แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๔๒ เข้าใจวัด เข้าใจความเป็นพระ เข้าใจพระศาสนา เพื่อมายกเลิกสายมูสายโมหะ ออกไปจากชีวิตจิตใจ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันพุธที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
การประพฤติการปฏิบัติให้พวกเราพากันเข้าใจต้องเอาธรรมนำชีวิต อย่าไปเอาตัวตนนำชีวิต ให้พวกเรามีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ให้จับหลักจับประเด็นให้ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไปตามเหตุตามปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือเหตุคือปัจจัย ให้พวกเราพากันเข้าใจในการดำเนินชีวิต มันเป็นเหตุเป็นผล มันไม่เป็นอย่างอื่น เป็นกรรมเป็นการกระทำ ทั้งกายทั้งวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้พวกเราพากันเข้าอกเข้าใจนะ ให้พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าไม่มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ก็จะเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าก็คือโรคความทุกข์นี่แหละ เราต้องพากันยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน อย่าเอาตัวตนนำชีวิต อย่าเอาความชอบความไม่ชอบนำชีวิต เพราะความชอบความไม่ชอบนั้นมันเป็นตัวเป็นตน ความชอบไม่ชอบมันเป็นการเวียนว่ายตายเกิดนะ ให้พวกเราพากันรู้จัก จับหลักให้ได้จับประเด็นให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดในการประพฤติในการปฏิบัติ มันเป็นทางที่ถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เป็นอริยมรรคเป็นทางเดินของชีวิตที่ถูกต้อง ทั้งทางกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ
คำว่า “วัด” ก็ให้พวกเราพากันรู้จัก คำว่าวัดก็หมายถึงข้อวัตรข้อปฏิบัติ ทางกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ คือวัดคือข้อประพฤติข้อปฏิบัติของเราทุกคน วัดที่เราพากันมองเห็นด้วยตา ที่เป็นโบสถ์เป็นศาลาเป็นวิหารเป็นเจดีย์ เป็นที่อยู่อาศัยของนักบวช ที่เป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสารได้พากันมาบวช ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ได้รับสิทธิพิเศษจากพวกเราที่เป็นประชาชน บ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ซื้อ ตอนเช้าออกบิณฑบาต เอาของไปให้ไปถวายที่วัดอีก ได้รับสิทธิพิเศษที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามพระศาสนา ศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือศาสนา ยกเลิกตัวยกเลิกตน จึงเรียกว่าศาสนา ในโลกนี้มีหลายศาสนา แต่จุดมุ่งหมายก็คือยกเลิกตัวตนนั่นแหละ เราธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต กฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต กฎหมายบ้านเมืองนี้เป็นสมมุติบัญญัติ เพื่อโฟกัสให้พวกเรายกเลิกตัวตน ไม่เอาตัวตนนำชีวิต ให้เราเข้าใจ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ก็เช่นเดียวกัน เพื่อมายกเลิกนิติบุคคลตัวตน ไม่เอาตัวตนนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต จึงได้เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ในพระพุทธศาสนามีพระธรรมพระวินัยที่ได้บันทึกไว้เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากมายถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น 3 ปิฎก คือพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก อันนี้เป็นหลักการหลักเกณฑ์นำชีวิตของเราเข้าสู่ความดับทุกข์ เราต้องเข้าใจเรื่องพระธรรมพระวินัยเรื่องกฎหมายบ้านเมือง ที่เป็นสมมติบัญญัติ เพื่อก็ได้โฟกัสเข้าสู่ความดับทุกข์ของเราทุกคน เอาตัวตนมาแก้ปัญหาไม่ได้ ตัวตนนั้นสิ่งมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีหรอก มีแต่ทุกข์ทั้งนั้นมีแต่ทุกข์ทั้งเพ ให้เข้าใจ วัดถึงเป็นข้อวัตร ข้อปฏิบัติของเราทุกคน พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีใจเป็นหัวหน้ามีใจเป็นใหญ่มีใจเป็นประธานสำเร็จมาจากใจ เพราะใจมันคิดได้ทีละอย่าง ปากเราก็ทานอาหารได้ทีละอย่างพูดได้ทีละอย่าง กิริยามารยาทอาชีพก็ทำได้ทีละอย่าง ให้พวกเรารู้จัก เพื่อเข้าใจอย่างง่ายๆ เน้นมาที่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเป็นการประพฤติเป็นการปฏิบัติของเราทุกคน อดีตเราก็ปฏิบัติไม่ได้ อนาคตก็ปฏิบัติไม่ได้ ปัจจุบันปฏิบัติได้ ให้เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ
คนเราถ้ามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เวลามันก็ผ่านไปเร็ว เพราะใจของเราไม่มีความทุกข์ สมองไม่สับสน เพราะเราได้ทำถูกต้อง ทำถูกต้องก็เหมือนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์นั่นแหละ ที่มันโล่งกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีอะไรกีดขวาง เพราะได้ยกเลิกสิ่งกีดขวางคือความเป็นตัวเป็นตน มันเลยโล่งไปหมด ไม่มีอะไรมาขวางหูขวางตา ให้เรามาเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้เห็นคุณเห็นประโยชน์ในพระธรรมในพระวินัยในกฎหมายบ้านเมือง เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้นมันไม่ได้ มันยุ่งมันสับสน ชีวิตมันเลยมีแต่ความยุ่งมีแต่ความสับสนมีแต่ความขัดข้องมีแต่ความวุ่นวาย เพราะตัวตนมันคือความยุ่งคือความสับสนคือความขัดข้องวุ่นวาย ให้เข้าใจง่ายๆ อย่างนี้ ถึงมีศัพท์ที่ให้เราเข้าใจง่ายๆ คือคำว่าคน คนนี้มันระคนกันหลายอย่าง ทั้งผิดทั้งถูกทั้งดีทั้งชั่วทั้งบาปทั้งคุณทั้งโทษ ยุ่งกันไปหมด เราต้องมายกเลิกคำว่าคน เป็นมนุษย์ มนุษย์คือผู้มีจิตใจสูง มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ท่านพุทธทาสภิกขุ ผู้ที่เป็นปราชญ์ของโลก ท่านถึงประพันธ์คำกลอนคำสอนที่บริสุทธิ์ออกจากใจจากพระนิพพานว่า เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง… คือเราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง จิตใจของเราถึงจะยกระดับจากความเป็นคนให้เป็นมนุษย์ได้ ให้เราเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัตินะ
วันหนึ่งคืนหนึ่ง มีกลางวัน 12 ชั่วโมงมี กลางคืน 12 ชั่วโมง กลางคืนคือเวลานอนเวลาพักผ่อน กลางวันคือเวลาทำงาน เพื่อให้ธรรมชาติของร่างกายสมดุลกัน เหมือนรายรับรายจ่าย เราต้องทำให้ถูกต้อง อย่าไปคอรัปชั่นเวลานอนเวลาพักผ่อน ถ้าเราคอรัปชั่นเวลานอนเวลาพักผ่อนน่ะ สมองเราจะไปสั่งร่างกายไม่ได้จะไปสั่งการทำงานไม่ได้ เพราะไปคอรัปชั่นเวลานอนเวลาพักผ่อน เดี๋ยวนี้โลกยุคใหม่สมัยใหม่มีไฟฟ้าสว่างไสวทั้งวันทั้งคืนในเมืองหลวงในตัวเมือง ถึงยังไงหมู่มวลมนุษย์ก็ต้องพากันพักผ่อนให้เพียงพอ ผู้ใหญ่วัยทำงานพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง พวกเด็กน้อยเด็กนักเรียนพากันนอน 8-12 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของร่างกายถึงจะเอาไปทำการทำงานได้อย่างดี
ชีวิตของเรามัน 2 อย่างนะ อันหนึ่งทางร่างกายอันหนึ่งทางจิตใจ เราต้องเข้าใจอย่างนี้ การเกิดก็เกิด 2 อย่าง เกิดทางกายและเกิดทางใจ การตายก็ตาย 2 อย่างก็คือตายทางร่างกายและตายทางจิตใจ ให้เข้าใจความหมายเข้าใจชีวิต เราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อยกเลิกความไม่ถูกต้อง เพื่อเป็นมรรคเป็นหนทางอันประเสริฐ ที่ต้องประพฤติต้องปฏิบัติไม่มีใครยกเว้น ทุกชาติทุกศาสนา ก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติอย่างนี้ ในโลกนี้ปัจจุบันมีประชากรโลก 8,000 กว่าล้านคน มีประเทศประมาณ 200 ประเทศ มีศาสนาเป็นร้อยศาสนา มีภาษามากมาย 7,000 กว่าภาษา แต่ทุกคนก็ตกอยู่ในสัญชาตญาณที่เป็นตัวเป็นตนเหมือนกันหมด มันเป็นสัญชาตญาณที่เอาอวิชชาเอาความหลงนำชีวิต จนโลกนี้เป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่มันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ที่นี้มันก็เลยกลายเป็นเผด็จการ เพราะยกเลิกความถูกต้อง ชีวิตของมนุษย์ถึงเป็นได้แต่เพียงคน มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์นี้ไม่มีนะ ให้เราเข้าใจ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้หาทางออก ด้วยการบำเพ็ญพุทธบารมียาวนานถึง 4 อสงไขยแสนมหากัป นับเวลาเป็นหลายล้านชาติ บารมีก็คือการมาแก้ตนเองปฏิบัติตนเองยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำติดต่อต่อเนื่องกันหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านชาติ ติดต่อต่อเนื่องกันเหมือนน้ำ รวมกันเป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำไหลไปสู่ทะเลสู่มหาสมุทร การประพฤติการปฏิบัติต้องติดต่อต่อเนื่องอย่างนี้ ต้องทำให้ถูกต้อง ถ้าทำไม่ถูกต้อง ย่อมมีปัญหาแน่ เราจึงไม่เข้าใจบารมี ที่เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งนึกว่าเป็นบารมี นั้นไม่ใช่บารมี อันนั้นมันทำลายบารมี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นการทำลายบารมี ที่พระเณรแม่ชีผู้คนไม่เข้าใจ ก็มักจะบอกว่าไม่มีบารมี จะไปมีบารมีได้อย่างไร ก็เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวตนมันคือการทำลายบารมี เราไปรู้แต่ภาษากายแต่ไม่รู้ภาษาทางจิตใจ เรียกว่ารู้แต่ภาษาคน แต่ไม่รู้จักภาษาธรรม มันเลยไม่รู้จักบารมี เหมือนเรามองเห็นประเทศไทยเรา ทุกคนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าศาสนาทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน ไม่มีอะไรดียิ่งกว่าศาสนา แต่ก็ไม่ได้พากันอยากมาบวชอยากมาปฏิบัติ เพราะว่าผู้ที่มาบวชมาปฏิบัติในศาสนา อย่างเช่นศาสนาพุทธเรา 99.9% พากันมาบวชมาปฏิบัติเพื่อเอาพระพุทธศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เหลืออยู่อีกน้อยนิด แต่ก็ยังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่
เดี๋ยวนี้มีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึงเปรียญธรรม 9 ประโยค ทุกคนก็รู้ดีรู้ชั่วหมด แต่ก็ไม่พากันอยากบวช เพราะผู้อยู่ในวัดอยู่ในอารามไม่ใช่พระแต่เป็นโจร เป็นแก๊ง แย่เลย เพราะตัวตนเป็นที่ตั้ง เห็นคนรวยก็นะจ๊ะๆ ทั้งนั้นเลย เห็นคนจนก็เฉยๆให้พรไม่ออกให้พรไม่เสียงดัง เอาแต่พรรคแต่พวก มันเป็นระบบหมู่เฮา ไม่ใช่ระบบพระศาสนา แต่มันเป็นระบบตัวตน มันเสียหายมาก ประเทศไทยเราถึงมีการโกงกินคอร์รัปชั่นกันใหญ่โตมโหฬาร คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ อย่างพระเจ้าพระสงฆ์รวมถึงข้าราชการก็โกงกินคอรัปชั่น 60-70% อย่างนักการเมืองโกงกินคอร์รัปชั่น 70-80% อันนี้พูดพอดีๆ พูดให้ทุกคนหูตาสว่าง ทุกคนเมื่อเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ย่อมทุจริตทุกคน เพราะตัวตนคือทุจริต พระพุทธเจ้าถึงบอกให้พวกเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องยกเลิกตัวตน เราจะได้ยกเลิกทุจริต เพราะปัญหาที่มันไปไม่ได้ ในการพัฒนาตนเองในการพัฒนาบ้านเมือง มันก็เพราะทุจริตอย่างเดียว เดี๋ยวนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่นคลอนโยกไปโยกมา เงินในคลังหลวงทองคำในคลังหลวงโยกไปโยกมา เพราะต่างก็จะไปเอา เงินทุกบาททุกสตางค์ก็มาจากภาษีอากรของประชาชนทุกคนที่อยู่ในประเทศ รวมถึงผู้ที่มาเที่ยวมาอยู่ในประเทศ อย่างเงิน 100 บาทกินไป 60-70% แล้วมันจะไปเหลืออะไร ประเทศเรามันก็ไม่ได้ทุกข์เกิดขึ้นทุกตั้งอยู่ดับไปแบบนี้นะ นอกจากทุกข์ไม่มี ต้องมาเข้าใจว่า ทุกคนต้องมาแก้ต้องมาประพฤติมาปฏิบัติที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่คนอื่นหรอก แต่ก่อนเราไม่เข้าใจ เราก็จะหาแต่ภายนอกแก้แต่ภายนอก ไปเน้นที่โจรภายนอก ไม่รู้ว่าโจรอยู่ที่ตัวเราที่มีความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิดนี่แหละ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง หัวใจที่เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าหัวใจที่มีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืน ร่างกายไม่มีก็จริง แต่หัวใจมันมีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืน ต้องเข้าใจเรื่องจิตเรื่องใจต้องเข้าใจเรื่องกายเรื่องวัตถุด้วย ต้องปฏิบัติทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆ กัน ถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ถ้าไม่อย่างนั้นมันเป็นตัวเป็นตน เราจึงจะเข้าใจทั้งพระวินัยทางกฎหมายบ้านเมือง ก็เพื่อให้มายกเลิกตัวตน
การปกครองในโลกนี้ อย่างพระมหากษัตริย์ก็ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ประธานาธิบดีก็ต้องปกครองด้วยทศพิธราชธรรมเช่นกัน ข้าราชการนักการเมืองก็ต้องปกครองด้วยทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตมันก็มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์มันไม่มีหรอก มาแก้ที่ตัวเรา ให้มีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต มีความสุขในการทำงาน ตัวตนมันทำให้ไม่มีความสุข มันทำให้ขี้เกียจขี้คร้านแม้แต่หายใจก็ขี้เกียจ ต้องเข้าใจอย่างนี้แหละ พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกพวกเราว่า “ธรรมเราใดเป็นไปเพื่อความขี้เกียจขี้คร้าน ธรรมเหล่านั้นไม่ใช่คำสอนของพระศาสดา” เราอย่าไปเอาความชอบความไม่ชอบนำ ต้องเสียสละความเป็นนิติบุคคลตัวตน มีความสุขในการทำงานมีความสุขในการปฏิบัติธรรม มันอันเดียวกันแยกกันไม่ได้ เหมือนเราไปห้องน้ำห้องสุขา กายมันก็ไปใจมันก็ไป เราทานข้าวทานอาหารอย่างนี้ กายมันก็ทานใจมันก็ทานไปพร้อมกัน เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราจะพากันไปโง่เหมือนกับเทวทัต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งจึงเป็นอย่างพระเทวทัต พระเทวทัตไปขอพรพิเศษข้อวัตรปฏิบัติพิเศษจากพระพุทธเจ้าเพื่อตัวเพื่อตน พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงประทานอนุญาต เมื่อเราเอาตัวเอาตัวนึงก็จะโง่เหมือนพระเทวทัตนั่นแหละ เอาตัวตนก็พากันทุจริตพากันกินบ้านกินเมือง กินอะไรสารพัดกิน มีแต่กินเกิดขึ้นกินตั้งอยู่กินดับไป
เราต้องรู้จักพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือผู้มาเสียสละ คือผู้มารับใช้ทุกคน ทั้งหมู่มวลมนุษย์ทวยเทพเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงยกเลิกตัวตนคือผู้มารับใช้ ทรงพักผ่อนบรรทมวันหนึ่งเพียง 4 ชั่วโมง มาเสียสละรับใช้มวลมนุษย์เทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลายตั้ง 20 ชั่วโมง ยกเลิกตัวตนอย่างนี้ถึงเป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์นะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นเจ้าอาวาสก็เป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ เป็นแต่เจ้าอารมณ์เจ้าอาละวาด ในประเทศไทยเราและหลายประเทศ ส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าอาวาสมีแต่เจ้าอารมณ์ทั้งนั้นเลย ฟุ้งซ่านมาก เพราะจัดการไม่ถูกที่ ไม่จัดการตนเอง หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านถึงได้สอนลูกศิษย์ลูกหาว่า วันหนึ่งคืนหนึ่งผมบอกสอนตนเอง 100% ผมบอกสอนพวกท่านและประชาชนเพียง 5% เท่านั้นเอง อย่างนี้ถึงพอไปได้ ถ้าท่านเอาแต่ตัวเอาแต่ตนซ้อนแต่ประชาชนเอาแต่ก่อเอาแต่สร้าง ไม่กี่เดือนไม่กี่ปี ท่านก็ต้องฟุ้งซ่านไม่สงบ เพราะธรรมชาติไม่สมดุลกัน เหมือนเราเป็นคนจนจะเอาของที่ไหนไปแจกเขา เราต้องเป็นคนรวยถึงจะเอาของไปแจกได้ เรามีตัวมีตนธรรมะไม่มีจะเอาธรรมะที่ไหนไปแจกเขา ธรรมะก็มีอยู่แต่ในหนังสือในพระไตรปิฎกหมด บางครั้งก็จำได้บางครั้งก็ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นความจำ มันไม่ใช่ความรู้ ความรู้ต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม อันไหนไม่ดีไม่คิดอันไหนไม่ดีไม่พูดอันไหนไม่ดีไม่ทำ เพราะธรรมะเป็นปัจจุบัน พระอรหันต์ทุกรูปทุกองค์ท่านเน้นมาที่ปัจจุบัน เพราะอดีตจำไม่ได้หรอก ท่านเอาแต่ปัจจุบัน ถ้าท่านจะรู้เรื่องอดีตท่านก็เข้าสมาธิเข้าสมาบัติย้อนไปดู เพราะท่านไม่มีจิตใต้สำนึกที่เป็นนิติบุคคลตัวตนน่ะ เพราะท่านข้ามสัญชาตญาณไปแล้ว ท่านเอาแต่ธรรมเอาแต่ปัจจุบันธรรม ต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ ทุกคนต้องพากันเข้าใจเรื่องการประพฤติเรื่องการปฏิบัติ รู้ความสำคัญของกฎหมายบ้านเมืองรู้ความสำคัญของพระธรรมพระวินัย ต้องเน้นที่ใจเน้นที่ปัจจุบันเน้นที่เจตนานี่แหละ เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ… ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม… เราจึงต้องเน้นต้องโฟกัสเข้ามาหาธรรมหาปัจจุบันธรรม มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้แหละ ทุกคนจะได้มีความสงบอบอุ่นสงบเย็น หัวใจจะได้ไม่ถูกเผา เย็นเป็นแอร์คอนดิชั่น เรียกว่าหัวใจมีพระนิพพาน ไม่ใช่มีแต่นรกมีแต่อบายภูมิ
เราต้องเข้าใจคำว่าพระ คำว่าพระก็คือยกเลิกตัวตน ที่พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก็คือมายกเลิกตัวตนยกเลิกทาสยกเลิกระบบชนชั้นวรรณะ ท่านถึงบอกว่าไม่เป็นไร เราจะเป็นคนยากคนจน คนปานกลางหรือคนรวยทุกชาติทุกศาสนา เรามายกเลิกตัวตน ชีวิตเราก็จะสงบเย็นเป็นพระนิพพาน เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต มีความสุขในการทำงานมีความสุขในการคิดดีๆ พูดดีๆ กิริยามารยาทดีๆ อาชีพก็คือยกเลิกตัวตนไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เป็นชีวิตที่เป็นผู้ให้เป็นผู้เสียสละอย่างนี้แหละ เราดูดีๆ การบริหารการปกครองทุกๆประเทศ ถ้าเอาตัวตนนำชีวิต มันก็ไม่ถูกต้อง มันถึงมีการทุจริตโกงกินคอรัปชั่นอย่างที่เห็นอยู่นี้ เราต้องเข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อจะได้ส่งผลัดให้ผู้คนได้ประพฤติได้ปฏิบัติ เพื่อเดินตามสายกลาง พัฒนาทั้งใจพัฒนาทั้งวัตถุ พัฒนากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพที่ยกเลิกตัวตน มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ
เราต้องรู้จักความงามนะ ความงามของมนุษย์อยู่ที่เรายกเลิกตัวตน มันถึงเป็นความงาม ถึงเราจะไปศัลยกรรมถึงต่างประเทศหรือในประเทศ อย่างนั้นเป็นความงามที่ภายนอก ท่านบอกว่าต้องมีความงามทั้งทางจิตใจ ทางคำพูดทางการกระทำกิริยามารยาทและอาชีพของเรา ต้องงดงาม ต้องยกเลิกตัวตน เราอย่าได้พากันหลงทางหลงประเด็น จะได้ส่งผลัดให้กุลบุตรลูกหลาน จะได้ไม่ส่งความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดให้ลูกให้หลาน เมื่อเราไม่เข้าใจ ตัวเองก็ไม่เข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งพากันทุจริตโกงกินคอรัปชั่น ถึงจะร่ำรวยมหาศาล มันก็รวยแต่ภายนอก แต่จิตใจมันยากจน ทำไมถึงจน เพราะทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ คนโลภคนหลงไม่เคยอิ่มเต็มด้วยต่างหาก มันก็เลยจนเพราะไม่รู้จักพอ เรียกว่าเป็นคนจนอย่างถาวรเลย ไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่มีความสุขในการรักษากฎหมายบ้านเมือง พวกนี้เรียกว่าพวกจนอย่างถาวร พระพุทธเจ้าจึงมีความสุข เพราะท่านรู้จักการเวียนวายตายเกิดรู้จักวัฏสงสาร รู้จักว่าถมเท่าไหร่มันก็ไม่รู้จักเต็มหรอก ตัวนี้แหละมันคือตัว ที่มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์มันไม่มีหรอก พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรามายกเลิกความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ท่านจึงได้อุทานว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำบ้านทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป เพราะรู้จักความคิดรู้จักอารมณ์รู้จักความปรุงแต่ง เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดไม่หลง สำหรับผู้ที่ติดที่หลงก็เข้าสู่ภาคบำบัด อย่างพวกที่ติดเหล้าติดเบียร์ติดยาเสพติดที่ต้องเข้ารับการบำบัด ผู้ที่ติดนี้เปรียบเสมือนกับคนไข้ติดเตียงที่เข้าห้องไอซียูนะ ต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด ต้องถือนิสัยแห่งความเป็นพุทธะ คือถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ยกเลิกถือนิสัยของตนเอง อย่าไปอ่อนแอ ทุกคนต้องเข้มแข็งเอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต เห็นไหมนาฬิกาที่มันเดินไป เพราะนาฬิกาอย่างดีที่มันเดิน มันจะเดินเที่ยงตรงอย่างถูกต้อง อย่างพระอาทิตย์พระจันทร์ก็โคจรอย่างถูกต้องตามเวลา เพราะวินัยและกฎหมายบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ประชาชนทุกคนเมื่อเราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ก็จะไม่ยากจน เพราะตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ต้องยากจน ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือไม่มีความสุขในการทำงาน มันก็ต้องยากจน เพราะเราเอาความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องเรียกว่าความมืด เหมือนคนตาบอด คนเราก็มี 2 ตา อันนึงคือตาทางร่างกายตาเนื้อเรียกว่ามังสจักษุ อีกอย่างนึงคือตาปัญญาเรียกว่าปัญญาจักษุ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็มืด ตื่นเช้าขึ้นมาถึงจะเป็นกลางวันมันก็มืดตึ๊บ เพราะตัวตนมันทำให้มืดตึ๊บ เราจึงต้องเข้าใจ เราจะรักษาดวงตาให้สว่างไสว ก็ต้องมายกเลิกนิติบุคคลตัวตน มาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือธรรมะ ธรรมะคือพระพุทธเจ้า เราอย่าเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตน พระพุทธเจ้าไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน สรีระร่างกายของพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันปรินิพพานไปแล้ว 2567 ปี เดี๋ยวนี้ยังเหลือแต่พระบรมสารีริกธาตุ แต่พระธรรมพระวินัยนั้นเป็นศาสดาองค์แทนยังไม่ได้สูญหายไป ยังเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ยังเป็นของสดของใหม่เอี่ยม ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ แล้วก็มีความสุขด้วย ไม่ต้องยากจน มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องปล่อยให้ธรรมชาติแห้งแล้ง ไม่สมควรที่จะปล่อยให้น้ำมันท่วม ไม่สมควรที่จะพลัดถิ่นไปหากินที่กรุงเทพฯ หรือต่างประเทศหรือต่างจังหวัด ทุกคนก็พัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด มีความสุขในการในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะความสุขมันอยู่กับเราอยู่แล้วไม่ต้องไปหาที่ไหนอีก อยู่ที่กายอยู่ที่วาจาอยู่ที่กิริยามารยาทอยู่ที่อาชีพของเรา ให้ทุกคนมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็หลงไปเรื่อย ความหลงมันไม่อิ่มด้วยเชื้อ ไม่ได้อิ่มในความต้องการ เราต้องรู้จัก รู้จักแล้วก็เข้าสู่ความประพฤติภาคปฏิบัติ เราเอากฎหมายเอาอันนี้แหละมาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน เน้นมาที่ใจของเรา อันนี้ไม่คิดอันนี้ไม่พูดอันนี้ไม่ทำ เน้นมาที่ตัวเรา เพราะตัวเรานี้แหละมันอันตราย อันตรายยิ่งกว่าระเบิดอีก คิดถึงเรื่องที่อเมริกาเอาระเบิดปรมาณูไปบอมญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่กี่ลูกญี่ปุ่นก็แย่เลย ตัวตนมันยิ่งกว่าระเบิดที่เขาไปทิ้งที่ญี่ปุ่นอีก เราทุกคนเอาตัวตนยิ่งกว่าระเบิด ระเบิดตัวเองยังไม่พอ ระเบิดคนอื่นด้วย ตัวตนคืออันตรายนะต้องยกเลิกตัวตน ต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นภัยในตัวในตน ต้องเป็นคนละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป อย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาตัวตนนำชีวิต มันยิ่งกว่าระเบิด เราคนเดียวอีกหลายคนมารวมกันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันระเบิดใหญ่นะ ถ้ามันระเบิดมามันจะได้เหรอ ตัวตนมันคือการแบ่งแยกแตกสามัคคี
การพัฒนาประเทศเขาเอาภาษีอากรของประชาชน เราเอาตัวตนไปที่ตั้ง ก็พากันโกงกินคอร์รัปชั่น ประเทศไทยมันก็ไปไม่ได้ นอกจากภาษีอากรของประชาชนแล้ว การพัฒนาประเทศจากความสมัครสมานสามัคคีกัน ประเทศไทยมีประชากรอยู่ 71 ล้านคน ทุกคนน่ะถ้าเสียสละคนละ 1 บาท ความสมัครสมานสามัคคีที่เราเสียสละประเทศเราก็จะมีเงินวันหนึ่ง 71 ล้านบาท ปี 1 มีความสมัครสามัคคีอยู่ที่เสียสละก็ได้เงินมหาศาล ที่เราสมัครสมานสามัคคีกัน ทุกคนเอาตัวตนมาจะเสียสละได้อย่างไร ตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศไทย ไม่มีตระกูลไหนที่ไม่ทะเลาะกัน เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไปสืบดูเลยว่าตระกูลไหนไม่ทะเลาะกัน แย่งขยะกันทั้งนั้น แย่งสมบัติกันทั้งนั้น ถ้าไม่คุยกันลึกซึ้ง ก็ไม่เข้าใจหรอก เห็นแต่ภายนอกอย่างนี้ เราก็ยังอยากรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่ที่ไหนได้พวกนี้น่ะมีความทุกข์มากกว่าคนที่ยากจนอีก เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เขาเรียกว่าความจนอย่างถาวร ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็มหรอกตัวตนนี้ ให้เราเข้าใจนะว่าความสุขความดับทุกข์มันอยู่ที่เราทุกๆ คน
ทำไมน่ะเดี๋ยวนี้พากันบวชในพระพุทธศาสนาประเทศไทยน้อย ทั้งที่บ้านก็ไม่เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ ทุกอย่างฟรีหมด ให้เจ้าคณะปกครองตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราช มหาเถรสมาคม จนถึงพวกที่บวชใหม่ให้เข้าใจนะว่า เราได้ทำความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้วสมบูรณ์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าความผิดพลาดสมบูรณ์ เราเข้าใจว่าการเรียนการศึกษามหาจุฬาฯก็ดี มหามกุฏฯก็ดี เป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้อง เป็นแสงสว่างของประเทศไทยของเรา เป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้อง เป็นแสงสว่างของประเทศไทยของเรา เพื่อเอาธรรมนำชีวิตเอาความถูกต้องนำชีวิต อย่าคิดว่าเมืองหลวงเมืองกรุงมันไม่สงบ มันจะสงบได้ไง เพราะตัวตนมันคือความไม่สงบ มันคือความวุ่นวาย พระพุทธเจ้าสอนให้เราเก่งให้เราฉลาดให้เรายกเลิกตัว พากันมีความสุขในการเรียนการศึกษาในการประพฤติในการปฏิบัติธรรม เพราะศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้การศึกษาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร อยู่ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ มหาวิทยาลัยจุฬาฯ,ธรรมศาสตร์, มหิดล, เกษตรศาสตร์ เป็นต้น เราก็ต้องไปเรียนที่นั่น ไปเรียนไปรู้ไปให้เข้าใจแล้วก็นำไปใช้ไปปฏิบัติ การเรียนการศึกษานี้ไม่ใช่ความจำ มันคือความเข้าใจ เพราะหนังสือมันเล่มใหญ่มันหลายเล่มด้วย ใครจะจำมันได้หมด ให้รู้ให้เข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ อันนี้ไม่คิดอันนี้ไม่พูดอันนี้ไม่ทำ เราทำในปัจจุบัน เราจะก้าวไปทีละก้าว เหมือนอนุบาลไปถึงปริญญาเอกนี้แหละ มันจะก้าวไปอย่างนั้น เหมือนตั้งแต่นักธรรมตรีไปจนถึงเปรียญธรรม 9 ประโยค มันจะก้าวไปอย่างนั้น เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราอย่าไปคิดว่าในกรุงเทพฯ มันไม่สงบ คิดอย่างนั้นมันไม่ใช่พุทธะ มันเป็นเพียงความสงบ มันเพียงอยู่ในระดับสมาบัติหรือในระดับสมาธิ ท่านบอกว่า พระพุทธศาสนาเป็นอริยมรรค อันไหนไม่ดีไม่คิด อันไหนไม่ดีไม่พูด อันไหนไม่ดีไม่ทำ กริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เป็นการยกเลิกในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงแม้กรุงเทพฯ จะมีตึกสูงตระหง่านฟ้า มีประชากรมากมาย เมื่อเรายกเลิกตัวตน ทุกหนทุกแห่งมันก็สงบ
พวกนักเรียนนักศึกษาทั้งหลายที่ว่าต้องพากันเข้าใจ แล้วเราจะได้รู้ว่า เรานี้รู้จักตั้งแต่ภาษาคน เราไม่รู้จักภาษาธรรม เราไม่ได้ดำเนินไปพร้อมๆ กันทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ไม่ได้ทำทางสายกลาง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าไม่ได้เป็นทางสายกลางนะ มันสุดโต่ง เอาความชอบเอาความไม่ชอบ มันสุดโต่ง เราต้องรู้จักความชอบความไม่ชอบ เราต้องรู้จักหน้ารู้จักตา เราอย่าไปสนใจเขาเลย เรียกว่าไม่ต้องไปสนใจพ่อไม่ต้องสนใจแม่ไม่ต้องสนใจลูกสนใจหลานของความชอบไม่ชอบมันเลย ใช้ภาษาพ่อขุนรามคำแหง พ่อขุนรามคำแหงผู้ทรงทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ให้เข้าใจ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เราก็ทะเลาะกันในสภาอย่างนั้น เถียงกันอย่างนั้น มันไม่ใช่สามก๊กเหมือนประเทศจีนนะ อันนี้มันน่าจะหลายร้อยก๊ก เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ มันเป็นวินาสาธิคุณ มันเป็นความเสียหาย เป็นความฉิบหายตัวตนนี้ ให้ทุกคนพากันเข้าอกเข้าใจนะ แล้วเน้นมาที่ตัวเรานี้ วัดนั้นมันเป็นศูนย์รวมของผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษที่มาบวช ที่ลูกหลายพ่อหลายแม่หลายประเทศชาติมารวมกัน เพื่อมีอุดมคติมีอุดมธรรม เอาธรรมนำชีวิต ต้องเข้าใจอย่างนี้นะ ทุกคนนั้นต้องเน้นมาที่ตัวเรา เราอย่าไปคิดว่ามาอยู่หลายคนมันไม่สงบนะ มีตัวมีตนมันจะสงบได้อย่าง เรารู้แต่ภาษาคนไม่รู้จักภาษาธรรมเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มาหาความสงบ จะไปหาแต่ป่าแต่เขาแต่ที่วิเวกสร้างกำแพงวัดสูงๆ ป้องกันแต่ภายนอก ใจของเราป้องกันไม่ได้ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เพราะว่าตัวตน มันบวชอยู่ที่วัดแต่หัวใจมันไปกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในตลาด ไปมีลูกมีเมียอยู่ในตลาด บางทีมันก็แย่กว่าหมาอีก หมามันไม่กัดเจ้าของ บางทีพวกที่มาบวชมันไม่กัดเจ้าของ แต่หัวใจมันไปชอบลูกชอบเมียเขา เห็นคนรวยก็นะจ๊ะๆ เห็นคนจนก็ให้พรไม่ออก เขาเรียกว่ากัดเจ้าของ เราต้องรู้จักว่าพวกนี้มันมาบวช มันก็ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองแย่กว่าหมาอีก หมามันไม่กัดเจ้าของ ตัวตนมันแตกแยกเป็นวัดบ้านวัดป่า พระศาสนานั้นไม่ใช่วัดบ้านวัดป่าไม่ใช่ธรรมยุตไม่ใช่มหานิกาย ไม่ใช่หินยานมหายานวัชรยาน เราอย่าไปโง่หลาย
พระศาสนาคือยกเลิกตัวตน เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราถึงจะมีศีลมีสมาธิมีปัญญา มีกฎหมายบ้านเมือง มีความสงบอบอุ่นเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่น เราอย่าไปโง่บวชมาคิดแต่เรื่องสร้างโบสถ์สร้างวิหารสร้างเจดีย์ มันไม่ใช่อย่างนั้น มาบวชมาเพื่อยกเลิกตัวตน เราคิดเรื่องก่อเรื่องสร้าง คิดอยากเป็นเจ้าอาวาสเป็นพระครูเจ้าคุณหรือว่าอยากเป็นอะไรต่างๆ มันไม่ใช่ทาง พระพุทธเจ้าท่านไม่มีตำแหน่งอะไรเลย ท่านยกเลิกตัวตนท่านเลยได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเราได้รับตำแหน่งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการที่เราทำความดี เรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก เราต้องเข้าใจว่าความรู้นี้เราต้องมาเสียสละยกเลิกตัวตน ไม่ใช่เราจะมาเอาอะไร เพราะการจะมีจะเป็นมาเอาอะไร มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป เราจะได้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พวกพระทั้งหลาย เราไม่ต้องไปสะสมเงินสะสมสตางค์สะสมสิ่งของ เราต้องยกพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจ ในวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพยกเลิกตัวตน อาชีพนักบวชเขาเรียกว่าอาชีพยกเลิกตัวตน ไม่ใช่เราจะมายินดีในตัวในตน เดี๋ยวจะเป็นพาคอนเสิร์ตเณรคอนเสิร์ต ทำไมถึงว่าเป็นพระคอนเสิร์ตเณรคอนเสิร์ต เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ยินดีแต่รับประเคน ยินดีแต่กิจนิมนต์ ถ้าเจ้าภาพไหนให้ตังค์เยอะก็มีความสุข การสวดการเทศน์อะไรอย่างนี้ ก็เผื่อหวังอะไรตอบแทน เรียกว่าคอนเสิร์ตนี้แหละ คอนเสิร์ตมันคือการรับจ๊อบ ตัวตนมันคือพวกนักบวชที่รับจ๊อบนะ ให้รู้ตัวเองว่าเรายินดีในลาภสักการะเสียงเยินยอ ยินดีในการรับจ๊อบไหม เพราะพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้ขอบคุณไม่ได้ยินดี พวกของเหม็นท่านก็ไม่ได้รับเอาของหอมก็ไม่ได้รับเอา ยกเลิกความชอบความไม่ชอบ เราทุกคนถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เราทุกคนถึงจะเป็นพระ พูดถึงพระ ก็เป็นพระได้ทุกคน ประชาชนที่ไม่ได้บวชก็เป็นพระได้ พวกที่มาบวชก็เป็นพระได้ พระก็นับตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์นะ ไม่ใช่นับเฉพาะผู้ที่มาโกนหัว พวกที่มาสมาทานต่อประชาชนเพื่อเอาสิทธิพิเศษว่าตัวเองเป็นพระ คือพระธรรมพระวินัย ยกเลิกตัวตน เขาเรียกว่าเป็นพระ เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการยกเลิกตัวตน อันไหนไม่ดีไม่คิดอันไหนไม่ดีไม่พูดอันไหนไม่ดีไม่ทำ มีกิริยามารยาท ปรับเข้าหาธรรมะ อาชีพก็ยกเลิกตัวตน ทุกคนก็เป็นพระ ท่านก็บอกว่าผู้ที่เป็นประชาชนมีภาระมาก ต้องดูแลตัวเองดูแลลูกหลานญาติพี่น้องหน้าที่การงานเสียภาษีอากรดำรงพระศาสนา มีภาระมากมีปลิโพธอยู่ ปฏิบัติได้ถึงพระอนาคามี เพราะยังมีปลิโพธมีวิตกกังวลอยู่ ให้เราเข้าใจว่าพวกเราเป็นคฤหัสถ์ พวกเราก็พากันเป็นพระได้
ผู้ที่มาโกนผมห่มผ้าเหลืองใส่จีวร มันไม่ใช่พระ ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกนี้แหละคือเป็นเปรตใหญ่ประจำประเทศไทยประจำวัดวาอาราม เราไม่ต้องไปหาเปรตที่ไหน เพราะเปรตมีทุกวัด ถ้าใครยังไปยกเลิกสิกขาบทน้อยใหญ่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เห็นคนรวยน่ะ นะจ๊ะๆ เห็นคนจนให้พรไม่ออกนั่นแหละคือเปรตตัวจริง ไม่ใช่เปรตในภาพฝาผนัง เปตรตัวจริงนั้นมันไม่ใช่เฉพาะวัดใดวัดหนึ่ง ถ้าใครมันยกเลิกพระธรรมพระวินัย เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกนี้มันตู่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านะ มันถือว่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าล้าสมัยแล้ว สมัยนี้ต้องรับเงินรับปัจจัย ต้องมีค่าน้ำค่าไฟค่าเครื่องบิน เอาตัวตนมันเลยเก่งกว่าพระพุทธเจ้า เห็นว่าพระพุทธเจ้าทำไมโง่ไปฉันในบาตรเดี๋ยวนี้ เขาฉันเหลากันแล้ว ฉันบนโต๊ะ ฉันในโตกในภาชนะดีๆ แล้ว พวกกรรมฐานพวกล้าหลังพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี ยังพากันฉันในบาตร ความเห็นอย่างนี้มันว่ามันเก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่ทำหรอก มันไม่ปฏิบัติหรอก ถ้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้วนั้น ทำไมไม่เอาผ้าจีวรออก ไปโกนหัวห่มผ้าเหลืองอาศัยพระพุทธศาสนาหาฉันหาเลี้ยงชีพได้อย่างไร ต้องพากันพิจารณาตัวเองนะ เราอย่าไปยกต้นข่มท่าน ยกตนข่มพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่าต้องอาบัตินะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งต้องอาบัติตั้งแต่ทุกกฏถึงอาบัติถุลลัจจัย
พระพุทธเจ้าถึงบอกให้พระที่บวชมาในพระพุทธศาสนานี้ ให้พิจารณาตัวพิจารณาตนหรือว่าพิจารณาร่างกายสู่พระไตรลักษณ์นะ เพราะร่างกายของเรามีอุปกรณ์ 32 ชิ้น ต้องยกมาภาวนาเป็นกรรมฐาน เอาผมออกเอาขนออกเอาหนังออกเอาเล็บเอ็นกระดูกออก เพื่อจะยกเลิกตัวตน สลับกับสมาธิไป คนเราถ้าไม่เอาความสงบกับปัญญาไปพร้อมกันมันไม่ได้ เพราะตัวตนมันทำลายระบบสมองสติปัญญา การเรียนการศึกษาจึงต้องเอาความสงบพร้อมกับปัญญาไปพร้อมๆ กัน มันถึงจะได้ถนอมสมอง ถึงมีการนอนมีการพักผ่อน 6 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมง เพื่อถนอมสมอง เพื่อให้รายรับรายจ่ายมันสมดุล เพื่อให้เป็นทางสายกลางอย่างนี้ เอาแต่ตัวแต่ตนมันคือทำลายสมอง เอาแต่ความสงบมันก็ทำลายปัญญา มันไม่รู้อริยสัจ 4 ให้พวกรู้ให้พวกเราเข้าใจนะ พระพุทธเจ้าให้เราประพฤติปฏิบัติ
พวกประชาชนทั้งหลายพ่อแม่ต้องเป็นหลัก คำว่าพ่อแม่คือแบบคือพิมพ์คือ DNA ทางกายทางวาจาทางกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ พ่อแม่ต้องเป็นหลัก พ่อแม่อย่าเอานิติบุคคลตัวตนเป็นที่ตั้ง ต้องเอาธรรมะนำชีวิต ต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้แก้ที่ตนเอง เราจะได้เข้าใจพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ เราจะได้ส่ง DNA ทางกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพให้ลูกให้หลานเรา เราจะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรามันก็ทุกข์ยังไม่พอ จะให้ลูกหลานเราทุกข์ต่อเหรอ ให้เราเข้าใจจะได้เอาความรู้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ตั้งแต่เช้าจนถึงนอนหลับ เราจะเอาตัวตนไปทำไม จะเอาความหลงไปทำไม มีแต่ทำไมๆ อยู่อย่างนั้นแหละ เพราะความไม่เข้าใจ มันจะสงสัยไปเรื่อย มันอยากรู้อยากเห็นอยากสัมผัส อะไรไปเรื่อยๆ เพราะตัวตนมันคือหลับไม่ลงนอนไม่หลับ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ให้ทุกคนพากันเข้าใจนะ ให้พากันเอากฎหมายบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เอาศีลเอาสมาธิเป็นความสงบอบอุ่นเป็นที่ตั้ง อันไหนมันดีมันถูกต้อง ก็ตั้งไว้เพื่อปฏิปทาของเรา จะได้เหมือนเราปลูกต้นไม้เบี้ยเล็กๆ ดูแลให้ปุ๋ยให้น้ำให้อากาศให้ออกซิเจนเอาวัชพืชออกให้ อีกหลายปีต้นไม้มันก็ใหญ่สูงตระหง่านตา เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ต้องเน้นมาที่เราที่ตัวเรา
เราต้องรู้จักเราต้องพากันนั่งสมาธิ นั่งสมาธิคือการพักผ่อนตัวพักผ่อนตนหรือยกเลิกตัวยกเลิกตน ยกเลิกทั้งอดีตทั้งอนาคต ปัจจุบันเราก็เข้าสู่ความว่าง มีความสุขเต็มที่ในการหายใจเข้ามีความสุขเต็มที่ในการหายใจออก หายใจเข้าสบายหายใจออกสบาย หายใจเข้าหายใจออกก็รู้ว่ามันไม่แน่ไม่เที่ยง เดี๋ยวมันก็เข้าออก หายใจเข้าหายใจออกก็รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวใช่ตน แล้วเราจะเอาอะไรอีก เราต้องยกเลิก เราต้องทำอย่างนี้ เพราะประชาชนคนที่ไม่ได้บวช มีความสุขในการทำงานทั้งวัน ต้องพากันนั่งสมาธิตอนเช้าสัก 1 ชั่วโมง ตอนเย็นสัก 1 ชั่วโมง ตื่นขึ้นตี 4 ตี 5 ก็ไปนั่งสมาธิกัน เอาแต่ตัวเอาแต่ตน มันก็มีแต่เล่นโทรศัพท์มีแต่ LINE โทรศัพท์ เอาแต่คอนเสิร์ตเอาแต่ตัวเอาแต่ตนอย่างนี้ ทั้งลูกเด็กเล็กแดงทั้งหนุ่มสาวทั้งคนเฒ่า คนแก่อากงอาม่า ทั้งพระคุณเจ้าทั้งหลาย เอาแต่ตัวเอาแต่ตัวเล่นแต่โทรศัพท์ โทรศัพท์คอมพิวเตอร์ทั้งหลายมันก็ดี มันเป็นความรู้ที่เราต้องใช้ ได้แชร์ความรู้กัน อยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่กี่วินาทีมันก็รู้ด้วยกันทั้งโลก เพราะการพัฒนาวิทยาศาสตร์มันดีมันถูกต้องแล้ว แต่เราต้องฉลาด ต้องมีปัญญานะ เราต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติ ท่านว่า มันถึงจะได้มีแต่คุณไม่มีโทษ เอาแต่ตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ติดอยู่อย่างนั้น มันก็ไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า สู”ทั้งหลายต้องมาดูโลกนี้ อันงามตระการตาดุจราชรถ คนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจมันหลงอยู่ หมกอยู่ แต่ท่านผู้รู้หาติดข้องอยู่ไม่” เราต้องเสียสละเราต้องใจเข้มแข็ง ไม่งั้น มันจะกินเวลานอนเรา เราจะเป็นคนใจอ่อนไม่ได้ ต้องเป็นคนมีสัมมาสมาธิจิตเข้มแข็ง ต้องเสียสละนิติบุคคลตัวตน
ให้ทุกคนพากันทำอย่างนี้เข้าใจอย่างนี้ จิตใจของเรามันจะไม่ตกค้าง จิตใจของเราเอาแต่ตัวตนเป็นที่ตั้ง เขาเรียกว่าท้องผูก ทางร่างกายเรียกว่าท้องผูก ทางจิตใจตกค้าง เรียกว่ายึดมั่นถือมั่น อันนี้มันเป็นนิติบุคคลตัวตน เราเราต้องเข้าใจนะว่าจิตใจมันตกค้าง ท่านบอกว่า การปล่อยวางอย่างนี้ เรียกว่าการดีท็อก โลกใหม่โลกสมัยใหม่เขามีการดีท็อกซ์เอาอาหารเสียออกจากร่างกาย ถ้าเราไม่เอาอาหารเสียออกจากร่างกาย โดยที่มันเป็นอุจจาระเก่ามันจะกลับไปเลี้ยงร่างกาย เราต้องดีท็อกซ์เอาอาหารเก่าออก ก็สวนทางทวาร อันนี้มันเป็นหลักการของแพทย์ของหมอ เราทุกคนเกิดในชีวิตประจำวันตื่นเช้าขึ้นมาก็ถ่ายท้อง ถ่ายท้องเรียกว่าดีท็อก ถ้าถ่ายไม่ออกท้องผูกหลายวันมันจะมีปัญหา ตัวตนมันคือท้องผูก ตัวตนมันคือคนไข้ติดเตียงคนไข้ ICU จิตใจของเรามันก็เหมือนกัน จิตใจของเรามันต้องปล่อยต้องวางเรื่องอดีตเรื่องอนาคตไป ต้องรู้ธรรมต้องรู้ปัจจุบันธรรม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมันตั้งอยู่มันดับไปอย่างนี้ เราต้องยกทุกอย่างสู่พระไตรลักษณ์ เอาปัจจุบันดีๆ ที่มันยกเลิกตัวตนเราทำดีๆ เราปฏิบัติอย่างนี้ เราจะปฏิบัติที่บ้านที่ทำงานอย่างนี้แหละ เอาแต่ตัวเอาแต่ตน คนเฒ่าคนแก่ไม่รู้จักการออกกำลังกาย ไม่รู้จักกันเป็นตัวอย่างแบบอย่างของลูกของหลาน อยู่บ้านก็เอาแต่นินทาคนอื่น พวกนี้งานหลักที่เป็นตัวเป็นตน คืออยู่ที่บ้านนินทาคนอื่น ถ้าพวกนี้ไม่ได้นินทาคนอื่นพูดถึงเรื่องคนอื่น มันแน่นท้องมันเป็นกรดไหลย้อน ตัวตนมันเป็นกรดไหลย้อน มันไหลย้อนมันทำลายตัวเอง พวกนี้จะไม่มีความสุขในการรดน้ำต้นไม้หรือปลูกผักสวนครัวรอบบ้านที่อยู่อาศัย ยินดีแต่ซื้อเขากิน ยินดีแต่ของที่เขามาขาย อาหารทั้งกลางวัน บางทีมืดๆ ก็ยังมาขาย มาประกาศขายกับข้าวๆๆ ตัวตนมันมีซื้อเขากิน มันได้กินแต่ยาฆ่าแมลงที่เขาปลูกผักผลไม้ เพราะตัวตนมันขี้เกียจขี้คร้าน ตัวตนนั่นแหละมันบ่นให้ลูกให้หลาน ยิ่งกว่าพระสวดมนต์ พวกคนแก่คนเฒ่า บ่นให้ลูกให้หลานอย่างนี้ ให้ย้อนมาดูตัวเองนะ ตัวเองบ่นให้ลูกให้หลานกับพระสวดมนต์ใครคล่องแคล่วกว่ากัน เอาตัวเอาตนน่ะ มันก็กลัวแดดกลัวลม กลัวไม่หล่อสวยกลัวไม่ขาว กลัวอะไรต่างๆ ตัวตนมันเป็นอย่างนั้น เราก็ใช้เทคโนโลยีก็เอาผ้าปิดหน้าปิดตาอะไรก็ได้ การขาวการสะอาดภายนอกมันก็ดีอยู่แล้ว แต่มันต้องขาวสะอาดเรื่องจิตเรื่องใจ กาย วาจา กิริยามารยาท อาชีพ มันต้องเป็นทางสายกลางอย่างนี้ ไม่ใช่ไม่มีตัวไม่มีตน บ้านก็ไม่มี รถก็ไม่มี เงินก็ไม่ต้องใช้ นั้นมันไม่ใช่ มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ มันปล่อยวางไม่ถูก มันปล่อยวางเหมือนวัวเหมือนควาย มันไม่มีบ้านไม่มีรถไม่มีเครื่องบิน มันไม่มีเทคโนโลยี มันปล่อยวางอย่างนั้นไม่ถูกต้อง มันต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติในการละตัวละตน เราต้องเข้าใจ เหมือนที่หลวงปู่ชาว่า การปล่อยวางเราต้องเข้าใจนะ คนบ้ามันก็ปล่อยวางหมด มันไม่เอาอะไรจนมันเป็นบ้า คนเป็นพระอรหันต์ก็ปล่อยวางหมด แต่พระอรหันต์รับผิดชอบเสียสละยกเลิกตัวตน พระอรหันต์ขยันกว่าสามัญชนอีก ยกเลิกตัวยกเลิกตนอย่างนี้ ไม่ใช่ปล่อยวางแบบบ้านก็สกปรก ห้องน้ำสุขาก็สกปรก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็สกปรก ปากก็เหม็น อย่างนี้มันปล่อยวางไม่ถูกต้อง มันเลยยากจน เพราะมันไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ไม่มีความสุขในการทำงาน เรียกว่าปล่อยวางอย่างไม่ถูกต้อง คนเราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะได้ไม่ต้องไปหาความดับทุกข์ที่ไหน เราอยู่ที่บ้านเรา บ้านเราก็มีไร่มีนามีสวน สำหรับพวกที่ทำไร่ทำนาทำสวน พวกค้าขายก็มีความสุขในการค้าการขาย เพราะเราอย่าไปทำร้ายประชาชน เราอย่าไปเอาเปรียบประชาชน อย่าไปขายของแพง เพราะทุกคนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือญาติเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราอย่าไปขายของแพง กำไรน้อยมันได้ขายเยอะ มันก็พออยู่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็จะฟันแต่คนอื่น เอาแต่รถหรูบ้านหรูเครื่องบินหรูอะไรก็หรูๆ ไปหมด อันนี้มันเป็นตัวตน มันไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ พระคุณเจ้าทั้งหลายบอกสอนให้แผ่เมตตา ให้ตนเองบ้าง ให้คนอื่นบ้าง ต้องรู้จักการแผ่เมตตา คือการยกเลิกตัวตน ไม่ใช่ปากก็พูด แต่มือนี้ยื่นไปเอาของเขา เห็นคนรวยก็นะจ๊ะๆ เห็นคนจนก็ให้พรไม่ออก อันนี้ไม่ใช่จะแผ่เมตตา มันกลลวงมันหลอกลวง การแผ่เมตตาเราต้องยกเลิกตัวตน เราไม่ยกเลิกตัวตน ธรรมะมันก็ไม่เกิดขึ้น มันปิดกั้นอยู่แล้ว เหมือนส้วมมันตัน สมัยใหม่มันมีส้วมมันมีชักโครกส้วม มันตันด้วยเราไม่รอบคอบ เราเอาขยะไปเท เอาผ้าอนามัยไปทิ้งในโถส้วม หรือว่าต้นไม้มันไปอยู่ใกล้ รากไม้มันก็เข้ามาตัน เราต้องเข้าใจ ตัวตนมันก็ตันอย่างนั้น เขาเรียกว่าตัณหา คือความทะยานอยาก คือหาเรื่องให้ตนเอง พวกหาเรื่องก็คือปัญหา อยู่ดีๆ ไม่มีเรื่อง เหมือนพวกที่ไปมีครอบครัว เขาเรียกว่าพวกหาเรื่องให้ตนเอง พวกที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าพวกที่มีครอบครัว ครอบงำไว้ครอบงำความถูกต้อง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าครอบครัว มันไม่ได้เอาตัวตนนำชีวิต ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต จึงเรียกว่าครอบครัว ให้เข้าใจ เราจะเอาเอาปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ไม่ใช่เอาแต่แผ่เมตตา อะหัง สุขิโต โหมิ พูดแต่ปาก มือจะไปรับของเขา ผู้ที่วายชนม์ผู้ที่จากเราไป จะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นญาติวงศ์ตระกูล ความดีที่เราให้ทานรักษาศีลเราจะได้อุทิศให้ส่งให้ผู้วายชนม์ ให้เราเข้าใจ เรามีตัวมีตนเราจะเอาบุญเอากุศลที่ไหนให้เขา เพราะเราเป็นคนจน ถึงได้มีวิธีทำบุญกุศลในวัดวาต่างๆ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล สวดอภิธรรมสวดอะไรต่างๆ ก็เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล เราเป็นมนุษย์เราก็ต้องรู้จักคำว่ากตัญญูกตเวที ต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ที่วายชนม์จากไป
ให้พวกเราเข้าใจ ให้เราตื่นมาแต่เช้าเสียสละกราบพระไหว้พระนั่งสมาธิ ทำบุญตักบาตรกัน เอาแต่ตัวเอาแต่ตน นอนก็ดึกกัน สมาธิเช้าเย็นก็ไม่นั่ง เอาแต่เล่นโทรศัพท์เอาแต่คอนเสิร์ต ตื่นขึ้นมาก็ไม่กราบพระไหว้พระ ไม่นั่งสมาธิ ไม่ทำบุญตักบาตร สร้างบารมีให้ตัวเองอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ญาติก็ไม่ทำ
ความสมัครสมานสามัคคีกันพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่างนะ เราต้องเข้าใจ การประพฤติการปฏิบัติต้องเน้นโฟกัสมาที่ตัวเรานี้แหละ ไม่ต้องโฟกัสให้กับคนอื่น เพราะคนอื่นเขาก็เรื่องของคนอื่นเขา เราจะไปจัดการคนอื่น มันจัดการไม่ได้ มันต้องจัดการตัวเองก่อน อย่างนี้เราจะได้มีบุญมีความดีมีความประเสริฐ จิตของเราจะได้ดี เราต้องดูความเจริญความเสื่อม เราเอาตัวเอาตนมันก็เสื่อม ดูนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนาลันทา หลายร้อยหลายพันรูปเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาแต่เรียนเอาแต่ศึกษา เอาแต่ก่อเอาแต่สร้าง เห็นคนรวยก็นะจ๊ะๆ ข้าราชการนักการเมืองนักปกครองก็เอาแต่ นะจ๊ะๆ แต่คนยากคนจนไม่เทคแคร์ไม่ดูแล ไม่ให้ความอบอุ่น มหาวิทยาลัยนาลันทาถูกเผา ใช้เวลาเผาตั้ง 3 เดือน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็เป็นความเสื่อม เพราะเราไม่รู้จัก เราทุกคนต้องปรับเข้าหาเวลา ปรับเข้าหากฎหมายบ้านเมือง เพราะสิ่งเหล่านี้มันโฟกัสเข้าหาความดับทุกข์ ของชีวิตของเราทุกคน เราจะได้เข้าสู่ความเป็นมาตรฐานชีวิตที่ประเสริฐที่เราเกิดขึ้นมา ชีวิตของเราก็จะสงบอบอุ่น เย็นเป็นพระนิพพาน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee