แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ต่อนี้ไปขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟังตามสมควรแก่เวลา วันนี้มาสายเล็กน้อยเพราะว่าเมื่อเช้านั่งรถไฟมาจากหลังสวนมาลงที่สามเสนก็ไม่ได้มาวัด ไปสถานีโทรทัศน์ ออกโทรทัศน์เสร็จแล้วก็มายังไม่ได้ฉันอะไร มาถึงก็รีบฉันเสียเล็กน้อยกล้วยน้ำละหว้าสองผล ขนมเค้กชิ้นหนึ่ง นมถ้วยหนึ่ง แล้วจึงมาเทศน์ให้ญาติโยมฟัง จึงช้าไปสี่ห้านาที ไม่เป็นไป ฟังอะไรกันต่อไป
เรื่องของพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศานา ที่เราถือว่าเป็นรัตนะอันหนึ่งในสามรัตนะ รัตนะสามคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสิ่งสูงสุดที่ชาวพุทธเราจะต้องเคารพสักการะบูชาด้วยใจ เป็นสิ่งที่เราควรเอามาเป็นดวงประทีปนำทางชีวิต พระธรรมเป็นดวงประทีบส่องทางชีวิต ในคำบาลีที่เราสวดจึงสวดว่า ธัมโม ปฏิโปวิยะ สัตตะสัตตุนุ (01.40) พระธรรมของพระศาสดาสว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป เป็นแสงสว่างทางจิตวิญญาน เป็นแสงสว่างที่นำเราให้เดินไปถูกทางถ้าเราใช้ แต่ถ้าเราไม่ใช้แสงสว่างนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์แก่เรา หรือเราไม่ปฎิบัติแสงนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์ ฉะนั้นเราจะต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำของเรา ในชีวิตประจำวันเรานั้นหากได้ใช้ธรรมะไว้เราจะปลอดภัยทั้งภายในและภายนอก ภัยภายในก็คือภัยที่เกิดขึ้นจากกิเลสประเภทต่างๆ ที่รบกวนจิตใจ ภัยภายนอกก็คือเกิดจากบุคคลที่จะมาทำร้ายเรา แต่ถ้าเรามีธรรมะเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกัน ภัยอันตรายข้างในจะไม่เกิด ข้างนอกก็จะไม่เกิด ภัยข้างนอกมันเกิดจากภัยข้างใน ถ้าเรามีภัยข้างในภัยข้างนอกก็จะเกิดตามมา แต่ถ้าเราไม่มีภัยข้างในภัยข้างนอกก็จะไม่มี เช่น คนที่ถูกฆ่าถูกทำร้ายจนถึงตายก็แสดงว่ามีภัยข้างในแล้วก็มีภัยข้างนอกตามมา ภัยข้างในในตัวบุคคลนั้นก็คือมีความโลภ ความโกธร ความหลง หรือมีความริษยา มีความพยาบาทอาฆาตจองเวร มุ่งร้ายหมายขวัญต่อบุคคลคนอื่น หรือว่าดำเนินวิธีการตัดทอนคนอื่นในแง่ต่าง ๆซึ่งทำให้เขาเสียหาย ให้เขาได้รับทุกข์อันตราย คนเราเมื่อมีความทุกข์หนักขึ้นก็ย่อมจะคิดอะไรไม่ออก หากเมื่อรู้ว่ามีใครเป็นตัวการให้เกิดความทุกข์ก็ต้องทำลายสิ่งนั้น เหมือนรู้ว่างูพิษจะกัดเราคนก็ต้องตีงูนั้นให้ตายตัวก็จะได้ปลอดภัย คนที่ทำร้ายคนอื่นเป็นพิษแก่คนอื่น ตัวก็จะถูกทำร้ายตัวก็จะเกิดพิษเกิดภัยขึ้นได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นข่าวที่เขาฆ่ากันทุกแห่งมันเกิดจากพวกเหล่านั้นมุ่งร้ายหมายขวัญกันทำร้ายกัน
ได้สนทนากับชาวเมืองเพชรเมื่อวาน บอกว่าเมืองเพชรชื่อน้ำตาลหวานขนมหม้อแกงดีแต่คนฆ่ากันมากเหลือเกิด แต่ชาวเพชรก็แก้ตัวว่าถ้าไม่เข้าในวงยุทธจักรก็จะไม่ถูกฆ่าเลย คนที่เขาไม่อยู่ในวงยุทธจักรก็อยู่ปลอดภัยอยู่จนแก่ตายไปเองทั้งนั้น แต่ถ้าเข้าไปในวงยุทธจักรแล้วก็จะเกิดเรื่อง เพราะว่ามีคู่ฆ่าคู่อาฆาตกันมีคู่แค้นคู่ฆ่ากัน มีการขัดประโยชน์กันเสียประโยชน์กันก็ฆ่ากัน อันนี้แสดงว่าภัยข้างในมันเกิดขึ้นในใจแล้วก็ส่งผลออกมาเป็นภัยข้างนอกจึงได้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่มีธรรมะเป็นเกราะป้องกันตัวจะไม่มีภัยใดๆ เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้น คือเขาจะไม่คิดชั่ว ไม่คิดด้วยอำนาจความโลภ ไม่คิดด้วยอำนาจความโกธร ไม่คิดอะไรด้วยอำนาจความหลง เขาจะไม่ริษยาใครและไม่เบียดเบียนใครในแง่ใดๆทั้งหมด จะทำให้คนทุกคนที่อยู่ร่วมโลกกันนี้มีความสงบใจสบายใจ มีความคิดอยู่ในใจว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่ามีเวรอย่ามีภัยอย่าได้เบียดเบียนแก่กันและกันเลย อันนี้เราคิดด้วยธรรมะ เมื่อคิดด้วยธรรมะอย่างนี้จะไม่มีใครเกลียดเราเพราะเราไม่เกลียดกัน ไม่มีใครโกธรเราเพราะเราไม่โกธรกับใคร ไม่มีใครคิดจะทำร้ายเราเพราะเราไม่คิดทำร้ายใคร มันก็มีความปลอดภัยด้วยประการทั้งปวงเพราะไม่มีกิเลสรบกวนจิตใจ การที่จะไม่ให้กิเลสรบกวนจิตใจนั้นเราก็ต้องนำธรรมะมาเป็นหลักใจไว้ คือเอาธรรมะมาตั้งไว้ในใจมีความตั้งใจมั่นอยู่เสมอว่าเราจะประพฤติธรรมอย่างนั้น จะประพฤติธรรมอย่างนี้ตลอดเวลา ถ้าเราได้ตั้งใจว่าเราจะประพฤติธรรมและทำตามความตั้งใจนั้นด้วยความอดทนด้วยความบากบั่น ด้วยการบังคับตัวเอง ด้วยความตั้งใจจริง ธรรมะนั้นก็จะอยู่กับเรา เมื่อธรรมะอยู่กับเราก็เรียกว่าป้องกันเรารักษาเราให้อยู่รอดปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น ผู้ที่ประพฤติธรรมนี้จะมีอายุยืนจะมีผิวพรรณผ่องใส จะปราศจากโรคทางกายทางใจเพราะธรรมะช่วยป้องกันไว้ อะไรๆก็จะเป็นในทางที่เรียบร้อยดีงาม ด้วยอานิสงค์แห่งการประพฤติธรรม โดยเฉพาะสังคมเราในยุคปัจจุบันนี้ ไม่ว่าประเทศใดๆมีปัญหาเกิดขึ้นมา ปัญหาเรานั้นเกิดจากจิตที่ไม่มีธรรมะ ไม่เอาธรรมะเป็นหลักคุ้มครองจิตใจ แม้จะประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือศาสนานั้นศาสนานี้แต่เขาไม่ได้เข้าถึงธรรมะในศาสนา เมื่อไม่เข้าถึงธรรมะในศาสนาใจก็ไม่มีศาสนาเพราะไม่มีธรรมะเป็นหลักคุ้มครองจิตใจ
แต่ถ้าเป็นผู้เข้าถึงธรรมะในศาสนาอย่างแท้จริงแล้ว ความรังเกียจเดียดฉันท์กันในระหว่างศาสนาก็จะไม่มี จะไม่มีการถือเขาถือเรา ถือชาตินั้นชาตินี้ศาสนานั้นศาสนานี้ นิกายนั้นนิกายนี้ ผิวนั้นผิวนี้ มันหายไปเพราะใจนั้นเป็นธรรม ใจที่เป็นธรรมนี้มันเหมือนกันหมด ไม่ว่าร้อยใจพันใจหมื่นใจแสนใจล้านใจมันก็เหมือนกัน เพราะเป็นใจที่เข้าถึงธรรมะมีสภาพเหมือนกัน คือมีสภาพสะอาด มีสภาพสว่าง สงบอยู่ตลอดเวลาใจที่เป็นธรรมะอย่างนั้น คนล้านคนมีใจเป็นธรรมะอยู่ด้วยกันก็เหมือนกับว่าอยู่คนเดียว คือใจมันเป็นอันเดียวกันเขาก็อยู่กันสบายเพราะคิดตรงกัน ทำตรงกัน พูดตรงกัน มีลักษณะใจเหมือนกันก็ไม่มีความแตกต่างกันในระหว่างคนเหล่านั้น แต่ว่าคนสองคนมีใจแตกต่างกันเพราะมีกิเลสประจำใจ คนหนึ่งมีความโลภ คนหนึ่งมีความโกธร คนหนึ่งมีความริษยา คนหนึ่งมีความหลงอะไรอย่างนี้ ใจมันมีกิเลสมันเห็นคนอื่นไม่เหมือนกับตน แล้วก็นึกว่าตนไม่เหมือนคนอื่น มีมานะมีทิฐิมีความถือตัวจัด สำคัญตนว่าดีกว่าเขา ร่ำรวยกว่าเขา ฉลาดว่าเขา เก่งกว่าเขา ก็เกิดอาการดูหมิ่นบุคคลอื่น แล้วก็เข้าร่วมกับคนเหล่านั้นไม่ได้เพราะใจมันมีกิเลสเป็นของกั้นไว้ แต่ถ้าใจมีธรรมะเข้ากับคนได้หมดไม่มีการรังเกียจเดียดฉันท์กันในระหว่างคนเหล่านั้นจึงถือว่าเป็นพี่น้องกัน ความเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริงนั้นก็เป็นพี่น้องโดยการประพฤติธรรม มีธรรมะเป็นหลักคุ้มครองจิตใจก็ใจเป็นอันเดียวกัน อยู่กันด้วยความสุข อยู่กันด้วยความสงบ ในครอบครัวสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันถ้ามีธรรมะด้วยกันทั้งสองฝ่ายจะมีแต่ความสุขความสงบ จะไม่มีการแตกแยกแตกร้าวจะไม่มีการหย่าร้างในระหว่างคนทั้งสองนั้น แต่จะอยู่กันจนแก่จนเฒ่าเหมือนคนโบราณว่าขอให้อยู่กันจนแก่จนเฒ่าถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรให้พรไปอย่างนั้น คือให้อยู่กันนานๆไม่แตกแยก การแตกแยกนั้นก็เพราะว่าไม่มีธรรมะในใจ ไม่เข้าถึงธรรมะ แต่มีกิเลส เช่น มีทิฐิถือตัวจัด ไม่ยอมฉันไม่ยอม อีกคนหนึ่งว่าข้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน สองคนนั้นไม่ยอมกันเลยเถียงกันจนหน้าดำตาแดง เถียงกันบ่อยๆ พูดขัดคอกันบ่อยๆ เลยระหองระแหงทำให้เกิดรำคาญใจเมื่อรำคาญใจหนักเข้าก็นึกว่าอยู่กันไปก็ไม่มีความสบายเลยหย่ากัน แยกออกจากกันไปหาคนอื่นต่อไป
การกระทำเช่นนั้นเป็นการแสดงถึงน้ำใจว่าขาดธรรมะไม่มีธรรมะเป็นเครื่องคุ้มครองจิตใจ แม้จะเคยไปวัดอยู่บ้างแต่ว่าไม่ได้ไปเพื่อศึกษาธรรมะ ไม่ได้ไปเพื่อปฏิบัติธรรมะ ไม่ได้ไปรับกระจกจากหลวงพ่อเหล่านั้นมาส่องดูตัวเองเพื่อให้เห็นตัวเองชัดเจนแจ่มแจ้ง แล้วจะได้ชำระชะล้างจิตใจที่มันขาดธรรมะให้เป็นจิตใจที่มีธรรมะ หรือว่าสร้างพระธรรมขึ้นไว้ในใจ ไม่ใช่สร้างพระคัมภีร์ไปแจกวัดนั้นวัดนี้ สิ่งนั้นเขาสร้างกันอยู่บ่อยแล้วแต่ว่าไม่สร้างพระธรรมขึ้นไว้ในใจ การสร้างคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด วิเศษที่สุด ก็คือคัมภีร์ธรรมที่อยู่ในใจของเรา เอาร่างกายของเราเป็นตู้ใส่พระคัมภีร์ เอาใจของเราเป็นที่จารึกพระคัมภีร์ไว้ในใจตลอดเวลา นั่นคือยอดสร้างยอดพระธรรมที่เราสร้างขึ้นไว้ในใจ ถ้าเราสร้างพระธะรมขึ้นไว้ในใจเราก็มีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ เรามีพระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ พระรัตนตรัยสามอย่างนั้นมีอยู่ครบในตัวเรา เพราะเรามีพระธรรมเมื่อเรามีพระพุทธ เรามีพระสงฆ์ แต่ถ้าเราไม่มีพระธรรมเราไม่มีสักอย่าง พระพุทธก็ไม่มี พระธรรมก็ไม่มี พระสงฆ์ก็ไม่มีเพราะไม่มีตัวธรรมะอยู่ในใจ แม้เราจะมีพระเครื่องห้อยคอจนหนักแต่ว่าเราไม่มีพระธรรมในใจพระเครื่องเหล่านั้นก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ คุ้มครองอะไรเราไม่ได้ เพราะวัตถุนั้นคุ้มครองไม่ได้ แต่ธรรมะซึ่งเป็นคุณค่าทางใจเป็นสิ่งคุ้มครองได้จริงๆ เห็นคนเราไม่ค่อยแสวงหาธรรมะ หรือไม่ค่อยจะแจกธรรมะกัน ชอบแจกวัตถุชอบหาวัตถุมาให้กัน โฆษนาแต่เรื่องวัตถุว่าศักดิ์สิทธิ์ ว่าวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่พูดโฆษนาชักจูงธรรมะให้คนได้เข้าถึงธรรมะ พ่อแม่เป็นคนหลงในเรื่องใดจูงลูกให้หลงไปในเรื่องนั้นต่อไป เมื่อเช้าไปยืนอยู่หน้าสถานีโทรทัศน์ช่องห้า เพราะว่าเวลายังไม่ถึงไปก่อนใครๆ ก็เห็นแม่กับลูกสองคนถือดอกไม้พวงมาลัยมา มายืนอยู่ตรงนั้น เขาก็เข้าไปที่พระพรหมที่เขาปั้นไว้หน้าโรงแรมเอาลูกชายไปไหว้พระพรหมด้วยแม่ก็ไหว้ด้วย ไหว้พระพรหมเสร็จแล้วมาไหว้รูปพระพิฆเนศซึ่งเป็นรูปคนครึ่งสัตว์เขาประดิษฐานที่นั่นด้วย ไหว้มันตั้งสองอย่าง อาตมาดูแล้วก็นั่งคิดยืนคิดว่านี่แม่หลงแล้วยังจูงลุกให้หลงด้วย แม่งมงายแล้วยังจูงลูกให้งมงายด้วย แม่โง่แล้วยังทำลูกให้โง่ตามแม่ไปด้วย เพราะให้ไปไหว้สิ่งซึ่งไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา
เขาเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาที่รู้ว่านับถือพระพุทธศาสนาเพราะว่ามีพระห้อยคออยู่ตั้งสามองค์ที่คอเขา แสดงว่าเป็นยี่ห้อพุทธเพราะมีพระห้อยคอแต่ว่าไม่รู้จักพุทธะที่แท้ ไม่รู้จักธรรมะที่แท้ ไม่รู้จักสังฆะที่แท้ จึงไปไหว้รูปที่เขาปั้นขึ้น นั่งบนบานศาลกล่าวทุกๆทิศ พระพรหมได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้ พระพิฆเนศได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่พูดบ้าอยู่คนเดียวแล้วก็ทำอยู่อย่างนั้น ลูกก็จะติดไหว้สิ่งนั้นต่อไป เราเป็นพุทธบริษัทควรเอาจะธรรมะเป็นหลักใหญ่ อย่าไปเที่ยวไหว้อะไรต่ออะไรที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาไหว้เฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา แต่ต้องไหว้อย่างผู้มีปัญญา อย่าไหว้อย่างคนปัญญาอ่อนหรือไม่มีปัญญาเอาเสียเลย เป็นเด็กอมมืออยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้อง เช่น ไปไหว้แล้วทำพิธีบนบานศาลกล่าวติดสินบนหลวงพ่อว่าจะเอาอะไรมาให้ถ้าสำเร็จดังใจ นี่เขาเรียกว่าสร้างนิสัยคอรัปชั่นให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เมื่อโทรทัศน์ก็ประกาศบ่อยๆ จงช่วยกันปราบคอรัปชั่นให้สิ้นเพื่อแผ่นดินไทยอยู่รอด อาตมาก็อยากประกาศว่าจงปราบปรามการคอรัปชั่นในศาสนาให้หมดสิ้นเพื่อให้จิตวิญญานจะได้อยู่รอด อยู่รอดไปจากความโง่ ความงมงายความหลงผิดความเข้าใจผิดด้วยประการต่างๆ เราจะต้องแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้หายไปจากจิตใจ อย่าให้ไปทำอะไรที่ไม่ใช่พุทธศาสนา ไม่ใช่สิ่งถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงจะเป็นการถูก เราจึงต้องควรจะช่วยกันประกาศธรรมะให้คนได้รู้ได้เข้าใจ ช่วยกันแจกธรรมะให้เพื่อนฝูงมิตรสหายได้เกิดความรู้ความเข้าใจจะได้มีอะไรถูกต้องอยู่ในใจของคนเหล่านั้น ถ้าเราไม่ช่วยกันก็เรียกว่าเราไม่รักษาพระพุทธศาสนา เหมือนเราทำลายพระพุทธศานาถ้าเราเห็นดีด้วยในการกระทำเหลวไหลงมงายไม่ว่าอย่างใดก็เรียกว่าเราร่วมมือร่วมแรงกันทำลายพระพุทธศาสนาให้หมดไปจากจิตใจคน แต่เอาสิ่งที่ไม่ใช่พุทธศาสนาเข้ามาฝังไว้ในจิตใจของคนเหล่านั้นก็เรียกว่าเราทำลายอยู่แล้ว เป็นแนวทางนี้มีพฤติกรรมที่โน้มเอียงไปในทางทำลายสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้นทุกคนทุกแห่งทั่วๆไป เพราะความอยากในทางวัตถุมันรุนแรงคืออยากได้วัตถุแล้วเอาสิ่งซึ่งไม่ใช้ธรรมะไปหลอกลวงคนเหล่านั้นให้หลงเชื่อ ให้เข้าใจผิด ให้รับเอาสิ่งนั้นไว้ในจิตใจ นี่คือการสร้างสิ่งชั่วร้ายขึ้นในจิตใจของคนที่เรียกตนเองว่าพุทธบริษัท โดยไม่เข้าใจพระธรรมความเป็นจริง เป็นเรื่องน่ารังเกียจเป็นเรื่องที่เราไม่ควรจะส่งเสริมสนับสนุนการกระทำในรูปเช่นนั้นแล้วก็ไม่ควรจะชวนใครให้กระทำ มีทางใดที่จะแนะนำเขาได้เราก็ช่วยแนะนำเขาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเป็นการช่วยกันล้างสิ่งโสโครกออกจากวงการพระศาสนา ให้พระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบริสุทธิ์ผุดผ่องดีขึ้น
เวลานี้พระพุทธศาสนาแพร่หลายไปทางตะวันตก ชาวตะวันตกที่มีปัญญาได้มาศึกษาพระพุทธศาสนาเอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน แต่ว่าถ้าเขามาเมืองไทยแล้วเขาคงประหลาดใจ ถ้าเขามาแล้วก็ดูให้ทั่วถึง ไม่ใช่มาอยู่เฉพาะในวัดนั่งๆ ถ้าไปดูให้ทั่วเขาจะประหลาดใจ จะประหลาดใจว่าประเทศไทยนับถือพุทธศาสนามานานเหลือเกินแล้ว ตั้งสองพันกว่าปีก็ว่าได้ นับถือมา แต่ว่าทำไมจึงไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องแท้จริง ทำไมจึงได้ปฏิบัติออกนอกลู่นอกทางห่างไปจากคำสอนของพระพุทธศาสนา ถ้าเขาดูแล้วเขาวิจัยวิจารณ์ขึ้นมาเราจะหน้าละอายกับคนเหล่านั้น อาตมาคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่า พระพุทธศาสนากำลังไปตะวันตกแต่ว่าเรานี้ยังนับถือไม่ถูกไม่ตรงกับหลักพระพุทธศาสนา ที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้นคนไทยที่ไปอยู่ในประเทศยุโรปและอเมริกา พระเราไปสร้างวัดที่นั่นแทนที่จะไปช่วยทำคนไทยให้เป็นพุทธบริษัทที่แท้จริงกลับไปส่งเสริมสิ่งที่ไม่ใช่พุทธศาสนา เวลานี้หลวงพ่อจากเมืองไทยหลายรูปกำลังไปหาลาภผลจากทางอเมริกาด้วยการไปทำให้เขาหลง ให้เขางมงาย ให้เขาเข้าใจผิดในสิ่งที่เรียกว่าพระพุทธศาสนา คือเอาของไม่แท้ไปแจก เอาความงมงายไปแจก คนที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ก็คือคนที่คิดหาลาภผลจากหลวงพ่อที่คนปัญญาอ่อนนับถือไม่ใช่คนปัญญานับถือ คนปัญญาอ่อนนับถือเขาก็หาโอกาส ขั้นแรกก็ส่งหนังสือไปก่อนหนังสือนั้นทั้งเล่มยกย่องแต่หลวงพ่อประเภทขลังๆ ประเภทแจกเหรียญแจกตะกรุด ปลุกเสกทำพิธีต่างๆ นำคนไปดูนรกก็ได้ นำคนไปดูสวรรค์ก็ได้อะไรอย่างนั้นส่งไปให้คนอ่าน …… คนเหล่านั้นไม่ได้สำผัสกับพุทธสาสนาที่แท้ เกิดมาป็นชาวพุทธแต่ไม่ได้เรียนรู้พระพุทธสาสนา รู้จักพุทธศาสนาเพียงที่รองเท้า ที่รองผ้าเช็ดเท้าจึงไม่ได้ขึ้นบันไดขึ้นไปหาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ไปยึดเอาผ้าเช้ดเท้าที่เป็นผ้าขี้ริ้วเปื้อนฝุ่นกระนั้นเองว่าเป็นตัวศานาเพราะมันอยู่หน้าโบสถ์ แล้วยึดเอาสิ่งนั้นไปห้อยคอไว้คนละชิ้นๆ เราอวดตัวว่าฉันนั้นได้ของดีมาจากหน้าโบสถ์วัดนั้นหน้าโบสถ์วัดนี้สนใจเรื่องนั้น เมื่อชื่อเสียงของหลวงพ่อเหล่านี้ดังไปก่อน พอดังไปแล้วพวกนี้ก็จัดทัวร์ จัดทัวร์โดยนำหลวงพ่อไปด้วยเวลาประกาศตัวก็บอกว่ามีหลวงพ่อนั้นไปด้วยมีหลวงพ่อนี้ไปด้วย ไปแล้วส่งข่าวไปทางโน่นให้รู้ว่าหลวงพ่อจะไปแล้ว คนทั้งหลายก็แห่ตื่นเต้นที่จะต้อนรับหลวงพ่อผู้วิเศษศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็มาหามาสู่กันแล้วได้รับของแจกอะไรไปไว้ป้องกันเนื้อป้องกันตัว นี่ได้ข่าวว่าส่งจดหมายไปถึงประชาชนไทยที่อยู่ในอเมริกาว่าคิดถึงคนไทยที่ไปตกอยู่ในอเมริกาเพราะสงครามจะเกิดในเร็วๆนี้แล้ว
ปีหน้าสงครามจะเกิดแล้ว คนไทยอยู่นั้นจะอันตรายจึงได้จะนำของไปแจกในเดือนเมษายนนี้จะนำของเครื่องรางไปแจกเพื่อให้คนไทยอยู่ที่นั่นปลอดภัยไม่ตายด้วยลูกระเบิดปรมาณู มันหนี้ไม่พ้นหรอกมันตายทั้งนั้น เครื่องรางก็ตายได้ทั้งนั้นถ้าลูกระเบิดปรมาณูเกิดมันหนีไม่พ้นแต่จะเอาไปแจก คนเหล่านั้นก็ตื่นเต้นกันที่หลวงพ่อจะไป เตรียมเนื้อเตรียมตัวรับความโง่กันเป็นการใหญ่เลยทีเดียว อันนี้อาตมานั่งนึกในใจว่า โธ่เอ่ยไปอยู่เมืองนอกแล้วยังเอาความโง่บรรทุกเรือบินไปจากเมืองไทยด้วย พวกไปก่อนเอาไปโง่อยู่แล้ว ไอ้พวกอยู่เมืองไทยก็จะบรรทุกหลวงพ่อโง่ๆไปแจกความโง่แก่คนเหล่านั้นอีกต่อไป แล้วจะเรียกประกาศศาสนากันได้อย่างไร มันไม่เข้าท่าเสียเลยที่ไปๆกัน มันควรไปปลุกใจให้มันตื่นตัวเอาพลาสเตอร์ที่ติดตาให้โง่ออกเสียบ้าง ให้เขารูว่าอะไรเป็นอะไร แต่ว่าพูดมากก็ไม่ได้เพราะสมภารแกรังเกียจ เพราะว่าสมภารที่ไปอยู่แถวนั้นหากินทางนั้นทั้งนั้น หากินทางทำคนให้โง่ทั้งนั้น พอเราไปพูดให้ฉลาดแกหาเรื่องเครื่องเสียบ้างอะไรต่ออะไร แกไม่ป่าวร้องคนมาฟังเราก็แย่ไม่มีโอกาสพูดให้คนเหล่านั้นฟัง เพราะเขากันไม่ให้คนฉลาดเพราะฉลาดแล้วหากินไม่ได้ ความจริงนั้นถ้าเราทำให้คนฉลาดเราสบายกว่าเพราะคนฉลาดเขารู้จักทำบุญ เขารู้จักให้ในสิ่งควรให้ เขาไม่ทำสิ่งเหลวไหล ประหยัดไปในตัว แต่ถ้าเขาไม่ฉลาดก็หลอกง่ายต้มง่าย คิดหากินด้วยการหลอกหลวงไม่ใช่พุทธศาสนาไม่ใช่ลูกศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลูกศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเปิดเผยทำให้ตื้นให้เข้าใจถูกต้องไม่เอาสิ่งหลอกลวงไปให้ ไม่เอาฤทธิเดชปาฏิหารไปแจก ไม่เอานรกสวรรค์เข้ามาล่อเพื่อให้คนได้ไปเห็นนรก นรกมันก็อยู่ในตัวเราแล้วชี้ให้เห็นในตัวเราดีกว่า สวรรค์ก็อยู่ในตัวเราไม่ต้องหลับตาดู ถ้าดูก็นรกก็เหมือนฝาผนังข้างโบสถ์ ถามว่านรกเป็นอย่างไรก็มีกะทะทองแดงมีต้นงิ้วอันนี้เขารู้มานานแล้วละลุง เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องหลับตาดูก็ได้มีต้นงิ้วหนามงิ้วใหญ่ๆ เรามองไปในวัตถุเรามองในนรกวัตถุ นั่นคือนรกวัตถุไม่ใช่นรกธรรมะ นรกธรรมะก็คือความร้อนอกร้อนใจเพราะฤทธิ์กิเลส ฤทธิ์ความโลภ ฤทธิ์ความโกธร ฤทธิ์ความหลง ฤทธิ์ของความริษยาพยาบาทอาฆาตจองเวรมันเผาใจให้เร่าร้อน เวลาเราอยากอะไรเราตกนรก อยากไปไหนอยากจะได้อะไรเราก็นั่งตกนรกเถิด แล้วก็ไม่ได้ดั่งใจยิ่งตกหนักเข้าไปอีก เสียอกเสียใจว่าไม่ได้ดังใจ หรือดวงหมู่นี้ไม่ดี ซื้อล๊อตเตอรี่ก็ไม่ถูก เล่นแชร์ก็เปียไม่ได้สักที นี่ร้อนอกร้อนใจ นรกมันอยู่ตรงนี้ไม่ชี้ให้คนเห็นรกนี้ ให้ไปดูนรกบนฟ้าจะเห็นอย่างไร มองไปบนฟ้าก็เห็นแต่ดวงดาวกลางคืนกลางวันมันก็เห็นมัวๆ มันไม่เห็นนรก
แต่ถ้าชี้ลงไปว่านรกมันอยู่ที่คุณร้อนอกร้อนใจ คุณโกธรใครคุณก็ตกนรก คุณริษยาใครคุณตกนรก คุณพยาบาทใครคุณตกนรก คุณไปผิดอาชีพของใครคุณก็ตกนรกด้วยเหมือนกัน มันอยู่ตรงนี้ไม่ชี้ให้เห็น สวรรค์ก็เหมือนกัน สวรรค์ใม่ใช่ของดีพิเศษอะไรพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราทำบุญไปสวรรค์ สวรรค์เป็นแต่เพียงเครื่องล่อนิดๆหน่อยให้พอเพลินเท่านั้นเอง พอเพลินเสร็จแล้วพระองค์ก็ตลบบอกว่าสวรรค์ยังง่อนแง่นคลอนแคลน วิมานตั้งอยู่บนกองแกลบมันจะทรุดพังจมดินไปเมื่อไหร่ก็ได้ มันเต็มไปด้วยทุกข์ด้วยฑูตของสวรรค์แล้วก็ดึงให้ผ่านพ้นสิ่งนั้นไปทำจิตให้พ้นจากกิเลสอาสวะ ให้จิตเป็นอิสระเสรีอย่างแท้จริง นั่นเป็นจุดหมายที่พระพุทธเจ้าต้องการจะสอนเรา ไม่ให้เราไปติดอยู่ในสวรรค์วิมานเหล่านั้น เพราะว่าคนติดสวรรค์มักจะทำเพื่อต้องการสวรรค์ เรียกว่าทำบุญเพื่อกิเลสทำบุญเพื่อจะเอานั่นเอานี่ ที่มีอยู่แล้วก็รักษาไม่ไหวจะเอาแถมเข้ามาอีกมากมายก่ายกองอย่างนี้ก็เรียว่าเป็นบุญที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่เป็นตัวกุศล มันเป็นเพียงแต่บุญนั้นเอง ชื่นใจสบายใจได้ทำอะไรแล้วดีใจจนเนื้อเต้น นั่นเรียกว่าบ้าบุญ ไม่คิดจะออกไปจากสิ่งเหล่านั้นด้วยการฟอกจิตใจให้สะอาดปราศจากสิ่งเศร้าหมองทางใจไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะว่าผู้สอนผู้เทศน์ก็ไม่พยายามชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไรถูกต้องล่อสวรรค์ไว้ให้โยมสร้างสิ่งนั้นแล้วจะได้เกิดสวรรค์มีวิมาน พระบางองค์เก่งเหมือนกันโยมทำอะไรมากๆแล้วแต่อยากให้ทำอีก ก็บอกว่าแหมอาตมาคืนก่อนนอนหลับฝันไปฝันว่าจะได้ขึ้นไปสวรรค์ขึ้นไปจนเห็นวิมานหลังคาระยิยระยับประดับด้วยเพชรพลอยสวยงามสูงหลายชั้น แล้วก็มีเทวดานั่งเฝ้าอยู่องค์หนึ่งเลยถามว่าวิมานนี้เป็นของใครเทวดาบอกว่าเป็นของคนชื่อนั้น คือโยมคนนั้นคือโยมคนที่แกคุยด้วยนั้นเอง บอกว่าชื่อของคุณโยม สมมุติว่าโยมคนนั้นชื่อแม่จันทรา บอกว่านี่เป็นวิมานของคุณแม่จันทรากำลังมารออยู่แล้ว คุณแม่จันทรายังไม่มาเกิดให้อยู่ทำบุญเพิ่มเติมต่อไปแล้ววันหนึ่งก็จะได้มาเกิดในวิมานนี้ แล้วบอกว่าท่านจากเมืองมนุษย์ใช่หรือไม่ ตอบว่าใช่มาจากวัดเมืองมนุษย์อยากจะดูวิมานของแม่จันทราว่ามีอะไรบ้าง เมื่อเข้าไปดูในวิมาน วิมานยังว่างอยู่ ห้องนอนก็ไม่มีเตียงนอนไม่มีหมอนไม่มีเครื่องใช้ไม้สอย วิทยุก็ไม่มี โทรทัศน์ก็ไม่มี เครื่องทำความอุ่นก็ไม่มีในวิมาน ห้องน้ำก็มีแต่ห้องเฉยๆไม่มีน้ำยังไม่ได้ต่อประปาเข้าไปในวิมานเลยแม้แต่น้อย บอกให้คุณโยมทราบ โยมเมื่อฟังแล้วทำยังไงดีเจ้าค่ะ ก็ต้องบริจาคเตียง บริจาคผ้าห่มนอนหมอน บริจาคอ่างน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ โยมก็เมาวิมานก็ต้องบริจาคไปทำให้
ความจริงกุฏิท่านสร้างแล้วแต่ยังขาดในเรื่องเหล่านี้อยู่จะบอกตรงๆ ก็ไม่ได้เลยต้องบอกวิมานโยมยังขาดอยู่ แล้วก็ไปสร้างให้ได้ดังใจได้วิมานแล้ว หนักเข้าไปกว่านั้นคุณโยมคนหนึ่งสามีตายก็คิดถึง เมื่อพระท่านมาเยี่ยมมาเยียนก็บอกว่าเมื่อคืนอาตมามองเห็นคุณหลวง คุณหลวงมาหา โยมสอบถามคุณหลวงสบายดีมั้ยรูปร่างดีมั้ย สบายทุกอย่างเจริญพร แต่คุณหลวงแกบ่นว่าไปไหนลำบากไม่มีรถยนต์จะใช้ ตายแล้วจะหารถยนต์ไปใช้ในเมืองสวรรค์ต่อไปก็เมืองสวรรค์ขี่รถเมื่อไหร่ เทวดาก็ลอยฟ่องเหมือนมนุษย์อวกาศ มนุษย์อวกาศออกจากดาวได้ไปเดินในอวกาศ เทวดาก็เป็นอย่างนั้นลอยไป นั่งอยู่ตรงนี้พอนึกว่าไปเยี่ยมวิมานโน่นหน่อยก็ลอยไปทันที จะกลับมาก็ลอยมา แล้วจะใช้รถยนต์เมื่อไรโยมแกไม่ได้ฟังเรื่องนี้ละเอียด พอพระบอกว่าสงสารคุณหลวงไม่มีรถยนต์ใช้ อยู่เมืองมนุษย์ได้ใช้รถยนต์อยู่ตลอดเวลา ที่โน่นไม่มีรถยนต์ใช้จึงถามทำยังไงดีเจ้าค่ะ โยมก็ต้องสร้างรถยนต์ถวายวัดสักคัน คุณนายก็ตกลงใจซื้อรถยนต์ถวายวัดคันหนึ่ง พระก็ได้ขับปร๋อไปปร๋อมาขึ้นเหนือล่องใต้บรรทุกเฮโรอีนส่งไปเมืองนอกได้บางที ไปกันใหญ่นี่เรียกว่าไปหาพระประเภทต้มคนก็เป็นอย่างนี้ ถูกหลอกถูกต้มเรื่อยไป ฝันเรื่อย ฝันไม่หยุดไม่หย่อน ขัดข้องอะไรก็ไปหาคุณนายแล้วก็ฝันอีกแล้ว เป็นอย่างนี้คุณนายก็เชื่อก็ไม่มาวัดชลประทานบ้างจะได้รู้จะได้เข้าใจ ว่าอย่าไปเชื่อพระโกหกพกลม ทั้งหลายทั้งปวงก็เลยเกิดเป็นปัญหาดังนี้ อีกทั้งว่าไปหลงในสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ใครจะไปพูดเรื่องเหล่านี้ ก็ไม่ได้พบกันก็พูดกันไม่ได้ให้เข้าใจกันไม่ได้ กำลังหลงเราพูดก็ไม่ได้อีก ถ้าไปพูดก็อาจเป็นเจ้าคุณองค์นั้นริษยาพระองค์นั้นก็เห็นเขามีรถยนต์ใช้ เราก็เสียคนไปอีกพูดต่อหน้าต่อตา เพราะฉะนั้นเราก็พูดไปขวางๆบ้าง เผื่อหนังสือไปถึงบ้างจะได้อ่านจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่างนี้เรียกว่าวิธีการที่จะการหาปัจจัย ไปเมืองนอกก็ไปอเมริกาอังกฤษไม่ไปพระพวกนี้ไม่ไปอังกฤษ เพราะว่าคนไทยในอังกฤษนั้นไม่มากเท่าไร แล้วไม่ค่อยจะหลงไหลในเรื่องนี้เท่าไร อเมริกามาก ลอสแอลเจอลิส ชิคาโกมีมีมากมายไปกันใหญ่ พระพวกนี้ไปก็มากันห้อมล้อม พวกนางพยาบาลก็มาห้อมล้อมอยากได้อันนั้นอันนี้จากหลวงพ่อต่างๆ ที่เขานิมนต์ไป ก็เข้าส่งหนังสือไปก่อนให้อ่านโฆษนาล่วงหน้าต่อไปก็หอบของไปเอาไปแจกพวกเหล่านั้น ขากลับก็ได้ดอลล่าร์กลับมาเอามาทำอะไรๆกันต่อไปมันเป็นอย่างนี้ ไม่ได้ไปสอนคนให้ฉลาดมีแต่จะไปทำคนให้โง่ให้หลงให้งมงาย มันไม่ถูกต้อง
เมืองฝรั่งพระเราไปอยู่อเมริกาตั้งหลายองค์เวลานี้ แต่ว่าคนฝรั่งอเมริกันก็ไม่ได้สนใจไปศึกษาไปบวชไปเรียนอะไร คือเขาไปดูแล้วเพียงเข้าไปที่กุฏิก็เห็นผ้ายันต์บนเพดานบ้าง ติดมุมนั้นมุมนี้รูปเทวดาผ้ายันต์อักษรนโรดมทั้งหลาย ถ้าฝรั่งมันรู้ว่านี้อักษรของประเทศเขมรคงคิดเขมรล้มไปแล้วเจ้าของอักษรนี้ยังอยู่ไม่ได้แล้วทำไมเอามาเชิดชูบูชาอะไรกันหนักหนา เขาก็ไม่ไปศึกษา เขามาศึกษาจากเมืองไทยจากพระที่มีความรู้มีความเข้าใจ เขาจะได้เอาไปใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป อันนี้เรียกว่าเป็นอันตรายอันหนึ่ง ซึ่งทำให้คนหลงผิดในเรื่องพระศาสนาไม่สอนสิ่งที่ถูกต้องไม่พูดความจริงให้คนฟัง เพราะความต้องการในลาภในสักการะมักเผยแผ่ธรรมะ ถ้าเผยแผ่เพื่อลาภสักการะมันก็ไม่ได้ไม่ถูกต้องเราต้องเผยแผ่สัจธรรมอันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ให้คนเขาเอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ถ้าเขาเข้าใจเอาไปปฏิบัติแล้วเขาเห็นผลประจักษ์ด้วยตนเอง เพราะว่าพระธรรมที่เราสวดว่า สวาขาโต ภัควตาธรรมโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ดีอย่างไรถึงว่าดีชั้นต้น ชั้นกลาง ชั้นสูงสุด ดีในขั้นศีลหรือถ้าเรารักษาศีลเขาเรียกว่าดีอย่างคนมีศีล เราฝึกสมาธิเราก็ดีขึ้นอย่างคนมีสมาธิ เรามีปัญญาเราก็ดีอย่างผู้มีปัญญา มันให้ผลเป็นชั้นๆ ขึ้นไป แล้วตัวพระธรรมนั้นก็เป็นตัวสัจจะเป็นความจริงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำว่าศักดิ์สิทธิ์หมายความว่ามีอำนาจที่จะให้เกิดความสำเร็จแก่ผู้ปฏิบัติ ถ้าเราเอาพระธรรมะข้อใดข้อหนึ่งมาเป็นข้อปฏิบัติในชีวิตของเราเกิดความศักดิ์สิทธิ์คือเกิดอำนาจที่จะให้เกิดความสำเร็จ ถ้าพูดตามภาษาหมอเรียกว่ามีภูมิต้านทานทางจิตใจ ภูมิต้านทานทางใจคือว่าไม่ให้ใจตกไปอยู่ในอำนาจของสิ่งชั่วร้าย ไม่ให้หลงไหลไม่ให้มัวเมาในสิ่งเหลวไหลต่างๆ ธรรมะเป็นสิ่งช่วยป้องกันจิตของบุคคลนั้นไม่ให้ตกไปสู่อบาย คือสู่ความเป็นสัตว์เดรฉานเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นผี หรือไปสู่ความโง่ความเขลาด้วยประการต่างๆ ธรรมะช่วยป้องกันไว้ศักดิ์สิทธิ์ในรูปอย่างนี้ ผู้ใดปฏิบัติผู้นั้นก็ย่อมจะได้รับผลด้วยตนเอง ประจักษ์แก่ใจเรียกว่า สันทิฏฐิโก ผู้ศึกษาผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตัวเองไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะบอกจะเล่าให้ชัดด้วยตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะบอกจะเล่าให้ แต่รู้ได้ชัดเห็นได้ชัดด้วยตนเองเหมือนเรากินน้ำตาลรู้ว่าหวานอย่างไร กินบอระเพ็ดขมอย่างไร กินพริกขี้หนูสักเม็ดมันเผ็ดอย่างไรรู้ได้เอง
ธรรมะที่เรามาปฏิบัติไม่ว่าเรื่องศีล เรื่องสมาธิเรื่องปัญญาเราก็เห็นด้วยตนเอง เห็นว่าตั้งแต่เรารักษาศีลเราสบายขึ้นอย่างไร เราไม่มีเวรกับใครๆ ไม่มีภัยกับใครๆ เราไม่ตกนรกเพราะความโกธร เราไม่ตกนรกเพราะความเกลียด เราไม่ตกนรกเพราะความริษยาอาฆาตจองเวรใครๆ จิตใจสบาย ทรัพย์สินเงินทองที่เรามีเราได้มาโดยทางสุจริตเราหยิบใช้สบายใจ ทำงานก็สบายใจ ประกอบอาชีพอะไรใจมันก็สบายไม่ต้องวิตกกังวล หยิบเงินขึ้นมาแล้วเงินมันไม่ด่าเรา ถ้าเงินได้มาจากความโกงพอหยิบขึ้นมามันก็ด่าเรา แกโกงเขามาใจมันก็ไม่สบาย มันบอกเองตัวผู้นั้นบอกเองไปคอรัปชั่นเขามา ไปกินสินบนเขามา ไปโกงคนนั้นคนนี้มาเพื่อประโยชน์ของตัวใจมันไม่สบาย เพราะความรู้สึกมันเกิดขึ้นในทางไม่ดี จะเป็นเงินเป็นทองเป็นเสื้อเป็นผ้าเป็นบ้านเรือนที่เราอยู่อาศัย รถยนต์ที่เราใช้อะไรก็ตามถ้าเราได้มาจากทางที่ไม่ถูกต้อง ได้มาด้วยการผิดศีลผิดธรรมสิ่งนั้นมันตะโกนบอกเราอยู่ตลอดเวลา เราไปแตะมันก็บอกเรา ไปจับเข้ามันก็บอกเรา เห็นก็บอกไ ด้ยินก็บอก ไปชี้เขามันบอกเราทั้งนั้น แล้วคนนั้นไม่สบายทางร่างกายไม่สบายทางจิตใจ เราจึงเห็นว่าคนที่กระทำความชั่วมักมีโรคแปลกๆ เกิดขึ้นในตัวของบุคคลนั้น เป็นโรคที่รักษาไม่ได้หรือว่าเป็นโรคทรมานด้วยประการต่างๆ นั่นเพราะอะไร นั่นเพราะว่าจิตใจมันวิตกกังวลกลัวต่อความชั่วความร้ายเพราะอย่างน้อยๆ เราก็รู้ว่าอะไรเป็นบาปอะไรเป็นบุญอะไรเป็นคุณเป็นโทษ เราทำลงไปไม่ใช่ว่าไม่รู้ ทำทั้งๆ ที่รู้ แต่ว่าความอยากที่จะมีจะได้มันรุนแรงแต่เมื่อได้มาแล้วเราก็ไม่สบายใจ ใจที่ไม่สบายบ่อยๆจะทำให้เกิดโรคทางร่างกาย จะทำให้ผิวพรรณเศร้าหมองจะทำให้ความรู้สึกนึกคิดเปลี่ยนแปลงไป สมองจะพิกลพิการร่างกายก็จะไม่มีอะไรต่างๆ เพราะสภาพจิตมันผิดปกติขึ้นมาอย่างนี้มันก็แสดงผลออกมาแก่ตัวผู้นั้น สิ่งที่ร้ายมันส่งผลไปถึงลูกเต้าด้วย ลูกเต้าของคนที่ประพฤติไม่ดีไม่ค่อยเจริญงอกงามก้าวหน้าเพราะอะไร ก็เพราะว่าเขาเห็นแต่สิ่งไม่ดีในครอบครัวเห็นแต่สิ่งที่เป็นภาพประทับใจในทางต่ำ
และอีกตัวอย่างคือพ่อกับแม่เป็นตัวอย่างของลูก เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เพื่อนไม่ดีมาคุย คุยเรื่องไม่ดี ทำไม่ดี สิ่งไม่ดีมันปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลา เป็นภาพสไลด์ที่ฉายออกมาให้ลูกได้เห็น สิ่งเหล่านั้นก็ไปติดอยู่ในจิตใจของลูก ลูกก็เติบโตขึ้นด้วยอารมณ์ร้าย เติบโตขึ้นด้วยมิจฉาทิฐิมีความเห็นผิดประจำจิตใจ มีเงินก็ใช้เงินไม่เป็น มีบริวารก็ใช้บริวารไม่เป็น มียศฐาบรรดาศักดิ์ก็ใช้ไม่เป็น คือเอาไปใช้ในทางชั่ว เช่น มีเงินเขาก็เอาไปใช้ในทางชั่ว มีบริวารก็ใช้ไปตีหัวคนนั้นไปทำร้ายคนนี้ไปก่อเรื่องให้เกิดขึ้นด้วยประการต่างๆ มีอำนาจก็เอาอำนาจไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวไม่เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม จิตใจมันก็ต่ำลงไปทุกวันทุกเวลาเพราะอำนาจสิ่งเหล่านั้น อันนี้มันมีผลปรากฏอยู่เป็นบาปอยู่ เป็นโทษอยู่ในตัวคนนั้น ไม่ต้องตายแล้วไปเป็น เราอย่าเข้าใจผิดว่าไปรับชาติหน้า ทำบุญก็ไปเอาชาติหน้า ทำบาปไว้ก็ไปเอาชาติหน้า ไม่ใช่ชาตินี้ทั้งนั้นมันเห็นผลในชาตินี้ทำทันทีมันก็ได้ทันทีเหมือนเราจับไฟมันร้อนทันที จับน้ำแข็งก็เย็นทันที จับของเปื้อนมันก็เปื้อนทันที ถ้าเราไปล้างให้สะอาดมันก็สะอาดทันที มันได้อยู่แล้วแต่ว่าเราไม่ค่อยได้พิจารณา เราไม่มองด้านใด ไม่ได้มองเข้าไปที่จิตใจของเราความนึกคิดของเรา หรือสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไปในครอบครัวของเรา เราไม่ได้พิจารณา เมื่อไม่ได้พิจารณาก็มองไม่เห็น คนอยู่กับความชั่วไม่เห็นความชั่วเหมือนหนอนอยู่ในพริกมันไม่ร้อน เคยเห็นพริกขี้หนูพริกบางช้างบางทีมันมีตัวหนอนอยู่ในนั้น เรารู้สึกหนอนเกิดในพริกมันไม่ร้อนเหรอ มันไม่ร้อนหนอนมันเกิดในพริกมันไม่ร้อนแต่คนเคี้ยวพริกเข้าไปร้อนต้องมาเอาน้ำแข็งกิน มันเป็นอย่างนั้น หากชะนีมีที่อยู่ในป่ามันกินตัวบุ้งตัวขนาดอย่างนี้ ตัวบุ้งมันเกาะอยู่ที่ต้นไม้เป็นวงขนาดเท่านี้ ชะนีมันเห็นแล้วเต้นแร้งเต้นกาเมื่อเห็นหนอนเหล่านี้เข้าชอบใจ เหมือนเป็นอาหารวิเศษมันหยิบเข้าไปเคี้ยวเฉย มันไม่ได้คันลิ้นไม่ได้คันเหงือกคันปากคันอะไรแม้แต่นอน คนอย่าว่าแต่ปากเลยเพียงแต่ไปแตะสักนิดก็คัน ไม่ได้คันตรงนี้แต่คันมาถึงรักแร้ว่าพิษของมันแรงตัวบุ้งพิษขนมันแรงมาก แต่ชะนีกินสบายกินจนหมดทั้งวงเลยทั้งวงใหญ่ขนาดนี้มันกินทีละตัวๆ จนกินหมดแล้วรู้สึกว่ามันร่าเริง มันแจ่มใส กระโดดโลดเต้นสนุกสนานคล้ายๆ กับมันกินฮอร์โมนอย่างนั้น มันไม่มีอันตรายกับชะนีเหล่านั้นมันกินได้ ช้างก็กินได้ ช้างพอเจอมันเอางวงไปจับดูดเข้าไปเลย จับใส่ปากเคี้ยวกินหมดช้างไม่เป็นพิษเป็นภัย คนเราก็เหมือนกันบางคนเรียกว่ามันชินกับความชั่ว ชินกับความคิดในทางชั่ว การกระทำในทางชั่ว เลยไม่กลัวไม่รู้สึกว่าเป็นโทษ รู้สึกว่าอิ่มเสียด้วยซ้ำที่ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ได้ แล้วก็หลงไหลทำไปหานึกไม่ว่าวันหนึ่งมันจะรุนแรงกว่านี้ผลจะเกิดขึ้นแก่ตัวเขานึกไม่ได้ เพราะไม่ค่อยจะได้ยินได้ฟังคำสอนที่ถูกต้องก็เลยหลงไหลมัวเมาอยู่ในเรื่องอย่างนั้น
ความจริงมันเกิดเราสังเกตุดู ใครๆที่ประกอบกรรมทำชั่วไม่เจริญหรอกไม่งอกงามเท่าใดไม่หยั่งยืนเท่าใด บางทีไม่ถึงลูกด้วยซ้ำ บางที่อาจถึงลูกแต่ไม่ถึงหลานด้วยซ้ำทรัพย์เหล่านั้นค่อยหมดไปสิ้นไปเพราะได้มาในทางผิด แต่ว่าคนที่ทำมาหากินในทางสุจริตค่อยๆ ตั้งเนื้อตั้งตัวขึ้นมาจนมั่งคั่งหยั่งยืนไปจนลูกหลานเหลน มั่นคงตลอดไปตราบเท่าที่คนในตระกูลนั้นยังไม่ประพฤติชั่ว แต่ถ้าคนใดในตระกูลนั้นเริ่มประพฤติชั่วหมดอีกเหมือนกัน ขายหมดอีกเหมือนกัน มีนาขาย มีสวนขาย มีบ้านขาย ขายหมดเหลือแต่ตัวประกาศขายก็ไม่มีใครซื้อเพราะเอามาไว้บ้านก็เป็นอัปมงคลไม่ได้เรื่องอะไร มันหมดถึงขนาดนั้น ลดราคาก็ไม่ได้ ราคาของคนของคนก็หมดเพราะว่าไม่มีค่าต่อไป ความชั่วมันทำลายได้อนาจอย่างนี้ นั่นเขาเรียกว่าแผ่นดินสูบไปแล้ว เราได้ยินว่าพระเทวทัศน์ถูกแผ่นดินสูบ คนนั้นถูกแผ่นดินสูบ คือไม่มีใครเอ่ยถึงต่อไปแม้จะเดินไปก็ไม่มีคนรู้จักแล้วไม่มีใครสนใจแล้ว นั่นเรียกว่าธรนีมันสูบไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าแผ่นดินมันแยกออกไปแล้วคนนั้นตกหายลงไป ตกลงไปไหน โน่นไปอยู่อเวจี อเวจีมันอยู่ใต้ดิน แบบนี้มันไม่ใช่ใต้ดิน ถ้าขุดเมืองไทยมันอาจจะไปโผล่ขึ้นที่อเมริกาก็ได้ แต่ถ้ามันหนาเหลือเกินมันขุดไม่ไหว ไปขุดขึ้นได้ตรงนั้น อันนั้นไม่ใช่แยกอย่างนั้นหมายความคนๆนั้นไม่มีใครสนใจต่อไปเป็นคนตายจากสังคม ตายจากคุณงามความดี ตายจากอะไรๆ หมดทุกอย่าง เรียกว่าธรนีสูบไปแล้วจนไม่มีชื่อมีเสียงปรากฏอยู่ต่อไปในสังคมของมนุษย์สภาพเป็นอย่างนั้น
ตกอเวจี อเวจีแปลว่าเปลวเพลิงไม่รู้จักดับ คือมันลุกโพลงๆ ตลอดเวลา ร้อนอยู่ตลอดเวลา หมายความว่าจิตของคนนั้นไม่มีเย็นกับเขาเลย ไม่มีความสงบกับเขาเลยนั่งก็ร้อนนอนก็ร้อนเดินก็ร้อน สมัยนี้มีห้องปรับอากาศก็ไปนั่งร้อนอยู่ในห้องปรับอากาศนั่นเรียกว่าตกอยู่ในอเวจีไม่รู้จักผุดไม่รู้จักเกิดคือไม่สามารถจะผุดขึ้นไปสู่ความสงบได้ ไม่สามารถจะผุดไปสู่ความเย็นได้ ไม่สามารถจะผุดไปพบกับความงามความดีได้ มีหูเหมือนเหมือนไม่มี มีตาก็เหมือนกับไม่มี มีใจก็เหมือนกับไม่มี ไม่สามารถจะนึกคิดอะไรในทางที่ถูกที่ชอบได้ มีแต่ว่าจะจมดิ่งลงไปตลอดเวลาเขาเรียกว่านรกอเวจี อยู่ใต้ทั้งหมด นรกนี้อยู่สุดกว่าทั้งหมดเลยทีเดียว ร้อนที่สุด ต่ำที่สุด ชั่วร้ายที่สุดนรกขุมนี้ มันอยู่ในใจของเรามันไม่อยู่ที่ไหน พวกร้อนๆ นรกมันร้อนทั้งนั้นไม่ว่านรกไหน อเวจีก็ร้อน โลหกุมภีก็ร้อน ร้อนทุกขุม เรื่องร้อนทั้งนั้น ร้อนใจทั้งนั้น แต่สวรรค์นั้นเป็นเรื่องสบายใจ เย็นใจเพลิดเพลิน พวกสวรรค์ พวกเมา พวกไปอาบอบนวดพวกไปสวรรค์เหมือนกันไปนอนแช่ในอ่างแล้วก็สบายให้อีหนูคลำแข้งคลำขาแล้วมันสบายใจ คนแก่กลายเป็นเด็กน้อยๆ อายุ ๓ ขวบไปได้ อย่างนี้เรียกว่าไปขึ้นสวรรค์ สวรรค์มันมีสภาพอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องอะไรยิ่งไปยิ่งหลงยิ่งมัวเมาเพลินเพลินสนุกสนานเสียสตางค์โดยไม่รู้ตัวหมดเนื้อหมดตัว สวรรค์นี้ทำให้คนหมดเนื้อหมดตัวไม่ใช่เรื่องอะไรอยู่เมืองมนุษย์นี่ดีแล้ว แต่ว่าอย่าตกนรกลงไป อย่าไปขึ้นสวรรค์ ให้เป็นมนุษย์ให้มีใจสูงเรื่อยๆ ขึ้นไปจนกระทั่งหลุดพ้นจากนรก หลุดพ้นจากสวรรค์ หลุดพ้นจากเครื่องผูกพันด้วยประการทั้งปวง จิตของเราไม่มีผูกพันด้วยอะไรๆ นอกจากมีธรรมะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจไว้ แต่เราก็ไม่ติดในธรรมะนั้น มันเป็นเพียงแต่เครื่องช่วยเครื่องทุ่นแรงให้สภาพจิตเราหลุดจากสิ่งชั่วสิ่งร้ายให้อยู่ในสภาพสะอาด สงบ และสว่างอยู่ตลอดเวลา พระธรรมมีคุณมีอานิสงค์ที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเรามาก
เราจะต้องแสวงหาธรรมะเอาธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน อย่าไปแสวงหาสิ่งอื่นพระพุทธเจ้าบอกว่าเธอทั้งหลายอย่าไปแสวงหาสิ่งอื่นจงแสวงหาธรรมะพบธรรมะจงนำมาชุบชีวิตให้เป็นชีวิตที่อยู่รอดปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นแก่เธอทั้งหลายต่อไป พระองค์นิพพานไปแล้วธรรมะไม่ได้ไปด้วย ยังอยู่ ยังอยู่ในโลกนี้เป็นสิ่งที่เราควรจะเข้าหานำมาใช้ และเมื่อเราพบแล้วชวนเพื่อนให้มาพบ เรียกเพื่อนให้มาดูให้มาชม ชมแล้วบอกให้เอาไปใช้บ้าง เอาไปประดับใจเสียบ้าง ท่านจะได้มีความสุขมีความสงบในชีวิตประจำวันต่อไป เหมือนเรามาวัดชวนเพื่อนมาชวนคนที่เรารู้จักมิตรสหายดึงบ่อยๆ ชวนบ่อยๆ ชวนจนเขารำคาญมาเอง ชวนบ่อยๆ เขารำคาญ ชวนบ่อยต้องไปกับมันเสียหน่อยมาแล้วก็ได้ยินได้ฟัง ค่อยหูตาสว่างขึ้นทีหลังไม่ต้องชวนมาเอง เราทำอย่างนั้น เดือนหนึ่งเอามาสักคนปีหนึ่งเอามาสักสิบสองคน พยายามดึงมาถ้าคนไหนดึงง่ายก็เรียกว่าเป็นเวไนย พระพุทธเจ้าเรียกว่า เวไนยสัตว์ เวไนยหมายความว่าจูงได้ จูงมาวัดได้ ไม่ใช่จูงไปบาร์ ไนท์คลับได้ อันนั้นไม่เรียกเวไนยสัตว์ เวไนยสัตว์คือที่จูงออกมาหาความดีได้ จูงเข้าหาพระได้ หาศีลหาธรรม หาปัญญาหาความรู้ความฉลาด ถ้าจูงไปร้านเหล้าจูงไปเที่ยวกลางคืนจูงไปบ่อนการพนันอันนั้นไม่เรียกเวไนย พระพุทธเจ้าไม่เรียกเวไนย เวไนยหมายถึงบุคลที่ยอมรับการชัดจูงไปในทางเจริญของชีวิตจิตใจ อันนั้นเรียกว่าเป็นเวไนย เราเห็นคนไหนเขาพอเป็นเวไนยก็จูงมาเข้าวัดเข้าวัดเข้าวาให้เขาพบความดี เราช่วยกันจูงมากๆ คนก็ดีมากขึ้นสังคมก็ดีขึ้นประเทศชาติก็ดีขึ้น เราหัดจูงคนเข้าหาธรรมะจึงขอฝากเรื่องนี้ไว้กับญาติโยมทั้งหลายเพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อเช้านี้วิทยุออกอากาศเรื่องที่ไปอัดไว้สองเรื่อง อัดเรื่องแรกพวกกรมประชาสัมพันธ์กลัวไม่กล้าออกบอกว่าให้อธิบดีฟังก่อน ฟังแล้วออกไม่ออกตามใจ อธิบดีคงฟังแล้วไม่ได้มันกระทบกระเทือนเลยไม่กล้าออก แต่อาตมาอัดเทปไว้แล้ววันอาทิตย์ต่อไปจะเอามาพิมพ์เป็นเล่มทั้งสองเรื่อง มาลงเล่มเดียวกันให้คนได้อ่านบ้าง พวกข้าราชการกลัวหนังสือพิมพ์ อาตมาพูดเรื่องหนังสือพิมพ์เขากลัวไปกระทบกระเทือนหนังสือพิมพ์แล้วมันจะว่าพวกเรา เรามันมีแผลจึงกลัวยาพิษ คนมีแผลกลัวยาพิษ คนไม่มีแผลจะไปกลัวอะไร มือไม่มีแผลอย่างนี้จับอะไรก็ได้ จับยาพิษก็ได้มันไม่ซึมเข้าไปหรอก แต่ถ้ามีบาดแผลนิดหน่อยอย่าไปจับยาพิษเข้า คนมีแผลนี้กลัว กลัวเขาว่ากลัวเขาติ คนบางคนเขาไม่มีแผลเขาก็ไม่กลัวหนังสือพิมพ์เขาก็ต่อสู้ได้ นี่เขากลัวเลยไม่ได้ออกเรื่องนั้น แต่ว่าจะค่อยพิมพ์ให้โยมอ่านวันหลัง ถ้าใครอยากได้เทปก็ไปเอาได้อัดมาแล้วก็อัดเอาไปฟังได้ว่าเจ้าคุณว่าอย่างไร
วันนี้สมควรแก่เวลาต่อนี้ไปขอเชิญญาติโยมตั้งสงบใจห้านาที นั่งสงบใจนั่งตัวตรงแล้วกำหนดรู้ที่ลม กำหนดรู้ที่ลมหายใจ ลมหายใจเข้า หายใจออกกำหนดรู้ อย่าให้รู้ที่อื่น อย่าไปรู้เรื่องให้รู้เฉพาะลมเข้าลมออกเป็นเวลา ๕ นาที