แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๔๖ การละกิเลสได้จนหมดสิ้นด้วยพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์สูงสุด
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันพุธที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗
วันนี้เป็นวันที่ 3 ของการปฏิบัติธรรม ของคณะ กกต. ทั่วประเทศ คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งประเทศไทย ทั้งส่วนกลางส่วนภูมิภาคที่ได้มา ร่วมรวมกันเพื่อความรู้ความเข้าใจ ทั้งภาคความรู้ภาคปฏิบัติ ประเทศไทยของเราต้องปกครองด้วยการเอาธรรมนำชีวิตเอาความถูกต้องนำชีวิต เพราะปัจจุบันนี้ประเทศไทยเรามีการโกงกินคอรัปชั่น ส่วนนักบวชก็ 60 - 70 % ส่วนของราชการก็ 60-70% ส่วนนักการเมืองก็ 80% พื้นฐานมันเป็นอย่างนี้ ดีมากถูกต้องมากที่ คณะ กกต. นี้ได้มาร่วมรวมกันประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อทุกๆ คนปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อเอาความถูกต้องนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เพื่อโฟกัสเข้าหาความถูกต้อง ความเป็นธรรมความยุติธรรม ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจ มันก็ไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติ ให้เข้าใจเหมือนเราไปเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียน เข้าใจความหมายอ่านออกเขียนได้ เราเข้าใจเราก็วางหนังสือไว้ที่ห้องเรียน แล้วเราก็ไปปฏิบัติได้ทุกหนทุกแห่ง นี้คือเรียนเพื่อเข้าใจ
เราทุกคนต้องมีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เพื่อการดำเนินชีวิตของเรา ทั้งกาย วาจา ใจ กริยามารยาท ทั้งอาชีพ มันต้องเป็นความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง พากันประพฤติปฏิบัติให้มีความสุข วันหนึ่งคืนหนึ่งการนอนของประชาชนก็ 6-8 ชั่วโมง สำหรับพวกเด็ก ที่เป็นเด็กน้อยเรียนหนังสือ ก็ 8-10 ชั่วโมง เราต้องเข้าใจอย่างนี้ว่ากายของเราต้องทานอาหารวันละ 3 ครั้ง สำหรับพวกนักบวชที่อยู่ในอาสนะสงฆ์ ให้ฉันอาหารวันละครั้ง อันนี้เป็นหลักการทั้งกายทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ทำไมเราฉันครั้งเดียวมันถึงไม่หิว เราก็ฉันมากหน่อยให้มันได้ปริมาณแคลรอลี่ เพราะเรามายกเลิกด้วยความเห็นว่า พระพุทธเจ้าให้พวกเราทำอย่างนี้ เรานั้นคือผู้เสียสละ อยู่ด้วยการเลี้ยงชีพด้วยผู้อื่น ให้ไปบิณฑบาตตอนเช้าแล้วฉันเพียงครั้งเดียว เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เราอยากจะฉันหลายเวลา มันก็ไม่ได้ฉัน เพราะนี้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เรายกเลิกตัวตน ความหิวทางจิตใจมันก็ไม่มี เพราะว่าคนเรานี้ยกเลิกทางจิตใจ แล้วมันก็จะยกเลิกทางกายไปในตัว มันก็จะไม่หิว คนเราต้องเข้าใจนะ การที่เราจะมีภรรยามีสามี ไม่ใช่เห็นเพียงครั้งเดียวแล้วจะมีเลย มันต้องคิดหลายครั้ง ต้องรู้จักว่ากฎหมายบ้านเมืองคือกายวิเวก วาจาวิเวก มันจะเข้าสู่ความดับทุกข์ คือจิตวิเวก มันจะส่งให้เราเข้าถึงอุปธิวิเวก คือไม่มีตัวไม่มีตน เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ประชาชนก็ต้องทานอาหารวันละ 3 ครั้ง นอนอย่างนี้ๆ พระก็ฉันวันละครั้ง
เราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง การพัฒนาประเทศเราหรือครอบครัวเรา ทุกคนก็โฟกัสเข้ามาหาที่ตัวเรา เพราะเราจะให้ของคนอื่น ตัวเราต้องมีของก่อนถึงจะให้เขาได้ เหมือนเราจะให้มรดก ให้ลูกให้หลาน เราก็ต้องมีมรดก เราก็มาเน้นที่ตัวเรานี้แหละ ให้รู้จักว่า เราทุกคนมาเป็นข้าราชการ มาเป็น กกต. หรือว่ามาเป็นนักบวช เราก็ทำหน้าที่ของเรา ข้าราชการคือใคร ข้าราชการคืออยู่ในส่วนหนึ่งของกระบวนการความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์น่ะ ข้าราชการต้องเอาธรรมนำชีวิต ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต ต้องมีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต พากันมีความสุขในการทำงาน อย่าคิดว่าการทำงานก็เพื่อจำเป็น เรียนหนังสือก็เพื่อจำเป็น เราคิดอย่างนั้นไม่ได้ เราคิดอย่างนั้นเราจะเป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้า เราก็จะมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป ข้าราชการเราต้องมีหลักการมีอุดมการณ์ ให้เรารู้คุณค่าของความถูกต้อง รู้คุณค่าของกฎหมายบ้านเมือง เรายกเลิกตัวตน เราพากันมีความสุขในการทำงาน กกต. ก็คือกรรมการผู้กลั่นกรอง เอาพวกโกงกินคอรัปชั่นออกไป เพราะในประเทศไทยเรามันโกงกินคอรัปชั่นมาก ตัวตนนี้มันก็คือโกงกินคอรัปชั่น ทุกคนต้องมีหลักการมีจุดยืน อย่าไปใจอ่อน ต้องมีสัมมาสมาธิ เพราะรูปมันก็อร่อยที่สุดในโลก เสียงมันก็อร่อยที่สุดในโลก ทุกอย่างมันก็อร่อย เราต้องใจเข้มแข็งเสียสละละตัวละตน ถ้างั้นเราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองไม่ได้ ก็เป็นได้แต่เพียงตัวตน เราเป็นพระไม่ได้ เพราะเราเป็นแต่ตัวเป็นแต่ตน ให้เราเข้าใจ เข้าใจเรื่องศีล ศีลคือมายกเลิกตัวตน มีสมาธิ สมาธิก็คือยกเลิกตัวตน ใจเข้มแข็งใจตั้งมั่น ใจตั้งอยู่ในความดีติดต่อต่อเนื่องกันอย่างสม่ำเสมออย่างนี้แหละ ใจที่มีปัญญา ปัญญาคือเอาปัญญานำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต ไม่เอาไสยศาสตร์นำชีวิต ไสยศาสตร์แปลว่าอวิชชา แปลว่าความหลง สายมูสายโมหะ พวกเอาตัวตนเป็นที่ตั้งอย่างนี้ไม่ได้ พวกเอาตัวตนมันสายมู สายโมหะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่จะไปสักลายเต็มตัวมันก็ไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์ เขาสรรเสริญก็ดีใจเขานินทาก็เสียใจ ไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอก ยังมีความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก เราต้องเข้าหาความถูกต้อง เข้าหาความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกอย่างถือว่าเป็นประสบการณ์ ที่ผ่านมามันทำให้ประเทศชาติของเรามันเสียหาย
ที่เรามาประชุมมาปฏิบัติธรรมเที่ยวนี้ก็อย่าให้มันเสียงบประมาณของหลวง ของส่วนรวม เพราะทุกอย่างนั้นเราต้องเข้าใจ เราจะทำเหมือนอย่างที่เราทำผ่านๆ มานี้ไม่ได้ นั่นมันตัวตน เราต้องพากันรู้ว่า ข้าราชการที่มีตัวตนคือผู้ที่กินอย่างถาวร กินตั้งแต่เข้ารับราชการจนเกษียณ เกษียณก็ยังได้รับบำเน็จบำนาญอีก เราเอาตัวตนก็เรียกว่าโกงกินถาวร โกงกินสัญจรก็คือพวกนักการเมือง โกงกินสัญจรแต่ว่าไม่กินก้อนใหญ่ กิน 70-80% ตัวตนมีมาก ส่งลูกส่งหลานไปเรียนเมืองนอก เพื่อจะเอามาโกงกินต่อ มันทำความเสียหาย มันทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เราต้องให้เข้าใจเรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา ให้เข้าใจว่าเราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อจะมาหลงโง่ๆ หลงงมงาย จะมาเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตอย่างนี้เหรอ ไม่ใช่ เราต้องเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองที่ถูกต้อง เราต้องยกเลิกตัวตน ต้องเป็นพระที่ถูกต้อง อย่างเขาแต่งตั้งให้เราเป็นนักบวช ข้าราชการนักการเมือง ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของนักบวช หรือว่าข้าราชการนักการเมือง เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราเป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นนักบวชไม่ได้ เพราะมันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
ให้เราพากันเข้าใจว่าศีลคือการยกเลิกตัวตน สมาธิคือการยกเลิกตัวตน ปัญญาก็คือยกเลิกตัวตน รู้จักพระไตรลักษณ์ ว่าทุกอย่างมันไม่แน่นะ ชีวิตของเราไม่เกิน 120 ปีก็ต้องจากโลกนี้ไปนะ จะส่งมรดกหรือว่า DNA ให้ลูกให้หลาน หรือว่าให้ประชากรของโลกนี้ไป DNA ที่มันไม่ดี ที่มันมีความคิดผิด เข้าใจผิด เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ลูกหลานของเราก็รับ DNA ของเราไป เพราะมนุษย์เกิดมารับ DNA จากพ่อจากแม่ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ เราต้องพากันรู้จัก เราต้องพากันเข้าใจ เห็นคุณค่าเห็นความถูกต้อง เราทุกคนก็จะได้เป็นข้าราชการนักการเมือง เราต้องดูตัวอย่างแบบอย่างที่ในประเทศไทย ที่มีบิ๊กทั้งหลาย บิ้กนู้นบิ๊กนี่สารพัดบิ๊กน่ะ รู้หรือเปล่า มันเป็นตำแหน่งของคนที่ทำอะไรไปเพื่ออยากใหญ่อยากดัง เป็นไปเพื่อตัวเพื่อตน มันไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มันเป็นบิ๊ก เป็นอวิชชาเป็นความหลง ตำแหน่งบิ๊กมันคือตำแหน่งหลงนะ เราอย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันหลงนะ พวกที่ไม่เข้าใจไปใส่เน็คไทแล้วเขาเรียกบิ๊กๆ แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มันไม่ใช่นะ
พระพุทธเจ้าไม่เอาอะไรเลย พระพุทธเจ้าคือผู้รับใช้หมู่มวลมนุษย์ทวยเทพเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าคือผู้รับใช้ พระพุทธเจ้าทรงบรรทมพักผ่อนวันนึงเพียง 4 ชั่วโมง รับใช้หมู่มวลมนุษย์ทวยเทพเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เราเป็นข้าราชการนักการเมืองหรือเป็นนักบวชเราก็ต้องมารับใช้ เพราะเงินทุกบาท ทุกสตางค์นั้นมันคือภาษีอากรของประชาชน ประชาชนอยู่ในประเทศหรือคนต่างประเทศมา มันก็ต้องเสียภาษีอากร อย่างนี้ก็ให้เข้าใจ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าทุจริต เรารับเงินเดือนทุกๆ เดือน แต่ยังมาทุจริตโกงกินคอรัปชั่น มันเป็นสิ่งที่น่าเกลียด เขาเรียกว่าเงินทอนวัด เงินทอนในส่วนราชการ เงินทอนนักการเมือง มันเสียหาย มันทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ เราต้องเข้าใจ เราทุกคนต้องตั้งมั่นในความดี ความดีนี้เรียกว่าพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยคือกฎหมายบ้านเมืองที่ยกเลิกตัวตน เป็นธรรมะที่ยกเลิกตัวตน เขาเรียกว่าพระรัตนตรัย ศาสนาทุกศาสนาคือยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราต้องรู้จัก ศาสนามันคือความดับทุกข์ เรายกเลิกตัวตนมันดับทุกข์ได้แก้ปัญหาได้ มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบันเป็นความดับทุกข์ที่สุด
การทำงานมันต้องมีความสุขที่สุดในโลก การรักษาศีลมันต้องมีความสุขที่สุดในโลก การที่ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตั้งมั่นในความถูกต้อง มันถึงเป็นความสุขที่สุด การที่เราหยุดก่อนวัฏฏะสงสาร ลาก่อนวัฏฏะสงสารที่เรารู้อริยสัจ 4 ยกเลิกตัวตนน่ะ เราถึงมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เราถึงอบรมบ่มอินทรีย์ พวกพระทั้งหลายถึงต้องมายกเลิกตัวตนแล้วมาอบรมบ่มอินทรีย์นี้ จะเป็นนักบวชถาวรหรือจะเป็นนักบวชชั่วคราว หรือจะเป็นนักบวชสัญจร ประเทศไทยเรามีโครงการเอาธรรมนำชีวิต ถึงให้กุลบุตรลูกหลานพากันมาบวช พากันลาบวช เพื่อจะได้สิกขาลาเพศกันไป จะได้พากันไปเสียสละ เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิต มันมีแต่ความทุกข์ มีแต่ทะเลาะวิวาทกัน เป็นก๊กเป็นเหล่า ดูตัวอย่างที่ประเทศจีน ประเทศจีนเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลก เอาธรรมนำชีวิต มีความเผลอมีความประมาทเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกอ๋องพวกฮ่องเต้ทั้งหลาย เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเลยแบ่งเป็น 3 ก๊ก น่ะ ประวัติศาสตร์ 3 ก๊ก เราดูๆ แล้ว เอาตัวตนเป็นที่ตั้งประเทศไทยเราไม่น่าจะเป็น 3 ก๊ก มันน่าจะเป็นหลาย 100 ก๊กละนะ ให้เราเข้าใจคำว่า ชาติศาสน์กษัตริย์ เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่มันแล้วก็แล้วไป
พระพุทธศาสนาหรือความดับทุกข์มันเป็นของสดของใหม่ มันเป็นของทันสมัยเขา เรียกว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ได้แต่ความสงบ ได้แต่ความนิ่ง ออกจากสมาธิเมื่อไหร่มันก็มีทุกข์ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าถึงสอนไว้ การที่ยกเลิกตัวตนทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ การงานทุกอย่าง เราโฟกัสเข้าหาความถูกต้อง ยกเลิกตัวตนมีความสุขอย่างนี้ ความสงบอบอุ่นเย็นเป็นพระนิพพาน มันก็จะอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะมีตึกรามบ้านช่อง มีผู้คนมากมาย ทุกอย่างมันก็จะมีแต่ความสงบความวิเวก เราต้องเข้าใจธรรมะ ธรรมะเป็นสิ่งที่ทันโลกทันสมัย มันเป็นธรรมเป็นปัจจุบัน มันเป็นความดับทุกข์คู่หมู่มวลมนุษย์ที่ประเสริฐ ให้เข้าใจอย่างนี้ เราไม่เข้าใจ เราก็จะเอาแต่ความวิเวกทางตาหูจมูก อะไรต่างๆอย่างนี้ เราต้องเข้าใจ เพราะเราต้องปฏิบัติให้ทันสมัย พระพุทธเจ้าก็ให้เราเข้าใจในการประพฤติปฏิบัติ ตาหูจมูกลิ้นกายใจเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน มันเป็นกรรมเก่ากรรมใหม่มากระทบกัน รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ มันมาภายนอกเรียกว่ากรรมใหม่ มันมากระทบกันอย่างนี้ เราต้องเอาสิ่งเหล่านี้พิจารณาเข้าสู่พระไตรลักษณ์ว่า มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนเลย มันเป็นกรรมเก่ากรรมใหม่ พระพุทธเจ้าถึงให้เราต้องพิจารณาพระไตรลักษณ์ ผู้ที่มาบวชทั้งหลายนี้ให้พิจารณาร่างกาย 32 แยกเป็นชิ้นเป็นส่วนเลย ยกสู่พระไตรลักษณ์ เราจะได้ยกเลิกตัวตน เหมือนรถยนต์นี้แหละ เอาอะไหล่ออกหมดมันก็ไม่มีรถยนต์ เมื่อมาประกอบมันถึงเป็นรถยนต์ เราต้องทำอย่างนี้ เราเอาแต่ความสงบ เราถึงไม่รู้พระไตรลักษณ์ ความสงบกับปัญญามันต้องไปพร้อม ๆ กัน ศีลสมาธิปัญญามันต้องไปพร้อม ๆ กัน เอาแต่ตัวเอาแต่ตนมันไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง ศาสนาเป็นของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ของคนรุ่นเก่านะ
คนรุ่นเก่าก็หมายถึงอาหารเก่า อาหารเก่าที่เราทานไปเราก็ต้องระบายออก ไม่ให้เหลือเป็นท้องผูกอย่างนี้นะ สมัยใหม่เขารู้จักวิธีดีท็อกซ์ สวนทวารด้วยน้ำตามตำรับหมอ สวนทวารเพื่อเอาอาหารเก่าออก เพราะว่าอาหารเก่าจะย้อนมา มันจะทำให้มีโรคภัยต่างๆ เช่นโรคมะเร็งเป็นต้น หรือทำให้ไตเสียตับเสียอย่างนี้แหละ อาหารทางจิตใจมันก็เหมือนกัน เราก็ต้องให้อาหารใจของเรา ก็คือยกเลิกตัวตน เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติเข้าสู่ภาคปฏิบัติอย่างนี้นะ ทุกคนก็ต้องพากันนั่งสมาธิ หมายถึงยกเลิกเรื่องอดีตทั้งหมด อนาคตเราก็ไม่ต้องกังวล ปัจจุบันเราก็เข้าถึงความว่างจากตัวตน หายใจเข้าก็ให้มันมีความสุขเสียบ้าง หายใจออกก็ให้มันมีความสุขเสียบ้าง หายใจเข้าออกให้มันสบาย หายใจเข้าก็รู้ว่าแน่ไม่เที่ยง หายใจออกก็รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ให้มีความสุข ยกทุกอย่างเข้าสู่ความว่างอย่างนี้แหละ มันคือการยกเลิกตัวตนระดับชั่วคราว เขาเรียกว่าว่างชั่วคราว สมาธิมันคือความว่างจากตัวตนชั่วคราว ถึงจะชั่วคราวมันก็ยังดี เราเดินทางเราเหนื่อยเราก็ต้องพักร่ม ความสงบกับปัญญาก็ต้องไปพร้อมกันอย่างนี้ เอาแต่ความสงบมันก็ไม่มีปัญญา เอาแต่ปัญญามันก็ฟุ้งซ่านอย่างนี้แหละ มันต้องไปพร้อมกัน ทั้งกายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราต้องเข้าใจอย่างนี้
เรายกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างให้ใจของเราอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับการเจริญอานาปานสตินี่แหละ สิ่งที่เป็นอดีตแล้วก็ยกเลิกไป สิ่งที่เป็นอนาคตเราก็ยกเลิกไป สิ่งที่เป็นปัจจุบันที่เป็นของภายนอกแล้วก็ยกเลิกไป ยกเลิกหมด มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่กับลมหายใจเข้าลมหายใจออกนี่แหละ มีความตั้งมั่นอย่างนี้เรียกว่าสมาธิ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับสติสัมปชัญญะอยู่กับลมเข้าลมออก เราจะได้รู้หลักการประพฤติการปฏิบัติ เพราะสิ่งภายนอกมันมากมาย ถึงจะมากมายก็ไม่เป็นไร เราก็ยกเลิกสิ่งต่างๆ มามีสติอยู่กับเนื้ออยู่กับตัว มาอยู่กับลมหายใจเข้าลมหายใจออกให้มีความสุข เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราก็เครียด เป็นโรคจิตเป็นโรคประสาทเป็นโรคซึมเศร้า สิ่งที่จะหยุดความเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า พระพุทธเจ้าให้เราพากันฝึกอย่างนี้ มีความสุขในการทำงาน ในการเจริญอานาปานสติ ฝึกหายใจเข้าให้สบายหายใจออกให้สบาย มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม จะเป็นเครื่องอยู่ด้วยอานาปานสติ ได้ยกเลิกอดีตยกเลิกอนาคต ปัจจุบันก็ว่างจากตัวว่างจากตน
เวลานั่งสมาธิให้พวกเราเข้าใจ ให้พากันนั่งให้สบาย จะนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรือนั่งบนเก้าอี้ก็ได้ นั่งให้สบายตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น รู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าหายใจออกให้สบาย ยกเลิกเรื่องที่เป็นอดีตทั้งหมด สิ่งที่เป็นอนาคตเราก็ยกเลิก ปัจจุบันเราก็เข้าสู่ความว่างจากความเป็นนิติบุคคลตัวตน มีความสุขในการหายใจเข้าหายใจออก ใจของเราก็จะสงบใจเราก็จะไม่ฟุ้งซ่าน เพราะตัวตนมันคือความฟุ้งซ่าน ตัวตนมันมีความลังเลสงสัย ตัวตนมันทำให้ชอบมันไม่ชอบ เรามายกเลิกตัวตนมีความสุขในการหายใจเข้าหายใจออก รู้ลมหายใจเข้ารู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้ามันก็ไม่แน่ไม่เที่ยง เดี๋ยวมันก็เข้าเดี๋ยวมันก็ออก เพราะสิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันเป็นธรรมะเป็นธรรมชาติ
เราทำสมาธิเพื่ออะไร ทำสมาธิก็เพื่อใจจะได้สงบใจจะได้เย็น เหมือนกับเราเดินทางไกลเดินตลอดมันเหนื่อยเราก็ต้องพักใต้ร่มไม้ที่ร่มเย็น หรือพักผ่อนอยู่ในบ้านในอาคารที่มีแอร์คอนดิชั่น สมาธิคือการยกเลิกเรื่องอดีตเรื่องอนาคตปัจจุบันเราก็ว่างจากตัวตน ให้ทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้นะ เรายกเลิกตัวตนเราถึงจะไม่มีนิวรณ์ นิวรณ์นั้นคือตัวตน คือความวุ่นวายเราต้องยกเลิกตัวตนอย่างนี้ เราเอาอานาปานสติไว้เป็นหลัก ถ้ามันฟุ้งซ่าน ก็หายใจเข้าหายใจออกยาวๆลึกๆ ถ้ามันฟุ้งซ่านมากก็สต๊อบลมหายใจหรือว่าหยุดลมหายใจ ใจจะขาดเดี๋ยวสติสัมปชัญญะมันก็จะกลับมา เพราะเรามีตัวมีตนมีความฟุ้งซ่าน มันทำให้ออกซิเจนในสมองไม่เพียงพอ เราถึงใช้การ Stop ลมหายใจหรือหยุดลมหายใจไม่ถึงกับกลั้นใจหรอก เพียงแต่ Stop ไว้ ที่เราได้รับความรู้ความเข้าใจในการทำสมาธิว่าได้เห็นอย่างนั้นได้เห็นอย่างนี้เข้าฌานโน้นฌานนี้ เราก็ยกเลิกหมดไม่ต้องไปคิดอะไร เรามาทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ไม่ต้องไปวุ่นวาย มาประพฤติปฏิบัติให้ใจอยู่กับเนื้ออยู่กับตัว อยู่กับลมหายใจเข้าลมหายใจออก เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง ทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
การประพฤติการปฏิบัติถ้าเอาแต่ตัวเอาแต่ตน เราก็ไปแก้ไขแต่ภายนอก ดูสิมันแก้ไขได้ไหม พวกที่พัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาวิทยาศาสตร์ก้าวไปไกล ไม่ได้พัฒนาใจพร้อมกันมันก็เสียหาย พวกเรียนพวกศึกษาพัฒนาไปไกลก็ยิ่งเป็นโรคประสาท มากกว่าพวกที่ไม่เรียนไม่ศึกษา ไม่พัฒนาวิทยาศาสตร์ เพราะว่ามันไม่พัฒนาใจไปพร้อม ๆ กัน อย่างนี้นะ ทุก ๆ คนต้องพากันเข้าใจ จะได้รู้จักพระศาสนา พระศาสนานี้ไม่ใช่หลงงมงาย พระศาสนาไม่ใช่ไสยศาสตร์ ไม่ใช่สายมู แต่เป็นสายที่ยกเลิกความเห็นไม่ถูกต้อง ยกเลิกตัวตนอย่างนี้ เราเอาตัวตนเราถือศาสนาก็เอาแต่ขลังศักดิ์สิทธิ์ บรวงสรวงเซ่นไหว้อ้อนวอนอะไรต่างๆ อย่างนี้มันไม่ใช่ มันไปทางอิทธิปาฏิหาริย์
พระพุทธเจ้าได้ตรัสปาฏิหาริย์ไว้ ๓ ประเภท ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นปาฏิหาริย์ที่มีอยู่จริงอยู่แล้ว และสามารถทำให้เกิดมีได้จริงในโลก
อย่างแรก “อิทธิปาฏิหาริย์” การแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ อาทิ เหาะได้ หายตัวได้ อยู่ในที่หนึ่งแต่สามารถไปปรากฏตัวในอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลในพริบตา เดินทะลุกำแพง ย่นระยะทางได้ ฯลฯ
อย่างที่ ๒ “อาเทสนาปาฏิหาริย์” การทายใจหรือดักใจคนอื่นได้ แบบว่ารู้วาระจิตของคนอื่นได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะคิดอะไรก็สามารถดักใจทายใจได้แม่นยำเหมือนตาเห็น
อย่างที่ ๓ “อนุสาสนีปาฏิหาริย์” หมายถึง คำสอนในพระพุทธศาสนาที่เมื่อบุคคลรับนำไปปฏิบัติแล้วสามารถเห็นผล และบังเกิดผลได้จริง (คือสิ่งมหัศจรรย์แท้จริง)
ทั้งสามปาฏิหาริย์ทรงยกย่อง “อนุสาสนีปาฏิหาริย์” เท่านั้น ไม่ทรงยกย่อง อิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏิหาริย์ เพราะไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ทางที่จะให้บรรลุถึงความดับทุกข์แท้จริง
ดังนั้นถ้าจะกล่าวว่า สุดยอดปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าคืออะไร? ก็ต้องกล่าวว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ สุดยอดปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า เหตุผลเพราะว่า อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ไม่สามารถสละขัดเกลา และละกิเลสได้ จึงไม่ใช่ปาฏิหาริย์จริงๆ เช่นพระเทวทัต เหาะ เหิน เดินอากาศ แปรงร่างได้ แต่ก็ไม่หมดกิเลส
แต่อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนสาวกให้รู้ว่าสิ่งใดมีโทษ สิ่งใดไม่มีโทษ สิ่งใดควรเจริญ ไม่ควรเจริญ สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้เป็นอกุศล หนทางนี้คือทางดับกิเลส คือ อริยมรรค การสอนด้วยพระธรรมทีเป็นสัจจะนี้เองที่สามารถให้สาวก หรือ ผู้ที่ได้ฟัง ละ สละ ขัดเกลากิเลส และมีปัญญาถึงการดับกิเลสได้ นี่คือ ปาฏิหาริย์สูงสุด เพราะว่ากิเลสเป็นสิ่งที่ละยาก การละกิเลสได้จนหมดสิ้นด้วยพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์สูงสุด
ให้เอาอย่างพระสารีบุตร เอาอย่างพระโมคคัลลานะ จะหนีกรรม เพราะมีกรรมมีเวร จะหนีกรรม สุดท้ายนี้ก็รู้ตัวเองว่ามันหนีกรรมไม่ได้ เราต้องยอมรับว่าเรามีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็นธรรมดา มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา ทุกอย่างไม่ใช้ตัวไม่ใช่ตนเราจะไปหนีทำไม เราต้องมีความสุขในการแก่ ในการเจ็บในการตายในการพลัดพราก เราแก่มันก็เป็นอย่างนี้ เราเจ็บมันก็เป็นอย่างนี้ เราตายอย่างนี้ เราต้องยอมรับความจริง เราก็มีความสุขในการรู้อริยสัจ 4 รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราต้องเข้าใจพระศาสนาอย่างนี้ เราอย่าเข้าใจพระศาสนาที่งมงาย เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็ไม่รู้จักศาสนา เห็นโบสถ์ เห็นศาลา เห็นวิหาร เห็นเจดีย์ เห็นพระพุทธรูป เราก็คิดว่าศาสนา นั่นไม่ใช่ศาสนา นั่นเป็นศาสนวัตถุ ศาสนาก็คือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มาแก้ที่กายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้เรามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราก็จะเข้าถึงพระศาสนาทั้งกายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ทุกคนจะมีความสุขมีความดับทุกข์อย่างนี้
ให้เราเข้าใจศาสนาอย่างนี้ เพราะความเป็นพระมันมีกับเราทุกๆ คน เราจะเป็นประชาชนคนที่ไม่ได้บวชเราก็เป็นพระได้ เราเป็นนักบวชที่ได้รับการแต่งตั้งเราก็เป็นพระได้ เพราะความดับทุกข์มันเป็นสากล ไม่ใด้เฉพาะเจาะจงใคร ประชาชนคนที่ไม่ได้บวช ที่ยกเลิกตัวตนระดับศีล 5 ไม่ได้พัฒนาใจ ไม่ได้ถือศีลอดศีลอุโบสถอย่างนี้ ย่อมติดสุขติดสบาย พระพุทธเจ้าตรัสว่าวัน 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ เราต้องพากันมาถือศีลอดศีลอุโบสถ มายกเลิกเรื่องอาหารการกิน มายกเลิกพวกโทรศัพท์ มือถือ อินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ค ดูหนังดูละคร จะไปคอนเสิร์ต หรือว่าไปเที่ยวชายหาด เที่ยวต่างประเทศ ก็ยกเลิก เอาตัวตนมามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม ยกเลิกตัวตน มาพัฒนาใจ มาพิจารณาพระไตรลักษณ์ ว่าทุกอย่างไม่แน่ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน คือพัฒนาจิตใจ เพราะหมู่มวลมนุษย์เราพิจารณาวิทยาศาสตร์ออกมา การประพฤติการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มันรวยมันเฮง มันสะดวกสบาย เรามาพิจารณาว่าทุกอย่างนั้น เราจะมาหลงมาเพลิดเพลินไม่ได้นะ เพราะว่าหมู่มวลมนุษย์ ถ้าไม่พิจารณาพระไตรลักษณ์ เราย่อมไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกนะ พวกเทวดาที่ไม่ได้พิจารณาพระไตรลักษณ์ ไม่ได้เกิดมาเป็นเทวดาอีกนะ พวกพรหมที่ไม่ได้พิจารณาพระไตรลักษณ์ พรหมที่เป็นพระอนาคามี เป็นพรหมที่พิจารณาพระไตรลักษณ์ชัดเจนอยู่แล้ว เป็นผู้ที่ยกเลิกมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เอาสมาธิแล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์สู่พระนิพพานอย่างนี้
การประพฤติปฏิบัติ เราอย่ามาปฏิบัติเพื่อมาเอาอะไร เรามาปฏิบัติก็คือเพื่อเสียสละ ถ้าไปตามพระอรหันต์ว่าท่านมาบวชท่านได้อะไร ท่านก็จะบอกว่าท่านก็ไม่ได้อะไรเพราะท่านมายกเลิกสิ่งที่จะมาเอาจะมีจะเป็นที่ละเอียกอย่างนี้ เพราะทุกอย่างมันก็ผ่านมาผ่านไป เอาตัวเอาตนมันเศร้าหมองนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นทุกข์ เราต้องเข้าใจ เราไปเรียนหนังสือก็เพื่อจะเอา เราไปทำงานก็เพื่อจะเอา เรามาบวชก็เพื่อจะเอา ปกติเราก็เป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้าอยู่แล้ว เพราะตัวตนเป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้า แล้วจะไปเอาอะไรอีก เราต้องมีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนก็จะเป็นพระได้ปฏิบัติได้ เพราะความดับทุกข์มันเป็นสากล เป็นความสุขความดับทุกข์นี้ พวกเราเป็นข้าราชการเป็นนักการเมือง เป็น กกต. เราต้องพากันเข้าใจนะ พวกที่มาบวชพากันเข้าใจนะ พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ คนเรามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติเวลาก็ผ่านไปเร็ว เพราะความสุขมันผ่านไปเร็ว ยกเลิกตัวตนมันถึงจะมีความสุขได้ เรายกเลิกตัวตนแล้ว เวลาก็จะไม่กลืนกินเราไป เพราะเราได้หยุดเวลาแล้ว เราหยุดวิ่งแล้ว เหมือนองคุลีมาลวิ่งไล่พระพุทธเจ้า วิ่งอย่างไรก็ไม่ทัน เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่มีตัวไม่มีตนแล้ว ใครก็ตามท่านไม่ได้ คนมีตัวมีตนก็ตามท่านไม่ได้ องคุลีมาลถึงบอกพระพุทธเจ้าว่า เอ้ย สมณะหยุดก่อน พระพุทธเจ้าตรัสว่า โอ้...เราหยุดแล้ว แต่เธอสิยังไม่หยุด เราหยุดคิด หยุดพูดหยุดการกระทำบาปทั้งปวง เราหยุดทำร้ายเบียดเบียนสรรพสัตว์แล้ว จึงชื่อว่าหยุดแล้วในกาลทุกเมื่อ ส่วนท่านยังทำร้ายเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายอยู่ จึงชื่อว่ายังไม่หยุด... องคุลีมาลผู้บำเพ็ญบารมีมาเต็มก็เข้าใจ โอ๋...จริงน่ะ เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง เอาพระธรรมเอา พระอริยะสงฆ์ สมณะ ท่านมาถึงป่าใหญ่เพื่อจะสงเคราะห์ข้า ข้าจะละบาปและฟังธรรมจากท่าน [พอพูดจบ องคุลิมาลก็ทิ้งดาบและอาวุธลงในเหวลึก และก้มกราบพระพุทธเจ้าขอบวช ณ ที่นั้น]
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ยกเลิกความวิ่ง คือผู้ที่ไม่วิ่งตามอวิชชาความหลง ยกเลิกตัวตนด้วยการเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกอวิชชาความหลง เมื่อเราเอาความถูกต้องนำชีวิต เอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์นำชีวิต ถึงจะเป็นทั้งคนดี ทั้งคนตั้งมั่น เป็นทั้งคนฉลาดอยู่ในคนคนเดียวกันนี้แหละ เราให้เข้าใจเรื่องความมั่นคงของชาติ ของพระศาสนานะ เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งเราก็เห็นความหลงเป็นความถูกต้อง เห็นเงินเห็นบ้านเห็นรถหรูๆ เราหลงประเด็นนะ เราเสียความเป็นข้าราชการนักการเมือง เป็นนักบวชนะ ช่วงเข้าพรรษานี้นะ หลวงพ่อกัณหาให้พระผู้ใหญ่ พระระดับเจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ให้มาหา เพราะว่าประเทศไทยได้รับความเสียหายจากความเห็นไม่ถูกต้อง ความเข้าใจไม่ถูกต้อง เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันทำลายความมั่นคงของประเทศไทยเรา ต้องเอามาทำความเข้าใจใหม่ว่าผู้นำเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะรถไฟมันอยู่ที่หัวจักรที่มีกำลังแรงสูง มีความเร็วมาก ผู้นำเป็นหัวจักร ข้าราชการนักการเมือง รวมถึง กกต. นี้ ต้องอย่าให้เงินหรือสิ่งที่ไม่ถูกต้องมันอยู่เหนือความถูกต้อง เพราะเราทุกคนต้องพากันเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจมันไม่ได้ ทุกวันนี้มันเข้าใจง่ายอยู่หรอกเพราะโทรศัพท์มือถือ มันแชร์ความรู้ความเข้าใจกันได้ เราต้องเห็นความสำคัญในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้ไม่หลงงมงายในนิติบุคคลตัวตน ที่เป็นไสยศาสตร์เป็นอวิชชาเป็นความหลง ต้องยกเลิกตัวยกเลิกตนอย่างนี้ ชีวิตของเราก็สงบเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่น มีความสงบอบอุ่นมันก็ไม่ฟุ้งซ่าน ให้ทุกคนพากันเข้าใจแล้วปฏิบัติได้ทุกหนทุกแห่ง เพื่อมีชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee