเลย แล้วก็เห็นป่าในทุ่งนาใหญ่ๆ สวนลิ้นจี่ เขาปลูกกันมากสวนลิ้นจี่ ลิ้นจี่ กะหล่ำปลี หอม กระเทียม เขาปลูกมากที่นั้น และถามโยมว่ากระเทียมราคาอย่างไร แย่มาก กิโลละสามบาทเท่านั้นเองไม่คุ้มเหนื่อย แต่ว่าปลูกแล้วจะเอาไปทิ้งแม่น้ำกกก็ใช่ที่ เลยก็ต้องขายไป นี่เป็นปัญหาที่ชาวไร่หรือว่าเกษตรกรไม่ได้รับราคาเท่าที่ควรจะได้ เพราะพ่อค้าคนกลางนั้นกดราคามากเกินไป อ้างนู้นอ้างนี่แต่พอพ้นฤดูแล้วมันก็กระเทียมแพง ญาติโยมที่กรุงเทพไม่ซื้อกระเทียมมาใส่อาหารกิโลละเท่าไร แต่ไปซื้อเมืองขวางเอามาไว้กินทั้งปีก็ถูกเหมือนกัน แต่ว่าค่ารถเท่าไรที่จะไปซื้อมันจะคุ้มกันหรอ นั่งรถไปซื้อกระเทียมมันไม่คุ้มหรอก เลยเห็นว่ามันเป็นปัญหาประชาชนได้รับความเดือดร้อนพอสมควรจากสิ่งเหล่านี้ ทีนี้นั่งรถผ่านไป แม่สรวย เวียงป่าเป่า ก็ปลูกอันนี้มากเหมือนกันกะหล่ำปลี แม่สรวยนี้พวกกะหล่ำปลีมาก มีแม่น้ำสายหนึ่งเขาเรียกว่าแม่เลา แม่เลานี่ตั้งต้นจากเขานางแก้วเขานางแก้วกั้นเขตแดนระหว่างเชียงใหม่กับเชียงราย แม่น้ำสองสายจากสันเขามันยังนี้ ลงมาตะวันออกเป็นแม่เลา ไปทางฝั่งเชียงใหม่ก็เป็นแม่กวง ไปออกดอยสะเก็ด เขาก็ทำเขื่อนกั้นไว้ที่นั้นเหมือนกัน ขึ้นไปดูต้นน้ำมันก็นิดเดียว ร่องน้ำนิดเดียว น้ำไหลไปรวมกันเข้ากลายเป็นแม่เลาออกเชียงรายเป็นประโยชน์แก่การเพาะปลูก แม่กวงก็ไปออกจังหวัดลำพูนเฉียดปากทางได้น้ำไปทำการเพาะปลูกเช่นเดียวกัน แต่ที่สลดใจคือป่ามันเตียนดี แสดงว่ากระทรวงเกษตรนี่ยังไม่สามารถจะรักษาป่าไว้ได้ ยังไม่สามารถจะคุ้มครองป่าไว้ได้ แม้จะไปตั้งหน่วย เขาเรียกว่าหน่วยป้องกันการรักษาป่า ฟังชื่อแล้วมันน่ากลัวคือป้องกันการรักษาป่าแล้วมันก็ถางกันสบายเท่านั้นเองคือหน่วยนี้ชื่อมันไม่เป็นอันทำป้องกันการรักษาป่า อ่านดูคิดดูคือป้องกันการรักษาไปแล้วมันก็ไม่ต้องทำอะไร ไปอยู่ให้สบายเท่านั้นเอง ไม่ต้องทำอะไรเพราะฉะนั้นป่าหมดไป เพราะหน่วยนี้ชื่อมันไม่ต้องทำอะไร ก็มันป้องกันการรักษาแล้วมันจะไปทำอะไร ไม่ถูก ชื่อมันไม่ถูกชื่อที่เขียนป้องกันการรักษาป่าก็หมายความไม่ต้องรักษา ใครจะถางก็ถางตามชอบใจ ตามสบาย เพราะไม่มีหน่วยรักษา มีหน่วยป้องกันการรักษาไว้แล้ว ก็เลยไม่ได้เรื่องอะไร อ่านชื่อแล้วคิดดูมันก็โอ๊ะ ป่าถึงหมดเพราะอะไร เพราะมันป้องกันการรักษาซะแล้วจะไปรักษายังไง มันเป็นยังงี้ นั่งๆดูๆแล้วมันก็สลดใจ ไปไหนก็พบป่าเตียนไม่สบายใจ เห็นภูเขาโล้นก็ไม่สบายใจ เพราะว่าใจมันรักป่ารักธรรมชาติ อยากจะสงวนสิ่งเหล่านั้นไว้ เพื่อประโยชน์แก่ลูกหลานในอนาคตต่อไป
เมืองเลยนี่ก็เหมือนกันคนเมืองเลยนี่กำลังฆ่าตัวตายกันทั้งนั้น ฆ่าตัวตายอย่างไร ทำลายป่ากันจนหมด แล้วมันก็ปลูกอะไรได้ดีปีแรกสองปีต่อไปมันก็ปลูกไม่ได้ แล้วน้ำก็จะแห้ง แห้งแล้ง อากาศก็หนาว เวลาหน้าหนาวแล้วปากก็แห้ง แล้วถ้าฝนตกก็ท่วมใหญ่ไปเลย (23.00) ไม่มีเหลือ ชาวบ้านก็เดือดร้อนวุ่นวาย แต่เดียวนี้คนไม่ได้คิดเพราะว่าถางป่าแล้วปลูกพริกขายได้ ปลูกอะไรขายได้ แต่ไม่ได้คิดว่าป่าหมดแล้วเราจะอดน้ำ เขาไม่ได้คิดอย่างนั้น ไม่ได้มีใครไปพูดจาชี้แจงให้คนเข้าใจ แล้วก็เราพูดอยู่ที่กรุงเทพมันไม่ได้ผลหรอก มันต้องไปพูดกับคนที่นู้น ไปสอนคนที่ริมป่า ให้รู้ว่าป่านี่มีบุญคุณแก่ชีวิตอย่างไร เป็นประโยชน์อย่างไร แล้วเรื่องร้ายอีกเรื่องหนึ่งหน้าร้อนชอบเผาป่าจริงๆ ถ้านั่งรถกลางคืนจะเห็นว่าภูเขาลุกเป็นไฟเส้นยาวเหยียดไป ตั้งแต่เมืองแพร่ เมืองลำปาง เมืองน่าน เมืองเชียงใหม่ ตลอดถึงเชียงรายนู้นแหละ เผาภูเขากัน ทำไมจึงเป็นงั้น ใบไม้แห้งตกมาก ใบไม้แห้งตกมากก็ทิ้งก้นบุหรี่ไปสักก้นเท่านั้นแหละ แล้วมันก็เผาสามวันสามคืนเจ็ดวันเจ็ดคืนจนกว่าจะถึงยอดภูเขาแล้วก็เตียนโล่งไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เห็นแล้วก็ทำไมไม่สามารถป้องกันให้คนไม่จุดป่าได้หรือไม่ มันไม่ใช่ไฟป่า เราพูดว่าไฟป่า มันเรียกว่าไฟไหม้ป่า แต่ว่าไฟที่ไหม้ป่านั้นเป็นไฟเกิดจากความมัดง่ายของคนหรือเกิดด้วยความตั้งใจ เกิดด้วยความตั้งใจก็มีเหมือนกัน คือพวกที่ไปหาสัตว์ในป่าจุดไฟเผาสัตว์ตกใจสัตว์ก็จะวิ่งหนี นกก็จะบินหนีกัน กระรอกกระแตก็จะหนี หนีแล้วมันก็จะดักยิงจากสัตว์เหล่านั้น นี่ก็คือว่าทำลายป่าเพื่อเอาสัตว์ตัวเล็กๆ เหมือนกับเราเห็นมะขามป้อมลูกดกจะกินสองสามผลโค่นต้นเลย ล่มครืนลงมาเก็บกินสองสามผลเท่านั้นเองแก้คอแห้งแต่มะขามป้อมต้นนั้นตายไม่ได้มีชีวิตให้เรากินต่อไป เวลานี้ก็คือความมักง่ายที่ทำลายป่าอย่างนี้เหมือนกัน ทำลายป่านี่แมลงก็หมด ตัวผึ้งก็ไม่มี ไอน้ำผึ้งที่เรากินอยู่นี่ไม่ใช่น้ำผึ้งป่าแท้ๆนะ สังเกตดูให้ดีมันมีผึ้งนิดหน่อยแล้วก็มีน้ำอ้อยปนในน้ำผึ้งตั้งเยอะแยะ กินเข้าไปแล้วก็ลำบาก วันนั้นโยมเอามาถวายสองขวดที่แม่อาย บอกว่าโยมเอามาจากไหน ดิฉันบีบด้วยมือเอง เอารังผึ้งมาบีบเองมันแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าที่เขาขายว่าน้ำผึ้งเดือนห้าอย่าไปเชื่อน่ะ มันทำเดือนเมษาแล้วก็ไม่ใช่น้ำผึ้งในป่าหรอกทำตามวิทยาศาสตร์ น้ำผึ้งวิทยาศาสตร์ส่วนมาก ก็ป่ามันหมดไปแล้วผึ้งจะมาอยู่ได้อย่างไร แมลงก็จะหมดไป
ได้สนทนากับผู้ที่เขาทำสวนส้มสวนลิ้นจี่ เขาบอกว่าส้มมันไม่ค่อยออกลูกบางคราว มันขาดเชื่อมถิ่นเชื่อม (26.09) คือตัวแมลง ตัวผึ้งเนี่ยช่วยเชื่อมดอกส้ม ผึ้งมันไปเข้าเกสรตัวผู้เกสรตัวเมียแล้วเกิดการผสมพันธุ์ ทีนี้เมื่อป่าเตียนตัวผึ้งก็ไม่มี ทำให้ดอกส้มไม่ติดผลมันออกแต่ดอก ลิ้นจี่เป็นดอกแต่ไม่เป็นผลก็ตัวผึ้งไม่มาเข้าเกสร เจ้าของสวนคนหนึ่งบอกว่าผมต้องเช่าป่าเวลานี้ เช่าป่าบริเวณสวนไว้เป็นเนื้อที่ตั้งหมื่นไร่ ไปติตต่อที่กรมป่าไม้เพื่อเช่าป่าเขามองหน้า มันเรื่องอะไรคุณจะไปเช่าป่า ไม่มีใครเข้าเช่าป่าหรอก แกบอกถ้าไม่เช่าคนตัดหมด คนทำลายหมด แต่ถ้าผมเช่าแล้วผมทำรั้วกั้น กั้นไว้เป็นเขต คนเมืองเหนือเขาดีอย่างหนึ่งถ้าเป็นเขตของใครเขาไม่แตะต้องเขาไม่ไปตัดต้นไม้ ไม่ทำลาย อันนี้ยังดีมันยากแต่เขายังรักษา เพราะงั้นแกก็เช่าและก็รักษาป่า ใช้วิธีการให้เป็นป่าไว้รอบๆสวนส้ม นกอยู่มาอยู่ ผึ้งก็มาอยู่ กระรอกกระแตก็มาอยู่ ได้สัตว์ที่ช่วยให้สวนดีขึ้น ชาวบ้านก็ไม่ทำลายเพราะเขียนบอกไว้ว่าเขตเช่าของสวนส้มวังน้ำค้าง เขาก็ไม่กล้าแตะต้อง แล้วก็ทำให้บริเวณนั้นเย็นสบาย แกต้องเช่า เช่าปีหนึ่งตั้งหมื่นกว่าบาท กรมป่าไม้ประหลาดใจว่ายังไม่มีใครมาเช่าป่าเหมือนคุณเลย แกก็อธิบายเห็นผลให้ฟังว่าต้องเช่าให้มีกรรมสิทธิ์ ถ้าไม่มีกรรมสิทธิ์คนก็ทำลายหมด เราจะไปห้ามก็ไม่ได้เพราะป่าสาธารณะ เพราะเหตุนี้จึงต้องเช่า เขาก็เลยตกลงให้เช่าได้ตามความปรารถนา ในเขตเช่าต้นไม้มันก็ดี อะไรก็ดี เพราะไม่มีคนทำลาย ไม่มีคนเผาไฟ แกถางไว้รอบบริเวณกันไฟที่ไหม้มาจากที่อื่นไม่ให้ไหม้บริเวณนั้น กันไว้เพียงเมตรครึ่งเท่านั้นแหละไฟมันก็หยุดแล้วมันไม่มาไหม้ในนี้ วิธีป้องกันทำได้ความจริงทำได้
ต้นไม้ที่ทนที่สุดในโลกคือต้นสัก เผาทุกปีแต่มันก็ไม่ตาย มันขึ้นจนได้จึงเป็นต้นไม้ราคาแพง เดียวนี้ราคาแพงมากต้นสักเพราะว่ามันทนที่จะเติบโต แม้คนจะไปเผาทุกปีมันก็ไม่ตายเป็นตัวอย่างที่มั่นคงเหลือเกินต้นสัก สิ่งที่ได้พบเห็นมามันเป็นอย่างนี้ เรื่องความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลาย แต่ว่าที่ร้ายคือจิตใจคนมันเปลี่ยนไปในทางตกต่ำไม่รู้จักรักธรรมชาติ ไม่รู้จักสงวนธรรมชาติ ให้ยั่งยืนถาวรต่อไป ตามสถานที่ราชการมีน้อยเหลือเกินที่จะริมรั้วทำรั้วเฉยๆแต่ไม่คิดปลูกต้นไม้ ปลูกต้นไม้ยืนต้นเช่นต้นสัก ภาคเหนือปลูกต้นสัก เนื้อที่มากๆเช่นของทหารที่แม่ริมยาวหลายกิโลแต่ไม่ได้ปลูกต้นไม้ ก็นั่งดูไปว่ามันไม่มีคนมีหัวคิดเลยสักคนมาอยู่ๆกันเนี่ย อยู่แล้วก็ย้ายไป อยู่แล้วก็ย้ายไป ไอที่แปลงนั้นเขาปลูกหญ้าก็ปลูกแต่หญ้าเท่านั้นเองไม่ปลูกต้นไม้ไว้ที่ริมรั้วอย่างน้อยสักสองต้นเรียงกันไปตลอดเนี่ยได้ไม้เป็นพันต้น แล้วไม้นั้นสักร้อยปีมันก็จะโต โตแล้วเอาไปขายก็ยังได้ ลูกหลานเขาขายกันจังแต่ว่าคนปลูกมันไม่ค่อยมีที่จะคิดในเรื่องอย่างนั้น ตามสถานที่วัดก็เหมือนกันชอบถางต้นไม้ ชอบตัดต้นไม้ บอกว่าอย่าตัดซะหมด รักษาไว้บ้าง บอกว่ามันรก อ่าวรกมันดีมันสบาย เตียนเนี่ยมันจะไม่สบายเหมือนคนหัวล้านสบายอะไรผมไม่มี ถ้ามีผมละมันค่อยยังชั่วหน่อย บอกแกยังนั้นไม่รู้จะบอกอย่างไรแล้ว ยกตัวอย่างหัวเลยทีเดียว วัดเนี่ยมันรกไอพวกชอบจัดทำไมวัดมันรกอย่างเนี่ยวินาศสันตะโรไปเท่านั้นเองไม่ได้ รกก็ต้องการให้มันรก ให้สมกับเป็นอารามเป็นสวนจึงได้ปลูกต้นไม้ ไปไหนก็พยายามพูดมากเหมือนกันนะให้ปลูกต้นไม้รักษาต้นไม้ ให้มันเกิดความร่มเย็น แต่ก็ยังไม่ค่อยได้ผลเท่าไร ไม่มีใครค่อยปลูกค่อยทำกัน แม้ในสถานที่หน้าศาลากลางมันว่างโล่ง ในสนามควรจะปลูกต้นไม้ให้เกิดความร่มรื่นก็ไม่ปลูก ใครไปอยู่ก็อยู่ไปงั้น ย้ายไปก็ไม่ปลูกไว้สักต้นหนึ่งเลยบอกว่าย้ายมาอยู่เมืองไหนปลูกมะพร้าวไว้ข้างบ้านสักสองสามต้น ย้ายไปแล้วมะพร้าวมันยังอยู่คนข้างหลังมาจะได้กิน จะได้เป็นบุญเป็นกุศล รอบรั้วบ้านปลูกไม้ยืนต้นไว้ มันเติบโตใหญ่โตขึ้นก็จะเป็นประโยชน์ ท่านเคยไปเชียงใหม่นั่งรถไปลำพูน ต้นยางต้นขนาดยังนี้เป็นแถวสองข้างทางเป็นร้อยๆยางเหล่านั้น ใครเป็นผู้ปลูกยางเหล่านี้ไว้ เจ้าพระยาสุรสีห์ พวกกัลยาณมิตร ท่านเป็นเทศาในสมัยนั้น เป็นสมุหเทศา เมืองเชียงใหม่ ลูกชายท่านเป็นพระยากัลยา อยู่ที่อุตรดิตถ์เนี่ย แกทราบข่าวว่าพวกทางจะโค่นต้นยางลำพูนเพื่อเอาไปขายก็ต้นหนึ่งมันเป็นหลายหมื่น ต้นยางเดียวนี้ต้นละหลายหมื่นน่ะ แกก็นึกว่าตายจริงคุณพ่อปลูกไว้พวกนี้จะโค่นขายกันแล้ว แกก็ร้อนอกร้อนใจต้องขึ้นไปเชียงใหม่ ขึ้นไปเชียงใหม่ก็เชิญเจ้าเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่หัวหน้า มากินเลี้ยงที่โรงแรม อุตส่าลงทุนรักต้นไม้กินเลี้ยงเสร็จแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไรผมอยากจะเล่าชีวิตเด็กๆให้ฟังหน่อย บอกว่าเมื่อเด็กๆผมอยู่ที่เชียงใหม่ คุณพ่อมาเป็นเทศาอยู่ที่นี่ คุณพ่อผมนี่ต้องตื่นแต่เช้านั่งรถม้า ออกจากบ้านที่พักไปถนนสายลำพูน ไปให้คนรดน้ำต้นยาง สมัยนั้นต้นยางก็ต้นเท่านิ้วมือเท่านั้น เตี้ยๆ คุณพ่อให้คนรดทุกเช้า ทุกเย็น เวลานี้แหมผมมาเชียงใหม่ทีไรได้เห็นต้นยางละก็นึกถึงคุณพ่อว่าท่านขยันปลูกต้นยางไว้ ดูสวยงามเรียบร้อย แกไม่พูดว่าอย่าตัดต้นยางแกแค่เล่าว่าคุณพ่อให้คนไม่รดน้ำต้นยางทุกวันๆแล้วผมมาเชียงใหม่ทีไรต้องนั่งรถไปดูต้นยางของคุณพ่อทุกที สบายใจว่าคุณพ่อทำไว้เป็นประโยชน์แล้วอยู่จนกระทั่งบัดนี้
ที่นี่เมื่อแกเล่าให้ฟังแล้วไม่มีใครกล้าตัดต้นยางต้นนั้นต่อเลย อ้างถนนแคบแล้วก็จะตัดขยายถนนนั้นมันกว้างออกไปหน่อยความจริงไม่ต้องในต่างประเทศถนนก็แคบก็มีแล้วก็มีต้นไม้ใหญ่ๆก็มี เขาไม่ตัด เขาบอกว่าต้นไม้มันยืนอยู่ตรงนั้นรถอย่าไปชนต้นไม้ก็แล้วกันต้นไม้ไม่มีเดินมาชนรถสักต้นเดียว คนอย่าไปชนต้นไม้ก็แล้วกัน เขาจึงไม่ตัดต้นไม้เพราะกลัวรถชน เขาก็รักษาไว้ เพราะว่าต้นไม้ที่ปบลูกแล้วมันกว่าจะโตมันนานจึงต้องดูแลรักษา ในประเทศอังกฤษนั้นเขาเรียกว่าไม้โอ๊ก อยู่ในเมือง ในบ้านเขาก็มี ตัดไม่ได้ ตัดไม่ได้แล้วไม่พอนะต้องดูแลให้ดี อย่าให้ต้นโอ๊กตายด้วยนะ ถ้าเห็นว่าใบมันเหี่ยว กิ่งมันไม่สบาย มันเศร้าสร้อยหงอยเหงาต้องโทรศัพท์บอกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้รักษาป่าไม้ก็ต้องมา มาตรวจเช็คต้นโอ๊ก เอาเครื่องมาตรวจมาจับดู ตัดใบไปดู ตัดกิ่งไปดูนิดหน่อยแล้วก็มีอะไรที่รากที่ลำต้นเขาตรวจเรียบร้อย แล้วเขาก็มารักษาเยียวยา เจ้าบ้านไม่ต้องเสียอะไร เสียค่าโทรศัพท์นิดหน่อยที่โทรๆอยู่นั้นแหละ แล้วเค้าก็มารักษา ดูแลต้นไม้เหล่านั้นต่อไป ฉะนั้นใกล้บ้านก็มีต้นไม้ใหญ่ บนถนนก็มีต้นไม้ เค้ารักต้นไม้ ของเรานี่มันไม่รักต้นไม้ แต่ว่ารักตัดต้นไม้ ก็รักเหมือนกันน่ะลักเอาไปขาย ตัดเอาไปขาย ไม้ยางต้นใหญ่ๆเอาไปขาย บรรทุกรถสิบล้อมาตลอดเวลาน่าจะสงวนไว้บ้าง ไว้ดู ให้เด็กมันดูว่าต้นไม้ขนาดนี้มีป่าไหน คนก็จะได้ไปเที่ยวป่า จะได้ไปเพลิดเพลินสนุกสนาน แต่ว่าป่าที่รักษานี่ก็เหมือนกัน เขาไม่ให้คนเข้าไปตั้งร้านขายของในป่า จะทำให้ป่าสกปรกรกรุงรัง เคยไปดูป่าวนอุทยานที่เขาทำๆไว้ สกปรกที่เขาขายของ แล้วก็ชอบเผาอะไรต่ออะไร ขยะมูลฝอยชอบเผา มันทำให้เสียหาย ในต่างประเทศเขาไม่ให้เข้าไปยุ่ง รถเขาไม่ให้จอดในป่าเขาให้จอดข้างนอกแล้วให้คนเดินเข้าไป ทำถนนเล็กๆขนาดเท่านี้ให้เดินเข้าไป เข้าไปเที่ยวป่านี่ต้องออกกำลัง จะไปดูธรรมชาติเขาก็ให้เดินเข้าไป ไม่ใช่ให้ทำถนนใหญ่ให้รถวิ่งในป่า ให้เดินไป ชมไป ดุไปตามเรื่องตามราว ใครจะไปตั้งค่ายพักแรมในป่าเขาไม่อนุญาต เขาให้พักนอกป่าแล้วให้เข้ามาเที่ยวในป่า เขารักษานักหนา เขาเอาใจใส่ เพราะฉะนั้นป่าจะไม่ถูกทำลาย ถ้าเกิดมีไฟไหม้ เรื่องใหญ่ เขาต้องเอาเรือบินขึ้นไปโปรยผงเคมีเพื่อดับไฟ หรือเอารถวิ่งเข้าไปเพื่อดับไฟ ไม่ให้มันลุกลาม ของเรานี่ปล่อยให้ลุกไปตามเรื่อง นั่งดูไฟลุกลามดีจริง ดูกันไปตามเรื่อง
วันนั้นนั่งจากเมืองเลยไปอุดรแวะวัดหลวงปู่เผา คือว่าอยากจะไปดูสถานที่ อยากจะไปอยู่นานแล้วแต่ไม่ได้ไป หลวงปู่เผาสิ้นบุญแล้วก็จึงไป ไปดูสถานที่หน่อย บริเวณกว้างขวางตั้งพันสามร้อยไล่ ถ้าเดินให้ทั่ววัดก็ไม่ต้องกลับมานอน ต้องนอนนั้นสองคืนถึงจะเดินได้ มันมีหินก้อนเบ้อเริ่มๆก้อนใหญ่ๆสูงๆตูมๆ ชนกันอยู่ก็มี ตรงกลางก็ว่างพระก็เข้าไปอยู่ตรงนั้น แต่ว่าพอเดินเข้าไปถึงกลางวัด ป่าเตียนโล่งไฟไหม้ เลยถามอาจารย์ อ่าวทำไมถึงเผาป่าอย่างนี้ ไม่รู้ว่าใครเผา แล้วเห็นหรือป่าวว่าไฟลุกมา ก็นั่งดู อ่าวพระมีตั้งหลายองค์ทำไมไม่ช่วยกันดับไฟ ดับไฟไหม้อย่างนั้นมันไม่ยากอะไร ตัดกิ่งไม้มามัดเข้ายังนี้แล้วก็ไปทุบไฟที่กำลังไหม้ พอไฟไหม้มาทุบๆๆๆมันก็ดับ ดับหมด ไม่ต้องให้มันไหม้หมดป่า นี่นั่งดูไฟไหม้ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยดำเป็นขี้เถาไปหมดในบริเวณนั้น เสียดาย ไม่ได้ดับไฟไว้ ที่วัดอุโมงค์ที่อาตมาเคยอยู่ โยมที่บำรุงหน้านี้แกจะต้องถางริมรั้วเมตรครึ่ง ถางเตียน คนไปเดินดูทุกวันคอยกวาดใบไม้ เผื่อคนจุดไฟข้างนอกลามมาก็หยุดตรงนั้น เพราะว่าหนึ่งเมตรครึ่งมันไม่มีใบไม้แห้ง คอยกวาดอยู่ตลอดเวลา ใบไม้ที่ร่วงในวัดก็อยู่อย่างนั้นไม่ถูกเผาไม่ถูกทำลาย ให้มันเน่าเป็นเหยื่อของต้นไม้ต่อไปเป็นปุ๋ยต่อไปรักษาไว้ได้ แต่ถ้าข้างนอกไปก็มีไฟไหม้เพราะคนชอบทิ้งก้นบุหรี่หรือว่าเผาเผื่อประโยชน์เล็กๆน้อยๆ อันนี้คือการทำลายลงไปเรื่อยๆต่อไปจะลำบาก ไปดูวัดหลวงปู่ขาวก็เรียกว่าสบาย น่าอยู่ พระก็อัธยาศัยดี บอกว่าท่านเจ้าคุณมาแล้วก็จำวัดนี้ก็ได้ พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปในเมือง มันไกลหน่อยจากนี้หลายกิโล ถ้าต้องไปในเมืองก่อนเลยก็ไปในเมืองไม่ได้นอนที่นั้น แค่นึกว่าว่างๆก็ค่อยมาเยี่ยมมานอนบ้างก็ได้ พักผ่อนสบายๆ เงียบดีเป็นภูเขา มีป่าช่วยรักษาป่าไว้ได้เหมือนกัน ตามวัดต่างๆที่มีเป็นวัดป่าเขารักษาป่าไว้ไม่ถูกทำลาย แต่ต้องกั้นรั้วแข็งแรงนะ ไม่งั้นชาวบ้านแอบเข้าไปตัดป่าเหมือนกัน ไปตัดต้นไม้ในวัด วิธีตัดก็ไม่ได้ยินเสียงคนเวลานี้ เขามีเลื้อยเล็กๆเลื้อยง่ายๆเราก็ไม่ได้ยินเสียงมันตัดเอาไปหมดขนเรียบร้อย เวลานี้ขโมยก็เจริญเหมือนกัน พัฒนาทันสมัย วิธีทำลายป่าก็เก่งขึ้น อันนี้จะเป็นปัญหา ในการต่อไปข้างหน้าจึงเล่าให้ญาติโยมฟังว่ามันเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เล่าไว้ในการเทศน์หนังสือมันก็ออกไป ใครได้อ่านแล้วส่งไปให้อธิบดีกรมป่าไม้บ้างให้รัฐมนตรีเกษตรบ้าง หรือใครๆอ่านบ้าง จะได้รู้ว่าพระท่านก็ประท้วงได้เหมือนกันไม่ต้องไปเดินประท้วงหน้าทำเนียบหรอก ประท้วงโดยการพูดในการปาฐกถานี้ก็ได้เหมือนกัน ผู้หลักผู้ใหญ่เขาอ่านแล้วก็ว่าพระท่านยังเห็นอกเห็นใจป่า เรานี่จะไม่เห็นอกเห็นใจป่ามันก็กระไรอยู่ ต้องช่วยกันหน่อย มันเป็นอย่างนี้เอามาเล่าให้ฟังไว้
ในแง่ธรรมะเราก็มองเห็นว่าความไม่เที่ยงแต่ความไม่เที่ยงที่เกิดขึ้นจากความมักง่ายมันเสียหาย ไอความไม่เที่ยงตามธรรมชาติมันเป็นของมันเองเป็นตามธรรมชาติ สิ่งทั้งหลายเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ นี่ไม่เป็นไรแต่ว่าคนเร่งให้มันเปลี่ยนนี่มันทำให้เสียหาย เช่นเปลี่ยนป่าให้เป็นทุ่งโล่ง เปลี่ยนกระแสน้ำให้เป็นน้ำแห้งเพราะไม่มีป่า ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูการ น้ำซึ่งไหลออกจากป่ามันก็ไม่มีจะไหลก็ป่ามันแห้งไปซะหมดแล้ว อันนี้เรียกว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงเหมือนกันแต่เปลี่ยนแปลงจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนที่ชอบทำลาย ในประเทศหลายประเทศที่ได้รับผลจากกรรมส่วนนี้ กรรมของพระพุทธเจ้าที่ท่านเทศน์ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มุมมองมันกว่าไม่ใช่เฉพาะแต่เกิดกับผู้กระทำเท่านั้น ถ้าทำอะไรที่เป็นการทำลายประโยชน์ความสุขส่วนร่วมผลมันก็กระทบกระเทือนคนจำนวนมาก เช่นการทำลายป่านี้ก็เป็นกรรมประเภทหนึ่งที่ทำด้วยความจงใจ ผลที่เกิดขึ้นก็คือฝนแล้ง น้ำท่วม น้ำท่วมก็เพราะฝนตกไม่มีป่าอุ้มน้ำ มันก็ไหลเร็ว ไหลเร็วก็เกิดน้ำท่วม ทีนี้ไม่มีป่าดูดมันก็ทำให้ฝนไม่ตก ตรงไหนเป็นป่าหนาทึบ เราเข้าไปนั่งดูในป่าที่หนาทึบๆมันเย็น ต้นไม้ติดครึ้มนี่เข้าไปนั่งละก็เย็น สมัยเมื่อเด็กๆนี่ไปกับคุณโยมเดินผ่านป่าใหญ่ เย็นแล้วก็จะเย็นมาก เย็นจนเดินอยู่ข้างหลังวัวควาย โยมเดินข้างหน้า เรามันเล็กๆเดินตามหลัง เอ๊ะชักจะกลัว กลัวเสือกลัวช้างกลัวหลายอย่าง แต่ไม่กล้าพูดว่ากลัว กลัวคุณโยมจะดุเอาว่า อะไรเป็นผู้ชายจะกลัวอะไร เลยไม่กล้าพูดบอก กลัวไปงั้น กลัวเรื่อยๆไป แต่ด้วยที่มันเย็นแล้วได้ยินเสียงพวกจิ้งเรไรมันร้อง ร้องก้องป่า มันก้องไปไกลเสียงมันไกล ฟังแล้วมันวังเวงพิกลนะ เดียวนี้ไอป่าแบบนั้นไม่มีแล้ว ไปเดินไม่ได้แล้วมันหมดไปเสียแล้ว นึกถอยหลังไปดูมันเปลี่ยนแปลงมากเหลือเกิน ทำลายกันมากเหลือเกิน อันนี้เป็นตัวอย่างเช่นว่า ทางจากทางไปโคราชเนี่ยไปทางเค้าเรียกว่าปากช่องแล้วก็ไปเรื่อยไปถึงโคราช สมัยก่อนมันดูใหญ่ทีเดียวเค้าเรียกดงพญาไฟ ดงพญาไฟนี่เป็นดงใหญ่มากแล้วก็ไข้มาลาเรียก็ชุกชุม แต่เดียวนี้ทีหลังเขาเปลี่ยนชื่อเป็นดงพญาเย็นเพราะว่าสมัยตัดรถไฟไปโคราชเนี่ย คนไปป่วยด้วยโรคมาลาเรียตายกันมาก
ในหลวงท่านจึงไปเปลี่ยนชื่อว่าไม่ใช่ดงพญาไฟ ดงพญาเย็นพูดให้มันเป็นมงคลหน่อย แล้วมันก็เย็นสมชื่อด้วย พอบ่ายสี่โมงน้ำค้างตกแล้ว แล้วไม่ใช่ตกเล็กเล็กน่ะ มันตก แปะๆใส่ใบไม้แห้ง มันเย็นถึงขนาดอย่างนั้น กลางคืนไปนอนโอ้โหเย็นเจี๊ยบเลยคนมันถึงเป็นไข้ได้ง่าย เป็นมาลาเรียได้ง่าย เดียวนี้เป็นอย่างไรท่านนั่งรถไฟผ่านกลางดง เขาเรียกกลางดงที่ขายผลไม้มากมันคือกลางดงเดียวนี้มันกลางอะไร มันไม่มีดงแล้ว มันเป็นกลางทุ่งโล่งไปแล้ว ปลูกต้นไม้เต็มไปหมดดงไม่มีแล้ว แล้วก็รถก็ไปบนภูเขาอีก ภูเขาแถวนั้นมันเป็นหินสลับดิน ถ้าถางหมดแล้วจะเกิดความร้อนอย่างแรง อากาศก็จะร้อนมากทำให้เกิดความลำบากแก่ประชาชน ประชาชนไม่รู้คือไม่คิดให้มันไกลคิดเอาแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า ฉันได้ปลูกข้าวโพด ฉันได้ปลูกมะเขือมะละกอส่งไปขายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปลูกน้อยหนา ปลูกพืชอะไร แต่ว่าอากาศมันก็เริ่มแห้งแต่ถ้าเป็นป่าก็เย็นสบาย เมื่อมันเย็นมันก็ดึงความชื้นมา ความชื้นมารวมอยู่ในที่เย็น ความชื้นมากเมฆมันลอยต่ำมันก็จะมาที่ชื้น พอมาตรงนั้นก็ตกลงบริเวณนั้น ตอนนั้นในปฏิทินบอกว่าฝนตกในป่าหิมพานต์ ๖oo หาบ ตกในป่าหิมพานต์มากที่สุด ตกในมหาสมุทรไม่มากเท่าไรให้สังเกตดู จะได้รู้ว่าป่าเรียกฝนได้ เอาฝนมาตกในป่าได้เป็นจำนวนมากกว่าตกในทุ่งในนาหรือตกในมี่มหาสมุทร แต่เมื่อตกในป่ามันก็ไหลเรื่อยลงมาตามลำดับ มาช้าๆแล้วก็มาถึงทุ่งนาเป็นประโยชน์ ทุ่งนาแถวอยุธยา สุพรรณบุรี สิงบุรี อุทัย ชัยนาท ต้องอาศัยน้ำจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ซึ่งตั้งต้นจากภูเขาในจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ต้นน้ำเหล่านี้กำลังถูกทำลายมาก ถูกทำลายมากต่อไปน้ำจะน้อยแม้ทำเขื่อนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพราะน้ำข้างบนไม่มาเขื่อนมันจะมีราคาอะไร มันก็เป็นแต่เพียงโขดหิน โขดซีเมนต์สำหรับให้คนไปเดินดูให้เหงื่อไหลไคลย้อยเท่านั้นเอง เขื่อนจะไม่เป็นประโยชน์ อ่างน้ำก็จะไม่เกิดประโยชน์ เพราะว่าป่าที่จะเรียกน้ำมันไม่มี หมดเสน่ห์เสียแล้วฝนไม่แวะเยี่ยมประเทศไทย เราก็จะเดือดร้อนกันไปตามๆกัน คนไม่ค่อยคิดในเรื่องอย่างนี้ ไม่ค่อยรู้ในเรื่องอย่างนี้ แล้วก็ไม่มีใครไปพูดอธิบายจ้ำจี้จ้ำไช พูดในวิทยุก็ไม่ได้คนมันไม่ฟังประไร แต่ว่าต้องไปประชุมคนในบริเวณนั้นบริเวณที่มีอาชีพทำลายป่า เอามาประชุมอธิบายมีภาพมีอะไร แสดงเป็นภาพ อ่านสไลด์บ้างอะไรบ้าง ให้ดูความแห้งแล้งของประเทศต่างๆในแอฟริกา ดูคนที่พุงป่องก้นปอดเห็นแต่ซี่โครงลำบากยากแค้นเพราะฝนไม่ตก ๓ ปี ในบางประเทศในแอฟริกาฝนไม่ตก ๓ ปี เราลองคิดดูว่าฝนไม่ตก ๓ปีมันจะอยู่กันอย่างไร จะลำบากขนาดไหน วัว ควาย แพะ แกะ เดินตามทะเลทรายล้มลงตาย ตายแล้วก็ทิ้งกระดูกไว้ในทะเลทราย ไม่มีใครเอาไปกิน มันออกมาไม่ได้มันร้อนจะตาย ตกนรก พวกนั้นอยู่ในนรกอเวจี มันร้อนจน (48.03) ใครเป็นผู้ตามนรก ก็คนในสมัยหนึ่งช่วยกันสร้างนรกคือการทำลายป่าให้มันราบเรียบลงไป ผลก็ตกลงมาถึงยุคลูกยุคหลาน นี่เรายังไม่ค่อยได้รับผลเท่าใดเวลานี้ แต่ว่าลูกเราหลานเราเหลนเราจะเกิดปัญหาต่อไปข้างหน้า
ประเทศไทยจะเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง แล้วจะกันดาร เหมือนกับความแห้งแล้งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเวลานี้ นั้นก็แห้งแล้งเต็มทีแล้ว ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือหน้านี้ละก็ต้องสู้กับฝุ่นกับความร้อนอย่างมากมายเพราะว่าป่ามันไม่ค่อยมีแล้ว มีก็เล็กๆน้อยๆเหลือไม่กี่ต้น ป่าใหญ่ๆมันหมดไปก็คนช่วยกันทำลาย นี่คือปัญหาใหญ่ของชาติบ้านเมืองของเราที่ควรจะวิตกกังวลกันและควรจะทำความเข้าใจกันในเรื่องอะไรต่างๆเหล่านี้แล้วก็ช่วยกันรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อไป วิทยุเขาก็พูดบ่อยๆแต่ว่ามันไม่ได้ผลเท่าไรเพราะคนพวกนั้นอาจจะไม่ค่อยฟังวิทยุเรื่องป่าไม้ก็ได้ มันจะเปลี่ยนไปฟังลิเกเจ้าของสถานีไหนก็ได้ หรือว่าฟังเพลงอะไรที่มันสนุกๆอะไรก็ได้ เพราะวิทยุเราไม่ได้ออกซ้ำซากเสมอไปในเรื่องอย่างนั้น มันต้องไปพูดกันกับคนเหล่านั้นทำความเข้าใจกันแล้วก็ควบคุมให้อยู่ ให้มีที่ทำกินเฉพาะ ส่งเสริมให้เค้ามีที่ทำกินอย่าให้ทำลายภูเขา อย่าให้ทำลายป่าให้มันเกิดความเสียหายจึงจะเป็นประโยชน์แก่ลูกหลานในอนาคตต่อไปอันนี้เป็นเรื่องที่ได้พบเห็นมาแล้วมันก็อึดอัดอยู่ในใจ เอามาระบายให้ญาติโยมฟังซะหน่อย มันจะได้ระบายไม่ระบายแล้วมันจะระเบิดออกมา มันก็เป็นปัญหาอีกเหมือนกันแหละ แล้วมาพูดให้มันรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ เราคบใครก็พูดๆต่อๆกันไปในเรื่องต่างๆให้มันดังไป ช่วยกันพูดให้เข้าหูคนมากๆมันก็จะเป็นประโยชน์แก่ชาติแก่บ้านเมืองต่อไป นี่เป็นเรื่องสำคัญ ถามว่าวันที่ ๑๔ นี้ก็มีการประชุมพระสงฆ์ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ที่วัดเบญจมบพิตร อาตมาก็ได้รับเกียรติให้ไปเป็นวิทยากรก็เลยพูดให้ท่านฟังในเรื่องบางอย่างบางประการ แต่ว่ายังไม่จุใจพูดไม่ได้เต็มอัตราศึกที่ต้องการหรอก เพราะเหตุว่าเจ้าคุณสมเด็จพระสังฆยาท่านนั่งฟังด้วยพูดมากก็ไม่ได้ ท่านเป็นอาจารย์ที่เคยสอนบาลีอะไรต่ออะไรมา เราว่ามากก็เกรงใจท่าน ก็เลยต้องเรียกว่าไม้นวมพอสมควรไม่กล้าใช้ไม้แข็งในวันนั้น เพราะว่าเกรงใจท่านท่านนั่งอยู่นี้ ถ้าท่านไม่นั่งก็จะว่าได้เต็มที่หน่อยในเรื่องหลายอย่างหลายประการ แต่ก็พูดนานพอสมควร หนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที อัดเทปไปเรียบร้อย เมื่อตะกี้เปิดเสียงให้ฟังนิดหน่อยถ้าญาติโยมจะเอาเทปไปฟังดูก็ได้ว่าอาตมาพูดว่าอย่างไร ติดต่อที่มาเพี่ยง แต่มันเกินม้วนต้องใช้เทปสองม้วน เพราะว่ามันอยู่ในครึ่งหนึ่งของม้วนหนึ่งแล้วก็อัดอันอื่นใส่ไว้ให้ก็เรียกว่าพอดีเอาไปเปิดฟังว่าพูดอะไร
มีหลายเรื่องที่จะพูดแต่พูดไม่ได้ก็เกรงใจเจ้าคุณสมเด็จท่านนั่งอยู่นั้น ก็เอาไว้โอกาสอื่นค่อยพูดกันใหม่ เค้ายังจะให้ไปพูดกับเจ้าคณะอำเภอตามต่างจังหวัดอีกค่อยไปเทศน์ไว้ที่อื่นแล้วค่อยอัดเทปมา เปิดตะแลงตะแลงกันต่อไป ก็พูดแนะแนวทางว่าควรจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร ควรจะช่วยแก้ไขอะไรในสิ่งฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่ายในการทำบุญที่มันไม่ค่อยจะเป็นบุญอะไรต่างๆนี่เราต้องช่วยกันแก้ไขอย่าวางเฉยเพราะเดียวนี้ศัตรูมีรอบด้าน ศัตรูภายในคือกิเลส ศัตรูภายนอกก็คือข้าศึกทางการเมือง แม้ทางศาสนาก็มีศัตรูเพราะว่าศาสนาอื่นกำลังโจมตีพุทธศาสนาในรูปต่างๆ เขาแอบโจมตีไม่ให้เราได้ยินแต่ก็โจมตีเรื่อยไปที่นั้นที่นี่เพื่อให้คนไปเข้าศาสนาของเขาแล้วจะได้เป็นพวกเขาต่อไป นี่ก็เรียกว่าเป็นการโจมตีเพื่อทำลายพระพุทธศาสนาในรูปหนึ่งเหมือนกันแล้วบางทีก็มีการฉ้อฉลเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าไปใช้ แล้วก็บอกว่าอันนี้พระพุทธเจ้ารู้เพราะพระผู้เป็นเจ้าดลบันดาลให้รู้ พระผู้เป็นเจ้าที่ไหนมาดลให้พระพุทธเจ้ารู้ พระองค์พยายามทำความเพียรกันตั้งหกปี ถ้าพระผู้เป็นเจ้าจะให้รู้ก็ไม่ต้องให้ไปอดข้าวอดน้ำอยู่ในป่า ไปถึงคืนแรกก็รีบมาบอกซะเลยจะได้สบายใจ เหมือนกับพระนบีมูฮัมมัดพระผู้เป็นเจ้ามาบอกไวไว ไปนั่งคืนเดียวพระผู้เป็นเจ้ามาบอกแล้ว เรียกว่ามาไวเหลือเกิน มาบอกว่าเจ้าจงลุกขึ้นประกาศธรรมะ เอาหนังสือมาให้อ่าน เทวดา เทวดากาเบียลมาถึงถือหนังสือให้พระนบีอ่านบอกว่าออกประกาศธรรม แกก็ประกาศเรื่อยไปแต่ว่าประกาศขรุขระไปตามเรื่อง เพราะพระผู้เป็นเจ้าดลบันดาลให้รู้ไว ละเยซูก็ช้าเหมือนกันนะต้องไปทำความเพียรอยู่ในป่าสี่สิบห้าวันพระผู้เป็นเจ้าจึงบอกให้รู้ท่านจึงมาสอน แต่ให้สอนได้เพียงสามปีก็จับตึงไม้กางเขนซะแล้ว แล้วก็เวลาจะถูกจับท่านก็แหงนหน้าขึ้นสวรรค์ แล้วบอกว่า โอ้พระบิดาทำไมทอดทิ้งข้าพเจ้า แสดงว่าแกเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้ามีแต่ว่าทอดทิ้งให้เขาจับไปตึงไม้กางเขนทำไม แต่ว่าพวกคริสเตียนเขาบอกว่าพระเยซูถูกตึงไม้กางเขนเพราะจะถ่ายบาปมนุษย์ ช่วยถ่ายบาปมนุษย์มันถ่ายได้อย่างไร ตัวเองยังถ่ายตัวเองไม่ได้เลยไปถ่ายคนอื่นได้อย่างไร ตัวถูกตึงไม้กางเขนตายดิ้นแด่วๆตายไม่เป็นสุขแล้วจะไปช่วยถ่ายของคนอื่นได้อย่างไร มันเป็นอย่างนี้ แต่ว่าไปสอนพวกกระเหรี่ยงสวนผึ้งราชบุรีได้ พวกนั้นมันไม่รู้เรื่องอะไร ไปสอนพวกในป่าในดง ไอพวกในเมืองถ้ามีความรู้ไปนับถือมันก็เรื่องอื่นนะมันก็ต้องการไปได้ภรรยาเป็นคริสเตียนก็เลยไปเข้าพวกเขา
เมื่อวานไปราชบุรีเจ้าคุณเล่าให้ฟังว่ามันบวชที่วัดผม แล้วมันไม่แต่งงงานกับผู้หญิงครอบครัวคริสเตียน วันแต่งงานก็แต่งเอาพระไปสวดมนต์เหมือนกัน เมียมันก็ยอมเหมือนกัน แต่พอแต่งแล้วอยู่มาสักปี มันเป็นคริสเตียนแล้วมันโจมตีว่ามันบวชแล้วแต่มันไม่ได้อะไร พอมาเป็นคริสเตียนแล้วก็ได้ ก็มันได้เมียนั้นแหละไม่ได้ได้อะไร เรียกว่าบวชที่วัดแล้วมันไม่ได้เมียก็ไม่ได้อะไร แต่พอไปเป็นคริสเตียนมันก็ได้เมีย ได้ลูกเมีย แต่มันไม่พูดยังงั้น มันพูดว่าบวชอยู่ที่วัดไม่ได้อะไรแต่พอมาถือคริสเตียนแล้วมันก็ได้มันไม่ต่อให้ชาวบ้านคิดเอาเองว่ามันได้อะไร คือมันได้เมียไม่ได้ได้อะไร คนอย่างนี้มันใช้ไม่ได้ มันไม่ได้เรื่องอะไร มันไปถือว่าอยากได้เมีย อยากได้เงินงานบ้าง อยากจะได้เงินบ้าง เขาก็เอาเงินมาทุ่มลงไปเพื่อให้คนไปนับถือ มันก็เป็นอย่างนั้น ของเราไปสอนต่างประเทศนั้นเราไม่ได้ทุ่มอะไรเอาปัญญาเข้าใส่เลยทีเดียว เขาก็ยอมรับนะว่าฝรั่งมังค่าที่มันเป็นปัญญาชนมันก็ยอมรับ เพราะพรุพุทธศาสนาเป็นคำสอนสำหรับคนมีปัญญา คนที่ยังขาดปัญญามันก็อย่างนั้น ยังไม่เข้าถึงเนื้อแท้อะไร แต่พวกมีปัญญาเขารับง่ายเขาปฏิบัติง่าย เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงกว้างขวางออกไปในประเทศยุโรปเวลานี้ ออกไปเรื่อยๆไม่ต้องลงทุนอะไร ไม่ต้องทำอะไร สอนเขาให้เขาเข้าใจ เขาก็ปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วก็เห็นผลเขาเสื่อมใสของเขาเองเรื่องมันเป็นอย่างนี้ เอามาคุยสู่กันฟังวันนี้ซะหน่อย ก็พอสมควรแก่เวลาขอจบไว้เพียงเท่านี้ จากนี้ไปก็ขอเชิญญาติโยมนั่งสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที