แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๓๗ มาพยาบาลบำบัดรักษากายวาจาใจให้สงบเย็น เพื่อไม่เป็นโรคฟุ้งซ่าน โรคเครียด โรคซึมเศร้า
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันศุกร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
ชีวิตของเราทุกๆคนคือชีวิตที่ประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ เรามีการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาตรีโทเอง เพื่อมีสัมมาทิฏฐิทางจิตใจทางกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้พวกเราพากันเข้าใจ พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต อย่าเอาความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดที่มันเป็นตัวเป็นตน ชีวิตของเราทุกคนไม่มีใครปฏิบัติให้ เราต้องปฏิบัติเอาเอง เน้นมาที่เราที่ตัวเรา ที่เป็นสมมุติบัญญัติที่เป็นสมมุติสัจจะ ที่เป็นกฎหมายบ้านเมือง ที่เป็นพระธรรมเป็นพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ สำหรับนักบวช สำหรับผู้ไม่ได้บวชก็คือกฎหมายบ้านเมือง เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็เป็นทุจริต ตัวตนนั้นคือทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือทุจริต พระพุทธเจ้าจึงให้เราเข้าใจ เอาตัวตนนั้นคือทุจริต ประเทศไทยของเราน่ะได้มีการโกงกินคอรัปชั่นอยู่ในระดับ 60-70% สำหรับนักบวชสำหรับข้าราชการ นักการเมืองก็ 70-80% สาเหตุก็เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มีการเรียนการศึกษาก็เพื่อตัวเพื่อตน มีการทำงานก็เพื่อตัวเพื่อตน ส่งลูกส่งหลานไปเรียนนอก กลับมาก็เพื่อตัวเพื่อตน มันถึงได้เป็นอย่างนี้ ให้เราพากันเข้าอกเข้าใจนะ เราต้องพากันมาแก้ที่ตัวเรานี่แหละ เพราะเราไปแก้ที่คนอื่นไม่ได้ เพราะปัญหาต่างๆนั้นไม่ได้อยู่ที่คนอื่น ปัญหาที่พวกเราเวียนว่ายตายเกิด ปัญหาที่พวกเราไม่รู้อริยสัจ 4 คือไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราถึงไปแก้ที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ให้พวกเราเข้าใจจะได้พากันประพฤติพากันปฏิบัติ
วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง แบ่งเป็นกลางวัน 12 ชั่วโมง กลางคืน 12 ชั่วโมง กลางวันเป็นเวลาทำงาน กลางคืนเป็นเวลานอนเวลาพักผ่อน นี้เป็นชีวิตปกติธรรมดาสมัยโบราณ แต่สมัยนี้การงานมันเยอะ ไม่มีไฟฟ้ามีแสงสว่าง เราพัฒนาวิทยาศาสตร์มา ก็ต้องเข้ากะกลางคืน ทำงานโอทีอย่างนี้เป็นต้น เวลานอนพักผ่อนของหมู่มวลมนุษย์ก็ต้องให้ได้ 6-8 ชั่วโมง เด็กน้อยนักเรียนนักศึกษาพากันนอน 8-12 ชั่วโมง ให้เราพากันเข้าใจในชีวิตที่ประเสริฐนี้
คำว่า “วัด” หมายถึงข้อวัตรข้อปฏิบัติของเรานะ อยู่ที่ความคิดอยู่ที่คำพูดการกระทำกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ นี้เป็นข้อวัตรเป็นข้อปฏิบัติ เป็นวัดของเราทุกๆ คน ที่ดำเนินอยู่ในชีวิตประจำวัน เราต้องรู้จักวัด ที่มีทั้งวัดภายนอกและวัดภายในนะ วัดภายนอกก็เหมือนวัดป่าทรัพย์ทวีนี่แหละ หรือว่าวัดไหนก็แล้วแต่ อันนี้คือวัดภายนอก วัดภายในก็คือข้อวัดข้อปฏิบัติ ที่เราปรับเข้าหาความถูกต้องความเป็นธรรมความยุติธรรม มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าไม่มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ พวกเราก็จะเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า มีแต่ตัวมีแต่ตน มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์ตั้งอยู่มีแต่ทุกข์ดับไป เพราะเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะเราไม่รู้ความจริง เราจึงสร้างปัญหาให้กับตัวเอง เราต้องรู้จักวัดรู้จักข้อวัตรรู้จักข้อปฏิบัติ เดี๋ยวนี้สิ่งแวดล้อมมันมีมาก ทำให้เราเพลิดเพลินทำให้เราหลง ที่หมู่มวลมนุษย์พัฒนาเหตุพัฒนาผลพัฒนาวิทยาศาสตร์มาอย่างนี้ ทำให้มีแสงสีมีความศิวิไลซ์ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมย์มันสวยมันอลังการ มันอร่อยมันแซ่บมันลำมันนัวมันหรอย เราต้องเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจเราก็จะเอาแต่ความฟุ้งซ่าน เอาแต่หลงเอาแต่เพลิดเพลิน ไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ ไม่รู้ตัวทั่วพร้อม ว่าเรากำลังคิดอะไรพูดอะไรทำอะไร เอาแต่ตัวแต่ตนมันก็ฟุ้งซ่านอย่างนี้แหละ ให้พวกเราเข้าใจนะ เอาแต่ตัวเอาแต่ตนมันก็ขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ ตัวตนมันทำให้เห็นแก่ตัว เราทุกคนตื่นขึ้นมาก็พากันมาเสียสละ คือยกเลิกตัวตน เพราะตัวตนมันขี้เกียจขี้คร้าน พระพุทธเจ้าท่านบอกพวกเราทั้งหลายว่า “ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความขี้เกียจขี้คร้าน นั่นไม่ใช่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า” พระพุทธเจ้าท่านยกเลิกตัวยกเลิกตนไม่มีความขี้เกียจขี้คร้าน วันหนึ่งคืนหนึ่งพระองค์ทรงบรรทมพักผ่อนเพียง 4 ชั่วโมง ทำงานเสียสละด้วยการยกเลิกตัวยกเลิกตนเป็นผู้รับใช้หมู่มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายวันละ 20 ชั่วโมง
คนเราน่ะถ้าเรายกเลิกตัวตน เราก็มีความสุข เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ ต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ อย่าพากันขี้เกียจขี้คร้าน เราต้องข้ามสัญชาตญาณคือความชอบใจไม่ชอบใจ ความชอบใจไม่ชอบใจมันเป็นตัวเป็นตน เราอย่าไปเอาความชอบความไม่ชอบ ใจของเรามันคิดได้ทีละอย่าง ชอบเราก็รู้จัก ไม่ชอบเราก็รู้จัก ที่มันเป็นอาการของอวิชชาของความล้ม มันเป็นข้อสอบข้อตอบให้เราได้ประพฤติได้ปฏิบัติ เราอย่าไปสนใจความชอบความไม่ชอบ วันหนึ่งคืนหนึ่งเราก็พากันพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง สำหรับนักบวชก็พักผ่อน 5-6 ชั่วโมง ถ้าพระป่วยพระแก่ก็สัก 7-8 ชั่วโมง ก็ได้ แต่เมื่อหายป่วยแล้วก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ไม่ถึงขนาดต้องนอน 4 ชั่วโมงเหมือนพระพุทธเจ้าหรอก เราอย่าไปคอรัปชั่นเวลานอน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ มันก็มีแต่ความหลงมีแต่ความเพลิดเพลิน พากันคอรัปชั่นเวลานอนเพราะแสงสีความศิวิไลซ์ เพราะหนังก็ยังไม่จบละครก็ยังไม่จบ แค่เรามีโทรศัพท์มือถือมีคอมพิวเตอร์ออนไลน์อยู่อย่างนั้น เราต้องใจเข้มแข็ง มันจบไม่เป็นหรอกเพราะทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ เราต้องรู้จักใจเราต้องเข้มแข็งนะ
เราต้องปรับตัวเข้าหาธรรมะปรับเข้าหาเวลา เรามาพัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาทอาชีพของเรา ต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ความดับทุกข์อยู่ที่เรายกเลิกตัวตน มันไม่ใช่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีที่ไหนหรอก มหาเศรษฐีทางภายนอกทางวัตถุถ้าเรามีอวิชชาความหลง มันก็มีแต่ความฟุ้งซ่าน เราต้องเข้าใจนะ ท่านบอกว่าถ้าเรายกเลิกตัวตนน่ะ ถึงแม้จะไม่รวยเป็นมหาเศรษฐีทางวัตถุ แต่ก็ดับทุกข์ได้ เพราะความดับทุกข์ที่แท้จริงอยู่ที่เรายกเลิกตัวตนนะ เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เน้นมาที่เราโฟกัสมาที่เราทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เอาแต่ตัวเอาแต่ตนมันก็ไม่อยากทำงานไม่อยากบริการคนอื่น เพราะตัวตนมันไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่ทำงานไม่บริการคนอื่น มันก็จะถือพระถือพวก ถือหมู่ถือคณะ เพราะตัวตนมันคือพักคือพวกคือหมู่คือคณะ มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนให้เราเข้าใจอย่างนี้ ต้องปรับเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลากายวาจากิริยามารยาทอาชีพ อาชีพก็คือต้องบริสุทธิ์ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมือง เอาความถูกต้องนำชีวิต ตัวตนมันคือความไม่ละอายต่อบาปความไม่เกรงกลัวต่อบาป เอาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ทำให้ตนเองติดทำให้ตนเองหลง ถมเท่าไหร่มันก็ไม่รู้จักเต็ม เหมือนเชื้อเพลิงที่ไม่รู้จักพอ เราต้องรู้จัก
ให้พวกเรามีความสุขในการเสียสละ ละตัวละตน การประพฤติการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องใหม่เป็นเรื่องทันสมัยนะ เอาตัวตนเรียกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ไม่ใช่เรื่องทันสมัย เพราะมันเป็นระบบทุนระบบนายทุน สัญชาตญาณเป็นทุน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นนายทุนนะ ลงทุนเรียนหนังสือ ลงทุนทำการทำงาน คิดว่าได้ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ตามความรู้สึกมันจะดีมันจะถูกต้อง มันไม่ดีไม่ถูกต้องนะ นั่นคือผู้ที่ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติ เราต้องมีความสุขในการเรียนหนังสือมีความสุขในการทำงานอย่างนี้ อย่าไปคิดว่าเรียนหนังสือก็เพราะจำเป็นทำงานก็เพราะจำเป็น ที่มาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมก็เพราะความจำเป็น เพราะเขาให้มาประพฤติมาปฏิบัติ คิดอย่างนี้ไม่ได้นะ เป็นความคิดผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด คนเรามันต้องเรียนต้องศึกษาต้องเข้าใจเพื่อเป็นสัมมาทิฏฐิ เหมือนเราเป็นเด็กๆต้องเรียนหนังสืออ่านออกเขียนได้ เมื่ออ่านออกเขียนได้เราก็เอาไปใช้อ่านเขียนได้ในทุกหนทุกแห่ง รู้จักดีรู้จักชั่ว เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะใจของเรามันคิดได้ทีละอย่าง ปากก็พูดได้ทีละอย่าง การกระทำกริยามารยาทหรืออาชีพก็ทำได้ทีละอย่าง เราต้องโฟกัสก็มาหาความถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้ เราถึงจะเป็นผู้งานในเบื้องต้นงามในท่ามกลางงามในที่สุด ที่ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่าวัดข้อวัตรกิจวัตร เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันไม่มีข้อวัตรไม่มีข้อปฏิบัติ ทำตามใจตามอวิชชาตามความหลง เรียกว่ามันไม่ถูกต้อง เราต้องโฟกัสมาที่ปัจจุบันนี่แหละ คนเขาถึงจะรับเราได้ ไว้วางใจเราได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ดีไม่ถูกต้อง ให้เราเข้าใจ
อานาปานสติ เป็นที่เราต้องใช้เราต้องปฏิบัติทุกอิริยาบถ เรายืนเดินนั่งนอน หายใจเข้าให้สบายหายใจออกให้สบาย มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าก็รู้ว่าไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจออกก็รู้ว่าไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจเข้าหายใจออกก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราจะได้ยกเลิกความฟุ้งซ่านของเรา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะมันฟุ้งซ่านมากเลย อะไรมันก็ไม่ฟุ้งซ่านมากเท่าตัวเท่าตนนะ เราต้องเข้าใจการประพฤติการปฏิบัติ เวลาเราทำการทำงาน เราก็ต้องมีความสุขเราก็ต้องมีความสุขในการทำงาน เพื่อยกเลิกตัวตน มันจะเป็นทั้งศีลทั้งสมาธิทั้งปัญญา เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เวลาเราพูดเราทำอะไรกิริยามารยาทก็ต้องเน้นอย่างนี้แหละ จึงจะเป็นผู้งามในเบื้องต้นงามในท่ามกลางงามในที่สุด
เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เวลาเราพูดเราทำอะไรน่ะ กริยามารยาทเราก็เน้นอย่างนี้แหละ เราจะได้งามในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และในที่สุด เราทุกคนจะได้สร้างความถูกต้อง คำว่าพระก็คือกฎหมายบ้านเมือง ยกเลิกตัวตน เอากฎหมายบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง พระคือพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง สิ่งเหล่านี้ก็คือสมมติสัจจะเพื่อจะโฟกัสหาปรมัตถสัจจะก็คือความจริง ความจริงที่มันดับทุกข์ได้ทั้งกายวาจากริยามารยาทอาชีพ ที่เป็นความจริง เราทุกคนก็พากันเข้าใจ ไม่เข้าใจก็อย่าฟุ้งซ่าน ส่วนใหญ่เราพากันฟุ้งซ่าน ในโลกปัจจุบันนี้ถึงจะมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เอาวิทยาศาสตร์นำชีวิต เราพัฒนาวิทยาศาสตร์ พัฒนาเหตุผล แต่เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันก็ยิ่งเป็นโรคประสาทมาก เป็นโรคจิตมาก เป็นโรคซึมเศร้ามาก เข้าใจนะ หมู่มวลมนุษย์ในโลกนี้ปัจจุบัน ในโลกก็มีอยู่ 8000 กว่าล้าน ประชากรของโลกก็เป็นโรคฟุ้งซ่าน ยิ่งรวยยิ่งพัฒนาเทคโนโลยี ยิ่งเป็นโรคจิต โรคประสาท เป็นโรคซึมเศร้า เพราะว่าไม่ได้แก้ต้นเหตุ เราต้องเอาเรื่องจิตเรื่องใจเอาคุณธรรมไปพร้อมๆกันนะ เราจะได้มีความสงบอบอุ่น ไม่มีความฟุ้งซ่าน จะได้สงบเย็นเป็นพระนิพพาน เราไม่ต้องไปหาความสุขความดับทุกข์ที่ไหนหรอก หาอยู่ที่พวกเราทุกๆคนนี้แหละ ทุกๆคนถึงจะรักเรา เราเอาตัวเอาตนใครจะรักเรา เราคนหนึ่งก็ลูกระเบิดลูกนึงแล้ว เอามารวมกันมันก็ 2 ลูกแล้ว ที่เรามองหน้ามองตา มันก็มีแต่ลูกระเบิดทั้งนั้น ระเบิดทั้งตัวเองระเบิดทั้งคนอื่น เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราทุกคนต้องยกเลิกตัวตนเราจะได้ไม่เป็นบุคคลอันตราย ตัวตนมันคือบุคคลอันตรายนะ เราต้องพากันเข้าใจ อย่ามีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าเป็นบุคคลอันตราย ตัวตนมันเป็นได้แต่เพียงคนนะ คำว่าคน แปลว่าอวิชชา แปลว่าความหลง มันไปไหนไม่ได้ มันเวียนอยู่นั้นมันวนอยู่นั่น มันเป็นวัฏฏะสงสาร เราทุกคนต้องข้ามชัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคล พระพุทธเจ้าให้พวกเราเข้าใจง่ายๆ เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ มาสัมผัสกับเราเหมือนแขกมาเยี่ยมบ้าน ปกติแขกเขามาเยี่ยมบ้านแล้วเขาก็จากไป เพราะทุกอย่างนั้นคือพระไตรลักษณ์ ทุกอย่างนั้นมันไม่ใช่ตัวใช่ตน มีแต่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เราไม่เข้าใจก็จะฟุ้งซ่านไปเรื่อย ไม่รู้จักอริยสัจ 4 ไม่ปรับตัวเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลา ไม่มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราต้องเข้าใจ ไม่เข้าใจก็จะพัฒนาตัวเองเป็นโรคจิตมาก โรคประสาท เป็นโรคซึมเศร้า เราแก้ปัญหาอย่างไรมันก็ไม่จบ เพราะตัวตนคือมันเข้าใจผิด เห็นผิด ตัวตนเขาเรียกว่าป่วย คนเรามันป่วยมันป่วยทางกาย ป่วยทางใจนะ ตัวตนมันคือคนไข้นะ ตัวตนมากตัวตนจัดเขาเรียกว่าป่วยติดเตียง คนไข้ที่เข้า ICU ที่อยู่ที่โรงพยาบาล ตัวตนมันก็คือคนไข้ติดเตียงนี้แหละ เราดูแล้วก็หืม... มีแต่ความทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ตั้งอยู่ เราต้องยกเลิกตัวตน เอากฎหมายบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เอาศีล เอาธรรมเป็นที่ตั้ง เราจะได้รักษาอย่างถูกต้อง เมื่อเรารักษาถูกต้องแล้วเราก็เข้าสู่ภาคบำบัด เพื่อจะได้ฟื้นฟู คนที่ป่วยติดเตียงที่ฟื้นขึ้นมาต้องใช้ แพทย์พยาบาลกายภาพบำบัด ที่ยกแข้ง ยกขา เรียกว่าเข้าสู่ภาคบำบัด ทุกคนต้องบำบัดตัวเอง เพราะแพทย์อยู่ที่เรา พยาบาลอยู่ที่เรา เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ แล้วก็ภาคบำบัด เราต้องเข้าใจอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
เราทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องธรรม เป็นเรื่องปัจจุบันธรรมเป็นเรื่องทันสมัยนะ ตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ทันโลกไม่ทันสมัย ไม่รู้กาละเทศะ ไม่รู้จักเวลา มันจะเอาแต่ความสงบภายนอก ความสงบวิเวกภายนอกตาไม่เห็นรูปก็ว่าสงบ หูไม่ได้ฟังเสียงก็ว่าสงบ ไม่ได้กลิ่นก็ว่าสงบ มันสงบภายนอก พระพุทธเจ้าให้เราพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อมๆ กัน เมื่อเรายกเลิกตัวตนที่ไหนก็มีความสงบมีแต่ความวิเวก พระพุทธศาสนาก็ต่อยอดมาจากศาสนาพราหมณ์ สมัยปัจจุบันเขาเรียกว่าฮินดู ศาสนาพราหมณ์ก็เอาแต่ความสงบ เอาแต่สมาบัติ เอาแต่ว่างจากสิ่งภายนอก สงบวิเวก มีความคิดเห็นผิดเข้าใจผิด เอาความวิเวกภายนอกเป็นมรรคผลนิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสว่าอันนั้นมันไม่ได้ มันใช้ไม่ได้ คนเราจะนั่งสมาธิตลอดไม่ได้ มันต้องพักฉันข้าว ทานอาหาร ถึงมาพัฒนากายวาจาใจกริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นศีลสมาธิเป็นปัญญา ยกเลิกตัวยกเลิกตน ถึงได้ทรงวางหลักการเป็นเวลา 45 พรรษา ที่พระองค์ทรงประกาศพระศาสนา ที่เป็นพระวินัย เป็นพระสูตร เป็นอภิธรรม 84000 พระธรรมขันธ์ แบ่งเป็นปิฎก แบ่งเป็น 21000 พระธรรมขันธ์ มีมาในพระภิกขุปาฏิโมกข์ 227 ข้อ พระสูตรก็ 21000 พระธรรมขันธ์ พระอภิธรรม 42000 พระธรรมขันธ์ ให้เราเข้าใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อให้โฟกัสเข้าสู่สมมติสัจจะ เพื่อจะได้รู้จักผิด รู้จักถูกรู้จักดี รู้จักชั่ว เพื่อเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ อันไหนไม่ดีไม่คิดไม่พูดไม่ทำ กริยามารยาทตลอดถึงอาชีพที่ยกเลิกตัวตน มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เข้าสู่ความเป็นพระ
ความเป็นพระประชาชนก็เป็นพระได้ ประชาชนที่ไม่ได้บวชเป็นภิกษุสามเณรแม่ชี ก็เป็นพระได้ พระภิกษุสามเณรแม่ชีก็เป็นพระได้ พระคือยกเลิกตัวตน มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ให้เราเข้าใจอย่างนี้นะ วันธรรมดาเป็นวันทำงาน วันจันทร์ - วันศุกร์ เป็นวันทำงาน วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุด ก็ให้มีความสุขในการทำงาน การทำงานกับการปฏิบัติธรรมมันอันเดียวกัน เราไม่มีความสุขในการทำงานรับรอง 100% เป็นโรคจิต โรคประสาท เป็นโรคซึมเศร้าแน่ เพราะมันฝืนธรรมะฝืนธรรมชาติ เราทุกคนต้องมีความสุขในการทำงาน อย่าได้ทำตามใจตามอัธยาศัย ทำตามความรู้สึก ต้องยกเลิกตัวตน ยกเลิกตัวตนมันจะมีแต่ความสุขความดับทุกข์ มันทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ทั้ง กาย วาจา กริยามารยาท อาชีพ เราให้เข้าใจอย่างนี้ ในโลกนี้การพัฒนาอาชีพที่มี 18 ศาสตร์ การเรียนการศึกษาอาชีพมี 18 ศาสตร์ เพื่อเรามาพัฒนา 18 ศาสตร์นี้ให้เป็นพุทธะศาสตร์ 18 ศาสตร์คือ 1. ยุทธศาสตร์ 2. รัฐศาสตร์ 3. นิติศาสตร์ 4. พาณิชยศาสตร์ 5. อักษรศาสตร์ 6. ภาษาศาสตร์ 7. คณิตศาสตร์ 8. ดาราศาสตร์ 9. โหราศาสตร์ 10. ภูมิศาสตร์ 11. เวชศาสตร์ 12. ตรรกศาสตร์ 13. สัตวศาสตร์ ดู 14. วิศวกรรมศาสตร์ 15. ปรัชญา-ศาสนศาสตร์ 16. นโยบายศาสตร์ 17. นาฏศาสตร์ 18. ฉันทศาสตร์ เพราะผู้ที่จะเป็นนักปกครอง พระมหากษัตริย์ประธานาธิบดีสมัยโบราณ ต้องรู้เรื่อง 18 ศาสตร์ เข้าสู่ความประพฤติภาคปฏิบัติอย่างนี้ ถึงจะเป็นนักปกครอง การปกครองต้องปกครองด้วยทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต พระมหากษัตริย์ทั้งหลายหรือประธานาธิบดีทั้งหลาย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ เพราะมันไม่เป็นธรรมไม่เป็นความยุติธรรม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป เพราะตัวตน ทุกคนให้เข้าใจ
พูดให้ฟังอย่างนี้ก็อย่าเฉยๆ นะ ตัวตนมันหยาบมันกระด้าง ตัวตนมันไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป เขาเรียกว่ามันสุมอยู่ข้างในตัวตน ใครพูดอะไรมันก็ไม่ฟังไม่เชื่อ เพราะตัวตน มันหยาบมันกระด้าง ถ้าเป็นเนื้อเขาเรียกว่าเป็นเนื้อตาย ร่างกายของเราส่วนนั้นเป็นเนื้อตายมันหยาบมันก็กระด้างตัวตนมันไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป หลับตาไปเรื่อยเหมือนหมีกินผึ้ง คนโบราณเขาพูดแบบนี้ เพราะสมัยก่อนสมัยโบราณในป่าใหญ่ มีผึ้งหลวงที่จะอยู่ต้นไม้ใหญ่ๆ สูงๆ มีหลายรังมีเป็น 100 รัง ปกติหมีมันขนยาวหมีมันก็จะไปกินผึ้ง เวลามันไปกินผึ้งขนมันเยอะซึ่งมันต่อยไม่ได้ มันเลยหลับตาเพราะเวลาลืมตามันจะต่อย หลับตามันต่อยไม่ได้ เขาเลยเรียกว่าหมีกินผึ้ง เรามีตัวมีตนใครพูดอะไรมันก็ไม่ฟัง ตัวตนมันเก่งกว่าครูบาอาจารย์เก่งกว่าพระพุทธเจ้าอย่างนี้นะ ให้เราเข้าใจตัวตนมันอย่างนี้แหละ ท่านถึงบอกว่า คนเรามันเกิด 2 อย่างนะ มันเกิดทางกายส่วนหนึ่งนะ และเกิดทางใจส่วนหนึ่งนะ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันคือความเกิดนะ ตัวตนนั่นแหละร่างกายมันไม่มีสามีภรรยา แต่ใจของเรามันมีสามีภรรยาทั้งวัน ตัวตนมันมีผัวมีเมียทั้งวัน พระพุทธเจ้าตรัสบอกเราอย่าไปตรึกเรื่องราวต่างๆ อย่าปล่อยให้จิตใต้สำนึกมันเผาเรา มันต้องรู้จัก เราต้องหยุดให้อาหารอวิชชา หยุดให้อาหารความหลง เราอย่าไปตรึกในกาม อย่าไปตรึกในพยาบาท เราต้องรู้จักทุกข์ เราต้องรู้จักบ้านของเรา เราต้องรู้จักแขก ที่มาเยี่ยมบ้านของเรา เราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็เป็นแต่คนสมองมันสับสน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งศีลก็ไม่มีสมาธิก็ไม่มีปัญญาก็ไม่มี กฎหมายก็ปฏิบัติไม่ได้ เพราะมันเป็นตัวเป็นตน มันเป็นคนไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป ยกเลิกความถูกต้องยกเลิกความเป็นธรรมความยุติธรรม
เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ถ้างั้นไม่ได้ ก็จะไปแก้แต่คนอื่น เหมือนนักปกครองทั้งหลายที่จะไปแก้แต่คนอื่น เป็นเจ้าอาวาสก็จะไปแก้แต่ลูกวัดไปแก้แต่ประชาชน เป็นข้าราชการก็จะไปแก้แต่คนอื่นจะไปแก้แต่ประชาชน แต่เราเองไม่แก้ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้อง ไม่ได้โฟกัสมาหาตัวเองอย่างนี้ โลกนี้มันเต็มไปด้วยอวิชชาด้วยความหลง จนโลกนี้เป็นประชาธิปไตยี่เป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ ตัวตนมันจะเป็นเผด็จการ กฎหมายบ้านเมืองออกมาที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ที่กฎหมายมันไม่เป็นธรรมเป็นความไม่ยุติธรรม เช่นว่าชอบเหล้าชอบเบียร์ก็ออกกฎหมายบ้านเมืองจะได้กินเหล้ากินเบียร์ได้มาตรฐาน อยากกินสัตว์กินอะไรมาตรฐานก็ออกกฎหมาย แต่มันไม่ถูกต้อง มันทำให้สัตว์เดือดร้อน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้ง ออกกฎหมายบ้านเมืองให้เราได้มาตรฐาน ก็เกิดอุบัติเหตุทั้งกายวาจากิริยามารยาท ปีหนึ่งของโลกสัตว์ตายเพราะเหล้าเบียร์ เพราะอุบัติเหตุ ประเทศไทยของเราปีใหม่สงกรานต์งานต่างๆ ทำให้ประชากรของประเทศไทยนั้นตายเยอะ เพราะเหล้าเพราะเบียร์เพราะสิ่งเหล่านี้ ตัวตนนี้แหละมันมีปัญหา เราต้องเข้าใจ เราทุกคนจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราจะเอาประชาธิปไตยเป็นตัวเป็นตนนี้ไม่ได้ เราต้องเข้าใจ เราทุกคนต้องมาโฟกัสที่ตัวเรา คนอื่นก็คือเรานะ คนอื่นๆ ก็ต้องแก้ที่คนอื่น เพราะเราต้องเข้าใจไปพร้อมๆ กัน
การแก้ไขทุกวันนี้มันน่าจะง่ายกว่าสมัยก่อน เพราะสมัยก่อนการไปหามาสู่กันต้องเดินด้วยเท้า พัฒนามีรถมีเครื่องบินแล้วเดี๋ยวนี้ มีเครื่องมือคอมพิวเตอร์มีโทรศัพท์มือถือเราแชร์ความรู้ความเข้าใจไปไม่กี่วินาทีก็รู้กันหมด หมู่มวลมนุษย์ต้องเข้าใจอย่างนี้ใช้เทคโนโลยีใช้ความรู้ความเข้าใจให้เกิดประโยชน์ เราจะเอาแต่ตัวแต่ตน เอาแต่บันเทิงเอาแต่อวิชชาความหลงนี้ไม่ได้ เราต้องพากันรู้ความจริงเรียกว่ารู้อริยสัจ 4 อริยสัจ 4 เขาเรียกว่าเหตุปัจจัย เป็นกระบวนการ เป็นกระแสเหมือนสายน้ำ ตามภาษาบาลีเรียกว่ากระบวนการปฏิจจสมุปบาท เราทั้งหลายต้องเข้าใจ อย่ามีความเห็นผิดเข้าใจผิดนะ เหมือนพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เอาแต่ตัวเอาแต่ตนเอาแต่ก่อเอาแต่สร้างภายนอก ไม่แก้ไขตนเอง เห็นคนรวยนี่นะจ๊ะๆ แทบทุกวัดเลย เห็นคนจนนี้ให้พรไม่ออกเลย ตัวตนนี้มันฤทธิ์แรงมาก ตัวตนนี้มันถือพรรคถือพวก ตัวตนนี้มันกำลังเรืองรองกัน เราทุกคนต้องเข้าใจ เราโง่ไปแล้วก็แล้วไป เอาใหม่มาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกันไป มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราพากันมาเจริญสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม เดินก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม นั่งก็มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ทำงานก็อยู่กับเนื้อกับตัว มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เพื่อควบคุมคอนโทรลเข้าสู่ถนนเข้าสู่รันเวย์ เข้าใจอย่างนี้ เราจะได้มีความสุขเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะการประพฤติการปฏิบัติมันสำคัญ เวลานี้สำคัญ ปัจจุบันนี้สำคัญ ทุกอย่างนั้นถ้าเราพลาดเราก็พลาดที่ปัจจุบัน เราจะเอาคืนมาไม่ได้ เราต้องเห็นคุณค่าของกฎหมายบ้านเมือง เราจะเห็นคุณค่าของธรรมะ เห็นคุณค่าของเวลา
เราต้องข้ามช็อตไป ไปคิดเรื่องร่ำเรื่องรวยเ ราคิดถูกต้องปฏิบัติถูกต้องมันก็ต้องร่ำรวยอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดเหมือนพวกที่บวช มีความขวนขวายกลัวจะไม่มีที่อยู่ดีๆ ไม่มีวัดดีๆ ก็พากันสร้าง ได้ทำผิดพระธรรมได้ทำผิดพระวินัย ต้องมองข้ามช็อตไปนะ เจ้าอาวาสทั้งหลายต้องมองข้ามช็อตไป เราเป็นพระ ที่ไหนเขาก็อยากให้เราไปอยู่ ถ้าเรามีพระพุทธรูปสวยๆนี้หรือเราเป็นพระสวยๆนี้ ที่ไหนเขาก็อยากให้ไปตั้งที่ศาลาวัด ที่ศาลาการเปรียญ เพราะบางทีเราลงทุนกันหลายปี วางแผนความสวยของพระ เราต้องเข้าใจว่าความเป็นพระนั้น มันจะมีความสุขมีความสงบอบอุ่นเย็นเป็นแอร์ condition เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราก็ไปสร้างแต่วัดภายนอก เห็นคนรวยๆ ก็นะจ๊ะๆ อย่างนี้ไม่เอาไม่ถูกต้อง ก็ต้องเน้นมาหาพระที่เรา แล้วมาแก้ที่ตัวเรา ความสงบอบอุ่นจะได้มีแก่เราในอารามเรา ในครอบครัวเรา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้มันไม่ไหวนะ อย่าไปคิดโง่ๆ พระพุทธเจ้าไม่ไปสร้างวัดที่ไหนหรอก ไม่สร้างโบสถ์สร้างวิหารที่ไหนหรอก ดูตัวอย่างแบบอย่างมหาวิทยาลัยนาลันทา ใช้เวลาเผาตั้ง 3 เดือน พัฒนาแต่ตัวแต่ตนก็พัฒนาแต่โบสถ์วิหารลานเจดีย์ ไม่ได้เอาธรรมะเอาพระวินัย มหาวิทยาลัยนานันทาถึงได้ถูกเผา ตัวตนนี้แหละมันจะเผาทั้งตัวเราเผาทั้งคนอื่น ให้พากันเข้าใจนะ ที่มันฟุ้งซ่านว่า ที่ท่านมาเป็นพยาบาลมาเป็นบุรุษพยาบาล ไปสู้แพทย์ไม่ได้ เราอย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะความดับทุกข์มันมีอยู่กับความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราถึงจะมีความสุข เรายกเลิกตัวตนเราถึงเข้าถึงความดับทุกข์ เข้าถึงปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ วันธรรมดาเราก็ยกเลิกตัวตนระดับศีล 5 คนเราถ้าไม่ยกเลิกตัวตนพวกพระเณรชีทั้งหลายศีล 5 ก็ยังรักษาไม่ได้ เพราะตัวตนคือผู้ที่รักษาศีล 5 ไม่ได้ ถ้าเรายกเลิกตัวตนศีล 5 มันก็จะมี ศีล 5 ก็จะมีอยู่แต่ในหนังสือในพระไตรปิฎก แต่ไม่ได้อยู่ที่เรา ให้เข้าใจ เพราะความรู้ความเข้าใจมันจะกลับไปอยู่ในตำราหมด เพราะตัวตนมันได้ทำลายความถูกต้อง มันได้ระเบิดความถูกต้องนะ
ในครั้งพุทธกาลท่านถึงให้พัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจ เดือนนึงก็พัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจล้วนๆ ถือศีลอุโบสถ ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่าง พัฒนาเรื่องใจ เพราะเราติดในความสุขในความสะดวกในความสบาย ถึงได้พากันรักษาศีลอุโบสถเพื่อยกเลิกตัวตน เพราะตัวตนมันคิดมันปรุงแต่ง เมื่อเรายกเลิกความคิดความปรุงแต่ง มันก็ข้ามสัญชาตญาณไป เรายอมรับในพระธรรมในพระวินัยว่าพระพุทธเจ้าท่านให้อาหารได้ตั้งแต่เช้าไปถึงเที่ยง นอกจากนั้นเราต้องยกเลิก เราต้องยอมรับในพระธรรมในพระวินัยอย่างนี้นะ ความหิวมันก็ไม่เกิด เพราะความหิวของเรามันบีบคั้นด้วยความปรุงแต่ง เราต้องเข้าใจ สมมติสัจจะมันจะโฟกัสให้เรายกเลิกความหิวให้เราข้ามสัญชาตญาณ จึงมีวันพระมีวันอุโบสถเพื่อให้หมู่มวลมนุษย์ได้พัฒนาจิตใจ ทุกวันนี้มันเป็นโลกสมัยใหม่เอาวันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุด เพื่อจะพัฒนาจิตใจของมวลมนุษย์ ไม่ใช่ให้เราหลงเพลิดเพลินไปเที่ยวคอนเสิร์ตไปเที่ยวทะเลเที่ยวบ้านนั้นบ้านนี้ แต่เพื่อให้พากันสงบอบอุ่นสงบเย็น พากันนั่งสมาธิเจริญสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม พิจารณาพระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างนั้นมันมีแต่ไม่เที่ยงมัน ล้วนแต่ผ่านไปผ่านมา ไม่มีสาระอะไร สิ่งเหล่านี้มันเอาทรัพย์มาให้เรามันเอาขุมทรัพย์ เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ จะได้ทิ้งอดีตที่ผ่านมาให้เป็นเลข 0 อนาคตเราตั้งไว้เอาธรรมนำชีวิต มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต ทุกวันนี้มีความรู้ที่แชร์กันมาในโทรศัพท์มือถือ เราต้องเข้าใจเมื่อเข้าใจแล้วจิตใจเราต้องเข้มแข็ง เพราะสิ่งต่างๆ มันยั่วยวนเรา มันแซ่บมันอร่อยมันรำมันนัวมันหรอย ให้ทุกคนเข้าใจแล้วก็ใจเข้มแข็ง เอาแต่สิ่งที่ดีๆ สิ่งไหนมันไม่ดีเราต้องข้ามไปๆ ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ไป เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
พวกที่บวชถาวรบวชเอามาผลนิพพาน ก็พัฒนาปฏิปทาให้ติดต่อต่อเนื่อง เหมือนสายน้ำแม่น้ำที่เข้าสู่ทะเลมหาสมุทร พวกที่บวชชั่วคราวบวชสัญจร เพื่อพัฒนาธรรมเอาธรรมนำชีวิต ก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะการบวชเขาต้องบวชทั้งกายทั้งใจทั้งกิริยามารยาท เน้นตัวเองให้เต็มที่ อย่าไปคิดว่าเราไม่ได้บวชตลอดชีวิต เราบวชชั่วคราว คิดอย่างนี้ไม่ใช่มันไม่ถูกต้อง เพราะเราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ปรับตัวเข้าหาเวลาปรับตัวเข้าหาธรรมะ ยกเลิกตัวตน ตัวตนนี้แหละมันคิดว่าทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้มันเป็นทุกข์ ตัวตนมันมีความกลัว ยังไม่ได้นั่งสมาธิมันก็กลัวปวดแข้งปวดขาแล้ว ยังไม่ถึงตี 2 ตี 3 มันก็กลัวแล้ว กลัวต้องตื่นตี 2 ตี 3 เพราะตี 2 ตี 3 มันเป็นเวลานอนพักผ่อนสำหรับประชาชนคนเป็นฆราวาส เราอย่าไปสนอกสนใจ เพราะความคิดอย่างนี้มันเป็นอาการกิริยาของนิติบุคคลตัวตน อย่าไปสนใจพ่อมันแม่มันลูกหลานมัน เราสนใจเราก็เฉยๆ ปรับเข้าหาธรรมะปรับเข้าหาเวลา มีความสุขในการประพฤติในความปฏิบัติ เราอย่าไปกลัวนะ เอาใหม่ทั้งหลายผู้ที่มาบวชชั่วคราวบวชสัญจร เราจะบวชกี่วันมันก็ไม่มีปัญหา เราปฏิบัติดีๆ เราสิกขาลาเพศไป จะได้เอาส่วนนี้ไปประพฤติปฏิบัติให้มันชำนิชำนาญ เพราะพระอริยเจ้านั้นเป็นได้ทั้งประชาชนที่ไม่ได้บวชต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะความดับทุกข์มันเป็นสากลเหมือนอาหารที่เป็นสากล ใครทานอาหารก็ดับทุกข์ การปฏิบัติธรรมก็เป็นสากลคือยกเลิกตัวตน เป็นพระธรรมพระวินัย ทุกคนก็เป็นพระได้ ไม่ใช่เฉพาะคนที่ห่มผ้าเหลืองหรอก เพราะถ้าห่มผ้าเหลืองแล้วยังเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็จะเป็นได้แต่แต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมาย แต่จิตใจคุณธรรมมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นได้แต่เพียงแบรนด์เนม เป็นได้แต่เพียงทุจริต เพราะประเทศไทยเรามีความทุจริตเกิดขึ้นแล้ว พระกับข้าราชการ 60 - 70% นักการเมืองก็ 70-80% พระพุทธเจ้าก็บอกว่าไม่ต้องเอาเรื่องเอาราวไปเอาผิดคนอื่น เน้นมาที่ตัวเรา ไม่งั้นเราจะเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า ปัญหามันแก้ที่คนอื่นไม่ได้ มันต้องแก้ที่ตัวเรา ปัญหามันอยู่ที่เรานะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราเวียนว่ายตายเกิด มันต้องแก้ที่เรา เพราะตัวตนมันคือการเวียนว่ายตายเกิด ต้องมาแก้ที่เรา คนอื่นเขาจะเป็นอะไรก็ช่างเขา เราเอาเป็นเพียงกระจกเงาเฉยๆ เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ พากันมาทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
เราจะเป็นพระวัดป่าเราก็ทำได้ เป็นพระวัดบ้านเราก็ทำได้ เป็นเถรวาทมหายานวัชรยานก็ทำได้หมด เป็นฆราวาสญาติโยมก็ทำได้ เน้นมาที่ตัวเราเรา อย่าไปหาพระภายนอกคือพระภายนอก พระภายในก็คือที่ตัวเรานี่แหละ ที่เราไปหาพระภายนอกก็เพื่อเราจะบำรุงพระศาสนา เพื่อให้ข้าวเพื่อให้อาหาร หรือวันเสาร์วันอาทิตย์เราไปถือศีลปฏิบัติธรรมกับท่านเหล่านี้ เพื่อจะได้รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน จะได้เห็นหน้าเห็นหน้าผู้ที่เอามรรคผลพระนิพพาน บุญกุศลที่เราให้ทาน เราเสียสละเราจะได้มอบบุญมอบกุศลให้กับญาติให้กับบรรพบุรุษของเราที่วายชนม์จากไป เพราะเราได้รับ DNA มาจากบรรพบุรุษ เราต้องเป็นคนกตัญญูกตเวที อุทิศบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ด้วยจิตใต้สำนึกที่กตัญญูกตเวที เราต้องพากันมาเสียสละเพื่อละตัวละตน ต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ความรู้ความเข้าใจมันถึงเป็นสัมมาทิฏฐิ เราเข้าใจอย่างนี้แล้วก็ปฏิบัติให้มันเสมอ เหมือนพระใหม่พระนวกะอย่างนี้ที่ต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ยกเลิกนิสัยส่วนตัว เพื่อปฏิปทาติดต่อต่อเนื่องกัน 5 ปี 5 พรรษา ต้องยกเลิกตัวตนไม่ถือนิสัยของตัวตน 5 ปี 5 พรรษา เพราะหมู่มวลมนุษย์ตัวตนมากอีโก้มาก ต้องยกเลิกตัวตน ให้ทุกคนพากันเข้าใจ ปรับตัวเข้าหาธรรมะปรับตัวเข้าหาเวลา ต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้าเพราะพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พระพุทธเจ้าคือพระธรรมพระวินัย เรามีความสุขในการปฏิบัติการปฏิบัติ
การนั่งสมาธินี้มีความจำเป็น ผู้ที่เป็นประชาชนไม่ได้บวช เช้าสักชั่วโมงนึง ตอนค่ำก่อนนอนสักชั่วโมงนึง สมาธินี้ก็คือยกเลิกตัวตนนั่นแหละ ทิ้งอดีตเป็นเลข 0 พิจารณาพระไตรลักษณ์ อนาคตก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าเอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายนำชีวิต ปัจจุบันก็เข้าสู่ความว่างจากความมีตัวตนไม่เอาอะไร เราไม่เอาอะไรเราถึงจะไม่ถูกนิวรณ์ครอบงำ เรามานั่งสมาธิเราก็จะเอาแต่ความสงบอย่างนี้มันก็เพิ่มความเป็นโรคประสาทไปอีก อยู่ดีๆ มันก็มีโรคประสาทอยู่แล้ว เราจะไปเพิ่มโรคประสาทเข้าไปอีก นิวรณ์มันครอบงำเราก็ฟุ้งซ่าน มันก็สงสัยไปเรื่อยมันก็คิดไปเรื่อย นั่งสมาธิมันก็ไม่ได้สมาธิ มันได้แต่ฟุ้งซ่าน นั่งสมาธิคือมายกเลิกเรื่องอดีตเรื่องอนาคตเรื่องปัจจุบัน เราต้องมานั่งสมาธิ เพราะเราทุกคนมันหลงมันเพลิดเพลิน เราจะเอาแต่คอนเสิร์ต เอาแต่หนังเอาแต่ละคร เอาแต่ตัวเอาแต่ตน เพราะหมู่มวลมนุษย์มันต้องมีปัญญา มันต้องพัฒนาชีวิต เราจะได้รู้ว่าชีวิตของเรานี้มันประเสริฐ เราจะได้รู้ว่าชีวิตของเรามีค่า กฎหมายบ้านเมืองเป็นสิ่งที่มีค่า เราจะได้รู้ลึกซึ้งว่าเราเกิดมาทำไม ทำไมต้องปรับเข้าหาเวลาอย่างนี้ปรับเข้าหาธรรมะอย่างนี้
เราต้องโฟกัสมาหาเรานี้แหละ เราทำงานเราก็ต้องมีความสุขในการทำงาน เดี๋ยวนี้โลกใหม่สมัยใหม่มันเป็นสิ่งที่แบ่งสรรปันส่วนกัน จะได้แชร์ความสุขกัน มันมีการเข้ากะกลางคืนนะ คนอื่นเข้ากะกลางคืน พระพุทธเจ้าถึงให้เรายกเลิกความชอบความไม่ชอบ ฉันชอบอย่างนี้ฉันไม่ชอบอย่างนั้น ยกเลิกความชอบไม่ชอบ เราต้องมาแก้ที่เราที่ตัวเรา รู้จักความชอบความไม่ชอบ ความชอบความไม่ชอบมันก็คือความปรุงความแต่ง ความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์ที่สุดในโลก มาเสียสละนิติบุคคลตัวตน ยกเลิกความชอบความไม่ชอบ มีความสุขในการเสียสละในความชอบความไม่ชอบ จะได้เป็นสายกลาง ตัวตนมันไม่ใช่สายกลางนะ ตัวตนมันคือความชอบความไม่ชอบ เหมือนพราหมณ์ที่ไปถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าเอาแต่ความชอบ แล้วความไม่ชอบจะเอาไปไว้ที่ไหน เอาความชอบความไม่ชอบมันเป็นตัวตน พระสารีบุตรได้ฟังธรรมพิจารณาตามก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะความชอบความไม่ชอบนี้ มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป จะเอาความชอบความไม่ชอบมันทำไม มันเป็นนิติบุคคลตัวตน
ปัจจุบันสมัยใหม่ มีการแชร์กันต้องเข้าเวรกะกลางคืนเราต้องรู้จัก เราต้องยอมรับสมมุติสัจจะหรือว่าข้อกติกายกเลิกตัวตนต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะเราเป็นพยาบาลหรือว่าทำงานกะกลางคืน เราต้องยกเลิกตัวตนอย่างนี้ มันมีการพัฒนาได้ การพากันนอนเท่านี้ชั่วโมงเท่านั้นชั่วโมง เรายกเลิกตัวตน เราอยู่ที่ไหนมันก็สงบ เรามีตัวมีตนมันก็นอนไม่หลับ เพราะตัวตนมันคือนอนไม่หลับ ตัวตนมันหลับไม่ลงตัวตนมันคือความฟุ้งซ่าน ให้เราเข้าใจ เราอยากให้มันสงบ เราต้องรู้จักความสงบนะ ความไม่สงบเป็นอาการของตัวตน เราจะเอาความชอบความไม่ชอบเอาไว้ในใจ เดี๋ยวมันไม่สงบนะ เราต้องรู้จักหน้ารู้จักตา เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าตรึกเจ้านึกเจ้าคิดเจ้าชอบเจ้าไม่ชอบ ความรู้ความเข้าใจแบบนี้มันจะก่อภพก่อชาติมันจะทำบ้านทำเรือนทำครอบครัวให้เราเวียนว่ายตายเกิดให้เราไม่ได้ เราต้องรู้จักความคิดความหลง เราต้องอยู่เหนือความชอบความไม่ชอบนะ ในชีวิตประจำวันของเรา เราชอบอย่างนั้นเราไม่ชอบอย่างนี้ เราต้องรู้จักว่าความชอบไม่ชอบมันคืออาการของตัวตนของเรานะ เรามีตัวมีตัวมันก็ชอบไม่ชอบ ต้องเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นมันจะทำให้เราเสียเวลา เอาแต่ความชอบเอาความไม่ชอบอย่างนี้ มันไม่ใช่คนมีปัญญานะ มันคือมีตัวมีตน เราทุกคนคือผู้ปฏิบัติธรรม ยกเลิกสิ่งที่ถูกต้องไป คือคนที่ไม่รู้อริยสัจ 4 นะ เราต้องรู้อริยสัจ 4 เราจะเอาความชอบความไม่ชอบมาเป็นการนำชีวิตอย่างนี้ไม่ได้ ให้ยกสิ่งที่ชอบไม่ชอบให้เป็นสุญญตา ให้มันว่าง รู้จักหน้ารู้จักตา เข้าสู่ความประพฤติภาคปฏิบัติ มันเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น เราจะได้รู้จักว่าโอ้...นี่มันคือข้อสอบข้อตอบของเรา ถ้าไม่มีความแก่ความตายความพลัดพราก ถ้าไม่มีความชอบความไม่ชอบ เราก็ไม่มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ พระพุทธเจ้านี้เก่งจริง พระพุทธคือผู้ที่ประเสริฐ เอาความถูกต้องนำชีวิต เราต้องเข้าใจอย่างนี้
เราจะได้รู้ว่าการปฏิบัติธรรม มันอยู่ที่บ้านอยู่ที่ทำงานอยู่ในการประพฤติในการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ในครอบครัวของเรา เราทุกคนพากันแก้ที่ตัวที่ตนอย่างนี้ เอาแต่ตัวแต่ตนมันไม่ได้ เอาแต่ตัวแต่ตนมันก็คือความทุกข์ความยากความจน ต้องรู้จักตัวตนมันคือความยากจน มันจนทั้งวัตถุจนทั้งจิตทั้งใจมันเป็นทุกข์ 2 ต่อนะ ให้พากันเข้าใจแล้วมีความสุขในการประพฤติความปฏิบัติ เรามาวัดมาปฏิบัติเรามาเรียนรู้มาเข้าใจ เรากลับไปเราจะได้มีหลักการหลักวิชาการ เราจะเอาการทำงานเอาการปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งเดียวกัน เราอย่าไปคิดว่าไม่ว่าง ประพฤติปฏิบัติธรรมไม่ได้ การทำงานคือการปฏิบัติธรรม การพูดจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพคือการปฏิบัติธรรมนะ อย่าเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง มันคือไม่ได้ปฏิบัติธรรม ให้ทุกคนเข้าอกเข้าใจ การปฏิบัติธรรมมันอยู่ที่เรานี่แหละ ให้เรารู้จักหลักการรู้หลักวิชาการ ให้เรากลับมาหาตัวเองมาปฏิบัติตัวเอง เราทุกคนจะได้ไม่พากันฟุ้งซ่าน เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ทุกวันมันก็จะชำนิชำนาญ เพราะทุกอย่างมันจะมาปรากฏกับเราทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันก็แค่นี้เอง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็มองไม่ออก เพราะตัวตนมันคือความมืด เป็นมนุษย์เดือนมืด ตัวตนนี้นะ มันเป็นความมืด เรายกเลิกตัวตน สมองเราก็จะไม่สับสน กฎหมายบ้านเมืองมันก็จะทำได้ปฏิบัติได้ มันจะได้เข้าถึงปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ตอนนี้มันรักตัวเอง มันเป็นคนหลงตัวเอง หลงตัวเองยังไม่พอ มันยังหลงในลูกในหลานในทรัพย์สมบัติในชื่อเสียงเกียรติยศ ให้เข้าใจเมื่อเข้าใจแล้ว อย่าให้ใจของเราหมกมุ่นในตัวในตนในอวิชชาความหลง ต้องรู้จักว่าโจรภายนอกมันไม่สำคัญหรอก โจรภายในที่อยู่ในใจของเรานี้ ตัวตนมันจะเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ คนเราน่ะมันไปมองโจรไกลเกิน โจร 500 โจร 1,000 โจรมันก็คือโจร โจรมันก็คือความทุกข์ มันไม่ได้อยู่ที่ใกล้ที่ไกล มันอยู่ที่กายวาจวใจกิริยามารยาทของเรานี้แหละ พวกโจรพวกยักษ์พวกเปรตพวกมารพวกสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายมันอยู่ในตัวเรา มันอยู่ที่เราไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
ทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ อย่าไปคิดว่า ไม่มีเวลาปฏิบัติ ไม่มีโอกาสได้ไปวัดเลย ไม่มีโอกาสได้ไปถือศีลที่วัดเลย อย่าไปคิดอย่างนั้น การที่เราคิดดีๆ พูดดีๆ กิริยามารยาทดีๆ อาชีพที่มันถูกต้องที่เรายกเลิกตัวตน ให้เข้าใจอย่างนี้ ไม่งั้นเราจะไม่รู้จักเรื่องที่ถูกต้อง ให้เอาชีวิตประจำวันเอาธุรกิจหน้าที่การงานเป็นการประพฤติการปฏิบัติธรรม เหมือนลมหายใจอย่างนี้ ใครไปที่ไหนก็ต้องหายใจอยู่ที่นั่น เหมือนเลือดในร่างกายของเรามันก็มีหัวใจที่เป็นศูนย์กลาง มันก็สูบฉีดเลือดเข้าสู่สรีระร่างกาย มันก็ทำงานของมัน ไม่ใช่ว่าไปที่นู่นไปที่นี่มันถึงจะไปสูบฉีดนะ ไปที่ไหนมันก็สูบฉีด เราต้องเข้าใจการประพฤติการปฏิบัติ มันก็เหมือนสมองของเราเราพักผ่อน 6 - 8 ชั่วโมง เด็กน้อยเด็กกำลังศึกษาก็ 8 - 12 ชั่วโมง สมองของเราถึงจะมีประสิทธิภาพ ควบคุม Control การทำงานที่เราเรียนที่เราศึกษา การประพฤติการปฏิบัติเราต้องมาเน้นที่เรา ยกเลิกตัวตนอย่างนี้ ทุกคนมันก็จะเก่งมันก็จะฉลาด เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ไม่ฉลาด ถึงจะจบปริญญาเอก จบ ป.ธ. 9 มันก็ไม่ฉลาด ตัวตนมันไม่ใช่คนเก่งคนฉลาดอะไร ให้เข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ มันอยู่ที่เราที่ตัวเรา แต่ก่อนไม่เป็นไรเพราะไม่เข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เมื่อเรามีความสุขในการทำงาน เรื่องเงินเรื่องสตางค์เรื่องทรัพย์สมบัติมันก็ไม่มีปัญหา เพราะเครดิตเราก็ดี เราก็เป็นตัวอย่างแบบอย่างเป็นปูชนียบุคคล ส่ง DNA ทั้งกายทั้งวาจาทั้งมารยาทให้ลูกให้หลานได้ เราเอาตัวตนเราจะส่ง DNA ส่งความดีให้ลูกให้หลานเราได้อย่างไร เพราะเราเป็นคนคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติของประเทศที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์นะ เอาตัวตนมันทำลายความมั่นคงของพระศาสนา ศาสนาในโลกนี้คือธรรมะ มันทำลายสติปัญญาเรียกว่าทำลายทศพิธราชธรรมที่เอาธรรมนำชีวิต อย่างพระมหากษัตริย์ก็ทรงทศพิธราชธรรม ประธานาธิปดีคือผู้ที่เอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ มันไปไม่ได้ ตัวตนมันคือไปไม่ได้ ตัวตนมันคือติด ติดไปไม่ได้ ท่านถึงบอกว่า ต้องยกเลิกตัวยกเลิกตน อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในตัวตน มันไม่ใช่ความดับทุกข์ เราต้องยกเลิกอดีตให้มันเป็นเลข 0 เอาปัจจุบันให้มันว่างจากนิติบุคคลความเป็นตัวตน กฎหมายบ้านเมืองมันถึงจะใช้ได้ พระธรรมวินัยมันถึงจะใช้ได้ เอาตัวตนไปที่ตั้งมันคือทุจริตมันเป็นโมหะมันคือสายมู ทุกคนต้องพากันเข้าใจเมื่อเข้าใจ แล้วก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด จะมีแต่ความสงบร่มเย็นเป็นพระนิพพาน ทุกหนทุกแห่ง ให้เข้าใจอย่างนี้ เราจะได้ส่ง DNA ให้ลูกให้หลานของเรา ยิ่งเราทำไปปฏิบัติไป เราก็จะยิ่งทำยิ่งชำนาญเพราะการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องมันจะทำให้ชำนิชำนาญ เหมือนเราเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลเรียนไปเรียนมา มันก็จบปริญญาเอก มันต้องก้าวไปด้วยสัมมาทิฏฐิทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาท ให้ทุกคนเข้าใจอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เราทุกคนจะได้มีความสงบอบอุ่น สงบเยือกเย็นเป็นพระนิพพาน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee