แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๔๘ พัฒนาทั้ง IQ EQ และ RQ ให้รู้สัจธรรมของชีวิต เพื่อความดับทุกข์ในปัจจุบัน
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เราทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติให้ถูกต้อง เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือเหตุคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกว่าสมณะที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นั้นอยู่ที่อริยมรรคมีองค์ 8 คือ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัย ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ รู้เหตุรู้ปัจจัย สิ่งเหล่านี้เป็นศีลสมาธิปัญญา เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ที่เป็นสมมุติสัจจะ เพื่อโฟกัสเข้าหาความถูกต้องทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ กฎหมายบ้านเมืองก็เช่นเดียวกันที่เป็นสมมุติบัญญัติ เพื่อโฟกัสเข้าหาความถูกต้อง ที่ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน เราถึงต้องมาเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย ที่เป็นกระบวนการเพื่อทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ เรามารู้เรื่องทางวัตถุเรื่องทางร่างกาย ให้รู้ทางเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องนามธรรม ความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์ถึงอยู่ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พระพุทธเจ้าคือผู้รู้เรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ รู้เรื่องรูปธรรมนามธรรม รูปธรรมก็ได้แก่เรื่องทางกาย นามธรรมก็ได้แก่เรื่องจิตใจ ความทุกข์ก็มีอยู่ 2 อย่างคือความทุกข์ทางกายทุกทางใจ สุขก็มีอยู่ 2 อย่างคือสุขทางร่างกายและความสุขทางจิตใจ มันก็มีอยู่ 2 อย่างอย่างนี้ เราจะได้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ให้ทุกคนพากันเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องผลเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย ทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน ให้เป็นทางสายกลาง
การประพฤติการปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบัน อดีตก็ปฏิบัติไม่ได้เพราะมันผ่านมาแล้ว อนาคตก็ปฏิบัติไม่ได้เพราะยังมาไม่ถึง ปัจจุบันคือการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกคน ให้ทุกคนพากันประพฤติพากันปฏิบัติในปัจจุบัน เน้นที่การปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญมาก ทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้พากันรู้จักทุกรู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เห็นภัยในความไม่ถูกต้อง เพราะความไม่ถูกต้องมันเป็นไปเพื่อประกอบความทุกข์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ อาชีพที่มันเป็นตัวเป็นตน ตัวตนนั้นคือทุจริต คำว่าทุจริตนั้นคือความเป็นนิติบุคคลตัวตน คือความไม่ถูกต้อง สิ่งที่จะมายกเลิกความไม่ถูกต้องก็ได้แก่พระธรรมพระวินัย ได้แก่กฎหมายบ้านเมืองที่เป็นสมมุติสัจจะ ให้พวกเราพากันเข้าอกเข้าใจ อย่าเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต อย่าเอาตัวตนนำชีวิต เราต้องรู้จัก จะได้เข้าสู่ระบบระเบียบเข้าสู่พระธรรมพระวินัยกฎหมายบ้านเมือง เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พากันมาแก้ที่ตนเองปฏิบัติที่ตนเอง พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ทำไมมนุษย์ถึงมีความทุกข์ เพราะความเห็นไม่ถูกต้องความเข้าใจไม่ถูกต้อง เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มนุษย์เราถึงได้มีความทุกข์ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เพราะเราไม่เข้าใจในเรื่องของกายเรื่องของใจ ให้พากันเข้าใจ ว่าหยุดเหตุหยุดปัจจัย การเรียนการศึกษาของมนุษย์ตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ก็เพื่อมีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อเป็นความรู้ความเข้าใจ จะได้ไม่ตั้งอยู่ในความรวมความเพลิดเพลินความประมาท พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ
เราทุกคนน่ะต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติ เพื่อข้ามพ้นสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตน ที่เราทุกคนเกิดมารักสุขเกลียดทุกข์ระแวงภัย ยินดีพอใจในกาม สิ่งเหล่านี้มันเป็นสัญชาตญาณแห่งความเป็นตัวตน เราทุกคนต้องพากันรู้จัก ว่าอันนี้คือกรรมเก่า มันเป็นพลังงานของกรรมเก่าที่เป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจ ที่เป็นอายตนะภายใน กรรมใหม่ที่เป็นอายตนะภายนอกมันมาสัมผัสกระทบ ปรุงแต่งติดต่อต่อเนื่อง เป็นขั้วบวกขั้วลบ กรรมใหม่คือสิ่งภายนอกที่มากระทบกับสิ่งภายใน ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ กรรมใหม่จะมาสัมผัสกับกรรมเก่า มันจะเกิดเป็นพลังงานเป็นสัญชาตญาณเป็นตัวเป็นตนไปเรื่อยๆ เป็นกระบวนการทั้งทางกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ ให้พวกเราพากันรู้จักกรรมเก่ากรรมใหม่ ทุกอย่างก็ล้วนแต่จากไป ให้พวกเราพากันเข้าใจ จะได้ยกกรรมเก่ากรรมใหม่นี้สู่พระไตรลักษณ์ว่า ทุกอย่างนั้นไม่แน่ไม่เที่ยงมีความเปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มีความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี เราต้องพากันรู้ความจริงรู้อริยสัจ 4 รู้เรื่องจิตเรื่องใจรู้เรื่องวัตถุ รู้เรื่องกรรมเก่ากรรมใหม่ กรรมเก่ากรรมใหม่มันคือข้อสอบข้อตอบ เป็นไฟท์แห่งการประพฤติปฏิบัติของเราในปัจจุบัน ให้พวกเราพากันเข้าใจการประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้ไม่ปล่อยให้ตัวเราเสียโอกาสเสียเวลา ถ้าเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ ปล่อยให้กรรมเก่ากรรมใหม่มันทำงาน ด้วยความเป็นนิติบุคคลตัวตนนั้น เรียกว่าไม่ถูกต้อง มันเป็นความหลงความประมาท ไม่รู้ความจริง ไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าถึงบอกผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบท ให้รู้ถึงข้อวัตรข้อปฏิบัติ ต้องตะพึดต้องปฏิบัติ อย่าได้หลงอย่าได้เพลิดเพลินอย่าได้ตั้งอยู่ในความประมาท ถ้าไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติก็จะต้องอาบัติตั้งแต่ทุกกฏจนถึงอาบัติถุลลัจจัย ฆราวาสญาติโยมถ้าไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติก็เป็นบาปทางใจและส่งผลออกมาทางกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพราะเราได้ตั้งอยู่ในความประมาท ความประมาททำให้เราเสียโอกาสเสียเวลา ความประมาทเป็นอุบัติเหตุทั้งทางกายวาจาและจิตใจ
ร่างกายของมนุษย์ก็ต้องได้อาหารทางกาย ใจของมนุษย์ก็ต้องได้อาหารทางใจ เราจะต้องให้อาหารทางกายอาหารทางใจไปพร้อมๆกันจึงเป็นทางสายกลาง เราจะสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าเราสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง มันจะไม่เป็นศีลสมาธิปัญญา ไม่เป็นธรรมไม่เป็นวินัยไม่เป็นกฎหมายบ้านเมือง มันจะเป็นนิติบุคคลตัวตน หมู่มวลมนุษย์ต้องให้อาหารทางกายให้อาหารทางใจไปพร้อมๆ กัน ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
วันหนึ่งคืนหนึ่งมีอยู่ 24 ชั่วโมง กลางวันก็ 12 ชั่วโมง กลางคืนก็ 12 ชั่วโมง กลางวันเป็นเวลาทำงาน กลางคืนเป็นเวลาพักผ่อน โลกสมัยใหม่ได้พัฒนามีไฟฟ้ามีน้ำประปามียานพาหนะ มีรถมีเครื่องบินมีสิ่งอำนวยความสะดวกความสบาย ผู้ใหญ่วัยทำงานก็พากันนอน 6-8 ชั่วโมง สมองเราจึงจะไปสั่งการทำงานทำธุรกิจการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เด็กเล็กนักเรียนนักศึกษาให้นอนวันละ 8-12 ชั่วโมง เวลากลางคืนมีอยู่ 12 ชั่วโมง เราอยู่ในเมืองหลวงในตัวจังหวัดในตัวอำเภอหรืออยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมมีความสว่างไสวทั้งกลางวันกลางคืน มีการทำงานเป็นกะกลางวันกะกลางคืน อย่างเป็นแพทย์เป็นพยาบาลก็ทำงานเป็นกะ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ทำงานเป็นกะ แต่มนุษย์เราก็ต้องนอนพักผ่อนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง จะพากันคอรัปชั่นเวลานอน ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ เราต้องมีความสุขในการทำงาน ถ้าไม่มีความสุขในการทำงาน เราก็จะเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า เราต้องรู้ความจริงรู้อริยสัจ 4 อย่างนี้ ให้มีความสุขในการทำงาน เพราะหมู่มวลมนุษย์ที่มีตัวมีตน มีสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตน เพราะมีตัวมีตนเลยไม่มีความสุขในการทำงาน มีแต่ความทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป เพราะความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน เราทุกคนต้องพากันเข้าใจนะ ให้มีความสุขในการทำงานให้ได้ เราเอาการทำงานให้เป็นการปฏิบัติธรรม เอาการปฏิบัติธรรมให้เป็นการทำงาน ให้มันได้ทั้งสองอย่าง ได้ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจได้ทั้งวัตถุไปพร้อมๆ กัน เป็นทางสายกลาง ทั้งกายทั้งใจไปพร้อมๆ กัน ให้เราทุกคนมีความสุขในการทำงาน เพราะความเป็นมนุษย์มันเป็นสากลกับเราทุกๆ คน เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการยกเลิกความเป็นตัวตน เราจะมีความสุขได้ก็มายกเลิกความไม่ถูกต้อง พากันมีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต พากันมีความสุขในการทำงาน
สำหรับพวกเด็กๆ ก็มีความสุขในการเรียนหนังสือมีความสุขในการเรียนการศึกษา เอาการเรียนการศึกษานั้นให้เป็นความสุข มนุษย์เราก็มีสองตา อันหนึ่งคือตาเนื้อมังสะจักษุ อันหนึ่งคือปัญญาจักษุดวงตาปัญญา การเรียนการศึกษาเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเราทุกคนที่เกิดมาที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตนเป็นสัญชาตญาณ ได้เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มีดวงตาก็มีแต่ตาเนื้อ การเรียนการศึกษานี้เพื่อพัฒนาให้มีดวงตาปัญญา ถ้าเราตาบอด เราก็จะมองไม่เห็น เดินทางก็ไม่ได้เดินทางไม่ถูกต้อง ดวงตาเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้แต่ฝุ่นละอองเล็กน้อยเข้าตาก็ยังระคายเคือง ดวงตาภายนอกทางร่างกายก็สำคัญ ดวงตาปัญญาก็สำคัญมากไม่แพ้กันไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ดวงตาปัญญก็มาจากการเรียนการศึกษา เพื่อให้มีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ การเรียนการศึกษาถึงเป็นแสงสว่างเป็นสิ่งที่ประเสริฐ จึงต้องมีความสุขในการเรียนการศึกษา เพื่อนมีดวงตาที่ดีมีสติมีปัญญา เราไม่เข้าใจในการเรียนการศึกษาก็พากันคิดว่า เรียนหนังสือก็เพราะความจำเป็น เรียนมุ่งไปแต่ความเป็นตัวเป็นตน ไม่ได้เข้าใจว่าการเรียนการศึกษาเพื่อเราจะได้มีทั้งตาเนื้อมีทั้งดวงตาปัญญาไปพร้อมๆ กัน เพื่อเราจะได้ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งทางใจทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราไม่มีความสุขในการเรียนการศึกษา ไม่เห็นคุณค่าในการเรียนการศึกษา เราก็เลยเครียดมีความทุกข์ ไม่มีความสุขในการเรียนการศึกษา พวกเราทุกคนต้องพากันเข้าใจ เพื่อมีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
พ่อแม่เป็นคนที่สำคัญ เพราะพ่อแม่เป็นผู้ส่ง DNA ให้กับลูก ทั้งกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ พ่อแม่คือผู้ที่ส่ง DNA ให้ พ่อแม่ถึงเป็นบุคคลที่สำคัญนะ พ่อแม่คือพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ ทั้งกาย ทั้งวาจา กริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ พ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญ พ่อแม่ถึงเป็นผู้ปฏิบัติเป็นตัวอย่างแบบอย่าง เป็นแบบเป็นพิมพ์ให้กับลูก พ่อแม่ต้องมีหูมีตา มีตาทางร่างกายมังสจักขุ แล้วก็มีตาปัญญาตาใจ ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน พ่อแม่ก็ต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญ พ่อแม่ต้องรู้ว่าความบริสุทธิคุณ ปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ มันอยู่ที่เรายกเลิกความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตนนะ เราจะได้มีทั้งตาภายนอกคือตาทางร่างกาย แล้วก็จะมีตาปัญญาตาใจ ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องโฟกัสเข้ามาหาเรานี้แหละ เราต้องพากันมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ทั้งในเรื่องจิตเรื่องใจทั้งเรื่องกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เน้นที่เราโฟกัสมาที่เรา มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เอาตัวตนมาเป็นที่ตั้งไม่ได้ ตัวตนคืออบายมุขอบายภูมิ ที่มันเป็นภพภูมิของคน ร่างกายของเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจของเราเนื่องด้วยอบายภูมิ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเรียกว่าเป็นคน ไม่ได้เป็นมนุษย์หรอก มันเป็นอบายมุขเป็นอบายภูมิ เราเป็นพ่อเป็นแม่เราต้องพากันเข้าใจ เพราะว่าพ่อแม่คือผู้ที่ให้ DNA ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท พ่อแม่ถึงเป็น IQ EQ พัฒนาเข้าสู่ RQ
IQ (Intelligence Quotient) ความฉลาดทางปัญญา
ตัวแรกที่จะกล่าวถึง คือ ความสามารถทางการวิเคราะห์ ความสามารถทางวิชาการ ความจำ การอ่าน-เขียน การคำนวณ การพัฒนาด้าน IQ นี้มาจากกรรมพันธุ์ ๕๐ % อีก ๕๐% มาจากสิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดู
ถ้ามีความรู้ทางโลกอย่างเดียว ไม่ว่าตนเองจะเป็นคนฉลาดเพียงใดก็มีโอกาสพลาดพลั้งได้ เช่น มีความรู้เรื่องปรมาณู อาจนำไปใช้ในทางสันติเป็นแหล่งพลังงาน หรือนำไปสร้างเป็นระเบิดทำลายล้างชีวิตมนุษย์ก็ได้ เราจึงต้องศึกษาความรู้ทางธรรมไว้คอยกำกับความรู้ทางโลกด้วย ความรู้ทางธรรมจะเป็น เสมือนดวงประทีปส่องให้เห็นว่า สิ่งที่กระทำนั้นถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร
ผู้ที่คิดแต่จะตักตวงความรู้ทางโลก แม้จะฉลาดร่ำรวย มีอำนาจสักปานใดก็ไม่น่ารัก ไม่น่าเคารพ ไม่น่ายำเกรง ไม่น่านับถือ ยังเป็นบุคคลประเภท เอาตัวไม่รอด “ความรู้ที่เกิดแก่คนพาล ย่อมนำความฉิบหายมาให้ เพราะเขาจะนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิดๆ” เราทุกคนจึงควรจะแสวงหาโอกาสศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม และ รู้ให้ลึกซึ้งเกินกว่าการงานที่ตนรับผิดชอบ ความรู้ที่เกินมานี้ จะเป็นเสมือนดวงประทีปส่องให้ทางเบื้องหน้านำไปสู่ความสำเร็จได้โดยง่าย
Quotient) ความฉลาดทางอารมณ์ ความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความสามารถในการควบคุมตนเองไม่ให้หวั่นไหวไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ให้ก้าวร้าว อวดดี ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข หลักธรรมที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพ ควรน้อมนำไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาได้เป็นอย่างดี คือ พรหมวิหาร ๔
๑. เมตตา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข เพราะความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เมตตาที่แท้จริงนั้น เป็นธรรมที่เอื้อต่อการรักษาความเที่ยงธรรม ทำให้มีภาวะจิตที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ที่จะเอนเอียงเข้าหา หรือเกลียดชังคิดร้าย มีปรารถนาดีต่อทุกคนสม่ำเสมอกัน จึงช่วยให้พิจารณาตัดสินและกระทำการต่างๆไปตามเหตุผล โดยมุ่งประโยชน์สุขที่แท้จริงแก่คนทั้งหลาย
๒. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ : ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่ และความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์
: ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้ว ไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์
๓. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้า ยิ่งๆ ขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา
๔. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้นและต้องปราศจากอคติทั้ง ๔
RQ (Realistic Quotient) ความฉลาดมองเห็นความจริงในชีวิต แม้ว่าเราจะมีฉลาดรอบรู้มากมายหลายด้านอย่างใดก็ตาม แต่ความฉลาดรอบรู้นั้นจะหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย หากยังไม่สามารถนำมาใช้ดับทุกข์ของเราได้ ดังนั้นความรู้เรื่องสัจธรรมความเป็นจริงของชีวิต จึงเป็นความรู้ที่มีค่าและสำคัญยิ่งที่ทุกคนสมควรรู้ นั่นคือ อริยสัจ 4 ได้แก่
ทุกข์ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก ไม่สมหวัง ไม่ได้ดังใจ เป็นทุกข์
สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ เพราะมีตัณหา คือปรารถนาใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ความอยากมีอยากเป็น และความไม่อยากมีไม่อยากเป็น
นิโรธ การดับทุกข์ ด้วยการปล่อยวาง การละ การเลิก ไม่พัวพันกับตัณหา และไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น
มรรค ทางดับทุกข์ ประกอบด้วย อริยมรรค ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
เราทุกคนต้องพัฒนา IQ EQ RQ ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ต้องพัฒนาการเรียนการศึกษาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ IQ EQ RQ แล้วเราจะได้เอาความถูกต้องทั้งกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ที่มันเป็นทางสายกลางไปพร้อมๆ กัน มนุษย์เราต้องมีการประพฤติการปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง ให้เป็นทางสายกลาง ทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ พัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์พัฒนาทั้งใจ ให้มันมี IQ EQ RQ ให้เราทุกคนเข้าใจอย่างนี้ เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เอาความหลงเป็นที่ตั้ง เราไม่ได้พัฒนา IQ EQ RQ มันไม่ได้นะมันเสียหาย เราต้องมีความสุขในการเรียนการศึกษา เราต้องมีความสุขในการทำงานไปพร้อมๆ กัน เราจะได้พัฒนาทั้งกายทั้งใจให้มีความสุข เพราะการยกเลิกตัวตนันมีความสุข เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ ตัวตนมันไม่อยากเรียนไม่อยากศึกษา มันไม่อยากพัฒนา IQ EQ RQ เพราะว่าตัวตนมันไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ มันตั้งอยู่ในความหลง ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท พระพุทธเจ้าถึงบอกให้สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าว่า ทุกท่านทุกคนอย่าไปตั้งอยู่ในความหลงตั้งอยู่ในความประมาท เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ มันเอากลับคืนมาไม่ได้ เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่สำคัญ กฎหมายบ้านเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญ สมมติสัจจะนั้นแหละ จะโฟกัสเข้าหาความดับทุกข์ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาท ที่เราจะได้พัฒนา IQ EQ RQ ให้ติดต่อต่อเนื่องให้เป็นความสุขเป็นความดับทุกข์ ให้พากันเข้าใจ เห็นความสำคัญในพระธรรมในพระวินัยในกฎหมายบ้านเมือง พวกเราทั้งหลายจะได้เป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ เป็นตัวอย่างแบบอย่างจะได้ส่ง DNA ที่เป็น IQ EQ RQ ให้กับลูกกับหลานของเรา ทุกคนต้องพากันรู้จักทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราอย่าพากันหลงในความสุข เพราะความสุขมันไม่แน่ไม่เที่ยง เราอย่าพากันหลงในความทุกข์ เพราะความทุกข์มันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง เราอย่าไปหลงอยู่ในความไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะทุกอย่างมันไม่แน่ไม่เที่ยง ทุกอย่างนั้นให้พวกเราเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติ ต้องมีความสุขในการปะพฤติในการปฏิบัติ เน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ แก้ไขที่ตัวเรานี้แหละ นี้คือบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ เน้นมาที่ตัวเราที่มันเป็น IQ EQ RQ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
เราทุกคนจะรู้จักคุณค่ารู้จักหน้าที่ในการประพฤติในการปฏิบัติ ความสุขความดับทุกข์ของเรานี้อยู่ที่เรามีสัมมาทิฏฐิ อยู่ที่เรามีปัญญา แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติในปัจจุบัน ปฏิบัติเป็นทางสายกลาง ทางสายกลางไม่เอานิติบุคคลเอาตัวตน เอาธรรมะเพราะนี้เป็นความกับทุกข์ คู่ความเป็นมนุษย์ ในปัจจุบันโลกนี้มีมนุษย์ 8000 กว่าล้านคน ในโลกใบนี้โลกกลมๆ ทุกคนก็ต้องพากันมีความถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องที่มันเป็น IQ EQ RQ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราจะได้มีตา 2 ตาคือตาภายนอกที่เป็นมังสจักขุ ตาภายในคือปัญญาจักขุ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราจะเป็นมนุษย์ไม่ได้ เราจะเป็นได้แต่เพียงคนเป็นตัวเป็นตน เราก็จะมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไปนะ เราจะได้เข้าใจว่าความถูกต้องคือความเป็นพระ คือยกเลิกความมีทุกข์ทางกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์เป็นอย่างนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือความเป็นทุกข์อย่างถาวร ความทุกข์ทางกายอย่างถาวร ความทุกข์ทางใจอย่างถาวร ถึงเราเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีเรามีตัวมีตน เราจะมีความทุกข์อย่างถาวร หมู่มวลมนุษย์เราต้องพัฒนาตัวเอง ทั้งภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่เอาสมมติบัญญัติ เอาธรรมวินัย เอากฎหมายบ้านเมือง เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง ความเป็นพระของนักบวชก็เป็นไม่ได้ เพราะนักบวชไปมีตัวมีตนก็เป็นนักบวชไม่ได้ เพราะนักบวชแปลว่าผู้ที่มายกเลิกนิติบุคคลตัวตน เพราะว่าภาระหนักของหมุษย์คือตัวตน ผู้ที่มาบวชคือผู้ที่มายกเลิกตัวตน จึงได้รับสิทธิพิเศษ ผู้ที่พากันมาบรรพชาอุปสมบท มาได้รับสิทธิพิเศษถูกต้องตามกฎหมาย ที่บ้านไม่ได้เช้า ข้าวไม่ได้ซื้อ เขาเอามาให้ ผู้หลักผู้ใหญ่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ข้าราชการนักการเมือง เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ก็มากราบมาไหว้ ได้รับสิทธิพิเศษอย่างนี้ ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทให้เข้าใจอย่างนี้ เราจะได้พัฒนากาย วาจา กริยามารยาท อาชีพของนักบวชคือมายกเลิกความเป็นนิติบุคคลที่เป็นตัวเป็นตน อย่างนี้ เขาเรียกว่าพระ พระคืออะไร พระคือพระธรรมพระวินัย มันคือความดับทุก์ทางจิตใจ กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ยกเลิกตัวตน ผู้ที่มาบวชจะได้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรามาบวชในพระศาสนา มาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ พระศาสนาเป็นสิ่งที่สูงส่ง ทุกคนรู้ว่าศาสนาเป็นสิ่งที่ดับทุกข์ ทั้งกาย วาจา กริยามารยาท อาชีพ เป็นสิ่งที่สูงส่งยกเลิกตัวตน ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทจะเอาความเป็นนิติบุคคลตัวตนไม่ได้ ต้องมายกเลิกตัวตน ผู้ที่มาบรรพชาถึงจะเป็นพระได้ ต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต ทั้งกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ต้องเอาพระพุทธเจ้ามาไว้ที่กาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพนักบวชที่มายกเลิกตัวตน ผู้ที่มาบวชเขาถึงไม่ให้ทำนิติกรรม เช่นการเลือกตั้งต่างๆ จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ได้ เพราะยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน เป็นปูชนียบุคคล ไม่มีตัวไม่มีตนแล้ว เอาพระธรรมเอาพระวินัยที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก 84000 พระธรรมขันธ์ แบ่งเป็นปิฎก 3 ปิฎก แบ่งเป็นพระวินัย 21000 พระธรรมขันธ์ พระสูตร 21000 พระธรรมขันธ์ พระอภิธรรม 42000 พระธรรมขันธ์ ต้องเอาพระธรรมพระวินัยนำชีวิต ยกเลิกตัวตน มันถึงจะเข้าถึงความเป็นพระ เข้าถึงปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ยกเลิกตัวตนเราถึงจะตั้งอยู่ใน IQ EQ RQ ให้ผู้ที่มาบวชพากันเข้าใจ ได้พากันมาอาศัยพระศาสนาหาอยู่หาฉัน ปัจจุบันนี้ผู้ที่มาบวชอยู่ในพระศาสนาเพื่อเอาศาสนาหาอยู่หาฉัน 99.9% นะคิดเป็นเปอร์เซ็น เพราะพระทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกนิดเดียวจะครบ 100 ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทให้พากันเข้าใจการมีตัวมีตน ที่เรามาบรรพชาอุปสมบท มาเอาพุทธศาสนามาหาอยู่หาฉันน่ะ มันไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าท่านไม่ว่าอะไร ถึงเราจะมาจากคนยากคนจน มาจากข้าราชการนักการเมือง ทุกชั้นวรรณะท่านไม่ว่าอะไร เพราะเรามายกเลิกตัวตน เราถึงจะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ทุกคน เพราะความดับทุกข์อยู่ที่เรายกเลิกตัวตน ให้พากันเข้าใจ ในโลกนี้การปกครองเขาถึงเอาธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาตัวตนนำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต
ในโลกนี้ปัจจุบันมี 195 ประเทศ เกือบจะถึง 200 แล้ว ต้องเอาธรรมนำชีวิต พระมหากษัตริย์หรือประธานาธิบดีต้องเอาทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ข้าราชการนักการเมืองหรือนักบวชต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตนเราถึงจะเป็นนักการเมือง เป็นนักบวช ให้พวกเราเข้าใจเพราะนี้คือกระบวนการแห่งความดับทุกข์ ทางกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ต้องยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราตื่นขึ้นมาเราต้องพากันมาเสียสละ มาละมายกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ต้องเสียสละ อันนี้ไม่คิดอันนี้ไม่พูดอันนี้ไม่ทำ ปรับเข้าหาเวลา ปรับเข้าหากฎหมายบ้านเมือง ต้องเอาธรรมเป็นหลัก อย่าเอานิติบุคคลตัวตนเป็นหลัก เช่น กฎหมายบ้านเมืองที่มันเป็นประชาธิปไตย ที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน มันยังไม่ถูกต้อง ไม่ได้เข้าถึงฐานที่เป็นมนุษย์เป็นได้แต่เพียงคน เช่นกฎหมายที่ให้มีโรงกลั่นเหล้ากลั่นเบียร์ บ่อนการพนัน โรงฆ่าสัตว์ สิ่งเหล่านี้เป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ได้เข้าถึงฐานที่เป็นมนุษย์ เป็นได้แต่เพียงคน กฎหมายมันต้องเอาธรรมเป็นหลัก ประชาธิปไตยต้องปรับเข้าหาธรรมะ ถ้าเราเอาตัวเอาตน เมื่อออกเป็นกฎหมายมาแล้วมันจะเป็นเผด็จการ มันไม่เข้าถึงฐานแห่งความเป็นมนุษย์ มันเป็นได้แต่เพียงคน เป็นตัวเป็นตน เราต้องเข้าใจ กฎหมายบ้านเมือง เราอย่าให้เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน เราต้องเข้าถึงฐานแห่งการยกเลิกตัวตน คือเราจะไม่ได้เป็นแต่เพียงคน เราจะได้เป็นมนุษย์ ท่านพุทธทาสภิกขุที่เป็นนักปราชญ์ของโลก ของประเทศไทยเรานี้แหละ ที่สุราษฎร์ธานี ท่านประพันธ์คำกลอนที่ออกจากใจออกจากพระนิพพานว่า
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า ใครมีเข้า ควรเรียกว่า ผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย ก็สมหมายที่เกิดมา อย่าเชือนเอย ฯ
เราจะเป็นมนุษย์ได้เราต้องยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะเรามีสัมมาทิฏฐิ มีความคิดเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เราจะเป็นมนุษย์ได้ เพราะเราเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร
พวกเราหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายให้พากันเข้าใจ พวกนิสิตนักศึกษาข้าราชการ นักการเมือง นักบวช พ่อค้าประชาชน ต้องมาเข้าใจ มามีสัมมาทิฏฐิ ต้องมี IQ EQ RQ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ต้องพัฒนาตัวเองยกเลิกตัวตน ต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้เป็นนักบวชที่แท้จริงไม่เอาเปรียบคนอื่น เราเป็นข้าราชการนักการเมืองที่แท้จริงไม่เอาเปรียบคนอื่น เราจะได้เป็นผู้นำทั้งตนเอง เป็นผู้นำทั้งคนอื่น เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ทุกคนก็ยอมรับไม่ได้ ตัวเองก็ยอมรับไม่ได้ เราที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่เรียกตัวเองว่าเป็นบิ๊กๆ บิ๊กนู่นบิ๊กนนี่ ที่ปัจจุบันสังคมเรียกว่าบิ๊กๆ บิ๊กก็แปลว่าใหญ่ มันเป็นตำแหน่งนิติบุคคลตัวตน พระพุทธเจ้าท่านมายกเลิกตัวตน มาเสียสละตัวตน เลยไม่มีบิ๊ก วันหนึ่งคืนหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงบรรทมเพียง 4 ชั่วโมง เสียสละรับใช้หมู่มวลมนุษย์เทวดาอินทร์พรหมและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้เราเข้าใจนะว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่รับใช้ผู้อื่น เป็นผู้ที่ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ท่านยกเลิกตัวตนก็มีความสุขที่สุดในโลก ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขเท่ากับยกเลิกตัวตน ถ้าเรายกเลิกตัวตน เราก็จะมีศีลมีสมาธิมีปัญญา เราถึงจะเป็นข้าราชการนักการเมืองที่ถูกต้อง ให้พากันเข้าใจรู้อริยสัจ 4 อย่างนี้ เราต้องมีตามังสะ มีตาปัญญาไปพร้อมๆ กัน
ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชคือผู้ที่มายกเลิกตัวตน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นการขับเคลื่อนไปหาความดับทุกข์ ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งอาชีพ ที่มันเป็นส่วนรวมที่เป็นมหาชน หมู่มวลมนุษย์ต้องขับเคลื่อนด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นพระมหากษัตริย์ ต้องขับเคลื่อนไปด้วยความถูกต้อง เพราะทุกอย่างนั้นมันคือความสงบอบอุ่น ดับเย็นเป็นพระนิพพาน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง การปกครองด้วยภาษีอากรของส่วนรวม เรจะาเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ เพราะมันทุจริต ที่มันไปไม่ได้ ให้เราเข้าใจ เพราะมันทุจริต ให้ทุกคนโฟกัสมาหาตัวเองอย่างนี้แหละ ว่าตัวเองเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไหม ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง นั่นแหละเรากำลังทุจริต เราทุกคนต้องเน้นมาหาตัวของเราเอง การที่แก้ไขเราทุกต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกันไปในทางเดียวกัน เรียกว่ามีศีลมีสมาธิมีปัญญามีกฎหมายบ้านเมือง ถึงได้ยกเลิกตัวตนมีความสมัครสมานสามัคคี เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ความสมัครสมานสามัคคี ตัวตนนั้นคือการแตกแยก ตัวตนนั้นทำให้ลูกเถียงพ่อเถียงแม่ เถียงครูบาอาจารย์ เพราะมันเป็นตัวเป็นตนเขาถึงเถียง ตัวตนนี้ทำให้พวกเด็กฟันน้ำนมยังไม่หลุดร่วง เขาออกมาเดินขบวน ถ้าเรายกเลิกตัวตน ใครเขาจะมาเถียงเรา ใครเขาจะมาเดินขบวน เพราะตัวตนนะ เราต้องเข้าใจ เราต้องมีความสุขในการเสียสละยกเลิกตัวตน พากันมามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม เราจะได้มีศีลมีสมาธิมีปัญญา เพราะตัวตนนั้นมันไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา มันจะไปจัดการแต่ภายนอก มันไม่ได้จัดการตนเองเลย ไม่จัดการกายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เรามีความเห็นแก่ตัว ตัวตนนี้แหละมันเอาพรรคพวก
ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นข้าราชการนักการเมืองต้องรู้อริยสัจ 4 เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งพวกเด็กก็ต้องเดินขบวนแน่ เพราะเราต่างก็พากันมีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาเอก ตั้งแต่นักธรรมตรีถึง ป.ธ.9 เขาต้องออกมาเถียงหรือออกมาเดินขบวน เราต้องเข้าใจ ทุกคนพากันคิดว่าทางเหตุทางปัจจัยมันง่าย แต่การประพฤติการปฏิบัติมันยากทำไม่ได้ ให้เราเข้าใจนะความคิดอย่างนี้ความตรึกอย่างนี้ มันเป็นตัวเป็นตน เราอย่าไปสนใจมันเลย พูดอย่างภาษาพ่อขุนรามคำแหงว่า เราอย่าไปสนใจพ่อสนใจแม่สนใจลูกสนใจหลาน ที่มันเป็นตัวตนเลย ปัจจุบันมันเป็นไฟต์ในการประพฤติการปฏิบัติตนของเรา ความชอบเราก็ไม่เอา ความไม่ชอบเราก็ไม่เอา เราต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เหมือนเมล็ดพันธุ์เบี้ยเล็กที่เราปลูก ให้น้ำให้แสงแดด กำจัดวัชพืช ป้องกันแมลงที่มันจะมากัด อาศัยเวลา ก็เจริญเติบโตเป็นม้ใหญ่ ตัวตนมันก็ไม่อยากประพฤติไม่อยากปฏิบัติ พอมันมีตัวมีตน มันก็ไม่อยากประพฤติไม่อยากปฏิบัติ พวกเราอย่าไปสนใจมัน เอาพระธรรมเอาพระวินัยเอากฎหมายบ้านเมือง ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราจะได้โฟกัสยกเลิกเหตุยกเลิกปัจจัยยกเลิกความหลง เราอย่าไปสนใจมันเลย เราทุกคนต้องพากันข้ามสัญชาตญาณความเป็นตัวตน เราอย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนต้องมาถือความถูกต้อง มาถือพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยคือความถูกต้องทางกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ แล้วตั้งมั่นมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ไม่ต้องชอบไม่ต้องไม่ชอบ อย่าไปคิดว่าฉันชอบแบบนี้ไม่ชอบแบบนี้ อันนี้มันเป็นอาการของตัวตน ความชอบความไม่ชอบ เราอย่าไปเข้าใจเหมือนทีฆนขะพราหมณ์ หลานของพระสารีบุตร ที่ไปฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่ฉันชอบฉันจะเอา แต่ที่ฉันไม่ชอบฉันไม่เอา พระพุทธเจ้าบอกว่า ไม่ได้ อันนั้นมันเป็นตัวตน เพราะว่าทุกอย่างไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ จะเอาแต่ความชอบความไม่ชอบไม่ได้ เราต้องยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ว่า ความชอบมันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง ความไม่ชอบมันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง เพราะทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราต้องรู้จักว่าความชอบความไม่ชอบ มันเป็นสุดโต่ง มันเป็นซ้ายเป็นขวา เราต้องยกเลิกความชอบความไม่ชอบ ครูอาจารย์ชอบพูดกับนักศึกษาว่า การเรียนการศึกษานั้น ถ้าเราชอบอันไหนเราต้องเอาอันนั้น คำพูดแบบนี้มันก็เป็นนิติบุคคลตัวตนนะ มันไม่ใช่ปัญญาสัมมาทิฏฐิ เราต้องมามีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เราต้องยกเลิกความชอบไม่ชอบ ความชอบไม่ชอบ เรียกว่ามันเป็นเพียงสมาธิ เป็นเพียงสมาบัติเป็น ที่เป็นตัวเป็นตนเป็นที่ตั้ง มันยังสุดโต่งอยู่ ความแก่ความเจ็บความตาย ทุกคนก็ได้อยู่ทุกคน เพราะมันเป็นความทุกข์ทางร่างกายทางวัตถุ พระพุทธเจ้าให้เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา เรามีความตายเป็นธรรมดา มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา มีความสุขในการแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก เราไม่อยากให้มันแก่ไม่อยากให้มันเจ็บไม่อยากให้มันตายไม่อยากให้มันพลัดพราก มันไม่ได้ เพราะมันเป็นความจริงมันเป็นสัจธรรมของสรีระร่างกายที่มันอยู่ได้ ในปี 2567 หมู่มวลมนุษย์อยู่ได้ไม่เกิน 120 ปี ส่วนใหญ่ก็ต้องลาไปจากโลกนี้ไป เราจะเอาความชอบความไม่ชอบได้อย่างไร เราต้องรู้จักอริยสัจ 4 เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ชอบมันก็ไม่ชอบ พวกนี้น่ะต้องเข้าใจว่าจริต จริตที่เป็นตัวเป็นตน มันชอบอันนั้น มันไม่ชอบอันนี้ อันนั้นเขาเรียกว่าจริต เมื่อความชอบเราก็บอกว่ามันไม่แน่ไม่เที่ยง ความไม่ชอบเราก็บอกว่ามันไม่แน่ไม่เที่ยง เราก็ต้องเน้นที่ปัจจุบัน ปฏิบัติในปัจจุบัน เราจะเอาความชอบความไม่ชอบไม่ได้ เราต้องรู้จักข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราต้องเป็นคนรู้จักกาละเทศะ เราจะได้ทันโลกทันธรรม เรียกว่าทันโลกทันสมัย เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็มีความชอบความไม่ชอบ เราจะเป็นคนไม่ทันโลกไม่ทันสมัย ไม่รู้กาละเทศะนะ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็จะเป็นได้แต่บิ๊ก บิ๊กนู่นบิ๊กนี้ เราต้องพากันเข้าใจพากันปฏิบัติ เรามายกเลิกความชอบความไม่ชอบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงอุทานในใจว่า โอ้...เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว วัฏฏะสงสารคือเวียนว่ายตายเกิด ความชอบใจไม่ชอบใจ มันเป็นตัวเป็นตน นี้คืออริยสัจ 4 เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะมาครองใจของเราด้วยความชอบความไม่ชอบอย่างนี้ไม่ได้ แล้วท่านก็เดินผ่านไปด้วยสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง มีความสุขความสงบร่มเย็นเป็นมรรคผลเป็นพระนิพพาน
ทุกคนต้องเข้าใจในหลักการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้เห็นความสำคัญในเรื่องศีลสมาธิปัญญา เรื่องกฎหมายบ้านเมือง ที่มายกเลิกนิติบุคคลตัวตน ถ้างั้นมันไม่ได้ มันใจอ่อน เพราะตัวตนมันใจอ่อน คณะ กกต. ทั้งหลายอย่าใจอ่อนนะ สตง. ทั้งหลายอย่าพากันใจอ่อน พวกศาลปกครอง ข้าราชการทั้งหลายอย่าใจอ่อน อย่าให้อำนาจอวิชชาความหลง อำนาจของเงินครอบงำเรา เขาปาเงินให้เรา เขาปาอวิชชาความหลง ทุกคนหงายท้องกันทุกราย ก็เพราะทุกคนเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เลยพากันเป๋ หงายท้อง เราต้องรู้จักนะ เราทุกคนต้องเอาธรรมนำชีวิต มีความสุขกันนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง การพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจมันไปไม่ได้ เพราะมันสุดโต่ง มันเอาแต่ตัวเอาแต่ตน เอาแต่วิทยาศาสตร์ สงครามโลกก็ย่อมเกิดขึ้นต่อไปอีก เพราะมีตัวตน เราต้องเอาความถูกต้องเอากายวาจาใจกริยามารยาท มีความสงบเย็นทั้งกับตัวเราทั้งกับคนอื่น ทุกคนต้องมามีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้ ให้พากันรู้จักคำว่าชาติศาสน์กษัตริย์ อันนี้เป็นลักการความมั่นคงที่มายกเลิกตัวตน ชาติศาสน์กษัตริย์คือยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความมั่นคงก็จะเกิดขึ้นแก่เราที่เป็นองค์รวม เป็นภาครวม หมู่มวลมนุษย์ถึงจะได้เป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้าน้อยลง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า ด้วยเหตุนี้เรามีการเรียนการศึกษามีความรู้ความเข้าใจที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มันสำคัญอยู่ที่ผู้นำ ผู้นำเป็นสิ่งที่สำคัญ ทุกคนต้องพากันนำตัวเองออกจากความทุกข์ ต้องรู้จักรู้แจ้งให้มันเป็น IQ EQ RQ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ชีวิตของเราจะได้พบกับความสุข ความสงบ ความร่มเย็นเป็นพระนิพพาน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee