แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โยม พุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะอันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี นั่ง ณ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งสามารถจะได้ยินเสียงจากเครื่องขยายเสียงได้ชัดเจนแล้วจึงตั้งใจฟังเพื่อให้ได้ประโยชน์ อันเกิดขึ้นจากการมาวัดในวันอาทิตย์ ตามสมควรแก่เวลา
ถ้าวันนี้นอกจากจะเป็นวันอาทิตย์แล้ว ก็เป็นวันพระด้วย เป็นวันพระ วันดับ เกิดขึ้นเดือน.. เดือนเจ็ด พรุ่งนี้ก็ขึ้นค่ำหนึ่งเดือนแปด อีก ๑๕ วันก็จะถึงวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นฤดูกาลพิเศษสำหรับพวกเราพุทธบริษัททั่วไป ในระยะนี้ก็เป็นเรื่องงานเกี่ยวกับการบวชนาคทั่วๆไป ทุกหนทุกแห่ง ที่วัดนี้ก็มีการบวชนาค มากเหมือนกันแต่ว่ายังไม่ได้บวชในตอนนี้ จะเริ่มบวชวันที่ ๒๖ วันเสาร์ แล้วก็บวชทุกวันจนกระทั่งถึงวันที่ 4 จึงจะหยุดจบการบวช
แล้วญาติโยมที่มีลูกมีหลานที่จะมาบวชก็พามาฝากกัน แต่ว่าบางคนมีความเสียใจที่รับไม่ได้ เพราะเพิ่งมาฝากเมื่อวานซืนนี่เอง เขารับกันมาตั้งแต่เดือนเมษา แต่เพิ่งตื่นเอาเมื่อไม่กี่วันก็เลยไม่มีที่จะรับก็เลยต้องกลับไปด้วยความเสียใจ อาตมานี่ไม่ชอบปฏิเสธกับใคร ใคร แต่ว่าเมื่อมันจำเป็นก็ต้องปฏิเสธด้วยความไม่สบายใจอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะไม่มีที่ให้อยู่ อันนี้ขอให้ญาติโยมได้รู้ไว้เสียด้วย
สำหรับวันนี้ใคร่ที่จะทำความเข้าใจกับญาติโยมทั้งหลายในเรื่องบางประการ อันเป็นเรื่องที่จะช่วยให้เราดีขึ้น ให้ครอบครัวและสังคมดีขึ้น เป็นประโยชน์เป็นความสุขแก่คนทุกถ้วนหน้า เพราะว่าความสุขในหมู่มนุษย์นี่มันต้องช่วยกันทำ ถ้าไม่ช่วยกันจัดช่วยกันทำแล้วความสุขก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ว่าจะมีความทุกข์เกิดขึ้นแทน ความทุกข์กับความสุขนั้นเขามาด้วยกัน อยู่ใกล้กัน เวลาใดความทุกข์ออกแสดง ความสุขก็หลบเข้าฉากไป เวลาใดความสุขออกแสดงความทุกข์ก็หลบเข้าฉากไป การจัดฉากนั้นก็เป็นเรื่องของเราเอง การบังคับการแสดงของเรื่องสุขทุกข์ในชีวิต ก็เป็นเรื่องของเราแต่ละคน ที่จะต้องจัดต้องทำให้แก่ตัวเอง ให้แก่ครอบครัว ให้แก่สังคม ตลอดจนถึงส่วนรวมคือประเทศชาติ ถ้าเราจัดเป็นเราก็ได้รับความสุขความสงบในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเราจัดไม่เป็นเราก็เกิดความทุกข์ ความเดือนร้อน ด้วยประการต่างๆ
ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนนั้น บางคนก็มีความทุกข์มาก บางคนก็มีความทุกข์น้อย น้อย บางคนก็มีความทุกข์ นาน นาน ไม่รู้จักแบ่งทุกข์ออกจากใจ ไม่รู้จักแก้ไข แล้วผลที่สุดก็ทำลายตัวเองถึงกับฆ่าตัวตายไปก็มี เมื่อเช้านี้ก็ฟังข่าวว่าเด็กหนุ่ม..แต่ไม่.. คนหนึ่ง ซึ่งความจริงก็เป็นคนมีการศึกษาพอสมควร เพราะทำงานในตำแหน่งราชการ แต่ว่าเกิดไปรักหญิงสาว แต่ว่าเขาไม่รักแกไปรักคนอื่นเสีย แกก็เลยเสียใจ เข้าห้องปิดประตูแล้วก็เอาปืนมาจัดการสังหารตัวเองถึงแก่ความตาย ได้ฟังข่าวแล้วก็นึกในใจว่า มันโง่ จริง จริง เจ้าหนุ่มคนนั้นนี้มันโง่ จริง จริง มีแต่ความโง่อยู่ในดวงใจ ไม่มีปัญญาไม่มีความคิดความอ่าน ผู้หญิงในโลกมันไม่ใช่มีคนเดียว เมื่อคนนั้นไม่รัก เราก็หาคนมันรักเราก็จะได้ แต่ว่าไปปักใจเอาแม่โฉมยงคนนั้นเพียงคนเดียว พอเขาเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ก็เลยตัวก็ ไม่สบายใจฆ่าตัวตาย ไม่ได้คิดในแง่อื่นเสียบ้าง ว่าเออ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วเขาไปรักคนอื่นเสีย มันก็ดีแล้วฮะ ถ้าเราไปแต่งกันแล้ว เขาไปรักคนอื่นเราก็ยิ่งช้ำใจมากกว่านั้น แต่นี่ช้ำนิดหน่อยไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียเงินทองค่าขันหมาก ไม่ต้องเลี้ยงดูเพื่อน เขาจากไปเสียก่อน ก็ควรจะไปขอบใจเขา ควรจะแสดงความดีใจ ว่าเธอแสดงให้ฉันเห็นเสียก่อน ฉันขอบใจมาก ฉันไม่ถลำมากเกินไป มันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องเสียอกเสียใจถึงกับฆ่าตัวตาย
แต่ว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า คนมันไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้ฟังธรรม ไม่ได้อ่านหนังสือธรรมะ เป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ พ่อแม่ก็ไม่ได้เอาธรรมะไปใช้ ให้ลูกเกิดความรู้ความเข้าใจ นี่แหละคือความผิดพลาด ในวิถีชีวิตของชาวโลก ในสังคม ในยุคปัจจุบัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยกันให้คนได้เข้าถึงธรรมะ ให้รู้จักหลักคำสอนในทางพระศาสนาไปตั้งแต่เบื้องต้น คือต้องให้มันรู้ไปตั้งแต่เด็กๆ แต่บางทีพ่อแม่นั้น ไม่ค่อยประสีประสา ในเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ นับถือศาสนาก็แต่เพียงชื่อ เราจึงต้องหาทางช่วยกัน โดยวิธีอื่น วิธีที่จะช่วยกันนั้น ก็คือว่าเราควรจะสอนเด็กให้เข้าถึงพระศาสนาในวันที่เขาไม่หยุด อ่อ เขาหยุดการเล่าเรียน ซึ่งวันอาทิตย์นี่เด็กหยุดการเรียนไม่ไปโรงเรียน พ่อแม่ก็ควรนึกว่าลูกเราว่างจากการเรียนในวันอาทิตย์ วัดไหนก็มีการสอนพุทธศาสนาให้แก่เด็กในวันอาทิตย์บ้าง เราก็ควรเอาลูกไปฝากให้เรียน เพื่อเด็กมันจะได้เข้าถึงธรรมะ ได้รู้ไว้ เอาไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันต่อไป อันนี้เป็นความถูกต้องที่พ่อแม่ควรกระทำ ทางวัดถ้าพอจัดได้ก็ควรจะจัดจะทำโรงเรียนประเภทนี้ขึ้น
ที่วัดนี้ก็ได้จัดมาเป็นเวลานานแล้วถึง ๑๔ ปีแต่ว่าสถานที่มันไม่ใช่เป็นของเรา ก็อึดอัดอยู่บ้างแต่ก็ทำไปได้ เวลานี้จึงคิดว่าควรจะสร้างของเราเอง คล้ายจะบอกให้ญาติโยมอุ่นใจสักนิดหน่อยว่า เวลานี้ได้ปักผังที่จะตอกเข็มแล้ว วันนี้แหละเขาจะมาปักเข็มที่จะตอกลงไปตรงไหนเอาไม้ปักกันตรงนั้น สถาปนิกกับนายช่างเขาจะมาจัดการกัน ค่าตอกเข็มนี้จะต้องใช้เงินถึงแปดแสนบาท ไม่ใช่เล็กน้อยก็เพราะว่าเข็มมันดีหน่อย ยาวหน่อย ๒๑ เมตร สมัยนี้ของมันแพง เราอย่าไปคิดว่าของแพงเราคิดแต่เพียงว่าให้มันได้ ให้สำเร็จประโยชน์ แล้วประโยชน์นั้นจะเกิดขึ้นแก่เด็กในอนาคตข้างหน้า เด็กที่เรียนรู้ธรรมะมันจะไม่ต้องฆ่าตัวตาย ไม่ต้องทำลายตัวเองดังที่เป็นข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ
ความจริงเวลานี้ก็มีการศึกษาก้าวหน้าหรือเรียนถึงขั้นมหาวิทยาลัย แต่ว่าในการเรียนนั้นไม่มีการสอนธรรมะให้คนเกิดความรู้ความเข้าใจ เมื่อเขาไม่รู้จักธรรมะเขาก็ไม่รู้จักวิธีปลงของหนัก แบกของหนักอยู่ตลอดเวลา คนเราถ้าแบกของหนักแล้วไม่ปลงลงเสียบ้าง ก็เดินเอียงไปเท่านั้นเองนะ บ่ามันหนักอยู่ข้างหนึ่งมันก็เอียงไป แต่ถ้าหนักสองบ่ามันก็ทรุดลงไปเท่านั้นเอง แล้วก็ลุกขึ้นไม่ได้ ก็ไม่รู้จักปลงไม่รู้จักวาง เราจึงต้องสอนเขาให้รู้ธรรมะ
แล้วก็สอนให้เขาได้รู้ว่าควรใช้ธรรมะอย่างไรในชีวิตประจำวัน เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเราควรจะคิดอย่างไร ควรปลงจะวางอย่างไร เราควรจะแนะนำเขาไว้ว่า เมื่อใดสิ้นใจนี่อย่าลืมนึกถึงพระพุทธเจ้า อย่าลืมนึกถึงพระธรรม และพระสงฆ์ ถ้าเราจะ (09.30) สิ้นใจนี่ควรจะรีบมาวัด มาหาพระสงฆ์ที่มีความรู้ มีความเข้าใจทางธรรมะ เพื่อท่านจะได้แบ่งเบาความทุกข์ที่หนักอยู่ในอกนั้นให้มันหายไป ตามวิธีการของพระพุทธเจ้า ถ้าได้มาวัดแล้วมันไม่ฆ่าตัวตาย เพราะได้ฟังคำสอนอะไรเข้า มันก็ค่อยรู้ค่อยเข้าใจ บางคนมันยึดถือในอะไรแรงไป ไม่รู้จักปล่อยไม่รู้จักวาง เสียผู้เสียคนไป อันนี้ก็เพราะว่าเราไม่ได้สอนเขาให้มีสัมมาทิฐิ คือความเห็นชอบไปตั้งแต่เบื้องต้น ไปสอนเมื่อโตนะมันไม่ได้ มาไม้อ่อนคนโบราณว่าดัดง่าย ไม้แก่แล้วมันก็ดัดยาก ดัดเข้าก็ต้องเข้าไฟ คือต้องใช้วิธีการรุนแรง เขาเรียกว่าเข้าไฟ ไอ้ใช้วิธีการรุนแรงนี้มันไปไม่ไหว มันอาจจะออกจากบ้านไปเสียก็ได้ เพราะมันแรงเสียแล้ว ฉะนั้นจึงต้องฝึกหัดอบรมกันตั้งแต่เริ่มต้น
ถ้าเราสังเกตครอบครัวบางครอบครัว ที่พ่อแม่ประพฤติธรรม ลูกเรียบร้อยหมดทุกคน ไม่มีความเสียหายเพราะแม่ประพฤติดีประพฤติชอบอยู่ในศีลในธรรม ลูกก็เรียบร้อยตั้งหน้าทำมาหากินประพฤติดีประพฤติชอบ หลานก็ยังเรียบร้อยเลย เพราะว่าแม่กับคุณยายเรียบร้อย คุณย่าเรียบร้อยแล้ว ลูกเรียบร้อย แล้วหลานก็เรียบร้อย แล้วถ้าหากว่าคนเหล่านั้นได้สืบต่อคุณงามความดีของบิดามารดา ตราบใดชีวิตก็จะไม่สูญเสียตราบนั้น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราเห็นกันอยู่ทั่วๆไป แต่ว่าในครอบครัวใดที่พ่อแม่เหลวไหล กินเหล้า เมายา เล่นการพนัน ชอบเที่ยวเตร่ เฮฮา ทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง ไม่มีโอกาสที่จะอบรมลูก อบรมไม่ได้ เพราะวิถีชีวิตของพ่อแม่ไม่เป็นตัวอย่างในทางดี พูดเรื่องดีมันก็ไม่ได้ เพราะว่าพูดไปแล้วมันขัดกับความเป็นอยู่ แล้วพูดไม่ออก เมื่อพูดไม่ออกก็ต้องปล่อยตามเรื่อง ตามราว เมื่อปล่อยๆหนักๆเข้าลูกก็เสียคน กลายเป็นอันธพาลยกบ้านยกเมือง อันนี้คือเรื่องความเสียหาย ที่ที่เป็นผู้นำนั้นจะต้องเดินให้ตรงทาง ถ้าผู้นำเดินไม่ตรงผู้ตามจะเดินตรงได้อย่างไร อันนี้เป็นปัญหาหนักอยู่ ฉะนั้นจะต้องแก้ไขในเรื่องอย่างนี้
เมื่อวานซืนนี้ไปที่จังหวัดสุพรรณ ไปอำเภอบางปลาม้า แล้วก็ไปพูดกับนักเรียนตอนเช้า ตอนบ่ายพูดกับพระ แต่ว่าก่อนจะพูดกับพระนี่มีคฤหัสถ์คนหนึ่งมาพูดก่อนและพระท่านก็ลุกขึ้นสรุป ท่านเล่าให้ท่านที่ไปพูดฟังว่าตามโรงเรียนนี่ไปพูดลำบากอยู่บางประการไปว่าครูเขากริ่งเกรงไปว่าเด็กจะรู้ความจริงในเรื่องศีลธรรมแล้วครูจะลำบาก ถามว่าจะลำบากอย่างไร ก็ครูมีความประพฤติไม่ค่อยจะเรียบร้อย ครูชอบเล่นการพนันก็มี ดื่มเหล้าก็มี ชอบเที่ยวเหลวไหลก็มี อันนี้ถ้าเด็กมันรู้ว่าไอ้สิ่งเหล่านั้นเป็นอบายมุขเป็นทางเสื่อม เป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม เด็กมันก็จะมองครูว่า ครูเรานี่ไม่ได้ความ ไม่ประพฤติธรรม ครูก็ไม่สบายใจ ไอ้ครูก็กีดกันไม่อยากให้พระไปสอน เพราะว่าถ้าสอนแล้วเด็กมันจะฉลาดในธรรมะ ตัวประพฤติชั่วไม่ได้ อันนี้มันก็ลำบากเหมือนกัน เพราะว่าไม่เห็นประโยชน์ของธรรมะ แต่เห็นประโยชน์ของตัว นึกว่าให้ตัวได้ตามใจตัวเอง ได้มีเสรีภาพที่เป็นไปในทางต่ำ
เสรีภาพในสังคมมนุษย์เราในยุคปัจจุบันนี้ มักจะเข้าใจผิดไป เข้าใจว่าเสรีภาพก็คือการได้ทำอะไรตามใจอยากและใจปรารถนา อยากจะดื่ม อยากจะเที่ยว อยากจะสนุก อยากจะทำอะไร ให้ทำได้ตามชอบใจ ไม่ต้องมีใครมาขัดคอ ไม่ต้องมีใครมาสอนมาเตือน เขาก็เรียกว่าสบายใจเขา สบายใจเพราะการตามใจตัวเอง การไหลไปตามอำนาจของอารมณ์และสิ่งแวดล้อม เขาบูชาว่านั่นเป็นยอดเสรีภาพของเขา ความจริงนั้นมันไม่ถูกต้อง อันนั้นมันไม่ใช่เสรีภาพ แต่เป็นความเป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสของกิเลสประเภทต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจ ความโลภเกิดขึ้นไหลไปตามอำนาจความโลภ ความโกรธเกิดขึ้นไหลไปตามอำนาจความโกรธ ความหลงเกิดขึ้นก็ไหลไปตามอำนาจของความหลง หรือมีความอยากจะทำอะไรไม่มีความยับยั้ง ไม่มีการควบคุมตัวเอง ปล่อยไปตามเรื่องตามราว เขาเข้าใจว่าเป็นเรื่องเสรีภาพ เด็กหนุ่ม หนุ่ม ในโลกในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว กำลังหลงใหลได้ปลื้มในเรื่องเสรีภาพแบบนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะแต่งตัวตามชอบใจ กินเที่ยวตามชอบใจ ถ้าพ่อแม่พูดห้ามเขาจะอ้างว่าเวลานี้ผมอายุ ๑๘ ปีแล้ว เกินเรื่องที่พ่อแม่จะบังคับแล้ว กฎหมายมันก็เขียนไว้ในทางที่ให้คนเหลวไหล เปิดโอกาสให้คนประพฤติตัวตามชอบใจ แล้วจะไปกันใหญ่ พอพ่อแม่พูดนักเข้า ก็บอกว่าหนูนี้นะอายุเท่านี้แล้วนะ คุณแม่อย่ามายุ่งกับหนูให้มันมากไปนะ มันเป็นไปอย่างนี้ แล้วมันจะไปกันได้อย่างไร มันก็เตลิดออกไป ไปนั่งสูบกัญชากันตามสวนสาธารณะ ไปเที่ยวไปสนุกตามเรื่อง กลายเป็นพวกที่เขาเรียกว่าบุพชน ฮิปปี้ ไอ้พวกฮิปปี้ในสังคมที่อยู่อเมริกา คือพวกหลงใหลได้ปลื้มในเรื่องเสรีภาพแบบเป็นทาส ไม่ใช่เสรีภาพเป็นไทตามหลักการในทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาเรานั้น พระผู้มีพระภาคส่งเสริมเสรีภาพของสังคม แต่ว่าเสรีภาพของพระพุทธเจ้านั้น มันเป็นเรื่องยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น จนพ้นจากอำนาจฝ่ายต่ำ คล้ายกับดอกบัวที่มันจะบาน มันก็จะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ โผล่ขึ้นสูงขึ้น สูงขึ้น จนพ้นน้ำ พอพ้นน้ำแล้ว ดอกบัวนั้นไม่เปื้อนด้วยน้ำโสโครก โคลนก็ไม่เปื้อนดอกบัว พอไปเก็บดอกบัวนี้ไม่ต้องล้าง ไม่เหมือนกับผักบุ้ง ผักบุ้งก็ต้องล้าง ผักกระเฉดก็ต้องล้าง อะไรอยู่ในหนองก็ต้องล้างทั้งนั้น ดอกบัวไม่ต้องล้างเพราะมันสะอาดอยู่แล้ว ล้างมันก็ไม่ได้เรื่องอะไร เก็บมาได้เอาไปบูชาพระทันที ดอกบัวนั้นเป็นตัวอย่างแห่งเสรีภาพทางด้านจิตใจ พระพุทธเจ้าสอนให้เราทุกคนปฏิบัติตนเพื่อเสรีภาพ พอกพูนเสรีภาพ สะสมเสรีภาพ ให้เกิดขึ้นในจิตใจ แต่ว่าต้องปฏิบัติตามธรรมะ ยิ่งปฏิบัติธรรมะมากขึ้นเสรีภาพก็มีมากขึ้น เสรีภาพตัวนี้ก็หมายถึงว่าจิตใจอยู่เหนืออำนาจฝ่ายต่ำ คนคนนั้นเป็นตัวเองแท้ แท้ ตัวเองแท้ แท้ คือตัวเองที่มีใจบริสุทธิ์อยู่ สะอาดอยู่ สว่างอยู่ สงบอยู่ ไม่กิเลสประเภทใดเข้ามาทำให้เศร้าหมอง
แต่ถ้ามีกิเลสอันใดเกิดขึ้นทำใจให้เศร้าหมองผู้นั้นประเภทนั้นก็คือว่าไร้เสรีภาพ ตกอยู่ในอำนาจของกิเลสประเภทนั้น นั้น มีเปอร์เซ็นต์มากน้อยเท่าใดสุดแล้วแต่การตามใจของบุคคลผู้นั้น นั่นมันไม่ถูกต้อง เราจึงควรจะสอนลูกสอนหลานให้รู้รากฐานของเสรีภาพ ว่าเสรีภาพนั้นเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าส่งเสริม ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่เพิ่งเกิดเมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ หรือไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ (18.38) มันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นของเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ที่พระพุทธเจ้าสอนมาตั้งแต่โบรมโบราณเพื่อให้ปฏิบัติตนเพื่อเสรีภาพ แล้วก็สอนเสรีธรรมคือข้อปฏิบัติที่จะให้จิตใจเป็น อิสระ เสรี อย่างแท้จริง ธรรมะที่เป็นข้อปฏิบัติเพื่อเสรีภาพอย่างแท้จริงนั้น คือการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ในองค์มรรคมีองค์แปด มรรคมีองค์แปดนั้นมีข้อหนึ่งว่าสัมมาสติ สัมมาสติคือความระลึกชอบ ระลึกชอบก็คือว่าเจริญสติปัฏฐาน ๔ มีสติ มีสัมปชัญญะ มีความเพียร ในการกำหนดนี้เรื่องของร่างกาย กำหนดนี้ในเรื่องของจิต กำหนดนี้ในเรื่องของธรรม กำหนดนี้ในเรื่องของเวทนา เรียกว่า กาย เวทนา จิต ธรรม ๔ อย่างให้กำหนดกับสิ่งเหล่านี้ ให้อยู่กับสิ่งเหล่านี้ นั่นคือการฝึกฝนอบรมตนเอง เพื่อความเป็นเสรีชนอย่างแท้จริง
ผู้ใดมาวัดกันนี้ก็ให้เข้าใจว่า เรามารับแบบฝึกหัดเพื่อเอาไปปฏิบัติเพื่อความเป็นเสรีชน เพื่อให้มีเสรีภาพทางจิตใจแล้วเราจะได้มีสุขภาพดีทั้งกายทั้งใจ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติทุกแง่ทุกมุม เช่นการให้ทาน การรักษาศีล การฟังธรรม การแสดงธรรม การเจริญภาวนา หรือการปฏิบัติอันใดที่เป็นบุญกิริยา การกระทำที่เป็นบุญตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนอบรมตนเอง เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเสรีชนทั้งนั้น ให้เข้าใจอย่างนั้น ถ้าการปฏิบัติอันใดที่ทำให้เราต้องเป็นทาสของอะไรก็ยังไม่ถูกต้องตามหลักการในทางพระพุทธศาสนา หลักการในทางพระพุทธศาสนานั้นต้องปฏิบัติเพื่อให้จิตเราสูงขึ้น สะอาดขึ้น สว่างขึ้น สงบขึ้น มีเสรีภาพทางจิตมากขึ้น อันนี้เราดูได้ด้วยตัวเราเองวัดตัวเองได้ วัดว่าเราเริ่มเข้าวัด เริ่มรักษาศีล เริ่มฟังธรรม เริ่มการศึกษาด้านภาวนา สภาพจิตใจดีขึ้นหรือเปล่า เรายังตกอยู่ในอำนาจของความโกรธที่เคยโกรธไหม สมมุติว่าเราเป็นคนใจร้อนใจเร็วหุนหันพลันแล่นมาก่อน ครั้นเรามาวัดไอ้สิ่งนั้นมันลดลงไปหรือเปล่า ใจเคยร้อนมันลดลงไปหรือเปล่า ความขี้โกรธอะไรต่างๆ ที่ถ้ามีอะไรมากระทบก็ปึงปัง คล้ายกับดินประสิว มันไวต่อไฟฉันใด เราก็สังเกตว่ามันเบาขึ้นหรือเปล่า ช้าขึ้นหรือเปล่าในสิ่งเหล่านั้น หรือว่าเวลาที่เกิดอารมณ์รู้ทันหรือเปล่า รู้ตัวว่า กำลังโกรธอยู่ กำลังจะโกรธหรือโกรธอยู่ นี่ รู้ทัน รู้ตัวหรือเปล่า ถ้ารู้ตัวก็พอจะได้ ปราบได้
คนเราที่กิเลสมันลุกลามขึ้นในจิตใจ ก็เพราะว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรากำลังคิดอะไร พูดอะไรออกไป ทำอะไรอยู่ เราไม่รู้ไม่เข้าใจในอย่างนั้น เราก็ถูกมันครอบงำ มันบังคับเรา ให้กระทำอะไร อะไร ด้วยประการต่างๆ ซึ่งล้วนแต่ตกเป็นทาสของอารมณ์ทั้งนั้น นี่คือความเสียหาย เราก็สังเกตได้ มันดีตรงนี้ อะไร อะไร มันดีตรงนี้ ต้องดีที่ตัวเราเอง ถ้าเรารู้สึกตัวว่าสงบขึ้นเยอะ รู้เท่า รู้ทัน พอควบคุมตัวเองได้ จิตใจสบายขึ้น มีอะไรมากระทบก็วางเฉยได้ ไม่ยินดีเกินไป ไม่ยินร้ายต่อสิ่งนั้นมากเกินไป ก็แสดงว่าการปฏิบัติธรรมของเรานั้นได้ผล เราได้เข้าสู่เส้นทางของพระพุทธเจ้า ที่จะนำเราไปสู่เสรีภาพอันสูงสุด เสรีภาพสูงสุดก็คือพระนิพพาน นั่นเอง พระนิพพานนั้น ดับกิเลสหมดไม่มีเหลือ มันไม่มีเชื้อจะให้เกิดต่อไป
เราก็อยู่ในโลกตามธรรมดานี่แหละ ทำมาหากินกันไปตามเรื่อง ไม่ใช่ว่าพอถึงสิ่งนั้นแล้วมันจะตาย ไม่ใช่อย่างนั้น ร่างกายมันอยู่ได้มันก็จะอยู่แต่ถ้าอยู่ไม่ได้มันก็ตาย ร่างกายนี่มันเรื่องร่างกาย มันเรื่องธรรมชาติที่อาศัยความปรุงแต่งทางวัตถุ ถ้าเครื่องปรุงแต่งมันพร้อมเราก็อยู่ได้ แต่อยู่อย่างผู้มีความสุขอย่างแท้จริง อยู่อย่างผู้มีใจสงบอย่างแท้จริง เป็นบุคคลประเภทที่เรียกว่า เหนือ เหนือโลก โลกไม่แปดเปื้อนจิตใจบุคคลนั้น สิ่งเหล่านั้นไม่ทำให้คนที่มีใจสูงนั้น ยินดี ยินร้าย ในเรื่องอะไร อะไรต่างๆ เขารู้สึกว่า ว่าตัวเองเป็นตัวเองอยู่ตลอดเวลา สภาพมันเป็นอย่างนั้น นั่นแหละคือเสรีภาพที่ถูกต้อง ที่เราควรจะได้ขวนขวายแสวงหานั้น อันการแสวงหาเสรีภาพตามแบบในทางของพระพุทธศาสนานั้นไม่ขัดกับใครเลย ไม่ทำให้เกิดความทุกข์แก่ใคร ไม่เกิดความเดือดร้อนแก่ใคร เพราะต่างคนต่างนั่งสงบนี่ ต่างคนต่างมองดูด้านใน ต่างคนต่างก็พิจารณาตัวเองจัดการกับตัวเองอยู่ แล้วมันจะมีปากเสียงกับใคร แล้วจะทะเลาะกับใครได้
แต่ถ้าเราไปแสวงหาเสรีภาพแบบชาวโลก ฉันอยากจะไปดูหนัง ฉันอยากจะไปเที่ยวบ้างล่ะ ไปเล่นการพนันล่ะ ฉันจะดื่มเหล้า เดี๋ยวก็เอะอะล่ะ พอเมาเข้าแล้วเอะอะ มันก็ขัดกับคนอื่น คนอื่นเขาต้องการความสงบ แต่เรามันเสียงปึงปัง โผงผาง ประเดี๋ยวก็ตีกัน ทำให้คนบ้านใกล้เรือนเคียงหวาดเสียว กลัวมันจะหลงเข้ามาในบ้านของตัวมาก นี่ทำเป็นปัญหา นั่นมันเสรีภาพฝ่ายต่ำ มันเป็นปัญหาสร้างความทุกข์ ความเดือดร้อน แก่ตนแก่ท่าน แต่ถ้าเรามีเสรีภาพเพื่อความบริสุทธิ์ทางจิตใจ เพื่อความสงบทางจิตใจแล้ว มันไม่มีอะไรที่จะเกิดเป็นปัญหาแก่เราทั้งหลายทั้งปวง เราจะอยู่ด้วยความสุขด้วยความสงบในทางจิตใจ ที่เป็นเรื่องที่เราควรจะแสวงหา ควรจะประพฤติกระทำตลอดเวลานาที
ญาติโยมอาจจะมีความข้องใจว่า เรามีชีวิตอยู่กับการงาน อยู่ในสังคม ต้องประกอบธุรกิจการค้าการขาย ทำนั่นทำนี่ จะปฏิบัติอย่างนี้ได้หรือไม่ อยากจะบอกให้ทราบว่านั้นแหละควรปฏิบัติ คือยึดในรูปนั้นนี่แหละ ควรปฏิบัติ ถ้าเราต้องต่อสู้กับปัญหา ต้องพบคนประเภทต่างๆ ที่มันไม่เหมือนเรา เราต้องพบเขา คนบางคนเราไม่อยากพบแต่ต้องพบ มันต้องมีธรรมะแล้วละ ในการพบกับคนเหล่านั้น แต่บางคนมันเจอกันมันก็ยั่วให้เราโกรธ ยั่วให้เราไม่มีสมาธิ เขาจะได้โอกาสที่จะหลอกจะต้มเราได้ตามชอบใจ หรือว่าเขาจะชวนให้เราเพลินไป สนุกสนานไปกับคำพูดของเขา เช่น เขามายกย่องเรา เราก็ไปติดในคำยกย่องชมเชย เราก็ลืมตัว พอลืมตัวเขาก็ทำอะไรกับเราได้ ขออะไรกับเราได้ เพราะเราลืมตัวไปเสียแล้ว อันนี้มันเรื่องมันเป็นปัญหาที่เราอยู่ในธุรกิจการค้าการขาย ต้องติดต่อกับคนทุกประเภท แล้วในสังคมปัจจุบันนี้มันชิงไหวชิงพริบกันทั้งนั้นเลย ไม่ว่าเรื่องอะไร ชิงไหวชิงพริบกันอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะอาชีพมันแข่งขันกัน แข่งขันกันต่อสู้ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนปรารถนา เราก็ต้องมีไหวพริบ มีสติปัญญา มีสมาธิอยู่ในจิตใจให้มั่นคง เพื่อจะไปต่อสู้กับคนเหล่านั้นก็ได้
เมื่อเราทำราชการจะซีอะไรก็ตามใจ มันก็มีปัญหา เพราะคนที่ทำงานด้วยกันนั้น จิตใจไม่เหมือนกัน ไม่มีทิฐิความเห็นเหมือนกัน ไม่มีศีลเหมือนกัน ไม่มีปัญญาทัดเทียมกัน มันก็เกิดเป็นปัญหาทำให้เราต้องกลุ้มใจกันบ่อยๆ แล้วถ้าเราไปถึงสำนักงานแล้วเรากลุ้มใจ เราพบคนนั้นแล้วเราก็กลุ้มใจ พบเหตุการณ์นั้นเราก็กลุ้มใจ ความสุขมันจะเกิดได้อย่างไร ชีวิตมันน่าเบื่อหน่ายเท่านั้นเอง ถ้าเราอยู่ในสภาพเช่นนั้น นี่แหละคือการเรียกร้องต้องการธรรมะ แสดงให้ว่าในชีวิตประจำวันของพวกเราทั้งหลายที่คลุกคลีอยู่ในสังคมโลกนั้น นั้นต้องการอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่จะมาช่วยประคับประคองจิตใจ ไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้นเสีย อารมณ์เสียที่เขาพูดกัน ไม่ให้มันเกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นในใจ เราจะได้ทำงานทำการด้วยความสงบด้วยความเยือกเย็น ไม่ต้องขึ้นๆลงๆ ด้วยอารมณ์ที่มาจากทุกข์ แต่ว่าบางคนนั้นขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดเวลา คนนั้นมาดีใจ คนนั้นมาเสียใจ คนนั้นมาเย็นใจ ไอ้คนนะมาร้อนเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาแล้ว นั่นมันเป็นสุขที่ตรงไหน สิ่งเหล่านั้นเป็นสุขที่ตรงไหน ท่านก็จะรู้ก็ว่า อ่อ นั่นมันไม่เป็นสุขอะไร แล้วก็ล่อแหลมต่อการเป็นโรคทางประสาทอยู่ตลอดเวลานี่เป็นปัญหาอย่างนี้เพราะนั้นจึงต้องมีอะไรเป็นเครื่องควบคุมจิตใจ
คนหนุ่มๆ ที่เริ่มเข้าวัดนี่ นับว่าได้เปรียบมาก ได้เปรียบ เหมือนกับว่าทหารที่ออกศึกนี่ได้ฝึกบ่อยๆ ในยุทธวิธี ในการสู้รบ ตบตีกับข้าศึก ทหารนั้นมักจะได้เปรียบ เวลาเข้าสู่สมรภูมิก็จะไม่พ่ายแพ้ เพราะได้ฝึกไว้จนแคล่วคล่องชำนาญ ฉันท์ใด เราที่เป็นคนที่จะอยู่ในโลกต่อไป ก็คนในวัยหนุ่ม หนุ่มๆสาวๆเลย มันมีปัญหาเยอะที่เราจะต้องผจญในการต่อไปข้างหน้า เราอย่านึกว่าไอ้เส้นทางที่เราจะเดินไปในวิถีชีวิตนั้น มันราบรื่นเรียบร้อย มีดอกไม้หอมโปรยไว้สองข้างทางเต็มไปด้วยทิวทัศน์น่าดู อย่าไปฝันหวานอย่างนั้นนะ มันมีปัญหาเยอะแยะในยิ่งในสังคมปัจจุบันด้วยแล้ว มันไม่มีเส้นทางใดที่ราบรื่นเรียบร้อย ไม่มีเส้นทางใดที่ไม่มีอุปสรรคไม่มีปัญหา เราจะมีชีวิตอยู่ในสังคมโลกต่อไปได้ มันต้องต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลา ต้องมีปัญหา ปัญหาคือสิ่งที่เราจะต้องต่อสู้ อันนี้การต่อสู้เราต้องต่อสู้ด้วยปัญญา เราก็ชนะ แต่ถ้าเราต่อสู้ด้วยความโง่ความเขลาเราก็แพ้ แพ้เราก็เป็นทุกข์ ถ้าเราแพ้มันก็เป็นทุกข์ไม่ว่าแพ้อะไรมันก็เป็นทุกข์ทั้งนั้นนะ แล้วเราก็ไม่สบายมากขึ้น เบื่อโลกละทีนี้ เบื่อโลก ไม่อยากจะอยู่ในโลกแล้ว ถ้าเราแพ้มันก็เป็นทุกข์นะ ไม่ว่าแพ้อะไรมันก็เป็นทุกข์ทั้งนั้นแหละ แล้วเราก็ไม่สบายมากขึ้น เบื่อโลกละที่นี้ เบื่อโลก ไม่อยากจะอยู่ในโลกแล้ว เรานึกว่าตายแล้วมันจะหมดทุกข์ นึกสั้นๆมากไป
คิดให้ยืดยาวอะไรไปทำลายตัวเองที่เจอปัญหา เราไม่ได้เตรียมตัวไปต่อสู้ที่ เหมือนข้าศึกยกมาประชิดเมือง เราทำไมไม่หัดคนให้เป็นทหาร ก็ไปจับชาวนาชาวไร่มาไปยิงกับข้าศึกมันไม่รู้ว่าจะเอาลูกกระสุนอย่างไรจะยิงอย่างไร ยืนอีท่าไหน ไปยืนจังก้าอยู่ เขาเก่งกว่าเขาก็ยิงเราม่องไปเสียก่อนเท่านั้นเอง เราก็พ่ายแพ้ฉันท์ใด มันก็เป็นฉันท์นั้นแหละ ชีวิตเรานี้ก็เหมือนกันเราจะต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆ เราอย่านึกว่าเรามีปัญหาพอแล้ว ที่เรียนมาจากมหาวิทยาลัยนี่ ความรู้ที่เราเรียนมาจากมหาวิทยาลัยนั้นมันเป็นความรู้ในการการประกอบกิจการงาน เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ให้ได้เงินได้ปัจจัยมาสำหรับกินใช้ ความรู้มันเท่านั้นแหละ ความสามารถก็อย่างนั้นแหละ แต่ว่าความรู้นั้นจะไม่ช่วยเรา ในเมื่อเรามีปัญหา มีความทุกข์ความเดือดร้อน คนมีความทุกข์ความเดือดร้อนเราก็ช่วยตัวเองไม่ได้ นายแพทย์มีความรู้ในทางร่างกายเรื่องโรคและก็รู้ว่าจะรักษาโรคอย่างไร
แต่เมื่อมีปัญหาทางจิตใจขึ้น ก็ไม่สามารถจะใช้ตำรายา ตำราหมอนั้นช่วยตัวได้ เพราะมันคนละเรื่องกัน หรือว่าคนที่มีความรู้ในทางด้านอื่นเป็นสถาปนิก วิศวกร เรียนอะไรในเรื่องต่างๆนานา เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็จนตา เข้าตาจนทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เลยก็ต้องหันเข้าหาสุราเมรัย ดื่มกันเป็นการใหญ่ พวกนักเขียนนวนิยายก็ถ้า พระเอกกลุ้มใจก็ให้กินเหล้าทุกที แล้วก็ให้ไปอ่านเด็กมันก็จำไว้ ว่า อ่อ กลุ้มใจต้องกินเหล้า กลุ้มใจต้องไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง แล้วมันแก้ได้เมื่อไหร่ มันก็แก้ได้ทีไหน มันไม่มีทางที่จะแก้ได้ เพราะว่าคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ศึกษาทางแนวทางชีวิตในแง่ธรรมะ ไม่เอาธรรมะไปปลอบโยนจิตใจพระเอก แล้วนางเอกจะกลุ้มใจขึ้นมาก็เขียนให้ร้องให้ หมอนทั้งใบเปียกโชกด้วยไปน้ำตาที่หลั่งออกมาในยามราตรี ว่ายังนั้น แล้วมันช่วยอะไรได้ ไอ้น้ำตาที่หลั่งออกมาทั้งคืนมันช่วยอะไรได้ ตื่นเช้าก็ตาบวมแดง เป็นโรคตาแดง ตาเปียก ตาแฉะต่อไป มันไม่ได้ช่วยอะไรในการทำเช่นนั้น ทำไมเราเขียนเสียอย่างนั้นน่าจะเขียนเสียให้มันดีกว่านั้นสักหน่อย เพราะว่าเวลากลุ้มใจก็ให้เขียนว่า เอ เราจะไปหาใครดี กลุ้มใจนี่ควรจะไปหาใครดีนะ แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร
เคยมีเรื่องในสมัยพระพุทธเจ้าดำรงชีวิตอยู่ คือพระเจ้าอชาตศัตรูแกทำบาปหนัก บาปหนักถึงกับฆ่าพ่อนะ จับพ่อไปขังไว้จนตาย แล้วมาเกิดรักพ่อจนเมื่อมเหสีคลอดลูก ในวันที่มเหสีคลอดลูกพ่อก็ตายวันนั้นเรียกว่า ตัวตายตัวแทนกันนะแหละ มาอำมาตย์สองคนเข้าไปรายงานเหตุการณ์ก็ปรึกษากันว่าเราควรจะรายงานอะไรก่อน เกิดกับตาย เนี่ย ก็คิดกันว่าไอ้เรื่องเกิดมันเป็นเรื่องน่าฟัง เรื่องตายนี่ไม่น่าฟังหรอก รายงานเรื่องเกิดก่อนดีกว่า คนหนึ่งก็เข้าไปกราบทูลว่าพระมเหสีคลอดพระโอสรเป็นชายพระเจ้าคะ พอรู้ว่ามเหสีคลอดลูกเป็นชาย ไอ้สัญชาตญาณความเป็นพ่อมันเกิดขึ้นทันทีเกิดรักลูกขึ้นมาเชียว มันเป็นอย่างนั้นนะ คนเราเป็นพ่อมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า พอรู้ว่าภรรยาคลอดลูกความเป็นพ่อมันเกิดขึ้นมันรักขึ้นมาทันที รักลูกขึ้นมาทันที พอรักลูกขึ้นมาทันทีก็คิดว่าพ่อคงรักเราเหมือนเรารักลูก อ่าก็นึกว่าเราแหมเอาพ่อไปขังไว้ป่านนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ อำมาตย์คนที่สองกราบเข้ามาบอกว่าพระราชบิดาของพระองค์สวรรคตแล้วพระเจ้าคะ ใจหายเข้าไปทันที เหี่ยวเหมือนกับต้นไม้ถูกน้ำร้อนลวกเข้าไปทันทีเรียกว่าอย่างนั้นนะ เหี่ยวเฉาขึ้นไปทันทีมีทุกข์มาก ทุกข์เหลือเกิน
ต่อมาก็ คืนวันหนึ่งกำลังนั่งตากอากาศบนปราสาท อยู่บนปราสาทชั้นบน ทำเป็นลานไว้ข้างบนปราสาท เดือนหงายหงายก็ขึ้นไปนั่งตากอากาศ ก็ปรารภกันว่าเดือนหงายหงาย อย่างนี้จะทำอะไรดี อำมาตย์บางคนก็บอกว่าเดือนหงายอย่างนี้ก็ต้องเอาสุรามาเลี้ยง มีกับแกล้ม มีนางฟ้อนมารำ อยู่ในแสงจันทร์สลัวๆอะไรอย่างนี้ ก็พระราชาฟังแล้วก็เฉยๆ แล้วก็ถามคนอื่น บอกว่าเดือนหงายหงาย อย่างนี้มันน่าจะไปป่า ล่าเสือ ล่ากวาง ยิงกระต่าย พระเจ้าแผ่นดินฟังแล้วไอ้นี่ไม่ไหวเบียดเบียนสัตว์ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำ แล้วก็มีคนหนึ่งบอกว่าเดือนหงายหงายอย่างนี้ ควรจะไปหาสมณะ ที่มีความสงบทางจิตใจ เพื่อจะได้ศึกษาธรรมะเอามาเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เออ เข้าที เข้าที พระราชาได้ฟังเช่นนั้นก็ตรัสว่า เข้าที เข้ามี แล้วเราจะไปหาใครดีในคืนวันนี้ แสดงให้เห็นว่า อชาตศัตรู ยังไม่ได้เจอ พระพักตร์พระพุทธเจ้า ยังไม่ได้เข้าใกล้ คือได้เข้าใกล้เหมือนกันแต่ว่าใกล้เทวทัต แทนที่จะเข้าหาพระพุทธเจ้า ไปหาเทวทัต ซึ่งเป็นยอดอันธพาลชั้นหนึ่งของโลก รังแกจนกระทั่งพระพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นยอดอันธพาล แกก็ไม่รู้เรื่องอะไร เทวทัตชวนให้จับพ่อไปขังอะไรต่ออะไรวุ่นวายไปหมด คบคนพาลมันยังงั้นแหละ มันก็ได้แต่เรื่องพาลๆ ถ้าคบคนดีก็ได้เรื่องดี ก็เลยถามว่าเราควรจะไปหาใคร ใครเป็นลูกศิษย์ใครก็อยากให้พระเจ้าแผ่นดินไปหาผู้นั้นแหละ ลูกศิษย์ของนิครนถนาฏบุตร ก็ต้องไปหานิครนถนาฏบุตร นิครนถนาฏบุตรสอนว่าอะไรย่อๆ แล้วก็เล่าให้ฟัง ตกลงก็ให้ไปหาคนคนนั้นมีหลายคน มีตั้ง 6 คนที่มีชื่อเสียงอยู่ในยุคพุทธกาล พระราชาฟังแล้วก็ไม่พอพระทัย หมอชีวกโกมารทัตนั่งอยู่ในที่นั้นด้วย หมอนี่ก็เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เคยเข้าใกล้ฟังธรรมอยู่เสมอ เลยกราบทูลว่าเดือนหงายหงายอย่างนี้ควรจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าสมณโคดมสัมมาสัมพุทธะ ที่ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง พอกราบทูลเช่นนั้น
อชาตศัตรูก็นึกว่า.. เออ...แหมพ่อเรานี่เลื่อมใสพระพุทธเจ้า สร้างวัดเวฬุวัน ถวายพระพุทธเจ้า คอยบำรุงอุปัฏฐากอยู่ตลอดเวลา แต่เรานี่มันเป็นลูกนอกคอก ไม่เดินตามเส้นทางของพระบิดาแต่คบหาเทวทัตภิกษุใจพาล และเราก็เสียผู้เสียคนไป ถึงเวลาแล้วที่เราควรได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ก็เลยรับสั่งว่า เอาล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ก็เตรียมช้าง สมัยนั้นเขาใช้ช้างเดินทาง ประทับตั่งบนหลังช้างเข้าไปที่วัดของหมอชีวกโกมารทัตนี่แหละ เรียกว่า ชีวกกัมพวัน อยู่ในเมืองราชคฤห์ เสด็จไปจนถึงบริเวณก็ลงจากช้าง และก็เดินกันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในหมู่พุทธไธยสงฆ์จำนวนมาก พระเจ้าอชาตศัตรูถามว่าองค์ไหนละเป็นพระพุทธเจ้า แต่ว่าพระที่นั่งนั้นนั่งสงบเหมือนกัน พระพุทธเจ้านั่งอย่างไรพระนั่งอย่างนั้น กริยาอาการสงบเสงี่ยมเหมือนกัน จนดูไม่ออกว่าใครเป็นพระพุทธเจ้า หมอบอกว่าองค์ที่นั่งตรงกลางพิงเสานั่นแหละคือ องค์พระพุทธเจ้า ท่านก็เดินขาสั่นเข้าไปเลยทีเดียว เดินขาสั่น กลัวพระพุทธเจ้า เดินขาสั่น
ทำไมจึงได้เกิดความกลัว คนมีความผิดนี่มันกลัว เรามีอะไรผิดๆอยู่ในใจ ลูกมีอะไรผิดคุณแม่เรียกนี่หน้าตาไม่ค่อยดีเลิกลั่ก เลิกลั่ก เดินนี่ก็ไปสะดุดอะไรต่ออะไรเพ่นพ่านไปหมด ใจมันไม่ดีเพราะกลัวมีความผิดคิดว่าคุณแม่จะไปเทศน์แล้วเลยกลัว ลูกศิษย์ทำผิดพอครูเรียกนี่ก็เอ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรนะ ถ้าจะเรื่องนี่เรามันไม่ค่อยดี กลัวเลยนะ บางทีครูไม่รู้เรื่องแต่กลัวไปแล้ว อันนี้เขาเรียกว่าเป็น ปัจเจกตัง เป็นเรื่องเฉพาะตัว ใครผิดคนนั้นรู้ด้วยตัวเอง ร้อนตัวเอง ที่คนอื่นรู้ไม่รู้ตัวก็เดือนร้อนแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องเฉพาะตัวแท้แท้ เข้าไปหาครูก็เดินสั่นสั่นนะ ครูก็มีจิตวิทยามันก็เลยกลัว ทำไมมียังงั้นยังงี้มีอะไรบกพร่อง แล้วก็เดินออกมายังงั้น มันเป็นยังงั้น ก็เลยกลัว พระสงฆ์องค์เจ้านี่ชาวบ้านก็เลยกลัวเหมือนกัน กลัวพระที่เป็นนักเทศน์ นักสอนธรรมะ ไม่อยากเข้าใกล้ เขาบอกว่าท่านดุนี่ ไม่อยากเข้าใกล้ ความจริงพระไม่ได้ดุอะไรหรอก แต่ว่าเข้าใกล้แล้วชอบสอนชอบเตือนแล้วก็ไม่กล้ามา กลัวจะถูกสอน กลัวจะเตือน กลัวเขาจะจับอาบน้ำและขัดถูขี้ไคลให้ เลยไม่อยากจะมา อยากจะอยู่แบบสกปรกอยู่ตลอดเวลา มันยังมีนะ คนประเภทนั้นไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่อยากเข้าใกล้พระ กลัวจะถูกอาบน้ำธรรม แล้วมันจะสะอาด อยากจะอยู่อย่างสกปรกต่อไป เป็นแบบนั้นมันก็มี ถ้าจำเป็นต้องเข้าเรียกว่าเดินขาสั่น
พระเจ้าอชาตศัตรูก็เดินขาสั่นเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านปลอบโยนด้วยการทักก่อน พอเข้ามาระยะ ก็เชิญ พระองค์ก็เรียก เอหิ อชาตศัต ตุ ข้าพเจ้าขอถวายพระพร เสด็จมาที่ตรงนี่ มหาบพิตร เสด็จมาที่ตรงนี้ ที่ตรงนี้ ใจชื้น ใจชื้นขึ้นมาว่า โอ พระพุทธเจ้ารู้จักเรา อุตส่าห์ออกชื่อเรา ค่อยสบายใจ เข้ามานี่ใจก็ตุ่มๆต่อมๆ ไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก คือเป็นตัวอย่างให้เห็นเรื่องนี้ว่า คนเรามีปัญหานี่ควรจะไปวัด ไปหาพระเพื่อศึกษาปัญหาชีวิต แต่ว่าคนบางพระคนไม่ไปหาพระ ไปหาพระพุทธรูปเลย นี่ไปหาพระพุทธรูป ท่านพูดได้เมื่อไหร่ นี่ไปหาพระพุทธรูป พระพุทธรูปพูดไม่ได้ เราก็ไปนั่งอยู่คนเดียว พึมพำอยู่คนเดียว แต่ว่าหาวิธีว่าจะทำยังไงนี่ วัดเขาก็เก่งเหมือนกัน เอาไม้กระบอกมาวางไว้ เอาไม้ไผ่เหลาเล็กๆใส่ไว้ เขียนเลขไว้ เรียกว่าเป็นสะพานคุยกับพระพุทธเจ้า ก็นั่นก็ไปนั่งสั่น ก๊อกๆๆ ตามเรื่องเนี่ย เรียกว่ามันเป็นคนปัญญาอ่อนเขาว่าอย่างนั้น ไปนั่งสั่นเรื่อยไปหล่นลงมาสักอันก็แหม ดีใจแหงนหน้าดูพระพักตร์พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ให้แล้วแหละ อันนี้เขาเรียกว่าโง่ ไม่ได้เรียกอะไรหรอก แต่ความจริงแขนของตัวหาเรื่องเอง แล้วก็ไปนึกว่าพระให้ อ่านใบนี้ว่าดีแท้ของหายก็จะได้คืน ที่รักจากไปก็จะกลับมา โรคาก็จะหาย อันนี้มันเป็นอุบายของคนพิมพ์ใบเซียมซี เรียกว่าร้อยใบนี่ก็ให้ดีไว้เก้าสิบห้าใบ ไอ้คนไหนที่มันซวยเต็มทีมันก็สั่นถูกใบซวยห้าใบนั้น ไปเรื่อยก็เลย มันเป็นอย่างนั้นไปสั่นไปเรื่อย นี่เขาเรียกว่าไปหาพระไม่ถูกพระ ไปหาแบบขอร้องวิงวอนบนบานศาลกล่าว
เราควรมาหาพระสงฆ์ไป มาบอกให้ทราบว่ามีโรคทางใจ มีปัญหาทางใจ มีอะไร อะไร อะไรอยู่ จะแก้อย่างไรจะคิดอย่างไร จะทำในใจอย่างไรพระท่านก็แนะนำให้ ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เราเกิดปัญญา เกิดความคิดความอ่าน รู้จักปลงรู้จักวางในความคิดนั้นๆ แล้วเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป นี่จึงจะเป็นการถูกต้อง ธรรมะจึงช่วยเราในเมื่อเราเข้าหาธรรมะ แต่ถ้าเราไม่หันหน้าเข้าหาธรรมะ ธรรมะจะไปช่วยได้อย่างไร ยาอยู่ในขวดจะช่วยคนให้หายป่วยได้อย่างไร หายไม่ได้ เราต้องกินยานั้นตามที่นายแพทย์สั่ง กินกี่เวลา เช้า หรือเที่ยง เย็น ก่อนอาหาร หรือหลังอาหาร กินให้มันถูกต้องตามที่หมอสั่ง แล้วโรคก็จะหาย ธรรมะก็เป็นอย่างนั้นแหละ ธรรมะเป็นยาเป็นโอสถแก้โรคทางจิตทางวิญญาณ เราก็ต้องศึกษาเอามาใช้เป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ไอ้ความจริงคนเรามันต้องอ่านธรรมะทุกวัน อ่านธรรมะทุกวัน ฟังธรรมะทุกวัน แต่ว่าสมัยก่อนนี้ลำบากหนังสือไม่ค่อยมีอ่าน มีอยู่ก็โน่นหอไตรนู้น หอไตรไปอ่านก็อ่านไม่ไหวที่หอไตรนู้น อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง สมัยนี้หนังสือเยอะแยะ เราควรจะซื้อไปไว้อ่านบ่อยๆ มีปัญหาอะไรขึ้นก็เอามาอ่าน อ่านไว้ กลุ้มใจอ่านหนังสือ ไม่สบายใจมีเรื่องก็เข้าห้องอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือก็เหมือนกับว่าเราเข้าใกล้พระธรรม เราเข้าใกล้พระพุทธ เข้าใกล้พระสงฆ์แล้ว อ่านบ่อยๆก็จะได้เอาประยุกต์ไปใช้ได้ทันท่วงที อ่านหนังสือ เดี๋ยวนี้เราฟังธรรมะบ้าง
สมัยนี้สะดวกมากเพราว่าธรรมะมันอยู่ในเทปอัดเสียง เราก็ทำไว้เยอะแยะ เราก็มีเฟ้อ วิทยุก็มีให้ฟังกันอยู่ทั่วไปนะ ทรานซิสเตอร์อย่างฟังแต่เพลงเธอจ๊ะเธอจ๋า เราก็เอาใช้ให้เป็นประโยชน์ เปิดเทปฟัง จะเอาฟังก่อนนอนก็ได้ ฟังตื่นเช้าก็ได้ นั่งรับทานอาหารก็เรียกว่าเอาเทปธรรมะกล่อมใจต่างเสียงเพลงยามอาหารอะไรก็ฟังนั้น มันก็ดีขึ้นได้ประโยชน์ เพื่อนฝูงมาเยี่ยมมาเยือนคุยเรื่องงานเรื่องการกันจบแล้วก็ ฟังนี่หน่อยสิ แล้วก็เอาธรรมะมาเปิดให้เพื่อนฟัง หรือว่าเปิดธรรมะฟังก่อนเรื่องงานค่อยคุยกันทีหลัง ใจมันสงบแล้วคุยกันสบาย มีปัญญามีความคิดความอ่าน เราเอาธรรมะไปเลี้ยงเพื่อน ต้อนรับเพื่อนเรา น้ำก็ต้อนรับ ต้อนรับด้วยน้ำเย็นอะไรตามเรื่องนะ แต่ว่าธรรมะก็เอามาต้อนรับด้วย เลี้ยงเขาด้วย เพื่อนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องธรรมะ เมื่อได้ยินเข้าก็จะรู้สึกประหลาดใจ รู้สึกว่าโอ้อันนี้มีประโยชน์แก่ชีวิตของเราเขาจะสนใจ ในวันหนึ่ง เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง ของชีวิตนี่ เราได้จูงเพื่อนของเราที่เดินหลับตาคลำโลกให้ได้ลืมหูลืมตาให้หันหน้าเข้าหาธรรมะสักรายสองราย
นี่นับว่าเป็นการช่วยอย่างประเสริฐ ช่วยอย่างประเสริฐที่สุดแล้ว ให้ของประเสริฐแก่เพื่อนแล้ว ดึงเพื่อนเข้าหาสิ่งถูกต้องแล้ว เราควรอิ่มใจที่เรามีเพื่อนอย่างนั้น ในสำนักงานเพื่อนเราเยอะ แต่ว่าเราเคยเชิญเพื่อนมาในทางถูกต้องบางไหม ชวนเพื่อนให้เกิดปัญญาเกิดความคิดความอ่าน ในเรื่องชีวิตถูกต้องไหม น้อยคนที่จะชวนกัน พบกันว่าให้วางแผนเย็นนี้จะไปดูหนังโรงไหน แล้วจะไปกินข้าวกลางวันที่ไหน วางแผนแต่เรื่องวัตถุแต่เราไม่ค่อยวางแผนเรื่องธรรมะกับเพื่อน ไม่หาโอกาสคุยธรรมะให้เพื่อนฟัง กลัวเหมือนกันบางคนถ้าคุยก็กลัวเขาจะว่าแก่วัดไป ธรรมะไป ไอ้แก่วัดแก่ธรรมะมันดีกว่าแก่เหล้าแก่การพนันขันต่อนี่นะ ถ้าแก่เหล้ามันก็ยิ่งขาดทุน แก่การพนัน แก่การเที่ยวกลางคืน แก่เรื่องเหลวไหลมันไม่ได้เรื่องอะไร แต่ถ้าเราเข้าหาเพื่อนโอ คุณยายมาอีกแล้ว ถ้าเราเอ่ยธรรมะ คุณยายจะเทศน์อีกแล้วต้องถอย เราก็ชวนพูดชวนคุยไป หาโอกาสสนทนาไป เพื่อนก็ค่อยซึมทราบเข้าไปทีละน้อย ทีละน้อย วันอาทิตย์นี่เรามาวัด นัดเพื่อนมาบ้าง ชวนเพื่อน ว่าเออ วันนี้ไปวัดกันนะ เรามีรถก็เอาไปรับเพื่อนมามั่ง พาเพื่อนมาวัดนั่นแหละคือการสงเคราะห์เพื่อนด้วยความดี สงเคราะห์ด้วยธรรม สงเคราะห์เพื่อนด้วยธรรมะนี่เป็นการสงเคราะห์ที่มีคุณค่ามีราคา ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น ไม่ได้ช่วยแต่เพื่อนคนนั้นนะ แต่ว่าช่วยให้คนในครอบครัวดีขึ้น ให้การงานดีขึ้น ให้ประเทศชาติดีขึ้น เพราะคนได้หันหน้าเข้าหาธรรมะได้ปฏิบัติธรรมะกัน
นี่โรงเรียนพาเด็กมาวัดนี่มันก็ดี นี่วันนี้หนู หนูเขามากัน โรงเรียนวัดระฆัง อยู่ถึงวัดระฆังนะไม่ใช่ใกล้นะ สตรีวัดระฆังอุตส่าห์มาถึงวัดชลประทาน ความจริงที่วัดระฆังนะก็มี มีหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โต แต่ว่าท่านพูดไม่ได้ ก็คือท่านแก่แล้ว ก็เลยต้องพามาวัดที่พระพูดได้หน่อย เลยพามา วันอาทิตย์นี่ก็จะพาเด็กมา วันเสาร์นี่ก็มาเดี๋ยวนี้ วันเสาร์นักเรียนโรงเรียนสตรีนนท์เขามากัน วันเสาร์ละชั้นก็มากัน มาถึงแปดโมงเช้า แปดโมงครึ่งก็เข้าห้อง แล้วก็สวดมนต์แล้วก็พระพูดธรรมะให้ฟัง นั่นแหละประเสริฐแล้ว ครูโรงเรียนไหนที่กล้านำเด็กเข้ามาวัดอย่างนี้นะเป็นครูที่ฉลาดแล้วล่ะ เป็นครูที่ดีแล้ว เพราะว่าครูไม่ดีจะไม่กล้านำเด็กมาวัดนะ กลัวเด็กจะรู้ธรรมะแล้วครูจะไม่สบายใจอะไร อันนี้แสดงว่าครูนี่เรียบร้อย กล้านำเด็กมาวัดได้ไม่กระดากอะไร นำมาเถอะมาบ่อยๆ อย่างน้อยเขาได้เกิดความคิดเกิดปัญญา สิ่งที่เขาฟังแล้วนั้นอาจจะไม่ได้ใช้เวลานี้ก็ได้ แต่ว่าโตขึ้นบางทีไปใช้ เขาเอาไปใช้ เขามีความทุกข์ โอ้ หลวงพ่อองค์นั้นเคยเทศน์ให้เราฟัง แล้วเขาเอามาเป็นที่พึ่งทางใจ เคยมี เด็กคนหนึ่งมันมีความทุกข์มาก คิดอยากจะไปฆ่าเขานะ แต่นี่ก็นะเออ ฆ่าคนนี่มันบาปขนาดไหนนะ ถามพระดูก่อน แล้วก็มาส่งจดหมายมาถามอาตมา เพราะว่าเคยไปเทศน์ที่โรงเรียนเมื่อเขาเรียนหนังสือ เขารู้โดยทางหนังสือพิมพ์ว่าหลวงพ่อปัญญานันทะอยู่วัดชลประทาน เขียนมา พออ่านแล้วรีบเขียนตอบทันที อาตมานี่ไม่ค่อยตอบจดหมายคนเท่าใด แต่ว่าไอ้อย่างนั้นต้องรีบตอบเพราะว่ามันเริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มแล้ว มันจะฉิบหายแล้ว เลยต้องเขียนไป เขียนไปแล้วเขาก็สบายใจ เขารีบละความคิดที่จะไปทำร้ายคนอื่น แม้คนอื่นทำร้ายตัวก็ให้อภัยแบบนี้
นี่คือประโยชน์ที่ว่าเมื่อเด็กเขาได้ฟังธรรม พอเขามีความทุกข์เขานึกถึงพระที่เคยเทศน์ให้เขาฟัง นึกถึงธรรมะขึ้นมาแล้วช่วยให้เขาไม่ต้องเป็นอาชญากรฆ่าคน มันช่วยได้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นช่วยกัน ดึงคนเข้ามา เข้าวัด เข้าวา ดึงไม่มา ไม่ก็เอาเทปไปแจกให้ฟังที่บ้านก็ได้ วันเกิดนี่เราส่งเทปไปเป็นของขวัญ หนังสือธรรมะ เทปอัดเสียง ไม่ว่าวันเกิดใครก็ส่งไปเป็นของขวัญวันเกิด ดีกว่าเอาดอกไม้ไปให้ ดอกไม้พอดีตอนเช้าตอนบ่ายเหี่ยวแล้ว ตอนเย็นขว้างแล้วไม่ได้เรื่องอะไร แต่ว่า ธรรมะมันไม่เหี่ยว มันไม่แห้ง เราให้เขาแล้วมันก็อยู่ถาวร เขาได้เปิดฟังแล้วเขาสบายใจแล้วได้ความรู้ความเข้าใจ เป็นเรื่องดีกว่าให้ของขวัญด้วยดอกไม้ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน วันเกิดรัฐมนตรีอะไรนี่ เอาธรรมะเทปท่านปัญญาส่งไปบ้างลองดู แล้วก็ฟังแล้วไม่รู้สึกก็แสดงว่ากูนี่กำลังเลอะแล้ว แล้วจะได้แก้ซะมั่งเรื่องอำนาจธรรมะที่เราเอาไปให้เป็นของขวัญ ให้ท่านได้ฟังบ้าง บางโอกาส มันก็จะดีขึ้นนะ คนเรามันจะดีขึ้น เมื่อได้เข้าไปหาพระ ได้นำพระมาใส่ไว้ในใจ แล้วก็ได้รักษาพระนั้นไว้ชั่วชีวิต รักษาพระไว้ชั่วชีวิตของเรา จะคิดอะไร จะพูดอะไร จะทำอะไรต้องอยู่ในขอบเขตของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เรารักเราซื่อตรงต่อพระพุทธเจ้า เมื่อเรามีปัญหาเราก็นึกถึงท่าน นึกถึงคำสอน นึกถึงพระสงฆ์อริยสาวกของพระพุทธเจ้า เราก็สบายใจ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดสำหรับในสมัยยุคปัจจุบันนี้ จึงนำมาพูดให้ญาติโยมทั้งหลายฟัง แล้ววันนี้ก็มาเทศน์โรงพยาบาลเลิคสินนู้น ก่อนนี้เคยไปเทศน์หมู่นี้ก็นานแล้วไม่นิมนต์ไปเทศน์ เลย มาเอาวิดีโอเทปมาอัดไปเลยเอาไปฉายไปเลย แล้วอันนี้ก็ดีเหมือนกันฮะได้เห็นรูปด้วยได้ฟังเสียงด้วย ก็เกิดเรียกว่าตื่นเต้นนิดหน่อย พระได้เทศน์ก็เลยมีรูป ถ้ามีเทปก็อยากจะดู เอามาถ่ายทอดกันไปอย่างนี้ก็ดีได้ประโยชน์แก่คนเหล่านั้นได้รับฟังกัน สำหรับวันนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้ว ขอยุติการกล่าวปาฐกถาไว้แต่เพียงนี้ อ่าต่อนี้ไป ก็ขอเชิญญาติโยมนั่งสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที