แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๔๓ ใจที่เป็นพระ คือเห็นภัยในวัฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ให้พวกเราทุกคนพากันเข้าใจ พากันฉลาด พากันมีปัญญานะ ให้เรารู้ว่าการเป็นมนุษย์ของเราเป็นสิ่งสำคัญ อายุขัยของมนุษย์นี้จะอยู่ได้ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 100 กว่าปี ความเป็นมนุษย์นั้นสำคัญมาก เป็นโอกาสพิเศษ เพื่อที่จะได้สร้างบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ ความเป็นมนุษย์ของเรานี้เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เราเอาสรีระร่างกายจิตใจ มาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อสร้างความดี เพื่อสร้างบารมี เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาความรู้ความไม่เข้าใจเป็นที่ตั้ง พวกเราทั้งหลายก็จะพากันเป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนนี้คืออวิชชาคือความหลง มันเป็นนิติบุคคล เป็นตัวเป็นตน เป็นอวิชชาเป็นความหลง มันเป็นไสยศาสตร์เรียกว่าสามู สายโมหะนะ เราถึงพากันเรียกพวกเราทั้งหลายว่าพวกคน คนนี้คืออวิชชาคือความหลงนะ เพราะในร่างกายที่เป็นมนุษย์มันมีหลายภพภูมิ มันระคนกันอยู่ ภพภูมิที่เรียกว่าคนมันมีทั้งผี ทั้งเปรต ยักษ์ มาร อสูรกาย สัตว์นรกมันรวมอยู่ที่คน คือสายอวิชชา สายความหลง สายมู สายโมหะนี้นะ
ให้เราทุกคนเข้าใจอย่างนี้ พระพุทธเจ้าให้เห็นความสำคัญที่เราประเสริฐได้เกิดเป็นมนุษย์น่ะ พระพุทธเจ้าท่านเป็นห่วงพวกเรามาก ก่อนท่านเสด็จดับขันธปรินิพพาน ท่านทรงเตือนเราว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงมันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา สิ้นชีวิตอายุขัยส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 100 กว่าปี เราทั้งหลายต้องอย่าพากันเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความหลงตั้งอยู่ในความประมาท ต้องเห็นคุณค่าในกาลในเวลา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นในปัจจุบัน ในการประพฤติในการปฏิบัติของพวกเรานั้น เราอย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นได้แต่เพียงคน เป็นได้แต่เพียงอวิชชาความหลงไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน มันน่าหลงน่าเพลิดเพลิน มันจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ทุกคนตั้งอยู่ในความประมาท เราอย่าพลาดโอกาสเราอย่าเสียเวลา ต้องเห็นคุณค่าในการประพฤติในการปฏิบัติ อย่าประมาท เพราะปัจจุบันเป็นการประพฤติเป็นการปฏิบัติของเรา ท่านทั้งหลายจงยังความประมาทไม่ถึงพร้อมเถิด นี้เป็นพระวาจามีในครั้งสุดท้ายของพระตถาคตเจ้า
เราทุกคนอย่าหลงอย่าเพลิดเพลินอย่าตั้งอยู่ในความประมาท ทุกท่านทุกคนต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะคำว่าพระนี้คือผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พากันเห็นภัยในวัฏสงสาร มีความละอายต่อบาปมีความเกรงกลัวต่อบาป พวกที่จะเป็นพระทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ ต้องรู้อริยสัจ 4 ทำไมพระพุทธเจ้าถึงตรัสเรื่องทุกข์ก่อน ทำไมไม่ตรัสเรื่องมรรคเรื่องข้อวัตรข้อปฏิบัติก่อน เพราะพระพุทธเจ้ามีเจตนามีความตั้งใจว่า ความทุกข์นั้นมันมาจากไหน ความทุกข์นั้นอยู่ที่เราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เอาตัวเอาตนเอานิติบุคคลนำชีวิต เพราะความเป็นจริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน แต่เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันถึงจะมีได้ เป็นเหตุเป็นปัจจัยไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านถึงเทศน์ไว้ในมุตโตทัยว่าธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีเหตุมีปัจจัย เราต้องรู้กระบวนการกระแสของปฏิจจสมุปบาท ทั้งทางเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องทางวัตถุ กายวาจา กิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราจะได้รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ท่านพูดถึงทุกข์ก่อน เพราะทุกข์จะมีได้ เพราะเราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เราเอาตัวเอาตนนำชีวิตไม่ได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ได้นะ เอาตัวเอาตัวนำชีวิตมันถึงมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มี เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ ให้ทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้นะ เราจะได้พากันรู้พากันเข้าใจพากันฉลาด พากันเห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก ไม่ใช่สิ่งที่น่าเพลิดเพลินน่าหลงใหล ทุกคนต้องพากันเห็นภัยในวัฏสงสาร มีความละอายต่อบาปมีความเกรงกลัวต่อบาป รู้คุณค่าในความประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าอย่างนั้นไม่ได้นะ เราจะเป็นได้แต่เพียงคน คนเป็นเพียงแต่วัฏฏะเป็นวงกลม วนไปอยู่อย่างนั้น
พระพุทธเจ้าทรงบอกสอนเราอย่างนี้นะ เพราะพระพุทธเจ้าคือธรรมะ ธรรมะคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่บำเพ็ญพุทธบารมีหลายล้านชาติ หลายอสงไขย ถึงละกิเลสละตัวตนและวาสนา รู้อดีตรู้อนาคตรู้ปัจจุบัน รู้กระบวนการปฏิจจสมุปบาท เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไป มันถึงจะมีได้ ให้พวกเราเข้าใจ ความเป็นพระนั้นมันมีกับเราทุกๆ คน คำว่าพระได้แก่ยกเลิกตัวตน ประชาชนทุกคนทั้งที่เป็นนักบวชและก็ผู้ที่ไม่ได้บวช ก็เป็นพระได้ทุกๆ คน ให้พวกเราพากันเข้าใจความเป็นพระ ความเป็นพระนั้นพระพุทธเจ้านับแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ พระนี้คือผู้ที่ยกเลิกตัวตน ให้เราทุกคนพากันเข้าใจ เราจะได้พากันเข้าใจความเป็นพระ และพระไม่ได้อยู่ในภายนอกมันอยู่ที่เรานี่แหละ อยู่กับเราทุกคน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นพระได้พอๆ กัน ทั้งเด็กทั้งหนุ่มสาวทั้งกลางคนทั้งคนเฒ่าคนชรา ทั้งนักบวชก็เป็นพระได้พอๆ กันนั่นแหละ ความเป็นพระเปรียบเหมือนอาหารนี่แหละ อาหารก็คืออาหาร ใครทานใครฉันใครเสวย มันก็ดับทุกข์ได้ทุกๆคน ให้เราพากันเข้าอกเข้าใจ เพื่อเราจะได้เข้าใจว่าความเป็นพุทธะ คือความเอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต เอาเวลานำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต ทุกคนรู้ไหมกฎหมายบ้านเมืองที่มันเป็นสมมุติบัญญัติ ที่มันเป็นสมมติสัจจะเพื่อโฟกัสเข้าหาความถูกต้อง เข้าหาความเป็นธรรมความยุติธรรม กฎหมายบ้านเมืองมันยกเลิกตัวตนนะ เพื่อให้เราโฟกัสเข้าหาวิมุตติหลุดพ้น ให้เข้าใจอย่างนี้ เราทุกคนพากันเป็นพระได้ทุกคนน่ะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง แต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์นั้นไม่มี
การพัฒนามนุษย์เขาถึงพัฒนาให้เป็นสายกลาง ยกเลิกตัวตนเขาเรียกว่าสายกลาง ชอบเราก็ไม่เอา ไม่ชอบเราก็ไม่เอา ดีใจเราก็ไม่เอา เสียใจแล้วก็ไม่เอา เพราะอันนี้มันเป็นความปรุงแต่งอยู่ มันเป็นอารมณ์ เพราะตัวตนมันทำทุกอย่างมันยิ่งมีความปรุงแต่ง เป็นนิติบุคคลเป็นตัวตนเป็นทุกอย่างที่เราต้องรู้จัก พระพุทธเจ้าตรัสบอกเราถึงอริยสัจ 4 น่ะ รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ที่เป็นความสุขความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย ที่เกิดมาเป็นผู้ที่ประเสริฐเอาธรรมนำชีวิต เพื่อยกเลิกนิติบุคคลตัวตน โฟกัสเข้าหาความดับทุกข์ของเราเอง ให้เราเข้าใจอย่างนี้นะ เราจะได้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เราจะได้เห็นคุณค่าในกาลเวลา เพราะว่าสิ่งที่สำคัญคือความถูกต้อง เอาตัวเอาตนคือความไม่ถูกต้องนะ พระพุทธเจ้าถึงบอกเราให้รู้ถึงหลักการหลักวิชาการ รู้เรื่องกรรมเก่าและกรรมใหม่ พระพุทธเจ้าตรัสบอกเราให้เข้าใจนะ กรรมเก่าก็ได้แก่ตาหูจมูกลิ้นกายใจ กรรมเก่าที่เป็นพลังงานที่สรรพสัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิด มันออกทางนามธรรมรูปธรรม มาเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจ นี่คือกรรมเก่า ให้เราเข้าใจ แล้วกรรมใหม่ก็ได้แก่รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ที่มันมากระทบกันกับกรรมเก่า เรียกว่ากรรมเก่ากับกรรมใหม่มันมาชนกัน เรียกว่าอายตนะภายนอกและอายตนะภายใน นี้มันกรรม 2 อย่าง นี้มันเป็นขั้วบวกขั้วลบน่ะ กรรมเก่ากรรมใหม่ มันจะสนับสนุนกัน เราต้องรู้จัก ถ้าเราไม่รู้จัก มันจะติดต่อต่อเนื่องไม่รู้จบ เพราะรูปก็สวยที่สุดในโลก เสียงมันก็เพราะที่สุดในโลก อะไรมันก็อร่อยที่สุดในโลก หัวใจของเรามันก็เลยเวียนว่ายตายเกิด มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่และทุกข์ดับไป หัวใจของเรามันถึงมีผัวมีเมีย กายมันไม่มีผัวมีเมีย แต่หัวใจเรามีผัวมีเมียมันมีทุกข์ หัวใจมันเห็นรูปสวยๆ มันก็ร้องโอ๊ยๆ ไป ได้ยินเสียงเพราะๆ มันจะร้องโอ๊ยๆ ไป อาหารอร่อยมันก็ร้องโอ๊ยๆ มันคือความชอบความไม่ชอบ
เราทุกคนต้องรู้จัก เราจะได้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านถึงบอกว่า กรรมเก่าคือตาหูจมูกลิ้นกายใจ และกรรมใหม่คือรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ที่มากระทบสัมผัสกับเรา เปรียบเสมือนอาคันตุกะหรือแขกที่มาเยี่ยมเรามาเยี่ยมบ้านเรา มาเยี่ยมเรา ไม่นานเขาก็จากไป ไม่มีอะไรที่ไม่จากไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ในชีวิตประจำวันของเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละ ให้เราเข้าใจ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ว่า กรรมเก่ามันไม่ใช่เรา กรรมใหม่มันก็มาอีกแล้ว เราต้องยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ไม่ให้เราหลงไม่ให้เราเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท เราต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ต้องรู้จักภัย คือความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก ต้องเข้าใจ เมื่อสมัยโบราณยังไม่มีไฟฟ้ายังไม่มีน้ำประปา สมัยก่อนมันเป็นโบราณ การใช้ไฟในชีวิตประจำวันในครัวเรือน ก็ใช้ยางไม้ที่ไปทำเชื้อเพลิงผสมกับไม้ผุ เขาเรียกว่าขี้ไต้ ขี้ไต้มันเป็นเชื้อเพลิง เด็กน้อยมันไม่รู้จักไฟ ห้ามอย่างไรมันก็ไม่หยุด คนเฒ่าคนแก่ก็ให้ลองจับสักครั้ง ทีนี้แหละมันเห็นไฟมันร้องไห้เลย คนเราต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสารอย่างนี้ คนเราต้องรู้จักภัยในวัฏฏะสงสารนะ เราอย่าไปหลงอย่าไปเพลิดเพลินอย่าไปตั้งอยู่ในความประมาท จิตใจของมนุษย์มันคิดได้ทีละอย่าง เราต้องรู้จัก เราต้องเห็นภัยในวัฏสงสารในความคิด อันไหนไม่ดีเราก็ไม่คิด เช่นว่าคิดในกามในพยาบาท เราอย่าไปคิดอย่าไปนึกอย่าไปตรึก ต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร รถเขาก็มีเบรค มีเบรกยังไม่พอ ยังมีพวงมาลัยเพื่อขับไปตามถนน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ มีเบรกมีคอนโทรลเพื่อควบคุมให้เราเข้าสู่รันเวย์ ให้เราเข้าใจ ให้พวกเราพากันเห็นภัยในวัฏฏะสงสารนะ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว ผู้ที่นำเราเวียนว่ายตายเกิด คือเจ้าความคิดเจ้าอารมณ์ เราต้องรู้จักอย่างนี้ แล้วก็เข้าสู่ความประพฤติภาคปฏิบัติ แล้วก็ยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ ว่ามันไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มันเป็นเกมส์ เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติหรือเป็นข้อสอบข้อตอบให้เราปฏิบัติ มันถึงเป็นไฟต์ในการประพฤติปฏิบัติในปัจจุบันนะ ไม่ให้เราหลงไม่ให้เราตั้งอยู่ในความประมาท ถ้าเราประมาทมันคือสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในข้อวัตรในข้อปฏิบัติ มันผัดวันประกันพรุ่ง คิดว่าเรียนหนังสือจบก่อนแล้วค่อยเข้าสู่ภาคปฏิบัติ หรือคิดว่าพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยประพฤติปฏิบัติ ความคิดอย่างนี้มันจะไปของมันเรื่อยจนเขาเอาเราไปประชุมเพลิงน่ะ พวกที่มียศมีตำแหน่งเขาก็เอาเราไปพระราชทานเพลิง ความคิดอย่างนี้ ความคิดเหมือนกับนักเรียนนักศึกษา ที่ท่านพุทธทาสภิกขุท่านเห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านมาเรียนมาศึกษานักธรรมบาลีในกรุงเทพฯ แล้วท่านสอบเปรียญธรรมได้ 3 ประโยค ท่านมาเห็นนักเรียนนักศึกษานิสิตนักศึกษา เอาแต่เรียนเอาแต่ตัวตน ทิ้งการประพฤติการปฏิบัติ ท่านก็กลับไปบ้านเกิดของท่านที่สวนโมกขพลาราม ท่านไปตั้งอกตั้งใจค้นคว้าหนังสือตำรับตำราปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะการทำตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองคือผู้ไม่เห็นภัยในวัฏฏะสงสารนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือไม่รู้อริยะสัจ 4 นะ คือไม่รู้ทุกข์เหตุเกิดทุกข์ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์นะ คือเอาตนเองมาตั้งอยู่ในความหลงตั้งอยู่ในความประมาท ให้เราเข้าใจนะ การเรียนการศึกษามันเป็นความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ เห็นไหมมหาวิทยาลัยนาลันทามีพระภิกษุตั้งหลายพันหลายหมื่นรูป พากันเรียนพากันศึกษาพากันก่อกันสร้าง เอาแต่นิติบุคคลเอาแต่ตัวตน ทิ้งการประพฤติการปฏิบัติ คิดว่าเรียนศึกษาจบแล้วถึงจะเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันคิดไปอย่างนี้ เขาเรียกว่ามันไม่รู้อริยสัจ 4 สุดท้ายเห็นไหมเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ประจบแต่คฤหัสถ์ คนรวยเอาแต่ นะจ๊ะๆ คนจนไม่ปฏิสันถาร ให้พรไม่ดัง เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เขาเผามหาวิทยาลัยนาลันทา เขาใช้เวลาเผาตั้ง 3 เดือน ตัวตนมันไม่ใช่ขาขึ้น มันคือขาลง
การเรียนการศึกษาเราต้องเข้าใจ การเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก นักธรรมตรีจนถึง ป.ธ.9 เพื่อมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อทุกคนจะได้ยกเลิกตัวตน เพราะตัวตนไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ตัวตนมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์มันไม่มีนะ พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายอย่าไปตั้งอยู่ในความประมาทเพลิดเพลิน อย่าไปหลงอยู่ในความอร่อย ให้ทุกคนเข้าใจ ความสุขของมนุษย์มันอยู่ที่เรายกเลิกสิ่งที่ความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง เอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เห็นความสำคัญในการประพฤติในการปฏิบัติ ไปก่อนเวลา เราเป็นผู้ประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ให้พากันเข้าใจว่าเราเกิดมาทำไม เราเกิดมาเพื่อทำที่สุดแห่งการดับทุกข์นะ ไม่ใช่เราเกิดมามีทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป อย่าไปร้องโอดโอย ร้องครวญครางอย่างนี้ เราจะไปโทษใครหล่ะ เราต้องเน้นมาที่เราต้องโฟกัสมาที่เรา เพราะการเดินทางแห่งชีวิตที่ประเสริฐ มันคือเราคนเดียว เราเกิดมาเราก็เกิดมาคนเดียว ถึงจะมีฝาแฝดบ้าง เราก็ต้องเข้าใจเราต้องจัดการที่เรานี่แหละ เราอย่าไปโทษดินฟ้า โทษพ่อโทษแม่ โทษรัฐบาล มันโทษแต่คนอื่น เห็นโทษคนอื่นเข้าภูเขา เห็นโทษของเราไม่มีเลย มันถึงพากันเวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้นะ
เราทุกคนต้องรู้จักความจริงรู้อริยสัจ 4 ถึงมันจะอร่อยก็ต้องรู้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้เราทุกคนต้องมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าเรากำลังยืน นั่งก็รู้มีสติรู้ตัวทั่ว เดินก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ทำงานก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เราถึงเข้าสู่ภาคปฏิบัติ เห็นความสำคัญในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้ ทางวัตถุก็มีพออยู่พอกิน เหลือกินเหลือใช้ ได้บำรุงได้เสียภาษีอากร ได้บำรุงพระพุทธศาสนาอย่างนี้ ทุกๆ ศาสนาก็ไปทางเดียวกัน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ทะเลาะกัน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเหมือนพระธรรมกถึกกับพระวินัยธร มันไปทะเลาะกันเรื่องผิดเรื่องถูก ท่านบอกว่า การที่เราออกกฎหมายบ้านเมืองหรือพระวินัยต่างๆ ก็เพื่อที่จะโฟกัสยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยกเลิกตัวตน ไม่ให้เราทะเลาะกัน ตัวตนคือทะเลาะกันนะ ตัวตนคือสังฆเภท ตัวตนคือความเกิดแก่เจ็บตาย จะมีตัวตนไม่ได้ ให้เราเข้าใจ ตัวตนคือยินดีในลาภสักการะเสียงเยินยอ ตัวตนน่ะมันคือพระเทวทัต ตัวตนคือลูกศิษย์พระเทวทัต เราเห็นไหมตัวตนคือเหมือนฮิตเลอร์ที่เยอรมันเมื่อ100 ปีก่อน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเลยฆ่าล้างหมู่มวลมนุษย์ไปตั้งหลายล้านคน ตัวตนมันทำให้มีสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 มันจะมีไปเรื่อยๆเพราะตัวตน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงจะมี
ท่านบอกว่าหมู่มวลมนุษย์พัฒนาแต่เรื่องเทคโนโลยีไม่ได้นะ ต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน มีความสุขในการเรียนในการศึกษา เพราะการเรียนการศึกษามันดีมาก มันเป็นแสงสว่างนำทางแห่งชีวิต เด็กที่เกิดมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงผู้ใหญ่ถึงปริญญาเอก มันต้องเรียนต้องศึกษา เพราะตานี้มีอยู่ 2 ตานะ ตาหนึ่งคือตาเนื้อของร่างกาย อีกตาหนึ่งคือตาปัญญานะ ตาปัญญามันต้องเรียนต้องศึกษาต้องเข้าใจ หนังสือเล่มใหญ่ๆ หลายเล่ม เราต้องเข้าใจ เมื่อเราเข้าใจแล้วเราไม่ต้องแบกหนังสือเล่มใหญ่ๆ หลายๆ เล่ม ให้มันอยู่ในใจของเรานี้ การเรียนการศึกษาที่บ้านก็ดีที่โรงเรียนก็ดีที่ทุกแห่งก็ดี ให้เราเข้าใจ เข้าใจแล้วเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ถ้ามันเป็นความจำ มันจำไม่ได้หรอก ความเข้าใจถึงเป็นสิ่งที่สำคัญให้เข้าใจนะ ตั้งแต่สมัยโบราณกาล การเรียนการศึกษาของหมู่มวลมนุษย์มี 18 ศาสตร์นะ 18 ศาสตร์มีอะไรบ้าง คือ 1. ยุทธศาสตร์ วิชาการรบ 2. รัฐศาสตร์ การปกครอง 3. นิติศาสตร์ กฎหมาย จารีตประเพณี 4. พาณิชยศาสตร์ การค้าขาย 5. อักษรศาสตร์ วรรณคดี 6. นิรุกติศาสตร์ ภาษาของตนเองและภาษาต่างประเทศ 7. คณิตศาสตร์ การคำนวณ 8. ดาราศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ดวงดาวในจักรวาล 9. โหราศาสตร์ พยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ 10. ภูมิศาสตร์ ดูพื้นที่ แผนที่ของสถานที่ต่างๆ 11. เวชศาสตร์ การพยาบาลรักษาคนป่วย 12. ตรรกศาสตร์ ว่าด้วยเหตุผล 13. สัตวศาสตร์ ดูลักษณะสัตว์ รู้จักเสียงและอาการของสัตว์ 14. วิศวกรรมศาสตร์ ช่างกล 15. ปรัชญา-ศาสนศาสตร์ วิชาการด้านแนวความคิดและศาสนาต่างๆ 16. นโยบายศาสตร์ ชั้นเชิงในการเจรจา วางแผน หรือตำรับพิชัยสงคราม 17. นาฏศาสตร์ ดนตรี นาฎศิลป์ 18. ฉันทศาสตร์ การแต่งกาพย์ กลอน โคลง
แต่ทุกอย่างมันก็รวมอยู่ที่พุทธศาสตร์ คือความรู้ความเข้าใจ พุทธศาสตร์นั้นคือเราเอาธรรมนำชีวิตเราเอาความถูกต้องนำชีวิต ศาสนาทุกศาสนาก็คือพุทธศาสตร์ ยกเลิกตัวยกเลิกตนก็คือศาสนานะ ในปัจจุบันโลกนี้มีประชากรอยู่ 8 พันกว่าล้าน มีอยู่ 200 กว่าประเทศ ทุกประเทศต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต ต้องยกเลิกตัวตน พระมหากษัตริย์ของทุกๆ ประเทศถึงทรงทศพิธราชธรรม ประธานาธิบดีที่เลือกตั้งมาก็เอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต รวมทั้งข้ารวมทั้งข้าราชการนักการเมือง ต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตน ถึงจะเป็นข้าราชการนักการเมืองได้ ถ้าเอาตัวตนนำชีวิต ก็เป็นข้าราชการไม่ได้ ถ้านักการเมืองเอาตัวตนนำชีวิต มันก็เป็นนักการเมืองไม่ได้ เพราะตัวตนมันคือทุจริต เราทุกคนเอาตัวตนเป็นที่ตั้งให้เข้าใจไว้เลยว่า ตัวเองกำลังทุจริต ทุจริตคือความทุกข์นะ ทุจริตมีแต่ความทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป เพราะว่าคือการเดินทางผิดของชีวิต มันหันหลังให้ความถูกต้อง เขาเรียกว่ามันมีความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เรียกว่าทุจริต ในประเทศไทยของเรามีการทุจริตมากมายก่ายกอง พวกนักบวชพากันทุจริตไป 60-70% ข้าราชการก็พากันทุจริต 60-70% นักการเมืองก็ทุจริตโกงกินคอรัปชั่นไป 80% พูดตรงไปตรงมาพูดพอดีอย่างนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งทุกคนถึงไม่มีความสุขในการทำงาน ตัวตนมันคือไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ตัวตนมันคือความขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวตนนี่แหละมันคืออบายมุขอบายภูมิ ตัวตนมันเป็นได้แต่เพียงคน ตัวตนมันไม่มีศีล 5 ไม่มีศีล8 ไม่มีศีล 227 ไม่มีพระวินัย 21000 พระธรรมขันธ์ ตัวตนมันไม่มีพระสูตร 21000 พระธรรมขันธ์ ตัวตนมันไม่มีพระอภิธรรม 42000 พระธรรมขันธ์เป็นต้น ให้รู้จักว่าตัวตนมันไม่รู้อริยสัจ 4 นะ
ให้พวกเราพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง แล้วเราจะได้พัฒนาตัวเองปฏิบัติตนเอง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้เอาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่เป็นพุทธะมาประพฤติมาปฏิบัติ ท่านถึงบอกเราว่า ทุกคนเป็นพระได้ ถ้ายกเลิกตัวตน ต้องมีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต มีความสุขในการเอากฎหมายนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต อย่าเอานิติบุคคลตัวตนเลย มันจะตั้งอยู่ในความหลงความเพลิดเพลินความประมาท ให้พวกเราเข้าใจ นี้แหละคือความจริง นี้แหละคือความถูกต้อง นี้แหละคืออริยะสัจ 4 คือทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงการดับทุกข์ นิโรธคือผลของกรรม จากที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องมันถึงจะดับทุกข์ แก้ปัญหาได้ ชีวิตของเราจะมีความสุขความสงบอบอุ่น มีซุปเปอร์พาวเวอร์ในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันคิดว่าเรียนหนังสือก็เพราะจำเป็น ทำงานก็เพราะจำเป็น เพราะจำเป็นๆ ความจำเป็นอย่างนี้แหละมันคือทำให้เรามีโรคประสาทโรคจิตโรคซึมเศร้า มีทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป ประชากรในปัจจุบันพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาวิทยาศาาสตร์เพื่อตัวเพื่อตน พากันเป็นโรคจิตโรคประสาทเยอะ พวกเราต้องพากันรู้นะ รู้คุณค่ารู้เวลา ต้องเข้าใจ เพราะเราไม่เข้าใจ ฐานของเราจะไม่แน่นไม่ตั้งมั่นนะ เขาจะก่อสร้างอะไร ทำงานใหญ่ มันก็ต้องฐานใหญ่ฐานลึก มันต้องมีฐาน เราต้องเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท ความเพลิดเพลินประมาทเรียกว่าไม่รู้จักอริยสัจ 4 นะ เขาเรียกว่าไม่รู้จักบ้านที่แท้จริง บ้านที่แท้จริงคือธรรมะ คือความดับทุกข์ทั้งทางกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงจะอาชีพ คือบ้านที่แท้จริง คนเราเอาตัวตนมันเรียกว่าเป็นคนไม่มีบ้าน คนโฮมเลส ตัวตนมันคือคนคนไม่มีบ้าน คนฟุ้งซ่านคนไม่สงบ ท่านถึงบอกว่าว่าต้องมีความสงบและมีปัญญาไปพร้อมๆ กัน ถ้าติดในความสงบมันก็จะไม่มีปัญญา ถ้าติดปัญญามันก็จะไม่มีความสงบ มันก็จะฟุ้งซ่าน ตัวตนมันทำลายสมองสติปัญญา มันต้องเป็นคนที่มีบ้าน คนไม่มีบ้านมันทุกข์ไหม คนไม่มีที่ดินทำมาหากินมันทุกข์ไหม มันทุกข์ เพราะไม่มีบ้านไม่มีที่ดิน คนเรามันต้องมีบ้านทางร่างกาย มีบ้านทางจิตใจคือธรรมะ พระนิพพานคือบ้านของเรานะ คือความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทั้งทางความคิด กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ นั่นคือบ้านที่แท้จริง มันคือความสงบอบอุ่น เย็นเหมือนติดแอร์คอนดิชั่น บ้านภายนอกมันร้อนก็ติดแอร์คอนดิชั่นให้มันเย็น ถ้าประเทศไหนหนาวก็ต้องติดฮีตเตอร์ให้มันอุ่น
ให้ทุกคนพากันเข้าอกเข้าใจ เราจะพากันคิดว่าถ้าเรารวยเราเก่งเราฉลาดเราจะครองโลกนี้ได้ เราจะเป็นคนได้รับความสำเร็จในชีวิตมันไม่ใช่ ความสำเร็จในชีวิตมันต้องพัฒนาทั้งเรื่องจิตเรื่องใจพัฒนาทั้งวัตถุไปพร้อมๆ กัน เราจะได้เข้าถึงพระนิพพานบ้านที่แท้จริง เราจะได้รู้คุณค่า เราอย่าพากันไปก๋าไปกร่าง เรารวยมันก็ยังถูกครอบงำด้วยความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก แล้วเขาจะเอาเราไปประชุมเพลิงพระราชทานเพลิงนะ เราอย่าไปก๋าไปกร่างว่าเรามีอำนาจวาสนามียศใหญ่ ใส่สูทผูกเน็คไทเก้อ เวลาละสังขารวายชนม์ ความถูกต้องมันก็คือความถูกต้อง ถ้าจะพูดเป็นภาษาคนภาษาธรรม ยมบาลเขาถามว่าเกิดเป็นมนุษย์มีความดีอะไรบ้าง เราจะไปบอกยมบาลว่าได้เป็นเศรษฐี หรือว่าเป็นพลเอกอย่างนี้ เราจะถูกไม้เรียวนะ ว่าทำไมมันเซ่อเบลอ พระพุทธเจ้าไปตรัสรู้ในภัทรกัปในโลกไม่ใช่หรอ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาตำแหน่งเศรษฐีตำแหน่งในข้าราชการนักการเมือง มาโอ้มาอวดอย่างนี้มันไม่ได้ ให้เราเข้าใจ หมู่มวลมนุษย์ต้องพากันรวยอย่างฉลาด ต้องมีปัญญา รู้จักเรื่องพระไตรลักษณ์ รู้จักว่าทุกอย่างมันไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พากันเข้าอกเข้าใจ แล้วพากันประพฤติพากันปฏิบัติ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ คนเราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ มีความสุขในการเรียนหนังสือมีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างนี้ มันถึงจะไม่เป็นโรคจิตโรคประสาท ชีวิตของเราจะได้เป็นซุปเปอร์พาวเวอร์แห่งความดับทุกข์ มีพลังเป็น Super Power เน้นที่ปัจจุบัน เพราะว่าปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เราจะได้โฟกัสมาหาตัวเรา เอาตัวตนมันฟุ้งซ่าน มันไม่ดีนะ มันนอนไม่หลับ เราต้องเข้าใจนะ ว่ากายกับใจมันต้องไปด้วยกัน ความสงบกับปัญญามันต้องไปด้วยกัน ไปห้องน้ำก็มันต้องใจกับกายไปด้วยกัน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตน กายกับใจมันก็จะไม่ไปพร้อมกัน เพราะเราไม่รู้จักภาษากายภาษาธรรม ทุกคนนี้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าไม่รู้เรื่องอริยสัจ 4 ไม่รู้เรื่องภาษาธรรมนะ เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ให้เราพากันเข้าอกเข้าใจนะ เราไม่เข้าอกเข้าใจนี้ไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่จะประพฤติที่จะปฏิบัติ ยกเลิกตัวตน จะได้เข้าสู่ความเป็นพุทธะทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ที่ยกเลิกตัวตน การปฏิบัติกับการทำงานก็คือสิ่งเดียวกัน ความเป็นพระมันต้องเป็นอยู่กับเราทุกคนอย่างนี้ เราอย่าพากันโง่ไปหาพระภายนอก เราเข้าใจไหมว่า พระพุทธศาสนาล่วงมา 500 ปีถึงได้มีการปั้นพระพุทธปฏิมากร เพราะคนเมื่อก่อนนั้นเอาพระธรรมเอาพระวินัย เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวยกเลิกตน มีพุทธะ มีหลักวิชาการ 18 ศาสตร์ นั่นคือการปฏิบัติธรรม พุทธทางจิตใจคือการปฏิบัติ แล้วรู้ว่าพระพุทธศาสนาที่แท้จริง คือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ พระพุทธศาสนาได้เสื่อมได้เจริญ ได้ทำสังคายนา เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เพราะเอานิติบุคคลตัวตนมาครอบครอง ถึงได้ทำสังคายนากัน ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชได้อาราธนาผู้ที่ไม่เอาธรรมนำชีวิต ให้พากันลาสิกขาไปใส่กางเกงเสีย ไม่ต้องมาโกนผมนุ่งห่มจีวร อย่าเอาพระศาสนามาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เพราะตัวตนมันทำให้ศาสนาเสื่อม จึงทำให้ได้เกิดมีพระอรหันต์หลายพันหลายร้อยหลายหมื่นรูป เพราะตัวตนมันคือปุถุชน ให้ทุกคนพากันเข้าอกเข้าใจนะ เราจะได้รู้คุณค่าความเป็นพระศาสนา
ในปัจจุบัน ในประเทศไทย ในหลายประเทศ รู้ว่าพระพุทธศาสนาดีจึงมาบวชเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ได้มาบวชมาบรรพชา เอาพระพุทธศาสนาหาอยู่หาฉันหากิน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 99.9% คือพวกที่เอาศาสนาหาอยู่หากินหาฉัน จะว่าถึง 100% ก็ไม่ได้ เพราะยังมีผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่นิดหน่อย ให้ทุกคนพากันเข้าอกเข้าใจนะ หมู่มวลมนุษย์จะได้กระตือรือร้น เห็นภัยในวัฏสงสาร ปฏิบัติในตนเอง เราจะได้เป็นผู้งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันไม่งามหรอก แม้จะไปทำศัลยกรรมในประเทศไทยหรือนอกประเทศที่ประเทศเกาหลี อันนั้นมันงามภายนอก งามภายนอกนั้นมันดี แต่มันต้องงามภายใน งามทั้งกายวาจาใจ กิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราต้องยกเลิกตัวตน มันถึงงามภายนอกงามภายใน งามเอาแต่ภายนอกนี้มันไม่ได้ เรียกว่ามันรู้แต่เรื่องกาย ไม่รู้เรื่องจิตเรื่องใจ ไม่ใช่ทางสายกลาง เอาตัวตนไปที่ตั้งมันไม่ใช่ทางสายกลางนะ ให้เข้าใจอย่างนี้
เราจะได้พากันเข้าใจ เราทุกคนจะได้พากันเป็นพระ จะได้ยกเลิกความเป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารอสูรกาย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็อยู่ในภพภูมินี้แหละ เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องและเข้าสู่ภาคปฏิบัติ สู่กายวิเวก วาจาวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก เพื่อให้มันติดต่อต่อเนื่องเป็นน้ำ เป็นสายน้ำ ไหลสู่ทะเลมหาสมุทร ให้ทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้นะ ต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ตามพระโอวาทที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสในครั้งสุดท้ายว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงมีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
ขออนุโมทนากับทุกท่านทุกคนที่เป็นผู้ประเสริฐได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสพิเศษที่ได้พากันประพฤติได้พากันปฏิบัติ ให้พากันเข้าใจ ทุกคนก็เดินไปทางนี้แหละ ดูแลกันเทคแคร์กัน ให้ความอบอุ่นกันอย่างนี้ ถ้าเราเอาแต่นิติบุคคลตัวตนมันก็เป็นโรคส่วนตัว มันจะเทคแคร์ใคร เพราะโรคแห่งทุจริต ให้เข้าใจอย่างนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันหลงขยะ มันแย่งขยะกัน เขาเรียกว่าตัวตนมันคือขยะมาหลงขยะ ตัวตนนี้นะ ให้เข้าใจ จะได้ยกเลิกระบบเงินทอนวัด เงินทอนส่วนราชการ เงินทอนนักการเมือง
ธมฺมํ จเร สุจริตํ น นํ ทุจฺจริตํ จเร ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต, ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้ทุจริต, ผู้มีปกติประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และโลกหน้า.
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee