แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ นั่งพักที่ใดที่หนึ่งซึ่งสามารถจะได้ยินเสียงจากเครื่องขยายเสียงชัดเจนแจ่มแจ้ง แล้วจงตั้งใจฟังด้วยดีเพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟังตามสมควรแก่เวลา
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน คืออาทิตย์แรกของเดือนกันยายน ปกติก็ไปเทศน์สถานีโทรทัศน์ด้วย แต่วันนี้ไม่ได้ไปเพราะว่าเขาไม่มารับ อันนี้เปิดโทรทัศน์ดูก็เห็นพระองค์อื่นแสดงอยู่ ก็ดีเหมือนกันเพราะว่าไม่ต้องไป คือว่าไปแล้วมันรีบกลับ มันเหนื่อย นั่งรถนะแต่ว่ามันเหนื่อย คือว่ามันรีบร้อนที่จะไปจะมา เราเป็นวันอาทิตย์ไม่อยากจะไปไหนเช้า ๆ อยากจะพักผ่อนและก็มาเทศน์ให้ญาติโยมทั้งหลายฟังด้วยจิตใจที่ไม่ต้องวุ่นวาย คือไม่รีบไม่ร้อนมันก็สบาย ทำอะไรรีบ ๆ ร้อนๆ สิมันไม่ค่อยดี เพียงแต่เดินเร็ว ๆ นี่ก็ยังไม่ดีเลย สมัยนี้ไปไหนก็ต้องไปอย่างช้า ๆ เพราะว่าร่างกายมันชรา คนชรานี่มันช้าไปเอง มันช้าไปตามธรรมชาติ แต่ว่าเป็นเด็กรุ่นหนุ่มรุ่นอะไรมันก็ว่องไวตามธรรมชาติของมัน แต่ว่าพอเราอายุมากขึ้นนี่ มันจะไวไม่ได้ ใจมันจะไวก็ไม่ได้ ร่างกายมันไม่อำนวย ตอนจะเคลื่อนไหวอะไรมันก็ค่อยชักช้า เชื่องลงไปโดยลำดับ เราเห็นเป็นอย่างนั้น คนแก่ทุกคนเหมือนกัน พอแก่แล้วเดินช้า ๆ ทำอะไรช้า ๆ แสดงว่าร่างกายมัน มันเปลี่ยนไปในทางช้า ไม่เร็ว เร็วก็ไม่ได้ เพราะถ้าเร็วประเดี๋ยวก็ก้าวผิด เดี๋ยวก็หกล้ม คนแก่หกล้มนี่อันตรายไม่ได้เรื่อง ล้มแล้วจะเสียหาย เพราะงั้นจะเดิน จะนั่ง จะลุกขึ้น จะเอี้ยวตัวมัน ๆ ต้องช้าทั้งนั้น เผื่อไวก็ไม่ได้ เพราะถ้าเกิดมันว่องไวขึ้นมันเกิดไม่สมดุลทางร่างกายแล้วก็จะมีอาการเป็นลมอะไรก็ได้ คนเราที่เป็นลมน่ะเพราะว่าทำอะไรมันไวเกินไป เลยมันเป็นได้ง่าย ลุกขึ้นไวนี่มันก็ไม่ได้ เช่นเรานั่งคู้เข่า ตอนลุกขึ้น เลือดมันก็ลงไปข้างล่างไว หน้ามืดล้มได้ หรือว่าเข้าห้องน้ำ ขออภัย ส้วมแบบเก่านั่งยอง ไม่ดี คนแก่นี่ไม่ควรจะใช้ส้วมแบบนั้น แต่ว่าใช้มาเคยมันก็อย่างนั้น แต่ว่ามันเผลอได้ เวลาลุกขึ้น ถ้ารูปร่างสมบูรณ์หน่อยนั่งแล้วลุกขึ้นลำบาก มันต้องมีอะไรให้ผยุงลุกขึ้น เห็นท่านสมภารวัดหนึ่งที่ท่านนั่ง ท่านเอาเชือกผูกไว้กับเพดานกับไอ้ขื่ออะไรนั่นแล้วห้อยไว้ ถามว่าห้อยไว้ทำอะไร อ้าว นี่ล่ะเครื่องช่วยว่างั้น เครื่องช่วย ช่วยเวลาลุกขึ้น พอท่านจะลุกขึ้นก็เอามือจับและก็ยันขึ้นไป เวลานั่งก็จับเหมือนกัน เพราะว่านั่งลงไปทีเดียวมันก็ไม่ได้ จับนั่นก่อนแล้วก็ค่อยนั่งลงไป อ้อ! ต้องมีพี่เลี้ยง
อันนี้คนจะไปเป็นพี่เลี้ยงมันก็ไม่สะดวก เลยหาเชือกมั่ง หาไม้เท้ามั่ง คอยพนอ ๆ ไปให้เดินได้เป็นปกติ คนแก่ถือไม้เท้าอย่าไปเที่ยวละอาย บางคนบอกว่าโยมไม่ถือไม้เท้า ไม่ได้ ถือไม้เท้าดูมันแก่ไป ยังกลัวแก่อีกทั้ง ๆ ที่แก่แล้วยังกลัวเขาจะหาว่าแก่อีก ก็ยอมรับเสียดีกว่า เรายอมรับว่าฉันแก่แล้ว ถ้ายอมรับว่าแก่แล้วมันก็สบาย ถ้าไม่ยอมรับมันก็ฝืนธรรมชาติ ถือไม้เท้าก็ไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ได้ เหมือนเจ้าคุณองค์หนึ่งที่สวรรคโลก ท่านแข็งแรงมาก พอจะลุกขึ้นใครก็ไปช่วย ไม่ๆๆๆ ฉันยังไม่แก่ ท่านควรจะแก่ถ้าคนเข้าไปช่วยแล้ว แล้วเวลาเดิน เดินทำท่าอย่างนี้ คนจะเข้าไปช่วยก็ ไม่ต้อง ๆๆๆ ไม่ต้องช่วย ฉันยังเดินได้ ช่วยตัวเองของท่านไปอย่างนั้น แต่ผลที่สุดท่านก็นั่งเหมือนกัน นั่งแล้วไม่ไปไหนทีนี้ คือมันไปไม่ได้ร่างกายมันไม่อำนวย อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกาย สรรพสิ่งทั้งหลายเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนกระทั่งผลที่สุดก็พังไป แตกไป ดับไป ชีวิตสังขารร่างกายเราก็เป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าคนบางคนมันยังไม่ทันแก่ คือยังพอจะอยู่ไปในโลกได้แต่ก็ต้องตาย ตายเพราะว่าไม่ประพฤติธรรม ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เลยก็ต้องตายกันไป เช่นถูกเขายิงตาย ถูกเขาแทงตาย ล้วนแต่ไปเที่ยวหาเรื่องทั้งนั้น หาเรื่องให้ตาย คือไม่ประพฤติธรรม แล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตด้วยประการต่าง ๆ พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนว่าทางเสื่อมของคนเขาเรียกว่า “อบายมุข” ก็อยากจะพูดสักหน่อยวันนี้ เพราะว่าเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นข่าวมันเนื่องจากอบายมุขนี่มีอยู่
เช่นว่า สส. ถึงแก่กรรมไป มูลฐานนั้นมาจากการพนันซึ่งเป็นอบายมุข ชอบไปบ่อนการพนัน แล้วผลที่สุดก็ไปตกหลุมอะไรเข้า แล้วก็พาไปฆ่า นั่นรายหนึ่ง อีกรายหนึ่งนั่นก็ถูกยิงกลางกรุงตายไป ก็ปรากฏในประวัติชีวิตว่าเป็นนักการพนันที่เก่งกล้า เล่นการพนันทีละมาก ๆ เสี่ยงต่ออันตราย คงจะมีเรื่องขัดอกขัดใจกันในหมู่พวกพนันกันเองบ้าง หรือว่าเป็นหนี้แล้วไม่จ่าย เพราะหนี้การพนันนี่เป็นหนี้ประเภทที่เรียกว่าไม่มีหลักฐาน เอาไปฟ้องศาลก็ไม่ได้ เพราะว่ามันเรื่องผิดกฎหมาย ไปฟ้องก็ไม่รู้จะอ้างอะไร แต่นี้ว่าฝ่ายหนึ่งเอาไม่ได้มันก็คิดแก้แค้นกัน แล้วก็ทำลายกันจนถึงแก่ความตายไป ไอ้ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่ประจักษ์ เพราะตำรวจกำลังคลำเงื่อนปมอยู่ แต่รู้ว่าเป็นคนชอบเที่ยวบ่อน คบหาสมาคมกับพวกนักเลงการพนัน อันนี้ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ดี ถ้าเราเป็นพุทธบริษัทได้ปฏิบัติตนตามหลักนี้แล้วปลอดภัย คือว่าไม่มีอันตรายเกิดขึ้น อบายมุขมีอะไรบ้าง อบายแปลว่าไม่สบาย สถานที่ไม่สบาย สภาพจิตใจที่ไม่สบายเรียกว่าอบาย อบายที่แท้มันก็อยู่ในใจเรา คือเราไม่สบายใจก็เรียกว่าตกอบาย มีความร้อนใจ มีความวิตกกังวล มีปัญหาก็เรียกว่าตกสู่อบาย นี้คนที่จะไปอบายน่ะเพราะกระทำผิดระเบียบ เป็นเหตุให้ตกอบาย อบายที่จะ สิ่งที่จะทำให้เราตกอบายนั้นเรียกว่าอบายมุข มุขแปลว่าทางก็ได้ แปลว่าปากบ่อก็ได้ ปากเรานี่ก็เรียกว่ามุข ปากเหมือนกัน อันนี้อบายมุขคือปากทางแห่งอบาย ปากเหวอบาย พูดง่าย ๆ ว่าอย่างงั้น ใครไปเดินอยู่แล้วตกเหวได้ง่าย เสียหายได้ง่าย เกิดความทุกข์แก่ตนแก่ครอบครัว ตลอดจนถึงสร้างปัญหาในสังคมด้วยประการต่าง ๆ
ผู้มีปัญญาปฏิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเขาหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหล่านี้ ชีวิตเขาก็ไม่ตกต่ำ มีอายุมั่นขวัญยืน แม้ทำราชการก็ออกจากราชการได้รับบำนาญอยู่อีกหลายปี อยู่ไปจนแก่จนร่วงไปเองเลย ไม่ได้ร่วงด้วยการถูกฆ่า ถูกทำร้าย เพราะว่าไม่ไปหาเรื่องที่จะให้ถูกทำร้าย ให้ถูกฆ่า เพราะงั้นเรื่องอบายมุขนี่เป็นเรื่องน่ากลัว อันตราย บ้านเมืองของเราในปัจจุบันนี้มีเรื่องอบายอยู่เกือบทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะในเมืองนอกเมือง ในเมืองใหญ่เมืองน้อย นี่เรียกว่ามีบ่อแห่งอบายที่คนชั่วร้ายทั้งหลายเขาขุดล่อคนให้ตกกันลงไปมากมายก่ายกอง แต่คนก็ไม่รู้ก็ไปตกลงไป ทำไมจึงได้ไปตกอบายอย่างนั้น เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือรู้ว่ามันไม่ดีแต่ว่าทิฐิมันผิด เรียกว่ามิจฉาทิฐิ มิจฉาทิฐิก็คือเห็นไม่ถูกไม่ตรงตามทำนองคลองธรรม หรือมีความประมาทว่าไม่เป็นไร เรามีพรรคมีพวก เราจะไม่ถูกทำร้ายหรือว่าจะไม่เสียหาย หรือมีความคิดว่าเราเก่ง เรามีความเชี่ยวชาญชำนาญในเรื่องการเล่นประเภทนั้นประเภทนี้ เราไม่เสียเปรียบใคร แต่ลืมนึกไปว่าสี่เท้ารู้พลาด นักปราชญ์รู้พลั้ง สี่เท้ามันยังพลาดได้ รถหกล้อมันยังพลิกท้องได้ พลิกคว่ำหงายท้องได้ มันไม่น่านี่ มันตั้งหกล้อมันน่าจะยันอยู่ แต่ว่านั่งรถไปไหนก็เจอสิบล้อนอนหงายเลย นึกในใจว่าแหมมันไอ้เขาว่าสี่เท้ารู้พลาด นักปราชญ์รู้พลั้ง ไอ้นี่มันหกล้อก็ยังพลาดได้เหมือนกันนะ สิบล้อก็ยังพลาดเลย ส่วนมากสิบล้อพลาดเลย นอนหงายเลย ทำไมมันเป็นอย่างนั้น นั่นคือความประมาทมัวเมาในสิ่งเหล่านั้น ไม่ได้นึกว่าจะเกิดภัย เกิดอันตรายขึ้น
พระพุทธเจ้าท่านจึงเตือนไว้ว่าอย่าประมาทแม้ในสิ่งเล็กน้อย อย่าประมาทแม้ในสิ่งเล็กน้อย มันจะเกิดอันตรายขึ้นได้ในภายหลัง สมัยเด็ก ๆ เคยอ่านนิทานสุภาษิตว่าตัวอย่างแห่งความไม่ประมาท คือว่าชายคนหนึ่งจูงม้าไป อันนี้เมื่อไปถึงโรงที่เขาซ่อมเกือกม้า เขาบอกม้าของท่านเดินโขยกเขยกแล้วนะ ไอ้เกือกมันคงจะไม่ดี มันอาจจะหลุด มันอาจจะแทงเท้าม้า มันอันตราย ไอ้เจ้าของกลับบอกว่าไม่เป็นไรหรอก มันเดินอย่างนี้มานานแล้วและก็เดินต่อไปเถอะ และก็ไปต่อไป พอไปต่อไปมันก็เจ็บมากขึ้นม้าเดินไม่ได้ เลยไปไหนไม่ได้ นี่เขาเรียกว่าความประมาท เห็นของเล็กน้อยนึกว่าไม่เป็นไร หารู้ไม่ว่าไอ้ของเล็กน้อยมันเป็นเหตุให้เกิดของใหญ่ ของใหญ่ๆ ทั้งหลายมันเกิดจากของน้อย ป่าใหญ่มันเกิดจากต้นไม้น้อย ๆ แล้วมันเจริญขึ้นจนเป็นป่าใหญ่ สิ่งโสโครกที่เกิดเกาะตามกำแพง สมัยเรียนหนังสือแบบเรียนเราเล่มนึงนะ คุณตาก็ คุณปู่นำหลานมาให้ดูที่กำแพง ที่กำแพงมันมีไอ้เขาเรียกว่าตะไคร่น้ำเป็นคราบมาจับและก็เป็นสีเขียว ๆ ชั้นแรกมันนิดเดียว และค่อยขยายออกไป ขยายออกไปจนเต็มกำแพง กำแพงนั้นก็เขียวไปด้วยสิ่งนั้น และทำให้ผุพังได้ง่าย นั้นก็มันเกิดจากของน้อย ไม่ใช่เกิดจากของมากทีเดียว ไม่ว่าอะไร ความชั่วก็เกิดจากทำน้อย ๆ ทำบ่อย ๆ สะสมความชั่วจนกระทั่งกลายเป็นนิสัย แล้วมันก็ทำให้หลงผิด เข้าใจผิด ไม่ได้คิดถึงตัว ไม่คิดถึงสิ่งแวดล้อมอันจะก่อให้เกิดเป็นปัญหา อันนี้คือความเสียหายที่เกิดขึ้นในชีวิต ในการงานด้วยประการต่าง ๆ คนเราถ้าว่ามีความรอบคอบไม่ประมาท คิดถึงอะไรบ้าง คิดถึงตัวว่าเรานี้คือใคร เรามีหน้าที่อะไร หน้าที่ที่เราทำนี้เป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากใคร
ถ้าเราเป็นคนที่ประชาชนเขามอบหมาย เช่นว่าเป็นผู้แทนราษฎรนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ประชาชนตั้งเลือกมา เลือกมาให้เราเป็น เราเป็นใหญ่เพราะประชามติ มติมหาชนเขาคัดเลือกให้เราเป็น เราก้ต้องนึกว่าเรานี่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนที่อยู่ในสายตาของมหาชน มหาชนเขายกย่อง เขาชมเชยว่าเราเนี่ยพอจะไปทำหน้าที่แทนเขาได้ในสภาผู้แทนนราษฎร สมมติว่าเมื่อก่อนนี้เราเคยประพฤติไม่เหมาะ ไม่ควร เช่นชอบดื่มเหล้า ชอบเล่นการพนัน ชอบเที่ยวกลางค่ำกลางคืน ชอบสนุกสนานไม่เข้าเรื่อง ก็ควรจะได้หักห้ามใจ สอนตัวเองว่ากูเวลานี้มันไม่ใช่คนเก่าเสียแล้ว เรามันเป็นคนมีเกียรติมีชื่อเสียง เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปทำหน้าที่เป็นนั้นเป็นนี้ ก็ควรจะได้หยุดจากสิ่งเหล่านั้น ไม่กระทำต่อไป ก็เรามันต้องรักษาเกียรติ คนเราถ้าไม่รู้จักว่าตัวมีเกียรติแล้วไม่รักษาเกียรติ คนนั้นมันไปไม่รอด ให้สังเกตดู มันไปไม่รอด ไปไม่รอดเพราะไม่รู้จักตัว เขาเรียกว่าขาดคุณธรรมคืออัตตัญญุตา ในสัปปุริสธรรม ๗ นั้นมีข้อหนึ่งว่า อัตตัญญุตา อัตตัญญุตาแปลว่าความรู้จักตัวเอง รู้จักตัวเองก็คือรู้ว่าเราคือใคร เรามีตำแหน่งหน้าที่อะไร เราอายุเท่าไหร่ เรามีความรู้เท่าไหร่ มีความสามารถเท่าไหร่ ฐานะทรัพย์สมบัติของเราเป็นอย่างไร ความคิดความเห็นของเราเป็นอย่างไร ต้องมองให้รู้ มองให้ชัด ถ้าเรามองแล้วเราจะได้รู้ว่า อ้อ! ตัวเราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะประพฤติอะไรเรื่องใดก็ต้องให้มันเหมาะสมกัน เอาล่ะธรรมะที่เรียกว่าอัตตสัมมาปณิธิ ซึงเป็นหลักอีกอันนึงที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้ว่า ตั้งตนไว้ชอบ ตั้งตนไว้ชอบ เมื่อรู้จักตัวแล้วก็ตั้งตัวไว้ให้ชอบ ให้ชอบตามฐานะ ตามตำแหน่งตามหน้าที่ ตามวัยของตัว ตามความรู้ที่ตัวมี
เช่นว่า เราเป็นบัณฑิตปริญญาตรีทางกฎหมาย ทางรัฐศาสตร์ ทางอะไรศาสตร์ก็ตามใจ เรามันมีความรู้ สิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่เรื่องของผู้รู้ มันเป็นเรื่องของคนโง่คนเขลา คนขาดการศึกษา เรามีการศึกษาจะไปทำเช่นนั้นไม่ได้ เรามีอายุปูนนี้แล้วเราจะไปทำเช่นนั้นมันก็ไม่ได้ เพราะมันขัดต่ออายุอานามของเรา หรือว่าเราเป็นพ่อคนแล้ว ถ้าเราไปกระทำความชั่วลูกมันจะขายหน้า มันจะมา เพื่อนจะล้อจะเลียนที่โรงเรียนว่าพ่อแกมันอย่างนั้น พ่อตัวมันอย่างนั้น ลูกก็จะขายหน้า เรารักลูกรักเมีย เราก็ต้องไม่ทำอะไรอันจะเป็นเหตุให้ลูกเมียพลอยเสียหาย รักเกียรติรักชื่อเสียงก็เกิดความยับยั้งชั่งใจไม่ไปกระทำอะไร ก็นึกถึงสิ่งเหล่านั้น หรือว่านึกถึงว่าเราเป็นคนอย่างไรเราก็งดเว้นจากสิ่งต่าง ๆ แต่นี่ไม่ค่อยจะงดเว้น กลับเอาตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือนที่ตัวได้รับไปกระทำความเหลวไหล เช่นได้เงินมากขึ้นก็ไปเที่ยวไปเกร่ กินเหล้าเมายากลางค่ำกลางคืน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่ควบคุมตัวเอง แต่ว่าเรื่องมันยังไม่ฉาวโฉ่ไม่ปรากฏออกมาว่ามีอะไร แต่พอปรากฏออกมามีเรื่องขึ้นเอ้า หนังสือพิมพ์ก็ไปคุ้ยมาแล้วว่าคนนั้นมีนิสัย มีพฤติกรรม มีการกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้ตัวตายไปแล้วมันก็หมดเรื่องไปแล้ว แต่ว่าคนอยู่ข้างหลังนี่เป็นคนขายหน้า ลูกเมียต้องขายหน้า ญาติพี่น้องก็ต้องขายหน้าว่าพ่อเราอย่างนั้น ผัวเราอย่างนั้น ผู้แทนเมืองเรามันเป็นอย่างนี้ ประชาชนก็ขายหน้า ขายหน้าว่าไอ้กูอุตส่าห์เลือกเข้าไปจะให้เป็นผู้แทนของบ้านเมืองของเรา แต่มันไปทำเลอะเทอะ คนก็จะดูหมิ่นว่าคนจังหวัดนั้นเลือกคนไม่เป็น ไม่ดูคนให้ละเอียดให้รอบคอบ เลือกส่งเดชเข้าไปเพราะเห็นแก่อะไร ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ความประพฤติไม่ดีไม่งามมันก็เสียหาย แล้วก็ที่เสียหายหนักก็คือว่าภาษีอากรของประชาชนต้องไปจ่ายเพื่อทำการเลือกตั้งใหม่ต่อไป ซึ่งจ่ายเงินไม่ใช่น้อย อย่างน้อยล้านห้าแสนหกแสน ตั้งงบประมาณไป ไอ้นั่นของราชการเสียไป แต่ว่าความสูญเสียเรื่องอื่นอีก การที่จะต้องไปวิ่งเต้นหาเสียงใช้จ่ายค่าน้ำมันรถ ค่าวิ่งเต้นให้หัวคะแนนมันไม่ใช่น้อย
คนหนึ่ง ๆ นี่ลงทุนไม่ใช่น้อยจึงจะได้ความเป็นอะไรขึ้นมา นี่คือความเสียหาย คนเรามันไม่ได้คิดให้ละเอียด ตานี้ทำไมไม่ค่อยจะได้คิดอย่างนั้น ไม่เข้าใกล้ผู้รู้ ไม่ฟังคำสอน ไม่คิดไม่ตรอง ไม่เอาไปปฏิบัติ ผู้รู้คือพระที่พวกนั้นไม่ค่อยเข้าใกล้ ไม่ค่อยเข้าใกล้พระ ไปวัดไปวาก็ไม่ค่อยจะเข้าไปนั่งฟังธรรม ไปก็เพื่อหาประโยชน์ไปหาเสียง เวลามีงานมีการก็ไปหน่อย แต่ไม่ค่อยสนใจศึกษาธรรมะ ไม่เอาธรรมะมาเป็นเครื่องประดับชีวิตหรือเอามาเป็นแนวทางของชีวิต จึงได้หลงผิดเข้าใจผิดไปด้วยประการต่าง ๆ ทำแต่เรื่องเสียหาย นี่คือความเสีย ความเสียเหล่านี้เกิดจากมิจฉาทิฐิที่ตั้งอยู่ในใจ ไม่มีความเห็นชอบและก็เป็นคนหนุ่ม ชีวิตยังอยู่ในวัยคะนอง อันนี้ไปอยู่กับคนที่เป็นใครก็ตาม เรามันถือกันไปอีกอย่างนึงเดี๋ยวนี้ ถือว่าเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยว เอ่อนี่มันถูกไหม ญาติโยมลองคิดดูว่ามันถูกไหม เรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวนี่มันถูกต้องไหม เอ้าเรามีลูก ลูกของเราโตแล้ว เราเอ้ย ! มันโตแล้ว เรื่องส่วนตัวพ่อแม่ไม่เกี่ยวจะได้ไหม เราทำอย่างนั้นได้ไหม เราเป็นพ่อเป็นแม่เราจะทำกับลูกเราอย่างนั้นไหม ถ้าอย่างนั้นลูกก็เสียคนได้ง่าย ก็พ่อแม่ถือว่าเรื่องส่วนตัว มันจะไปเที่ยวเรื่องส่วนตัว มันจะไปมีเมียกี่คนก็เรื่องส่วนตัว มันจะไปฆ่าใครก็เรื่องส่วนตัวมัน แล้วไอ้ส่วนตัวของลูกมันกระเทือนถึงพ่อแม่ไหมล่ะ เวลามันเดือนร้อนตำรวจจับนี่ใครจะไปรับประกัน ใครเอาโฉนดไปวางประกันน่ะ พ่อแม่นั่นล่ะต้องไปอีกละ ถ้าว่ามันถูกตัดสินติดคุกใครจะไปเยี่ยมละ คุณแม่นี่อุตส่าห์ถ่อกายไป หิ้วกล้วยไป หิ้วมะม่วงไป เอาไปไหน เอาไปฝากไอ้หนู เป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นนักโทษได้หน้าได้ตา ลูกได้มีเกียรติเป็นนักโทษนี่เรามันได้หน้าได้ตา นี่ก็เพราะเรื่องว่ามันเรื่องส่วนตัวฉันไม่เกี่ยว หรือว่าถูกกะผิด เฮ้อเรื่องส่วนตัวเขา กลับบ้านแล้วหมดเรื่อง มีอะไรผิดก็มันนอกหน้าที่แล้ว มันก็ไม่ได้ หรือว่าเราเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองแล้วลูกน้องของเรากี่คนเราไม่สนใจ ว่าลูกน้องเราจะขี้เมาหยำเปเล่นการพนันขันต่อ หรือจะประพฤติเหลวไหลอย่างไร ฉันเป็นหัวหน้าพรรค ไม่เกี่ยว มันเรื่องส่วนตัวเขา อ้าถูกเปล่าล่ะอย่างนั้น ไม่ถูก! เรามันต้องปรับปรุงคนในพรรคของเรา
สมมติว่านาย ก เป็นหัวหน้าพรรค นาย ก ก็ต้องอบรมลูกพรรค สั่งสอนอบรมชี้แนะแนวทางให้ลูกพรรคประพฤติดีประพฤติชอบอยู่ในศีลในธรรม รู้จักคุณค่าของชีวิต รู้จักคุณค่าของความเป็นผู้แทน ว่าง ๆ ก็เออทำบุญพรรคสักที นิมนต์พระมาเทศน์กับพวกไอ้ลูกน้องแถวนั้น เออมันก็ค่อยยังชั่วหน่อย ไอ้นี่หัวหน้ามันก็แย่ ลูกน้องมันก็แย่เหมือนกัน แต่ว่าแย่ทั้งคู่นะ ที่มันเละเทะกันนะไม่ใช่เรื่องอะไร เอาแต่เสียง เอาแต่คะแนน เอาแต่มือ ให้มันยกมือก็แล้วกัน ไอ้เรื่องอื่นช่างหัวมัน ไม่ได้! บ้านเมืองมันจะฉิบหายก็เพราะเรื่องอย่างนี้นะ เรื่องที่เราไม่เอาใจใส่ดูแลแก่กันและกัน ไม่อบรมลูกน้องให้มีปัญญา ให้มีความรู้ ให้มีความเข้าใจในเรื่องอะไร ๆ ต่าง ๆ ละเลยเพิกเฉย เดี๋ยวพอไม่รักกัน ไม่รักกันจริง รักกันแต่จะเอาประโยชน์ แต่ว่าไม่รักเขาให้ดีให้งาม ไม่ช่วยเหลือเขา แล้วเวลามันตายก็บ่นอ่ะนะเสียดายชีวิตกำลังจะก้าวหน้า จะก้าวอย่างไรถ้ามันอยู่ในรูปดังที่เป็นนะมันจะก้าวไปได้อย่างไร มันก้าวลงไปสู่อบายงัย มันไม่ได้ก้าวขึ้นสวรรค์ มันจะก้าวได้อย่างไร เออ เราพูดไปอย่างนั้น แล้วก็พูดไปตามเรื่องตามอารมณ์ ไม่ได้ใช้เหตุผลในการพูดอะไร เราพูดไปอย่างนั้นมันตายแล้วอ่ะมันดี คนนี้มันดี มันดีอย่างไร ถ้าดีแล้วทำไมมันเป็นอย่างนั้น มันไม่ตายอย่างนั้นถ้ามันดี คนเรียบร้อยจะไปตายอย่างนั้นได้อย่างไร เขาไม่ตายโหงเขาว่าอย่างนั้น คนไทยโบราณเขาเรียกว่าตายโหง ถูกยิงตาย ถูกทำร้ายตาย ตกต้นไม้ตาย ไม่ว่าอะไรแบบนี้เขาเรียกว่าตายโหง ตายไม่ค่อยเรียบร้อย ตายเพราะเวรเพราะกรรม ยิ่งเขายิงตายนี่มันต้องมีเรื่อง อยู่ดี ๆ ใครมันจะมายิง
คนเราถ้าอยู่เรียบร้อยอยู่ในศีลในธรรม ประพฤติธรรมดีทุกประการแล้ว ไม่มีอ่ะ เดินอยู่บนถนนก็ไม่มีใครยิง มันคล้ายว่าที่เขามาดักยิง เขาอุตส่าห์มาดักอยู่น่ะมันเรื่องอะไร แปลว่ามีสาเหตุมีเรื่อง ตัวไปทำเหตุอะไรไว้ พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ชัดแล้วว่าสิ่งทั้งหลายมันเกิดจากเหตุ ไม่มีเหตุ ผลจะเกิดขึ้นไม่ได้ คนถูกยิงมันต้องมีเหตุนะ ไม่มีเหตุแล้วมันจะมายิงกันทำไม ไม่ใช่สนุกน่ะยิงคนนะ นึกว่าไอ้คนนั้นมีอาชีพทางยิงคน มันก็ไม่ได้ยิงคนทุกคนหรอก แล้วมันก็ไม่ได้สนุกในการยิงคนอะไร แต่ว่ามันได้รับการโน้มน้อมชักจูงทางคนที่มาบอกให้ยิงน่ะว่ามึงยิงมันเถอะ มันอย่างงั้นมันอย่างงี้ กูจะให้เงินเท่านั้นเท่านี้ ถ้ามันเห็นแก่ได้ขึ้นมาแล้วมันก็ไปยิง มันก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปยิงเขามันก็เสี่ยงไม่ใช่ว่าสบาย แต่มันทำไปเพราะว่ารู้สึกว่าเป็นสินจ้างรางวัล ตานี้ไอ้คนที่จ้างนั้นแปลว่ามันต้องอะไรกับคนนั้นอีกอ่ะ มันเรื่องไม่ดีทั้งนั้น คนจ้างก็ไม่ดี ไอ้คนรับจ้างก็ไม่ดี ไอ้คนถูกยิงก็ไม่ดี เรียกว่าไตรภาคีมันไม่ดีกันทั้งนั้นล่ะนะ ทั้งสามฝ่ายมันไม่ดีทั้งนั้น เรียกว่าเป็นไตรภาคี ไตรภาคีแห่งความไม่ดี มารวมกันเข้ามันก็เลยไม่ดี คนดีคนเรียบร้อยใครจะไปฆ่าไปแกง เขาอยู่ได้จนแก่จนเฒ่าไม่มีอะไร ไม่มีเรื่องกับใคร อันนี้ถ้าคนทำไม่ดีมันก็มีเรื่องมีราว ถูกฆ่าถูกทำร้ายไปตามเรื่องตามราว มันมีเหตุ เหตุมันมี
นี่แหล่ะท่านเจ้าคุณพุทธทาสจึงให้คำคำหนึ่งไว้เรียกว่าเป็นคำของพระพุทธเจ้าแต่ไม่มีใครค่อยเอามาพูด คือคำว่า “ตถตา” ตถตาแปลว่ามันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนั้น มีอะไรเกิดขึ้นเราก็ว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ว่าเมื่อมันเป็นอย่างนั้นแล้วเราต้องศึกษาว่า ไอ้ความเป็นอย่างนั้นน่ะมันมาจากอะไร ศึกษาสาเหตุเพื่อรู้เรื่องของความเป็นอย่างนั้น แล้วจะได้จดจำไว้ เราจะได้สอนลูกสอนหลานสอนคนที่อยู่ด้วยให้รู้ว่านี่ไปทำอย่างนั้นมันไม่ดีทำอย่างนี้มันไม่ดี มันก่อให้เกิดปัญหาคือความทุกข์ความเดือดร้อนขึ้นในชีวิต เราก็จะได้เอามาใช้เป็นหลักสอนคนอบรมคนให้เกิดความรู้ความเข้าใจต่อไป โดยเฉพาะญาติโยมนี่มีลูกมีหลานกันทั้งนั้น มีคนในปกครอง เราก็ต้องสอนลูกสอนหลานของเรา ลูกหลานที่กำลังเติบโต กำลังคะนอง กำลังเพลิดเพลินเก็บดอกไม้อยู่ในป่าแห่งความสนุกสนานนะ เราต้องเตือนให้มันรู้ว่าเอออย่าหลงนะลูกเอ้ย อย่าเพลิดเพลินมันมีอันตราย กลางค่ำกลางคืนอย่าไปไหนอยู่บ้านอยู่เรือน อย่าไปคบคนอย่างนั้นอย่าไปคบคนอย่างนี้ อย่าไปเที่ยวที่นั่นอย่าไปเที่ยวที่นี่ ทำอะไรมันต้องทำด้วยจิตใจที่เป็นธรรม อย่าให้คนอื่นเขาเสียหายกระทบกระเทือนจิตใจกัน คนเรามันถ้าได้รับความไม่เป็นธรรมละมันโกรธนักหนา โกรธนักหนาเพราะรู้สึกว่าเขารังแกเรา เขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องแก่เรานี่มันโกรธกัน โกรธกันแล้วมันก็ฆ่าแกงกันเท่านั้นเอง มันมีเรื่องอะไรมันลงฆ่าแกงกันทำให้เกิดความเสียหาย
ไปที่เกาะสมุยเขาเล่าว่าอย่างนี้ คนกรุงเทพเรานี้ล่ะไปเกาะสมุย รู้ว่าเกาะสมุยกำลังพัฒนา ชายทะเลฝรั่งชอบไปเที่ยวก็ไปซื้อ กว้านซื้อที่ดินชายทะเลของชาวบ้าน แต่ซื้อแล้วยังไปทำอะไรไม่ได้ ก็บอกคนในเกาะนั้นบอกว่า เออคุณจะทำอะไรก็ได้ ผมไม่ทำอะไรซื้อไว้อย่างนั่นล่ะ ทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไอ้นั่นก็ลงทุนสิ สร้างกระต็อบเล็ก ๆ ก็ไม่แพงอะไรหรอก ไม่ใช่โรงแรมชั้นหนึ่งเหมือนกับเอราวัณหรือว่าโรงแรมใหญ่โตอะไร โรงแรมกระต็อบนิ ทำง่าย ๆ มีที่หลับที่นอน ทำส้วมไว้ข้างนอกไม่ต้องอยู่ในนั้นก็มันเล็ก ๆ ก็ลงทุนไปหลายหมื่นเหมือนกันทำเสร็จ พอทำเสร็จก็ฝรั่งมาพักได้สักสองสามเดือน ไอ้คนที่มาซื้อดินนี่มันเอาไปขายคนอื่นละ ไม่บอกอ่ะ เอาไปขายคนกรุงเทพอีกคนนึง ขายละ พอขายแล้วไอ้คนที่ซื้อมันก็ไปสิ ไปถึงเห็นคนนั้นเดี๋ยวมันก็สั่งให้ออก ให้ออกมันว่าก็คนโน้นเขาบอกว่าให้ผมดูแลแล้วก็ให้ทำอะไรก็ได้ สร้างกระต็อบให้ฝรั่งมาเช่าก็ได้ แล้วคุณจะมาไล่ผมอย่างนี้ ไอ้คนโน้นก็ไม่บอกผมอย่างนั้นอย่างนี้มันไม่ได้นะ เดี๋ยวผมต้องพบกับคนนั้นก่อนนะ พอคนนั้นไปพบกันพูดจากันมันก็ขัดใจกันขึ้นมา ไอ้สมัยนี้คนขัดใจไม่ได้นะ พูดกันด้วยอารมณ์ไม่ได้นะ มันมีปืนมันพกปืนอยู่นะ พกปืนอยู่แต่มันไม่ยิงเวลานั้น ถูกขัดหูขัดใจเข้าไอ้นั่นก็ไปนอนพัก กลางคืนมันก็ส่องเข้าไป เปรี้ยง ๆๆๆ เรียบร้อย อืมเรียบร้อยไป เสร็จแล้วไอ้เจ้านั่นมันก็เที่ยวหลบอยู่ในนั้น ถามใครมันก็ไม่บอกอ่ะ ไอ้คนชาวบ้านมันก็นึกว่าเอ่อนี่มันทำให้เขาเสียหาย ทำให้เกิดเป็นปัญหาเจอความทุกข์ความเดือนร้อน มันไม่เหมาะไม่ควรในการกระทำอย่างนั้น มันก็เข้าด้วยกับคนที่ยิง คนที่ยิงก็หนีไป เรียกว่าหนีขึ้นไปบนแผ่นดินใหญ่สักหน่อยไม่ให้จับได้ นี่มันก็เกิดอะไรขึ้นมา นี่ก็เพราะว่าเราทำอะไรนั้นไม่ได้คิดอกเขาอกเรา ไม่ได้คิดว่าอ่อเราให้เขาเฝ้า จะขายจะอะไรก็ไปบอกเขาหน่อย แล้วบอกให้รู้ว่ามันเป็นอย่างงั้น แล้วพูดตกลงกับคนที่จะซื้อว่าให้เขาทำไปก่อนก็เขาลงทุนมาแล้ว อย่าให้เขาล่มจมเสียหายไม่อย่างนั้นนะ เรียกว่าเอาความเห็นแก่ตัวไปใช้ไม่เห็นแก่ผู้อื่น ไปเล่นกับคน …… (17.21) ขึ้นมามันเล่นงานเอา ก็เลยม้วยบรรลัยเข้าไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นอีกมันเป็นอย่างนี้ตัวอย่าง เอามาเล่าให้ฟัง ที่มันเป็น ๆ มันเป็นอย่างนั้น เพราะเรามันไม่ได้ใช้ธรรมะ ไม่ได้คิดอกเขาอกเรา เอาใจเขามาสู่ใจเรา เราไม่ได้คิดอย่างนั้น ขาดธรรมะเป็นเครื่องชะลอจิตใจก็เลยเกิดความเสียหายวุ่นวายขึ้นด้วยประการต่าง ๆ นี่เป็นเรื่องเสียที่เห็น ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องเอามาเป็นบทเรียน
เรื่องอบายมุขที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านปิดประตูไม่ให้ไปนี่มันมีขึ้นต้นก็เรื่องดื่มน้ำเมา พูดให้รวมว่าเสพสิ่งเสพติด ถ้าพูดแต่ดื่มน้ำเมานี่มันแคบไป หมายความว่าเสพสิ่งเสพติดทุกประเภท ตั้งแต่สุราเมรัย เหล้าไทยเดิม น้ำกระแช่ ไอ้ตรงบานเขนน่ะขายทุกวันไม่ว่าอะไร ไปๆใส่สีทั้งนั้นนะ ใส่สีนึกว่าน้ำมะเขือเทศนะ ซื้อกินก็เดินหัวตุงตกบ่อไปเหมือนกันนะ เมาเหมือนกัน แล้วก็นายสามสี สีเทาเขาโฆษณาว่า สุราอย่างนี้กินแล้วเมาว่างั้นนะ เมาเท่ากัน แล้วว่าไอ้คนดื่มเหล้านี่มันจะดื่มเพื่ออะไร ดื่มเพื่อให้มันเมา ดื่มลดความเป็นคนให้มันน้อยลงไป ความเป็นคนมันร้อยนึง ดื่มให้มันลดลงไปจนเหลือเพียงสักสามสิบอะไรยังเงี้ยนะ แล้วก็คลานสี่ขากลับบ้าน มันอย่างนั้นนะ เป็นของให้โทษพวกของดื่มนี่มึนเมา ของสูบ ของอะไรต่าง ๆ สุราเมรัย กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน ทินเน่อร์แถมเข้าไปนั้นนะ ของมันไม่มีสมัยก่อนน่ะ ไอ้สมัยก่อนนี่มันมีแต่สุราเมระยะ มัชชะ เวลาเรารับศีล ๕ ญาติโยมยังไม่เข้าใจดี ศีล ๕นี่ข้อสุดท้ายว่า สุราเมระยะ มัชชะ ๓ คำนะ ๓ คำคือของเมาเรียกว่าสุรา หมายถึงว่าของเมาที่ได้ต้มกลั่นใส่ขวดเรียบร้อย ใส่ไหก็ได้สมัยก่อนเขาใส่ไห เหล้าโรงไหใหญ่ ๆ นี่ต้มกลั่นหรือเหล้าเถื่อนก็ต้มกลั่นแล้ว แล้วก็เมรัยนี่ของเมาที่ไม่ได้กลั่น เอามาแช่ให้เกิดความเมา เหล้าแป้งหมักก็เหล้าพวกแป้ง แป้งหมักสุรานะ เอามาแช่กะน้ำใส่อะไร ๆ ลงไปเมา ใส่ในสัปปะรดก็เมา ใส่ในอะไรก็เมา เมาทั้งนั้นละ นี่น้ำกระแช่เรียกว่าเมรัยของดอง ตานี้มัชชะน่ะหมายถึงว่าของที่ทำให้ติดให้เมา เช่นว่าบุหรี่ กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน
หมากนี่ก็เป็นพวกเมาเหมือนกันละ เพราะว่าติดแล้วมันทิ้งไม่ได้ โยมที่กินหมากน่ะพอไม่ได้กินแล้ว โอ๊ย หาว ๆๆ ไม่ได้กินหมากน่ะหาว หาวจนกระทั่งคางอ้าเป็นหนุมานไปก็มีอ่ะ ต้องตบ ต้องตบให้เข้าที่ นี่เขาเรียกว่าของติดนะโยมนะความจริงนี่ เดี๋ยวโยมว่า อุ๊ย เจ้าคุณว่าเรา ไม่ได้ว่าโยมหรอก แต่ว่าว่าไอ้หมากนี่มันของเสพติดเหมือนกัน ว่างั้นนะ มันเสพไปแล้วมันติด เลิกไม่ได้ต้องเคี้ยวมันอยู่ตลอดเวลา ไปไหนก็ต้องหิ้วไปนะ หิ้วหนักนะเครื่องหมากน่ะ ตะบันเอย เต้าปูนเอย ของหนัก ๆ ทั้งนั้นนะ ยิ่งแก่มันควรจะยิ่งเบานะ ฟันไม่มีมันควรจะเลิกทานหมากเพราะว่าฟันมียังเคี้ยวได้ของแข็งไม่เป็นไร อ้าวนี่ฟันไม่มีแล้ว อ้าวมีตะบันมาแทนนั่งตำโก๊ก ๆๆๆ แล้วก็อมไป แล้วจะใดมันก็จืดตำใหม่ อาตมาสังเกตคนทานหมากเนี่ย ทานมากกว่าเหล้า ทานมากกว่าข้าวนะ ถ้าเรานับข้าวว่ามือนึงกินเท่าใดคำ นับไปเลย แล้วก็ไปดูหมากที่กินวันนึง มากกว่าข้าว เพราะเดี๋ยวตำ ๆๆๆ อาตมารู้จักพระเป็นเพื่อนกันนะ อายุอ่อนกว่าขณะนี้อายุ ๖๗ อาตมามัน ๗๑ เขาเรียกพี่ วัน ๆ โอ๊ยฉันจริง ๆ เรื่องหมาก นั่งก็ประเดี๋ยว ๆ ตำหมากให้กูก่อน ตำ ๆๆ ไอ้คนตำนะคอยตำไว้เรื่อย ตำไว้ป้อนโรงงาน เรียกว่าเดี๋ยวฉัน ๆ แล้วก็คายน้ำหมากเต็มกระโถน ชานมันมั่งน้ำมันมั่ง โอ๊ยเต็มบอกแหมเมื่อไหร่จะเลิกทีน้อทั้งหมากทั้งบุหรี่ กินหมากสูบบุหรี่ บอกว่าเลิกทีไม่ได้นะ เลิกไม่ได้ ๆ บอกว่าถ้าเลิกสามปีติดต่อจะให้เงินสักห้าพัน บอกว่าถ้าเขาเลิกจริง ๆ เดี๋ยวจะไม่ให้ บอกเอาเถอะน่ะ สัญญากันก็ได้ ฝากบัญชีไว้ก่อนก็ได้เข้าบัญชีไว้เลยเอามะ ไม่ยอมนะไม่ยอมเลิก กินอ่ะนะแล้วนั่งดูว่ามันมากกว่าข้าว สิ้นเปลืองมากกว่าไม่ใช่น้อย แล้วก็มันหลายเรื่องรุงรังหลายเรื่อง นี่ของเมาทั้งนั้น พวกนี้เมา กัญชาก็เมา ฝิ่นก็เมา เฮโรอีนก็เมา ไอ้น้ำมันทาสีเอาไปดมเล่นนักโทษใช้นี่ ในเรือนจำนะพวกขี้เมาเขาใช้น้ำมันทาสีมันเอาไปละลายใส่กับน้ำแล้วมากิน ตายนะ ตายไปสองคนแล้วบอกว่าไปกินน้ำมันที่ผสมสีเข้าไป ตานี้พวกนั้นพอรู้ว่ากินตายมันใช้ดมอย่างเดียว ชุบสำลีมาดมเล่น พวกทินเน่อร์ดม เด็ก ๆ ก็ใช้ คือของเสพติดทั้งนั้น
พระพุทธเจ้าท่านห้าม ห้ามในส่วนศีลคือให้รับศีลว่า งดเว้นจากการดื่ม ฉีด สูบ กินของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งของความประมาท คือเมาแล้วมันประมาท มันลืมเนื้อลืมตัว เสียสติเสียปัญญา เสียความสมดุลของร่างกาย เราดูคนเมาเหล้าเดินมันไม่สมดุล มันเดินไม่ตรงนะ เอียงขวาเอียงซ้ายบางทีก็ก้มไปข้างหน้า บางทีก็หงายหลังไป เดินมันไม่สมดุลนะ นี่ ๆ เขาเรียกว่ามันเป็นที่ตั้งแห่งความไม่สมดุลทางร่างกายสมองผิดปกติ อะไร ๆ ก็ผิดปกติทั้งนั้นนะ แต่ว่าคนก็ชอบ ไอ้ที่ชอบนี่มันเรียกว่าอารมณ์ เห็นคนเขาดื่มก็อยากดื่ม แล้วไอ้คนที่ดื่มแล้วมันก็ชวนเพื่อนให้ดื่ม ชวนให้เพื่อนดื่ม ถ้าเพื่อนไม่ดื่มก็หาว่าไม่รักไม่ชอบกัน รักชอบกันมันต้องกินกันหน่อย แตะชนแก้วกันหน่อยเนี่ย นี่คือดึงเพื่อนให้เสีย ไม่ใช่มิตรแท้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่ามิตรเทียม มิตรเทียมนี่คอยดึงเพื่อให้เสียคน ดึงเพื่อนเข้าบ่อน ดึงเพื่อนไปเที่ยว ดึงเพื่อนไปดื่มเหล้า ไปกระทำสิ่งเสียหาย ล้วนแต่เป็นมิตรปฏิรูปคือคนเทียมมิตร ไม่ใช่มิตรแท้ เราคบกะคนอย่างนั้นมันก็เสียหาย ตานี้คนบางพวกเช่นทหารบกก็มี ทหารเรือก็มี ลูกประดู่มันต้องดื่มเหล้า ไอ้นี่มันคำพูดของลูกประดู่ที่เมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องอะไรต้องชวนไอ้คนใหม่ไปเมาด้วย ทหารก็ต้องเมาเหล้าต้องดื่มเหล้า เข้าสโมสรมันต้องดื่มเหล้า เอไอ้นี่มันไม่ถูกนะ เรียกว่าเป็นอุดมการณ์ที่ไม่ถูกต้อง เราไม่ควรจะหัดคนที่ยังไม่ดื่มให้ดื่มอย่างนั้น ควรจะชักชวนกันเลิกดื่มเหล้า
ในสโมสรนี่ไม่ควรจะขายเหล้า แล้วถ้าขายก็ประกาศไว้น้ำนี้มีพิษร้าย ใครดื่มจะตายไว เขียนไว้ที่ตู้กระจกนะ ใครจะดื่มก็ไม่ว่าแต่ถ้าดื่มจะตายไวแล้วก็จะฉิบหายด้วย เขียนไว้ คนก็จะได้ไม่ดื่มน้ำเหล่านั้น หรือว่าถ้าดื่มก็จะได้ดื่มน้อย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ มันยุ่งจริงไอ้เรื่องของเมานี่ ไอ้เราจะเลิกทีเดียวมันก็ไม่ได้หรอก มันไม่ได้เพราะว่ามันดื่มกันเหลือเกินแล้วเมืองไทยนี่ ค่าของมึนเมานี่ปีนึงมันตั้งหมื่นล้าน หมื่นห้าพันล้านไม่ใช่หมื่นล้านถ้วน หมื่นห้าพันล้าน สมัยก่อนราคาน้ำมันที่เอามาใช้กับราคาบุหรี่เหล้าเบียร์นี่เท่า ไล่เลี่ยกัน น้ำมันมากกว่าสองพันล้าน แล้วราคาเหล้าเบียร์นี่น้อยกว่าสองพันล้าน มันหมื่นกว่าทั้งนั้น ไม่ใช่เล็กน้อยที่สูญเสียไปโดยไม่ได้สาระอะไร นี่มันมากอย่างนี้แล้ว เลิกไม่ได้หรอกแต่ว่าให้รู้จักดื่ม ให้ดื่มน้อย ๆ เท่าที่เข้าสังคมอะไร ถือแก้วจิบนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ดื่มด้วยความโง่ความเขลา ดื่มด้วยปัญญา แตะนิดหน่อยคุยอ้อ ๆ แอ้ ๆ ไปตามเรื่องตามราว เผลอ ๆ ก็เททิ้งไปเราไม่ดื่มอะไรเข้าไป หรือมิฉะนั้นทางรัฐต้องจัดการควบคุมการดื่มเหล้า คือให้ดื่มเป็นเวลา ไม่ให้เปิดขาย ร้านเหล้านี่ต้องไม่เปิดขายทุกเวลา ขายเวลาเย็น ๆ ขนาดสักห้าโมงเย็นถึงหกโมงเย็น ชั่วโมงเดียวพอ ให้คนมันเมากันสักชั่วโมงมันไม่ฉิบหายกันไปเท่าใด พอถึงเวลานั้นเราก็ไปดื่มได้แล้วพอพ้นนั้นเราก็ไม่ดื่ม ปิดเลย อันนี้เขามีนะ ประเทศออสเตรเลียนี่เขามี นายกฯไปมากลับมาไว ๆ นี้ แต่ว่าท่านนายกฯท่านก็คงไม่ไปดูอย่างนั้นหรอก เพราะว่าท่านไปค้าขาย ไปขายของเขาบ้าง อะไรขอความช่วยเหลืออะไรเขา ท่านไม่มีเวลาจะไปดูว่าร้านเหล้าเขาเปิดเมื่อไหร่ เขาปิดเมื่อไหร่ แล้วท่านก็คงจะไม่ถามอะไรเพราะว่าท่านก็ไม่ดื่มอยู่เหมือนกัน ไอ้คนเราถ้าตัวไม่ดื่มก็ไม่ค่อยสนใจเท่าใดเรื่องนั้น ตานี้ก็ในออสเตรเลียเขามีกฏหมาย กฏหมายควบคุมการดื่มเหล้า
วันหนึ่งเขาให้ดื่มชั่วโมงเดียวคือตั้งแต่ห้าโมงถึงหกโมง ใครจะไปดื่มก็ไปดื่มตรงนั้นห้าโมงถึงหกโมง แล้วในร้านเหล้านี่เขาไม่มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งให้มันยุ่ง ใครจะไปก็ยื่นหมูยื่นแมว คนมันมากไปเข้าคิวกันจะไปดื่มในนั้น มาถึงก็ยื่นสตางค์ไปรับเหล้ามา อุ๊บไป จะซ้อนก็ไม่ได้เพื่อนข้างหลังคอยสะกิดอย่าซ้อน ๆ คนอื่นเขาจะกินบ้าง แต่เขาก็ขายไป ๆ พอหกโมงเป๊ง ปิดปุ๊บช่องขายตั๋ว เหมือนกับขายตั๋วรถไฟ ช่องยื่นเหล้า ยื่นตังค์วางตังค์ก่อน ตังค์มา ไม่ได้พอดื่มแล้วบางทีก็ไป จะวิ่งก็ไม่ทัน เพราะงั้นเอาตังค์มาก่อน ยื่นหมูยื่นแมวกัน เขากินอย่างนั้น เขาไม่ให้กินนอกเวลา ไม่ให้เอาเหล้าไปที่บ้าน เดินหนีบรักแร้เหมือนบ้านเราไม่ได้ ไปเที่ยวไปเกร่หนีบรักแร้ไปกินปิกนิกอะไร ๆ ไม่ได้เขาคุม ทำไมเขาคุมได้? กฏหมายที่จะออกต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร นี่แสดงว่าผู้แทนฯเขามีคุณภาพ มีคุณภาพ คือเขามีความเห็นว่าการดื่มสุราเมรัยนี่มันไม่ดี แต่ว่าเราจะห้ามไม่ให้คนดื่มเลยมันก็ไม่ได้ จึงออกกฏหมายควบคุมไม่ให้กระทำเช่นนั้น แสดงว่าผู้แทนฯเขารักชาติ รักประเทศ รักประชาชน รักศีล รักธรรม จึงออกกฏหมายเช่นนั้นมาได้ เมืองไทยนี่ไม่มีใครคิดเสนอกฏหมายอย่างนั้นหรอกเพราะว่านักดื่มมันก็มากในเมืองไทยเรามันอย่างนั้น แต่ก็อยากจะแนะนำว่าไม่ควรจะดื่มพร่ำเพื่อ ควรงดเว้นการพร่ำเพรื่อดื่มเป็นเวลา ใครไม่ดื่มเลยเรียกว่าเบอร์หนึ่งเลยวิเศษ เราเป็นชาวพุทธมันต้องอย่างนั้นคือไม่ดื่ม ไม่ส่งเสริมให้เพื่อนดื่มด้วย ใครที่ดื่มเราก็ชวนให้เลิกดื่ม เราไม่ซื้อเหล้าเลี้ยงเพื่อนเพราะว่าการเลี้ยงเหล้าเพื่อนเหมือนกับทำลายเพื่อน เราทำลายทำให้เพื่อนเกิดโรค เกิดโรคในร่างกายตั้งหลายโรคเป็นเรื่องอะไร เรารักเพื่อนอยากให้เพื่อนอยู่นาน ๆ แต่รักเพื่อนอยากให้มันตายไว ๆ มันถูกหรืออย่างนั้น มันไม่ถูก เพราะงั้นเราอย่าไปถือว่ารักกันต้องไปโรงเหล้า ต้องดื่มกันซึ่งมีอยู่ทั่วไป
หนังสืออ่านเล่นก็เขียนอย่างนั้น เพราะนักเขียนมันก็ชักจะเมา ๆ อยู่เหมือนกัน แล้วก็วิทยุโทรทัศน์ก็ประกาศโฆษณาเรื่องเหล้า ดื่มเหล้านี้มีกำลัง มันไม่จริง กระทรวงสาธารณสุขควรจะจัดการเพราะว่ามันไม่ถูก ดื่มเหล้ามีกำลังมีที่ไหน ในมีแต่จะอ่อนจะเพลียลงไป แต่ว่าขณะดื่มนั้นละมันคึกคักมันเมา โลหิตมันฉีดแรงหัวใจมันเต้นแรง หัวใจคนเราถ้าเต้นแรงบ่อย ๆ มันจะอ่อน เหมือนกับเราวิ่งทางไกลมันเหนื่อย หัวใจก็เหมือนกันถ้าเต้นแรงมาก ๆ มันก็อ่อนเพลียแล้วผลที่สุดมันก็จะหยุดเต้น หัวใจวายตายไปเยอะแยะ คนที่ดื่มเหล้าแดดเปรี้ยง ๆ ตะวันเที่ยงเนี่ยนอนตายไปเลย หัวใจมันวายไม่ใช่เรื่องอะไร นี่มีตัวอย่างอยู่ถมไปท่านบอกว่าดื่มเหล้านี่มีโทษอยู่หลายอย่าง เสียทรัพย์นี่เห็นง่าย เพราะไม่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า เราเสียไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมา ได้รู้ได้ความเมาได้ความไม่มีสตินี่คือได้ เรื่องอื่นไม่ได้ ไม่ได้อะไรแล้วเราจะดื่มทำไมเสียทรัพย์ ทรัพย์เหล่านั้นถ้าเราเอาไปซื้อของอื่นเช่นไปซื้อเนื้อหมู ซื้อปลา ซื้อไก่ ซื้อขนมนมเนยเอาไปบ้าน แม่บ้านก็ได้พลอยทาน ลูกก็ได้พลอยด้วย แต่ถ้าเราไปดื่มเหล้า ไอ้เพื่อนขี้เมาเท่านั้นได้ร่วมวงกินกันไป ลูกเมียไม่ได้กิน พ่อบ้านที่ประพฤติตนเช่นนั้นจะเรียกว่ารักครอบครัวได้อย่างไร รักลูกรักเมียได้อย่างไร ตัวเองก็ยังไม่รู้จักรักแล้วจะไปรักคนอื่นเขาได้ไม่ได้ นี่ความจริงมันเป็นอย่างนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่าทรัพย์สูญไปเสียเปล่า ๆ แล้วบ่นว่าเงินเดือนไม่พอใช้แต่ไม่ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แล้วจะไปขอขึ้นเงินเดือนเรียกร้องเงินเพิ่มอะไรต่ออะไร เพิ่มอะไรกันนักหนาชาติจะล้มอยู่แล้วเวลานี้ เงินมันหมดค่าลงไปทุกวัน ขืนเพิ่มมันก็ยิ่งเฟ้อกันใหญ่ ของก็ยิ่งแพงกันใหญ่ เพิ่มไม่ได้ มันต้องจำกัดการเที่ยวเตร่ การสนุกสนาน การใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตัดส่วนเกินออกไปเอาเท่าที่จำเป็นแก่ร่างกาย เงินมันก็จะพอใช้ไม่ลำบากไม่เดือดร้อน เหล้ามันก็เป็นพิษของเมา ทำให้เสียทรัพย์เกิดโรค โรคหลายอย่าง
ถามหมอดูคือวันหลังจะให้หมอมาคุยให้ญาติโยมฟังว่ามันให้โทษอย่างไร เอาภาพมาฉายดูด้วยก็ได้ว่าโทษมาก โทษโรคเกี่ยวกับหัวใจ เกี่ยวกับปอด เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เกี่ยวกับตับ เป็นโรคตับแข็งตายไปกี่คนแล้วเมืองไทย คนใหญ่คนโตยังตายเพราะตับแข็ง ตับแข็งนี่เกิดจากเพราะสุราเมรัยไม่ใช่เกิดจากเรื่องอะไร นี่โรคมันมีแล้วยังโรคอื่น ๆ อีกที่มันแทรกแซงเข้ามาในร่างกาย ให้ดูว่าเพื่อนเราที่ดื่มสุราเมรัยจัดนี่นะร่างกายไม่ปกติ ถึงอ้วนก็ฉุ ๆ คล้ายกับผีตายได้สามสี่ชั่วโมง มันชักจะอ้วนแบบนั้นนะ ไม่ได้อ้วนแข็งแรง อ้วนจะไปไม่ได้อ้วนจะอยู่อะไรหรอก สังเกตดูให้ดีหน้าบวมมือบวมเท้าบวม หายใจหอบ ๆ แล้วก็เหนื่อยทำอะไรก็ไม่ค่อยได้ เที่ยวเดินหนักแผ่นดินไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นี่มันเห็นง่าย ๆ เราเห็นแล้วเอามาเป็นครูเป็นเครื่องเตือนใจ แล้วก็พูดกันให้เข้าใจกับนักดื่มทั้งหลายเราชวนให้เลิก การชวนเพื่อนให้เลิกจากสิ่งเสพติดได้สักคนหนึ่งในเดือนหนึ่งนั่นล่ะยอดบุญแล้ว ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์เต็มที่แล้ว ไม่ได้ช่วยคนเดียวนะ เช่นว่าพ่อบ้านขี้เมานี่เราไม่ได้ช่วยพ่อบ้านคนเดียว แต่เราช่วยแม่บ้านช่วยลูกของเขาหลายคนแล้วก็ช่วยประเทศชาติ คือเขางานมันดีขึ้นรู้จักเก็บหอมรอมริบ รู้จักคุณค่าของชีวิตนี่มันช่วยแพร่หลาย ช่วยไปกว้าง และถ้าเราทำลายคนด้วยชักจูงคนให้มาดื่มสุราเมรัย เราทำลายครอบครัวเขา ทำลายเมียทำลายลูกทำลายทรัพย์สมบัติ ทำลายความก้าวหน้าในชีวิตการงาน ผลาญชาติผลาญประเทศมันเสียหายไม่ใช่น้อยนะ คิดให้มันไกลแล้วจะเห็นว่าเสียหายมาก ยุ่งยากมาก จึงไม่ควรส่งเสริมสิ่งเหล่านั้น
เราชาวพุทธควรจะถือว่าไม่ดื่มเอง ไม่ให้ใครดื่ม ไม่ส่งเสริมการดื่มสุราเมรัยสิ่งเสพติดประเภทต่าง ๆ ขายเราก็ไม่เอาเราไม่ขาย ของอย่างนั้นเราไม่ขาย นี่มีคนอยู่คนที่อยู่ปากเกร็ดนี่แก แกบอกว่าผมเป็นเอเย่นต์เหล้ามาหลายปี ผมอึดอัดเต็มที ผมเลิกแล้วเวลานี้ มาบอกหลวงพ่อว่าเลิกแล้วผมเลิก ไม่เอาละไอ้เงินทองจากไอ้สุราเมรัย ผมรำคาญเต็มทีที่ขายเพราะท่านผู้นั้นท่านไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้าแต่ว่าต้องขาย ขายเป็นเอเย่นต์ มายุ่งยากวุ่นวายเลิกทีเถอะ เลิกแล้วเลิกเดี๋ยวนี้เลิกแล้ว นึกได้แล้วไม่ดีก็เลิกไป แบบนี้เขาเรียกว่าถูกต้อง ตัวไม่ดื่มแล้วจะไปชวนให้คนอื่นดื่มได้อย่างไร เราไม่ควรทำอย่างนั้น มีงานมีการอะไรงดหมด เราเป็นชาวพุทธ มีการแต่งงานลูกเราไม่เลี้ยงเหล้าเพราะเราเป็นชาวพุทธ เราบวชนาคเราไม่เลี้ยง งานศพเราก็ไม่เลี้ยง ทำบุญอายุอย่าเอาแม่โขงมาให้ และบางคนผู้ใหญ่ทำบุญอายุไปซื้อเหล้าต่างประเทศซื้ออย่างดีราคาแพง วิสกี้ของนายชอบนี่เท่ากับว่าไปบอกให้นายว่า ดื่มมาก ๆ แล้วจะได้ตายเร็ว ๆ ผมจะได้มาเผานายต่อไป มันไม่ใช่ให้พรนายนะแต่ว่าไปแช่งให้นายตายไว ๆ เอาเหล้าไปให้นายมันก็ตายไวแล้วจะไปให้พรยังงัย เราให้พรนี่ควรจะซื้อหนังสือธรรมะไปให้นายเผื่อนายจะได้อ่านมั่ง วันเกิดห่อให้สวยผูกริบบิ้นให้ดีเอาไปให้เป็นของขวัญวันเกิด นายเปิดดูเออหนังสือธรรมะวางไว้ก่อนตอนนี้ตากูมันอ่านไม่ได้เพราะมันมันกำลังมึน เมาบรั่นดีดื่มไปไม่ได้มากนักหรอก ว่าง ๆ ก็จะได้อ่าน อ่านแล้วจะได้รู้ อ้อ กูนี่มันเลอะเต็มทีแล้วจะได้เลิกเมา นั่นละเราให้พรผู้ใหญ่ นี่ให้พรด้วยการซื้อเหล้าไปเป็นของขวัญ เวลาย้ายก็เหมือนกันอาตมาพบบ่อย ๆ คนเขาข้าราชการถูกย้ายนั่งมาในรถไฟ แม่โขงหลายขวดเหล้าอะไรต่ออะไร เห็นมะเพื่อนให้ เรียกว่าให้ไปให้ไปใช้ เรียกว่าเพื่อนจะย้ายแล้วส่งของฉิบหายไปให้เพื่อนด้วย เหล้าก็ฝากเหล้าไปด้วย ให้ไปกินจะได้ตายไว ๆ จะได้ฉิบหายกัน มันถูกหรือนี่ เรา ๆ คิดดู ไอ้เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครค่อยพูดกันนะ มันไม่ถูกไม่ชอบไม่ควร เราควรจะซื้อของที่เป็นประโยชน์แก่เขา ของอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์กินกันได้หลายคน นี่กินพ่อบ้านคนเดียว แล้วคนไปส่งบางคนก็พลอยกินกันไปด้วยกันในรถไฟนะ แล้วเมาในรถอีกเสียเกียรติคนไทย เสียเกียรติความเป็นข้าราชการ ไม่ระมัดระวังตัวเที่ยวเมาไปเอะอะมะเทิ่งในรถไฟเสียหาย ไม่เป็นหวัดอย่าไปเลี้ยงวิตามินบางยี่ขันเข้าให้มันจะเกิดปัญหา
นี้มันก็มีนะเรียกว่าคนไทยเรามันช่วยกันปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้น ไม่ช่วยให้ใครเป็นโรคเพราะน้ำเมา แต่ช่วยให้คนเป็นโรคอยู่แล้วหายโรคหายภัย ชีวิคเขาจะเป็นสุข ครอบครัวจะเรียบร้อยไม่สร้างปัญหา อันตรายที่เกิดจากเมานี่มันเยอะ แม้ยาบางอย่างก็ทำให้มึนเหมือนกันเช่นยาม้า พวกแอมเฟตามีนเขาเรียก เอามาละลายใส่เข้าใส่ขวดสวย ๆ ยกสองนิ้วคนก็ชอบ ไอ้พวกขับสิบล้อชอบอยู่ ขับรถทัวร์ก็เหมือนกัน อาตมานั่งรถทัวร์นะเห็นเดี๋ยวเปิดจู๊ดดื่ม ดื่มเรื่อยเลยน่ากลัว มันดื่มแต่ยาทำให้ประสาทตื่น ตื่นอยู่ด้วยความเข็ญ ไม่ใช่ตื่นด้วยอะไรไม่ใช่ธรรมชาติ ถื่อเลยขับถื่อเลย ชนต้นไม้ไม่รู้ตัวความถื่อของมัน เผลอว่าหลับไปหน่อยเพราะฤทธิ์ยาอ่อน อ้าวรถทัวร์ชนกันชนกันคนโดยสารตายเท่าไหร่ ชนกับสิบล้อ ชนต้นไม้ใหญ่ ลงไปนอนในคู ปีหนึ่ง ๆ ชาติประเทศเราสูญเสียเพราะเรื่องอุบัติเหตุนี่เป็นพันล้าน ไม่ใช่ร้อยล้าน พันล้าน! สำรวจจำนวนรถเท่าใดคนตายจำนวนเท่าไหร่เป็นพันล้าน แล้วเกิดจากอะไรจากสิ่งเสพติดทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก การมึนเมาไม่ดื่มเหล้าก็ดื่มยาปลุกประสาท ยาขยัน ยาอย่างนั้นไม่ได้ กินเข้าไปแล้วมันตื่นตัวมันคึกคักพักเดียว พอหมดฤทธิ์ยาแล้วมันซึมมันง่วง อันนี้มันเสียผู้เสียคนตรงนี้เอง มันไม่ได้ไม่ดี แต่ว่าเขาชอบกันชอบดื่ม ขวดกองเป็นตะกร้า ๆ ตามร้านขายน้ำชากาแฟตามหัวเมือง เช่นร้านตรงหน้าอำเภอพิมายจะแวะเข้าพิมาย อาตมาเคยไปแวะเยี่ยมดื่มน้ำชาเย็นแก้วนึงแก้กระหายน้ำ ไอ้ขวดกันเป็นตะกร้า ขวดเต็มเลยอย่างนั้น มันกินกันมากอย่างนี้ พวกสิบล้อเขาชอบชอบกินกันมันเป็นอย่างนี้ ของที่ทำให้กระตุ้นไป เข้มแข็งชั่วครู่ชั่วยาม อย่าไปเที่ยวแตะต้อง มันเป็นพิษแก่ร่างกายทั้งนั้น เราทำอะไรอย่าฝืนธรรมชาติเกินไป ง่วงเอ้าพักเสียหน่อย ขับรถไกล ๆ มันต้องสองคน
คนนี้ง่วงเอ้ามานั่งนี่เสียหน่อยคนนั้นขับต่อไป ก็แล้วก็หายง่วงก็มาทำงานต่อไป เอ้อมันก็เรียบร้อย บางบริษัทเขาทำอย่างนั้น เคยนั่งรถมาจากลำปางมากรุงเทพฯ รถทัวร์อะไรเนี่ย แต่ว่าเป็นของบริษัทหนึ่ง อาตมานั่งใกล้คนขับแล้วก็คอยสังเกต อ้อมันช่วยกัน คนนี้ขับ ๆ เหนื่อยมานั่ง คนนั้นเข้าไปขับ แล้วลูกน้องก็ไม่นอนคอยเตือน มีรถสวน รถจอดข้างทาง รถอยู่ด้านขวา รถอยู่ด้านซ้าย แต่มันคอยเตือนคอยบอกเรียกว่าเป็นสติคอยเตือนเพื่อน อย่างนี้แล้วก็อุบัติเหตุไม่เกิด ขับรถเรียบร้อยอาตมาก็มาเรียบร้อย ไว้ใจได้รถอย่างนั้น บางคันไม่ได้ อาตมาโดยสารนี่มักจะนั่งไม่ไกลคนขับเกินไป เรียกว่าพอคุยกับมันได้ยิน คอยเตือนกระตุก ๆ ไว้มั่งให้มันรู้ตัว อย่าเอาหลวงพ่อไปทิ้งมันจะเสียชื่อ เดี๋ยวหนังสือพิมพ์ลงข่าวเสียหายใหญ่โต มันเป็นอย่างนี้ของเมานี่ เกิดโรค เสียทรัพย์ เกิดโรค อ้าวช็อคตายกัน ตีรันฟันแทงกันด้วยเรื่องอะไรต่ออะไร ไปสโมสรอ้าวคุยกันไปคุยกันมาตีกันละ แทงบิลเลียตลูกบิลเลียตไม่พอตีหัวคนกันไปดีกว่า เรื่องอะไรมันเมาอ่ะนะ มึนกันแล้วก็เมากันตีกัน แทงไปดื่มไปเมาแล้วทีนี้ยุ่งแล้ว ทะเลาะเบาะแว้งนิดหน่อยเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เพราะขาดปัญญาขาดสติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันหายไปเลยเกิดเป็นปัญหามากมายเพราะสิ่งมึนเมาเหล่านี้ เดี๋ยวนี้มันลุกลามมาถึงตามวัดวาอาราม มีงานบุญสุญทานเมื่อตะกี้เนี่ยมีคนมาขอร้อง เขาจะไปทอดกฐินที่จังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอกมลาศัยแล้วอยากจะให้เทศน์อัดเทปเอาไปเปิดให้คนบ้านนั้นฟัง ก็เอาไปทอดปีก่อนนี่เขาเมากันใหญ่ ต้อนรับ เมาต้อนรับ เขาเห็นแล้วบอก นี่เรามาช่วยเขานี่เขาเมาอย่างนี้มันถูกต้องไหม ท่านสมภารก็พระหนุ่มอายุ ๒ พรรษา คือไม่มีใครจะเป็นก็เลยเป็นไปอย่างนั้น มันไม่มี เลยบอกว่าหลวงพ่อช่วยอัดต่อ ไม่ได้ อัดไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์เพราะว่าคนบ้านนอกเขาฟังภาษากรุงเทพฯได้ไม่หมด ได้ไม่หมดแล้วเขาไม่แซ่บ เขา ฟังแล้วมันไม่แซ่บ ฟังไม่ได้ ตานี้แนะนำว่าเวลาจะไปนี่ให้ติดต่อไปที่เจ้าคณะอำเภอ ขอพระที่เป็นนักเทศน์หนึ่งองค์ไปกับขบวนกฐินด้วย แล้วให้เขาไปเทศน์พูดภาษาพื้นบ้าน พอเขาพูดพื้นบ้านนี่มันค่อยซึ้งหน่อย เขาฟังเข้าใจแล้วก็พระแถวนั้นคุ้นหน้ากันจะพูดจะว่าอะไรมันก็ได้
ไอ้เราพูดไปในเทปมันก็ฟังไปกินไปตามเรื่องตามราว มันไม่รู้ว่าใคร ท่านปัญญาอยู่ไหนก็ไม่รู้ อัดเทปมา เอ้อ องค์นี้พูดอะไรก็ไม่รู้ เหมือนคราวหนึ่งไปเทศน์ที่ในสวน ฝั่งนนทบุรีนี่ คนแก่มานั่งฟัง บ๊ะมึงไปนิมนต์พระอะไรมาเทศน์วะ สองคำก็ด่ากูสามคำก็ด่ากู คือแกเมา บอกว่าด่ากูอีกแล้ว พระอะไรมึงไปนิมนต์มาเทศน์ทำไม ไม่เห็นพูดได้เรื่องได้ราวมีแต่ด่ากูทั้งนั้นเลย แกเมา เมาอายุตั้งเจ็ดสิบแปดสิบแล้วยังเมาไม่ได้เรื่อง ไอ้พวกนั้นก็บอก ขอยกมือไหว้ขอโทษหลวงพ่อ ฉันรู้ มันอย่างนั้นน่ะมันไม่ไหวละ นี่ล่ะเขาเรียกว่าบัวใต้น้ำ มันเป็นเหยื่อเต่าพวกไม่ได้เรื่องอะไร ไม่ได้เรื่องอะไรแก่แล้วยังเมาอยู่เลย วันหนึ่งไปบางบัวทอง มหาบุญช่วยไปนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ นะ อายุแปดสิบสอง เมาไม่ได้เรื่องเลย ไอ้หลานนะปู่ฟังเทศน์นะ กูฟังไม่ไหว กูฟังไม่ไหวแล้วเมาฟังเทศน์ไม่ได้แล้ววันนี้นะ เออเห็นแล้วก็สงสาร ไอ้เราจะพูดก็ไม่ได้เรื่องเพราะว่าแกเมา พูดไม่รู้เรื่อง พูดให้แกด่าเล่นเปล่า ๆ มันไม่ได้เรื่องอะไรนี่มันเป็นอย่างนี้ นี่ละมันคือความเสียหายที่ลุกลามเข้ามาในสังคมไทยเรา เป็นเรื่องที่ควรจะได้มีการปรับปรุงแก้ไขเรื่องนี้ให้มันเบาลงไป คือเรามาตั้งกติกาไว้ในใจว่าเราทำอะไรจะไม่มีสิ่งสุราเมรัยเข้าไปเจือปน ไม่ว่างานอะไรตัดหมดไม่มี ใครจะมาไม่มาไม่เข้าใจเราไม่มีสิ่งเหล่านั้น เอากันไปอย่างนั้นให้ดีขึ้น นี่เรื่องนี้ยังไม่จบเอาไว้วันหน้าค่อยว่าการพนันอีก มันหลายเรื่องว่าต่อไปอีกยาว ๆ หน่อย เป็นเรื่อง ๆ ไป วันนี้ก็พอสมควรแก่เวลาแล้ว ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ต่อไปนี้ก็ขอเชิญญาติโยมนั่งสงบใจเป็นเวลา ๕ นาที