แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๓๐ เราพากันมาบวชพากันมาปฏิบัติพากันมาอยู่วัด มาอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพื่ออุดมการณ์ อุดมคติ อุดมธรรม
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
ให้ทุกคนพากันเข้าใจจะเป็นใคร ทุกๆ คนต้องประพฤติต้องปฏิบัติธรรม ทั้งนักบวช ทั้งผู้ที่ไม่ได้บวช ชีวิตนี้คือการปฏิบัติธรรม เราจะทำตามใจทำตามอารมณ์ ทำตามความรู้สึกทำตามความนึกคิดของเรานั้นไม่ได้ พากันประพฤติพากันปฏิบัติธรรม ปรับตัวเข้าหาธรรมะ เข้าหาเวลา มีฉันทะ มีความพอใจ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมกับการทำงานคืออันหนึ่งอันเดียวกัน การเรียนหนังสือกับการปฏิบัติธรรมก็คืออันหนึ่งอันเดียวกัน การที่รับข้าราชการก็คือการปฏิบัติธรรม การเป็นนักการเมืองเป็นผู้บริหาร ก็คือปฏิบัติธรรม ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจจะได้เข้าใจความหมาย เข้าใจเรื่องกฎหมายบ้านเมือง เรื่องการปกครอง เราทุกคนต้องยกเลิกตัวยกเลิกตน เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต โฟกัสมาหาเราทุกๆ คนนี้เอง วันหนึ่งคืนหนึ่งประชาชนคนที่ไม่ได้เป็นนักบวชพากันนอนพากันพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง สำหรับนักบวช 5-6 ชั่วโมง ผู้ที่มีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงอาจจะ 7 ชั่วโมง เช่นคนเฒ่า คนแก่ คนป่วย อย่างนี้เป็นต้น ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องอย่างนี้ เข้าสู่กระบวนการ เข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นศีลสมาธิปัญญา ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ก็เป็นกฎหมาย เป็นการปกครอง
ทุกๆ คนก็เน้นมาที่ตัวของเราเอง พากันมามีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ในอิริยาบถทั้ง 4 ยืนเดินนั่งนอน พากันมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม รู้ความคิดของตนเอง รู้คำพูด การกระทำ กริยามารยาท อาชีพ ต้องมารู้ตัวเอง เราทุกคนพากันคิดได้ทีละอย่าง พูดก็ได้ทีละอย่าง กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ก็ทำได้ทีละอย่าง เราทุกคนต้องโฟกัสมาหาตัวเองอย่างนี้ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเอากฎหมายนำชีวิต เพื่อเอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญานำชีวิต ไม่ใช่เอานิติบุคคลเอาตัวเอาตนนำชีวิต ทำถูกต้องก็ต้องมีความถูกต้อง ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นความถูกต้อง เราประพฤติเราปฏิบัติเอาปัจจุบันเป็นการประพฤติเป็นการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นพุทธะ เพื่อให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ตลอดอาชีพ เพื่อจะได้ทันเหตุการณ์ ทันโลกทันสมัย ความรู้ที่เรารู้เราเข้าใจจากพ่อจากแม่ จากการเรียนการศึกษา เราต้องเอามาใช้มาปฏิบัติในปัจจุบัน เอามาประพฤติเอามาปฏิบัติ อย่าไปลูบคลำในการกระทำในการปฏิบัติ เพราะปัจจุบันเป็นสิ่งที่รีบด่วน พระพุทธเจ้าตรัสบอกพวกเราว่าอย่าได้เพลิดเพลิน อย่าได้พากันตั้งอยู่ในความประมาท เพราะชีวิตของเราต้องผ่านไป เหมือนการเสียสละ ความเป็นคนมีตัวมีตนเราต้องเสียสละ เพราะชีวิตของเราเกิดมาเพื่อพุทธะ เพื่อจะข้ามสัญชาตญาณแห่งตัวแห่งตน ที่มันเป็นอวิชชาเป็นความหลง เพื่อเราจะได้หยุดกรรมหยุดเวรหยุดภัยของตัวเอง เมื่อเราสร้างเหตุสร้างปัจจัยในปัจจุบันที่เป็นกระบวนการเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เป็นทั้งกายทั้งวาจา ทั้งกริยาอาชีพ เราต้องหยุดกระบวนการแห่วอวิชชาแห่งความหลง ทุกท่านทุกคนต้องพึ่งความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง การปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน แล้วเราทุกคนก็จะแก้ปัญหาได้ ต้องพากันรู้เหตุรู้ปัจจัย ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่าทุกคนต้องมารู้ความจริง เรื่องกระบวนการของปฏิจจสมุปบาท เรื่องเหตุเรื่องปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
ให้พากันเข้าใจ เราจะได้พากันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ต้องพากันมามีสติ รู้ตัวทั่วพร้อม มามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพื่อปฏิบัติให้มันติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำ เป็นแม่น้ำ เพื่อไหลไปสู่ทะเล สู่มหาสมุทร ให้เข้าใจอย่างนี้ ที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไป ทุกคนมาเอาธรรมะนำชีวิต เอาความดับทุกข์นำชีวิต จะได้ไม่เป็นไปเพื่อประกอบความทุกข์ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเรามีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ พวกเราก็จะไม่มีความเครียด ไม่เป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้า เราก็จะดีทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ ทั้งสุขภาพร่างกาย และมีสิ่งที่อำนวยความสะดวกความสบายทางวัตถุ มีความสุขมีความสบาย แล้วก็ไม่ติดไม่หลง เพราะเรารู้เรื่องเหตุเรื่องปัจจัยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันคือเหตุคือปัจจัยไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราก็จะเป็นบุคคลที่งามทั้งภายนอก งามทั้งภายใน การเดินทางของมนุษย์ต้องเอาธรรมนำชีวิต เพราะเราต้องเริ่มเดินไปพร้อมๆ กันสองอย่าง เดินไปทั้งทางกายเดินไปทั้งทางใจ 2 อย่างนี้ต้องพัฒนาไปปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน เป็นทางสายกลาง ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจก็ดี ทั้งเรื่องร่างกายที่เป็นวัตถุเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกความสบายก็ดี ไม่สุดโต่ง เป็นทางสายกลาง เป็นสิ่งที่ทันโลกทันสมัย ทันกาลทันเวลา มีปัญญา มีสติมีสัมปชัญญะ
พระพุทธเจ้าให้พวกเราเข้าใจอย่างนี้ เพื่อจะได้ยกเลิกความไม่ถูกต้องของเราทุกๆ คน การประพฤติการปฏิบัติธรรมมันเป็นเรื่องปัจจุบันในชีวิตประจำวัน เราตื่นขึ้นมาเราก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต มีความดับทุกข์ตั้งแต่เช้าจนนอนหลับ กลางวัน 12 ชั่วโมง กลางคืนก็ 12 ชั่วโมง สมัยใหม่การพัฒนาเทคโนโลยีมีไฟฟ้า สามารถทำงานกลางคืนได้ ถึงอย่างไรหมู่มวลมนุษย์ก็ต้องพากันนอน สำหรับฆราวาสก็ต้องนอน 6-8 ชั่วโมง สำหรับนักบวชก็ต้องนอน 5-6 ชั่วโมง เพราะสรีระร่างกายต้องอย่างนี้ เราต้องโฟกัสเข้ามาหาตัวเอง ถึงเราจะอยู่ที่บ้านอยู่กับพ่ออยู่กับแม่ เราพากันมาบวชมาอยู่ที่วัดมาอยู่ที่อาราม อยู่กับครูบาอาจารย์ เราก็เน้นเข้ามาหาการประพฤติเข้ามาหาการปฏิบัติ โฟกัสให้เราทุกคนมีสติมีสัมปชัญญะ เพื่อที่จะยกเลิกความไม่ถูกต้อง ยกเลิกตัวยกเลิกตน มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน
เราเป็นนักเรียนนักศึกษาเราก็ต้องโฟกัสเข้าหาการประพฤติการปฏิบัติ ต้องเข้าอกเข้าใจในหนังสือ เราต้องเข้าใจในหนังสือ ไม่เป็นการเรียนรู้เพียงความจำ ต้องเอาความเข้าใจเป็นหลัก เราต้องเอาความรู้จากครูบาอาจารย์ที่ท่านสอน เพราะความรู้ความจำมันจำไม่ได้นานหรอก เรารู้เราเข้าใจเราจะไปอ่านไปเขียน เอาไปใช้เอาไปปฏิบัติทุกหนทุกแห่งในปัจจุบัน การเรียนการศึกษาเราต้องเข้าใจอย่างนี้ ถ้าเราไม่ทำความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ ความรู้ที่เราได้ใบประกาศกระดาษ A4 หรือเล็กใหญ่กว่านั้นมันก็อยู่ในหนังสือมันไม่มีประโยชน์อะไร ต้องเข้าใจในการเรียนการศึกษา เพราะความรู้เราได้มาจากการเรียนการศึกษา ทุกคนหน่ะไม่เข้าใจว่าการเรียนการศึกษานี้ คือสายทางแห่งความสว่างที่นำทางชีวิตทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ทั้งอาชีพ คือความรู้ คือเราต้องรู้ต้องเข้าใจ การเรียนการศึกษานี้คือสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องเข้าใจ เราเกิดมาเราไม่เข้าใจก็เปรียบเสมือนคนตาบอดหรือคนหูหนวก อันเดียวกันนั่นแหละ ไม่ต่างอะไรกัน เราต้องเรียนต้องศึกษาต้องเข้าใจความหมายอย่างนี้ ทุกคนต้องพากันมีความสุขในการเรียนการศึกษา ถ้าเรามีความสุขในการเรียนการศึกษาตั้งอกตั้งใจให้เข้าใจ ไปเรียนเอาใบประกาศอย่างเดียว ต้องเอาความรู้ความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน เราเป็นเด็กเรายังไม่เข้าใจมันก็เป็นธรรมดา ผู้ที่เป็นกษัตริย์ต้องมีการเรียนการศึกษาจบถึง 18 ศาสตร์ เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต ผู้ที่เป็นกษัตริย์เป็นลูกกษัตริย์ ตั้งแต่โบราณก่อนสมัยพุทธกาลเสียอีก ท่านเรียนตั้ง 18 ศาสตร์ ผู้ที่ครองบ้านครองเมือง ผู้ที่เป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศทุกๆ พระองค์ ที่ต้องทรงทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต นี้คือสิ่งที่ท่านประกาศในวันครองราชย์ของท่านที่จะทรงทศพิธราชธรรม จะเป็นประธานาธิบดีก็เหมือนกัน ก็ต้องเอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต นำประชาชน พสกนิกรของประเทศนั้นก็จะมีความสุขสงบร่มเย็น การเรียนการศึกษานี้มันถึงเป็นความสุขความดับทุกข์ ของหมู่มวลมนุษย์ทุกๆ คน ให้เข้าใจ มันเป็นหลักการ
แต่ที่เราจะใช้งานจริงๆ มันเป็นเรื่องปัจจุบัน ปัจจุบันนี้เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ท่านบอกเป็นหลักการไว้ว่าเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ มันเป็นแขกมาเยี่ยมบ้านของเรา ปกติแขกมาเยี่ยมบ้านเราแล้วเข้าก็จากไป ไม่มีอะไรที่ไม่จากไป ให้เราทุกคนพากันเข้าใจ อย่าพากันติดอกติดใจ ต้องยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ ว่าทุกอย่างมันไม่แน่ ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันมาเยี่ยมมายามแล้วก็จากไป ให้เราเข้าใจในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะนี้คือข้อสอบแล้วก็ข้อตอบ ในการประพฤติในการปฏิบัติของเราทุกๆ คน เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้แหละ อินทรีย์บารมีของเราก็จะแข็งแรง เหมือนเมล็ดพันธุ์นี้แหละ เมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่เราปลูก ที่เราอนุบาลดูแล หลายๆ ปีต้นไม้นั้นก็สูงตระหง่านฟ้าตามกาลตามเวลา เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ใหม่ๆ ก็จะลำบาก นานๆ ไปก็ดีขึ้นๆ ปฏิปทาของเราต้องสม่ำเสมอ ติดต่อต่อเนื่อง เหมือนร่างกายของเรานี้แหละ ร่างกายของเรานี้ที่มีอาการ 32 มีหัวใจเป็นศูนย์กลางสูบฉีดเลือดสู่อวัวะน้อยใหญ่ ทำงานตลอดเลยไม่ขาด เราถึงมีชีวิตอยู่ได้ เหมือนสมองอยู่ที่หัวเรา สมองเราควบคุมคอนโทรลเส้นประสาทน้อยใหญ่ การประพฤติการปฏิบัติ ต้องเข้าใจอย่างนี้ เราอย่าไปคิดว่าทำอย่างนี้มันก็เป็นทุกข์สิ ทำอย่างนี้ไม่เป็นทุกข์ ที่เราเป็นทุกข์เพราะเรามีความคิดเห็นผิดเข้าใจผิด ที่เป็นตัวเป็นตน ความทุกข์น่ะมันคือตัวคือตนนะ ความทุกข์ที่ว่ามันทุกข์คือตัวคือตน เพราะเราทุกคนมีตัวมีตนมันถึงมีความทุกข์ ที่เราทุกคนมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ดับไป นี้คืออาการของนิติบุคคลของตัวของตน เราทุกคนอย่าไปสนใจ เราต้องยกเลิกความคิดความเข้าใจอย่างนี้ ถ้าเรายกเลิกความคิดอย่างนี้ความเข้าใจอย่างนี้ ความทุกข์ของเราทุกคนก็จะไม่มี พระพุทธเจ้าถึงไม่ให้ตรึกในตัวในตน ตัวตนนี้เขาเรียกว่ากามเรียกว่าพยาบาท ความชอบใจความไม่ชอบใจ เขาเรียกว่ากามเรียกว่าพยาบาท เราทุกคนต้องรู้จักความคิด เราจะปล่อยให้วาระจิตของเราคิดมันปรุงหลายครั้ง 2-3 ครั้งก็ต้องเอาให้อยู่เอาให้หยุด ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่าพระโสดาบัน ตายแล้วเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็ต้องให้รวบรัดเข้ามาหาเรื่องจิตเรื่องใจ หมู่มวลมนุษย์ไม่ควรให้ตัวเองตรึกในกามตรึกในพยาบาท ถึงจิตวาระจิตที่ติดต่อต่อเนื่อง ต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจของตัวเอง ท่านบอกว่าเรานี้รู้เรื่องจิตเรื่องใจของตัวเอง 2-3 วาระจิตก็ควบคุมอยู่ได้ ไม่ได้ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน ไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท อย่างมากก็อย่าให้มันเกิน 7 วาระจิต ทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง หัดเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 ซึ่งมีบุญใหญ่มีอานิสงส์มาก ท่านบอกว่าอย่างเร็ว อบรมบ่มอินทรีย์ 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน อย่างนานอย่างช้าก็ไม่เกิน 7 ปี ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน 4 พัฒนาวาระจิต มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะการเกิดของเรามันเกิด 2 อย่าง อันนึงเกิดในเรื่องจิตเรื่องใจ อันนึงเกิดในเรื่องกาย เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งจิตใจมันก็มีลูกมีเมียมีผัวทั้งวันทั้งคืน แต่ภายนอกมันไม่มีแต่เรื่องจิตเรื่องใจ มันมีกลางวันกลางคืน พระพุทธเจ้าถึงให้เรารู้เรื่องจิตเรื่องใจ ให้รู้เรื่องทางร่างกายไปพร้อมๆ กัน อย่าปล่อยให้ตัวเองคิดให้ตัวเองปรุงแต่ง เพราะความคิดความปรุงแต่งมันแซ่บ มันลำ มันนัว มันหรอย มันอร่อยนะต้องรู้จัก ต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องวัตถุ หรือว่ากาย วาจา กริยามารยาท อาชีพ ต้องพัฒนาทั้ง 2 อย่าไปพร้อมๆ กัน มันถึงเป็นทางสายกลาง มันถึงเป็นอริยะมรรคมีองค์ 8
หมู่มวลมนุษย์ในปัจจุบัน 8000 กว่าล้านคน ไปหนักเอาแต่เรื่องทางกาย เรื่องวัตถุ เรื่องเทคโนโลยี ไม่พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน นี้เป็นความเสียหาย ที่ผ่านมาหลายๆ ปี เราพากันรู้นะว่าเราได้ทำความเสียหาย เราได้พัฒนาแต่ทางกาย พัฒนาแต่ทางวัตถุ พัฒนาแต่วิยาศาสตร์ เราไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมกัน มันเสียหายมันไม่ใช่ทางสายกลาง ถึงมีความไม่ถูกต้อง ถึงได้มีทุจริตเกิดขึ้น ความไม่ถูกต้องเรียกว่าทุจริตนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งการปกครอง ก็แก้ปัญหาไม่ได้ทั้งราชการ นักการเมืองทั้งนักบวช เพราะมันไม่ใช่ทางสายกลาง มันสุดโต่ง มันต้องเอาทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ เอาทั้งวัตถุไปพร้อมๆ กัน ต้องมีความสุขในการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม กฎหมายบ้านเมืองของเราทุกอย่างใช้ได้ ข้าราชการใช้ได้ นักบวชทั้งหลายถึงจะใช้ได้ เพราะเราพัฒนาทั้งใจ พัฒนาทั้งวัตถุไปพร้อมกัน ถ้าเรามีตัวมีตนมันก็มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์มันไม่มีอะไร ทุกข์ที่ใจแล้วก็ทุกข์ที่กาย เพราะตัวตนมันขี้เกียจขี้ค้าน คิดว่าทำงานก็เพราะจำเป็น เรียนหนังสือเพราะจำเป็น มีตัวมีตนมันทำให้เราเป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้า ทำให้เราทุกคนต้องยากจน ไม่มีความสุขในการทำงานก็ต้องยากจน ความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด ปฏิบัติผิด มันเลยไปแก้แต่ภายนอก พัฒนาแต่วัตถุ ไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมกัน พระพุทธเจ้าท่านตรัสบอกสอนให้เราเข้าใจ ให้เรายกเลิกความคิดเห็นผิด เข้าใจผิดปฏิบัติผิด เรียกว่ามายกเลิกความทุกข์ในเรื่องจิตเรื่องใจ ความทุกข์ในเรื่องทางวัตถุ
เราจะเป็นใครมาจากไหนไม่ว่ากัน ไม่ถือชั้นวรรณะ ไม่ถือชาติถือตระกูล เราต้องยกเลิกความเห็นผิด เข้าใจผิด เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองมานำชีวิต เพื่อโฟกัสเข้าหาความถูกต้อง ความเป็นธรรมความยุติธรรม ต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งสงครามระหว่างครอบครัวก็จะเกิดขึ้น ระหว่างหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด ประเทศ ก็จะเกิดขึ้น สงครามมันเกิดจากความเป็นนิติบุคคล เอาแต่ตัวเอาแต่ตนเอาแต่วัตถุ ทำไมเราไม่รักตัวไม่รักตน เป็นการทำร้ายทั้งตัวเองทำร้ายทั้งคนอื่น ตัวตนนี้มันไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ มันคือสีดำ สีเทา สีสกปรกทั้งหลายทั้งปวงท่านบอกเราทั้งหลายว่าโฟกัสเข้ามาหาตัวเอง เห็นความสำคัญในธรรมะ เห็นความสำคัญในกฎหมายบ้านเมือง ว่าสิ่งเหล่านี้ทุกคนต้องน้อมไปสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่เขาโฟกัสแต่งตั้งให้เราเป็นอะไร เพื่อบริหารตนเอง แล้วก็มาเป็นข้าราชการ บริหารทั้งตนเองบริหารทั้งคนอื่น เอาหลักการของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสสอนตนเอง 100% ปฏิบัติตนเอง 100% แล้วถึงบอกคนอื่น ถ้าเราเอาแต่บอกคนอื่นสอนคนอื่นมันไม่ถูกต้อง เราต้องบอกตนเองสอนตนเอง 100% ด้วยกฎหมายบ้านเมือง ด้วยธรรมะ ด้วยพระวินัย ด้วยเวลา ต้องเอาธรรมนำชีวิตอย่างนี้ เอากฎหมายนำชีวิตอย่างนี้ ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องขอโอกาส ไม่มีข้อยกเว้น โลกที่มันหมุนมันก็ต้องหมุนตามหน้าที่ของมัน ไปขอให้โลกมันหยุด มันก็ไม่ได้ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี มันขอร้องกันไม่ได้ เราไปขอร้องอย่างนู้นอย่างนี้ มันเป็นความเข้าใจผิด ปฏิบัติผิด มันขอร้องไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันทำหน้าที่ของเขา เหมือนลมหายใจเข้าออกเขาทำหน้าที่ของเขา ขอร้องกันไม่ได้ เลือดมันสูบฉีดเช้าสู่สรีระร่างกาย มันก็ต้องทำหน้าที่อย่างนั้น เดี๋ยวนี้เราจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อกระตุ้นส่งเสริมมันก็ได้สักระยะนึง เราต้องเข้าใจ มีความเข้าใจ เราจะได้รู้อริยสัจ 4 เราจะได้ยกเลิกความคิดเห็นผิดเข้าใจผิด จะได้ไม่ต้องมีความทุกข์ เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ เราต้องมีความสุขในการรู้เข้าใจ แล้วก็ปล่อยวาง เพราะความถูกต้องมันคือความถูกต้อง เราไม่ได้เอาเพิ่ม เราไม่ได้เอามาตัด ความถูกต้องมันเป็นความสุข สงบ อบอุ่น ร่มเย็น สิ่งเหล่านี้พวกเราจะได้ส่งผลัดให้กับลูกกับหลานในอนาคตภาคหน้า ที่เขาต้องรับผัสสะรับเอง DNA จากเรา ให้พวกเราเข้าอกเข้าใจ เราจะเป็นผู้ที่รักตนเอง รักลูกหลาน รักประเทศชาติบ้านเมือง ต้องเข้าใจอย่างนี้ พระพุทธเจ้าให้เรามาแก้ที่พวกเรานี้แหละ
เราพากันมาบวชพากันมาปฏิบัติพากันมาอยู่วัด มาอยู่กับเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพื่ออุดมการณ์ อุดมคติ อุดมธรรม ให้เราเข้าใจอย่างนี้นะ เรามาบรรพชาอุปสมบท เป็นนักบวชถาวร หรือว่า นักบวชชั่วคราวก็ปฏิบัติอย่างเดียวกันนี้แหละ เหมือนข้าวเหมือนอาหาร ทุกคนก็ทานเหมือนกันนี้แหละ เพราะความดับทุกข์นี้มันเป็นสากล พอเราอยู่ที่บ้านที่ทำงาน อยู่ที่เรียนหนังสือ เราไม่ได้รับโอกาสพิเศษ เรามาบวชมาปฏิบัติเราได้รับโอกาสพิเศษ บ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ซื้อ ออกไปบิณฑบาตตอนเช้าทุกๆ วัน เขาเอาของมาให้ที่วัดก็มากราบมาไหว้เราอีก เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ยกเลิกตัวตน ไม่ถือนิสัยตัวตน มาถือนิสัยพระพุทธเจ้า ผู้ที่มาบวชต้องมาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า นิสัยของพระพุทธเจ้าคืออะไร พระพุทธเจ้าคือธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ นี้คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน การละสรีระสังขารของพระพุทธเจ้านั้นได้ละสังขารไปแล้ว แต่พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า พระธรรมวินัยคือองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกเราเข้าใจ เรามาบวชแล้วมาปฏิบัติเราต้องพากันยกเลิกตัวยกเลิกตน ตัวตนมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ และทุกข์ดับไป ตัวตนนั้นคือความทุกข์ เราอยู่ที่บ้านอยู่ในครอบครัว ในสังคม เต็มไปด้วยรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ เรามาบวชเรามายกเลิกตัวตน เหมือนเครื่องบินที่มันมีพลังงานสูง ความเร็วสูง มีพาวเวอร์สูง เมื่อเรามาบวชมาปฏิบัติเราจะขับเคลื่อนตนเอง เหมือนคนขับเครื่องบินเอาเครื่องบินเข้าสู่รันเวย์มันก็ยาก เพราะเรายังไม่ชำนิชำนาญ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เราต้องยกเลิกนิสัยของตนเองมาเอานิสัยของพระพุทธเจ้า ผู้ที่บวชอยู่ในเมืองไทยส่วนใหญ่มันก็ไม่ได้มาตรฐาน พวกที่พากันมาบวช นักบวชเก่าก็เอาพระพุทธศาสนาหาอยู่ หาฉัน หาเลี้ยงชีพ ถ้าจะนับเป็น % ถือว่า 99.9% เอาพระพุทธศาสนาหาอยู่ หาฉัน หาเลี้ยงชีพ เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลักนะ เราเอาพระพุทธเจ้าเอาไว้ในใจ เอาพระธรรมเอาไว้ในใจ เอาพระอริยสงฆ์ไว้ในใจ
เรามาบวชมาปฏิบัติเพื่อพัฒนาบุคคลากรของประเทศ เพื่อให้ได้บุคคลากรที่ดีที่มาตรฐาน เอากุลบุตรลูกหลานมาบรรพชาอุปสมบทมาเพื่อพัฒนาสร้างทรัพยากรที่ดีที่มาตรฐาน ให้พวกเราพากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ เอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจ เอาพระธรรมเอาพระวินัยมาไว้ในใจ เอาพระอริยสงฆ์มาไว้ในใจ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ในวัดเรามีข้อวัตรมีข้อปฏิบัติ มีเวลาเพื่อความสมัครสมานสามัคคี เพราะความสมัครสมานสามัคคีมันดีต่อทุกอย่าง พวกเราเอาธรรมนำชีวิตเอาเวลานำชีวิต พวกเรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัตินะ ไม่เป็นไรหรอกไม่ตายหรอก ช่างหัวมัน มันจะเหนื่อย จะทุกข์ยากลำบากก็ช่างมัน ให้พวกเราเข้าใจ เพราะว่าเรามายกเลิกตัวยกเลิกตน เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ เพราะเราอยู่ทางบ้าน พ่อแม่ทุกคนไม่รู้อริยะสัจ 4 โอ๋ลูก ปล่อยให้ลูกเสียผู้เสียคน เรามาวัดเราก็มาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ สิ่งไหนที่ยังไม่ติดเรียกว่าการประพฤติการปฏิบัติ สิ่งไหนที่มันติดแล้วเรียกว่าการบำบัด การบำบัดก็ต้องคู่กันอย่างนี้แหละ เราต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าหายใจออกก็มีความสุขเข้าไว้ จะเดิน จะเหิน จะนั่ง ก็หายใจข้าออกให้มีความสุขไว้ นิสัยของเราที่เราอยู่ในบ้าน ในสังคม ที่อยู่กับภายนอกที่เราบริโภคภายนอก ก็ให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับสติ อยู่กับสัมปชัญญะ เราจะเดินจะเหินจะทำไรอยู่ก็มีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม ใจของเราจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะเราอยู่ภายนอก อยู่กับภายนอก อยู่กับหน้าที่การงาน อยู่กับความฟุ้งซ่าน เราเห็นไหมเด็กตัวน้อยๆ จนถึงอากงอาม่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย อยู่แต่กับการฟุ้งซ่านในโทรศัพท์มือถือ ที่ก้มหน้าก้มตาใส่แต่โทรศัพท์กันน่ะ พวกนี้เรียกว่าอยู่แต่กับภายนอก เรามาบวชมาปฏิบัติเราต้องยกเลิกพวกนี้ เราจะได้อยู่กับสติสัมปชัญญะ ปัญญา เราไม่ต้องอยู่กับความฟุ้งซ่าน พระพุทธเจ้าสอนเราว่าเราต้องมาอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับสติ ไม่อยู่กับความฟุ้งซ่าน เรามีความสุขในการยืนเดินนั่งนอน อิริยาบถทั้ง 4 มีสติอยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ให้โฟกัสเข้ามาอย่างนี้ ข้อวัตรข้อปฏิบัติถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นพระธรรมวินัยเป็นเครื่องอยู่ เราต้องมีเครื่องอยู่นะ เครื่องอยู่ของเราคือพระธรรมพระวินัย ข้อวัตรกิจวัตร เป็นเครื่องอยู่ ให้เข้าใจ ถ้าเราไม่มีความสุขในข้อวัตรกิจวัตร ไม่มีความสุขในศีลสมาธิ เราต้องยกเลิกความฟุ้งซ่านอย่างนี้ เราต้องอย่าไปคิดว่าเรามาบวชชั่วคราวนะ เราไม่ได้บวชตลอดชีวิต เราอย่าไปคิดอย่างนั้น เรามาบวชชั่วคราวก็จริง เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราจะได้มาอบรมบ่มอินทรีย์ตัวเองให้มันติดต่อต่อเนื่อง เพื่อเราจะใช้เวลาให้มันคุ้มค่าให้มีประโยชน์ เพราะปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่มีอะไรสำคัญมากเท่าปัจจุบันแล้ว เพราะปัจจุบันเป็นการประพฤติการปฏิบัติ พลาดไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้นะ เราต้องมีความสุข รู้คุณค่าของธรรมะรู้คุณค่าของเวลา แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราอย่าไปลูบคลำในข้อวัตรข้อปิบัติ เราต้องเอาจริงเอาจัง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราอย่าเป็นนักมวยเชิง เราเป็นนักมวยเชิง นักมวยต่อยพร้อมๆ กันอย่างนี้ เพราะการประพฤติการปฏิบัตินี้เป็นไฟต์ ไฟติ้งนะ เราต้องเสียสละละตัวละตนนะ ในการประพฤติในการปฏิบัติ เมื่อเราสิกขาลาเพศไปเราจะได้มีหลักในการประพฤติในการปฏิบัติ ใช้ในที่บ้าน ที่ครอบครัว ที่ทำงานได้
คนเรานี้คือความสำคัญในโลกนะ เราเป็นคนสำคัญ เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐนะ ต้องเข้าใจอย่างนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ประเสริฐหรอก ไม่เป็นคนเก่งคนฉลาดอะไรหรอก ต้องเข้าใจอย่างนี้ เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ คำว่าสมาธินี้ก็คือยกเลิกตัวตน การนั่งสมาธิยกเลิกอดีต ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ อนาคตก็วางแผนไว้ว่าเอาธรรมชีวิต ปัจจุบันเราต้องว่างจากตัวตน อยู่กับลมหายใจเข้าให้มันสบาย หายใจออกก็ให้มันสบาย หายใจเข้าก็รู้ว่าไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจออกก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนอย่างนี้ นั่งสมาธิไม่ได้มาเอาอะไรหรอก เพราะทุกอย่างมันไม่มีอะไรได้อะไรเสีย มันผ่านไปผ่านมาให้เข้าใจ การบรรลุธรรมก็คือการยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต อย่างนี้เขาเรียกว่าการบรรลุธรรม ต้องเข้าใจ มันขึ้นอยู่กับการประพฤติการปฏิบัติของเราที่มีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขกับการประพฤติกับการปฏิบัติที่ประเสริฐอย่างนี้ จะบวช 7 วัน 15 วัน หรือหนึ่งเดือนหลายเดือน ให้เราตั้งอกตั้งใจกันประพฤติตั้งใจปฏิบัติ ที่วัดเราเขาไม่ให้มีโทรศัพท์มือถือ ไม่ให้สูบบุหรี่ เราก็เอาตามข้อวัตรข้อปฏิบัติ อย่าเอาตัวตน เรามาฝึกตัวเอง เราอย่าไปห่วงอะไร มายกเลิกตัวตน มีอะไรก็บอกองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านมีปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะเรามาฝึกมาปฏิบัติ เราต้องใช้เวลาให้เรามีสติสัมปชัญญะ ให้พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ มันจะเป็นฐานชีวิต ผู้ที่บวชถาวรก็ต้องจัดการตัวเองอย่างเดียวกันนี้แหละ มาเน้นที่ปัจจุบัน เพื่อจะได้ติดต่อต่อเนื่อง เพื่อจะได้เป็นตัวอย่างแบบอย่างของผู้ที่มาบวชชั่วคราว ส่วนใหญ่พระที่บวชก่อนนี้เป็นพระทำเสีย ที่ดูในอาสนะตอนเช้า ตี 3 ที่มาไม่ครบส่วนใหญ่เป็นพระเก่า พวกนี้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเป็นสีลลัพพตปรามาส ลูบคลำในตัวในตน ในศีล ในข้อวัตรปฏิบัติ เขาเรียกว่าขาดความลำอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั่นมันหยาบมันกระด้าง มันไม่ละอายต่อบาปเกรงหลัวต่อบาป หลายครั้งมันก็ชำนิชำนาญที่ไม่ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป
ความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปความเห็นภัยในวัฏฏะสงสารคือสิ่งที่สำคัญนะ ที่พระพุทธเจ้าให้ความหมายของพระ พระคือผู้ที่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร คำว่าภิกษุนี้นะแปลได้ 2 อย่างคือ ผู้ที่เสียสละหมดไม่เอาอะไร มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้ เป็นผู้ขอ ผู้สนับสนุนทำบุญตักบาตร เขาก็ได้บุญมากได้อานิสงส์มาก เพราะท่านมุ่งมรรคผลนิพพาน ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็เป็นเปรตประจำวัด เป็นเปรตประจำประเทศ เราจะเป็นผู้เสยสละละตัวละตน เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เราก็เน้นมาในข้อประพฤติข้อปฏิบัติ พวกเราทั้งหลายต้องมาพิจารณาตัวพิจารณาตนนะ เราจะหน้าด้านห้านทนหน้ามึนแบบนี้ไม่ได้ แก้ไขตัวเองพระพุทธเจ้าบอกว่าอลัชชีมีนไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก มันอยู่ที่เราไม่มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ไม่เห็นภัยในวัฏฏะสงสารนี้แหละ มันไม่ได้อยู่ไกลมันอยู่ที่เรานี้เอง เน้นมาหาสุปะฏิปันโน อุชุปฏิปันโน ญาญะปะฏิปันโน สามีปะฏิปันโน ที่ตัวเรา เรามาดูที่ตัวเราเราจะไปว่าปฏิบัติธรรมนั้นมันยาก มันจริงสิ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ยาก เพราะตัวตนมันยาก ตัวตนมันทำไม่ได้ ต้องยกเลิกตัวตน มันถึงจะเหมาะสมที่เดินข้างหน้าเอาอาหารข้างหน้า เราไม่ยกเลิกตัวตนเราก็ไม่สมวรที่จะเดินนำหน้าเดินเป็นประธาน ไม่สำควรที่จะเอาของก่อนเขา ต้องเข้าใจ ผู้นำถึงเป็นผู้ที่เสียสละ ถ้าไม่เสียสละนิติบุคคลมันจะเป็นผู้นำได้อย่างไร เพราะมันเป็นทุจริต
ปีนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตา เพื่อจะพัฒนาพระเก่า เพราะความบกพร่องของพระเก่าที่ผ่านมา ที่เป็นแบบเป็นมาตรฐานของพระใหม่ไม่ได้ เพราะเอาความคิดผิด ความเห็นผิด ปฏิบัติผิด นำชีวิต ในการทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ พระเก่าต้องเข้มแข็งขึ้น อย่าเป็นนักมวยฟอร์มตก มีแต่ฟอร์ม มีแต่ยศมีแต่ตำแหน่ง ไม่มีการประพฤติการปฏิบัติ ทำให้วัดวาศาสนาเสียหาย ไม่เป็นไรหรอก มันผ่านมาแล้วก็แล้วไปไม่เสียเวลา ไม่ต้องเสียใจ ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ พระเก่าให้ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องกัน ให้ได้มาตรฐานถึงจะขลังถึงจะศักดิ์สิทธิ์ เอาตัวเอาตนมันไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์ ตัวตนนั่นมันประจบคฤหัสถ์ ประจบข้าราชการ ผู้ที่อำนาจวาสนา ถ้าเป็นคนรวย เห็นหน้าคนรวย เป็นมาตรฐานเดียวกันเลย นะจ๊ะๆ เป็นอย่างนี้แทบทุกวัดเลย ตัวตนมันออกนะจ๊ะๆ ถ้าเป็นคนจนให้พรไม่ออก ปฏิสันถารไม่ออก อย่างนี้มันเสียหาย เราไปแก้ไขปัจจัยภายนอก ไม่ได้แก้ไขตนเอง พระเก่าต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติ อย่าไปว่ามันทำยาก ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะมาบวช สมควรที่จะลาสิกขาบทไป บวชอยู่ก็เท่ากับลาสิกขาไปแล้ว เราไม่ยกเลิกตัวยกเลิกตนพวกนี้คือพวกลาสิกขา เอาพุทธศาสนาหาอยู่หาฉัน พวกนี้คือพวกที่ทำลายพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ทุกคนต้องกลับมาดูตัวเองนะ ที่พ่อแม่ครูบาอจารย์ว่าอย่างนี้มันถูกเราหรือเปล่า ถ้าถูกเราก็เหมือนกับว่าท่านว่าให้เรา ถ้าไม่ถูกเราก็คือเราได้ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้ว ถ้ามันถูกเรา ก็โอ้โหอย่างนี้มันทำให้ผมอยู่ยาก ผมจะอยู่อย่างไงพูดแบบนี้ มาเปิดโปงกันหมด อย่างนี้มันคือพูดพอดีไม่ได้พูดแรง พูดที่เป็นธรรมเป็นพระวินัย เพราะว่าพระศาสนานี้คือความมั่นคงของชาติ ของพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยเรานี้ปัจจุบันเรามีการโกงกินคอรัปชั่น ในระดับ 60-70% ของการโกงกินคอรัปชั่น เราทุกคนโฟกัสเข้าหาตนเอง โอ้...มัน 70% เออจริงแน่นอน ทุกคนก็กลับมาโฟกัสตัวเองนะในเรื่องจิตเรื่องใจ ว่าตัวเองเอาตัวตนเป็นที่ตั้งหรือธรรมะเป็นที่ตั้ง หรือเอากฎหมายบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ต้องโฟกัสเข้าหาตัวเอง ไม่ต้องไปต่อสู้ภายนอก ต่อสู้ตัวเองนี้ ว่าเราเอาธรรมนำชีวิตหรือเปล่า เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิตหรือเปล่า ที่ผ่านมาเราดูสิ่งภายนอก ประเทศไทยเอากฎหมายไปให้ประชาชนทั้งในเมืองกรุง หรือต่างจังหวัด บ้านนอก ชนบท สายย่อย ยังทำไม่ได้ อย่างเรื่องสวมหมวกกันน็อก เพราะส่วนใหญ่มันไม่มีตำรวจไปเข้มงวดกวดขัน ผ่านไป 45 ปีแล้วก็ยังทำไม่ได้ การมีตัวมีตนเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง บ้านเมืองเรามันยากจน ให้เราเข้าใจ ตัวตนอย่างนี้มันเป็นทุกข์ทั้งทางกาย มีความทุกข์ทั้งทางใจ ตัวตนนี้มันไม่ใช่ทางสายกลางนะ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee