แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๕๐ พัฒนาวัตถุ มีวัตถุ บริโภควัตถุ ต้องรู้จักพัฒนาใจ เพื่อไม่เป็นผู้ยากจนถาวร
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เราทุกคนเกิดมาต้องมีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติให้ถูกต้อง ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ มนุษย์เราต้องมีการเรียนการศึกษาเพื่อมีตา 2 ตา ตาหนึ่งคือตาร่างกายเรียกว่ามังสจักขุ อีกตาหนึ่งคือตาปัญญาเรียกว่าปัญญาจักขุ มนุษย์เรามีการเรียนการศึกษาอยู่ 18 ศาสตร์ เพื่อรสมทั้งหมดเป็นพุทธศาสตร์ 18 ศาสตร์มีอะไรบ้าง 18 ศาสตร์มี 1. ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ 2. รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง 3. นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ 4. พาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า 5. อักษรศาสตร์ วิชาวรรณคดี 6. นิรุกติศาสตร์ วิชาภาษาทั้งของตน และของชนชาติ ที่เกี่ยวข้องกัน 7. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ 8. โชติยศาสตร์ วิชาดูดวงดาว 9. ภูมิศาสตร์ วิชาดูพื้นที่และรู้จักแผนที่ของประเทศต่างๆ 10.โหราศาสตร์ วิชาโหรรู้จักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ 11.เวชศาสตร์ วิชาแพทย์ 12.เหตุศาสตร์ วิชาว่าด้วยเหตุผล หรือตรรกวิทยา 13.สัตวศาสตร์ วิชาดูลักษณะสัตว์ และรู้เสียงสัตว์ว่าดี หรือร้าย 14.โยคศาสตร์ วิชาช่างกล 15.ศาสนศาสตร์ วิชาศาสนารู้ความเป็นมาและหลักศาสนาทุกศาสนา 16.มายาศาสตร์ วิชาอุบายหรือตำหรับพิชัยสงคราม 17.คันธัพพศาสตร์ วิชาร้องรำ หรือนาฎยศาสตร์ และวิชาดนตรี หรือดุริยางค์ศาสตร์ 18.ฉันทศาสตร์ วิชาการประพันธ์
มนุษย์เราต้องมีการเรียนการศึกษา เพื่อเราจะได้มีตาจักษุและตาปัญญาไปพร้อมๆกัน เพราะการดำเนินชีวิตของเรา ต้องอาศัยเหตุอาศัยปัจจัย จากความรู้จากความเข้าใจเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายได้รับ DNA จากพ่อจากแม่ทั้งกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ได้รับ DNA จากพ่อจากแม่ พ่อแม่คือบุคคลสำคัญที่ต้องส่ง DNA ทั้งกายวาจากทั้งกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้กับลูก ๆ มนุษย์เราทุกคนถึงเน้นมาที่ตัวของเราเอง ต้องโฟกัสเฉพาะเจาะจงมาที่ตัวของเราเอง มีความรู้มีความเข้าใจ สร้างเหตุสร้างปัจจัยเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ต้องโฟกัสเฉพาะเจาะจงมาที่ตัวของเราเอง เพราะการบำเพ็ญบารมีที่ต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เน้นเฉพาะเจาะจงมาที่ตัวของเรานี้ไม่ใช่คนอื่น ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ไม่เอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิต ต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต เพราะความชอบไม่ชอบมันยังเป็นนิติบุคคลตัวตน ต้องยกเลิกความชอบความไม่ชอบ เอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต
พระพุทธเจ้าคือผู้ที่บำเพ็ญพุทธบารมีหลายอสงไขย หลายล้านปี หลายล้านชาติ ท่านเน้นไปที่ตัวของท่าน ทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลความเป็นตัวเป็นตน ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้เรียกว่าบำเพ็ญบารมี บารมีเบื้องต้นอย่างกลางอย่างละเอียด ทำไมเราถึงต้องบำเพ็ญบารมี เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงจะมี มันต้องอาศัยความเห็นที่ถูกต้อง เข้าใจที่ถูกต้องปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างติดต่อต่อเนื่อง เป็นน้ำเป็นสายน้ำเพื่อไหลสู่ทะเลสู่มหาสมุทรเป็นน้ำ มันต้งอาศัยการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ด้วยความรู้ความเข้าใจที่เป็นศีลเป็นภาคประพฤติเป็นภาคปฏิบัติที่เป็นศีล เป็นสมาธิ ที่ติดต่อต่อเนื่อง เป็นน้ำเป็นสายน้ำเพื่อไหลลงสู่ทะเลมหาสมุทร เพื่อเป็นปัญญา มันไม่เอานิติบุคคลไม่เอาตัวไม่เอาตน เอาธรรมะวินัยเอากฎหมายบ้านเมือง พระธรรมพระวินัยเป็นทั้งคำสั่งเป็นทั้งคำสอน ที่มีมาในพระไตรปิฎกมีอยู่ด้วยกัน 3 ปิฎกคือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก รวมเป็น 84000 พระธรรมขันธ์ สิ่งเหล่านี้เป็นสมมติสัจจะ ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เพื่อโฟกัสหรือว่ายกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน เพื่อหมู่มวลมนุษย์จะได้มีหลักการหลักประพฤติหลักปฏิบัติ ที่เป็นพระธรรมเป็นพระวินัยที่เป็นสมมติสัจจะ เพื่อไม่ให้หมู่มวลมนุษย์ทำอะไรตามใจ ทำตามอารมณ์ทำตามความรู้สึก ทำตามความชอบความไม่ชอบ เพราะความชอบความไม่ชอบมันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวตน หมู่มวลมนุษย์ต้องเดินทางสายกลาง ไม่เอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิต พัฒนาทั้งเรื่องจิตเรื่องใจพัฒนาทั้งวัตถุไปพร้อมๆ กัน ทางจิตทางใจก็ยอดเยี่ยม ทางกายทางวัตถุทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นเหตุเป็นผล ที่ให้หมู่มวลมนุษย์ได้มีความสะดวกความสบายทางวัตถุก็ยอดเยี่ยมเยี่ยมยอด ต้องเอาทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ทั้งกายทั้งจิตต้องเอาไปพร้อมๆ กัน เป็นทางสายกลาง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นหลักการเป็นวิชาการ
มนุษย์เราทุกคนที่ได้เกิดมาในโลกนี้ ที่เป็นประชากรของโลก ประชากรของโลกปัจจุบัน พ.ศ. 2567 มีประชากรของโลก 8000 กว่าล้านคน มีทั้งหมด 195 ประเทศที่มีอยู่ในโลกนี้ โลกนี้เป็นโลกกลม มีศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาลคือดวงอาทิตย์ โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดมีกลางวันกลางคืน แบ่งเป็นกลางวัน 12 ชั่วโมง กลางคืน 12 ชั่วโมง พวกเราที่เป็นมนุษย์เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ต้องพากันนอนต้องพากันพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง เพื่อสมองของเราจะได้พักผ่อน เพื่อสมองของเราจะได้สั่งร่างกายเพื่อไปทำธุระกิจหน้าที่การงานได้ มนุษย์เราต้องพักผ่อน 6-8 ชั่วโมงสำหรับผู้ใหญ่ พวกเด็กเล็กๆ นักเรียนนักศึกษาก็พากันนอน 8-12 ชั่วโมง เราเป็นมนุษย์เราต้องรู้หลักการในเรื่องจิตเรื่องใจ ต้องรู้หลักการในเรื่องกาย เวลากลางวันเป็นเวลาทำงาน การทำงานคือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมคือการทำงาน มนุษย์เราต้องมีความสุขในการทำงาน ถ้าเราไม่มีความสุขในการทำงาน เราก็จะพากันเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าก็หมายถึงโรคที่มีความทุกข์ทางจิตใจ มนุษย์เราต้องมีความสุขในการทำงาน เพราะในวัยเรียนต้องมีความสุขในการเรียน การเรียนนี้คือการทำงาน ต้องมีความสุขในการเรียนมีความสุขในการทำงาน นักบวชพากันนอน 6 ชั่วโมง ถ้าเป็นพระผู้เฒ่า หรือพระป่วยพระอาพาธ นอนพักผ่อนหรือภาษาพระเขาเรียกว่าจำวัด 6-8 ชั่วโมง เพื่อจะได้ให้สรีระร่างกายได้รับการซ่อมแซม ให้หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายพากันรู้พากันเข้าใจนะ เพราะความรู้ความเข้าใจนี้มันสำคัญ เพราะความรู้ความเข้าใจมันเป็นแสงสว่างเป็นปัญญา เพราะความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์นี้อยู่ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะความดับทุกข์มันเป็นสากล มันจะอยู่กับเราทุกๆ คนนะ ความดับทุกข์เป็นสากล ความทุกข์ก็เป็นสากลนะ เราทุกคนต้องเข้าใจนะ เราต้องเน้นมาที่ตัวเรา ความดับทุกข์มันต้องโฟกัสมาที่ตัวเรา ความเป็นพระอริยเจ้ามันต้องอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่ที่คนอื่น ส่วนคนที่ไม่ได้บวชก็เป็นพระได้ ประชาชนคนที่มาบวชก็เป็นพระได้ ให้เราพากันเข้าใจอย่างนี้ คำว่าพระคือผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทั้งกายวาจากใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ทุกๆ คนเป็นพระได้ เพราะมีการประพฤติการปฏิบัติ มีการพัฒนาในเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องกายวาจากริยามารยาทเรื่องอาชีพ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้มันอยู่ที่เรา ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น สมณะความสงบทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพที่เรายกเลิกตัวตน มันอยู่ที่เราทุกๆ คนน่ะ เพราะกายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ที่หมู่มวลมนุษย์ต้องพัฒนาเรื่องเหตุเรื่องผลพัฒนาวิทยาศาสตร์น่ะ เพื่อความก้าวหน้าไปทางเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องกายเรื่องวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ทุกๆ คนให้พากันรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ต้องไปหาความดับทุกข์ที่ไหน ให้หาความดับทุกข์ที่กายวาจากริยามารยาทที่อาชีพ ที่อยู่ในตัวของเรา ต้องพากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ
มนุษย์เราที่มีการเวียนว่ายตายเกิด เพราะมีความเห็นไม่ถูกต้องความเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง ถึงพากันเวียนว่ายตายเกิด เป็นพลังงาน มันเป็นเหตุเป็นผลจากความเห็นไม่ถูกต้อง ความเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง หมู่มวลมนุษย์ถึงพากันเวียนว่ายตายเกิด ที่เป็นสังสาระ ที่เป็นทั้งกรรมเก่าเป็นทั้งกรรมใหม่ กรรมเก่ากรรมใหม่ก็จะทำงานติดต่อต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย เปรียบเสมือนสายน้ำ น้ำที่มันไหลสู่ทะเลสู่มหาสมุทร การเวียนว่ายตายเกิดมันก็เป็นสายน้ำ เราเป็นมนุษย์พากันเรียนพากันศึกษาทั้งหมด 18 ศาสตร์ เพื่อให้เป็นพุทธศาสตร์ ให้พวกเราพากันเข้าใจ กรรมเก่าให้พวกเรามองเห็น เพื่อเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ตามโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นพระวินัยเป็นคำสั่ง ที่เป็นพระธรรมคือคำสั่งสอน กรรมเก่าก็ได้แก่ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เขาเรียกว่ากรรมเก่าที่เป็นอายตนะภายใน กรรมใหม่ก็ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์เป็นสิ่งภายนอก หรือว่าเป็นอายตนะภายนอก กรรมเก่าและกรรมใหม่มาสัมผัสกัน หรือว่ามาสปาร์คกัน ที่ทำให้หมู่มวลมนุษย์ที่ยังไม่เข้าใจ ทำให้เกิดเป็นสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตน คำว่าสัญชาตญาณก็คือความรู้สึก ความรู้สึกหนาวร้อน อ่อนแข็ง สุขทุกข์ เกิดเป็นความชอบความไม่ชอบ มีความรักสุขเกลียดทุกข์ ระแวงภัยอันตราย มีความยินดีในความเป็นนิติบุคคลตัวตน มีความต้องการสืบพันธุ์ อย่างนี้เรียกว่าสัญชาตญาณน่ะ ที่มันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวตนเรียกว่าสัญชาตญาณ พระพุทธเจ้าบอกเราทั้งหลายว่าอันนี้เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติของเรานะ ให้เรารู้เหตุรู้ปัจจัย เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ให้ยกสิ่งเหล่านี้สู่พระไตรลักษณ์ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ทุกสิ่งมาสัมผัสกันแล้วก็ต้องจากไป เหมือนอายุขัยของมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 120 ปี ทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะทุกอย่างนั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หมายถึงเรื่องทางกายนะ เรื่องทางกายหมู่มวลมนุษย์ก็อยู่ได้ไม่เกิน 120 ปี เรื่องจิตเรื่องใจเราก็รู้ว่า ทุกอย่างนั้นมันไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันเป็นปรากฎการณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันเป็นกรรมเก่าที่มันทำหน้าที่ของเขา เราต้องยกสิ่งเหล่านี้สู่พระไตรลักษณ์ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราทุกคนจะได้ไม่หลงเพลิดเพลิน ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท เราจะได้รู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติในผัสสะ การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นศิลปะเป็นความงาม งามในเบื้องต้นเรียกว่าศีล ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าความงาม งามในท่ามกลางเรียกว่าสมาธิ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติเพื่อให้ศีลทำงานติดต่อต่อเนื่อง เพื่อเป็นกระบวนการทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพื่อศีลเราจะได้ติดต่อต่อเนื่องเป็นน้ำเป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำ ไหลสู่ทะเลมหาสมุทรด้วยกระบวนการของเหตุของปัจจัย เรียกในภาษาบาลีว่าปฏิจจสมุปบาท ภาษาไทยภาษาลาวก็คือเหตุคือปัจจัย ภาษาอังกฤษ (เหตุ หรือสาเหตุ ได้แก่ Cause และปัจจัย หรือ Condition) อันนี้คือเหตุคือปัจจัย เราจะได้พากันเข้าใจ เราจะได้เห็นความสำคัญในธรรมะในพระวินัย เห็นความสำคัญในกฎหมายบ้านเมืองที่มันเป็นสมมติสัจจะ ที่จะโฟกัสเข้าหาความดับทุกข์ทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันไม่ใช่นิติบุคคล หากเป็นแต่เพียงเหตุเป็นเพียงปัจจัย หมู่มวลมนุษย์ที่มีการเรียนการศึกษาถึง 18 ศาสตร์เพื่อเป็นพุทธศาสตร์ หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายอย่าเอาความไม่ถูกต้อง หรือว่าเอาการเวียนว่ายตายเกิดนำชีวิต เพราะว่าเป็นวัฏฏะจักร มันเป็นวัฏฏะสงสาร มันเป็นวงกลม มันเป็น ไซเคิลอ็อฟไลฟ์ มันเป็นวงกลม มันออกไปไม่ได้
ความจนของมนุษย์มันจนอยู่ 2 อย่างนะ อย่างหนึ่งจนเพราะไม่มี อีกอย่างหนึ่งจนเพราะไม่รู้จักพอ ความจนมีอยู่ 2 อย่าง ความจนเพราะไม่มี เราทำได้ปฏิบัติได้ แห้งแล้งก็แก้ปัญหาได้ น้ำท่วมก็แก้ปัญหาได้ ตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็เพราะทุกอย่างนั้นมันอยู่ที่เหตุอยู่ที่ปัจจัย ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ จากที่ไม่มีก็ทำให้มีได้ แห้งแล้งเป็นทะเลทรายก็ทำให้มีน้ำมีต้นไม้เขียวชะอุ่มได้ เพราะมันเป็นเรื่องของเหตุเรื่องของปัจจัย เป็นกระบวนการของเหตุของปัจจัยทางวัตถุทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนามนุษย์เขาถึงพัฒนาเรื่องเหตุเรื่องปัจจัยเรื่องวิทยาศาสตร์ มนุษย์เราถึงต้องมีความสุขในการทำงาน มนุษย์เราต้องมีความสุขในการปฏิบัติธรรม เพราะการทำงานคือการปฏิบัติธรรม เพื่อยกเลิกตัวตน ถ้าเรามีตัวมีตนเราก็เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจก็ขี้เกียจขี้คร้าน ไม่มีความสุขในการทำงาน นี้ให้พวกเราเข้าใจ เพราะความคิดเห็นความเข้าใจอย่างนี้ มันจะเป็นความทุกข์ในทางวัตถุ ขาดแคลนทางวัตถุ เพราะเราเป็นนิติบุคคลมีตัวมีตน มีความขี้เกียจขี้คร้านไม่มีความสุขในการทำงาน ให้เราเข้าใจ การพัฒนาความดับทุกข์ทุกคนต้องพากันมาเสียสละ ยกเลิกตัวยกเลิกตน อย่าเอาความชอบความไม่ชอบมาเป็นที่ตั้ง ทุกคนต้องมีความสุขในการทำงาน เพราะความทุกข์ในทางวัตถุเราก็แก้ไขได้ ให้หมู่มวลมนุษย์พากันเข้าใจนะ ว่ามนุษย์ต้องมีความสุขในการทำงาน งานคือความสุข มีความสุขในการทำงาน มันถึงเป็นการปฏิบัติธรรม เรายกเลิกตัวตนเราก็มีความสุขในการทำงาน เราก็มีอยู่มีกินมีใช้เหลือกินเหลือใช้ เราไม่ต้องไปหาความดับทุกข์ที่ไหนหรอก เอาความดับทุกข์ที่มีอยู่ที่เราทำการทำงาน เราเอาตัวตนเราก็ไปแก้ไขแต่ภายนอก เราก็ไม่มีความสุขในการเสียสละ ไม่มีความสุขในการทำงาน การที่มีความเห็นผิด ความเข้าใจผิด อย่างนี้หัวใจเราก็มีแต่ความทุกข์ มีแต่อบายมุขอบายภูมิ หัวใจเราตกต่ำ เพราะเราเป็นนิติบุคคลมีตัวมีตน เราทุกคนต้องมีความสุขในการทำงาน ให้หมู่มวลมนุษย์พากันเข้าใจนะว่า ความสุขของหมู่มวลมนุษย์ต้องมีอยู่กับการทำงาน ถ้าเราไม่มีความสุข เราจะมีอยู่มีกินมีใช้เหลือกินเหลือใช้ได้อย่างไร เพราะทุกอย่างนั้นมันอยู่ที่ปัจจัย เราเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน เราก็จะพึ่งแต่พ่อแต่แม่ พึ่งแต่รัฐบาล พึ่งแต่คนรวย เราไม่รู้ว่าเราทุกคนต้องยกเลิกความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน เราต้องมีความสุขในการทำงาน เราต้องพึ่งกายวาจากริยามารยาทอาชีพ ที่เรายกเลิกตัวตน เราไม่ต้องเป็นคนพลัดถิ่นไปหากินต่างแดน ไปหากินต่างจังหวัด ประเทศนู้นประเทศนี้
เราทุกคนโฟกัสเข้ามาหาตัวของเราเอง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ มีความสุขในการทำงานอย่างนี้ สุขภาพจิตใจของเราจะได้ดี สุขภาพกายเราจะได้ดี วัตถุของเราจะได้ไม่ขาดแคลน เพราะเรามีความสุขในการทำงาน การเรียนการศึกษานั้นในเรื่องวิทยาศาสตร์ในเรื่องเหตุเรื่องผล เพื่อเราจะได้มีความรู้ความเข้าใจ เพราะโลกนี้มีการเรียนการศึกษาอยู่ 18 ศาสตร์ คือเป็นหลักการหลักวิชาการ เพราะการเรียนการศึกษานี้เป็นตาปัญญา เป็นแสงสว่าง เป็นการรู้เหตุรู้ปัจจัย รู้เรื่องอริยสัจ 4 รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ การเรียนการศึกษาคือความรู้ความเข้าใจ อ่านออกเขียนได้ เราก็เอาไปใช้ในปัจจุบันทุกหนทุกแห่ง เราไปเรียนเพื่อรู้เพื่อความเข้าใจจะได้อ่านออกเขียนได้ทุกที่ในปัจจุบัน ให้พวกเราเข้าใจ การเรียนการศึกษา มนุษย์เราต้องเรียนต้องศึกษา เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ เพื่อพัฒนาศาสตร์ต่างๆ รวมถึงพุทธศาสตร์ ไม่ได้เรียนเพื่อเอาใบประกาศ เรียนเพื่อเอาความรู้ความเข้าใจ ไม่เรียนเพื่อความจำ หนังสือมันมากมาย การบรรยายของครูบาอาจารย์มันมากมาย ให้เราเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้ว เราก็รู้หลักประพฤติหลักปฏิบัติ ทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพื่อเข้าสู่ความเป็นธรรมความยุติธรรม เพื่อเราจะได้มีวัตถุอำนวยความสะดวกความสบาย เมื่อมีวัตถุสะดวกสบายแล้วเราก็จะไม่ได้หลง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกความสบาย เพื่อเราจะได้ไม่ขาดแคลนทางวัตถุ แต่ที่จนเพราะไม่รู้จักพอ อันนี้มันจนอย่างถาวร จนไม่รู้จักพอ เปรียบเหมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ เป็นเศรษฐีติดอันดับ 1 ใน 100 ของโลกก็ไม่รู้จักพอ อย่างนี้เราต้องพัฒนาใจของเรานะ เพราะความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์น่ะ เขาแก้ทางวัตถุแล้วเขาต้องแก้ทางเรื่องจิตเรื่องใจ ถึงมีหลักการในทางพระศาสนา หมู่มวลมนุษย์พัฒนาเรื่องวิทยาศาสตร์ มีความสะดวกความสบาย เพราะเพรียบพร้อมด้วยวัตถุเทคโนโลยี มันมีรถมีเรือมีเครื่องบิน มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราไม่พากันพัฒนาใจเราจะพากันหลงนะ โลกนี้จึงได้มีพระศาสนา พระศาสนาคือธรรมะ มีพระศาสนาเพื่อไม่ให้เราไม่หลงในเทคโนโลยีความสะดวกความสบาย ที่เป็นยานทางร่างกายเป็นยานทางวัตถุ
หมู่มวลมนุษย์ต้องพัฒนาจิตใจ เดือนหนึ่งมีอยู่ 30 วัน มีวันที่ให้หมู่มวลมนุษย์พัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจ 8 วัน ให้พากันเน้นเรื่องจิตเรื่องใจ พากันยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน พากันรักษาอุโบสถศีล รักษาศีล 8 ปกติเราเป็นมนุษย์เราทานอาหารวันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น แต่เราพัฒนาใจ เราถือศีลอุโบสถ ศีลอด ทานอาหาร สำหรับผู้ที่แข็งแรงวันละ 1 ครั้ง สำหรับคนเฒ่าคนแก่คนไม่แข็งแรง 2-3 ครั้งก็ได้ แต่ต้องทานภายในตอนเช้า รุ่งอรุณถึงก่อนเที่ยง ให้เอาสมมติบัญญัติหรือว่าสมมติสัจจะ เพื่อมาพัฒนาจิตใจ ว่าเราทานไม่ได้ เพราะเราจะพัฒนาใจของเรา ต้องเอาสมมติสัจจะที่เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เราทุกคนต้องพากันเข้าใจเรื่องสมมติบัญญัติ มันโฟกัสให้เราไม่ตรึกไม่นึกไม่คิด ให้เรายกเลิกในการรับประทานอาหาร เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องว่าเราไม่ต้องไปคิดไปตรึก เพราะเราคิดเราตรึกแล้ว เราก็ไม่ได้ทานอาหาร เราจะไปคิดไปตรึกมันทำไม เพราะเราจะได้ฝึกจิตฝึกใจยกเลิก นี้เป็น 1 สิ่งที่ดีมากที่ประเสริฐมาก นี้เป็นการหยุดสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวตน เราทุกคนมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ยกเลิกการทานอาหาร ใจของเรามันก็จะไม่หิว เพราะเราไม่ตรึกเราไม่นึกไม่คิด เราจะได้มีโอกาสในการพัฒนาใจของเราว่า การเกิดของหมู่มวลมนุษย์มันอยู่ที่เรานึกคิด ต้นเหตุมันอยู่ที่เราตรึกเรานึกเราคิด เราพากันคิดดูดีๆ นะว่า หนุ่มสาวมันเจอกันครั้งเดียวมันไม่ได้เป็นสามีภรรยากันหรอก มันต้องสั่งสมบ่มความคิด มันต้องตรึกมันต้องนึกมันต้องคิดหลายครั้ง การตรึกการนึกการคิดนี้มันเป็นสิ่งที่สำคัญ พระพุทธเจ้าท่านถึงให้ผู้ที่ถือศีลอด ถือพระธรรมถือพระวินัยให้รู้เรื่องจิดเรื่องใจ เรื่องพระวินัยไม่ให้ตรึกไม่ให้นึกคิด ที่เป็นนิติบุคคล เพราะการตรึกการนึกการคิดทำให้หมู่มวลมนุษย์เวียนว่ายตายเกิด เพราะความตรึกความนึกความคิดมันจะทำให้หมู่มวลมนุษย์มีผัวมีเมีย มีบุตรมีธิดา มีอะไรต่างๆ เพราะมาจากการตรึกการนึกการคิด พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ธรรม ท่านก็มารู้เรื่องอย่างนี้แหละ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป เราอย่าปล่อยให้ตัวเองตรึกนึกคิด หัวใจของเราจะมีผัวมีเมียทั้งวัน ถึงร่างกายของเราจะไม่มีแต่หัวใจที่ตรึกนึกคิด มันมีผัวมีเมีย เรามาบวชหัวใจมันก็ไปเที่ยวกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในตลาดนู่น หัวใจเราก็ไปกินข้าวกินอาหาร มีลูกมีเมียอยู่ในตลาดอยู่ในบ้านนู่น เราตรึกในกามเราตรึกในพยาบาท พระพุทธเจ้าถึงตรัสกับเราทั้งหลายว่า เราต้องรู้เรื่องจิตเรื่องใจ อย่าไปตรึกในกามในพยาบาท มันตรึกมันนึกคิดขึ้นมาแล้วก็มีจิตสำนึกว่าเราคิดไม่ได้ตรึกไม่ได้ เพราะเราต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด เราจะไปเพลิดเพลินในการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไง เราจะเวียนว่ายในวัฏฏะสงสาร เราจะปล่อยให้ใจของเราไปทำงานไปตรึกไปนึกไปคิด
เราต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เราต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เรียกว่ามันจะเป็นเบรคเป็น stop พวกรถพวกเรือเครื่องบินมันก็มีเบรค หมู่มวลมนุษย์หัวใจของเราต้องมีเบรค พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่คือเบรค กฎหมายบ้านเมืองที่เป็นสมมติบัญญัติมันก็คือเบรค ให้เข้าใจอย่างนี้ เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันคือคนไม่มีเบรคนะ เราต้องเบรคตัวเองว่า อันนี้ตรึกไม่ได้นึกไม่ได้คิดไม่ได้ เพราะเราตรึกนึกคิดมันมีผัวมีเมียทั้งวัน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย มีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืนนอนมันก็ฝัน เพราะมันเป็นอาหารของความมีตัวมีตนมันก็นอนแล้วฝัน ผู้ที่นอนแล้วไม่ฝันก็มีแต่พระอรหันต์น่ะ เพราะท่านยกเลิกสัญชาตญาณ ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ท่านนอนแล้วถึงไม่ฝัน เพราะท่านมีเบรค เพราะท่านรู้อริยสัจ 4 รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ท่านเป็นคนละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ท่านเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ท่านถึงเบรคตัวเองหยุดตัวเองด้วยอุบายวิธีต่างๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจว่า เราจะตามอารมณ์ตามความคิดไม่ได้ เพราะอันนี้เป็นกรรมเก่ากรรมใหม่มาสปาร์คกัน ต้องรู้กรรมเก่ากรรมใหม่ เราต้องยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่แน่ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันนำเราเวียนว่ายตายเกิด เราต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เราต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป
เรามามีความสุขในการหายใจเข้า หายใจเข้าลึกๆ มีความสุขที่สุดในโลก หายใจออกให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เพราะตัวตนนี้มันไม่มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ตัวตนนี้มันฟุ้งซ่าน เราต้องมามีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ถ้าเราไม่หยุดปรุงเราก็ stop หยุดลมหายใจไว้ เพราะความมีนิติบุคคลตัวตนมันมาก มันกดดันเราเรา stop ลมหายใจไว้ ที่เรากลั้นลมหายใจ ให้ Oxygen ในสมองมันสมดุล เมื่อใจมันจะขาดมันก็จะสงบลงว่า มันไม่แน่จริงหรอก มันกลัวความตายมันก็หยุดฟุ้งซ่าน เราต้องรู้จักนะการประพฤติการปฏิบัติ เราจะปล่อยให้ตัวเองตรึกนึกคิดได้อย่างไร เพราะความตรึกนึกคิดที่มันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตนนี้ก็คือเหตุคือปัจจัยนะ เพราะอันนี้มันเป็นอารมณ์เป็นเจ้าอารมณ์ เราต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เราต้องปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่องกัน เหมือนไก่ฟักไข่ มันใช้เวลา 3 อาทิตย์ จะฟักด้วยแม่ไก่หรือฟักด้วยไฟฟ้ามันก็ 3 อาทิตย์เหมือนกัน ทางวิทยาศาสตร์บุคคลทำเช่นไรตรึกนึกคิดอะไรต่างๆ ติดต่อต่อเนื่องกัน 3 อาทิตย์ มันเป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณแห่งความเป็นพุทธะ สัญชาตญาณแห่งนิติบุคคลตัวตน เราต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน พระพุทธเจ้าบอกว่าการปฏิบัติธรรมนั้นเราต้องปฏิบัติทุกๆ อิริยาบถ อิริยาบถทั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน ทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ การปฏิบัติธรรมต้องเป็นอริยมรรคมีองค์ 8 มันจะอยู่กับเราที่เราทำการทำงานเป็นการปฏิบัติธรรมพร้อมๆ กัน จะเป็นทางสายกลางทั้งเรื่องจิตเรื่องใจทั้งเรื่องวัตถุ
ให้พวกเราเข้าใจในเรื่องพระพุทธศาสนานะ เพราะศาสนานี้มันยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ยกเลิกความทุกข์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ พระศาสนาคือการยกเลิกตัวตน หมู่มวลมนุษย์ในโลกต้องเอาธรรมนำชีวิต เราจะได้รู้จักพระศาสนาที่แท้จริง คือมายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การปกครองโลกนี้ที่เป็นข้าราชการนักการเมือง ต้องเอาธรรมนำชีวิต พระมหากษัตริย์ทุกๆ ประเทศทรงทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ประธานาธิบดีทุกๆ ประเทศที่เลือกตั้งมา ต้องเอาทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต อย่าเอานิติบุคคลเอาตัวเอาตนนำประเทศชาติ ข้าราชการนักการเมืองหรือนักบวชทั้งหลายให้เข้าใจนะว่า ต้องเอาธรรมนำชีวิต ธรรมะก็คือยกเลิกตัวตน กฎหมายบ้านเมืองที่เป็นสมมติสัจจะที่โฟกัสให้เรายกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราเอาตัวตนไม่ได้ เพราะตัวตนนี้คือทุจริตนะ ตัวตนนี้เป็นพระมหากษัตริย์ไม่ได้ เป็นประธานาธิบดีไม่ได้ เป็นข้าราชการนักการเมืองไม่ได้ เป็นนักบวชไม่ได้ เพราะมันเป็นนิติบุคคล ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต ให้เราเข้าใจเรื่องกฎหมายบ้านเมือง เราจะได้พัฒนาความดับทุกข์ที่เราขาดแคลนทางวัตถุ เราต้องมีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เราจะได้พัฒนาใจที่รวยแล้วก็รู้จักพอ เราต้องพัฒนาใจของเรา ไม่งั้นไม่ได้ เพราะทะเลก็ไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ ผู้ที่ไม่รู้จักพอคือพวกที่จนอย่างถาวร หมู่มวลมนุษย์ถึงต้องพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆกันอย่างนี้ ต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ต้องโฟกัสเข้ามาหาเรานี้แหละ ไม่ตรึกในกามไม่ตรึกในพยาบาท มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม อย่าไปวิ่งตามนิติบุคคลตัวตน อย่าไปวิ่งตามอวิชชาความหลง ให้เราเข้าใจ เราจะได้แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง ทั้งกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพื่อทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ทางกายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพอย่างนี้ จะได้เป็นผู้ที่งามในเบื้องต้นงามในท่ามกลางงามในที่สุด เราจะได้รู้จักความงามทั้งภายนอกความงามทั้งภายใน เราจะเอาแต่รวยแต่ภายนอก เขาเรียกว่าทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ เราจะเอาความงามทั้งภายนอก ไปศัลยกรรมแต่ภายนอกตกแต่งแต่ภายนอก ภายนอกมันก็ต้องงาม แต่ภายในวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราต้องมีความงาม ทุกคนจะได้รู้ว่าชาติศาสน์กษัตริย์มีความหมายอย่างนี้
ทุกท่านทุกคนให้โฟกัสมาหาตัวเอง เพราะเราทุกคนก็มีสิทธิ์พอๆ กัน สิทธิ์ที่ประพฤติปฏิบัติ ถ้าเรายกเลิกตัวตน เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ ทุกๆคนเก่งได้ฉลาดได้ เพราะเรามีตัวมีตนเราไม่เก่งไม่ฉลาด เอาตัวตนเป็นที่ตั้งตื่นขึ้นมาเขาเรียกว่ามันมึนตึ๊บเลย มันมีตั้งแต่ตาเนื้อ ไม่มีปัญญา มันมึนตึ๊บเลย มันต้องยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราต้องมาแก้ไขที่ตัวเรา เราต้องรู้จักว่าตัวตนเราเครียดนะ เรามีตัวมีตนเราไปแก้ไขแต่ภายนอก เรามีตัวมีตนเราก็ไปแก้ไขแต่ภายนอก ภายนอกเราก็ต้องแก้ไข ภายในเราก็ต้องแก้ไขไปพร้อมๆ กัน เหมือนหลวงปู่ชา แห่งวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นประชาชนนักบวชว่า ผมนี้นะรู้ธรรมะเข้าใจธรรมะ มีเจตนามีความตั้งใจสอนตัวเอง 100% ปฏิบัติตนเอง 100% ตามความรู้ความเข้าใจ ผมบอกพวกท่านสอนพวกท่านประชาชนที่เขามาทำบุญตักบาตรเพียง 5% มันถึงพอไปได้ แต่พวกท่านเอาแต่สอนคนอื่นบอกคนอื่นอีกไม่กี่เดือนกี่ปีท่านก็ไม่สงบฟุ้งซ่าน เพราะความเป็นนิติบุคคลตัวตน มันทำให้ท่านฟุ้งซ่าน เพราะไปแก้แต่ภายนอก ไม่ได้แก้ที่ตัวเรา เราจะมีของให้คนอื่นเขาได้ ก็เพราะเรายกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราเป็นเศรษฐีวัตถุเศรษฐีธรรม มันต้องพัฒนาทั้งกายวาจากริยามารยาทพร้อมๆ กันอย่างนี้ เราทุกคนจะไปอยู่ที่ไหนเราต้องประพฤติปฏิบัติตนเอง เพราะความสุขความสงบควมร่มเย็นความเป็นพุทธะทางกายวาจาใจกริยามารยาททางอาชีพที่มันเป็นพุทธะ ทั้ง 18 ศาสตร์ รวมมาเป็นพุทธศาสตร์อย่างนี้
ให้เราเข้าใจ อย่าไปหาพระที่ไหน พระอยู่ที่ตัวเราที่กำลังยืนเดินนั่งนอนที่กำลังประพฤติปฏิบัตินี้แหละ พระภายนอกมันเป็นเรื่องของคนอื่น เรื่องของพระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า เรื่องของพระอรหันต์ก็เป็นเรื่องของพระอรหันต์ เรื่องของเราคือเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราต้องมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม มามีความสุขในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เราทุกคนต้องเห็นคุณค่าในความประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์นะ ทุกอย่างทำได้ปฏิบัติได้ ทั้งกายวาจากริยามารยาทตบอดถึงอาชีพเราปฏิบัติได้ เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราอย่าไปทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ หรือความมั่นคงของมนุษย์ เพราะตัวตนมันทำลายความมั่นคงของมนุษย์ ให้ทุกคนพากันเข้าใจ พระนี้ต้องอยู่ที่เราที่ตัวเรา อย่าไปอยู่ที่คนอื่น พระภายนอก พระที่ท่านพากันบรรพชาอุปสมบท พากันยกเลิกตัวตน เราก็ให้การส่งเสริมอุปถัมภ์อุปัฏฐาก เพราะท่านยกเลิกตัวตน ท่านไม่มีบ้านไม่มีเรือน ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย เสียสละความเป็นนิติบุคคลยกเลิกตัวตน ที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง เราก็มาบำรุงรักษาทำบุญทำความดีของเรา
เพราะหมู่มวลมนุษย์เราเกิดมาต้องเสียสละ ยกเลิกตัวตน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตนไม่เสียสละ เขาเรียกว่าคนยึดมั่นถือมั่น คนไม่เสียสละเขาเรียกว่าคนกินของเก่า คนไม่เสียสละก็เหมือนคนท้องผูกนี้แหละมันเป็นทุกข์ ท้องผูกมันไม่ท่ายเทของเสีย อาหารเก่าก็มาเลี้ยงร่างกายมาเป็นโรคเป็นภัย เพราะตัวตนนี้มันคือหนี้คือสิน ที่มันติด เหมือนสรีระร่างกายของเรามันติดความสกปรก เราอาบน้ำวันละครั้งเพื่อชำระร่างกาย เสื้อผ้าอาภรณ์เราก็ต้องมาซักล้าง ตัวตนนี้เรามาติด เราก็ต้องพากันประพฤติพากันเสียสละ เพื่อสมดุลทางเรื่องจิตเรื่องใจ สมดุลเรื่องวัตถุ กายกับใจมันต้องไปพร้อมกันให้มันสมดุล เอาแต่กายก็ไม่ได้เอาแต่ใจก็ไม่ได้ มันต้องสมดุลกันให้เป็นทางสายกลาง เราทุกคนต้องพากันเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะความถูกต้องเขาเรียกว่าพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยคือความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เป็นศีลสมาธิเป็นปัญญา เราจะเป็นคนไม่มีพระศาสนาไม่ได้ เพราะตัวตนมันคือคนไม่มีพระศาสนา คือบุคคลที่ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่เสียสละ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวตนนั้นแหละมันจะพาให้เราก้าวไปไม่ได้ ตัวตนนี้แหละมันทำให้เราหลงอยู่ ท่านผู้รู้ผู้มีปัญญาหาข้องอยู่ไม่ เห็นไหมตัวตนเด็กตัวน้อยๆ ผู้เฒ่าผู้แก่ พวกพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย เอาแต่ตัวเอาแต่ตนเอาแต่วัตถุ พากันหลงในกามพากันหลงในพยาบาท พากันหันหน้าให้กับโทรศัพท์เล่นแต่โทรศัพท์ มองไปทางซ้ายทางขวาก็เห็นแต่พวกนี้ นี้แสดงถึงนิติบุคคลตัวตนนะ ไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ มันฟุ้งซ่านมาก เพราะตัวตนมันฟุ้งซ่าน เราต้องรู้จักโทรศัพท์มือถือมันดี เราจะได้แชร์ความรู้ แชร์เหตุปัจจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์ เรื่องเหตุเรื่องผล แต่ทุกอย่างมันมีทั้งคุณทั้งโทษนะ เราทุกคนต้องเข้าใจว่าเราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เราต้องผ่านไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่งั้นเราจะหลงอยู่ เพราะโลกนี้มันอร่อยมาก อร่อยทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ทำไมมันอร่อย เพราะเราพัฒนามาแต่หลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ มันก็ต้องอร่อยอย่างนี้ เราต้องรูพระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างมันไม่แน่ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ทุกคนต้องเอาศีลเอาธรรมชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต สละความเป็นนิติบุคคล มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ชีวิตของเราทุกคนก็จะได้สงบอบอุ่นเย็นเป็นพระนิพพาน ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้นะ พระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจอย่างนี้นะ
ขออนุโมทนากับทุกท่านทุกคนที่เป็นผู้ประเสริฐได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ที่ได้โอกาสพิเศษ ทุกท่านทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม เพราะการประพฤติการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง มันยกเลิกความทุกข์ให้พวกเราอย่างถาวร จะเข้าถึงพระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย เข้าถึงมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติตั้งแต่ยังไม่ตาย ให้เราเข้าใจอย่างนี้
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee