แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อันเป็นหลักคำสอนในทางพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ นั่งพัก ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่สามารถได้ยินเสียง จากเครื่องขยายเสียงได้ชัดเจน แล้วจงตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟัง ตามสมควรแก่เวลา
วันนี้เมื่อตอนเช้าเขามารับไปแสดงปาฐกถาที่ กอ.รมน. สวนรื่น ไปพูดกับนักธุรกิจทั้งหมดจำนวน ๒๗๐ คน เริ่มพูดเวลาแปดโมง เก้าโมงหยุดแล้วก็รีบขึ้นรถมานี่ มาถึงลงรถก็ไม่ขึ้นกุฏิ รีบเดินมานี้ รู้สึกว่ามันหอบไปหน่อย ต้องมายืนให้หายใจคล่องเสียหน่อย นึกว่าจะพูดอะไรกับญาติโยมต่อไป ที่ กอ.รมน. เข้าอบรมเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ เมื่อก่อนนี้ก็ไม่มีพระไปพูด แต่ว่ามีอยู่คราวหนึ่ง คนที่ไปรับการอบรมนั้น เป็นผู้เคยมาวัดชลประทาน เลยแนะนำว่าควรจะนิมนต์หลวงพ่อปัญญามาพูดบ้าง ก็เลยไปพูดในชุดนั้น คราวนี้เมื่อพูดแล้วเจ้าหน้าที่ที่ให้การอบรมเห็นว่าเข้าทีดี ก็เลยนิมนต์มาเรื่อยๆ ติดต่อกันมา แต่โดยมากก็ไม่ใช่วันอาทิตย์ มักจะเป็นวันเสาร์หรือตอนบ่าย วันนี้มาตรงกับวันอาทิตย์ตอนเช้า ความจริงวันนี้ตรงกัน ๒ เรื่อง เขาจะให้ไปออกโทรทัศน์ด้วย เพราะว่าวันที่ ๑๓ นี้ วันครบรอบปีของการออกโทรทัศน์ อาตมาไปออกเป็นครั้งแรก หลายปีมาแล้ว เขาก็นิมนต์ไป แต่ว่า กอ.รมน. คนสำคัญกว่า ก็เลยให้ท่านมหาบุญสร้างไป อาตมาก็ไปที่โน้น ไปพูดกับคนเหล่านั้น เพราะเขาเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ อันเป็นเรื่องสำคัญของชาติของบ้านเมือง ควรจะได้มีธรรมะเข้าไปใช้ในการงาน ในการประกอบกิจในหน้าที่ กิจกรรมก็จะดีขึ้น และเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมมากขึ้น จึงต้องไป บัดนี้ก็มาถึงกับญาติโยมทั้งหลายตามปกติแล้ว จะได้พูดเรื่องต่อจากวันก่อน
วันก่อนนี้พูดถึงเรื่องอบายมุขให้ญาติโยมฟัง ก็เป็นเรื่องที่กำลังผจญอันตรายอยู่กับพวกเราทั้งหลาย เป็นภัยเฉพาะหน้า เป็นภัยที่จะต้องรีบแก้ไขด่วน ถ้าไม่รีบแก้ไขแล้วประเทศชาติจะไปไม่รอด แม้เราจะมีอะไรดี แต่ถ้าว่ากำลังคนไม่ดีก็ไปไม่รอด กำลังคนก็อยู่ที่จิตใจ ถ้าจิตใจคนเสื่อม กำลังอื่นก็เสื่อมหมด แล้วชาติประเทศจะอยู่รอดได้อย่างไร
เราพูดกันว่าเรารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในความรักสามอย่างนี้ สำคัญอยู่ที่ความรักศาสนา เพราะความรักศาสนาก็คือรักธรรมะ รักธรรมะก็คือเป็นผู้เอาธรรมะมาอยู่ด้วย เรารักสิ่งใด ก็ใคร่จะอยู่กับสิ่งนั้น เช่น หญิงชายรักกันก็อยากจะอยู่ด้วยกัน เพื่อนฝูงรักกันก็อยากจะอยู่ใกล้กัน ถ้าเรารักธรรมะ เราก็ต้องอยู่ใกล้ธรรมะ เอาธรรมะมาอยู่ด้วย อยู่ทุกเวลา เวลากิน เวลานอน เวลาไปไหน เวลาทำอะไร เราต้องนึกถึงธรรมะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักเราบูชา คนรักธรรมะแล้วก็เอาธรรมะไปกับตัว ย่อมไม่ว้าเหว่ ไม่อันตราย ย่อมพ้นจากความทุกข์ความเดือนร้อน เพราะธรรมะเป็นเพื่อนแท้ของเรา เป็นเพื่อนร่วมสุขกันอย่างแท้จริง ในยามทุกข์ธรรมะก็ช่วยปลอบโยนจิตใจ ในยามสุขธรรมะก็เข้ามาหล่อเลี้ยงให้เกิดความพอดีทางจิตใจ ไม่ให้มาก ไม่ให้น้อย เพราะอะไรมากไปก็ไม่ค่อยดี น้อยไปก็ไม่ค่อยดี สิ่งที่ดีนั้นคือความพอดี
ความพอดีทางจิตใจคนนั้น ต้องอาศัยธรรมะเป็นเครื่องถ่วงให้เกิดความสมดุล ถ้าขาดธรรมะเป็นเครื่องถ่วงแล้ว ความสมดุลจะไม่มี แล้วจะเอียงไปทางชั่วก็ได้ เอียงไปในทางดีก็ได้ ถ้าเอียงไปทางดีไม่กระไร แต่ถ้าเอียงไปทางชั่วก็จะเกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องจงรักภักดีต่อพระธรรม พระธรรมนั้นเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็เลยรักพระพุทธเจ้าด้วย แล้วเราก็รักพระอริยสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นตัวอย่าง ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง ปฏิบัติธรรมเป็นตัวอย่าง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์เป็นตัวอย่าง ให้เราทั้งหลายได้เห็นเป็นประจักษ์พยาน แล้วเราจะได้เดินตามทางนั้นต่อไป ชีวิตเราก็จะราบรื่นเรียบร้อย แต่ความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นในสังคม เพราะว่าคนเราทิ้งธรรมะ ไม่รักธรรมะ แต่ไปรักสิ่งที่เป็นอบาย เช่น ไปรักสุราเมรัย ไปรักการพนัน ไปรักการท่องเที่ยวในยามกลางคืน ไปรักเพื่อนชั่วๆ ที่ชวนเราไปมั่วสุมกับสิ่งชั่วร้าย ไปรักกับความสนุกสนานที่ทำลายทรัพย์ ชีวิต การงาน เกียรติยศชื่อเสียงให้หมดสิ้นไป ไปรักกับความเกียจคร้าน ไม่รักความขยันขันแข็งในหน้าที่การงาน ถ้าความรักของเรา มันเป็นอย่างนั้น เอาตัวไม่รอด ชีวิตตกต่ำ เขาเรียกว่าตกบ่อ บ่ออบายมุข บ่อแห่งอบาย บ่ออบายตกกันง่าย ตกแล้วถอนตัวไม่ค่อยขึ้น นักการพนัน ถ้าไปติดการพนันแล้วถอนตัวไม่ค่อยขึ้น แม้เป็นใหญ่เป็นโตก็ยังมีนิสัยชอบการพนัน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ผู้แทนราษฎรที่ถูกเขายิงตายไปนั้นเป็นนักการพนัน ไม่ใช่เพียงสองคนเท่านั้น เขาบอกว่ายังมีอีกหลายคนที่เป็นคนชอบเล่นการพนัน พอมีเงินเข้าแล้วก็ไปเข้าบ่อน ไปมั่วสุมเล่นการพนัน
วันก่อนนี้ไปบ้านคนๆ หนึ่ง ท่านผู้นั้นว่าบ้านผมอยู่ในซอยลึกกว้างหน่อยเงียบ แล้วก็บ้านสองชั้น มีชั้นใต้ดิน มีพวกผู้แทนเก่าๆ หลายคนที่สอบตกจะมาขอเช่าบ้าน แล้วเปิดเป็นบริษัท ไม่ใช่บริษัทค้าอะไรหรอก ยกป้ายหลอกชาวบ้าน แล้วก็ให้สร้างกำแพงสูงขึ้นอีกสักหน่อย เท่าที่มีมันไม่พอ แล้วถามว่าจะทำอะไร เช่าราคาแพงให้เดือนละแสน แสนห้า ไม่ใช่เล็กน้อย บอกว่าจะเช่าทำบ่อนการพนัน ว่าอย่างนั้น ทีนี้เจ้าของบ้านบอกว่า ไม่ได้หรอกเสียชื่อตายเลย ผมทำราชการได้สายสะพาย แล้วหนังสือพิมพ์ลงว่า เขาเช่าบ้านผมไปทำบริษัทเล่นการพนัน ผมก็ขายหน้าตาย เอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน พวกนั้นก็เลยถอยไปไม่เอา อันนี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า คนเหล่านั้นชอบสนุกในการพนัน คนเราจะสนุกก็ไม่ว่า เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมดา จิตใจคนเราต้องมีการพักผ่อน ที่ฝรั่งเรียกว่า relax คือมีการพักบ้าง ทำการทำงานเหน็ดเหนื่อยก็ต้องพัก แต่ว่าพักอย่าให้ใจเสีย แต่บางคนพักแต่ใจเสียลงไป คือพักไม่ดี พักแล้วใจมันเสื่อม เช่น พักไปเล่นไพ่กัน ไปมั่วสุมในการพนันกัน
วันก่อนคุยกับท่านรองณรงค์ มหานนท์ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ ท่านบอกว่า การพนันในกรุงเทพมาก ปราบกันไม่หวาดไหว ปราบแล้วก็เล่นกันต่อไป ไม่กลัวถูกจับ เพราะว่าจับไปก็เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับติดคุกติดตาราง ออกมาก็เล่นกันต่อไป แล้วไม่ใช่เล่นกันน้อยๆ เล่นกันเป็นเงินล้าน แทงกันเป็นเงินแสนเงินล้าน แพ้เป็นล้าน ชนะเป็นล้านกัน เพราะว่าในการเล่นเขาไม่ได้ใช่เงินสด เขาใช้เครื่องหมายแทนเงิน เอามาแทงลงไป นับว่าจำนวนเท่าไร คราวนี้เวลาชนะ สมมุติว่าชนะหนึ่งล้าน อีกคนหนึ่งก็แพ้หนึ่งล้าน คนแพ้หนึ่งล้านจะเอาเงินที่ไหนมาให้ มันมากอย่างนั้น ก็เซ็นเช็คให้บ้าง อะไรบ้าง เช็คก็เป็นเช็คไม่ดีเด้งไป แล้วก็เลยโกรธกันเรื่องเช็คเด้ง ไปทวงถามก็เป็นหนี้สูญ จะไปฟ้องศาลก็ไม่ได้ เพราะว่าเรื่องการพนันจะไปฟ้องกันได้อย่างไร ก็เลยไม่ต้องฟ้อง ถ้าเล่นโกง …… (10:44 เสียงไม่ชัดเจน) เป็นอย่างนี้ เกิดอาชญากรรม การพนันทำให้เกิดอาชญากรรมขึ้นในบ้านเมือง เพราะว่าทำให้เกิดความเจ็บแค้นกัน เมื่อชนะแล้วไม่ได้ดั่งใจ แล้วก็ไปคิดแก้แค้นกันต่อไป
ในทางธรรมะพระพุทธเจ้าท่านแสดงโทษการพนันไว้อย่างไรบ้าง ว่า ๑. เมื่อชนะก่อเวร เมื่อแพ้เสียดายทรัพย์ ทรัพย์ที่ตัวมีก็จะหมดไปสิ้นไป ไม่มีใครให้เครดิตแก่นักการพนัน ทรัพย์สมบัติหมดสิ้นแล้วก็หมดเครดิต คนดีทั้งหลายก็ไม่คบหากับนักการพนัน นักการพนันก็เลยตกต่ำไปโดยลำดับ นี่โทษเกิดอย่างนี้ แต่ว่าเรื่องการพนันนี่พูดกันไปแล้วเป็นของเก่า มีมาตั้งแต่โบรมโบราณ เราอ่านวรรณคดีต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศอินเดีย หรือในประเทศจีนไหนๆ ก็ตาม มีเรื่องการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ไม่ใช่น้อย สงครามมหาภารตะสังยุต เป็นสงครามใหญ่ของวรรณคดีเรื่องภารตะ นี่ก็เกิดจากการพนัน ไม่ใช่เรื่องอะไร เล่นการพนันเอาเมือง พนันแล้วบอกว่าถ้าแพ้ยกเมืองให้เลย พอแพ้แล้วก็ยกเมืองให้เขา ตัวพระเจ้าแผ่นดินก็ต้องออกป่า ออกป่าก็ต้องไม่ให้คนเห็นด้วย ถ้าคนเห็นต้องถอยลึกเข้าไปอีก ต้องคอยเที่ยวหนีซุกซ่อนไปในป่าดงลึกๆ เป็นเวลาเท่านั้นปี เท่านี้ปี เช่นว่าให้เดินป่าสิบปีอย่าให้คนพบคนเห็น แต่คนโบราณนั้นเขามีสัจจะ เมื่อสัญญากันอย่างไรก็ทำตามสัญญา เขาไม่เบี้ยวกัน คนสมัยก่อนไม่มีการเบี้ยว เป็นพระเจ้าแผ่นดินแพ้การพนัน เล่นสกา ส่วนมากเล่นสกา คล้ายลูกเต๋าทอดอย่างนั้น แล้วก็แพ้ ก็ต้องยกเมืองให้เขา เขาเอาไปหมด เหลือแต่ตัวคนเดียว ลูกเมียก็เอาไปไม่ได้ ก็ต้องยกให้เขาหมดเหมือนกัน เมียก็ต้องให้เขา ลูกก็ต้องให้เขา ทรัพย์สมบัติก็ให้เขาหมด นี่ถึงกับหมดตัวเลย ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ได้หมดทีเดียว ยังหายใจได้อยู่ ยังไปเดินทรมานอยู่ในป่าต่อไป เป็นเวลาเท่านั้นปี เท่านี้ปี นี่ก็เรื่องการพนัน
ในเรื่องวิทูรชาดก ก็เรื่องการพนันเหมือนกัน คนไปวัดอยากจะได้หัวใจวิธูรบัณฑิต คือนางนาค มเหสีนาค อยากได้หัวใจวิธูรบัณฑิต แต่ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจความหมาย เขาพูดภาษาธรรม ไปตีความเป็นภาษาคนไป ทำไมต้องการหัวใจวิธูรบัณฑิต เพราะว่าพญานาคสามีปลอมตัวเป็นมนุษย์ขึ้นมาในเมือง แล้วได้ไปฟังธรรมของวิธูรบัณฑิต ไพเราะชอบใจ ก็เอาไปเล่าให้เมียฟัง เมียเมื่อได้ฟังแล้วก็อยากจะฟังธรรมของวิธูรบัณฑิต เลยพูดว่าฉันอยากได้หัวใจวิธูรบัณฑิต ถ้าไม่ได้หัวใจวิธูรบัณฑิตแล้วฉันจะตายว่าอย่างนั้น อยู่ไม่ได้แล้ว พญานาคก็เลยประกาศคนรับอาสาจะไปเอาหัวใจวิธูรบัณฑิตมาให้ ก็ได้คนประเภทที่ไม่ได้เรื่อง คือได้ยักษ์ ชื่อปุณกยะ
ปุณกยะ เป็นหลานท้าวเวสสุวรรณ เชื้อสายเทวดา แต่เทวดาประเภทยักษ์ ไม่ใช่เทวดาสุภาพเท่าไร ก็เลยรับอาสาจะไปเอาหัวใจวิธูรบัณฑิตมาให้ ยักษ์ที่รับอาสาก็ไปตกหลุมรักอีกเหมือนกัน หลงรักลูกสาวพญานาค ชื่อหิรัญจตี ไปเห็นแล้วชอบใจอยากได้เป็นคู่ครอง คราวนี้นางสาวนั้นก็บอกว่า ฉันจะยอมมอบหัวใจให้ต่อเมื่อท่านไปเอาหัวใจวิธูรบัณฑิตมาให้แม่ฉัน ยักษ์ตกหลุมรักนี่แสดงให้เห็นว่า ตกหลุมเหมือนกัน หลุมรัก ตกหลุมรักเลยต้องไปเอาหัวใจวิธูรบัณฑิต ก็เลยไป จะเอาอย่างไรวิธูรบัณฑิตไม่ใช่คนธรรมดา อยู่ในสำนักของพระราชา พระราชาชุบเลี้ยงในฐานะปุโรหิต ปุโรหิตคือเป็นที่ปรึกษา คล้ายองคมนตรีของเรา มีประธานองคมนตรี แล้วมีองคมนตรีหลายคน เป็นที่ปรึกษาพระเจ้าอยู่หัวคอยให้คำแนะนำ วิธูรบัณฑิตอยู่ในตำแหน่งนั้น ยักษ์จะไปเอาตัวอย่างไร ยักษ์เลยเข้าไปทอดสกา ชวนพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าโกลกเล่นสกาพนันกัน พนันกันในข้อพนันบอกถ้าแพ้ให้คู่พนันเลือกเอาสิ่งที่ชอบใจไปได้ พนันกันอย่างนั้น ให้เลือกเอาสิ่งชอบใจไปได้ ตามใจจะเอาอะไร ก็ทอดสกาพนัน พระเจ้าแผ่นดินแพ้ยักษ์ พอแพ้ยักษ์ ยักษ์ก็บอกจะเลือกเอาวิธูรบัณฑิต
ทีนี้ก็พูดเถียงกันว่าวิธูรบัณฑิตไม่ใช่ทรัพย์ของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นปัญหา เมื่อเป็นปัญหาก็ต้องเชิญวิธูรบัณฑิตมาให้คำตัดสิน วิธูรบัณฑิตตัดสินเป็นธรรม บอกว่าข้าพระองค์นี่เป็นทรัพย์ของพระเจ้าแผ่นดินเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องยกให้ยักษ์ไป นี่แสดงให้เห็นว่าคนสมัยก่อนเคารพธรรมะมาก แม้ตัวจะต้องไปเป็นทาสยักษ์ ก็ไม่ตัดสินลำเอียง ตัดสินเป็นเรื่องถูกต้องว่าต้องให้เขา เพราะเราสัญญาอย่างนั้น ยักษ์เลยจับวิธูรบัณฑิตไป จับไปก็ทรมานทุกอย่างเพื่อให้ตายจะได้ล้วงเอาหัวใจ พาไปจับโยนไป แล้วก็จับมาโยนขว้างไปฟาดกับภูเขา วิธูรบัณฑิตก็ไม่ตายสักที ทรมานเสียจนกระดูกร่วนแล้ว วิธูรบัณฑิตก็สงสัยว่าทำไมทำอย่างนี้ ถามเรื่องว่าทำไมทำอย่างนี้ ก็บอกให้ฟังว่า นางนาคต้องการเอาหัวใจของท่าน วิธูรบัณฑิตก็ว่า ไม่ใช่ หัวใจจะเอาไปทำอะไร จะเอาไปต้มยำกินก็ไม่ได้ หัวใจมนุษย์เขาไม่เอาอย่างนั้น เขาต้องการธรรมะซึ่งเป็นหัวใจของข้าพเจ้า ต้องการให้ข้าพเจ้าไปแสดงธรรม ไม่ใช่เอาหัวใจที่เป็นกล้ามเนื้ออยู่ในทรวงอก ไม่ใช่ ท่านเข้าใจผิด ยักษ์ก็เลยรู้สึกตัว ก็น่าชมเหมือนกันว่ายักษ์นี่เป็นสุภาพยักษ์อยู่หน่อย พอรู้สึกตัวว่ากูทำผิดแล้ว ก็เลยสารภาพผิด แล้วก็เยียวยารักษาเรียบร้อย ก็พาไปเลย พาไปเมืองพญานาค ไปแสดงธรรมให้นางนาคฟัง แล้วได้กลับบ้านเรียบร้อยแล้วไม่มีเรื่องอะไร ในเรื่องวิธูรบัณฑิตนี่มีธรรมะมาก สอนพระราชา สอนข้าราชการ สอนคนครองบ้านครองเรือน มีอยู่ในเรื่องนั้นเป็นเรื่องดีมากทีเดียวมีธรรมะมาก นี่เขาเรียกว่าการพนันเป็นเหตุทำให้วิธูรบัณฑิตเกือบตาย แต่อาศัยเป็นผู้ฉลาดในธรรมะเอาตัวรอดมาได้ ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม เลยเอาตัวรอดไม่เป็นไร มีเยอะแยะเรื่องอย่างนี้มีมากตั้งแต่ในสมัยโบราณ เลยติดมาจนกระทั่งถึงสมัยนี้
ความจริงคนเรานั้น ไม่มีนิสัยการพนัน การพนันไม่มี อาตมาอยู่บ้านนอกจำได้ ว่าในบริเวณบ้านที่อยู่ไม่มีเรื่องการพนันเลย ไม่มีใครเล่นการพนันกันเลย ในจังหวัดนั้นไม่มีการพนัน มีอยู่บ้านเดียวเท่านั้น คนเล่นการพนันเป็นทุกข์ยาก เขาเรียกว่าบ้านมะกอกใต้ บ้านมะกอกใต้อยู่ปากน้ำ เรือเข้ามาค้าขาย เรือสำเภามาจากเมืองสงขลา มาจากปากพนัง มาจากเมืองจีนก็มี เรียกว่าผ่านปากช่อง สงขลา เข้ามาพัทลุงมาจอดที่นั่น มีการพนันกันที่นั่น เพราะว่าเป็นท่าเรือ เมืองท่าเรือทุกแห่งเป็นถิ่นนักเลงอันธพาล ยอดของพวกเก้ายอดสิบยอดมาอยู่ที่ท่าเรือทั้งนั้น ไม่ว่าท่าเรือเมืองลอนดอน เมืองไหนก็มีทั้งนั้นทั่วโลก ทีนี่การพนันก็มีที่นั่น บอกว่าบ้านนั้นเล่นการพนันเป็น บ้านอื่นเขาไม่เล่น แล้วจำได้ว่าฝ่ายชายจะไปขอหมั้นลูกสาวใครนี่ อาตมาเป็นเด็กก็แอบเข้าไปนั่งฟังเขาคุยกัน คนแก่คุยกันเวลาเขามา คือมาแยบ มาทาบทามก่อนว่าเขาจะมาขอจะให้มาหรือไม่ให้มา คนโบราณทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน ไม่หยาบคายเหมือนคนสมัยนี้ สมัยนี้ไม่ต้องไปแยบไปยล ชวนพาเข้าป่าไปเลยนี่สันดานหยาบ สมัยก่อนทำเป็นขั้นเป็นตอน ส่งคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจเป็นผู้ใหญ่ที่คนนับถือมาบ้านนี้ มาถามว่าบ้านนั้นเขาจะมาเป็นทองแผ่นเดียวกับบ้านนี้ จะให้มาหรือไม่ให้มา ถ้าเขาพอใจก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่พอใจก็บอกว่า เด็กมันยังเล็กอยู่ยังไม่รู้ประสีประสา การบ้านการเรือน การหูกการในยังไม่เป็น แสดงว่าเขาไม่ให้ แต่เขาไม่ตอบว่า ฉันไม่ให้ลูกสาวฉันไม่ให้แต่งกับคนนั้น พูดแบบทูตหน่อย พูดอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเขาจะให้ เขาต้องถามเรื่อง จำได้ว่ามีถามว่า ครอบครัวนั้นเป็นนักการพนันหรือเปล่า พ่อเป็นนักการพนันหรือเปล่า แม่เป็นนักการพนันหรือเปล่า แล้วลูกชายเป็นนักการพนันหรือเปล่า แสดงให้เห็นว่าเรื่องการพนันนี่เป็นเรื่องเขากลัวมาก เขากลัวอันตรายแก่ลูกของเขา แก่ทรัพย์สมบัติแก่วงศ์ตระกูล นี่เขากลัว ลักขโมยเขาไม่กลัว เขาไม่ถามว่าเป็นนักเลงหรือเปล่า เขาชอบ ถ้าเป็นนักเลงนี่เขาชอบ เรียกว่ารู้จักรักษาทรัพย์สมบัติ หนี้ไม่หายความไม่สูญ เพราะเป็นนักเลงคบเพื่อนมากกว้างขวาง แต่การพนันเขาไม่เอา ถ้ารู้ว่าเป็นนักพนันเขาไม่ยอมยกลูกสาวให้ แต่บางรายก็ถูกแม่สื่อฉลาด เขาตอบว่าไม่มี เด็กเล่นไม่เป็น พ่อแม่ก็ไม่เล่น ยกลูกสาวให้ฉิบหายไปเลยทีเดียว
มีอยู่รายหนึ่ง อาตมาจำได้ เป็นเด็กนักเรียนแล้ว ครอบครัวนี้เป็นคนค้าขายอยู่ในตลาด แล้วก็เจ้าบ่าวนี้อยู่ไกล อยู่อีกอำเภอหนี่ง เขามาอยากได้ลูกสาวบ้านนี้ แม่สื่อที่มาทำการทาบทามนี่ฉลาดพูด พอเขาก็ถามเรื่องการพนันนี่แหละ เขาก็บอกว่าไม่เป็นหรอก ครอบครัวนี้ไม่เล่นการพนัน แต่ความจริงมันเป็นเซียนการพนันเลยเจ้าบ่าวคนนั้น ก็เลยมาแต่งงานกัน พอแต่งงานแล้วแม่ยายก็มอบทรัพย์สมบัติให้ไปทำการค้าขาย ว่าจะขายอะไร จะขายของชำหรือจะขายผ้า ขายอะไร สมัยนั้นขายของชำ ก็ขายเครื่องกินนิดหน่อย ขายผ้าเป็นร่ำเป็นสัน บอกว่าจะขายผ้า ก็ลงทุนเปิดร้านขายผ้า ก็ค้าขายดีอยู่สักปีเท่านั้นเอง พอต่อมาเจ้าบ่าวพอมีเงินขึ้นก็ไม่ค่อยอยู่บ้านแล้ว ไปเที่ยวเล่นการพนันบ้านโน้นบ้านนี่ ไปเล่นการพนันไม่ค่อยกลับบ้าน แล้วเมียก็มาบอกแม่ว่า ไม่ไหวแล้วเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกลับบ้าน ไม่ค้าขายอยู่บ้านไปเล่นการพนัน เอ้า! แม่คนมาขอบอกว่ามันไม่เล่น มันโกหกกูแล้ว จะไปต่อว่าเอาอะไร ก็ให้ลูกสาวเขาไปแล้วนี่ แล้วจนบัดนี้ครอบครัวนี้ ไม่มีความเจริญ เดี๋ยวนี้เจ้าบ่าวตายไปแล้ว เจ้าสาวก็เป็นเจ้าแก่แล้ว เวลานี้ไม่เป็นเจ้าสาวแล้ว แล้วก็ไม่เจริญอะไร เพราะว่าการพนันมันเผาทรัพย์สมบัติไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัว เลยเสียหาย
มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง อยู่ใกล้บ้านอาตมาเมื่อเป็นเด็ก เป็นเชื้อจีนปู่นี่เป็นคนจีน แล้วก็พ่อเป็นลูกจีน หลานไม่เป็นจีน พูดจีนไม่ได้สักคำ อยู่อย่างเดียวว่าปีใหม่จีนเรียกว่าตรุษจีนยังไหว้เจ้า จุดประทัดนิดหน่อย แต่ในครอบครัวนี้ในชั้นพ่อเป็นนักการพนัน แล้วลูกติดการพนันมา ลูกทุกคนติดการพนันเหมือนพ่อ ผลที่สุดก็หมดเนื้อหมดตัว บ้านช่องหมดที่นาที่สวนหมด ไม่มีอะไรนอกจากว่าอยู่อย่างลำบาก โทษการพนันเป็นอย่างนั้น มองเห็นอยู่ทั่วๆ ไป คนโบราณเขาจึงพูดว่า “โจรปล้นสิบครั้งไม่เท่ากับไฟไหม้ครั้งเดียว ไฟไหม้สิบครั้ง ไม่เท่ากับแพ้การพนัน” คือโจรปล้นมันเอาไม่หมด เอาแต่ของที่เอาได้ไป เรือนมันไม่เอาไป ดินก็ไม่เอา แต่ว่าไฟไหม้เรือนไหม้หมด แต่ดินยังอยู่ เราสามารถจะสร้างเรือนใหม่ได้ ตรงไหนไฟไหม้เจริญกว่าเก่า เพราะว่าสร้างเป็นตึกสวยงามขึ้น แต่ถ้าการพนันเผาไหม้แล้ว เกลี้ยงเลยไม่มีเหลือ เรือนหมด ดินหมด ตัวพลอยหมดไปด้วย ครอบครัวไหนมั่วสุมการพนันค่อยๆ หร่อยหรอลงไป ผลที่สุดไม่มีอะไรเหลือ หมดเนื้อหมดตัวไปเลยทีเดียว เพราะว่าทำไมจึงเรียกการพนัน ว่าเป็นอบายมุข ปราการแห่งความเสื่อม เพราะว่าการพนันไม่ได้เป็นไปเพื่อสร้างสรรค์ ไม่ เป็นเพื่อการสร้างแต่เป็นไปเพื่อการทำลาย เพราะอะไร ก็เพราะเหตุว่านักพนันไม่คิดทำอะไรที่เป็นเรื่องค้าขาย อุตสาหกรรมหรือกิจการงานที่เจริญก้าวหน้า ถึงแม้จะทำก็ทำไปอย่างนั้นแหละ จิตใจไม่ได้อยู่กับงาน แต่ไปมั่วสุมอยู่กับเรื่องการพนันขันต่อ การงานที่ทำก็หมดไปสิ้นไป
การพนันนี่ไม่เป็นไปเพื่อการผลิต คนทำไร่ข้าวโพด ผลิตข้าวโพดส่งไปขายต่างประเทศ ไร่ฝ้ายส่งฝ้ายไปขายต่างประเทศหรือส่งฝ้ายเข้าโรงงาน ปลูกปอก็ส่งปอไปขาย ปลูกข้าวก็ส่งข้าวไปขาย ปลูกสับปะรดก็ส่งสับปะรดไปขาย ทำเหมืองแร่ขุดแร่ในแผ่นดินส่งไปขายต่างประเทศ ทำอย่างนี้ผลิตทั้งนั้นได้เงินตราต่างประเทศเข้าบ้านเข้าเมือง หรือว่าสร้างโฮเต็ล โรงแรมใหญ่ๆ คนมาพักผ่อนชาวต่างประเทศมาพัก ก็นำเงินตราเข้ามาในบ้านในเมือง แต่ถ้าเราสร้างบ่อนการพนันมีอะไร ผลิตอะไรบ้างที่จะพอส่งไปต่างประเทศได้ ไม่มีอะไรที่จะส่งไปขายยุโรป อเมริกาหรือส่งไปไหนๆ ก็ไม่มี เขาก็ไม่ต้องการ สินค้าการพนันเขาไม่ต้องการ เพราะฉะนั้นนักการพนัน ไม่ได้ผลิตอะไรเลย แล้วไม่มีอะไรเพิ่มคน สมมุติว่าคน ๕ คน เป็นนักการพนันมีเงินคนละร้อยบาท ห้าร้อย เงินห้าร้อยนี่ หมุนอยู่ในนักการพนันเหล่านั้น ยืมไปมาเล่นต่อ หมุนกันไป หมุนกันมา ก็ห้าร้อยนี้ ห้าเดือนก็ห้าร้อย สิบเดือนก็ห้าร้อยนี้ ไม่ได้เกิดเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน แต่ถ้าคนห้าคนนั้นมานึกว่า เรามีเงินคนละร้อย ทำอะไรดี เรามาเข้าหุ้นกัน แล้วเราทำการค้าขาย ขายของง่ายๆ ขายไอศกรีมหลอดก็ได้ หรือขายอะไรต่อะไรของง่ายๆ ซื้อหม้อน้ำแข็งมาปั่นไอศกรีม ใส่ถั่วลิสง ไปจอดอยู่ตามหน้าโรงเรียน พอโรงเรียนเลิก ไอศกรีมถั่วลิสงมาแล้วๆ เด็กก็กิน ก็ขายได้ เงินห้าร้อยก็จะกลายเป็นพันขึ้นมา ทำไปๆ กลายเป็นหมื่นเป็นแสน นี่เรียกว่าสร้างสรรค์ แต่นักการพนันไม่คิดอย่างนั้น วางแผนว่าพรุ่งนี้จะไปบ่อนไหน จะไปเล่นที่ไหนเท่านั้นเอง แล้วถ้าไม่มีเงินแล้ว แพ้แล้ว จำนำจำจอง ของอะไรติดตัวก็จะขาย มีพระสมเด็จอยู่องค์หนึ่ง ถ้าได้สองแสนก็จะปล่อยเหมือนกัน ของดีๆ อยู่กับตัวก็จะขาย ก็เพื่อจะเอาเงินมาเล่นการพนันต่อไป จิตใจไปถึงขนาดนั้นแล้วจะตั้งตัวได้อย่างไร ให้เป็นใหญ่เป็นโตก็ไม่ได้คนอย่างนี้ เป็นใหญ่เป็นโตก็ชวนลูกน้องเล่นการพนันเลยเสียหายส่งเสริมสิ่งชั่วร้าย
ผู้แทนราษฎรบางคนเป็นนักพนันก็มาขอร้องรัฐบาลซึ่งเป็นพรรคพวกกัน บอกว่าเปิดบ่อนไก่ คนจะได้ตีไก่กัน บ่อนไก่เปิดใหญ่สมัยนั้น สมัยพรรคเสรีมนังคศิลาหาเสียงนั่นเอง ไม่ใช่อะไร เปิดบ่อนไก่ทั่วบ้านทั่วเมือง อาตมาก็ได้เห็นได้ยิน ก็ไปเทศน์เหมือนกัน บ้านเมืองจะฉิบหายแล้ว เพราะว่าเปิดบ่อนไก่ คนก็จะเลี้ยงไก่ เขาเลี้ยงไก่พันธุ์เนื้อพันธุ์ไข่ได้ส่งไปขายต่างประเทศ น่าสงเคราะห์อุดหนุน นี่เลี้ยงไก่ชนตัวหนึ่งสองตัว แล้วก็เลี้ยงไก่ชนไม่ได้ทำงาน ตื่นเช้าทำอะไร ต้มน้ำในหม้อ พอต้มเสร็จเอามาวางให้เย็นๆ อุ่นๆ จับไก่มา เอาผ้าขี้ริ้วชุบน้ำในหม้อ มาทาหน้าไก่ นวดหน้าไก่ เคยเห็นเด็กๆ นวดหน้าไก่ ชุบคอแล้วก็ย้ายคอไก่ ไปชุบกล้ามหน้าอกสองข้าง ชุบปีกหนึ่งดึงปีกขวา ดึงปีกซ้ายออกไปแล้วเอาผ้าเช็ดน้ำ ชุบตีนไก่ นวดแข้งนวดขา พอนวดเสร็จแล้วเอากรงวาง มาวางกลางแดด อาบน้ำแล้วอาบอบนวดแล้ว แล้วก็ไปอาบแดดต่อ อาบแดดแล้วนั่งดูไก่ เดี๋ยวเพื่อนมา เพื่อนร่วมรุ่นมาแล้ว มานั่งดูไก่กัน ดูเกล็ด นี่เกล็ดดีถ้าไปตีน่าจะชนะ จะไปตีวันไหน บอกด้วย จะไปลงเดิมพันด้วย แล้วประคบประหงม ไก่ตัวนั้นประคบประหงม ไม่ต้องทำอะไร ตอนเที่ยงหน่อย สิบเอ็ดโมงกินข้าวเที่ยง พอกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว นอนพักนิดหน่อย พอนอนพักแล้วตอนบ่ายไปดูไก่อีกแล้ว ดูไก่ วันไหนเขาชนไก่ก็อุ้มไป อุ้มไก่ไป ไก่ตัวเดียว อุ้มไปเอาไปเปรียบกับตัวอื่น ไปยืนเคียงกัน ดูน้ำหนัก ดูเกล็ดตัวโน้น ดูเดือยดูอะไรต่ออะไร ตกลงกัน ตกลงก็ตีไก่
สมัยนั้นตีกันทีหนึ่งก็ไม่แพง เงินมันแพง ๓๐ บาท อาตมาก็เคยเข้าบ่อนไก่ ไปดูว่าตีกันอย่างไร ไม่เคยไปเล่น เล่นไม่เป็น ไม่มีตังค์ด้วย ไปนั่งดู ดูว่าเขาตีไก่ในบ่อนไก่ทำเป็นวง แล้วมีเก้าอี้นั่งเป็นวง มีขวดโหล มีกะลาเล็กๆ เจาะรูไว้ เอาไปวางในน้ำ น้ำไหลเข้าทีละนิดๆ พอกะลาจมก็ตีเกราะด้วยไม้ไผ่ ยกไก่ให้น้ำไก่ คนให้น้ำพี่เลี้ยงไก่เก่งมาก นั่งยืดเท้าไปเอาไก่มา วางระหว่างขา ชุบน้ำมานวดหน้านวดตานวดปีก ให้น้ำ ถ้าสมมุติว่าไก่ถูกเดือยตัวโน้นตาเจ็บตามิดต้องเย็บเปิดตาดึงไว้แล้วเย็บตาบนตาล่าง ให้มองเห็นต่อไป แล้วถูกแทงอีก ทรมานที่สุดเลย ตีไก่ทรมานสัตว์ที่สุด สามชั่วโมงยังไม่ยอมแพ้ มันสู้ไม่ไหวแล้วมันทำอย่างไร เอาหัวซ่อนใต้ปีกตัวที่ได้เปรียบ วนไปรอบๆ ไม่โผล่หัวขึ้นนะ พอถูกตีหลบลงใต้ อาตมาดูแล้วสงสารไก่ เล่นกันได้อย่างนี้ เราเป็นเด็กพูดก็ไม่ได้ เดี๋ยวถูกเขกบาล เวลานั้นนึกว่าทรมานสัตว์ที่สุดเลย สงสารไก่ที่เอาไปตีกัน ตีกันจนถ้าแพ้ เวลาแพ้ไม่อุ้มแล้วหิ้ว หิ้วกลับบ้าน ไปถึงบ้านเอามีดตัดคอ ต้มกินเลย มันแพ้ ไก่ตัวนี้แพ้ แต่กินไม่ไหวนะ ไก่ชนกินไม่ไหวเนื้อมันเหนียว มันแข็งเนื้อมันเหนียว กินไม่ได้ ต้มนานๆ จึงกินได้ เป็นการทรมานสัตว์ที่สุดเลย เพราะฉะนั้นคนเปิดบ่อนไก่เรียกว่าสร้างขุมนรกแท้ๆ ทรมานสัตว์ แล้วคนทรมานสัตว์ตีไก่บาปกรรมมันมีเหมือนกัน เวลาใกล้จะตายหลายคนแล้ว ใกล้จะตายเอามือสองมือมาชนกัน ดึงไว้ก็ไม่ยอม ชนกัน ทำไมอย่างนั้น จิตนึกถึงเรื่องไก่ คือว่าคนใกล้ตายมันขาดการควบคุม จิตนึกโดยไม่มีการควบคุม แล้วนึกเรื่องอะไร เรื่องตัวทำมากชอบทำมากเรื่องนั้นแหละ ชอบตีไก่ นึกแต่เรื่องตีไก่ ชนกันจนหนังถลอกปอกเปิก ต้องเอามือมัดไว้ ถ้าไม่มัดตีกัน ต่อยกันจนตาย อย่างนี้ก็มี
มีรายหนึ่งเข้าวัดถือศีลแล้วนะ ชื่อโยมนาค อยู่ที่สงขลา เวลานั้นอาตมาไปอยู่ที่สงขลาเทศน์ให้คนฟัง โยมนี่ก็มาวัดทุกวันถืออุโบสถนอนวัดด้วย คราวหนึ่งอาตมาไปเทศน์ต่างจังหวัดกลับมา พอกลับมาก็บอกโยมนาคตายแล้ว ตายเรื่องอะไร ทำไมตายไวนักหนา เลยไปเยี่ยมศพ ถามว่าเป็นอะไร บอกว่าเป็นความร้อนสูงตาย เป็นอะไร บอกว่าแกเดินไปในละแวกบ้าน ปกติมีแผลอยู่ที่ตาตุ่มที่ข้อเท้า มีแผลยื่นออกมาเหมือนเดือย รักษาไม่รู้จักหายแผลนิดเดียว แกเดินไปในบ้าน มีไก่อยู่ตัวหนึ่งไม่รู้มาจากไหน มันพุ่งมาถึงจิกเอาๆ จิกที่แผล ทีนี้ปากไก่สกปรก มันมีบาดทะยัก กลับมาถึงบ้านสะบัดร้อนสะบัดหนาว ความไข้สูงตายเลย เป็นบาดทะยักนั่นเอง แต่ทำไมไปถูกไก่ตี เกิดปัญหาแล้ว อาตมาก็ว่าทำไมอยู่ดีๆ เดินไปให้ไก่จิกตีน จิกเอาๆ จนกระทั่งเป็นไข้มันเรื่องอะไร ก็ถามว่า ขอโทษเถอะ ถามลูกสาวแก โยมนี่สมัยหนุ่มๆ ชอบตีไก่หรือเปล่า ลูกบอกเรื่องไก่แล้วเรื่องที่หนึ่งของพ่อเลย ใครจะคุยมีเรื่องอะไร ไม่คุยแล้ว พอคุยเรื่องไก่ เลี้ยงไก่หลายตัว เลี้ยงเองเอาไปตีบ่อนนั้นบ่อนนี้ เป็นนักเลงตีไก่มือหนึ่งเลย อ้อ, บาปเวรนี่เองทรมานไก่ ไก่เหล่านั้นมาเกิดในไก่ตัวนี้ โกรธมานานแล้ว ตาคนนี้มันทำพวกกูเจ็บนัก ต้องเอามันที ไก่จิกตายเลย มันไม่น่าตาย แต่บาดทะยัก ปากไก่มันสกปรก แต่ว่าทำไมไก่จึงจิก ไก่มันไม่เคยจิกใครตาย แต่ว่าทำไมจึงจิก นี่แหละเขาเรียกว่าเวรกรรม เรื่องเวรกรรมเราอย่านึกว่าเป็นเรื่องเล่นๆนะ มันสนองผล กรรมของคนมันสนองผลให้เกิดขึ้น แต่เราไม่ศึกษา ถ้าเราศึกษาจะพบความจริง นี่รายหนึ่ง
อีกรายหนึ่งชื่อ โยมขำ นี่นักธรรมะเหมือนกัน อาตมาไปใหม่ๆ มาถึงแกถามธรรมะเชียว อาตมารู้ว่าแกเป็นนักถามธรรมะ แต่แกถามอะไรไม่ตอบ แต่กลับถามว่า โยมมีความคิดเห็นอย่างไรเรื่องนี้ พอบอกแกว่าถูกต้อง แกชอบใหญ่เลย ท่านปัญญานี่ธรรมะสูง ไม่ใช่สูงอะไร มันเข้ากับแกได้เท่านั้นเอง เราใช้จิตวิทยาหน่อย รู้แล้วว่าแกนักเลงชอบโต้เถียงพระ ถ้าเราบอกว่าไม่ถูก แกก็ดันหน้าแดงตาแดงเลย รู้ว่านิสัยแกอย่างนั้น มีคนเล่าให้ฟังแล้ว เลยบอกว่า ถ้าแกถามอะไร โยมว่าอย่างไร ในเรื่องนี้ ถูกต้อง เลยเข้ากันได้แกก็เลยชม อาตมาไปเทศน์ไหนต้องไปฟังด้วย แล้วบอกว่าองค์นี้เทศน์เข้าทีมากเลย ต่อมาตาแกบอด เป็นตาบอดไปไหนไม่ได้ อาตมาก็ไปเยี่ยมที่บ้าน เลยถามว่า โยมเป็นนักธรรมะนะพูดตรงไปตรงมานะ โยมตาบอดพอรู้สาเหตุหรือไม่ ถามอย่างนั้น แกก็เข้าทีเหมือนกัน แกบอกผมรู้สาเหตุ สาเหตุอะไร ผมนี่เป็นหมอให้น้ำไก่ เรียกว่าเป็นนักเลงตีไก่เหมือนกัน คู่กับโยมนาค โยมนาคตายก่อน ถูกไก่จิกตายก่อน แล้วเหลือแกตาบอด บอกว่าผมให้น้ำไก่ ผมให้น้ำไก่ชั้นหนึ่งเลย ไก่เพลียเต็มทีแล้ว ผมให้น้ำมันไปตีได้อีกยกสองยก แล้วถ้าตาไม่ดี ผมเย็บดึงขึ้นไป แล้วก็มันถูกแทงตาบอด หลายตัวตาบอดเพราะผมไปดึงหนังตาออกแล้วมันแทงง่าย มันไม่เห็นนี่ หนังตาไม่ดี ถูกแทง บาปกรรมอันนี้ทำให้ผมตาบอด ผมรู้ว่าเป็นกรรมของผมเอง นี่ตัวอย่างว่าคนที่ยุ่งกับไก่ก็ให้ผลอย่างนี้เหมือนกัน
นอกจากเรื่องไก่นักเล่นการพนันประเภทหนึ่ง ยุวชนปักษ์ใต้ เลี้ยงวัวเยอะ เอาวัวไว้ชนกัน คนเลี้ยงวัวปฏิบัติวัวยิ่งกว่าพ่อของตัวอีก กางมุ้งให้นอน ป้อนหญ้าให้ อาบน้ำถูตัว เจ็ดวันทำที ไม่เคยตักน้ำให้พ่อแม่อาบเลยคนนี้ แต่กับวัวตักน้ำรดให้อาบถูตัว เช็ดถูจนสะอาด โรงวัวก็สะอาด เอาใจใส่ เพราะเป็นวัวที่จะทำให้ตัวฉิบหาย เอาไปชนกัน บางตัวมีชื่อ ชนะทุกที เวลาชนกันวางเงินพนันเป็นแสนนะ มันชนะ เรี่ยไรแสน วัวพิษณุโลกไปชนกับวัวสงขลา วัวพิษณุโลกแพ้ ทำไมไม่แพ้ มันไม่ชินกับท้องที่ ไปอยู่ผิดอากาศ ผิดอะไรต่ออะไร กำลังใจไม่มี ขนกลับบรรทุกรถสิบล้อกลับบ้าน พวกโน้นชนะ
พวกที่ชนวัวมีอยู่รายหนึ่ง กำลังเลี้ยงวัว วัวมันเชื่องมันดี แต่วันนั้นไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร จูงลงไปท่าน้ำ เอียงอย่างนี้นะ จูงลงไป พอลงๆ ไป วัวกระโดดเข้าชายโครง เขามันแหลม รักษาเขาใส่ปลอกกลัวไปตำอะไร มันจะไม่มีกำลังจะอ่อน คอยดูไม่ให้ใครมาลูบเขาของวัวเป็นอันขาด เวลาวันพรุ่งจะชนแล้วต้องยามเฝ้า กลัวคนจะมาวางยา ให้วัวอ่อนแอ เวลาจูงไปบ่อน มีพี่เลี้ยงถือดาบเดินเคียงข้าง ระวังนักหนาไม่ให้ใครเข้าใกล้ หญ้าก็ต้องเอาไปให้วัวกินเฉพาะ น้ำก็ต้องหิ้วไปให้วัวกิน กลัวอีกฝ่ายหนึ่งวางยา ระวังรักษาอย่างดี เอาใจใส่ดีถึงขนาดนั้น วันนั้นกำลังจูงวัวลงท่าน้ำ มันนึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ มันกระโดดแทงเลย แทงคนจูง แทงมิดเขา มันชูโยนไปในน้ำ แทงแล้วโยนไปในน้ำ ตายเลย ทำไมเป็นอย่างนั้น บาปเวรวัวมันนึกว่า ไอ้นี่ทรมานกูมานานแล้ว มันเลี้ยงกูจริงแต่เอากูไปชนกับเพื่อนทุกที วันนี้กูต้องชนมันสักที มันชนเลย มันถึงเวลา นี่เรียกว่า สัตว์เดรัจฉาน ตีไก่ ชนวัวเรื่องยุ่งทั้งนั้น ตั้งเนื้อตั้งตัวไม่ได้ แล้วพวกชนวัว บางทีแวะไปถามพระ มีพระองค์หนึ่งเป็นหลวงตาแก่ชื่อ หัวมัน เรียกนิคเนม ฉายาว่า หัวมัน คือท่านปลูกมัน เต็มวัดเลยเรียกพ่อแก่หัวมัน แล้วพวกชนวัวไปถาม พ่อแก่วันนี้ชนตัวไหน สีอะไรวัวสองตัว ไอ้แดงชนกับไอ้หนูด ไอ้หนูดสีมันใกล้ลูกตาล มึงเล่นไอ้หนูดแล้วกัน พวกนั้นไปเล่นไอ้หนูดแล้วกัน พวกหลังมาอีก เล่นตัวไหนดีหลวงพ่อ มึงเล่นไอ้แดงก็แล้วกัน มันก็สองตัวเท่านั้น วัวมันสองตัว พวกหนึ่งให้เล่นไอ้หนูด อีกพวกเล่นไอ้แดง ไอ้แดงชนะ พวกนั้นกลับมาซื้อน้ำตาลทรายมาถวายหลวงพ่อ บอกว่าหลวงพ่อทายแม่น ผมวันนี้ชนะเพราะหลวงพ่อ ไอ้พวกแพ้ไม่พูดสักคำเดียว มันเดินเฉย มันไม่บอกว่าหลวงพ่อทายไม่แม่นมันเงียบ มันพูดไม่ออก พวกชนะก็มาชมหลวงพ่อ วันหลังก็มาถามอีก วัวสองตัว ก็ต้องแพ้ตัวชนะตัว สองประตูเท่านั้นการพนัน เล่นกันอย่างนี้
เดี๋ยวนี้การพนันมันลุกลามมาก ลุกลามเข้ามาในงานศพของวัด ตามวัดมีศพ เล่นการพนัน อาตมาขึ้นไปเชียงใหม่ครั้งแรก ปี ๒๔๙๒ ขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ พอขึ้นไป นิมนต์ไปเทศน์งานศพเข้าไปวิหารตกใจเลย ล้อมเป็นวงหลายวงเลย เล่นกัน เล่นถั่วพู งานศพทำไมมาเล่นการพนันในนี้ เวลาขึ้นเทศน์เลยทำความเข้าใจ ไม่ได้พูดอะไรรุนแรงเพราะว่าไปใหม่ พูดให้รู้ว่าเราทำศพเพื่ออะไร เราทำบุญอุทิศให้แก่คุณแม่คุณพ่อที่ตาย แล้วไอ้สิ่งที่เราทำอยู่เมื้อตะกี้เป็นบุญที่ตรงไหน การเล่นการพนันในวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป แล้วพระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้เราเล่นการพนัน เป็นการถูกไหมพี่น้องลองคิดดูเถอะ พูดจาทำความเข้าใจก็ปราบได้หลายวัดหลายแห่ง คนหยุดไป เขารู้ว่ามันไม่ดี คนเชียงใหม่เขาพูดง่าย ว่านอนสอนง่าย ที่เขาทำอยู่เพราะเขาไม่รู้ พระก็ไม่สอน เกรงใจเพราะพระหนุ่มๆ เป็นสมภารจะไปสอนคนแก่ๆ ก็เคยเห็นตั้งแต่เป็นเณรน้อย เขาไม่ค่อยสนใจ ทีนี้ไปพูดให้เขารู้เข้าใจ เขาเชื่อ แล้วเขาก็ไม่ทำต่อไป เอาชนะได้เรื่อยๆ ไป เลิกกันไป
แต่ว่าบางแห่งไม่ได้ไปสอน ก็ยังมี บางจังหวัดตั้งศพไว้สิบห้าวันยังไม่เอาไปฝัง ที่เพชรบูรณ์ อาตมาไปเทศน์หลายตำบลสมัยนั้น ผู้ว่าการนิมนต์ไป แล้วก็ไปพักวัดนั้น พักอยู่สองอาทิตย์ เอ, ศพนี้ยังไม่เห็นเอาไปฝังเสียที เลยถามว่าทำไมศพนี้ไว้นาน ไปฝังไม่ได้มันแพ้กันมาก พวกการพนัน มันแพ้กันมาก เลยบอกเจ้าภาพ อย่าฝังศพก่อนต้องเล่นกันต่อไป เพราะเล่นการพนันในงานศพตำรวจไม่จับ นี่เสียหายนะ ตำรวจมาฟังอยู่บ้างจำไว้ด้วย เล่นการพนันจับเด็ดขาดเลย จับเจ้าภาพ จะให้ดีต้องจับศพไปด้วย เอาไปโรงพักด้วย เข็นไปไว้โรงพักด้วย มาเล่นการพนันต่อหน้าศพ ไม่ได้หรอกไปส่งเสริมสิ่งชั่วร้าย เปิดบ่อนเล่นการพนันในงานทุกคืนๆ เจ้าภาพก็ได้ค่าต๋ง เพราะว่าเปิดบ่อนก็เหมือนว่าพ่อตายหากำไรจากศพไป ๑๕ วัน จึงเข็นไปฝังป่าช้า ไม่ได้เรื่องอะไรเลย เป็นความเสียหายใหญ่โตที่ลุกล้นเข้าไปถึงในวัด บวชนาคก็มีการพนัน ปีก่อนโน้นนิมนต์อาตมาไปเทศน์ที่บางบัวทองเลยทุ่งไป เป็นนายสิบทหารอุตส่าห์มานิมนต์ไป แต่ไปถึงเจ้านาคไม่ได้มาสนใจกับหลวงพ่อที่ไปหรอก นั่งตรงไหนก็ตามชอบใจ บอกว่านิมนต์นั่งนี่เลย ไปนั่งที่พื้นคนก็เดินไปเดินมา บอกว่าจะนั่งอย่างไร หลวงพ่อจะนั่งที่พื้นให้คนเดินเฉียดอย่างไร หาเก้าอี้มาสักตัวซิ เก้าอี้มันมีแต่มันยุ่งเรื่องอื่น เลยเอามาให้นั่ง นั่งใกล้คนแก่ อายุ ๘๐ กว่า หลานชายมาถาม ปู่จะฟังเทศน์ไหม ฟังไม่ไหวแล้ว เมาฟังไม่ไหวแล้วปู่อายุ ๘๐ กว่าแล้วเมาหยำเปอยู่ได้ ตายแล้วนี่มันเลอะเทอะ แล้วอาตมาไปนั่งอยู่นั่น ไม่มีใครสนใจ เจ้านาคก็ไม่ได้สนใจ เลยกระซิบบอกช่วยไปดูซิเขามีอะไรกันในบ้าน ช่วยขึ้นไปเดินดูชั้นบนชั้นล่าง กลับมาบอกไฮโลเต็มบ้านหลวงพ่อ ฉิบหายแล้วมันนิมนต์เข้ามาในบ่อนแล้ว ต้องเทศน์เหมือนกัน เทศน์ไปตามเรื่อง คนก็ได้ยินแต่ไม่สนใจ เล่นเรื่อยไป เทศน์เสร็จแล้วก็ลงเรือกลับวัด ฝนก็ตกฟ้าก็ร้อง แหม, บอกว่ามันนิมนต์มาลงนรกวันนี้ เรามันไม่ได้เรื่องอะไรเลย ทีหลังใครนิมนต์ไปงานเทศน์งานนาคที่ไหน ต้องถามก่อน บวชแบบไหนแบบฉิบหายหรือแบบเอาบุญ เขาบอกบวชแบบฉิบหายไม่ต้องไปเทศน์เพราะไม่มีคนฟัง ไปเทศน์ก็ไม่ได้เรื่อง เขาบอกไม่มีอะไรหรอก ทำบุญต้องการให้หลวงพ่อไปเทศน์สวดชาวบ้าน ไป ค่อยยังชั่วหน่อย เวลานี้มันอย่างนี้ เวลามีงานตามวัดเพื่อหาเงินเข้าวัดก็มีสิ่งพนันประเภทสอง ถอนขนช้างถอนขนม้า การพนันทั้งนั้นแหละสิ่งเหล่านี้ สอยกัลปพฤกษ์เรื่องการพนันเป็นการเพาะนิสัยการพนันให้แก่เด็กๆ เล็กๆ น้อยๆ พอเติบโตขึ้นก็จะเป็นนักการพนัน
เวลานี้เมืองไทยเป็นเมืองพนันขันต่อ เวลาเลือกผู้แทนก็พนันกันแล้ว บางคนบางคนแพ้เพราะการพนันแท้ๆ ถือหางฝ่ายนี้มาก ถ้าฝ่ายนี้ชนะ ถ้าฝ่ายโน้นแพ้ มันพนันกันเท่าไร มันต้องหาวิธีไปลงคะแนนให้ฝ่ายที่พนันกันไว้ ฝ่ายหนึ่งแพ้เพราะเรื่องการพนันก็มี ไม่ใช่น้อยนี่เกิดความเสียหายมากมายก่ายกอง เรียกว่าวุ่นวายทั้งบ้านทั้งเมือง ทั่วๆ ไป จึงควรจะได้คิดแก้ไขปัญหานี้ แต่ว่าเป็นปัญหาหนัก เพราะอะไร เพราะเราปล่อยมานานแล้วจนเรื้อรังเป็นเนื้อร้ายภายในตัวคน ผ่าตรงนี้มันไปงอกตรงนั้น ผ่าตรงนั้นไปงอกตรงนี้ ผลที่สุดมันก็ตาย เหมือนโรคมะเร็งร้ายที่เป็นขึ้นในตัวคน เวลานี้การพนันเป็นมะเร็งเนื้อร้ายที่ลุกลามในประเทศไทยทุกหนทุกแห่ง อาตมาไปเมืองไหนก็เจอทั้งนั้น บางทีไปในงานวัด มันเล่นการพนันเป็นวงๆ บอกสมภารแล้วกัน นี่ทำงานอะไรกัน เล่นอะไร สมภารพูดไม่ได้ พูดเดี๋ยวยิงผมตาย แล้วกัน, พระจะแพ้มารเสียแล้ว ในเวลานี้พระสู้มารไม่ได้แล้ว เพราะมารมาถึงใต้ถุนกุฏิแล้ว ลุกเข้าไปในโบสถ์วิหาร มารทั้งนั้น รอบวัดมีแต่มาร พระอยู่อย่างไร พระก็ต้องเป็นมารไปด้วย เป็นมารเพราะว่าทำเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ปากก็ปิดหมด กลายเป็นลิงของวัดจีนไปเลย วัดจีนมีลิง ๓ ตัว ลิงตัวหนึ่งมือปิดปาก ลิงตัวหนึ่งเอามือปิดตา ลิงตัวหนึ่งเอามือปิดหู พระก็ต้องเป็นลิง ๓ ตัวไป ถ้าไม่พูด ถ้าไม่ได้ยิน ถ้าไม่เห็นใครจะทำอะไรฉิบหายเท่าไรก็ช่างหัวมัน จะอยู่อย่างไรไม่ได้เรื่องแล้ว ศาสนาจะล่มจมเพราะเรื่องการพนันขันต่อ เพราะอย่างนี้ นี่จึงอันตรายมาก อาตมามองแล้วว่าอันตราย
ถ้ารัฐบาลเข้มแข็งเพียงพอชวนกันรื้อบ่อนทั้งหลายทั้งปวงอย่างเด็ดขาด ไม่ส่งเสริมการพนันต่อไป เอาตัวรอด การพนันไม่ใช่ของไทย มาจากต่างประเทศ ชื่อไพ่ไม่มีภาษาไทย ชื่อวัตถุการพนันทุกอย่างไม่มีชื่อภาษาไทย เราไปดูในพิพิธภัณฑ์ ไม่มีวัตถุอันใดแสดงถึงเรื่องการพนันเลยแม้แต่น้อยเป็นของใหม่เพิ่งเข้ามาในเมืองไทย เวลานี้เราถือว่าเป็นสมบัติไทยไปแล้ว เล่นกันทั่วไป เลยทำให้เสียหาย จึงใคร่ขอฝากญาติโยมทั้งหลายว่า ถ้าเรายังไม่เล่นอย่าไปเล่น มีลูกมีหลานสั่งสอนแนะนำตักเตือน ชี้ทุกข์ชี้โทษ ยกตัวอย่างให้เด็กเห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดี ตามโรงเรียนต่างๆ ควรจะชี้โทษในเรื่องอบายมุขให้เด็กเข้าใจ จะได้ ไม่สนใจในเรื่องเหล่านั้น ถ้าเราสอนตั้งแต่เด็กฝังนาน คนดีๆ นั้นเพราะได้การอบรมมาตั้งแต่เบื้องต้นจากพ่อแม่ ปู่ตา ย่ายาย ตั้งแต่น้อยๆ แล้วก็ติดเป็นนิสัย แต่ถ้าปู่ตาย่ายายพ่อแม่อบรมในเรื่องเสีย อย่างเช่นบ้านนั้นเป็นบ้านการพนัน ก็เสียหมด อย่านึกเอาแต่ได้ เงินทองทำอะไรไม่ได้หรอก ลูกหลานเสียผู้เสียคน พ่อแม่เป็นนักการพนัน ลูกก็เป็นนักการพนัน หลานก็เป็นนักการพนัน เอาตัวไม่รอด ทรัพย์สมบัติที่อุตส่าห์หาไว้ได้จะหมดสิ้นไป เพราะการพนัน โทษมันมากอย่างนี้ จึงมาทำการพูดเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ จะได้พิมพ์แจกจ่ายกันทั่วๆ ไป คนจะได้อ่านได้ศึกษา จะได้รู้ว่าโทษเป็นอย่างไร
ดังที่ได้แสดงมา ก็พอสมควรแก่เวลาแล้ว ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ต่อนี้ไปก็ขอเชิญญาติโยมนั่นสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที นั่งตัวตรงหลับตา หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว แล้วคอยกำหนดรู้ที่ลมเข้าลมออก อย่าคิดในเรื่องอื่นเป็นการฝึกสมาธิง่ายๆ ๕ นาที ขอเชิญได้ ณ บัดนี้