แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๒๘ ปกติใจของเราจะมีเครื่องอยู่ เราต้องมีเครื่องอยู่ของใจ คือธรรมะคือพระวินัย
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๗
ในวันนี้ คุณโยมหลิน................................. และคณะญาติมิตร ญาติธรรม ได้กราบนิมนต์ องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม พร้อมด้วยคณะสงฆ์ มาทำบุญประจำปีที่บ้านเบญจศีล คุณ......................... เป็นคนที่มีสัมมาทิฏฐิ ลูกก็อยู่ในธรรมะ โดยเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอาพระอรหันต์เป็นหลัก เอาครูบาอาจารย์เป็นหลัก เอามรรคผลพระนิพพานเป็นที่ตั้ง
ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์คือ ผู้ที่ประเสริฐ มีร่างกายที่จะเอามาใช้งาน มาประพฤติมาปฏิบัติส่วนใหญ่ก็จะไม่เกินร้อยปี จะเกินบ้างก็เพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ทุกท่านทุกคนต้องพากัน เห็นความสำคัญ เราเกิดมาเป็มนุษย์ที่ประเสริฐ ทุกท่านทุกคนต้องมาประพฤติมาปฏิบัติตนเอง เพื่อสร้างบารมีในชีวิตประจำวัน เพราะว่าเราจะไปทำตามใจตามอารมณ์ตามความยึดมั่นถือมั่นตามความหลงไม่ได้อันนั้นมันเป็นได้เเต่เพียงคน ถือว่ายังไม่ได้พัฒนาตัวเองสู่ความเป็นมนุษย์ หรือว่าเป็นพระอริยเจ้า คุณโยม....................... เป็นคนดี เป็นผู้ที่ตั้งมั่นในพระพุทธเจ้าตั้งมั่นในพระธรรมตั้งมั่นในพระอริยสงฆ์ ได้บำเพ็ญกุศลทุกๆ วันในการประพฤติในการปฏิบัติ เป็นเหตุเป็นผลที่ได้อาราธนานิมนต์องค์หลวงพ่อกัณหา มาที่นี่
ปกติใจของเราจะมีเครื่องอยู่ เราต้องมีเครื่องอยู่ของใจ คือธรรมะคือพระวินัย ที่เป็นสมมติบัญญัติ เป็นอุปกรณ์ที่ให้พวกเราทั้งหลาย โฟกัสสู่วิมุตติความหลุดพ้น เพื่อยกเลิกตัวตน ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกคนเราทั้งหลายว่า นี่คือศีล คือสมาธิ คือปัญญา มนุษย์ของเราต้องพัฒนาทั้งกาย ทั้งวาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพเพื่อเป็นความสมดุล เพื่อทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ ที่มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติให้ถูกต้อง นี้เป็นหลักการ การประพฤติการปฏิบัติธรรมนั้นอยู่ที่ปัจจุบัน อดีตก็ปฏิบัติไม่ได้ อนาคตก็ปฏิบัติไม่ได้ อยู่ที่ปัจจุบัน เรามีโอกาสพิเศษให้ทุกท่านทุกคนพากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเรามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ พวกเราทั้งหลายจะไม่เป็นโรคประสาท โรคซึมเศร้า โรคผิดหวัง ปัจจุบันนี้หมู่มวลมนุษย์มีความทุกข์มาก พัฒนาเทคโนโลยีได้รับความสะดวกความสบาย แต่คนในปัจจุบันมีความทุกข์มาก ไม่ได้พัฒนาใจไม่ได้พัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ให้เป็นทางสายกลาง
ให้พวกเราทั้งหลายรู้หลักในการประพฤติในการปฏิบัติ พวกเราทั้งหลายเป็นนักบวช เป็นผู้ปฏิบัติธรรม พากันนอน 5-6 ชั่วโมง กาย วาจา กริยามารยาท ทุกอย่างให้เข้าใจว่ามันทำได้ทีละอย่าง ให้พวกเราทั้งหลายมารู้จักความคิดพากันรู้จักอารมณ์ ท่านบอกเราทั้งหลายว่า เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน ในชีวิตประจำวันก็ต้องมีแขกมาเยี่ยมบ้าน ได้แก่ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ปกติแล้วแขกมาเยี่ยมบ้านเราเขาต้องจากไป ให้พวกเราทั้งหลายเอาสิ่งเหล่านี้ยกขึ้นพระไตรลักษณ์ เราจะปล่อยตัวเองไปตามความเคยชินเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ เพราะต้นทุนของเราทุกๆ คนคืออวิชชาคือความหลง เราต้องทำเหมือนพระพุทธเจ้า ต้องยกใจของพระพุทธเจ้ามาประทับไว้ในจิตในใจของเรา เราทุกคนมีหน้าที่จะเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่เราติดเราหลงเรียกว่าภาคบำบัด สิ่งที่ทุกคนว่าปฏิบัติธรรมะมันยาก เพราะว่าเราเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต เป็นการคิดผิดปฏิบัติผิด มันถึงไปไม่ได้ ถ้าเรายกเลิกตัวตนมันก็ไม่ยากหรอก เพราะสิ่งเหล่านี้มันคือแขกมา เพื่อเราจะได้ประพฤติได้ปฏิบัติ ตามสิ่งเหล่านี้มรรคผลนิพพานก็ไม่มี ให้ทุกคนเข้าใจว่านี้คือการเดินทางคือการปฏิบัติธรรมนะ ทุกคนอย่าเพลิดเพลินอย่าประมาท
ทุกคนต้องเจริญสมถะ สมถะนั้นได้แก่สติสัมปชัญญะอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับการทำงาน ให้จิตใจสงบอยู่กับสิ่งนั้นเรียกว่าสมถะ สมถะนั้นจะเป็นสิ่งที่เลี้ยงสมองของเรา ไม่ให้สมองของเราเสียหาย ท่านบอกกับเราทั้งหลายว่า สมาธิ ปัญญา ให้ไปพร้อมกัน เราเอาพระพุทธเจ้ามาไว้ในใจ เอาพระธรรมมาไว้ในใจ เอาพระอริยะสงฆ์มาไว้ในใจ ยกเลิกตัวยกเลิกตน ใจของเราก็ไม่สับสน สมองเราก็ไม่สับสน มีประโยชน์ทั้งกายมีประโยชน์ทั้งใจ ให้ท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ เราดูประวัติศาสตร์ที่ทำให้เราเกิดปัญญา อย่างตอนที่พระราชกุมารทั้ง 6 ออกผนวช ท่านให้นายอุบาลีบวชก่อน และพระราชกุมารบวชทีหลัง เพราะตามปกติแล้วผู้ที่บวชทีหลังต้องทำอัญชลีกราบไหว้อุปถัมภ์อุปัฏฐาก ความสำคัญในข้อนี้คือการยกเลิกตัวยกเลิกตน ยกเลิกชาติชั้นวรรณะตระกูล ความรู้ความสามารถ ความร่ำรวยหรูหรา มันเป็นมานะที่เป็นตัวเป็นตน ให้พวกเราเข้าใจด้วยปัญญาว่า เราทุกคนต้องยกเลิกตัวตน เราเห็นความสำคัญในพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เพราะพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่เรียกว่ายกเลิกตัวตน กฎหมายที่เขาบัญญัติขึ้นปกครองประเทศก็เพื่อยกเลิกตัวตน ให้เข้าใจ การที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง นั่นแหละคือการเกิด การแก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก
ทุกท่านทุกคนควรรู้กระบวนของกฎแห่งกรรม เพราะทุกอย่างมันมาจากต้นเหตุ เราไปแก้ที่ปลายเหตุมันไปแก้ไม่ได้ เพราะรากเง่าตัวตนยังอยู่ การพัฒนาพวกเรานี้ถึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เริ่มจากความคิด พวกเราคิดได้ทีละอย่าง เริ่มจากความคิดนั้นแหละ เพราะว่าความคิดมันก่อภพก่อชาติ เราต้องยกเลิกการเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พระพุทธเจ้าตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่า นั่นแหละความเกิด เราอย่าหลงอย่าเพลิดเพลินกับความคิด เรามีตัวมีตนนะ ที่มีสัญชาตญาณที่มีจิตสำนึกในเรื่องราวต่างๆ เมื่อเราคิดขึ้นมาครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 อย่างมากก็อย่าให้มันมีวาระจิตครั้งที่ 3 เราทุกคนต้องหยุดตัวเองให้ได้ เพื่อเราจะไม่ได้ให้อาหารอวิชชา ให้อาหารความหลง การปฏิบัติก็เหมือนเราเดินทางไปในที่ต่างๆ ไปครั้งหนึ่ง สองครั้ง เราอาจจะจำในที่ต่างๆ ได้ ถ้าเราเอาใจใส่ ตั้งใจพิเศษ เราก็ย่อมจำได้ เรารู้จักความคิด เรารู้จักอารมณ์อย่างนี้แหละ เพราะทุกคนก็เน้นมาหาตัวเองอย่างนี้แหละ เพื่อมาพัฒนาพุทธะ ธรรมะ สังฆะ ของเราทุกคน จะเป็นพระเก่าพระใหม่ พระที่มาบวชเพื่อเป็นบุคลากรของประเทศ จะได้รู้หลักการในการประพฤติการปฏิบัติ เหมือนเด็กๆ ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน ตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก อ่านออกเขียนได้เข้าใจความหมาย พออ่านออกเขียนได้ก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติในปัจจุบัน
ให้เข้าใจคำว่าการบวช การบวชมีความหมายอย่างนี้ การอบรมบ่มอินทรีย์ ปรับตัวเข้าหาธรรมะ เข้าหาสมมติบัญญัติ เข้าหากฎหมายบ้านเมือง เพราะศาสนาพุทธนี้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม พัฒนาทั้งใจ ทั้งกาย ทั้งวาจา กริยามารยาท อาชีพ เอาธรรมนำชีวิต ความดับทุกข์ก็อยู่ทุกหนทุกแห่ง ความสงบวิเวกก็จะอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเราจะอยู่ในบ้านในนิคมในเมืองหลวง มีอะไรต่อมิอะไรมากมาย เมื่อเรายกเลิกตัวตน อยู่ทุกหนทุกแห่งก็มีแต่ความสงบความวิเวก ให้เราเข้าใจ เรื่องความรู้เรื่องความคิด ความรู้เรื่องคำพูด ความรู้เรื่องกริยามารยาท ความรู้ในธุรกิจหน้าที่การงาน สำคัญทุกคนต้องพากันปฏิบัติอย่างนี้แหละ เราเอาตัวเอาตน เราจะชื่อว่าเป็นมนุษย์ไม่ได้เป็นได้แต่เพียงคน คนนั้นก็เป็นอวิชชาความหลง คือบุคคลที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ส่วนใหญ่เราไม่เข้าใจเราก็จะไปแก้แต่ภายนอก เมื่อเรามีความเห็นผิด เข้าใจผิดก็พากันปฏิบัติผิด จนเขาเอาเราไปประชุมเพลิงหรือพระราชทานเพลิง มันก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องพากันเข้าใจ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างนี้ มันถึงจะเข้าถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ มันจะยกเลิกการเวียนว่ายตายเกิดของเราทุกคน
พวกรถ พวกเครื่องบิน เครื่องจักรเครื่องยนต์ทั้งหลายเขาก็ยังมีเบรค การเห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ต้องมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ที่เป็นเบรค เบรคเราทั้งหลาย ว่าอันนี้ไม่ดี ไม่คิด ไม่พูดไม่ทำ เราทั้งหลายต้องมีเบรค เหมือนคนโบราณ สมัยโบราณ 100 -200 ปีที่ไม่มีไฟฟ้าเหมือนปัจจุบันนี้ เขาถึงมีแสงเทียน แสงไฟในกลางคืน ที่มีแสงสว่าง เด็กน้อยมันไม่รู้เดียงสา มันเห็นแสงสว่างมันก็อยากจะจับไฟ ผู้ใหญ่ที่เลี้ยงเด็กก็คอยห้ามคอยปราม ห้ามอย่างไงก็ไม่ฟัง ปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง เลยให้ลองจับสักครั้ง ร้องไห้ชักดิ้นชักงอเพราะมันเจ็บปวด ทีหลังก็ไม่กล้าจับเพราะมันเจ็บมันปวด คนเราถ้าไม่มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปในวัฏฏะสงสารนั้นมันไม่ได้ เพราะผู้ที่บวชมา พระพุทธเจ้าถึงให้เจริญพระกรรมฐาน แยกร่างกายออกมาเป็นชิ้นส่วนเลย เพื่อจะให้รู้แจ้งว่าทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันมาประกอบกันเหมือนรถยนต์นี้แหละ เหมือนเครื่องจักรต่างๆ นี้แหละ เอาผมออกให้หมด เอาหนังออกให้หมด ให้ออกให้หมดแล้วก็ประกอบอย่างนี้นะ อย่างนี้ให้เป็นงานหลัก ส่วนใหญ่ จะพากันทำนิดๆ หน่อยๆ พอใจสงบแล้วก็ไม่อยากทำไม่อยากปฏิบัติ มันเลยไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้กระบวนการเรื่องจิตเรื่องใจ ไม่รู้กระบวนการทางวัตถุ มาบวชเป็นพระ พระพุทธเจ้าบอกว่าให้ละสิ่งภายนอกที่เป็นปลิโพธทั้งหมด ให้มาอยู่กับงานของพระ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติในงานของพระในงานของเรา มีความสุขในการเจริญสติสัมปชัญญะ มีความสุขในการแยกแยะร่างกายออกเป็นชิ้นเป็นส่วน ต้องปฏิบัติให้เป็นทางสายกลาง ศีลนั้นคือยกเลิกตัวตน สมาธิคือยกเลิกตัวตน ปัญญาคือยกเลิกตัวตน 3 อย่างนี้ต้องไปพร้อมๆ กัน
ทุกคนพากันทำอย่างนี้แหละ เอาเหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านี้เป็นผู้ที่สุดยอดนะ ไม่บอกไม่สอนใครเลย เน้นมาที่ตัวเรา โฟกัสมาที่ตัวเรา ถ้าเรายกเลิกตัวตน ศีลสมาธิปัญญาก็เกิดกับเราได้ ศีลสมาธิปัญญานั้นเกิดไม่ได้ สำหรับผู้ที่มีตัวมีตน ให้เข้าใจอย่างนี้นะ พระพุทธเจ้าถึงบอกเราไม่ต้องมีความกังวล เรื่องฉัน เรื่องนอน เรื่องพักผ่อน เราไม่ต้องไปรับเงินรับสตางค์ไม่ต้องไปเก็บอะไรไว้ ความดีของเรานี้แหละ ประชาชนก็แย่งกันอุปถัมภ์ อุปัฏฐาก เพราะบุคคลที่หาได้ยากคือบุคคลที่ยกเลิกตัวตน ที่ยกเลิกตัวตนมันเป็นธนาคารอยู่ในตัวอยู่แล้ว เราต้องเข้าใจความหมายของการบวช ในพระพุทธศาสนานี้มีน้อยมากที่จะมีผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบท เพื่อไม่หาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ ท่านพากันมาบวชเพื่อทำที่สุดแห่งความทุกข์ ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ทั้งอาชีพ มาโฟกัสที่อริยมรรค เพื่อเป็นมรรคเป็นผลเป็นพระนิพพาน
พระพุทธเจ้าก็บอกให้ระมัดระวังนะ ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยะเจ้าเป็นผู้ที่อ่อนอยู่ พระอลัชชีคนเดียวน่ะสามารถให้พระดีๆ 100 รูปนั้นเสื่อมได้ เปรียบเมือนฟืนรุ่นเก่า เมื่อเอามาจุดแล้วมันติดเร็ว คำว่าอลัชชีก็เน้นมาที่ตัวเรานี้แหละ เราเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสารไหม เรามีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปไหม กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้าไหม เพราะทุกคนเน้นมาที่ตัวของเรานี้นะ เราไม่ต้องไปมองหาพระอลัชชีภายนอก พระอลัชชีนั้นคือผู้ที่ไม่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เป็นผู้ที่ไม่มีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป พระอลัชชีนั้นไม่ใช่สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า เป็นเครือข่ายของพระเทวทัต ผู้ที่เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งคือผู้ที่เป็นเครือข่ายของพระเทวทัต ให้พวกเราเข้าใจเรื่องศีลอย่างนี้แหละ เพราะศีลนี้คือพระวินัยบัญญัติ เพื่อพวกเราจะได้ยกเลิกตัวตน อย่างละเอียด ที่มีในพระไตรปิฎก 21,000 ที่มีในพระปาฏิโมกข์ที่สวดทุกกึ่งเดือน 227 ข้อ ให้เข้าใจว่าการรักษาศีลนี้ก็เป็นไปเพื่อพระนิพพาน เป็นไปเพื่อยกเลิกตัวยกเลิกตน ต้องเข้าใจอย่างนี้ ไม่ใช่อย่างอื่น เราให้เข้าใจเรื่องสมาธิ สมาธินั้นเพื่อให้ความดีความถูกต้องมันเกิดติดต่อต่อเนื่องกัน เรียกว่าสมาธิ ศีลนั้นจะส่งผลัดให้สมาธิเพื่อจะได้รักษาความถูกต้องเอาไว้อย่างติดต่อต่อเนื่อง เหมือนน้ำกลายเป็นแม่น้ำ เพื่อไหลสู่ทะเล ไหลสู่มหาสมุทร เป็นน้ำโดยธรรมชาติ เพื่อจะรักษาระดับความถูกต้อง ปัญญาที่จะเกิดได้ ธรรมะนั้นจะไม่ได้อยู่กับครูบาอาจารย์ จะไม่ได้อยู่ในหนังสือ จะไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฎก มันก็จะอยู่กับเราทุกคนในปัจจุบันนี้นะ
ปกติมนุษย์เราถ้าเรายกเลิกตัวตน หมู่มวลมนุษย์ก็ต้องเป็นคนเก่งคนฉลาดเป็นทั้งคนดีนะ ปัจจุบันนี้แหละถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ให้เข้าใจเรื่องศีล สมาธิ เรื่องปัญญา เป็นสิ่งสำคัญ เรามาบวชมาปฏิบัติ อาศัยวัดอาศัยสถานที่ อาศัยหมู่อาศัยคณะ ที่ไปในทางเดียวกัน มีอุดมคติมีอุดมธรรมอย่างเดียวกัน ทุกคนน่ะมีตัวมีตน มันพากันติดสุขติดสบายติดขี้เกียจ มนุษย์สมัยใหม่ได้พัฒนาเทคโนโลยี พากันหลงในตัวในตนเยอะ หลงในความร่ำความรวย มันเป็นเพียงคนรวย เพราะคนรวยมันยังแก่ เจ็บ ตายนะ เราต้องเข้าใจความหมายต้องเข้าใจความจริง เราต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อเราจะเข้าสู่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธุคุณ ไม่อย่างนั้น เราจะเอา DNA มอบให้กับลูกกับหลานเราไม่ได้นะ สิ่งที่ถูกต้องคือพัฒนาทั้งใจ ทั้งกาย กริยามารยาท อาชีพ ที่มันถูกต้อง มีความถูกต้องนำชีวิต อย่าทำเหมือนคนรวยสมัยใหม่นี้ เอาแต่ตัวเอาแต่ตน เอาแต่ทางวัตถุ มันไม่ใช่บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณนะ เพราะตัวเราเองนี้แหละมาทำร้ายลูกมาทำร้ายหลาน มันหลงอยู่แล้วไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ไหนจะส่งลูกส่งหลานไปเรียนไปศึกษาเมืองนอก ก็เพื่อจะมาค้ามาขาย มาเป็นข้าราชการนักการเมือง มาโกงกินต่ออย่างนี้ ไม่ถูกต้องนะ ปัจจุบันนี้โลกของเรากำลังเป็นอย่างนี้ โลกนี้ก็ดำเนินอยู่อย่างนี้แหละ ต้องพากันเข้าใจ ต้องพัฒนาใจด้วย พัฒนาความรู้ พัฒนาการปฏิบัติไปด้วย เราจะได้เข้าสู่กระบวนการของกฎแห่งกรรม เรียกว่ากฏปฏิจสมุปบาท กระบวนการทางจิตใจ กระบวนการทางวาจา ทางกริยามารยาท ทางอาชีพการงาน พวกมนุษย์ทั้งหลายต้องพากันทำอย่างนี้ โลกนี้ก็มีนโยบายไปในทางเดียวกันนี้แหละ คือเอาธรรมนำชีวิต พัฒนาทั้งวัตถุ พัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นทางสายกลาง เพราะทุกอย่างจะมีแต่คุณไม่มีโทษ พวกเราจะได้ส่งผลัดให้ลูกให้หลานของเรา
โลกนี้ถึงจะมีมนุษย์ 8000 กว่าล้านคนก็จริง แต่เราไม่ได้ไปแก้คน 8000 กว่าล้านคน เราก็แก้ที่เราคนเดียวนี้แหละ สมัยทุกวันนี้ง่าย เพราะโลกสมัยใหม่แชร์ความรู้ แชร์ความเข้าใจได้ไม่กี่นาทีก็รู้กันทั้งโลก อย่าพากันหนักอกหนักใจ เข้าใจแล้วทุกคนก็กลับมาหาตัวเราเองนี้แหละ กลับมาหาธรรมะกลับมาหาเวลา พากันหยุดความฟุ้งซ่านพากันหยุดความสับสน พระพุทธเจ้าน่ะร่างกายของท่านเสด็จดับขันธปรินิพพานไป แต่พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นสิ่งที่ดับทุกข์ที่ใจที่กายที่วาจาที่กริยามารยาท แล้วอยู่คู่กับลมหายใจของเราทุกคนนะ เข้าใจอย่างนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันไม่มีอะไรได้ ไม่มีอะไรเสีย ไม่มีอะไรเป็น ไม่มีอะไรเลย พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกพวกเราทั้งหลายว่า อย่าไปอวดอุตริมนุษธรรม ถึงมีในตัวหรือไม่มีในตัวก็อย่าไปอวด เพราะทุกคนน่ะไม่ได้อะไรหรอกไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป จะได้อะไรมีอะไรเป็นอะไร พระพุทธเจ้าตรัสบอกเราทั้งหลายว่า อย่าไปมีไปเป็นอะไรเลย ถ้าเป็นอะไรมันเป็นทุกข์เท่านั้นแหละ เป็นอะไรก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น เราไม่ต้องไปอวดไปคุย คนเราน่ะอยู่ด้วยกันหลายวัน หลายเดือน หลายปี มันรู้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องไปอวดไปคุย จะเป็นพระเป็นฆราวาสก็พากันไปอวดไปคุยว่า ได้บรรลุธรรมขั้นนู้นขั้นนี้ สมมติขั้นนี้ขั้นนั้นหน่ะ มันเป็นสมมติบัญญัติ เมื่อได้ยกเลิกตัวตนเราก็ไม่มีควาอยากที่จะอวดอ้างว่า เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ต้องเข้าใจ อย่าไปอวดไปอ้างเขา ครั้งพุทธกาลมีพระได้บรรลุธรรมยกเลิกตัวตน อุทานออกมาภายนอกว่าสุขสบายจริงหนอๆ พระพากันได้ยินแล้วกราบเรียนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงสอบถามพระภิกษุรูปนั้น ก็กราบทูลพระพุทธเจ้าตามความเป็นจริงว่าท่านยกเลิกตัวตนมันถึงมีความสุข อันนี้มันเรื่องจิตเรื่องใจของเรา ไม่ต้องประกาศตัวประกาศตน เพราะคนอื่นเขาไม่รู้กับเรา ที่คนอื่นเขาไม่เห็นกับเราด้วยตา ไม่ได้ยินด้วยหู อย่างการพูดถึงภูตผีปีศาจ เทวดา อะไรต่างๆ อย่างนี้ เป็นเรื่องคนอื่นไม่รู้กับเรา อย่างนี้เขาเรียกอวดอุตริ พูดในสิ่งบุคคลไม่รู้ไม่เห็นกับเรามันไม่มีประโยชน์ พระพุทธเจ้าให้พากันปฏิบัติธรรมะ คอนโทรลตัวเองให้ได้ ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจในเรื่องพระธรรมพระวินัย ไม่ต้องไปอวดไปอ้าง เพราะธรรมะเน้นมาที่ตัวเรา ไม่ใช่ยกหูชูหาง มันไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าถึงปรับอาบัติตั้งแต่ทุกกฎจนถึงถุลลัจจัย เราทำให้อะไรเพื่อให้คนอื่นเคารพนับถือหรือยอมรับว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อย่างนี้ไม่ได้นะ มันทำเพื่อตัวเพื่อตน เพื่อความหลง เพื่ออวดเพื่ออ้าง เพื่อยกหูชูหาง มันเป็นเครือข่ายของการอวดอุตริมนุษธรรม
พวกท่านทั้งหลายนั้นน่ะจะอยู่วัดไหน ภาคไหน หรือประเทศไหน ก็ต้องพากันจับหลักในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าที่ไหนมีการปฏิบัติมีการบำบัด นั้นก็จะมีแต่ความสงบอบอุ่นร่มเย็น ถ้าเรายกเลิกตัวตนเอาธรรมนำชีวิต มนุษย์ทั้งหลายเขาก็มองออก ไม่ต้องไปอวดไปอ้างไปโฆษณาหรอก เพราะของจริงของแท้นั้นคือความสงบอบอุ่นเย็นเป็นพระนิพพาน เป็นมรรคเป็นอริยมรรค พวกท่านทั้งหลายอย่าไปคิดสร้างครอบครัว บวชมาสร้างครอบครัว พระพุทธเจ้าไม่ได้บวชมาสร้างครอบครัวนะ บวชมายกเลิกครอบครัว สร้างครอบครัวอย่างไง บวชมาเพื่อก่อเพื่อสร้าง เรามาคิดดูดีๆ นะ พระพุทธเจ้าไม่เคยส้รางโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ที่ไหนเลย ทรงอนุญาตให้ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทสร้างได้เล็กนิดเดียว เพราะเรายกเลิกตัวตน เราทุกคนก็จะมีความสุขความดับทุกข์ เพราะปัจจุบันนี้ผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนา ล้วนแต่มาสร้างแต่ครอบครัวกัน บวชมาเพื่อมาหากฐินมาหาผ้าป่า สารพัดอย่างทั้งทางตรงทางอ้อม นี้เป็นความเสียหายทำให้ประชาชนทุกคนเดือดร้อน ตัวประชาชนเขาก็ทุกข์ยากอยู่แล้ว พระคุณเจ้าทั้งหลายหลายๆ วัดน่ะ เดี๋ยวนี้ยิ่งเอาหนักเอาใหญ่เลย มีในวิทยุมีในโทรทัศน์มีในสื่อออนไลน์ ผิดพระธรรมผิดพระวินัย เราทุกคนต้องมาทำความเข้าใจ ว่าพระพุทธเจ้าท่านให้พวกเรามายกเลิกตัวยกเลิกตนยกเลิกคำว่าครอบงำ หรือว่าครอบครัว ทุกวันนี้พระเจ้าพระสงฆ์ทำความเสียหายให้กับประเทศชาติมาก เห็นคนรวยไม่ได้ กะลิ้มกะเหลี่ย นะจ๊ะๆ คนจนก็ไม่อยากปฏิสันถาร กลัวเขามาขอของวัด การมาทำอย่างนี้ พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นการทำร้ายประทุษร้ายตระกูล ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่ให้พูดอย่างนี้ พูดอย่างนี้เขาเรียกว่าประจบคฤหัสถ์ ท่านปรับอาบัติสังฆาทิเสสเลยนะ อาบัติสังฆาทิเสสเป็นรองอาบัติปาราชิก ปลงอาบัติไม่ตกต้องไปอยู่กรรม อาบัติข้อนี้ ทุกวันนี้ทำเหมือนกัน นะจ๊ะๆ หมด ทั้งประเทศเลย เดี๋ยวนี้กำลังได้รับความเสียหาย ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ครั้งพุทธกาลประชาชนเขาเห็นวัวอยู่ปลายทุ่งนา วัวนั้นก็สีมันจะออกเหมือนผ้าจีวร เห็นวัวแล้วเขายังหลบ พระประเภทนี้ ประเภทนะจ๊ะๆ พระพุทธเจ้าบอกพวกเราทั้งหลายว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ให้พากันมุ่งมรรคผล มุ่งอริยมรรค เพราะเรื่องจิตเรื่องใจมันเป็นเรื่องสถาบันหลักของมนุษย์ ต้องเอาใจที่ยกเลิกตัวตน ที่เอาธรรมนำชีวิต เอาอริยะมรรคมีองค์ 8 นำชีวิต เอาแต่ตัวเอาแต่ตนเราก็ไม่อยากแก้ไขตัวเอง การบรรพชา อุปสมบทของพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้เพื่อมุ่งมรรคผล มุ่งพระนิพพาน แล้วจะมีบุคคลที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาที่ไม่ได้มุ่งมรรคผลนิพพาน มาทำธุรกิจในพุทธศาสนา คือไม่ได้ประพฤติปฏิบัติ เมื่อไม่ได้ประพฤติปฏิบัติเลยไม่มีอะไรมาบอกมาสอนให้ประชาชนเลื่อมใส บุคคลจำพวกนี้ต้องการปัจจัย ต้องการวัตถุ ต้องอาศัยการประจบคฤหัสถ์ มาทำให้พระพุทธศาสนานี้ไขว้เขว โดยบุคคลนี้ทำให้ศาสนาเสื่อม เราจะเห็นพระพุทธศาสนาเป็นของบริสุทธิ์ เมื่อไปประดิษฐานในผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่มุ่งมรรคผลนิพพาน ไปประจบคฤหัสถ์คือทำร้ายเขาด้วยการประจบ ด้วยการเอาใจ ด้วยการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ประชาชนเลยเข้าใจว่าอย่างนั้นเป็นพระพุทธศาสนา ทำให้เขาเสียประโยชน์จากมรรคผลพระนิพพาน เราจะเห็นกันในบ้านในเมือง พระเราจะยินดีต้อนรับแต่คนรวย คนมีฐานะ เอาใจแต่คนมีอำนาจ คนที่เอาใจใส่เป็นพิเศษ ให้พรดี ให้พรเก่ง พูดเพราะ อย่างนี้เขาเรียกว่าประจบคฤหัสถ์ ประจบคนมีตระกูล คนรวย คนมีสตางค์ มีอำนาจ อันนี้คือความเสียหาย เป็นการทำลายความถูกต้อง ความเป็นธรรม ความยุติธรรม
เราจะเห็นบางคน มีความเห็นแก่ตัว จะเรียนมาเพื่อจะเป็นข้าราชการต่างๆ หรือว่ารัฐวิสาหกิจ หรือว่านักบวชไปประจบผู้มีสตางค์มาก ไม่ได้เอาธรรม ไม่ได้เอาวินัยมันผิด ถ้าใครมีความประพฤติอย่างนี้ ได้ยินได้ฟังก็ต้องพิจารณาตัวเอง เพราะว่าเรานี้คือผู้ที่ทำลายความเป็นพระอริยเจ้า ทำลายพระธรรม ทำลายพระอริยสงฆ์ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง เป็นเรื่องทำลายพระศาสนา เพราะความฉลาดไม่พอ เปรียบเหมือนคนที่จะไปเอาผลไม้ต้นนั้น แต่ไม่ฉลาดไปโค่นต้นมัน มันก็ได้ครั้งเดียว อย่างนี้เขาเรียกว่าพระธุรกิจ บวชมาเพื่อทำธุรกิจในการบวช ไม่ใช่กิจของสมณะ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่อริยสาวกของพระพุทธเจ้า
พระในพระพุทธศาสนาคือผู้มุ่งการเสียสละ เพราะความเสียสละนั้นคือพระธรรม พระวินัย การเสียสละคืออะไร การเสียสละนั้นคือตัวตน เพราะการเวียนว่ายตายเกิด เพราะเรามีตัวมีตน เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ทำอะไรอย่างนั้น ให้เหมือนฝนดีเปรสชั่น ที่มันตกทั่วทุกหกทุกแห่ง เมตตากรุณาต้องไม่มีที่สุดไม่มีประมาณเหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านเมตตากรุณาสงสารเห็นใจทุกๆ คนไม่ใช่สงสารแต่คนรวย คนมีอำนาจ วาสนา ตลอดจนถึงสัตว์เล็ก สัตว์น้อย ท่านสงสารหมด พระที่ทำอย่างนี้เขาเรียกว่าประทุษร้ายตระกูล ทำตระกูลเขาให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้เกิดสัมมาทิฏฐิ พระเรามีความผิดพลาดเยอะ ดูๆแล้วส่วนใหญ่พากันประพฤติประทุษร้ายตระกูล ผู้มีปัญญาก็พอมองเห็น จะมองข้ามธรรมวินัย มองข้ามสิ่งที่ถูกต้องไป
มันไปต่อเนื่องมาจากสิกขาบทก่อนหน้า คือผู้ที่หลงในตัวตน หลงในวัตถุ ตั้งอยู่ในความประมาท เดินคนละทางกับพระพุทธเจ้า ถึงเป็นผู้ที่ว่ายากสอนยาก เลยกลายมาเป็นผู้ที่ประทุษร้ายศาสนา ถือว่าการประทุษร้ายศาสนาคือการทำลายพระศาสนา ประทุษร้ายตระกูลคือตระกูลของพระพุทธเจ้า ตระกูลของพระอริยเจ้า ให้ประชาชนเกิดมิจฉาทิฏฐิ นึกว่าทำอย่างนั้นๆ ประจบคฤหัสถ์ ประจบคนรวย ประจบนักการเมือง นักกินเมือง ว่าเป็นศาสนา ทำให้ศาสนาเสียหายตกต่ำ อันนี้เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาเป็นการทำลายมรรคผลนิพพานของเมืองไทย ของโลก ทุกๆคนต้องพากลับมาดูตัวเอง เราจะได้รู้เท่าทันที่ปัจจุบัน เพราะอดีตมันไม่ใช่ปัจจุบัน อนาคตก็ไม่ใช่ปัจจุบัน เราต้องทำอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ สิ่งที่ผ่านมาเราเสียหายมามากแล้ว เราทุกคนเห็นความบอบช้ำของพระพุทธศาสนา ความบอบช้ำของมหาชน ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลง อย่าให้ความเห็นแก่ตัวมาครอบงำเราเลย อย่าให้อวิชชามาครอบงำเราเลย เราต้องหยุดเป็นผู้ที่ประทุษร้ายศาสนา ประทุษร้ายตระกูลแห่งพุทธะ เพราะทุกคนต้องใจเข้มแข็งใจอ่อนไม่ได้ สัมมาสมาธิคือใจเข้มแข็ง เราต้องมีปัญญา ต้องเสียสละ ต้องกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า ต่อประเทศชาติบ้านเมืองของเรา เราต้องมีสิ่งดีๆ นำประเทศเรา อย่าให้อวิชชาความหลง มาครอบงำจิตใจของเราเลย
คนที่ปราศจากหิริโอตตัปปะ มีความกล้าประดุจกา มักจะมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบายแต่ไร้ความสุขใจและภาคภูมิใจ ส่วนผู้ที่มีหิริโอตตัปปะสงบเสงี่ยมแบบมุนี เข้าสู้สกุลมิให้กระทบกระทั่งศรัทธาและโภชนะของคฤหัสถ์ เหมือนแมลงผึ้งเข้าไปในป่าดูดเอาน้ำหวานในเกสรดอกไม้ แต่มิให้บุปผชาติชอกช้ำนั้นย่อมเป็นอยู่ยาก แต่มีความสุขใจและภาคภูมิใจ
ธรรมะเป็นสิ่งที่ทวนกระแส ไม่ทำตามอัธยาศัยไหลไปตามน้ำเหมือนน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ เราว่ายน้ำทวนกระแส เรามาทวนกระแสโลก มันเป็นของยาก ธรรมะภาคปฏิบัติมันเป็นอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ การประพฤติปฏิบัติของเราทุกคนจึงเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ การให้ทานการเสียสละภายนอก ยังไม่ยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่ง แต่การเสียสละทางใจ ไม่ทำตามอัธยาศัยไม่ตามใจตามอารมณ์ เป็นการประพฤติปฏิบัติที่เหนือกว่า ประเสริฐกว่า เป็นการอบรมบ่มอินทรีย์ เป็นศีลสมาธิปัญญาอย่างแท้จริงเราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ จึงจะเป็นผู้รู้จักทุกข์ รู้เหตุให้เกิดทุกข์ รู้จักความดับทุกข์ รู้วิธีการประพฤติปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์ อันเป็นทางสายกลางคืออริยมรรคมีองค์ ๘ เราจึงต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ใจของเราจึงจะลงรายละเอียด อย่างลึกซึ้ง
ไม่มีมิตรสหายใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความรู้"
ไม่มีศัตรูใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความเจ็บไข้ได้ป่วย"
ไม่มีความรักใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความรักของพ่อแม่"
ไม่มีอำนาจใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."กฏแห่งกรรม"
ไม่มีคุณงามความดีใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความกตัญญูกตเวที"
ไม่มีความสุขใดใด จะยิ่งไปกว่า..."ความสงบเป็นพระนิพพาน"
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee