แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๕๓ ให้เน้นมาหาที่ตัวเรา ไม่เอาความเป็นนิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง ความมั่นคงความถูกต้องถึงจะไปได้
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันอังคารที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ให้พวกเราทั้งหลายพากันรู้จัก พากันเข้าใจ เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่เหตุอยู่ที่ปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี โลกนี้ถึงมีการเรียนการศึกษาทั้งหมด 18 ศาสตร์ รวมกันแล้วอยู่ที่พุทธศาสตร์ คือเอาความรู้ความเข้าใจนำชีวิต เพื่อเราทุกคนจะได้เอาความถูกต้องนำชีวิต ไม่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต เราทุกคนจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทั้งกายวาจากริยามารยาททั้งอาชีพ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นอยู่ที่เหตุอยู่ที่ปัจจัย พระธรรมพระวินัย 84000 พระธรรมขันธ์ เป็นสมมติสัจจะ เพื่อยกเลิกนิติบุคคลที่เป็นตัวเป็นตน ที่มันก่อภพก่อชาติ เพื่อหยุดเหตุปัจจัย กฎหมายบ้านเมืองที่ปกครองมันเป็นสมมติสัจจะ เพื่อจะโฟกัสสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อยกเลิกนิติบุคคลตัวตน
ทุกคนต้องพากันเข้าใจ เราทุกคนจะได้พากันปฏิบัติถูกต้อง ทุกๆ คนก็มีหน้าที่ประพฤติปฏิบัติตัวของเราเอง ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาททั้งอาชีพ วันหนึ่งคืนหนึ่งพวกเราทั้งหลายที่เป็นผู้ใหญ่หรือวัยทำงานพากันนอนหลับพักผ่อนวันละ 6 ชั่วโมงถึง 8 ชั่วโมง พวกเด็กเล็กเด็กแดงที่อยู่ในวัยเรียนวัยกำลังศึกษาก็พากันนอน 8-12 ชั่วโมง ต้องปฏิบัติต่อร่างกายอย่างนี้ให้ถูกต้อง สมองมันจะสั่งร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมองเราจะสั่งความรู้ความเข้าใจไปทำธุรกิจหน้าที่การงาน เพราะการเดินทางในชีวิตต้องพัฒนาทั้งกายพัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เป็นทางสายกลาง พวกนักบวชทั้งหลายที่พากันมาบวชเป็นพระเป็นเณรเป็นภิกษุณีตลอดถึงแม่ชีตาปะขาว พวกนักบวชทั้งหลายก็พากันนอน 6 ชั่วโมง ถ้าเป็นพระผู้เฒ่าหรือว่าเป็นสามเณรก็พากันนอน 6-8 ชั่วโมงอย่างนี้ เราทุกคนต้องพากันเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วตั้งใจตั้งเจตนาตั้งอธิษฐานว่าเราทุกคนต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต ไม่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต ต้องพากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ คนเราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ การทำงานก็มีความสุขในการทำงาน การเรียนหนังสือก็มีความสุขในการเรียนหนังสือ เพราะการทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม มันต้องมีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องอย่างนี้ เราต้องรู้เรื่องจิตเรื่องใจรู้เรื่องกายรู้เรื่องอาชีพ เราจะได้ดำเนินชีวิตไปในทางสายกลาง คือเราจะได้ไม่สุดโต่งไปทางขวาทางซ้าย พัฒนาวัตถุและพัฒนาใจไปพร้อมกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันมีปัญหา เพราะเราไม่มีความเห็นที่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัตไม่ถูกต้อง เราเลยมีปัญหา การประพฤติการปฏิบัติมันต้องเป็นอริยมรรคมีองค์ 8 มรรค 8 อย่างต้องสมดุลทุกมรรคเลย ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาทั้งอาชีพ มรรคมันต้องสมบูรณ์ เมื่อเรายกเลิกเอานิติบุคคลยกเลิกตัวตนนำชีวิต มรรคของเราก็จะสมบูรณ์ มรรคเราก็จะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นเจตนาเป็นความตั้งใจเป็นความตั้งมั่นติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำ เอาพุทธะนำชีวิตเอาปัญญานำชีวิต พร้อมด้วยภาคประพฤติภาคปฏิบัติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นศีลสมาธิเป็นปัญญาเป็นกฎหมายบ้านเมือง ทุกท่านทุกคนต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ไม่ปฏิบัติยอ่างนี้ มันไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องมันคือทุจริตนะ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตเขาเรียกว่าทุจริต เราต้องพากันเข้าใจ เพื่อจะตั้งมั่นในธรรมในอุดมการณ์อุดมธรรม เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องอย่างนี้
เราทุกคนจะได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ เรามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ศีลเป็นสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ กฎหมายบ้านเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะความรู้ความเข้าใจเป็นตำรับตำราการเรียนการศึกษา เป็นการฟังการบรรยายเพื่อความรู้ความเข้าใจ เมื่อรู้เมื่อเข้าใจแล้วเราทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเรามีไม่มีความสุขในการเรียนรู้ในการปฏิบัติ เราก็จะเป็นโรคจิต โรคประสาทโรคซึมเศร้า มันจะเป็นโรคทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาททั้งชีพ เขาเรียกว่ามันเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง มันไปไม่ได้ เขาเรียกว่ามันติด เราทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราต้องเห็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งๆ ศีลนี้คือพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่หรือว่ากฎหมายบ้านเมืองเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันจะเห็นพวกนี้ไม่มีคุณค่า ก็ปกครองส่วนรวมเพื่อให้ความสงบสุขแก่ส่วนรวม พวกนี้ก็จะไม่มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าในพระธรรมในพระอริยะสงฆ์ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เรียกว่าเอาเงินเป็นพระเจ้า เอายศเอาตำแหน่งเป็นพระเจ้า พวกนี้เรียกว่าพวกขวาจัดขวกซ้ายจัด ไม่รู้จักสิ่งที่ดีที่ประเสริฐ เราทุกคนต้องพากันรู้พากันเข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัยกฎหมายบ้านเมือง นี้เป็นยานพาหนะ เราจะเดินทางไกลเราต้องใช้รถใช้เครื่องบิน ทางบกทางอากาศ ทางน้ำเราก็ใช้เรือ เรือพายสมัยโบราณ สมัยใหม่ก็ใช้เครื่องยนต์ ต่อไปก็พลังงานลมพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะมีการพัฒนาเรื่องเหตุผลพัฒนาวิทยาศาสตร์ เพราะลมมันหมดไม่เป็นแสงอาทิตย์มันหมดไม่เป็น แต่น้ำมันมันหมด เราจะออกจากวัฏฏะสงสารออกจากความทุกข์ เราต้องอาศัยพระธรรมพระวินัยต้องอาศัยกฎหมาย้บานเมืองที่เป็นสมมติสัจจะ ที่โฟกัสยกเลิกความทุกข์ที่มันเกิดที่กายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ นี้คือความดับทุกข์ทั้งกายทั้งใจไปพร้อมๆ กัน ให้ทุกคนพากันเข้าใจ
พวกเราทั้งหลายพากันพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาตร์ ได้รับความสะดวกความสบายมีอยู่มีกินมีใช้ เหลือกินเหลือใช้ พวกเราก็พากันเข้าใจ พร้อมทั้งปฏิบัติใจไปพร้อมๆ กัน เพราะเราได้รับความสะดวกความสบาย เราก็ไม่พ้นความแก้ความเจ็บความตายความพลัดพราก เราก็อย่าพากันไปก๋าไปกร่าง เพราะทุกคนนั้นคือสภาวธรรม ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน อีกไม่นานทุกท่านทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีเงื่อนไข เราต้องพัฒนาใจของเรา เพื่อให้ใจของเรามีพุทธะ ไม่หลงในความสุข ในนิติบุคคลตัวตน เพราะทุกอย่างไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ทุกอย่างคือธรรมะ เราทั้งหลายต้องยกสิ่งเหล่านี้สู่พระไตรลักษณ์เพื่อพัฒนาจิตพัฒนาใจของเรา ในหลักการหลักวิชาการ ถึงให้มีการถือศีลอุโบสถถือศีลอด ศาสนาพุทธถือศีลอุโบสถ ศาสนาอิสลามถือศีลอด เพื่อพัฒนาใจ เพื่อยกเลิกสิ่งที่เป็นอดีตทั้งหมดที่ผ่านมา ยกเลิกให้เป็นเลข 0 เพื่อจะว่างจากการเป็นตัวตน และยกเลิกอนาคตที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ปัจจุบันก็เข้าสู่ความว่าง ความไม่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวตน มาอยู่กับสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนมันเลยฟุ้งซ่าน เพราะตัวตนมันฟุ้งซ่าน เราต้องมามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อมในอิริยาบถทั้ง 4 ยืนเดินนั่งนอนต้องมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีความสุขในการเจริญสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม มาเอาธรรมชาติที่อยู่ในตัวเรา หายใจเข้าก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้ายาวก็มีสติรู้ตัวเท่าพร้อม หายใจออกยาวก็มีสติรู้ตัวเท่าพร้อม หายใจเข้าสั้นออกสั้นก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ให้มันรู้ทุกสิ่งทุกอย่างว่านี่ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน มันล้วนแต่เป็นพระไตรลักษณ์ทั้งนั้น ลมเข้าลมออกก็ไม่แน่ไม่เที่ยง ทุกอย่างไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ต้องเข้าใจ มาถือศีลอุโบสถมาถือศีลอด อย่างศาสนาคริสต์ก็พากันไปโบสถ์ไปประพฤติไปปฏิบัติ ศาสนาทุกศาสนา คือธรรมะไม่ใช่นิติบคนตัวตนหรอก ทุกศาสนาคือธรรมะ ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ให้เข้าใจเรื่องพระศาสนา เราก็ต้องให้มีหลักการ เราต้องเห็นคุณค่าเห็นคุณประโยชน์ในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะเราไม่ฝึกไม่ปฏิบัติ มนุษย์ที่พัฒนาแต่วิทยาศาสตร์ก็จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกไม่ได้ เพราะมันหลง เทวดาก็กลับมาเป็นเทวดาไม่ได้ พระพรหมก็เกิดมาเป็นพระพรหมไม่ได้เพราะไม่รู้จักอริยสัจ 4 เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่รู้อริยสัจ 4 ให้เข้าใจอย่างนี้นะ ตัวตนมันไม่รู้อริยสัจ 4 มันหลงมันเพลิดเพลิน มันตั้งอยู่ในความประมาท เพราะในโลกนี้มันสวยวิจิตรงดงาม มันอร่อยมันแซ่บมันลำมันนัวมันหรอย ให้เราเข้าใจอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจึงให้พวกเราพากันมาถือศีลอุโบสถ ศาสนาอิสลามก็ถือศีลอด ศาสนาคริสต์ก็ไปโบสถ์ เดือนนึงก็มีวันหยุดอยู่ 8 วันให้เรามาพัฒนาใจ เดือนหนึ่งก็พัฒนากายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 ใน 22 วัน เราต้องพัฒนาการวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพให้มันสมบูรณ์ เราต้องพัฒนากายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพให้มันสมบูรณ์ ไม่ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความหลงความประมาท การที่หยุด 8 วันต่อ 1 เดือน คือให้เราพัฒนาใจนะ เพื่อเราจะได้มีสติมีปัญญา ที่พากันอบรมบ่มอินทรีย์ เข้าสู่ความประพฤติภาคปฏิบัติ เราทุกคนต้องมีความสุขในการฝึกใจพัฒนาใจ เพื่อเข้าถึงพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยคือความถูกต้องทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงพัฒนาใจ พัฒนาใจคือมีความรู้ความเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเอาธรรมนำชีวิต จึงเรียกว่าถึงพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก ไม่ได้อยู่ที่ใกล้ไม่ได้อยู่ที่ไกล อยู่ที่กายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เรียกว่าพระรัตนตรัยอยู่กับเราไม่ได้อยู่ข้างนอก เราทุกคนพากันเข้าใจนะว่าพระรัตนตรัยต้องอยู่กับเรา เรายกเลิกตัวตนเอาพระธรรมนำชีวิตเอาความถูกต้องนำชีวิต นี้เป็นความสุขเป็นความดับทุกข์
เราต้องเป็นผู้ที่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เราต้องรู้จักความคิด เพราะความคิดมันเป็นสาเหตุของความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก ความคิดนี้นะ ท่านจึงบอกพวกเราทั้งหลายว่าหยุดคิดที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เรียกว่าว่าตัวตนมันเป็นกามเป็นพยาบาท มันเป็นอัตตาตัวตน เราต้องรู้จัก เราอย่าเอาความหลงนำชีวิตเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว กงจักรคือทำลายความมั่นคงของมนุษย์ มันทำลายมันยกเลิกมรรคผลนิพพาน เราจะได้พากันรู้พากันเข้าใจเรื่องความถูกต้องเรื่องพระรัตนตรัย พวกที่เป็นนิสิตนักศึกษาเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชก็ต้องพากันเข้าใจ พระรัตนตรัยคือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพเข้าสู่ความดับทุกข์เรียกว่าพระรัตนตรัย
เราทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ เพราะเราต้องอาศัยสมมติบัญญัติเพื่อยกเลิกสิ่งที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ถ้าไม่อย่างนั้น เราก็ไม่เข้าใจ เราก็จะได้เป็นแค่การแต่งตั้งทางกฎหมายบ้านเมือง เราต้องเข้าถึงแก่นแท้ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพื่อมายกเลิกตัวตนด้วยความเจตนาความตั้งใจ ความไม่เข้าใจทำให้พวกเราไม่ได้เป็นมนุษย์ เราทุกคนก็พากันเป็นได้แต่เพียงคน คนคือความหลงคือการเวียนว่ายตายเกิด เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าคน อยู่ในร่างกายที่เป็นมนุษย์มันมีหลายภพภูมิ เราต้องเข้าใจเรื่องการเป็นมนุษย์ เราต้องเข้าใจการเป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวช ต้องเข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็เป็นได้แต่ทางกฎหมายบ้านเมือง แต่เรื่องจิตเรื่องใจเรื่องกายวาจากิริยามารยาทอาชีพที่เรายกเลิกตัวตน เราไม่เข้าใจ ตัวเรามันถึงไปไม่ได้ เพราะตัวตนมันคืออัมพฤกษ์อัมพาต เราไม่เข้าใจเราก็จะงงไปหมด ว่าโลกนี้ทำไมโกงกินคอรัปชั่นเยอะแยะ ก็เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ต้องโกงกินคอรัปชั่น เขาแต่งตั้งให้เราเป็นพระ เราก็ไม่ได้เป็นพระ เขาแต่งตั้งให้เราเป็นราชการเป็นนักการเมือง เราก็ไม่ได้เป็น เพราะตัวตนมันคือไม่ได้เป็น มันเป็นอยู่แต่ว่ามันเป็นภายนอก แต่หัวใจมันไม่ได้เป็น พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าความตั้งใจเจตนานี้สำคัญ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันแก้ปัญหาไม่ได้ เราทุกคนพากันเข้าใจนะ ทำไมลูกหลานมันถึงเถียงพ่อเถียงแม่เถียงปู่ย่าตายาย ก็เพราะพ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือว่านักบวชข้าราชการนักการเมืองเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกเด็กๆฟันน้ำนมมันยังไม่หลุด มันก็ออกมาเถียงออกมาต่อต้าน มันไม่เคารพนับถือ เพราะเราเอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง ลูกหลานมันก็ออกมาเถียงออกมาเดินขบวน ให้พวกเราเข้าใจนะ เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันถึงออกมาเถียงออกมาเดินขบวน เหมือนพระที่มาบวชในพระพุทธศาสนา เหมือนพระที่มาบวชในพระพุทธศาสนามาหลายแสนหลายล้านถ้ารวมหลายประเทศ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ใครมันก็ไม่ได้เป็นพระ เพราะตัวตนมันคือความไม่ได้เป็นพระ มันเป็นพระอยู่แต่ เป็นพระแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมายมีใบสุทธิ แต่หัวใจไม่ได้เป็นพระ หัวใจมันเป็นฆราวาส หัวใจมีตัวมีตน เรียกว่าหัวใจเป็นฆราวาส การบวชต้องบวชทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทถึงอาชีพ ต้องยกเลิกตัวตน ถึงเรียกว่าเป็นนักบวช เราลองคิดดูสิว่า คนธรรมดาปลงผมออก แล้วก็เอาจีวรเอาผ้ากาสาวะพัสตร์มาใส่ มีพระอุปัชฌาย์ที่แต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมาย มีพระที่มานั่งร่วมรวมกันมาสวด เพื่อเป็นสมมติบัญญัติเพื่อโฟกัสให้เป็นพระทั้งทางกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเป็นพระไม่ได้ มันเป็นได้แต่พวกห่มผ้าเหลืองห่มจีวร มันเป็นการแต่งตั้งเฉยๆ ความเป็นพระมันต้องอยู่ที่ตัวของผู้ที่มาบวชเห็นภัยในวัฏสงสาร เป็นคนละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ผู้ที่มาบวชทั้งหลายคือผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อยกเลิกนิติบุคคลตัวตน มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ พวกเราต้องพากันเข้าใจพวกที่มาบวช ต้องมีความรู้มีความเห็นมีความเข้าใจเห็นภัยในวัฏสงสาร เพื่อเอาธรรมนำชีวิตนะ ไม่ใช่มาบวชเพื่อเอาพระพุทธศาสนามาหาอยู่หาฉัน ทำอย่างนี้มันง่าย แค่สวดได้นิดๆ หน่อยๆ ปลงผมนุ่งห่มผ้าจีวรมันง่ายมันหากินง่า ยเราจะไปคิดแต่เห็นแก่ตัวนี้ไม่ได้ เพราะพระพุทธศาสนาเป็นของสูง เป็นเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องเจตนาเรื่องยกเลิกตัวตน ถึงเป็นของสูงส่ง ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอามาหาอยู่หาฉัน เราต้องเข้าใจนะ
เราทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ยกเลิกตั้งแต่ความตรึกนึกคิดในกามในพยาบาท ในเรื่องอดีตอนาคต ปัจจุบันก็เข้าสู่ความว่าง มีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเราจะได้อบรมบ่มอินทรีย์ติดต่อต่อเนื่อง เป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำ เพื่อไหลสู่ทะเลสู่มหาสมุทร เรายกเลิกตัวตนอย่างนี้ ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ยกเลิกนิสัยของตัวตน ไม่เอาความชอบความไม่ชอบ อดีตก็ยกเลิกหมด อนาคตก็ยกเลิก ไม่ต้องห่วงเรื่องอยู่เรื่องฉันเรื่องกินเรื่องนอนเรื่องพักผ่อน มีหน้าที่ยกเลิกตัวตน เอาพระพุทธเจ้าเอาไว้ในใจของเรา เอาพระธรรมมาไว้ที่กายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เอาพระอริยสงฆ์คือมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบปฏิบัติตรงปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ จะเป็นผู้สมควรแก่การรับข้าวของจากประชาชนเขา เป็นผู้สมควรที่ได้รับอัญชลีจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายข้าราชการนักการเมืองตลอดถึงเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เรายกเลิกตัวตนอย่างนี้เราถึงจะเป็นพระได้ เพราะพระไม่ใช่พวกคนที่ห่มผ้าเหลือง พระคือเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องเจตนาเรื่องยกเลิกตัวตน ให้เข้าใจอย่างนี้ เราไม่ต้องกลัวอดตาย เรายกเลิกตัวตน พระพุทธเจ้าพาเราไม่รับเงินรับทอง พาเราไม่สั่งสมอะไรยกเลิกตัวตน ไม่ต้องกลัวตายไม่ต้องกลัวอดตาย มองข้ามช็อตไปเลย เรื่องที่อยากจะเป็นเจ้าอาวาส เรื่องที่อยากจะมีศาลาใหญ่ มีโบสถ์ใหญ่ อยากจะมีรถหรู ยกเลิกตัวตนไปเลย เราต้องข้ามช็อตตรงนี้ไป
เราต้องเน้นมาที่ใจที่เจตนา มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ ยกทุกอย่างที่เกิดกับเราทางตาหูจมูกในกายใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อทุกคนจะได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ มันไม่ได้เป็นศีลไม่ได้เป็นสมาธิไม่ได้เป็นปัญญา ไม่ได้เป็นข้าราชการนักการเมือง หรือเป็นอะไรก็เป็นไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้อง เราต้องเข้าใจ ตำแหน่งที่เราได้รับต่างๆ มันเป็นตำแหน่งที่ยกเลิกตัวตน เป็นพระหรือว่าจะเป็นข้าราชการนักการเมืองหรือเป็นเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์อะไรต่างๆ ก็คือตำแหน่งที่มายกเลิกตัวตน ไม่ใช่ตำแหน่งที่จะมามีมาเอามาเป็น เพราะความสุขความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์สรรพสัตว์ทั้งหลาย มันเป็นการหยุดพลังงานแห่งอวิชชาหยุดพลังงานแห่งความหลง ด้วยศีลสมาธิปัญญาด้วยกฎหมายบ้านเมือง เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราอย่าไปเข้าใจว่า โอ้...ทำไมชีวิตของเรามันมึนตึ๊บ ตื่นขึ้นมามึนตึ๊บเลย เพราะตัวตนมันมึนตึ๊บ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง การเรียนการศึกษาก็เพื่อตัวเพื่อตน มันก็ไปซ้ายจัดขวาจัด การทำงานก็เพื่อตัวเพื่อตน อะไรก็เพื่อตัวเพื่อตน มันไม่ได้ ต้องเข้าใจเข้าใจ เรื่องความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์ คำว่ามนุษย์คือมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาธรรมนำชีวิต ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นนักปราชญ์ของโลกเป็นคนดีของโลก ที่ประเทศไทย วัดสวนโมกขพลาราม ท่านถึงประพันธ์เป็นคำกลอนคำสอนออกจากใจออกจากพระนิพพานว่า เป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูง… เราทุกคนมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเอาธรรมนำชีวิต
เราต้องเข้าใจความเป็นพระ ที่เป็นได้กับทุกคนผู้ที่เป็นประชาชนที่ไม่ได้บวชก็เป็นพระได้ ผู้ที่มาบวชก็เป็นพระได้ เพราะความเป็นพระนั้นเป็นสากล ทุกศาสนาก็เป็นพระได้เหมือนๆ กัน ไม่ใช่ตั้งแต่ศาสนาพุทธไม่ใช่แต่ศาสนาคริสต์ไม่ใช่แต่ศาสนาอิสลามพราหมณ์ฮินดูซิกข์ต่างๆ มันเป็นพระได้ทุกๆ คน เพราะความเป็นพระ อยู่ที่เรามีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ให้พวกเราเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อให้เป็นศีลสมาธิเป็นปัญญา เพื่อให้เป็นกฎหมายบ้านเมืองในปัจจุบัน ให้ทุกคนพากันโฟกัสมาอย่างนี้ปฏิบัติมาอย่างนี้ พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เห็นไหมล่ะ เราก็เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ ใจมันก็สกปรก วาจาก็สกปรก กิริยามารยาทบ้านเรือนครัวเรือนบ้านช่องก็สกปรก เพราะตัวตนมันคือความสกปรก เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ก็เลยเรียกว่าตัวตน มันคือกรรมเก่า เราต้องรู้จักกรรมเก่านะ ท่านบอกว่ากรรมเก่าที่มันปรากฏออกมาที่เป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจ คือเป็นอายตนะภายใน เรียกว่ากรรมเก่า ส่วนกรรมใหม่เรียกว่าอายตนะภายนอก กรรมใหม่ก็ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ กรรมเก่ากรรมใหม่มันก็มาสัมผัส มันมา Spark กันให้เป็นนิติบุคคลตัวตน เรียกว่าให้เป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณที่มันเป็นตัวเป็นตน รักความสุขไม่ชอบความทุกข์ระแวงภัย ต้องการที่จะเอาตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าสืบพันธุ์ เรียกว่านายทุน
ให้พวกเราเข้าใจ พระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจ ให้พิจารณาสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ ถ้าเราไม่พิจารณา พวกประชาชนคนที่ไม่ได้บวชมันก็บาป พระที่มาบวชในพระพุทธศาสนาไม่พิจารณาเข้าสู่พระไตรลักษณ์ พระก็ต้องอาบัติตั้งแต่ทุกกฎจนถึงถุลลัจจัย มันก็บาปเหมือนกันแหละ เพราะความทุกข์มันก็เป็นสากล มันก็เหมือนอาหารนี่แหละ ทางกายก็เป็นสากล ใครทานก็ดับทุกข์ ความคิดมันก็เป็นสากล เพราะทุกอย่างคือเหตุคือปัจจัย พระพุทธเจ้าถึงบอกให้พากันรู้อริยสัจ 4 นะผู้ที่มาบวชทั้งหลาย ผู้ที่จะมาเป็นนักบวชทั้งหลาย จะได้รู้ว่าเราพากันมาบวช ไม่ใช่พากันมาโกนหัวห่มผ้าจีวร เพื่อเอาศาสนามาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เพราะอันนี้มันหากินง่าย ง่ายมาก เดี๋ยวนี้ก็ลามปรามไปเรื่อย จะเอากฎหมายอะไรมา กฎหมายที่ใช้ได้กับประชาชนเป็นหลัก แต่เอามาใช้กับพระได้เหมือนกัน เพราะพระธรรมพระวินัยเป็นเรื่องใจเรื่องเจตนา พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ขึ้นอยู่ที่เจตนา เอาเจตนาเป็นที่ตั้ง ถ้าเราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งเรียกว่านั่นแหละคือเจตนา เราจะเอากฎหมายไม่ได้ เราต้องเอาพระธรรมพระวินัย เพราะพระธรรมพระวินัยเป็นเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องเจตนา อย่างเราเอาของเขาไปที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ขออนุญาต ครั้งพุทธกาลเขาปรับราคา 5 มาสก สมัยพุทธกาลมันก็มากอยู่ เขาเรียกว่า 1 บาท สมัยนู้น แต่สมัยนี้ปี 2567 มันก็คงมากกว่า 1 บาทอยู่หรอก เพราะค่าเงินแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน ให้เข้าใจพระธรรมพระวินัย เป็นเรื่องเจตนา ถ้าไม่มีเจตนาไม่ผิดศีลไม่ต้องอาบัติ เมื่อเราไม่เข้าใจพระธรรมพระวินัย เราจะออกกฎหมายไม่ได้หรอก พระพุทธเจ้าถึงให้เราเรียนให้เราศึกษาให้ถือนิสัยของพระที่บวชเก่า พระที่บวชเก่าที่เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นพระที่เอานิพพาน ไม่ใช่พวกที่บวชนานแต่ไม่ทำตามพระพุทธเจ้า พวกนั้นถือนิสัยไม่ได้ เพราะว่ายังไม่ใช่พระธรรมพระวินัย พระที่บวชใหม่ยังไม่รู้พระธรรมพระวินัยต้องถือนิสัย เพื่อจะได้มีการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องใช้เวลา 5 ปี ถือนิสัยของครูบาอาจารย์ ที่ครูบาอาจารย์คอยบอกคอยสอนคอยตักเตือน เพื่อจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ที่ต้องถือนิสัย ต้องเข้าสู่ระบบที่เป็นผู้มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เป็นผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร ต้องทำเหมือนพระพุทธเจ้าเหมือนพระอรหันต์ขีณาสพ เราอย่าไปคิดว่าทำอย่างนั้นจะปฏิบัติได้หรือ ปฏิบัติไม่ได้ก็อย่ามาบวชสิ พวกที่มาบวชอยู่แล้ว ปฏิบัติไม่ได้ก็ลาสิกขาไปสิ จะมาบวชทำไม เพราะอันนี้มันเอาเปรียบคนอื่น นี่มันคือทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันทุจริต เราต้องเข้าถึงความตั้งใจเข้าถึงเจตนา ต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร เราต้องทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ความมั่นคงของชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ก็ไปไม่ได้ เพราะตัวตนมันไปไม่ได้ เราต้องเข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคปฏิบัติ เราต้องเข้าใจนะ ระดับประพฤติระดับปฏิบัติของพวกทุกคนในปัจจุบัน เรียกว่าเป็นระดับประชาธิปไตย ที่เอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง ทุกคนก็โกนหัวเหมือนกัน ห่มผ้าเหลืองเหมือนกัน อย่างประเทศไทยสีจีวรสะเปะสะปะมากเกิน กรรมการสมาคมก็เลยบอกว่า ต้องใช้สีพระราชทานหรือสีพระราชนิยม ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้พระภิกษุสงฆ์ครองผ้าไตรจีวรที่มีสีเหมือนกัน จึงได้ทรงนำผ้าสีต่างๆ มาถวาย และมีพระราชปุจฉากับพระมหาเถระ จนได้ผ้ามีสีที่ถูกต้อง ไม่ผิดพระวินัย เป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้ว จึงโปรดให้เจ้าพนักงานในพระองค์ จัดผ้าไตรจีวรสีตามพระราชดำริ พระราชทานถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ในงานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวาระต่างๆ เรียกว่า “จีวรสีพระราชนิยม” อันนี้คือประชาธิปไตยทางร่างกาย ทางจิตใจของเราต้องเข้าสู่พระธรรมพระวินัย ถึงจะเป็นสุปฏิปันโน อุชุปฏิปันโน ญาญะปฏิปันโน สามีปฏิปันโน ยกเลิกตัวตน โอ้...ถ้าเอาอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ใครอยากจะมาบวชล่ะ? ไม่จริงไม่ถูกต้อง ที่เขาไม่อยากบวช เพราะวู้ที่มาบวชนี้ไม่ได้เป็นพระ มาเป็นโจรเอาศาสนามาหาอยู่หากินหาเลี้ยงชีพ ประชาชนที่เขามีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก เขาถึงไม่อยากพากันมาบวช เพราะพระที่อยู่เป็นเจ้าอาวาสเป็นประธานสงฆ์เป็นเจ้าคณะต่างๆ ไม่ได้เป็นพระ เป็นนิติบุคคลตัวตน มาหลงขยะความเป็นนิติบุคคลตัวตน มันทำให้ประชาชนไม่อยากบวชนะ เราต้องพากันคิดกันดูดีๆ สิ อย่างประเทศอเมริกาประเทศอังกฤษหรือหลายๆ ประเทศ เขามีการเรียนการศึกษาทางหลักเหตุผลทางหลักวิทยาศาสตร์ดี เอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต อยู่ตั้งไกลนั่งเครื่องบินตั้งหลายชั่วโมง เสียเงินหลายแสนหลายล้าน พ่อแม่เขาส่งลูกหลานไปเรียนไปศึกษา เพราะที่นั่นเขามีความรู้ดี เขาเอาเหตุผลเอาวิทยาศาสตร์ เพราะการพัฒนามนุษย์เขาต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์ ความความแห้งแล้งก็แก้ปัญหาได้ น้ำท่วมก็แก้ปัญหาได้ กายวาจาใจกริยามารยาททุกอย่างก็แก้ได้ เพราะศาสตร์ 18 ศาสตร์ของโลกที่เอาธรรมนำชีวิต ก็แก้ปัญหาได้ เรามีตัวมีตน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ใครเขาอยากจะมาบวช
พวกนักบวชทั้งหลายพากันเข้าใจนะ ประเทศไทยเรายิ่งได้สิทธิพิเศษ เพราะประเทศไทยเราเอาธรรมนำชีวิต อนุญาตให้บวชชั่วคราวได้ พวกข้าราชการนักการเมืองก็บวชชั่วคราวได้ เพราะโลกนี้ต้องพัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาทจนถึงอาชีพ เอาธรรมนำชีวิต เพื่อทรัพยากรของมนุษย์จะได้มาตรฐานสมบูรณ์ ให้เราเข้าใจ ให้เข้าใจใหม่ อย่าไปโทษคนอื่น ให้มามองดูตัวเอง เหมือนท่านพุทธทาสภิกขุบอกว่า จงมองดูตัวเอง ภายในกายวาจาใจกิริยามารยาทของตัวเอง อย่าหลงประเด็น หลวงปู่ชาที่วัดหนองป่าพง ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาทั้งประชาชนทั้งพระว่า ผมนะรู้พระธรรมพระวินัยด้วยความตั้งใจด้วยเจตนาด้วยการปฏิบัติตัวเอง 100% แล้วก็สอนพวกท่านที่เป็นพระที่เป็นคฤหัสถ์เพียง 5% มันถึงพอไปได้นะ ถ้าพวกท่านเอาแต่ตัวเอาแต่ตน จะไปแก้ไขแต่ภายนอก จะไปแก้ไขแต่คนอื่น ไม่นานหรอกพวกท่านทั้งหลายก็จะพากันฟุ้งซ่าน ให้พากันเข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ ทุกคนเน้นมาหาที่ตัวเรา ต้องมองข้ามช็อตไปเลย ไม่เอาความเป็นนิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง ความมั่นคงความถูกต้องมันถึงจะไปได้ ทุกท่านทุกคนพากันตั้งใจ ชีวิตของเราถึงจะสงบอบอุ่นเย็นเป็นพระนิพพาน พวกเราทุกคนทั้งพระเก่าพระใหม่รวมถึงฆราวาสญาติโยมพากันเข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ มันเสียหาย ต้องกลับมาหาธรรมะ กลับมาหาความถูกต้องที่กายวาจาใจกิริยามารยาท เราจึงได้มีหลักการมีจุดยืน มีบ้านทั้งกายมีบ้านทั้งใจอย่างนี้
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee