แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๓๓ พัฒนากายใจให้งามในเบื้องต้นด้วยศีล งามในท่ามกลางด้วยสมาธิ งามในที่สุดด้วยปัญญา ที่เรามายกเลิกตัวตนนี้แหละ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๗
ให้พวกเราทุกคนพากันเข้าใจความเป็นพระ ความเป็นพระนั้นเป็นได้ทั้งฆราวาสผู้ครองเรือน เป็นได้ทั้งนักบวช เพราะต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติเข้าสู่ภาคบำบัด เน้นมาที่ตัวเราโฟกัสมาที่ตัวเรา ประชาชนทุกคนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ต้องพากันยกเลิกตัวตน การยกเลิกตัวตนนั้นได้แก่ศีล 5 ศีล 5 ก็โฟกัสเพื่อยกเลิกตัวตนเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด พากันรักษาศีล 5 ปรับตัวเข้าหาเวลารอบตัวเข้าหาธรรมะ วัน 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ รักษาศีลอุโบสถหรือถือศีลอด เพื่อเข้าสู่ความวิเวกทางกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เพื่อพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆกัน สมัยปัจจุบันนี้เอาวันหยุดที่เป็นสากลคือวันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการเป็นวันหยุดทำงาน เพื่อพัฒนาจิตใจเพื่อพัฒนาคุณธรรม
สำหรับนักบวชถือศีลหรือพระวินัย เพื่อยกเลิกตัวตนเอาธรรมเอาวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ไม่ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัย เอาธรรมเอาวินัยเอาเวลาเอาข้อวัตรกิจวัตรนำชีวิต ได้รับสิทธิพิเศษถูกต้องตามกฎหมายถูกต้องตามสิกขาบทบัญญัติ เราถึงทำตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองตามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ประชาชนที่ไม่ได้บวชหรือประชาชนคนที่มาบวชจะตามใจตัวเองไม่ได้จะตามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ นี้เป็นหน้าที่ของเราที่เป็นมนุษย์ ท่านพุทธทาสภิกขุผู้เป็นนักปราชญ์บัณฑิตของโลก ท่านได้ประพันธ์ว่า เราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูง… เพราะเราทุกคนถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็ไม่ใช่มนุษย์ เป็นได้แต่เพียงคน จึงต้องพากันเข้าใจ การพัฒนาพวกเราถึงต้องเอาธรรมนำชีวิต ประชากรของโลกในปัจจุบัน 8,000 กว่าล้านคน ทุกชาติทุกศาสนาก็ไปในทางเดียวกันนี่แหละ คือเอาธรรมนำชีวิต ที่เป็นกฎหมายเป็นสมมุติบัญญัติ ก็เพื่อที่จะโฟกัสเข้าหาภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ถ้าเราติดเราหลงเราก็เข้าสู่ภาคบำบัด เพื่อส่งผลัดจากภาคปฏิบัติเป็นภาคบำบัด ศีลสมาธิปัญญาจึงเป็นภาคปฏิบัติหรือภาพบำบัดเพื่อให้ติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำเพื่อไหลสู่ทะเลสู่มหาสมุทร เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เอาความรู้สึกเอาอัธยาศัยที่มันเป็นสัญชาตญาณที่เป็นนิติบุคคลตัวตน ทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด เราถึงจะเดินไปได้เดินต่อไปได้
การเรียนการศึกษาเป็นเรื่องที่เข้าใจ เพื่อจะนำไปประพฤตินำไปปฏิบัติ ต้องเข้าใจความหมายในการเรียนการศึกษาเพื่อเราจะได้มีสัมมาทิฏฐิทั้งเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องกายวาจากิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพของเราทุกๆคน เหมือนเข้าใจหนังสือเล่มใหญ่ๆเล่ม 1 ที่ต้องเข้าใจความหมาย ถ้าเราไม่เข้าใจมันก็เป็นความจำ เพราะความจำหลายเดือนหลายปีมันก็หลงก็ลืม เพราะไม่ใช่ความเข้าใจ เราเข้าใจถึงจะประพฤติปฏิบัติได้ เราจะไม่ได้ตรึกในกามจะไม่ได้ตรึกในพยาบาท กายวาจาใจกิริยามารยาทของเราจะได้ปฏิบัติถูกต้อง เพื่อจะได้ไม่มีความบกพร่อง ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่องกฎหมายบ้านเมืองเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัย เพราะความเข้าใจนี้มีคุณมีประโยชน์มาก ธรรมทั้งหลายทั้งปวงนี้สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจ เป็นความรู้คู่การปฏิบัติ ถ้าเรามีการประพฤติปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องมันถึงจะเข้าใจ เพราะการยกเลิกตัวตนเป็นความสุขอย่างยิ่งเป็นความดับทุกข์อย่างยิ่ง เราดูตัวอย่างแบบอย่างท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าท่านได้เป็นพระอรหันต์ ท่านก็ยิ่งเสียสละ ท่านไม่ได้ติดอยู่ในความสุขความสะดวกความสบาย ชีวิตของท่านคือยกเลิกตัวตนด้วยการมาเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละเราก็จะไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ยิ่งเป็นพระอรหันต์ขีณาสพก็ยิ่งเสียสละ เพราะการเสียสละจะทำให้จิตใจนี้แข็งแรงจิตใจผ่องใสจิตใจไม่มีมลทินจิตใจไม่มีความผิด เราดูตัวอย่างแบบอย่างผู้บวชมาใหม่ก็ดีผู้ที่บวชเก่าก็ดีเป็นคนไม่เสียสละ คนไม่เสียสละคือผู้ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญานะ ท่านถึงบอกเราว่า ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อตัวตนไม่เสียสละ ไม่ใช่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าคือใคร พระพุทธเจ้าก็คือผู้ที่เสียสละ ยกเลิกตัวตน บำเพ็ญพุทธบารมีทั้งหลายล้านชาติหลายอสงไขย เป็นผู้ที่เสียสละ นั้นเรียกว่าพระพุทธเจ้า แม้พระวรกายของพระพุทธเจ้าจะดับขันธปรินิพพานไป แต่พระธรรมพระวินัยที่ทรงแสดงไว้บัญญัติไว้ก็ยังเป็นพระศาสดาองค์แทน พระธรรมพระวินัยที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกเราทุกคนมีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องก็ยังมีอยู่ เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ถ้าเรายกเลิกตัวตนเราถึงจะเป็นคนทันโลกทันสมัยทันการทันเวลา ไม่ตามใจตัวเองไม่ตามอวิชชาไม่ตามความหลง พุทธะนี่คือการประพฤติการปฏิบัติอยู่ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เราว่างจากนิติบุคคลตัวตน มีทั้งความสงบมีทั้งความวิเวกมีทั้งความสงบอบอุ่นเป็นความดับทุกข์ในปัจจุบัน ให้พวกเราเข้าใจอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงบอกสอนเรา มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ดับไป นี้เป็นอาการของตัวตน เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์ตั้งอยู่มีแต่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์นั้นไม่มี สาเหตุก็เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เพราะเรายังไม่รู้อริยสัจ 4 เราต้องพากันเข้าใจนะ ที่เราเป็นประชากรของโลกทั้งนักบวชทั้งผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมือง ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั้นเป็นมนุษย์ไม่ได้ เป็นได้แต่เพียงคน เป็นข้าราชการก็ไม่ได้ เป็นนักการเมืองก็ไม่ได้ เป็นนักบวชก็ไม่ได้ ทำไมถึงไม่ได้ ก็เพราะได้แต่สมมุติได้แต่แต่งตั้ง เราต้องปฏิบัติทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพเพื่อยกเลิกตัวตน ถึงจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ เป็นข้าราชการนักการเมืองเป็นนักบวชที่สมบูรณ์ได้ จึงให้เข้าใจ
วันหนึ่งคืนหนึ่งสำหรับประชาชนผู้ที่อยู่ที่บ้านอยู่ที่ครอบครัว กลางคืนนั้นเป็นเวลานอน กลางวันคือเวลาทำงาน การนอนก็คือการปฏิบัติธรรม การทำงานเพื่อการปฏิบัติธรรม กลางคืนก็ 12 ชั่วโมง กลางวันก็ 12 ชั่วโมง ประชาชนที่ไม่ได้เป็นนักบวชพากันนอน 6-8 ชั่วโมง เด็กน้อยในวัยเรียนวัยศึกษาก็ 8-12 ชั่วโมง อันนี้เป็นกฎของกรรมเป็นกฎของธรรมชาติ อย่าพากันคอรัปชั่นเวลานอน เพราะสมัยทุกวันนี้พากันคอรัปชั่นเวลานอนเยอะ เพราะมันมีสิ่งบันเทิงเริงรมย์เยอะ ทั้งในโทรทัศน์โทรศัพท์ในคอมพิวเตอร์ ให้พวกเราพากันเข้าใจ เพราะการเดินทางก็มีความสุขมีความทุกข์มีความบันเทิงที่ให้หมู่มวลมนุษย์หลงใหลได้ จึงต้อง Control เวลานอนกันนะ อย่าพากันคอรัปชั่นเวลานอน ถ้าเรานอนไม่พอหลายวันติดต่อกัน สุขภาพเราก็ทรุดโทรม สมองเราจะไปสั่งร่างกายได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ จะคอนโทรลจะเอาไปใช้งานจากที่เราเรียนเรารู้ไปประพฤติไปปฏิบัติก็ไม่ได้ เพราะพวกเราพากันคอรัปชั่นเวลานอนกัน ก่อนนอนนั้นต้องพากันนั่งสมาธิกันเพื่อยกเลิกสิ่งที่เป็นอดีต เพื่อเป็นความว่างเปล่าจากตัวตน ให้มันเป็นศูนย์อนาคตเราก็ตั้งเป้าหมายไว้คือเอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายเอาเวลานำชีวิต ปัจจุบันที่เราประพฤติเราปฏิบัติก็ว่างจากตัวจากตน ลมหายใจเข้าลมหายใจออกสั้นก็รู้ ลมหายใจเข้าออกยาวก็รู้ อานาปานะสติ โฟกัสเข้าปัจจุบันยกเลิกตัวตน เพราะตัวตนมันทำให้สมองเราสับสน ทำให้จิตใจของเรามันเป็นได้แต่เพียงคน พากันนั่งสมาธิเช้านั่งสมาธิเย็น ต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะชีวิตของเราต้องเดินไป ใจกับกายต้องต้องไปพร้อมๆ กัน ถึงถูกต้อง มีศีลมีสมาธิมีปัญญาในปัจจุบันนี้แหละ เราต้องเห็นคุณค่าในการประพฤติในการปฏิบัติ เราเอาแต่ตัวเอาแต่ตน เอาแต่พวกคนร่ำคนรวย พวกนักเรียนนักศึกษาก็พากันนอนดึก การทำงานของเราก็ไม่มีประสิทธิภาพ เราต้องรู้เรื่องกายของเรา รู้เรื่องทางจิตทางใจของเราไปพร้อมๆ กัน
เราทุกคนที่เจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 คือเอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต ถ้าเราทำอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่องกัน 3 อาทิตย์ขึ้นไป กายใจกริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพไปเรื่อยๆ เพราะทุกอย่างนั้นคือเหตุคือปัจจัยหรือเป็นกระบวนการของกรรม หรือว่ากระบวนการของปฏิจจสมุปบาท ที่ปฏิบัติทั้งกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ อาชีพทั้งหลายทั้งปวงต้องตั้งอยู่ในความถูกต้อง เพื่อไม่ให้เดือดร้อน คนอื่นสัตว์อื่น ไม่ให้เดือดร้อนตนเอง คนเราถ้ายกเลิกตัวตนถึงจะเป็นคนน่ารักนะ ถ้าไม่ยกเลิกตัวตนไม่ยกเลิกความเห็นผิดเข้าใจผิด ก็เป็นคนไม่น่ารัก พากันศัลยกรรมต่างประเทศหรือในประเทศมันก็งามแต่ภายนอก กายวาจากริยามารยาทอาชีพมันไม่งามไปพร้อมๆ กัน มันไม่ทางสายกลาง เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เรานี้แหละคือบุคคลที่อันตราย ตัวตนนี้มันระเบิดทั้งตัวเอง ระเบิดทั้งคนอื่น มันอันตราย ให้เข้าใจ พระพุทธเจ้าต้องเอาเป็นตัวอย่างแบบอย่าง ต้องเอาพุทธะเป็นตัวอย่างแบบอย่าง ในโลกนี้มันเต็มไปด้วยความทุกข์ที่เกิดขึ้น ความทุกข์ที่ตั้งอยู่ ความทุกข์ที่ดับไป เพราะเป็นทุจริตเป็นตัวเป็นตน ให้พวกเราทุกคนโฟกัสมาหาเราอย่างนี้นะ แต่ก่อนเราไม่เข้าใจ พากันมองแต่คนอื่นโกงกินคอรัปชั่น ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็เหมือนคนอื่น โกงกินคอรัปชั่น ให้เข้าใจอย่างนี้ ความเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ไม่อยู่ที่ใคร มันอยู่ที่กาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพเรานี่แหละ ให้เข้าใจอย่างนี้ พระพุทธเจ้าถึงบอกกับพวกเราทั้งหลายว่า งามในเบื้องต้นคือศีล งามในท่ามกลางคือสมาธิ งามในที่สุดคือปัญญา ที่เรายกเลิกตัวตนนี้แหละ คนมีศีลนั้น หอมอยู่เสมอ หอมทั้งตามลมและทวนลม หอมทั้งในเวลามีชีวิตอยู่ และละโลกนี้ไปแล้ว เป็นที่ชื่นชมรักใคร่ของคนทั่วไปในเวลาที่มีชีวิต เป็นที่เสียดายอาลัยรัก และกล่าวขวัญสรรเสริญ ถึงในเวลาที่ตายไป ทั้งนี้เพราะตลอดเวลาที่มีชีวิต คนมีศีลไม่มีพิษมีภัยต่อผู้ใด มีกิริยาวาจาละมุนละไม น่ารัก ไม่ฆ่าตี ข่มเหง เบียดเบียน ทำร้ายใคร ทั้งด้วยกายและวาจา ประกอบด้วยความเมตตากรุณาแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่เป็นนิจ ด้วยเหตุนั้น ศีลเป็นอาภรณ์คือเครื่องประดับอันประเสริฐ (สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ) เพชรนิลจินดาและอาภรณ์อันมีค่า มิใช่เครื่องประดับอันประเสริฐ เพราะไม่อาจทำกาย วาจา ใจ ของผู้ประดับให้งดงามได้ คนมีศีลเป็นเครื่องประดับ จึงงดงามทุกเมื่อ
วัดคือข้อวัตรข้อปฏิบัติ อยู่ที่ กาย วาจา ใจ กริยามารยาท อาชีพ เราต้องเข้าใจว่าวัด ถ้างั้นจะรู้จักแต่วัดภายนอก เข้าใจแต่วัดภายนอกมันต้องมีทางวัดภายนอกและวัดภายในไปพร้อมๆ กัน ให้เข้าใจอย่างนี้ เพราะความเป็นพระมันเป็นได้ทั้งคนที่ไม่ได้บวช ประชาชนคนที่ไม่บวชก็ได้เป็นพระที่ยกเลิกตัวยกเลิก เขาเรียกว่าพระ พระเขานับตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ผู้ที่มาบวชปลงผมนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์เขายังไม่เรียกว่าพระ เขาเรียกว่าภิกษุ ภิกษุแปลได้ 2 อย่าง เป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ยกเลิกตัวตน ยกเลิกทาสยกเลิกชนชั้นวรรณะ มีความเป็นอยู่โดยไม่สะสมอะไร ฉันอาหารในการบิณฑบาตวันละครั้งเดียว สำหรับผู้ที่ไม่ป่วยไม่สบายหรือไม่แก่เกิน คนที่เจ็บไข้ไม่สบายพวกแก่ๆ นี้ก็ฉันได้ฉันตั้งแต่รุ่งอรุณ ไปถึงเที่ยงกี่ครั้งก็ได้ พวกที่ฉันได้แค่ช้อนครึ่งช้อน เพราะว่ามันป่วยมันอาพาธมันแก่แล้ว แต่เราดูแล้วในประเทศไทยนี้มีการฉันเพล กายมันไม่ได้ป่วยหรอกแต่ใจมันป่วย พระพุทธเจ้านั้นตั้งแต่ทรงผนวชจนถึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ไม่มีการฉันอาหารเพลนะ ให้พวกเราเข้าใจ ที่พากันทำกันทั้งประเทศจนเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยกเลิกก็ไม่ได้ การทำอะไรติดต่อต่อเนื่องนั่นแหละทุกคนยอมรับ กลายเป็นการเผด็จการไปแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ก็ทำกัน ไม่ใช่ธรรมวินัยน่ะ มันเป็นประชาธิปไตยมันเป็นสังคมนิยม คนที่เป็นอย่างนี้เข้าใจอย่างนี้เนี่ยคิดว่า เป็นคนฉลาดทันโลกทันสมัย คิดว่าพวกที่ฉันในบาตรฉันมื้อเดียว เป็นคนที่ไม่ทันโลกทันสมัย ถ้าคิดอย่างนั้นก็ต้องรวมถึงพระพุทธเจ้าด้วยสิ พระพุทธเจ้ายกเลิกตัวตนเอาธรรมวินัย พระพุทธเจ้าก็ไม่ทันสมัยสิ ให้เราเข้าใจอย่างนี้ ประธานสงฆ์ทุกๆ วัดนี้คิดดีๆ นะ ผู้ปกครองตั้งแต่เจ้าอาวาสจนถึงมหาเถรสมาคมต้องเข้าใจ เราทุกคนต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้งเอาพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง อย่าเอาตัวเอาตนเอาประชาธิปไตยที่กลายเป็นอัตตาธิปไตยไปโดยที่ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจนะ สังคายนาก็ได้เกิดขึ้นมา เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันมีมาก อย่างพวกภิกษุวัชชีบุตรทั้งหลาย พวกที่เพี้ยนนี่ขับไล่พระอรหันต์ จึงได้มีการสังคายนาครั้งที่ 2 เกิดขึ้น เมื่อ พ.ศ. 100
โลกนี้มีปัญหา สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ก็ต้องมีสงครามโลกครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ไปเรื่อย คืออวิชชาคือความหลง คือไม่รู้อริยสัจ 4 เจ้าอาวาสทั้งหลายประธานสงฆ์ทั้งหลายนั้นสำคัญมาก เพราะเจ้าอาวาสประธานสงฆ์เหมือนหัวจักร ความมั่นคงของชาติของกษัตริย์ ก็ได้ตั้งเจ้าอาวาสเพื่อโฟกัสเข้าหาธรรมวินัยเข้าหาความถูกต้อง ต้องเข้าใจความหมายของเจ้าอาวาส เราจะได้โฟกัสกลับมาหาเราเอา มาหาเจ้าอาวาสเอง เพื่อไม่ให้เจ้าอาวาสทำอะไรตามใจตามอารมณ์ เอาแต่ใจเอาแต่อารมณ์ มันถึงไม่มีเจ้าอาวาส มีแต่เจ้าอาละวาดหรือเจ้าอารมณ์ พวกนี้ฟุ้งซ่านมาก คิดแต่เรื่องกฐินเรื่องผ้าป่า เพื่อหารายได้ทั้งทางตรงทางอ้อม เรียกว่าสารพัดพิษ ทำความเสียหายให้กับประชาชนมากเลย ก็เลยไม่ได้มาแก้ไขที่ตนเอง ไปแก้ไขที่คนอื่น หลวงปู่ชาแห่งวัดหนองป่าพง ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นนักบวชเป็นฆราวาสว่า ท่านสอนตนเองปฏิบัติตนเอง 100% ตามที่รู้พระธรรมพระวินัยด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา บอกผู้อื่นสอนผู้อื่นเพียง 5% มันถึงพอไปได้ พวกท่านนี้มีแต่บอกมีแต่สอนคนอื่น มีแต่ก่อมีแต่สร้าง ไม่หลายเดือนไม่หลายปีหรอก ท่านก็จะฟุ้งซ่านไม่สงบ เพราะมันเป็นกระบวนการแห่งความฟุ้งซ่าน เรียกว่ากระบวนการของปฏิจจสมุปบาท มันเป็นกรรมเป็นเวรเป็นภัยต่อท่านเองต้องเข้าใจอย่างนี้ ลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นนักบวชขอหลวงปู่ชาว่า ให้หลวงปู่สร้างมูลนิธิให้หน่อย เพราะหลวงปู่ชามีบารมีมาก เมื่อสมัย 50 กว่าปีก่อน เห็นวัดอโศการาม สมุทรปราการ เขามีมูลนิธิ สมัยก่อนกินดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 10 ต่อปี ก็เป็นเงินหลายล้าน เป็นมูลนิธิให้พระเณรไม่อดไม่อยาก หลวงปู่ชาท่านก็คิดอีกอย่างนึง คิดอย่างพระพุทธเจ้า หลวงปู่ชาท่านบอกว่า ผมจะไม่สร้างมูลนิธิให้พวกท่าน เพราะว่าพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ที่เน้นมาเพื่อยกเลิกตัวตน มันเป็นมูลนิธิในตัว ในธรรมวินัยอยู่แล้ว ถ้าใครปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็มีแต่คนอยากเอาของมาถวายอุปถัมภ์อุปัฏฐาก เมื่อพระเราไปรับเงินรับทองสะสมสิ่งของ เราก็จะเกิดทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน พวกเราทุกคนก็จะพากันกร๋ากร่าง ไม่ใช่ลูกศิษย์ไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกเราไม่ต้องกลัวอดตาย เราต้องเดินตามพระพุทธเจ้า ไม่เดินตามอวิชชาตามความหลง อวิชชาความหลงมันสายมูนะ สายมูก็คือสายโมหะ พวกนี้จัดว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาของพระเทวทัต พระเทวทัตเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เอาลาภสักการะเสียงเยินยอ เอาเงินเอาสตางค์เป็นที่ตั้ง อันนี้มันคือสายโมหะ สายอวิชชาสายความหลงนะ หลวงปู่ชาท่านเลยไม่ตั้งมูลนิธิแห่งวัดหนองป่าพง ท่านจะสร้างพระ พระธรรมพระวินัย สร้างจากนิติบุคคลที่เป็นตัวเป็นตนให้เป็นพระธรรมวินัย
การมาบวชคือการมายกเลิกตัวยกเลิกตน มายกเลิกชนชั้นวรรณะ ท่านก็บอกเราว่าใครจะมาจากคนรวยคนจน มาจากชาติศาสนาไหนก็ไม่สำคัญ เมื่อยกเลิกตัวยกเลิกตนแล้ว เอาธรรมนำชีวิต ทุกคนก็จะเข้าความสุขความดับทุกข์ได้ เพราะนี้คือมรรคผลพระนิพพาน คือความสงบอบอุ่นสงบเย็น ต้องเข้าใจอย่างนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจเราจะไขว้เขวนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไขว้เขว เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันต้องอาบัติทั้งวันทั้งคืนนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั่นแหละที่เรามองเห็นด้วยตาฟังด้วยหู เห็นคนรวยๆ มาเกี่ยวข้องก็พูดเสียงต่ำเสียงสูง นะจ๊ะๆ เห็นข้าราชการนักการเมืองที่มีอำนาจวาสนาให้ยศให้ตำแหน่งได้ นะจ๊ะๆ อย่างนี้ไม่ได้นะมันคือการทำลายความมั่นคงความถูกต้อง เขาเรียกว่าการประทุษร้ายตระกูลของความเป็นพุทธะนะ พระพุทธเจ้าท่านปรับอาบัติพวกนี้ บอกหลายครั้งก็ไม่ฟัง ท่านถึงปรับอาบัติสังฆาทิเสสนะ พวกนะจ๊ะทั้งหลายนี้ หลวงตามหาบัวถึงได้บอกว่าพวกที่พูดนะจ๊ะๆ มันจะทำความเสียหายให้กับประเทศนะ พวกที่ไปบอกไปสอนเขาว่าคนที่ถวายตังค์ถวายของเยอะๆ นี้ จะมีสวรรค์มีวิมานมารองรับ ต้องพากันทำบุญทำกุศล เพราะเราทุกคนนั้นมีการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ได้เน้นสอนเรื่องอริยสัจ 4 เลย สอนเพื่อตัวเพื่อตน ไปบอกให้แต่ประชาชนเสียสละ แต่ผู้รับไม่เสียสละ มันไม่ได้ หลวงปู่ชาถึงบอกว่า เราต้องเสียสละอย่างนี้นะ จิตใจของเราถึงจะมีความสุขมีความเบิกบาน ใจของเราถึงจะไม่เศร้าหมอง
ธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญนะ เราอย่าไปคิดว่ามันเป็นการปกครองระดับภายนอกนะ เป็นการปกครองภายนอกเพื่อโฟกัสเข้าสู่ภายใน อย่างนี้ต้องพากันเข้าใจ พวกเจ้าอาวาสทั้งหลายอย่าพากันไปบ่นไปว่านะว่าทุกวันนี้ไม่มีใครเขาอยากจะมาบวช เพราะโลกมันเจริญแสงสีศิวิไลความสะดวกสบายมีมาก ใคร..เขาจะอยากมาบวช เพราะเราไม่ได้เป็นพระ เราพากันเป็นโจร ใครเขาจะอยากมาเป็นโจรเหมือนเรา เพราะเราพากันมาบวชพากันมาเอาพระศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ ที่มีการเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก น.ธ. ตรี จนถึง ป.ธ. 9 ก็รู้กันอยู่แล้ว ใครอยากมาบวช ถ้าเห็นเจ้าอาวาสเห็นประธานสงฆ์พากันประพฤติพากันปฏิบัติ ทุกคนก็ต้องพากันมาบวชอยู่แล้ว เพราะประเทศไทยนี้พิเศษ มีสิทธิพิเศษสามารถลาบวช 7 วัน 15 วัน 1 เดือน จนไปถึง 120 วัน 4 เดือน โดยได้รับเงินเดือนตามปกติ เพราะว่าการบวชทุกคนก็รู้ว่ามันดีอยู่แล้ว แต่ไม่อยากไปบวช เพราะพวกที่บวชนี้มันไม่ใช่เป็นพระ มันเป็นโจร ให้เข้าใจอย่างนี้นะ
เจ้าอาวาสทั้งหลายประสานสงฆ์ทั้งหลายให้กลับมาดูที่ตัวเองว่าตัวเอง ให้ตัวเองไม่มีปัญหา เอาตัวตนมันมีปัญหา หลายคนพูดกันว่าอยู่องค์เดียว 2 องค์ไม่มีเพื่อน มันจะมีเพื่อนได้อย่างไร เพราะเรามีตัวมีตน อยู่องค์เดียวก็ระเบิดคนเดียวแย่แล้ว ถ้ามาอีก 2 คนก็ยิ่งระเบิด 2 ลูก เหมือนในสมัยใหม่ทำเตาเผาสรีระร่างกายของมนุษย์ ใช้น้ำมัน ใช้แก๊ส ใช้ไฟฟ้า ถ้ามันอยู่ใกล้ในเมืองมันไม่ควรจะเอาถังแก๊สหลายอันมารวมกัน ถ้ามันระเบิดบริเวณแถวๆ นั้นมันอยู่ยาก ตัวตนมันก็ระเบิดอย่างนั้นแหละ ทุกๆ คนต้องมาแก้ที่ตนเองที่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด ตัวตนมันมีปัญหาทั้งนั้นทั้งส่วนราชการส่วนนักการเมืองทั้งส่วนนักบวช ตัวตนนี้มันคือเจ้าปัญหา เราต้องโฟกัสมาหาที่ตัวเรานี้แหละ หลวงพ่อถึงบอกกับโยมที่ดูแลวัดอุปฐากวัดว่า เรานี้ต้องเป็นเด็กวัดนะ เราอย่าไปแก่วัด ทำไมเขาใช้คำว่าเด็กวัด คือเอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต ไม่ได้แก่วัด เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนพูดเพราะไหว้งาม กิริยามารยาทงาม ไม่กร๋าไม่กร่าง เพราะตัวตนมันกร๋ามันกร่าง เพราะตัวตนมันคือเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ มันกร๋ามันกร่าง เราต้องเข้าใจ เรามาบวชก็เพื่อเรามายกเลิกตัวตน เอาข้อวัตรมายกเลิกตัวตน อย่างนี้มันถึงจะงามในเบื้องต้นงามในท่ามกลางงามในที่สุดอย่างนี้นะ เราต้องเข้าใจอย่างนี้แหละ เอาแต่ตัวเอาแต่ตนมันมีโรคส่วนตัว ทำอะไรมันก็ช้ากว่าเวลาไม่ได้เสียสละ พวกที่บวชได้บวชอยู่นานๆ มองดูแล้วก็พวกนี้เสียสละนะ ทิ้งอดีต ทิ้งสิ่งบริโภคต่างๆ เน้นอยู่ที่ปัจจุบันโฟกัสมาที่ปัจจุบัน บางคนก็ไม่ได้ปฏิบัติเคร่งครัดอะไร แต่ก็อยู่ได้หลายสิบปี พระกรรมฐานนี่นะ บางคนก็อยู่กับการอุปัฏฐากครูบาอาจารย์บ้าง บางคนก็อยู่กับการทำบาตรทำขาบาตรเย็บจีวรปัดกวาดเช็ดถู พวกนี้มันต้องเสียสละยกเลิกตัวยกเลิกตน มันต้องออกมาทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น ทำอะไรตามเวลาเหมือนนาฬิกายี่ห้อดีๆ ไม่ใช่ยี่ห้อเก๊ๆ นะ ต้องยกเลิกตัวตน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตน ไม่กี่เดือนมันก็ต้องเศร้าหมอง เพราะตัวตนมันคือความเศร้าหมอง ต้องออกมา อย่าไปกลัวพระพุทธเจ้า อย่าไปกลัวครูบาอาจารย์ อย่าไปกลัวพระสงฆ์ มันเป็นอสุรกายมันถึงกลัว ยังไม่นั่งสมาธิก็กลัวจะปวดแข้งปวดขาแล้ว ยังไม่ถึงตี 3 ก็กลัวแล้วว่าต้องตื่นตีสาม สะดุ้งตลอดเลยเพราะตัวตน มันวิตกกังวล เราต้องรู้จักหน้ารู้จักตาของตัวตนนะ พวกพระเก่าๆ อย่างนี้เราอย่าไปหมกเม็ด อวิชชาอย่าไปหมกเม็ดความหลงนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หนีพระธรรมหนีพระวินัยหนีพระพุทธเจ้าหนีครูบาอาจารย์ เราดูตัวอย่างแบบอย่าง พระที่พากันมาบวช มาปลงผมนุ่งห่มผ้าจีวร แตต่ยกเลิกพระธรรม ยกเลิกข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่ปรับเข้าหาพระธรรมหาวินัย ไม่ปรับตัวเข้าหาภาคปฏิบัติภาคบำบัด มาบวชให้เวลามันผ่านไปกลืนกินวันเวลาเดือนปี สึกออกไปแล้ว มันก็ไม่ร่ำไม่รวย มีแต่ยากมีแต่จน บางคนเห็นแล้วก็ไปไม่รอด มีแต่อ้อมแอ้มไปอ้อมแอ้มมาแถวๆวัดนี้ เรามาบวชเทศน์ให้เสียงดังฟังชัด ให้เขาเลิกเหล้าเลิกเบียร์ พอสึกไปก็ไปทำแบบเขา กลัวเหล้ากลัวเบียร์มันจะหมดหรือยังไงไปห้ามเขา
ทุกคนก็ต้องเข้าใจนะ ต้องพากันกระตือรือร้น ให้ออกมาทำข้อวัตรข้อปฏิบัติ เพราะตัวตนนั่นแหละมันคือกำลังป่วยติดเตียง เราต้องเข้าสู่ภาคบำบัด เข้าสู่กายวิเวก ศีลคือกายวิเวก สมาธินี้คือไม่ตรึกในกาม ไม่ตรึกในพยาบาท ไม่ตรึกในตัวตน เรียกว่าจิตวิเวก อุปธิวิเวกหมายถึงยกเลิกตัวตน พระพุทธเจ้าบอกเราทั้งหลายว่าให้รู้สภาวะตามความเป็นจริง เรื่องอริยสัจ 4 เพราะสิ่งภายนอกและสิ่งภายในมันกระทบการเฉยๆ เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน ที่มีรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมอารมณ์ มันมาผัสสะภายนอกเปรียบเสมือนแขกมาเยี่ยมบ้านของเรา ปกติแขกที่มาเยี่ยมบ้านของเราก็ต้องจากไป ต้องพิจารณาสู่พระไตรลักษณ์ อย่าไปหลงอย่าไปเพลิดเพลินอย่าไปประมาท ทุกคนต้องภาวนาทุกคนต้องปฏิบัติ ยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ ถ้าเราไม่ทำไม่ปฏิบัติ เราต้องอาบัติทุกกฏจนถึงอาบัติถุลลัจจัยนะ ในฐานที่ทำความผิดที่เกิดขึ้น ไม่ได้ประไม่ได้ปฏิบัติ ไปติดอยู่ที่ความสุขไปติดอยู่ที่ความสงบไปติดอยู่ที่สมาบัติ อันนั้มันเป็นตัวเป็นตน ต้องเข้าไปสู่อุปธิวิเวก ยกเลิกตัวตน รู้จักเสียสละจะได้เข้าสู่ความว่าง เพื่อติดต่อต่อเนื่องกันเป็นสายน้ำ เป็นแม่น้ำ เป็นทะเลเป็นมหาสมุทร ทุกคนต้องเอาใจใส่ตนเอง ด้วยความตั้งใจด้วยความสุข
คนเราน่ะมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ มันไม่มีความทุกข์ สุขภาพกายก็ดีสุขภาพจิตก็ดี เราจะเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด ว่าพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มันลิดรอนสิทธิของเราหมด ที่เราบอกว่าสิทธิมนุษยธรรม มันไม่ใช่ มันคือสิทธิที่เป็นตัวเป็นตน มันไม่ใช่ความเป็นมนุษย์ เราต้องหยุดสิ่งที่เป็นนิติบุคคลตัวตน เราต้องยกเลิกทาสยกเลิกชนชั้นวรรณะ ด้วยพระธรรมด้วยพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เพราะสิ่งนี้เหล่านี้มันลิดรอนสิทธิความเป็นมนุษย์ของเรา เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้ยกเลิกทาส พระพุทธพระเจ้ามาตรัสรู้เรียกว่ามายกเลิกทาส ยกเลิกชนชั้นวรรณะ ยกเลิกตัวยกเลิกตน เป็นการทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ทั้งกายวาจากิริยามารยาทตลอดจนถึงอาชีพ ทำให้ถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ชีวิตของเราจะสงบอบอุ่นเย็นเป็นพระนิพพาน
เจ้าอาวาสทั้งหลายต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติ เราทุกคนถึงจะได้เป็นเบอร์ 1 เดี๋ยวนี้เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาไม่ได้เรียกว่าเบอร์ 1 เป็นเบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4 เบอร์หลายร้อยนู่น ตัวตนคือมันไม่เป็นหนึ่งนะ เพราะตัวตนมันเป็นคู่เป็น 2 คู่ คู่บวกคู่ลบ อย่างไฟฟ้ามีขั้วบวกขั้วลบ ต้องเข้าใจอย่างนี้ เจ้าอาวาสทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปคิดว่า เสียอกเสียใจเสียเวลาไปหลายปี ปล่อยให้ตัวเองมีตัวตนกำเริบเสิบสาน เวลามันไม่เสียหรอก เวลามันก็อยู่อย่างนั้น สิ่งที่ได้สิ่งที่เสียสิ่งที่มีสิ่งที่เป็นมันคือตัวตนต่างหาก เพราะว่าธรรมะไม่มีได้ไม่มีเสีย ไม่มีช้าไม่มีเร็ว มันคือความจริงของสมมุติสัจจะ วิมุตติสัจจะ ให้เข้าใจอย่างนี้ จะได้ไม่ต้องไปวิ่งหาความหลง นะจ๊ะๆ ไปเรื่อย มันฉิบหาย ถ้างั้นทุกคนน่ะคิดถึงพี่คิดถึงน้องพากันไปสร้างวัดสร้างวาอยู่ใกล้บ้านหรือที่บ้านตัวเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้งมันไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ มันคืออวิชชาความหลง เจ้าอาวาสทุกคนต้องแก้ไขตนเอง เพราะความผิดพลาดมันอยู่กับทุกๆ คนสำหรับคนที่ยังไม่เป็นมนุษย์ ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ทุกคนต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เราเอาตัวตนไปที่ตั้ง มันก็ไม่มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ไม่เห็นภัยในวัฏสงสารนะ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee