แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๕๑ มนุษย์เราเป็นผู้ที่ประเสริฐ เกิดมาเพื่อเป็นทั้งคนดีเป็นทั้งคนมีปัญญา ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันอาทิตย์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ประเทศลาวประเทศไทยประเทศพม่าประเทศมาเลเซียตั้งอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ โดยถือเอาชมพูทวีปเป็นจุดศูนย์กลางของโลก โลกนี้เป็นวงกลมหมุนรอบตัวเองหมุนรอบดวงอาทิตย์ กลางวันมี 12 ชั่วโมงกลางคืนมี 12 ชั่วโมง ปัจจุบันประชากรของโลกมีทั้งหมด 8,000 กว่าล้านคน เราทุกคนได้พากันเกิดมาเป็นมนุษย์ มีร่างกายเป็นมนุษย์ มนุษย์หมายถึงผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาความถูกต้องนำชีวิต ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต มนุษย์นั้นถึงไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน คำว่าคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ คำว่าคนมันเป็นสัญชาตญาณแห่งนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน รักความสุข ไม่ชอบความทุกข์ มีความยึดมั่นถือมั่น ระแวงภัยอันตราย เพราะมีตัวมีตนถึงระแวงภัยอันตราย ยินดีในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ยินดีในกาม ต้องการบริโภค ต้องการเสพกามทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ คำว่าคนนั้นคือไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติที่ถึงความดับทุกข์ เอาความรู้สึกที่มันเป็นตัวเป็นตน ที่มันเป็นอวิชชาเป็นความหลง อย่างนี้จึงเรียกว่าคน ร่างกายของมนุษย์จึงมีภพภูมิต่างๆ อยู่ในร่างกายนี้ มีอยู่ด้วยกันหลายภพภูมิ มีทั้งเปรตผียักษ์มานะสุรกายสัตว์เดรัจฉานเทวดามารพรหม จนถึงความเป็นพระอริยเจ้า ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจ คำว่าคนนี้ยังไม่ใช่มนุษย์ หมายถึงภพภูมิต่างๆ อยู่ในร่างกายของเรา เราต้องรู้จักคำว่ามนุษย์หรือคำว่าคน เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าคน หมายถึงไปไม่ได้ มันเป็นวัฏสงสารมันเป็นวงกลมเป็น Cycle of life จึงให้รู้จักคำว่ามนุษย์รู้จักคำว่าคน มนุษย์เราที่เกิดมาถึงได้มีการเรียนการศึกษา ตั้งแต่เด็กตัวน้อยๆ เรียนชั้นอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษาจนถึงปริญญาเอก ตั้งแต่สมัยโบราณมีการเรียนการศึกษา 18 ศาสตร์ คือ 1. ยุทธศาสตร์ 2. รัฐศาสตร์ 3. นิติศาสตร์ 4. พาณิชยศาสตร์ 5. อักษรศาสตร์ 6. นิรุกติศาสตร์ 7. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ 8. โชติยศาสตร์ 9. ภูมิศาสตร์ 10.โหราศาสตร์ 11.เวชศาสตร์ วิชาแพทย์ 12. เหตุศาสตร์ 13.สัตวศาสตร์ 14. วิศวกรรมศาสตร์ 15.ศาสนศาสตร์ 16. นโยบายศาสตร์ 17.คันธัพพศาสตร์ และ 18. ฉันทศาสตร์ ทุกศาสตร์ก็มารวมลงที่พุทธศาสตร์ คือมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพจึงเป็นพุทธศาสตร์ จึงต้องมีพุทธศาสตร์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราทุกคนถึงจะได้เป็นมนุษย์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้น พวกเราก็พากันไปได้แต่เพียงคน เป็นได้แต่เพียงอวิชชาความหลง ท่านพุทธทาสภิกขุผู้เป็นนักปราชญ์ของโลก ท่านเกิดที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ของประเทศไทย ท่านได้ประพันธ์เป็นคำกลอนออกจากใจจากความถูกต้องจากพระนิพพานว่า เราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูง… เราเป็นมนุษย์ได้เพราะมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร ยกตัวเองออกจากความไม่ถูกต้อง จากความเป็นนิติบุคคลตัวตน จึงเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง เห็นภัยในวัฏสงสารเรียกว่าจิตใจสูง เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน ถ้าใจต่ำคือไม่รู้อริยสัจ 4 ก็เป็นได้แต่เพียงคน เสียเวลาที่ตนได้เกิดมา ขอให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาดูเถิด ต้องยกจิตใจของตัวเองเข้าสู่ความเป็นมนุษย์ จิตใจของเราจะได้ไม่ตกต่ำสู่อบายมุขอบายภูมิ เพราะตัวตนนั้นคืออบายมุขอบายภูมิ เราต้องพัฒนาทางสายกลาง ทั้งกายทั้งวาจากิริยามารยาท เพื่อเอาความถูกต้องนำชีวิตคือเอาธรรมนำชีวิต เพื่อไม่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต ทุกท่านทุกคนต้องเข้าถึงความประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตนที่มันเป็นได้แต่เพียงคน ท่านทั้งหลายต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะความเกิดความแก่ความเจ็บความตายมันไม่น่าสนุกสนานไม่น่าเพลิดเพลิน ต้องเห็นภายในวัฏสงสารเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทั้งกายทั้งวาจาและจิตใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ไม่ตกต่ำไปสู่อบายมุขอบายภูมิ
พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพระพุทธบารมี หลายล้านชาติหลายอสงไขย ใช้เวลาหลายล้านปี ท่านเน้นมาที่ท่านโฟกัสมาที่ท่าน ทั้งกายวาจาและจิตใจกิริยามารยาทจนถึงอาชีพ ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน พระพุทธเจ้าคือผู้ที่เสียสละความเป็นนิติบุคคลตัวตน เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาสัญชาตญาณที่มันเป็นความรู้สึกที่เป็นตัวเป็นตน ใช้เวลาอบรมบ่มอินทรีย์ ตั้งหลายล้านชาติหลายอสงไขย ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจเรื่องของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นบุคคลที่เสียสละ วันหนึ่งคืนหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงบรรทมพักผ่อนเพียง 4 ชั่วโมง อีก 20 ชั่วโมง ทรงเสียสละเพื่อรับใช้หมู่มวลมนุษย์ทวยเทพเทวดามารพรหมและสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าคือผู้เสียสละ เป็นผู้รับใช้บุคคลอื่น เพราะยกเลิกตัวตน พระองค์ท่านทรงทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ จึงเป็นพระพุทธเจ้า เพราะว่าพระพุทธเจ้าคือธรรมะ ธรรมะคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นเข้าใจในเหตุในปัจจัย เรื่องความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก เข้าใจในร่างกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ พระพุทธเจ้าทรงยกเลิกตัวตนให้การบำเพ็ญพระพุทธบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ คืออย่างต้นอย่างกลางอย่างสูงสุด พระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน แต่คือธรรมะ ธรรมะคือพระพุทธเจ้า ให้พวกเราพากันเข้าใจอย่างนี้ พระพุทธเจ้ามีอยู่ในโลกนี้ เพราะว่าพุทธะนั้นเป็นความดับทุกข์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ หมู่มนุษย์ทั้งหลายถึงต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจพัฒนาเรื่องวัตถุหรือวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆกันให้เป็นทางสายกลาง ให้เป็นอริยมรรค ไม่สุดโต่ง ตัวตนนั้นคือความสุดโต่ง ตัวตนคือความชอบไม่ชอบ ตัวตนคือสัญชาตญาณ ที่มันสุขมันทุกข์ รักความสุขเกลียดความทุกข์ ยินดีในกาม ยินดีในตัวในตน ลงประเด็นเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าอวิชชาเรียกว่าความหลง เป็นโมหะที่เรียกว่าสายมู สายมูก็คือโมหะคือความหลง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าโมหะเรียกว่าความหลง ตัวตนนั้นคือความหลง ตัวตนนั้นคือไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์แปลว่าความหลง
หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่พากันเวียนว่ายตายเกิด เป็นการดำเนินชีวิตด้วยความหลง เอาความหลงเป็นการดำเนินชีวิต เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต บุคคลเช่นนี้เรียกว่าไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติที่ถึงความดับทุกข์ เรียกว่าพวกนี้เป็นได้แต่เพียงคน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้ง ด้วยความทะยานอยากด้วยตัณหา เพราะความอยากมันจึงหาเรื่องหาราวให้ตนเอง พวกมีตัณหาจึงเรียกพวกหาเรื่องหาราวให้ตนเอง เพราะไม่รู้จักอริยสัจ 4 อยู่ดีๆ วิ่งไปไม่หยุด หัวใจก็วิ่งไปไม่หยุด กายวาจาอาชีพก็วิ่งไปไม่หยุด เพราะตัณหา มันหาเรื่องหาราวให้ตัวเองอย่างไม่รู้จบไม่รู้สิ้น อย่างเช่นคนเราอยู่ดีๆมันชอบมันไม่ชอบ เพราะตัวตนมันคือความชอบความไม่ชอบ เพราะตัวตนมันคือความปรุงแต่ง ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เราทุกคนที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายถึงพากันเวียนว่ายตายเกิด เพราะเอาตัวตนนำชีวิต บุคคลไม่รู้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ตื่นขึ้นมาก็ดำเนินไปสู่ความเป็นตัวเป็นตนตามสัญชาตญาณ พระพุทธเจ้าท่านถึงบอกพวกเรา ที่มันเป็นสัญชาตญาณ ที่มันเป็นตัวเป็นตน ที่มันเป็นสังขารที่มีใจครอง ที่มันเป็นกรรมเก่าที่เป็นพลังงานแห่งอวิชชาแห่งความหลง กรรมเก่าที่ท่านให้เราเข้าใจก็ได้แก่ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ที่มันเป็นพลังงานแห่งกรรมเก่า ที่พวกเรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ให้เรารู้กรรมใหม่ที่เป็นอายตนะภายนอก อันได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ที่เป็นเรื่องภายนอก ที่มันเป็นกรรมใหม่กับกรรมเก่ามาสัมผัสมา Spark กัน ที่ทำให้หมู่มวลมนุษย์ผู้ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้จักการสร้างบารมีหลงติดยึดมั่นถือมั่นเพลิดเพลิน มันจึงหลงเพลิดเพลินเป็น Cycle of Life เพราะอวิชชาความหลงเป็นที่ตั้ง ให้พวกเราพากันเข้าใจมาประพฤติมาปฏิบัติรู้ชัดในสิ่งนี้ ว่ามันคือกรรมเก่ากรรมใหม่ ยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ พระไตรลักษณ์ก็ได้แก่คือทุกอย่างนั้นมันไม่แน่ไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไป และไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ต้องพากันเข้าอกเข้าใจ ยกกรรมเก่ากรรมใหม่เข้าสู่พระไตรลักษณ์อย่างนี้ พระไตรลักษณ์ก็ได้แก่คือทุกอย่างนั้นมันไม่แน่ไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไป และไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นเพียงเหตุเป็นเพียงปัจจัย ให้ทุกคนน่ะพากันภาวนาสิ่งที่มาผัสสะมากระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ว่ากรรมเก่ากรรมใหม่นี้เป็นข้อสอบข้อตอบให้เราได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ นี้เป็นไฟล์เป็นการประพฤติปฏิบัติของเราทั้งหลาย ให้เราพากันประพฤติทางการปฏิบัติเพื่ออบรมบ่มอินทรีย์บารมีของเรา ปกติแล้วเราเป็นเจ้าของบ้านแขกมาเยี่ยมบ้านเรา ไม่นานก็ต้องจากไป อย่างมนุษย์ก็เป็นเจ้าของบ้านคือร่างกายนี้ที่เป็นมนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่เกิน 120 ปี ก็ต้องจากโลกนี้ไป เราเป็นมนุษย์มีกายมีใจคือมีธาตุทั้ง 4 มีขันธ์ทั้ง 5 มีอายตนะทั้ง 6 อันนี้คือส่วนทางร่างกาย แต่จิตใจนั้นคือนามธรรม เป็นพลังงานที่มาจากเหตุมาจากปัจจัย เราเป็นมนุษย์ก็มีส่วนทั้งร่างกายมีส่วนทั้งทางจิตใจ เราก็ต้องพัฒนาทั้งกายพัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน ทางส่วนร่างกายส่วนวัตถุส่วนวิทยาศาสตร์ก็พัฒนาให้ถูกต้องตามการเรียนการศึกษาในศาสตร์ต่างๆ และส่วนทางจิตใจก็ต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน เมื่อเราพัฒนาตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์มนุษย์เราก็จะได้รับความสะดวกสบายทางวัตถุ อันนี้เป็นเหตุเป็นผล เพราะสิ่งที่มีสิ่งต่อไปถึงมี เพราะต้องพัฒนาจิตใจของเราไม่ให้หลง เพราะเมื่อเราพัฒนามาแล้วมันหลง หลงในรูปในเสียงกลิ่นรสหลงในลาภยศสรรเสริญ สิ่งเหล่านี้มันแซ่บมันรำมันนัวมันหรอยมันอร่อย มันน่าหลงน่าเพลิดเพลิน พระพุทธเจ้าถึงให้เราพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อความสมดุลทางส่วนวัตถุทางส่วนจิตใจไปพร้อมๆ กัน เราจะไม่ได้เป็นแต่เพียงคน ต้องเข้าสู่ความเป็นมนุษย์
ผู้ที่มาบวชเป็นพระทั้งหลาย พระพุทธเจ้าถึงได้ให้หลักการพากันประพฤติพากันปฏิบัติ ท่านให้พิจารณารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ถ้าไม่ภาวนาไม่ประพฤติปฏิบัติ เรียกว่าบุคคลนั้นตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท ตั้งอยู่ในความเป็นตัวเป็นตน ถ้าไม่ภาวนาสู่พระไตรลักษณ์ บุคคลนั้นก็จะบาป บาปก็คือต้องอาบัติตั้งแต่ทุกกฏจนถึงอาบัติถุลลัจจัย ท่านให้ภาวนาเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพราะอันนี้เป็นงานหลักของผู้ที่มาบวช อย่าไปหลงอย่าไปเพลิดเพลินอย่าไปตั้งอยู่ในความประมาท ท่านถึงบอกให้นักบวชทั้งหลายให้พากันพิจารณาในร่างกายของหมู่มวลมนุษย์ที่มีอุปกรณ์อยู่ 32 ชิ้น ให้แยกออกเป็นชิ้นเป็นส่วนไปเลย เอาผมขนเล็บฟันหนังเป็นต้นออก เพื่อเราจะได้รู้ว่าทุกอย่างนั้นมันเป็นเพียงเหตุเป็นเพียงปัจจัย ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน ต้องพิจารณาอย่างนี้ มีความสุขในการภาวนา เพราะว่านักบวชทั้งหลายได้รับสิทธิพิเศษถูกต้องตามกฎหมาย ถึงเรียกนักบวชว่าเป็นพระ เพราะยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ต้องพากันภาวนาอบรมปุ่มอินทรีย์ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เหมือนฝนที่ตกลงมาติดต่อต่อเนื่อง ก็จะรวมกันเป็นน้ำเป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำที่ไหลไปสู่ทะเลมหาสมุทร การมาบวชคือการอบรมบ่มอินทรีย์ คือภาวนารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อให้จิตใจเรายกเลิกตัวตน อย่างติดต่อต่อเนื่องอย่างนี้จึงเรียกว่านักบวช การปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องของนักบวชก็เหมือนกับไก่ฟักไข่ใช้เวลา 3 อาทิตย์ก็ออกมาเป็นลูกไก่ สมัยใหม่ฟักด้วยไฟฟ้า ก็ 3 อาทิตย์เหมือนกัน แต่ฟักด้วยไฟฟ้านั้นดีกว่าเพราะให้ไออุ่นสม่ำเสมอ ไม่เหมือนแม่ไก่มันยังเอาสัญชาตญาณออกจากรังบ่อยจึงทำให้ไข่เน่า มีน้อยตัวที่จะฟักไข่ให้ออกมาได้ทั้งหมด การปฏิบัติต้องให้ติดต่อต่อเนื่องเหมือนกับไก่ฟักไข่นี่แหละ เพราะตามหลักเหตุหลักผลตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว คนเรานั้นถ้าทำอะไรทั้งทางกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพใช้เวลา 3 อาทิตย์คือ 21 วันขึ้นไป มันจะเป็นความเคยชินโดยอัตโนมัติ ถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ท่านจึงให้ยกเลิกตัวตน อย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อย่าจะนิสัยของตัวเอง ให้เอาความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ความถูกต้องได้แก่พุทธะธรรมะสังฆะ เพราะสิ่งเหล่านี้คือพระรัตนตรัย ที่ยกเลิกนิติบุคคลตัวตนอย่างติดต่อต่อเนื่อง ต้องไม่ถือนิสัยของตัวเอง ต้องไม่เอาความชอบความไม่ชอบ เอาธรรมะเป็นการดำเนินชีวิต เพราะความชอบก็คือตัวตน ความไม่ชอบก็คือตัวตน กายวาจาใจกิริยามารยาทมันทำได้ทีละอย่าง เราต้องรู้จักกรรมคือการกระทำที่เกิดได้ทีละอย่าง ต้องโฟกัสหาตัวเองในปัจจุบัน เอาปัจจุบันเป็นการประพฤติปฏิบัติ เพราะอดีตก็ปฏิบัติไม่ได้ เพราะมันผ่านมาแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันเราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทถึงอาชีพ อาชีพที่มายกเลิกตัวตน พากันมาเสียสละตัวตน มีความสุขในการเสียสละนะ ถ้าไม่มีความสุขในการเสียสละเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันจะเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์นั้นไม่มี เพราะตัวตนคือความทุกข์ ก็ต้องรู้จัก การรู้จักนี้คือรู้จักเหตุรู้จักผลรู้จักอริยสัจ 4 เพราะตัวตนมันคือไปได้แต่เพียงคน ตัวตนมันคืออบายมุขอบายภูมิ
เราทุกคนต้องรู้การประพฤติการปฏิบัติ เราต้องเน้นที่ปัจจุบัน มามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ สำหรับพระผู้ที่มาบวชที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก 84000 พระธรรมขันธ์แบ่งเป็น 3 ปิฎก พระวินัยปิฎก 21000 พระะรรมขันธ์ที่เราเอามาสวดกันทุกกึ่งเดือนของพระ 227 ข้อ พระสูตร 21000 พระธรรมขันธ์ พระอภิธรรม 42000 พระธรรมขันธ์ พระธรรมพระวินัยเป็นสมมติสัจจะ เพื่อที่ให้พวกเรายกเลิกความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวตน เพราะการที่เราจะเข้าถึงวิมุตความหลุดพ้น เราต้องสร้างเหตุสร้างปัจจัยมายกเลิกตัวตนด้วยพระธรรมพระวินัย เพราะเราจะเดินทางไกลเราต้องอาศัยยาน ทางบกเราต้องอาศัยรถยนต์ ทางอากาศก็อาศัยเครื่องบิน ทางน้ำก็อาศัยเรือเหมือนเมื่อก่อนเป็นเรือพาย สมัยปัจจุบันเป็นเรือเครื่องยนต์ ในการต่อไปน้ำมันหมดก็ต้องใช้พลังงานลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะมันเป็นการพัฒนากายกับใจไปพร้อมๆ กัน เราต้องอาศัยยาน ศีลสมาธิปัญญามันเป็นยานนะ พระธรรมพระวินัยกฎหมายบ้านเมืองที่เป็นสมมติสัจจะ เป็นยานของหมู่มวลมนุษย์นะ มนุษย์เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ ต้องมายกเลิกตัวตน เอาธรรมนำชีวิต เอาสมมติสัจจะนำชีวิต ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลความเป็นตัวเป็นตน เราจะเข้าถึงปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ หมู่มวลมนุษย์ถึงจะมีความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันไม่ใช่มันเป็นการทำลายความมั่นคงของมนุษย์ ที่เราเป็นผู้ประเสริฐที่ได้เกิดมา ที่เรามีร่างกายเป็นมนุษย์เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาอวิชชาความหลงเป็นที่ตั้ง มันเรียกว่ามันทำลายความมั่นคงของหมู่มวลมนุษย์ เราถึงจะมีการเวียนว่ายตายเกิดเหมือนมนุษย์ก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ อย่างเทวดาก็ไม่ได้เป็นเทวดา อย่างพรหมก็ไม่ได้เป็นพรหม เอาตัวตนมันทำลายความมั่นคงของชาติ ทำลายความมั่นคงของศาสนา คำว่าศาสนาก็หมายถึงธรรมะ ศาสนามายกเลิกความไม่ถูกต้อง มายกเลิกการเวียนว่ายตายเกิด มายกเลิกทาส มายกเลิกวรรณะที่มันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวตน การมาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าคือมายกเลิกทาส ยกเลิกชนชั้นวรรณะ ชาติตระกูล ที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ไม่ว่าเราจะเป็นใครมาจากที่ไหน หมู่มวลมนุษย์ที่อยู่ในโลก 8000 กว่าล้านคน มายกเลิกทาสมายกเลิกชั้นวรรณะ ยกเลิกชาติยกเลิกตระกูล เอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบัญญัติที่มีในโลกนี้ ต้องเอาธรรมนำชีวิตไม่ใช่เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต นี้เรียกว่าศาสนา ศาสนาก็คือธรรมะ ในโลกนี้มีหลายศาสนา พุทธคริสต์อิสลามพราหมณ์ฮินดูซิกข์ เยอะแยะมากมายคือพระศาสนา พระศาสนาคือธรรมะ พระศาสนาคือยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เอาธรรมนำชีวิตนี้คือพระศาสนา ผู้ที่ไม่เอาธรรมนำชีวิตเรียกว่า คนไม่มีศาสนา ถึงว่าจะเป็นศาสนาพุทธคริสต์อิสลามพราหมณ์ฮินดูซิกข์อะไรต่างๆ บุคคลนั้นคือบุคคลไม่มีศาสนา พระศาสนาเป็นชื่อของทุกคนที่เอาธรรมนำชีวิต ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต เพราะตัวตนนั้นเป็นเพียงสัญชาตญาณเป็นนิติบุคคล เป็นการเวียนว่ายตายเกิด เป็นบุคคลที่ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้เหตุไม่รู้ปัจจัย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เราต้องเข้าใจเรื่องพระศาสนา ในโลกนี้เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณนะ มันเป็นการทำลายความมั่นคงของมนุษย์ พระศาสนาต้องอยู่ในกายวาจาใจกริยามารยาทอาชีพ ยกเลิกตัวตนเป็นทางสายกลาง
การปกครองโลกนี้ถึงเอาธรรมนำชีวิต ในโลกนี้ถึงมีการปกครองด้วยพระมหากษัตริย์ หรือประธานาธิบดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประธานาธิบดีต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาทศพิธราชธรรมนำประเทศ ไม่เอานิติบุคคลตัวตนนำประเทศต้องเข้าใจ โลกนี้ต้องมีสัมมาทิฏฐิ รู้ศาสตร์ทั้ง 18 ศาสตร์ที่รวมกันเป็นพุทธศาสตร์ คือเอาธรรมนำชีวิต ไม่เอานิติบุคคลตัวตนไม่เอาความหลงไม่เอาไสยศาสตร์นำประเทศ โลกนี้ถึงมีข้าราชการนักการเมืองมีนักบวช อันนี้หมายถึงธรรมนำประเทศ ธรรมนำประชาชน กฎหมายบ้านเมืองที่มันเป็นสมมติสัจจะ มันจะโฟกัสยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน เราทุกคนต้องพากันเข้าใจ ความหมายของพระมหากษัตริย์ประธานาธิบดีหรือว่าข้าราชการนักการเมือง ในโลกนี้ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันคือทุจริต ตัวตนคือทุจริต อย่าประเทศไทยประเทศลาว ประเทศกัมพูชา ประเทศพม่า ประเทศมาเลเซีย ถือว่าเป็นประเทศที่ทุจริตมาก ทางฝ่ายนักบวชก็ทุจริตไป 60-70 % ข้าราชการก็ทุจริตคอรัปชั่นไป 60-70% นักการเมืองก็ 80% เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันทุจริต การพัฒนาโลกนี้เขาต้องหยุดนิติบุคคลตัวตน ยกเลิกตัวตนเราจะเข้าถึงความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เพราะตัวตนมันคือทุจริต ทำไมถึงว่านักบวชโกงกินคอรัปชั่น 60-70% เพราะผู้ที่บวชมาไม่ได้มาบวชเพื่อมรรคผลพระนิพพาน แต่มาบวชเพื่ออาศัยพระศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ พระพุทธเจ้าบอกสอนอย่างนึงมันก็ทำอย่างหนึ่ง มันเลยโกงกินคอรัปชั่น ไม่ได้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร มาบวชเพื่อจะเลี้ยงชีพ เพราะว่าพระศาสนาทุกคนก็รู้ว่าดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรดีกว่าพระศาสนา พระศาสนาเลยมีประชากรของประเทศที่มาบวช 99.9% เอาพระศาสนามาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เพราะนักบวชพากันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ด้วยเหตุนี้เขาเลยเรียกว่าทุกจริต ต้องเข้าใจกันดีๆ เพราะตัวตนมันคือทุจริต ไม่เอามรรคผลพระนิพพาน ยังไม่ได้ถือพระธรรมถือพระวินัย ไม่ยกเลิกตัวตน ผู้มาบวชนี้จึงเป็นทุจริต มันเหลืออยู่นิดเดียวจะครบ 100% ยังมีพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พอมีเชื้อ พวกมาบวชทั้งหลายให้พากันเข้าใจนะ ถึงแม้จะเป็นประชาธิปไตยเหมือนกันหมดทั้งหลายประเทศ แต่มันเป็นประชาธิปไตยที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกท่านทั้งหลายคือพวกทุจริต 60-70% ให้ย้อนมาดูที่ตัวเองว่า ตัวเองเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไหม ยินดีในรูปเสียกลิ่นรสลาภยศสรรเสริญไหม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ได้แต่รับจ๊อบ มารับบิณฑบาตหรือมารับสวดในงานต่างๆ งานขึ้นบ้านใหม่งานสวดผี เป็นงานอะไรต่างๆ มันก็เป็นแต่พวกรับจ๊อบ พระพุทธเจ้าไม่รับจ๊อบ พระพุทธเจ้าไม่เอาอะไร พระพุทธเจ้าเสียสละไม่เอาอะไร ยกเลิกทุกอย่างแม้แต่คำว่าขอบคุณ พระพุทธเจ้าก็ไม่เอา ยกเลิกตัวตนไม่เอาอะไร ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงครั้งเดียว ตั้งแต่ทรงผนวชจนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าฉันครั้งเดียว เราทุกคนที่พากันมาบวชต้องถือนิสัยพระพุทธเจ้า ไม่ถือนิสัยของตัวตน ในโลกนี้มีนักบวชเยอะเป็นล้านๆ นั้นก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ไม่ใช่พระธรรมพระวินัย ให้เราเข้าใจ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจที่เราเจตนาเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ถือว่าเราเป็นผู้ไม่ได้ถือนิสัยไม่ได้ถือพระวินัย ผู้ที่มาบวชมันถึงไม่เกิดสติไม่เกิดปัญญา เพราะตัวตนนั้นมันคือความมืด มันมีตาก็มีแต่ตาเนื้อ มังสจักษุ มันไม่มีตาปัญญา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่มีปัญญา เพราะตัวตนมันทำให้ปัญญาไม่เกิดนะ ยกเลิกนิติบุคคลตัวตนก็พากันเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ตัวตนมันไม่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร มันกล้านึกกล้าคิดกล้าตรึก ตัวตนมันอันตรายมาก
อย่างประเทศไทยอย่างนี้ หรือประเทศลาวหรือทุกประเทศ ตัวตนมันทำให้วุ่นวาย เห็นคนรวยคนรวยก็นะจ๊ะๆ ปฏิสันถารดี พูดเสียงสูงเสียงต่ำนะจ๊ะๆ เวลาคนจนที่ไม่มีสิ่งของให้ไม่มีตังให้ก็เฉยๆ ให้พรไม่ออกให้พรไม่ดัง เพราะตัวตนมันเป็นอย่างนั้น ให้เรารู้จัก ไม่งั้นไม่ได้เพราะปัญญามันไม่เกิด มันบวชแต่กาย แต่หัวใจมันไม่ได้บวช เพราะหัวใจเป็นตัวเป็นตน ผู้ที่ไม่เอาพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจมันถึงมีลูกมีเมียทั้งวันทั้งคืน สำหรับพวกนักบวชนี่นะ หัวใจมันไม่ได้เป็นพระ เพราะมันมีตัวมีตน การมีเมียมันมี 2 อย่างนะ มีเมียทางร่างกายและมีเมียทางใจ ตัวตนมันมีเมียทางจิตใจ ใจมันอยู่ที่วัดแต่หัวใจมันไปกินก๋วยเตี๋ยวไปกินข้าวข้างนอก หัวใจมันไปเป็นลูกเขยชาวบ้าน หัวใจมันไปดูหนังฟังเพลง หัวใจไปมีลูกมีเมีย เพราะตัวตนนี่แหละ เราต้องพากันรู้จัก ท่านบอกว่าใจของเรามันคิดได้ทีละอย่าง มันตรึกได้ทีละอย่าง ถ้าเราเอาตัวตนมาก มันฟุ้งซ่านนะ เพราะตัวตนมันฟุ้งซ่าน เพราะตัวตนไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ พระพุทธเจ้าถึงบอกผู้ที่มาบวชกันทั้งหลายว่าต้องมีสติสัมปชัญญะนะ ต้องกลับมาหาสติสัมปชัญญะมาอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้าก็ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าเราหายใจเข้า หายใจออกก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าเราหายใจออก ในประเทศไทย หลวงปู่มั่นภูริทัตโต ท่านบอกให้เรามีสติอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้าก็พุท หายใจออกก็โธ พุทโธ ๆ ให้มันมาเนื้อรู้ตัวรู้ผิดรู้ถูก รู้แล้วก็รู้จักหยุด มันไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญาเลย มันมีแต่นิติบุคคลมีตัวมีตน เราต้องกลับมาหาพุธโธ มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าก็ท่องพุท หายใจออกก็ท่องโธ ให้ทุกคนภาวนาเข้าไปอีกให้มันเกิดมีปัญญาให้รู้ว่า หายใจเข้ามันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจออกมันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจเข้าหายใจออกมันก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน อันนี้ก็คือหยุดความฟุ้งซ่าน กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว มีความสุขรู้ตัวก็พร้อม ถ้ามันฟุ้งซ่านเอาไม่อยู่ เราก็หยุดลมหายใจ กลั้นลมหายใจไว้ เพราะมันฟุ้งซ่านมาก ออกซิเจนในสมองมันไม่สมบูรณ์ ฟุ้งซ่านมากเราก็กลั้นลมหายใจ เพื่อให้ออกซิเจนในสมองมันสมบูรณ์ ใจจะขาดมันก็กลับมาแล้ว ให้ทำอย่างนี้หลายๆ ครั้ง ใจมันก็สงบได้ หรือภาวนาความแก่ความเจ็บความตายอะไรต่างๆ เราจะฟุ้งซ่านไปเอาอะไร เพราะเราเป็นโรคประสาทอยู่แล้วจะไปเพิ่มโรคประสาทอีกได้อย่างไร ก็กลับมามีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ต้องเจริญสติสัมปชัญญะ มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ก็มีความสุขในการหายใจ มีความสุขอยู่กับการที่เรามีสติอยู่กับเนื้อกับตัวที่กายวาจาใจกิริยามารยาทที่มีสติสัปชัญญะ ยกเลิกนิติบุคคล พากันปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เราจะได้เป็นพระ เราจะได้อบรมบ่มอินทรีย์ อย่าพากันฟุ้งซ่าน พวกตัวตนทั้งหลายมันฟุ้งซ่านนะ พวกเจ้าอาวาสทั้งหลายพวกนักปกครองทั้งหลายมันฟุ้งซ่านมากน่าเกลียดมากพวกนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกนี้จะไปแก้ไขแต่คนอื่น ตัวเองไม่แก้ เขาเรียกว่าไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส น่าจะเป็นเจ้าอาละวาดเจ้าอารมณ์ ระเบิดตัวเองยังไม่พอก็ไประเบิดคนอื่นอีก ตัวเองมันยิ่งกว่าลูกระเบิดอีกนะ ลองคิดดูสิเอาตัวตนเป็นที่ตั้งประเทศญี่ปุ่นสมัยสงครามโลก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็เหิมเกริมไปแย่งทรัพยากรประเภทอื่น ไปล่าอาณานิคมเหิมเกริมมาก พี่สะดวกประเทศอเมริกาเลยเอารูประเบิดไปบอมบ์ เลยตกใจยอมแพ้ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีของอเมริกาพัฒนาไปไกลกว่า เอาระเบิดปรมาณูไปบอมบ์ ตัวตนมันยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูนะ
เราประพฤติปฏิบัติอย่างเรายกเลิกตัวตนอย่างนี้แหละ ความมั่นคงของตัวเราของประเทศเรามันถึงจะแก้ปัญหาได้ ตัวตนมันแก้ปัญหาไม่ได้นะ พระนี้ต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่าง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่ามันไม่ใช่พระไม่ใช่พระศาสนา นั่นเป็นนิติบุคคลตัวตน ผู้ที่มาบวชในพระศาสนาต่างๆ ต้องพากันเข้าใจ เราจะได้เข้าถึงความเป็นพระของเรา เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราเป็นพระไม่ได้ เพราะตัวตนไม่ใช่พระ ตัวตนทำลายความมั่นคงของตัวเราครอบครัวและของประเทศชาติ โลกนี้ปกครองด้วยธรรมาธิปไตย ประชาธิปไตยคือเอาเสียงส่วนใหญ่นำประเทศ มีการเลือกตั้งมีการลงคะแนนเสียง ให้เข้าใจประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ต้องเอาธรรมนำชีวิต ไม่อย่างนั้นมันผิด เหมือนประชาธิปไตยที่ต้องการกินเหล้ากินเบียร์ อยากกินเนื้อสัตว์มีประชามติกันเป็นกฎหมายบ้านเมือง เพื่อให้พวกเราพวกเบียร์มาตรฐานพวกบ่อนคาสิโนมาตรฐานพวกสัตว์ที่จะบริโภคมาตรฐาน ประชาธิปไตยอย่างนี้ก็ถือว่ายังไม่เข้าถึงฐานแห่งความบริสุทธิ์ ที่ยกเลิกตัวตนเข้าสู่ความเป็นมนุษย์ ยังเป็นตัวเป็นตนอยู่ ประชาธิปไตยอย่างนี้มันไม่ได้ เมื่อเราออกกฎหมายออกมา ทุกอย่างมันก็จะเป็นเผด็จการให้เข้าใจนะ ประชาธิปไตยต้องปรับเข้าหาธรรมะ ถึงมีการเรียนการศึกษาเพื่อให้หมู่มวลมนุษย์เข้าถึง IQ EQ เข้าถึงภาคประพฤติภาคปฏิบัติคือ RQ ให้เราเข้าใจ เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งไม่ได้นะ ถ้าเอาตัวตนมันคอรัปชั่น ลองดูตัวอย่างแบบอย่างอย่างประเทศจีนเป็นคนดีที่สุดในโลก เป็นทั้งคนดีเป็นทั้งคนมีปัญญาในโลก เมื่อเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเลยเกิดเป็นก๊กขึ้นมา ก๊กต่างๆ ที่ประวัติศาสตร์ได้เขียนไว้เป็น 3 ก๊ก ตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าก๊ก ก๊กกับแก๊งค์กับโจรมันอันเดียวกัน ตัวตนมันเป็นก๊กเป็นเหล่ามันเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ ที่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตนเป็นก๊ก ตัวตนมันเป็นระบบหมู่เฮาไม่ใช่ธรรมาธิปไตย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งฮ่องเต้ของจีนทะเลาะกันแยกเป็นก๊ก เป็นสามก๊ก ทุกๆ ประเทศเดี๋ยวนี้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งพัฒนาเหตุผลพัฒนาวิทยาศาสตร์ มันไม่ใช่สามก๊กนะมันหลายร้อยก๊ก ให้พวกเราพากันเข้าใจนะ คำว่าคอมมิวนิสต์ ประเทศที่นับถือคอมมิวนิสต์ คือเอาธรรมนำชีวิตไม่ได้เอานิติบุคคลตัวตนนำชีวิต คือยกเลิกตัวตน คือการยกเลิกการโกงกินคอรัปชั่น คือเอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เผด็จการด้วยความถูกต้องด้วยธรรมะ เอาธรรมนำชีวิตเขาเรียกว่าเผด็จการธรรมะ ประเทศที่คอมมิวนิสต์เขาเรียกว่าประเทศธรรมะ เอาธรรมนำชีวิตไม่เอานิติบุคคล เพราะความถูกต้องไม่ได้เป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติกับใคร เหมือนความแก่ความเจ็บความตายมันก็เป็นไปตามนามธรรม เพราะมันไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน มันเป็นธรรมะ ประเทศที่ปกครองด้วยคอมมิวนิสต์ก็ต้องเอาธรรมนำชีวิตนะ ยกเลิกตัวตน เราทุกคนถึงจะเข้าถึงปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งอย่างนี้ไม่ได้ ถึงแม้จะปกครองด้วยคอมมิวนิสต์ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งอยู่ เรายังทุจริตอยู่นะ
เราต้องเข้าใจว่าปัญหาต่างๆ มันไม่ได้แก้ที่ใคร มันแก้ที่เราทุกคน เราทุกคนต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตน ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ปรับเข้าหาธรรมะ เอาธรรมนำชีวิต ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ก็บอกอยู่แล้วว่ายกเลิกตัวตน ถ้าไม่ยกเลิกตัวตนมันเป็นคอมมิวนิสต์ไม่ได้ เพราะคอมมิวนิสต์ก็คือผู้ที่ยกเลิกตัวตน ให้ทุกคนเข้าใจ มีความสุขในการยกเลิกตัวตน มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการปฏิบัติทางกายวาจากริยามารยาท เข้าสู่ความดับทุกข์ทั้งกายวาจากิริยามารยาท เน้นมาที่เราที่ตัวเรา ทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ข้าราชการนักการเมืองต้องยกเลิกตัวตน เราทุกคนถึงจะเข้าถึงธรรมะ ประชาธิปไตยต้องเอาธรรมนำชีวิตทุกคน ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต ผู้ที่ปกครองต้องปกครองด้วยธรรมะ คอมมิวนิสต์ก็ปกครองด้วยธรรมะ เราทุกคนถึงจะมีความสุขเพราะความสุขความดับทุกข์มันอยู่กับยกเลิกตัวตนทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็จะวิ่งตามตัวตน วิ่งตามอวิชชาวิ่งตามความหลง ไม่อย่างนั้นเราก็จะร้องโอ๊ยๆ ไปเรื่อย ตัวตนนี้นะเห็นรูปสวยๆ มันก็ร้องไปเรื่อย เสียงเพราะๆ ก็ร้องไปเรื่อย อาหารอร่อยก็หลงไปเรื่อย ตัวตนนี้นะมันมีแต่โอ๊ยๆ มีแต่โอ้ยเกิดขึ้น โอ้ยตั้งอยู่ โอ้ยดับไป เราทุกคนต้องพัฒนาเพื่อยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราจะได้เห็นความมั่นคงที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราทุกคนก็เข้าใจอย่างนี้ เพราะทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ มันแห้งแล้งมันก็แก้ไขได้ น้ำมันท่วมก็แก้ไขได้ เพราะวิทยาศาสตร์มันพัฒนาได้ ต้องให้เป็นทางสายกลาง คือเอาธรรมนำชีวิต ให้มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ชีวิตของมนุษย์จะได้เข้าถึง Super Power แห่งความดับทุกข์ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นทั้งคนดีทั้งคนฉลาด เราต้องพัฒนาที่กายวาจากิริยามารยาทอาชีพ ต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะเราไม่เข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติว่าการประพฤติการปฏิบัติธรรมต้องเอาธรรมนำชีวิตไม่เอาตัวตนนำชีวิต เราต้องพากันมาเสียสละนิติบุคคลตัวตน เราต้องมีความสุขในการเสียสละในตัวตน ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยกฎหมายบ้านเมือง
วันหนึ่งคืนหนึ่งพากันนอน 6 - 8 ชั่วโมงนะ ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนป่วย 8-12 ชั่วโมงอย่างนี้เพื่อซ่อมแซมร่างกาย อย่าไปมีตัวมีตนคอรัปชั่นเวลานอนเวลาพักผ่อน สมองของเรามันต้องได้นอนพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง มันถึงจะสั่งร่างกายได้ มันถึงจะออกไปทำธุรกิจหน้าที่การงาน ถ้าเราพากันคอรัปชั่นเวลานอน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเพลิดเพลิน กับเพื่อนกับฝูง บันเทิงในโทรศัพท์ในโทรทัศน์อะไรต่างๆ ในเหล้าในเบียร์ในอะไรต่างๆ เราอย่าพากันคอรัปชั่นเวลานอน สำหรับนักบวชก็พากันนอน 6 ชั่วโมงไม่ต้องนอน 4 ชั่วโมงเหมือนพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าท่านยกเลิกตัวตน มีความสุขมาก เพราะผู้ที่ยกเลิกตัวตนมีความสุขมากไม่มีความทุกข์อะไร มีความสุขเพราะยกเลิกตัวตน เพราะความสุขมันจะไม่เผาเรา มันจะเป็น air condition ในตัว นักบวชก็พากันนอน 6 ชั่วโมงพระป่วยพระเฒ่าพระแก่ก็พากันนอน 6-8 ชั่วโมง นอนมากกว่านี้สมองมันจะเบลอ สำหรับเด็กน้อยเด็กอนุบาลที่มีการเรียนการศึกษาก็พากันนอน 8 - 12 ชั่วโมง ให้สมดุลทั้งเรื่องจิตเรื่องใจและสมดุลทั้งร่างกาย ทั้งสองอย่างต้องสมดุล เพราะการเดินทางมันต้องเดินทางทางจิตทางใจและเดินทางทั้งร่างกาย ต้องให้ทางสังขารทางร่างกายก็ได้รับความสงบ ทางจิตใจก็ยกเลิกอวิชชายกเลิกความหลง มีความสุขในการที่ไม่ต้องทุกข์เป็นได้แต่เพียงคนเป็นได้แต่ความหลงเป็นได้แต่ความฟุ้งซ่านทั้งหลาย อย่างนี้มันเป็นทางสายกลาง เพื่อความสมดุลทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ มันต้องเป็นอย่างนี้ ทางสายกลางอย่างนี้ พากันนอนอย่างนี้ เมื่อมนุษย์เราตื่นขึ้น ก็ต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มนุษย์เราต้องมาเสียสละ มนุษย์เราคือผู้ที่เสียสละเสียสละทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ถ้าเราเสียสละ เราถึงจะมีศีลมีสมาธิมีปัญญา ถ้าเราไม่เสียสละ เราก็จะเป็นคนไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา เพราะการเสียสละนี้ก็คือที่ทำให้กฎหมายทำงานได้ ให้ธรรมะทำงานได้ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง กฎหมายก็ใช้ไม่ได้ ธรรมะก็ใช้ไม่ได้ เพราะมันเป็นนิติบุคคลตัวตน ให้เราเข้าใจอย่างนี้
การทำงานถึงมีความสุข มนุษย์เราต้องมีความสุขในการทำงานเ พราะเรามีร่างกายต้องการข้าวทานอาหาร ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกความสะดวกความสบายทางเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เราต้องมีความสุขในการทำงาน ถ้าเราไม่มีความสุขในการทำงาน พวกเราฝืนทำงานคิดว่าทำงานเพราะความจำเป็น อย่างนี้เรียกว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เราต้องมีความสุขในการทำงาน เมื่อเราไม่มีความสุขในการทำงานพวกเราก็จะเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้านั้นหมายถึงความทุกข์ งานคือความสุขความสุขคือการทำงาน งานก็คือการปฏิบัติธรรมนั่นแหละ ถ้าเราไม่ทำงาน เราก็มีความสุขในการทำงานไม่ได้ เพราะมันเป็นตัวตน ตัวตนมันขี้เกียจขี้คร้านนะ แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ ตัวตนมันก็คือบุคคลที่ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา มีตาก็เรียกว่ามีแต่ตาเนื้อ มันไม่มีตาปัญญา เรียกว่ามึนตึ๊บ ตัวตนมันมืด เรียกว่ามนุษย์เดือนมืด มนุษย์มีตาแต่ตาภายนอกไม่มีตาใจไม่มีตาปัญญา เป็นบุคคลที่ไม่รู้เหตุรู้ปัจจัย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ มันไม่มีความสุขในการทำงาน การทำงานมันต้องมีความสุข การเรียนหนังสือมันต้องมีความสุข การปฏิบัติธรรมมันก็คือการทำงาน เราทุกคนต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะความสุขความดับทุกข์ มันอยู่ที่เรามีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องต้อง มีความสุขในการทำงาน คนเรามีตัวมีตนทำงานไปนิดหน่อยมันก็อยากจะพัก เหมือนคนแก่ที่อายุมากแล้ว เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกที่เกษียณอายุ มันก็ไม่อยากออกกำลังกาย ตัวตนมันคือความรู้สึก ตัวตนมันคือสัญชาตญาณแห่งนิติบุคคลตัวตน คนแก่ทั้งหลายต้องพากันออกกำลังกายนะ ฤาษีเขาก็ยังดัดตน คนแก่ก็ต้องออกกำลังกาย เพราะคนแก่ทั้งหลายจะรอตั้งแต่ตายจะรอตั้งแต่หมดลมหายใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่อยากออกกำลังกาย คนเรามันต้องออกกำลังกาย มันถึงแข็งแรง การออกกำลังกายทำโยคะหรืออะไรอย่างนี้แหละ สำหรับคนแก่คนจีนโบราณเขายังมีไทเก๊ก ฤาษีดัดตน พวกนี้ต้องออกกำลังกาย ร่างกายจะได้แข็งแรง การยกเลิกตัวตนเอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต ยกเลิกตัวตน จิตใจมันไม่มีตัวมีตน จิตใจมันถึงจะแข็งแรง ตอนที่มีตัวมีตนนั้นเรียกว่ายึดมั่นถือมั่น ให้เข้าใจเรื่องยาน ยานมันพาเราเดินทางไปจุดหมายปลายทาง ยานทางบกก็ดียานทางน้ำก็ดีพาเราไปจุดหมายปลายทาง พอถึงจุดหมายปลายทาง เราก็วางไว้เราก็จอดไว้ เราก็เดินไป เราทำไปอย่างนี้แหละ ไม่ต้องไปแบกมันไป พอไปถึงที่เราก็ต้องปล่อยวาง เรียกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่เราต้องไปด้วยยานคือธรรมะคือกฎหมายบ้านเมือง ต้องพากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ให้ทุกคนพากันเอาไปประพฤติไปปฏิบัตินะ เน้นมาที่ตัวเราโฟกัสมาที่ตัวเรา มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการตรึกในการนึกการคิดดีๆ พิจารณาทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์
ทุกคนต้องมีความสุขในการปฏิบัติ มีความสุขในการฟุ้งซ่านมันไม่ไหวหรอก เราต้องเข้าใจเรื่องความทุกข์เรื่องความดับทุกข์ พระพุทธเจ้าถึงบอกหมู่มวลมนุษย์ต้องรู้จักเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะว่าการประพฤติการปฏิบัติมันไม่ใช่ใคร มันอยู่ที่ตัวเรานี่เอง เราไม่ต้องไปหาพระที่ไหน เพราะพระอยู่ที่ไม่ใกล้ไม่ไกล ที่กายวาจาใจของเรานี่เอง เราต้องรู้จักพระที่แท้จริง พระที่แท้จริงที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะว่าความดับทุกข์มันเป็นสากล ประชาชนประชากรของโลกที่จะมีความดับทุกข์หรือเป็นความสุขความทุกข์ที่เป็นสากลอยู่กับเราทุกคน ให้พวกเราเข้าใจว่าความดับทุกข์มันเป็นสากล เหมือนอาหารนี่แหละอาหารทางกาย ถ้าใครบริโภคมันก็ดับทุกข์ได้ เรื่องจิตเรื่องใจเหมือนกัน ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิตยกเลิกตัวตน มันก็ดับทุกข์ ความเป็นพระมันก็มีกับเราทุกคน ไม่ใช่แต่งตั้งกันได้ แต่งตั้งกันได้แต่ที่เป็นสมมุติสัจจะ เมื่อเราโฟกัสหรือว่าการแต่งตั้งมันต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคปฏิบัติอย่างนี้ ให้พวกเราเข้าใจความเป็นพระมันมีอยู่กับเราทุกคน ประชาชนคนที่ไม่บวชก็เป็นพระได้ ตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอนาคามี ผู้ที่มาบวชยกเลิกตัวตนไม่มีตัวตนหลงเหลืออยู่เหมือนพระพุทธเจ้ายกเลิกตัวตนก็เป็นพระได้ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ประชาชนทุกคนเข้าใจนะ ให้เราเข้าใจเรื่องพระภายนอก พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลายนั่นคือพระภายนอก พระภายในก็คือตัวของเราเองนี่แหละ ต้องพัฒนาจิตใจของเราให้เป็นพระคือเอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต รู้จักสมมุติบัญญัติ รู้จักโฟกัสยกเลิกความไม่ถูกต้อง เราจะได้เข้าถึงวิมุติความหลุดพ้น ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาททั้งอาชีพ ชีวิตของมนุษย์จะได้มีความสุขอบอุ่นเป็นแอร์คอนดิชั่น
พวกเราพากันเข้าใจ หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายต้องตั้งมันในพระรัตนตรัยคือความถูกต้องทั้งกายวาจากิริยามารยาททั้งอาชีพ ต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติ ให้พากันเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต เพราะหมู่มวลมนุษย์มันคิดได้ทีละอย่างทำได้ทีละอย่าง พากันกราบพระไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิ สมาธิมันยกเลิกตัวตน อดีตมันก็ยกเลิก อนาคตมันก็ยกเลิก ปัจจุบันก็ว่างจากนิติบุคคลตัวตน พากันนั่งสมาธิ มายกเลิกตัวตน มีความสุขในการหายใจเข้าหายใจออก มามีความสุขว่าหายใจเข้ามันก็ไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน วันหนึ่งเป็นประชาชนเราก็นั่งสมาธิตอนเช้าตอนเย็น เย็นก็ 1 ชั่วโมง ตอนเช้าก็ 1 ชั่วโมง เพื่อเราจะได้พัฒนาตัวเองอย่างนี้นะ เราทุกคนต้องทำอย่างนี้ให้เป็นปฏิปทา เพราะเราจะได้แก้ไขตัวเอง เพราะเราจะเข้าสู่ความถูกต้อง นี้แหละเราจะได้ส่งผลัดหรือส่ง DNA ทั้งกายวาจากิริยามารยาทให้ลูกเราหลานเรา เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราก็ส่ง DNA ไม่ถูกต้อง ลูกหลานเราก็แย่เลย ถ้าเราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ ลูกหลานเราก็ไม่ว่าเราไม่เถียงเรา เพราะเราเอาธรรมนำชีวิต เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ลูกหลานมันก็ว่าเราเถียงเรา เราจะไปโทษเด็กไม่ได้ เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ต้องพากันเข้าใจในความถูกต้องในพระรัตนตรัยในความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ ที่เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ให้ทุกคนพากันเข้าใจว่ามนุษย์เราเป็นผู้ที่ประเสริฐเกิดมาเพื่อเป็นทั้งคนดีเป็นทั้งคนมีปัญญา ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตของเราทุกคนก็สงบเย็นเป็นพระนิพพานด้วยกันทุกท่านทุกคน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee