แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๕๖ ความเป็นพระที่แท้จริงนั้นอยู่ที่เราทุกคน ที่มายกเลิกตัวตน มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗
อีก 3 วันก็จะเป็นวันเข้าพรรษาประจำปีพุทธศักราช 2567 มีกุลบุตรลูกหลานเข้ามาบวชมาปฏิบัติเพื่อเข้าพรรษา รวมถึงพระเก่าที่บวชตลอดชีวิต มีทั้งคนในประเทศ ต่างประเทศหลายๆประเทศ พากันมาประพฤติปฏิบัติ มีเจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์มาร่วมประพฤติปฏิบัติธรรมด้วย เราได้เกิดมาเป็นผู้ที่ประเสริฐมาก เราต้องเอาความประเสริฐนี้มาประพฤติมาปฏิบัติในปัจจุบันในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เป็นอริยมรรค เพื่อเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมีได้ จึงต้องตั้งใจตั้งเจตนา เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เหตุขึ้นอยู่ที่ปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี ทุกคนต้องมายกเลิกนิติบุคคลตัวตน ที่มันเป็นสัญชาตญาณรักความสุขเกลียดความทุกข์ระแวงภัยยินดีพอใจในกาม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นกรรมเก่าเป็นพลังงานเป็นสัญชาตญาณ มีความทะยานอยากอย่างไม่มีที่สุดไม่มีที่สิ้น พระพุทธเจ้าอุปมาเปรียบเทียบเหมือน ทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ คนโลภคนหลงก็ไม่เคยอิ่มเต็มด้วยตัณหา คือหาเรื่องหาราวให้กับตนเอง ชื่อว่าไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
การประพฤติการปฏิบัติต้องเน้นที่ปัจจุบัน เพราะอดีตที่มันผ่านมาแล้วก็ปฏิบัติไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึงก็ปฏิบัติไม่ได้ ปัจจุบันให้ตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อให้เป็นหลักการเป็นอุดมการณ์อุดมธรรม เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงมืออาชีพ เพื่อปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเป็นน้ำเป็นสายน้ำเพื่อไหลสู่ทะเลสู่มหาสมุทร พระพุทธเจ้าบอกพวกเราทั้งหลาย ว่าโลกนี้มันสวยงามวิจิตรตระการตา เต็มไปด้วยของเอร็ดอร่อยทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ ทำให้เราติดให้เราเสพติด ทำให้เรายึดมั่นถือมั่น หลงติดอยู่หมกอยู่ข้องอยู่ แต่ท่านผู้รู้ความจริงหาได้ติดข้องหรือไม่… เราจึงต้องพากันมารู้จัก เห็นโทษเห็นภัยในวัฏสงสาร เพื่อพวกเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เอากายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพเข้าสู่ความรู้แจ้งเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เป็นศีลสมาธิปัญญา เราต้องพากันเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย พระธรรมวินัย 84,000 พระธรรมขันธ์ ที่เป็นสมมติสัจจะ กฎหมายบ้านเมืองเป็นสมมติสัจจะ เพื่อให้พวกเรารู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ เพื่อให้เรามองเห็นได้ถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง มันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกเราเกิดความทุกข์ จึงได้มีพระธรรมพระวินัยมีกฎหมายบ้านเมืองที่เป็นสมมติสัจจะ เพื่อมายกเลิกนิติบุคคลตัวตน ให้พากันเข้าใจพระธรรมพระวินัยเป็นยาน ที่จะให้พวกเราเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เราจะเดินทางไกลก็ต้องอาศัยยาน อาศัยรถอาศัยเครื่องบินในทางบก ทางน้ำก็อาศัยเรือ การหยุดวัฏสงสารการจะออกจากวัฏสงสาร ก็ต้องอาศัยยานคือพระธรรมพระวินัยรวมถึงกฎหมายบ้านเมือง พวกเราต้องเข้าใจพากันเห็นภัยในวัฏสงสาร
มนุษย์เราต้องมีตา 2 อย่าง คือตาเนื้อมังสะจักษุ และดวงตาปัญญา ได้มีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก เพื่อก้าวไปด้วยความถูกต้องทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เอาธรรมนำชีวิต โลกนี้ถึงมีการปกครองด้วยระบบธรรมาธิปไตยคือเอาธรรมนำชีวิต มีข้าราชการมีนักการเมืองมีนักบวช เพื่อเอาธรรมนำชีวิต พระมหากษัตริย์ของทุกประเทศคือผู้เอาธรรมนำชีวิตทรงทศพิธราชธรรม ประธานาธิบดีที่เลือกตั้งมาเป็นผู้นำของแต่ละประเทศก็ต้องเอาธรรมนำชีวิตมีทศพิธราชธรรม ข้าราชการนักการเมืองก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันในโลกนี้มีประชากร 8 พันกว่าล้านคน มี 195 ประเทศ โลกนี้หมุนรอบตัวเอง โคจรรอบดวงอาทิตย์ มีกลางวัน 12 ชั่วโมง มีกลางคืน 12 ชั่วโมง มีฤดูกาลต่างๆ ตามการโคจรของโลก ต้องเน้นมาหาการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกคน เราจะเอาตัวตนนำชีวิตไม่ได้ ต้องยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ถึงแม้ตัวตนมันจะแซ่บมันจะรำมันจะนัวมันจะอร่อยก็ช่างหัวมัน เพราะตัวตนนั้นมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไปนอกจากทุกข์ไม่มี ที่มันแล้วไปแล้วก็แล้วไปชั่งหัวมัน ถือว่าเป็นประสบการณ์ ให้พากันตั้งใจ เพื่อสร้างเหตุสร้างปัจจัยให้ติดต่อต่อเนื่อง เพราะการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องนั้นมันจะเป็นความเคยชินเป็นชิปที่ฝังไว้ในสัญญาขันธ์ ไก่ฟักไข่มันใช้เวลา 3 อาทิตย์ถึงออกมาเป็นลูกไก่ จะฟักด้วยไฟฟ้าก็ใช้เวลา 3 อาทิตย์เหมือนกัน การปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องก็เป็นไปอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะทุกคนเป็นมนุษย์เมื่อเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ถึงแม้ว่าจะมีปัญญามาก แต่ก็มีสมาธิสั้น จึงให้มาเข้าใจกัน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นคนสมาธิสั้นนะ พากันมารู้จักมาเข้าใจวันหนึ่งคืนหนึ่งสำหรับผู้ใหญ่พากันนอน 6-8 ชั่วโมง พวกเด็กเล็กเด็กน้อยอยู่ในวัยเรียนวัยศึกษาพากันนอน 8-12 ชั่วโมง อย่าพากันคอรัปชั่นเวลานอน ถ้าเรานอนไม่พอสมองเราจะไปสั่งร่างกายไม่ได้ จะไปทำธุรกิจหน้าที่การงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเรานอนพักผ่อนไม่พอ การเดินทางของชีวิต ต้องเดินไปทั้งทางทางจิตทางใจและทางกายไปพร้อมกัน ทางเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องธรรมะก็ไม่ยิ่งหย่อน ทางส่วนร่างกายทางวัตถุเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ก็ไม่ยิ่งหย่อน การประพฤติการปฏิบัติของเราจึงต้องให้เป็นทางสายกลาง จะเอาแต่เรื่องจิตเรื่องใจก็ไม่ได้ จะเอาแต่เรื่องกายเรื่องวัตถุเรื่องวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ ทั้ง 2 อย่างต้องไปพร้อมๆ กัน
สำหรับผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนา หรือทุกๆศาสนา ก็ต้องจำวัดหรือพักผ่อน 6 ชั่วโมง ถ้าพระผู้เฒ่าป่วยอาพาธหรือสามเณรน้อยก็พักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมง ท่านให้เรามีพุทธะ รู้เรื่องของกายรู้เรื่องของใจ ในการประพฤติในการปฏิบัติ ที่ต้องโฟกัสมาหาเรา พากันมามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราจึงมีความฟุ้งซ่านมาก เพราะตัวตนมันคือความฟุ้งซ่าน เราต้องพากันมามีสติรู้ตัวทั่วพร้อม กำลังยืนเดินนั่งนอนกินดื่มทำพูดคิด ก็ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เพราะเรามีความฟุ้งซ่าน หลักการในการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าก็สอนให้อยู่กับอานาปานสติ ให้เอาลมหายใจเป็นหลัก เพราะลมหายใจมันอยู่กับเราตลอดกาลตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ ก็มีลมหายใจอยู่ตลอดเวลาจนกว่าจะหมดอายุขัย ท่านให้เราเอาลมหายใจเป็นหลัก มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าสั้นออกสั้น หายใจเข้ายาวออกยาว ก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจให้อิ่ม ให้มีความสุขในการหายใจเข้าหายใจออก ให้ทำอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่อง เพื่อจะได้หยุดพลังงานแห่งนิติบุคคลตัวตนที่มันฟุ้งซ่าน พระพุทธเจ้าให้ใช้หลักการอย่างนี้ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายก็ใช้หลักการนี้ ถึงแม้จะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังมีเครื่องอยู่ด้วยอานาปานสติเช่นกันนี่แหละ เพื่อธรรมชาติจะได้สมดุล
ให้พวกเราทั้งหลายพากันมารู้นะ ว่าพระพุทธเจ้าคือใคร ทำไมถึงเรียกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นคือผู้รู้ รู้ความจริง แล้วก็ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งกายทั้งวาจาทั้งจิตใจกิริยามารยาทและอาชีพที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีตัวไม่มีตน เป็นความดับทุกข์ทั้งกายวาจาและจิตใจ เป็นธรรมเป็นสภาวะธรรม ซึ่งไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พระพุทธเจ้ามีคู่อยู่กับโลก เพราะเป็นความดับทุกข์ทั้งกายวาจาและจิตใจ ให้พวกเราทั้งหลายเข้าใจว่า การเรียนการศึกษาทั้งหมด 18 ศาสตร์ ทุกๆ ศาสตร์ก็มารวมอยู่ที่พุทธะคือพุทธศาสตร์ พระพุทธเจ้าไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวตน คือพระธรรมวินัย และกฎหมายบ้านเมืองที่ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งจึงเรียกว่าพุทธะ พระพุทธเจ้าจึงมาเป็นผู้รับใช้หมู่มวลมนุษย์ทวยเทพเทวาอินทร์พรหมและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้ยกเลิกตัวตน จึงมารับใช้บุคคลอื่น คือผู้ที่เสียสละ ในส่วนทางพระวรกายทรงบรรทมพักผ่อนเพียงวันละ 4 ชั่วโมง เสียสละเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่นวันละ 20 ชั่วโมง นี่คือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือบุคคลคู่ไม่เอาอะไร เป็นแต่ผู้ให้ เป็นแต่ผู้เสียสละ การบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าเป็นเวลานานหลายล้านชาติ หลายอสงไขย กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ จึงให้พวกเราเข้าใจความเป็นพระพุทธเจ้า
โลกนี้ต้องปกครองด้วยธรรม ที่มีข้าราชการมีนักการเมืองมีนักบวช เราจะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ เพราะตัวตนคือความไม่ถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่จะนำเราเข้าสู่ความสงบร่มเย็น เป็นการหาเรื่องให้ตนเอง ปัจจุบันพวกเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็เลยมีแต่ทุจริต เพราะตัวตนนี้คือทุจริต เพราะต้องเน้นที่ใจที่เจตนา ยกเลิกตัวตน เพื่อเราทุกคนจะได้กลับมาแก้ไขตัวของเราเอง โฟกัสเข้าสู่ภาคปฏิบัติและภาคบำบัดของเราเอง มนุษย์เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ได้ พวกเราก็พากันไปได้แต่เพียงคน เราไม่ได้เป็นมนุษย์ จริงอยู่ร่างกายเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเรานั้นไม่ได้เป็นมนุษย์ เป็นได้แต่เพียงคน ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราเป็นมนุษย์ไม่ได้ ท่านพุทธทาสภิกขุ ส่วนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ของประเทศไทย ท่านได้ประพันธ์เป็นคำกลอนที่ออกมาจากใจจากพระนิพพานว่า เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง… เราเป็นมนุษย์ไม่ได้ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราต้องมายกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ถึงจะเป็นมนุษย์ได้ เป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูง ใจสูงคือใจไม่ตกต่ำใจที่เห็นภัยในวัฏสงสาร ต้องมายกเลิกนิติบุคคลตัวตน ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจ พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ด้วยศรัทธาด้วยปัญญา
อาหารของมนุษย์ก็มี 2 อย่าง อาหารทางกายทางวัตถุ แล้วก็อาหารทางจิตใจ อาหารทั้ง 2 อย่างก็ต้องไปพร้อมกัน ให้เป็นทางสายกลาง เพื่อให้สมดุลระหว่างกายกับใจ ให้พวกเราพากันรู้ปัญหา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใคร มันอยู่ที่เรานี่เอง เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะปัญหามันอยู่ที่เรานี่เอง ถ้าเรามีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ ทุกคนก็ทำได้ปฏิบัติได้ ถ้าเรามีความสุขเวลามันผ่านไปเร็ว เพราะเรามีตัวมีตน เราไม่มีความสุขในการทำงานไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ การเรียนหนังสือถึงเป็นความสุข การทำงานถึงเป็นความสุข การทำงานกับการปฏิบัติธรรมที่ยกเลิกตัวตนมันจึงเป็นความสุข ที่ผ่านมาพวกเราไปเน้นแต่ทางวัตถุทางวิทยาศาสตร์ ไปเน้นแต่ทางตัวทางตน อย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ใช่ทางสายกลาง ต้องเอาทั้งวัตถุเอาทั้งจิตใจไปพร้อมๆ กัน ไม่อย่างนั้นจะขาดความสมดุล ความเห็นไม่ถูกต้องความเข้าใจไม่ถูกต้องมันได้เผาหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย จึงได้พากันเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้าโรคที่มีความทุกข์ เพราะธรรมชาติไม่สมดุลกัน เอาแต่ทางวัตถุเอาแต่ทางตัวตน ไม่ได้พัฒนาใจ การประพฤติการปฏิบัติจึงเรียกว่าสุดโต่ง ซ้ายจัดขวาจัด ไม่ใช่ทางสายกลาง เพราะความไม่สมดุล
พวกเราได้รับแต่งตั้ง ให้มีชื่อมีนามสกุลมีเพศ ตำแหน่งแต่งตั้งนี้ มันเป็นเพียงสมมุติสัจจะนะ เพื่อเราจะได้รับผิดชอบ เพื่อตั้งใจตั้งเจตนา เพื่อประพฤติปฏิบัติตนเอง เพื่อความสมดุลระหว่างเรื่องจิตเรื่องใจและทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน เพราะว่าสมมุติสัจจะนี้จะเป็นยาน ทางกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เป็นยานพาหนะที่นำทางชีวิตอย่างถูกต้อง เมื่อเราได้รับการแต่งตั้ง โดยทางโลกทางส่วนร่างกาย เราก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติของเราเอง มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือเหตุคือปัจจัย คือความสมดุลทางเรื่องจิตเรื่องใจทางวัตถุ ปัจจุบันเราทำได้ทีละอย่าง คิดได้ทีละอย่าง พูดได้ทีละอย่าง ทานได้ทีละอย่าง ปัจจุบันถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเราฟุ้งซ่าน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ฟุ้งซ่าน เราจะไม่รู้เรื่องการประพฤติปฏิบัตินะ เพราะตัวตนนี้มันทำให้ทุกคนมืดมึนตึ๊บ มันมีแต่ตัวมีแต่ตน มันมีแต่ตาทางร่างกาย แต่ตาทางจิตใจไม่มี ให้พวกเราตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนาให้ดี ที่พระพุทธเจ้าทรงสร้างบารมี ก็มาจากความตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนา ผู้ที่มาบวชเรียกว่ามาอบรมบ่มอินทรีย์สร้างบารมียกเลิกตัวตน เพื่อตั้งใจตั้งเจตนาอย่างติดต่อต่อเนื่อง พุทธะเป็นสิ่งที่ดีเลิศประเสริฐสุด เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งทางกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ทุกคนต้องตั้งใจตั้งเจตนามีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ
ปัจจุบันประเทศไทยของเราเอาธรรมนำชีวิต เมื่อได้เอาตัวตนนำชีวิต นักบวชข้าราชการนักการเมืองต้องเอาธรรมนำชีวิต จึงถูกต้อง จึงได้มีพวกที่มักง่ายอยากหากินง่าย มาบวชในพระพุทธศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เพราะมันง่ายมากง่ายจริงๆ ลงทุนนิดเดียว ปลงผมนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ก็ทำมาหากินได้แล้ว จึงได้มีผู้ที่มาปลอมแปลงบวช ถือว่ามากจริงๆ 99.9% เลยทีเดียว ทำไมถึงว่ามาโกงกินคอรัปชั่น 99.9% ก็เพราะการบวชนั้นมีเจตนาแอบแฝงมาบวชเพื่อมาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ ไม่ใช่พวกเห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะมันผิดตั้งแต่ความตั้งใจเจตนา ท่านหลวงตามหาบัวท่านถึงพูดบ่อยๆว่า เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องนะ ถ้าเรามีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องมันผิดตั้งแต่แรก เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด ต่อไปมันก็ผิด เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้มาบวชเพื่อเห็นภัยในวัฏสงสาร ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต แต่เอาตัวตนนำชีวิต ผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนาอย่างนี้ถึงจัดว่าเป็นพวกของกินคอร์รัปชั่น ถึงมีถูกต้องตามกฎหมายมีใบสุทธิรองรับเป็นทางการ แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มาปลอมบวชในพระพุทธศาสนาเพื่อหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ ให้พุทธบริษัททั้ง 4 ให้พากันเข้าใจนะ ว่าโจรใหญ่ของประเทศ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง โจรใหญ่ที่สุดได้แก่พวกนักบวชทั้งหลายข้าราชการนักการเมืองที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง นี่แหละคือโจรใหญ่ของประเทศไทย ให้พวกเราเข้าอกเข้าใจ เพราะตัวตนคือความไม่ถูกต้อง ตัวตนคือทุจริต ถ้าเราจะมาแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ก็ต้องมาแก้ที่ตัวเรานี่แหละ อย่างคนที่ติดยาเสพติดก็ต้องมีที่บำบัด เมื่อตัวของเราเองมันติดมันหลง มันก็เป็นสิ่งที่แก้ยาก หรือแก้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า แก้ได้ ปฏิบัติได้ บำบัดได้ ให้พวกเรามาเห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะทุกอย่างมันคิดได้ทีละอย่าง พูดได้ทีละอย่าง ทำได้ทีละอย่าง เราต้องโฟกัสมาที่ปัจจุบัน เพราะความตั้งใจหรือเจตนานี้สำคัญ เราต้องเห็นภัยในวัฏสงสารมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจของเราทุกคนมันก็มีบุตรธิดามีสามี จริงอยู่ทางกายไม่มี แต่ว่าทางใจมันมี เพราะความเป็นตัวเป็นตนคือมันมี ให้พวกเราเข้าใจ การเกิดของเรามันเกิด 2 อย่างนะ เกิดทางจิตใจและเกิดทางร่างกาย การเดินทางต้องเดินทั้งทางกายและเดินทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างสำคัญที่ใจสำคัญที่เจตนา การประพฤติปฏิบัติให้เน้นที่ใจที่เจตนา ไม่ตรึกไม่นึกไม่คิดในกามในพยาบาท ถ้าเราทำอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่อง รายรับรายจ่ายชีวิตมันถึงจะสมดุลขึ้น เพราะแต่ก่อนเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าชีวิตไม่สมดุล คือชีวิตที่เป็นหนี้ ความติดความยึดความถือที่เป็นตัวเป็นตน คือชีวิตที่เป็นหนี้เป็นสิน เราต้องมาใช้หนี้ใช้สินด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันคือรายรับรายจ่าย ต้องเด็ดขาดในตัวของเราเอง ถึงจะแซ่บถึงจะอร่อยถึงจะรำถึงจะนัวถึงจะหรอย เราก็ต้องเด็ดขาด พระพุทธเจ้าจึงให้พวกเรารู้อริยสัจ 4 ต้องเด็ดขาดต้องใจแข็ง จะใจอ่อนไม่ได้ เพื่อให้การประพฤติปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเพื่อความสมดุล
พระธรรมพระวินัยกฎหมายบ้านเมือง เป็นสมมติสัจจะ เป็นทางสายกลาง ไม่ได้เคร่งไม่ได้หย่อน เป็นทางสายกลาง เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็เลยว่า มันเคร่งเกินไป ให้พวกเราเข้าใจ พระธรรมพระวินัยกฎหมายบ้านเมือง ไม่ได้เคร่งครัดเกินไป แต่เป็นความพอดี เป็นความสมดุลของชีวิต เราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองเป็นนักบวช เราต้องพากันตั้งใจใหม่ มีความสมัครสมานสามัคคีกัน ให้เอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เน้นมาที่ตัวเรานี่แหละ เพราะว่าเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองหรือเป็นนักบวชนี้ ทรัพยากรที่เราได้มาบริโภคใช้สอย ล้วนแต่มาจากภาษีอากรของประชาชนที่อยู่อาศัยในประเทศนั้นที่ต้องเสียภาษีอากร เราต้องยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตนของเรา ความเห็นผิดเข้าใจผิดที่ว่าไปยกเลิกตัวตน จะไปเอาความอร่อยเอารสชาติของชีวิตมาจากไหน เพราะตัวตนมันคือความแซ่บความนัวความอร่อย จะไปยกเลิกได้อย่างไร เพราะมันเป็นความอร่อยของโลก พระพุทธเจ้าท่านบอกสอน มันไม่ใช่ความอร่อย แต่มันเป็นความทุกข์ต่างหาก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมีแต่ความทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี ความเห็นแก่ตัวของเราทำให้เราไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป เพราะตัวตนคือความไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป มันอยากมันก็ได้ ทำให้เราไปกล้าคิดกล้านึกกล้าตรึก ตรึกในกามในพยาบาทในอะไรต่างๆ
ชีวิตที่เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง เป็นชีวิตที่ล้มเหลว เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มาบอกมาสอน มีพระรัตนตรัยที่เป็นความถูกต้อง แต่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันคือความล้มเหลว ทำลายความประเสริฐที่พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ผู้ที่มาบวชในพรรษา พยายามตั้งอกตั้งใจให้เต็มร้อย ตั้งใจตั้งเจตนา อย่าพากันปล่อยเวลาให้ผ่านไป ด้วยการเอาตัวตนดำเนินชีวิต ไม่ได้เอาพระธรรมพระวินัยข้อวัตรข้อปฏิบัติดำเนินชีวิต ทุกคนต้องพากันมายกเลิกตัวตนยกเลิกความฟุ้งซ่าน มีสติมีสัมปชัญญะกัน เอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจ เอาพระธรรมมาไว้ในกายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพ เอาข้อวัตรข้อปฏิบัติ จะมาอยู่วัดตามใจตามอัธยาศัยอย่างนี้ไม่ได้ ต้องทำตามกฎกติกาของวัด พวกเรามายกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน การประพฤติการปฏิบัติต้องเป็นขาขึ้น เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าขาลง ต้องกระตือรือร้นกระปรี้กระเปร่า ต้องตั้งใจตั้งเจตนา ไปก่อนเวลา เหมือนประเทศที่เขาพัฒนาเขาทำอะไรก็ไปก่อนเวลา การประพฤติปฏิบัติต้องตั้งใจตั้งเจตนา อย่างเราจะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ น้ำมันไหลแรงไหลเชี่ยว ถ้าเราว่ายตรงๆ มันก็ต้องตกไหลไปตามน้ำ เพราะกระแสน้ำมันเชี่ยว เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันตกต่ำ จะต้องเข้าใจ เราทุกคนต้นกระตือรือร้นกระปรี้กระเปร่า คำว่าใจเย็นคือมายกเลิกตัวตน ถึงเรียกว่าใจเย็น หลวงตามหาบัวท่านถึงสอนไว้ ให้เข้าใจนะใจเย็น ใจเย็นคือยกเลิกตัวตน ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าใจเย็น ทำอะไรรวดเร็วว่องไวกระปรี้กระเปร่า อันนี้เรียกว่าปฏิบัติขาขึ้น ไม่ใช่ขาลง มีความรู้ความเข้าใจในการประพฤติปฏิบัติ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็มัวแต่เซ่อเบลออยู่นั่นแหละ ต้องเข้าใจคำว่าใจเย็น เอาตัวตนเป็นที่ตั้งทำอะไรช้าๆ นั่นไม่ใช่ใจเย็น ใจเย็นอยู่ที่เราตั้งใจตั้งเจตนายกเลิกตัวตน เพื่อให้ติดต่อต่อเนื่อง อย่างนี้ใจถึงจะเย็นได้ เพราะมายกเลิกตัวตน ที่ประเทศพม่าสอนกรรมฐานยุบหนอพองหนอ เพื่อให้ทำอะไรช้าๆ เพื่อให้เห็นอาการชัดๆ เพราะความฟุ้งซ่านมาก จึงหาวิธีให้ทำอะไรช้าๆ อยู่กับเนื้ออยู่กับตัว เพื่อจิตใจจะได้เย็นลง จึงให้เข้าใจ ความใจเย็นที่แท้จริงก็คือเรามายกเลิกตัวตนนี่แหละ ใจเราถึงจะเย็น จะไปคิดโง่ๆเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ ที่เข้าศาลาก็ช้าๆ ถ้าเข้าเร็วก็ไปนั่งนานปวดแข้งปวดขา เดี๋ยวขอนอนสักหน่อยกลัวนอนไม่พอ ใกล้ๆ จะโยโสแล้วถึงไป อย่างนี้เป็นสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ผัดวันประกันพรุ่ง ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง นั่งสมาธิก็ไม่อยากนั่ง กลัวนอนไม่อิ่ม ถ้าจิตใจเราสงบรวมเป็นหนึ่ง สมองเราก็ได้พักผ่อนอยู่แล้ว ต้องไปนั่งหลับหรอก ให้พากันเข้าใจนะ ให้จิตใจเราเป็นหนึ่ง ว่างจากนิติบุคคลตัวตน เป็นการพักผ่อนในตัวอยู่แล้ว เพราะว่าสมาธิคือการพักผ่อน สมาธิยกเลิกอดีตยกเลิกอนาคต ปัจจุบันว่างจากตัวตน สมองเราก็ได้พักผ่อนเป็นอัตโนมัติ เพราะเรายกเลิกตัวตน เราต้องตั้งใจฝึกข้อวัตรข้อปฏิบัติ อย่างมีความสุข ใจมันไม่สงบ เราก็เอาธรรมวินัยเป็นหลัก ตัวมันไม่ตรง ก็ให้ใจมันตรง ใจยังไม่สงบก็ให้กายมันสงบก่อน ให้วาจากิริยามารยาทมันสงบก่อน ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติอย่างนี้ เพราะการฝึกใจก็อาศัยกาย อาศัยสมมติสัจจะ อาศัยธรรมวินัยเป็นการฝึก ให้เข้าใจ
ผู้ที่มาบวชในวัดนี้ ต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ต้องยกเลิกตัวตน ห้ามมีโทรศัพท์ห้ามใช้โทรศัพท์ เพราะตัวตนมันฟุ้งซ่าน เมื่อเรามาบวชมาปฏิบัติ เราต้องยกเลิกความฟุ้งซ่านยกเลิกตัวตน ห้ามมีโทรศัพท์ห้ามใช้โทรศัพท์ จะมีไม่กี่ท่านที่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์เพื่อการงานคณะสงฆ์ โทรศัพท์เป็นสิ่งที่ดี เป็นการแชร์ความรู้ได้รวดเร็วว่องไว ไม่ต้องเสียค่ารถค่าเครื่องบินค่าสัญจร มันมีประโยชน์ พวกเรามาบวชมาปฏิบัติ ก็ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เพื่อจะได้ฝึกสติสัมปชัญญะอยู่กับเนื้ออยู่กับตัว เพราะใจของเรามันไม่อยู่กับเนื้ออยู่กับตัว มันฟุ้งซ่านมาก ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด ผู้ที่มาบวชให้เข้าใจนะ พระพุทธเจ้าไม่ให้เรามีความปลิโพธกังวล ต้องตัดสิ่งที่มันจะฟุ้งซ่านออกไป เข้าสู่ความวิเวก ถ้าเรามีโทรศัพท์มือถือนี้ก็ชื่อว่า ไม่ได้เข้าสู่ความวิเวก ทุกคนต้องพากันเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าให้เราเข้าสู่ความวิเวก เพื่อยกเลิกสิ่งที่จะมารบกวนก่อกวนทางจิตใจ ด้วยการยกเลิกการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ยกเลิกการใช้โทรศัพท์ เพราะมันทำให้เกิดความไม่วิเวก ไม่ได้เจริญสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม มันฟุ้งซ่าน พวกเราพากันดูดีๆ สังเกตดีๆ ว่าใครมีโทรศัพท์มือถือ ที่เล่นโทรศัพท์ รูปนั้นก็มีแต่เสื่อมกับเสื่อม ไม่มีใครเจริญหรอก ถึงแม้ว่าพระในประเทศไทยแทบทุกวัด จะมีโทรศัพท์มือถือใช้โทรศัพท์มือถือ เราก็จะได้เอาเป็นตัวอย่างแบบอย่างเยี่ยงอย่าง เราทุกคนต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก พระพุทธเจ้าไม่ให้เราไปวุ่นวายกับภายนอก ให้มารู้ตัวเองที่ยืนเดินนั่งนอน ที่ตรึกนึกคิดอะไร ก็พากันมามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม พากันมาภาวนาพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ไม่ใช่ไปฟุ้งซ่านกับสิ่งภายนอก เจ้าอาวาสทุกเจ้าอาวาสต้องเข้มแข็ง ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่เข้มแข็ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าเจ้าโลกมันแข็ง ให้เรากลับมาดูที่ใจ มือเราขยับไปที่จะกดโทรศัพท์ มือเราขยับ ความเป็นนิติบุคคลตัวตนมันก็ขยับตาม เพราะความอร่อยความแซ่บความรำเป็นตัวเป็นตนมันขยับตาม เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เมื่อมือเราขยับไปเล่นโทรศัพท์ ตัวตนมันก็ขยับตาม เรียกว่ามือยื่นไป อวัยวะเพศที่มันมาจากนิติบุคคลตัวตนมันก็ขยับตาม จึงต้องพูดความจริงอย่างนี้ เพื่อให้สังคมทั้งหลายรับรู้ว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่มันมีคุณมีประโยชน์มาก และก็มีโทษมากเช่นเดียวกัน เราต้องเข้าใจ การฝึกจิตฝึกใจเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด เราจะไปใจอ่อนไม่ได้ ต้องใจเข้มแข็ง ถ้าเรามายกเลิกอารมณ์เหล่านี้อย่างติดต่อต่อเนื่องสัก 3 อาทิตย์หรือสักเดือนหนึ่ง ก็จะค่อยอ่อนกำลังลง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันคิดว่าตัวเองแน่กว่าพระพุทธเจ้า มันเก่งกว่าพระพุทธเจ้า วัดของเรามีกฎกติกา ถ้ารู้ว่าใครแอบมีโทรศัพท์ แอบสูบบุหรี่ 2 อย่างนี้ ทางวัดให้ลาสิกขานะ ถือว่าท่านไม่ตั้งใจจริงไม่เอาจริง มาประพฤติปฏิบัติมาบวชไม่ได้ตั้งใจจริง เพราะเรามาบวชมาปฏิบัติ พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็กราบไหว้เรา ข้าราชการนักการเมืองเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ก็กราบไหว้เรา เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ ต้องยกเลิกตัวตน ให้พากันเข้าใจ พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ พากันเป็นหูเป็นตานะ อย่าไปใจอ่อน รู้ว่าใครแอบสูบบุหรี่แอบมีโทรศัพท์ต้องแจ้งหลวงพ่อใหญ่ เพื่อให้ผู้ที่ไม่ตั้งใจลาสิกขา เพราะพวกนี้ไม่เอาจริงไม่เอาพระนิพพาน แบบนี้ไม่เป็นมงคลอยู่แล้ว ไม่ต้องเห็นหน้าเห็นตากันหรอก
คนเฒ่าคนแก่ทั้งหลายที่มาอยู่วัด ให้พากันตั้งอกตั้งใจ เน้นในเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องเจตนา เราต้องยกเลิกตัวตน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง แต่ละวันก็จะลาไปหาแต่หมอ เพราะตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นอย่างนั้นเอง ความแก่ความเจ็บความตายมันเป็นการบ้านที่ให้เราได้ประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะให้เราได้รู้พระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เรามาอยู่วัดเมื่อแก่ เพราะลูกหลานไปทำการทำงานหมด ไม่มีใครอยู่บ้าน มาอยู่วัดก็ดีแล้ว ทุกคนต้องยกเลิกตัวตน เอาธรรมนำชีวิต มาภาวนาว่าทุกอย่างนั้นไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราเกิดมาก็ต้องแก่ก็ต้องเข้าอย่างนี้แหละ อีกไม่นานเราก็ต้องตายแล้ว มายกเลิกตัวตน ตายก็ไม่เป็นไรหรอก เมรุที่นี่ก็ทันสมัยดี กดสวิตช์ชั่วโมงกว่าก็สลายไปหมดแล้ว จะเอากระดูกไว้หรือไม่เอากระดูกไว้ก็ได้ คนแก่ทั้งหลายต้องยกเลิกตัวตน เอาตัวตนก็คิดถึงแต่ลูกคิดถึงแต่หลานคิดถึงแต่ทรัพย์สมบัติ เอาตัวตนมันฟุ้งซ่านมาก เราต้องเข้าใจ เราจะได้พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ โฟกัสมาหาที่ตัวเราเพื่อประพฤติปฏิบัติ เพราะเวลาชีวิตของเรามันเหลือน้อยเข้ามาทุกที ให้พากันทำเหมือนหลวงปู่มั่น ญาติโยมไปถามท่านว่า ครูจารย์เจ็บไข้ไม่สบายเป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่มั่นท่านก็บอกว่า เราไม่ได้เป็นอะไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเรื่องของกาย มันเป็นเช่นนั้นเอง สิ่งเหล่านี้เองมันมาบอกมาสอน เพื่อให้เราได้ละความนิติบุคคลตัวตน ไม่ได้ถือว่าเป็นภาระเป็นปัญหา มันเอาความรู้ความเข้าใจมาให้เราได้ภาวนาได้ประพฤติปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีข้อสอบข้อตอบไม่มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ ความแก่ความเจ็บความตายมันเป็นธรรมชาติ ให้คนแก่ทั้งหลายได้พากันเข้าใจนะ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง มันไม่ได้ไม่ถูกต้อง ต้องมายกเลิกตัวตน เราถึงจะเป็นบุคคลที่น่ารัก ตัวตนมันทำให้เป็นบุคคลที่ไม่น่ารัก ตัวตนนั้นทำให้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ตัวตนทำให้เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ อย่างคนเฒ่าคนแก่ทะเลาะกัน ถ้าเรายกเลิกตัวตน ก็ไม่ทะเลาะกับใคร เพราะเรามีตัวมีตนเราถึงทะเลาะกับคนอื่น ตัวตนนั้นไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ เป็นบุคคลที่ไม่น่ารัก ถ้าคนเฒ่าคนแก่ยกเลิกตัวตนก็น่ารัก พวกเด็กๆ ทั้งหลายก็อยากดูแลอุปถัมภ์อุปัฏฐาก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งใครๆก็ไม่อยากดูแลไม่อยากอุปัฏฐากหรอก ให้คนแก่ทั้งหลายได้พากันเข้าใจ ให้พากันออกกำลังกายกัน ตัวตนมันทำให้ไม่อยากออกกำลังกาย ขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่จะหายใจก็ไม่อยากจะหายใจ เพราะมันมีตัวมีตน
โรงครัวนั้นเป็นส่วนรวม เป็นแหล่งที่ทำอาหาร เพราะหมู่มวลมนุษย์เราต้องทานอาหาร ให้พวกทำอาหารพากันเข้าใจนะ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่ได้ มันจะเป็นทุกข์ การปฏิบัติธรรมก็คือการมาเสียสละ ยกเลิกตัวตน มาทำอาหาร มาทำความสะอาด โรงครัวศาลาที่พักที่อาศัย ต้องมาเสียสละ เอาความสุขเหมือนพระพุทธเจ้าที่ทรงยกเลิกตัวตนดูแลบุคคลอื่น ยกเลิกตัวตน เราถึงจะเอาการทำงานกับการปฏิบัติธรรมเวลาเดียวกัน เพราะยกเลิกตัวตนให้เข้าใจอย่างนี้ คนเราถ้าว่างมากมันจะฟุ้งซ่าน เพราะหมู่มวลมนุษย์ที่เป็นโรคจิตโรคประสาทน้อย ก็เพราะอยู่กับการทำงานนะ ถ้าไม่ทำงานมันก็ฟุ้งซ่านมากกว่านี้ ถ้าเรามีความสุขในการทำงานนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม ให้พวกเราเข้าใจ ถ้าเราไม่เสียสละ ยกเลิกตัวตน ก็ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ถ้าเราไม่ทำงานก็ไม่ได้เสียสละ ใหม่ๆ ก็สงบ นานๆ ไปการสั่งสมตัวตนมันจะเล่นงานเรานะ ผู้ทำงานอยู่ในโรงครัวถึงมีความสุขในการทำงาน เวลาทำงานต้องให้มีความสุข ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ก็คิดว่า มาประพฤติปฏิบัติธรรม ก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม มีแต่ทำแต่งาน มันเป็นนิติบุคคลตัวตน การทำงานกับการปฏิบัติธรรมมันอันเดียวกันนี่แหละ เพื่อมายกเลิกตัวตน ให้เข้าใจอย่างนี้ มามีความสุขในการทำงาน จะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ให้เรารู้การภาวนารู้การประพฤติการปฏิบัติ ผู้ที่อยู่ทางบ้านก็ให้พากันเข้าใจ เพราะความเป็นพระที่แท้จริงนั้น อยู่ที่เราทุกคน เพราะความเป็นพระนั้นเป็นเรื่องจิตเรื่องใจ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นหลักการ ผู้ที่อยู่ทางบ้านก็เป็นพระได้ พระนี้ก็หมายถึงพระศาสนา มายกเลิกตัวตน อันไหนไม่ดีไม่คิดไม่พูดไม่ทำ มีความสุขในการเอาความถูกต้องนำชีวิต รู้จักมายกเลิกตัวตนอย่างนี้แหละ ผู้ที่อยู่ในบ้านในสังคมก็เป็นพระได้ ไม่ต้องไปหาพระที่ไหนหรอก พระไม่ได้อยู่ที่ใกล้ที่ไกล อยู่ที่ตัวเรานั่นเอง ให้เรารู้จักนะ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee