แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๑๙ ให้ทุกคนโฟกัสมาที่ตัวเรา แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ต้องไปแก้ที่ปลายเหตุ เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดจากเหตุ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗
ทุกคนเกิดมาปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดาเป็นเวลา 9 เดือน รับ DNA ขั้วบวก ขั้วลบจากบิดามารดา มนุษย์เราอายุขัยในปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่เกิน 100 ปีก็หมดอายุขัย บางคนก็น้อยบางคนมาก แล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี มนุษย์เราถึงมีภพภูมิอยู่ในส่วนร่างกาย ในจิตใจนี้หลายภพภูมิ เขาถึงเรียกหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายนี้ว่า “คน” คำว่า “คน” นี้คือหลายภพภูมิ ร่ายกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจไม่ได้เป็นมนุษย์ เราจะเป็นมนุษย์ได้เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเราถึงเป็นมนุษย์ได้ เจ้าคุณพุทธทาสเป็นนักปราชญ์ ของโลก ท่านถึงประพันธ์ไว้ว่า เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง...
ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องมันเป็นอริยมรรค เป็นหนทางที่ประเสริฐของเราทุกคน เราทุกคนถึงต้องมายกเลิก สิ่งที่จะเป็นไปเพื่อประกอบความทุกข์ เป็นไปให้พวกเราเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ การเรียนการศึกษานี้ความรู้ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก เพื่อเราจะได้มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเป็นอริยมรรค เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงจะมีได้ มีผู้มาทูลถามพระพุทธเจ้าว่าตายแล้วเกิดหรือตายแล้วศูนย์ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าแล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัย เพราะการตายของมนุษย์ตาย 2 อย่าง อย่างหนึ่งก็ส่วนร่างกาย อีกอย่างหนึ่งก็ส่วนของจิตใจ มันมีตาย 2 อย่าง เราทุกคนต้องรู้ภาษาใจ แล้วก็รู้ภาษากายไปพร้อมๆ กัน มนุษย์เราต้องอาศัย DNA จากขั้วบวกขั้วลบจากพ่อจากแม่ กรรมพันธุ์ของพ่อแม่หรือว่า DNA ของพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญ มนุษย์เราที่เกิดมาน่ะ พ่อแม่คือบุคคลที่สำคัญ ให้ DNA ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ธุรกิจหน้าที่การงาน พ่อแม่ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญนะ เราเป็นพ่อเป็นแม่เราต้องรู้จักว่า เรามีความสำคัญต่อบุตรต่อธิดา เราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดน่ะ ด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา เริ่มต้นจากใจ เริ่มต้นจากเจตนา ลูกของเราที่เกิดมาที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอนพักผ่อนดื่มนมจากมารดา ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ อาศัยการนอนการพักผ่อน เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะฝึกลุกนั่ง ฝึกคลาน ฝึกยืน เดิน ฝึกทานอาหาร มนุษย์เราต้องเดิน 2 เท้า ไม่เหมือนสัตว์จำพวกอื่นที่เดินไปทางขวาง ตัวขนานกับแผ่นดิน เราเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตนที่เป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณนี้เป็นความรู้สึก ความรู้สึกนั้นได้ได้เกิดมาจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะความเวียนว่ายตายเกิด มันเป็น DNA มันเป็นชิป มันเป็นกรรมเป็นกฎแห่งกรรม ที่มันเวียนว่ายตายเกิด มีอยู่ 2 อย่าง เกิดทางกาย เกิดทางใจ พวกที่เป็นพ่อเป็นแม่เราก็ธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะเราเอาสัญชาตญาณนำชีวิตนั้น ทำให้เราทุกคนทำทั้งผิด ทำทั้งถูก ทำทั้งดี ทำทั้งชั่ว เราทุกคนก็เป็นได้แต่เพียงคน เป็นได้แต่เพียงอวิชชาเป็นแต่ความหลง ต้องรู้จักสัญชาตญาณ เพื่อยกเลิกสัญชาตญาณ มาเอาธรรมนำชีวิต
ให้ถือว่าทุกคนน่ะพากันโชคดี ที่เราทุกคนเป็นผู้ที่ประเสริฐที่จะได้พากันมาเป็นมนุษย์ เราต้องหยุดสัญชาตญาณ ท่านให้พวกเราถือหลักการว่า เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์น่ะ ถือว่าเป็นแขกหรืออาคันตุกะมาเยี่ยมเรา เยี่ยมบ้านของเรา ปกติแล้วแขกมาเยี่ยมเราเยี่ยมบ้านเราเขาก็จากไป พระพุทธเจ้าให้พวกเราพากัน เข้าอกเข้าใจอย่างนี้ น้อมสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนี้ไม่แน่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มาเยี่ยมเราแล้วก็จากไป ในชีวิตประจำวันของเรา เราก็จะได้เจอเหตุการณ์อย่างนี้แหละ ตาหูจมูกลิ้นกายใจเปรียบเหมือนเจ้าของบ้าน รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ คือแขกที่มาเยี่ยมบ้านเรา ให้เรารู้ความจริง รู้ความจริงอย่างนี้เรียกว่าอริยสัจ 4 เราจะได้ไม่หลง หลงไปก่อภพก่อชาติ นี้เป็นเกมเป็นไฟท์ของการประพฤติการปฏิบัติ ให้มันติดต่อต่อเนื่อง เหมือนลมหายใจของเราทุกๆ คน ลมหายใจของทุกคนต้องปฏิบัติต้องหายใจติดต่อต่อเนื่อง ร่างกายนี้ถึงจะอยู่ได้ เหมือนเลือดในร่างกายของเราอย่างนี้ ศูนย์กลางก็คือหัวใจที่เลี้ยงร่างกายของเราทุกส่วนจนถึงเราหมดอายุขัย ทำงานติดต่อต่อเนื่องเหมือนสมองของเรานี้แหละมันเป็นศูนย์รวมควบคุม Control เส้นประสาทน้อยใหญ่ติดต่อต่อเนื่อง จึงต้องประพฤติปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ท่านเปรียบเสมือนน้ำ น้ำทีละหยดมันหยดลงเป็นน้ำ เป็นแม่น้ำ ไหลรวมเป็นทะเลเป็นมหาสมุทร ท่านเปรียบเสมือนเม็ดดิน เม็ดนิดเดียวมันรวมตัวกันจนเป็นแผ่นดินที่รองรับทุกอย่างที่เป็นโลกกลมๆ ที่มนุษย์อาศัยในโลกปัจจุบันนี้ก็ 8 พันกว่าล้านคน มันติดต่อต่อเนื่องกันจนเป็นโลกเป็นวงกลม วันหนึ่งคืนหนึ่งมี 24 ชั่วโมง หลางวันมี 12 ชม. กลางคืนมี 12 ชม. โลกหมุนรอบตัวเองหมุนรอบดวงอาทิตย์ทำให้มีกลางวันกลางคืน การประพฤติการปฏิบัติต้องติดต่อต่อเนื่อง เหมือนเราเอาพระธรรมนำชีวิต เราเอาธรรมนำชีวิตก็อาศัยสมมติสัจจะ โลกนี้จะมีสมมติสัจจะ สมมติว่าเราเป็นผู้หญิงผู้ชาย เป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นคนใหญ่คนโต คนเฒ่าคนชรา ต้องอาศัยสมมติ เพราะเราทุกคนก็ไม่มีตัวมีตน มีแต่เหตุมีแต่ปัจจัย ต้องอาศัยสมมติ ในโลกเราก็มีภาษามีสมมติ มีเยอะแยะมากมาย เอามาใช้งานปฏิบัติงาน ภาษาของมนุษย์ถึงมีมากมาย แต่ละประเทศก็มีหลายภาษา ทุกคนต้องเข้าใจอย่างนี้ ทุกคนนั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เลยต้องสมมติบัญญัติ เพื่อจะได้โฟกัสเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ให้พวกเราทั้งหลายที่มีร่างกายเป็นมนุษย์พากันรู้นะ ว่าเราทุกคนไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนะ เราก็เกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย จึงมาพากันเวียนว่ายตายเกิด เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมีอย่างนี้แหละ ไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น เลยเรียกเราทั้งหลายว่าเป็นคนน่ะ
ปัจจุบันนี้จึงเป็นเหตุที่สำคัญนะ เพราะอดีตที่ผ่านมาแล้วนั้น คือมันผ่านมาแล้ว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงอยู่ที่ปัจจัยในปัจจุบันนี้แหละ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ถึงแม้ว่าเราจะเรียนจะศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ตั้งแต่ นธ.ตรี จนถึง ป.ธ.9 อันนั้นเป็นหลักการเป็นหลักวิชาการ เพื่ออ่านออกเขียนได้ เข้าใจแล้วไปปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง ปัจจุบันนี้ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญความรู้ถึงคู่กับการปฏิบัติ เราทุกคนต้องโฟกัสเข้าหาตัวเอง ต้องเข้าสู่ศีลเข้าสู่สมาธิเข้าสู่ปัญญาในปัจจุบัน ปัจจุบันถึงเป็นการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้ความรู้นั้นอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่ในหนังสือของสามัญชน ต้องมาอยู่ในสัมมาทิฏฐิอยู่ในเราทุกคน ทั้งภาคความรู้ภาคปฏิบัติ ทุกคนต้องโฟกัสเข้ามาหาการประพฤติการปฏิบัติ โฟกัสเข้ามาหาตัวเอง เพราะธรรมะนั้นเป็นปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณและเข้าสู่กรุณาธิคุณ เราทุกคนโฟกัสเข้ามาหาตัวเอง เหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านทรงอบรมบ่มอินทรีย์ หรือสร้างบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ ท่านโฟกัสมาหาตัวของท่านเอง ท่านยกเลิกตัวตน ท่านเสียสละความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องได้แก่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาความหลงเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าความไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าคือผู้ที่ทรงสอนตัวเอง ทรงปฏิบัติตัวเอง 100% แล้วก็ทรงบอกผู้อื่น 100%
มนุษย์ปัจจุบันนี้เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด ปฏิบัติผิด การเรียนการศึกษาก็เพื่อตัวเพื่อตน การทำงานก็เพื่อตัวเพื่อตน เมื่อเราเอาตัวเอาตนมันผิด จะให้ถูกต้องเรามาพัฒนาทั้งใจพัฒนาทั้งวัตถุพร้อมๆ กัน เพื่อให้เป็นทางสายกลาง ใจของเราก็ถูกต้อง กาย วาจา กริยามารยาท อาชีพการงานของเราก็ถูกต้อง เพื่อให้เป็นทางสายกลาง เอาแต่ใจก็สุดโต่ง เอาแต่กายแต่วัตถุก็สุดโต่ง 2 อย่างนี้จึงต้องไปพร้อมๆ กันเพื่อเป็นทางสายกลาง กายกับใจก็แยกแขนงออกเป็นอริยมรรคมีองค์ 8 ที่เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ การทำที่สุดแห่งความทุกข์การหยุดวัฏฏสงสาร จึงเป็นอริยมรรคมีองค์ 8 เพราะสิ่งนี้สิ่งต่อไปมันถึงมี มันเป็นกระบวนการของเหตุของปัจจัย ทั้งจิตใจทั้งวัตถุ ทั้งกายวาจา กริยามารยาท อาชีพ ตั้งอยู่ในความถูกต้องที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จนถึงสัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ เป็นการอบรมบ่มอินทรีย์ของเราทุกคนที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต เรียกว่าเอาสมมติบัญญัตินำชีวิต
เราทุกคนต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเป็นปฏิปทา ใช้เวลาติดต่อต่อเนื่อง ยกตัวอย่างแม่ไก่จะฟักไข่ก็ใช้เวลา 3 อาทิตย์ ทุกวันนี้สมัยใหม่ก็ฟักด้วยไฟฟ้าก็ต้องใช้เวลา 3 อาทิตย์เหมือนกัน การปฏิบัติของหมู่มวลมนุษย์ก็ต้องใช้เวลาติดต่อต่อเนื่อง อย่างน้อยก็ 3 อาทิตย์เหมือนกัน สมองเรานี้มันอาศัยการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เพราะมันต้องอาศัยการกระทำการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เหมือนกับเราเดินทางไป เดินทางที่เราไม่รู้ ไปครั้งเดียวมันก็จำไม่ได้ ต้องอาศัยติดต่อต่อเนื่องกัน มันถึงจะจำได้ พระพุทธเจ้าทรงวางหลักธรรมพระวินัยให้พระที่พึ่งมาบวช ให้ถือพระธรรมวินัยหรือว่าถือนิสัยของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือธรรมะ ธรรมะคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวใช่ตนคือธรรมะวินัย ให้ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ผู้ที่มาบวชให้ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า อย่างน้อย 5 ปี 5 พรรษาให้ปฏิปทามันติดต่อต่อเนื่องในระบบความคิดคำพูด กริยามารยาทตลอดถึงธุรกิจหน้าที่การงาน เพื่อให้ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้ สแตนดาร์ด ต้องเข้าสู่ความถูกต้อง ให้ทุกท่านทุกคนยกเลิกตัวตน เพื่อเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย พระธรรมพระวินัยมีมากมาย 84,000 พระธรรมขันธ์ ในพระไตรปิฎก ส่วนในภิกขุปาฏิโมกข์ 227 สิกขาบท ที่เป็นสมมติบัญญัติว่า อันนี้คิดไม่ได้จะพูดไม่ได้ทำไม่ได้ เพื่อยกเลิกความเป็นนิติบุคคลต้วตน สำหรับผู้มีสติมีปัญญาน้อย เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้วางรากฐานพระธรรมวินัยไว้ ให้ทุกคนพากันถือเอานิสัยของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มาถือนิสัยของตัวเอง เพราะการถือนิสัยของตัวเองนั้นคือการเวียนว่ายตายเกิด มันคือสัญชาตญาณ มันเป็นตัวเป็น ตนมันคือการเวียนว่ายตายเกิด พระธรรมวินัยถึงมีมากมายมีถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ ให้ทุกคนเข้าใจว่าสิ่งนี้มีมาก มีคุณมีประโยชน์ ให้เราพากันเข้าใจ เข้าใจ แล้วก็ยกเลิกตัวยกเลิกตน พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพราะสิ่งเหล่านี้มันถูกต้อง เราอย่าไปเอาตัวเอาตน ให้เอาพระธรรมวินัย พระธรรมวินัยเมื่อเราปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง มันจะโฟกัสเราเข้าถึงปรมัตถสัจจะ เพื่อยกเลิกตัวยกเลิกตน เพื่อเราทุกคนจะเน้นมาที่ปัจจุบัน ไม่งั้นมันเสียหาย ความรู้นั้นมันอยู่ในพระไตรปิฎก ไม่ได้เข้าถึงภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมมันถึงเศร้าหมอง
การประพฤติการปฏิบัติธรรมในปัจจุบันเพราะความมีตัวมีตนน่ะ ทุกคนคิดว่ามันยาก ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะตัวตนมันคือความยาก มันก็คือทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ เราต้องพากันรู้จัก เราต้องรู้จักหน้าตาของอวิชชาของความคิด ที่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่มันเป็นตัวเป็นตนเป็นสัญชาตญาณเราต้องอบรมบ่มอินทรีย์ของเราทุกๆ คน ชีวิตของเราทุกๆ คนก็เหมือนพวกที่ติดยาเสพติดนี้แหละ ติดเหล้าติดเบียร์ติดเล่นการพนัน ติดผู้หญิงติดผู้ชาย เราต้องเข้าใจว่าตัวตนนี้มันคือความแซบ ความลำ ความอร่อย ความหลง ที่มันเป็นสัญชาตญาณเป็นตัวเป็นตนน่ะ เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคบำบัด คนติดเหล้าติดยาเขาก็ต้องเข้าสู่ภาคบำบัด เราติดอวิชชาติดความหลงก็เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ พ่อแม่เป็นผู้ที่สำคัญต่อลูก ต้องเอาธรรมนำชีวิตเอาความถูกต้องนำชีวิต พ่อแม่ต้องประพฤติปฏิบัติให้ได้ก่อนเราถึงบอกสอนลูกของเรา ว่าเรากับลูกของเรามันอยู่ด้วยกัน หลายวันหลายเดือนหลายปี มันต้องเป็น DNA ทั้งร่างกายของเรา วาจา กริยามารยาท ธุระกิจหน้าที่การงานอยู่แล้ว พ่อแม่มีความสำคัญ พ่อแม่ต้องประพฤติต้องปฏิบัติเป็นแบบเป็นพิมพ์ของลูก การปฏิบัติเป็นตัวอย่างแบบอย่างเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่เป็นผู้ที่มีศีล 5 เป็นผู้ที่ตั้งมั่นในความถูกต้อง ความถูกต้องเรียกว่าพระรัตนตรัย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้งนั้นไม่เรียกว่าพระรัตนตรัย พ่อแม่ทั้งหลายพากันเข้าใจ พ่อแม่ทุกคนต้องมีสัมมาทิฏฐิ เพราะตามหลักการเขาก็ตั้งให้พ่อแม่เป็นพระของลูก พระก็คือแบบพิมพ์ของลูก แบบที่ถูกต้อง หนทางที่ถูกต้อง การพูดให้ฟังมันยังไม่เท่าปฏิบัติให้ดู ให้รู้ให้เห็น ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้ ลูกเราจะได้ไม่สับสนเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวเราก็สับสนลูกเราก็สับสน เราต้องปฏิบัติให้เห็นชัดเจน ตั้งมั่นในความถูกต้องตั้งมั่นในพระรัตนตรัย พ่อแม่นี้ก็ต้องเห็นความสำคัญในความถูกต้อง มีความตั้งมั่นอย่าไปใจอ่อน ยกเลิกตัวตน เอาธรรมนำชีวิต ชีวิตของเราก็จะยกเลิกความไม่ถูกต้อง ใจ กาย วาจา หน้าที่การงานอย่างนี้อยู่ในระดับก้าวไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา คือพระรัตนตรัย ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ เราเอาตัวตนทุกอย่างทั้งทางวัตถุทั้งทางจิตใจ เพราะตัวตนน่ะมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ และทุกข์ที่ดับไป ไม่มีอะไรนอกจากทุกข์ มีแต่ทุกข์ทั้งเพ เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราถึงจะยกเลิกตัวตน เราเอาตัวเอาตนมันก็ขี้เกียจขี้คร้าน ไม่มีคงวามสุขในการทำงาน ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ พระพุทธเจ้าถึงให้เรามีสัมมาทิฏฐิ ตื่นขึ้นมาก็พากันมาเสียสละ ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งระบบความคิด กริยามารยาท ธุรกิจหน้าที่การงาน ต้องพัฒนาการทำงานการปฏิบัติ 2 อย่าไปพร้อมๆ กัน ที่เป็นทางสายกลาง อย่าไปแยกงานกับการทำงานออกกัน ให้ 2 อย่างนี้ไปพร้อมกันทางสายกลาง พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นลูกหลานของพารหมณ์ พราหมณ์ก็เอาแต่ตัวแต่ตน เอาแต่เรื่องจิตเรื่องใจเอาแต่ความสงบ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงมาเป็นที่ตั้ง เลยไม่รู้เรื่องพระอริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าทรงบอกทรงสอนว่าสมถะและวิปัสสนามันต้องไปพร้อมๆ กัน เอาแต่ปัญญามันทำลายระบบสมอง มันคิดมากใจไม่สงบ เราต้องมีความสงบ เราต้องมีสมถะ มีสมถะมีสมาธิ ต้องมีความสุขความสงบเราจะไปติด เราอย่าคิดว่าความสงบมันเป็นพระนิพพาน ความสงบมันเป็นเพียงความสงบน่ะ เมื่อเราออกจากสมาธิแล้วก็ยังมีตัวมีตนอยู่ เราต้องเอาความสงบจากสมถะ เพื่อมาพักผ่อนสมองเรา สมองของเรามันต้องมีสมถะคือความสงบ เพื่อให้ธรรมชาติสมดุลกัน ต้องมีความสงบแล้วค่อยเจริญปัญญา ยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ความสงบกับปัญญามันถึงไปพร้อมกัน เอาความสงบมันต้องมีเหตุมีปัจจัยนะ ความสงบนั้นมันต้องมาจากศีล มาจากสมมติสัจจะ ที่อันไหนคิดได้ อันไหนคิดไม่ได้ อันไหนพูดได้อันไหนพูดไม่ได้ กริยามารยาทอันไหนทำได้อันไหนทำไม่ได้ ธุรกิจการงานอาชีพอันไหนปฏิบัติได้อันไหนปฏิบัติไม่ได้ ความสงบมันต้องมาจากพื้นฐานของจิตที่ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำ มันถึงจะเกิดสมถะ เป็นสัมมาสมาธิโดยธรรมชาติ พระพุทธศาสนาถึงมีศีลสมาธิปัญญาโดยธรรมชาติ เป็นทางสายกลางไม่สุดโต่ง กาย วาจา กริยามารยาท การงานอาชีพ การคิด การพูด การกระทำ มันต้องเป็นไปเพื่อสัมมาทิฏฐิ ที่เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม การประพฤติการปฏิบัติต้องก้าวไปอย่างนี้
เราทุกคนต้องพากันเข้าใจนะ เมื่อเรายกเลิกตัวตน ชีวิตของเราจะไม่สับสน การมาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ามายกเลิกการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร มายกเลิกทาส มายกเลิกชนชั้นวรรณะ ยกเลิกตัวตน ต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ เราจะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งอย่างนี้ไม่ได้ เพราะตัวตนมันทุจริต เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราเป็นมนุษย์ไม่ได้ เราเป็นได้แต่เพียงคน เพียงอวิชชา เพียงความหลง มนุษย์เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ต้องก้าวไปอย่างนี้นะมนุษย์ทุกคน ไม่งั้นเราก็เป็นได้แต่เพียงคน การทุจริตเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เราเข้าถึงการเป็นข้าราชการ เป็นนักการเมือง หรือเป็นนักบวชไม่ได้ เพราะมันเป็นตัวเป็นตนมันทุจริต มันไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ มันเป็นตัวเป็นตน เป็นการเวียนว่ายตายเกิด ให้ทุกท่านทุกคนเข้าอกเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องเห็นคุณเห็นประโยชน์ เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งเรายังไม่เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร มันไม่ใช่รักตัวเอง มันเป็นบุคคลหลงตัวเอง หลงตัวเองยังไม่พอหลงคนอื่น หลงพ่อหลงแม่ หลงสารพัดหลง หลงมันคือไสยศาสตร์ ความหลงมันแปลว่าสายมู สายโมหะ ความหลงทั้งหมดน่ะ
พวกเราพากันมาบวชมาปฏิบัติ การมาบวชก็เอาพวกความหลงนี้มาบวช เอาผู้ที่เวียนว่ายตายเกิดนี้มาบวช การมาบวชเขาถึงเข้ามาสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เหมือนกับพวกที่ติดเหล้าติดบุหรี่ติดเบียร์ติยาเสพติดนี้ ต้องเข้าสู่ภาคบำบัดภาคปฏิบัติ ต้องเข้าใจอย่างนี้ วัดต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทยของเรา วัดก็มี 3 หมื่นกว่าวัด รวมสำนักสงฆ์ด้วยก็ 4 หมื่นกว่าวัด สำนักสงฆ์ก็วัดเหมือนกัน วัดนี้ก็เหมือนโรงเรียนประเทศไทยมีโรงเรียนทุกๆ หมู่บ้าน วัดก็อย่างเดียวกับโรงเรียน แต่วัดมันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ผู้มาบวชให้ประเทศไทยของเราในปัจจุบันนี้ มี 2-3 แสนกว่ารูป ส่วนใหญ่ก็มาจากรากฐานของคนยาก คนชนหรือคนปานหลาง คนชนบทส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่ 99.9% พากันมาบวชมาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เพราะมีปมด้อยด้านวัตถุ ความรู้ความสามารถ ท่านบอกว่าไม่เป็นไร เราจะมาจากชาติจากตระกูลมาก็ไม่เป็นไร เพราะพระธรรมพระวินัยคือภาคบำบัดภาคปฏิบัติ ที่พระพุทธเจ้าทรงวางรากฐานไว้มีพระธรรมวินัย 84,000 พระธรรมขันธ์ ที่เป็นสมมติบัญญัติ ต้องเอาธรรมนำชีวิต ต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต เข้าสู่สมมติบัญญัติ เพื่อเป็นภาคบำบัดภาคปฏิบัติ ยกเลิกนิสัยของตัวเอง ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ไม่ให้ถือนิสัยของตัวเอง ทุกคนต้องโฟกัสเข้าหาการประพฤติการปฏิบัติ ผู้ที่บวชก่อนบวชเก่าถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้บวชเก่าต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่าง ถึงฐานะจะมาจากคนยากจนหรือมาจากคนปานกลางหรือมาจากคนรวย ที่เป็นคนรวยที่ติดเหล้าติดบุหรี่ ติดการพนัน ที่พ่อแม่โอ๋ลูกทำให้ลูกเสียคน เมื่อมาเข้าสู่พระศาสนา ก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เอาธรรมนำชีวิต โดยต้องอาศัยเจ้าอาวาสอาศัยประธานสงฆ์ อาศัยพระเก่าที่บวชมาหลายปี ผู้บวชเก่าบวชมาหลายปีต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง อย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อย่าพากันมาบวชเพื่อเอาศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ อย่าพากันไปคิดอย่างผู้มีปัญญาน้อยมันไม่ถูกต้อง อย่าเอาเปรียบส่วนรวม ส่วมรวมเขาให้โอกาสพิเศษ บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ เขาเอาของมาให้เขาก็ยังมากราบมาไหว้อีก ประชาชน ข้าราชการ นักการเมือง พระมหากษัตริย์ เขาก็พากันมากราบมาไหว้ เราจะเป็นคนยากคนจนมาบวชก็ไม่เป็นไร ให้เราทุกคนพากันมาตั้งมั่นในความกตัญญูกตเวที ตั้งมั่นในความซื่อสัตย์ เพราะกว่าพระพุทธเจ้าจะบำเพ็ญพุทธบารมีจนกว่าจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าน่ะ ใช้เวลานานมาก หลายอสงไขย หลายล้านชาติ ให้เราเข้าใจ อย่าได้พากันมาบวชเอาพระพุทธศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ มันไม่เป็นธรรมไม่ยุติธรรม เราต้องมีความสำนึกด้วยความกตัญญูกตเวที เพราะความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี เป็นเครื่องหมายของคนซื่อสัตย์ รู้จักสิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนิสัยมัยหยาบ มันกระด้าง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นความมืด ตัวตนเป็นความมืดตั้งแต่กำเนิด
การมาบวชการมาปฏิบัติเขาเรียกว่าการเข้ามาสู่ภาคบำบัดภาคปฏิบัติ เพื่อมายกเลิกความมืด เหมือนยกเลิกอวิชชายกเลิกความหลง เรายกเลิกตัวตนอย่าให้ตัวให้ตนมันครอบงำเรา ตัวตนนี้ก็คือตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความประมาทตั้งอยู่ในอวิชชาความหลง อย่าไปทำอะไรตามอัธยาศัย ทำตามอวิชชาตามความหลง ต้องเข้าสู่ธรรมวินัย เข้าสู่เวลา พระสายวัดป่าสายกรรมฐานท่านถึงพากันตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อจะได้มายกเลิกตัวตน เพื่อจะได้เข้าสู่ภาคบำบัดภาคปฏิบัติ ส่วนใหญ่ก็ผู้ที่ทำเสียไม่ใช่ใครหรอกคือพระบวชเก่าพระบวชหลายปีนั่นแหละ เพราะคนพวกนี้พื้นฐานก็มาจากอวิชชาความหลง พวกที่มาบวชอาศัพพระศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ นี้ถือว่าเป็นเปรตประจำวัดเป็นเปรตประจำประเทศไทยของเราเลยทีเดียวนะเป็นจำนวนมาก เขาเรียกว่า 99.9% นี้พูดตรงไปตรงมาให้ความยุติธรรมแก่ทุกๆคนน่ะ ทุกคนต้องโฟกัสเข้ามาหาตนเอง ถ้าเราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งนั่นแหละคือทุจริต เราต้องเข้าใจ ที่เข้าใจไม่ได้เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันไม่เข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็เก่งแต่รับประเคน รับประเคนเก่ง ศาสนพิธีเก่ง พูดกับโยมที่รวยเสียงต่ำเสียงสูง นะจ๊ะๆ ส่วนใหญ่แทบทุกวัดเลย พูดกับข้าราชการนักการเมือง ที่ให้ยศให้ตำแหน่งอำนาจวาสนานี้ นะจ๊ะๆ กันทั้งนั้น พูดกับคนจนคนที่ไม่ให้ผลประโยชน์ กับพวกที่มาบรรพชามาบวชก็พูดไม่เพราะ ให้พรก็เสียงไม่ดัง ให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องปรับปรุงตัวเอง เพราะตัวเองนั้นอยู่ในภาคบำบัดภาคปฏิบัติ เราต้องโฟกัสเข้าหาพระวินัยอย่างนี้ ด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา แล้วปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยของเรามีนโยบายเอาธรรมนำชีวิต พวกนักบวชทั้งหลายต้องเป็นหลัก ที่ให้ลูกหลานประชาชนข้าราชการนักการเมืองมาบวช เพื่อจะได้พัฒนาประชากรของประเทศไทย เอาธรรมนำชีวิตเอาความถูกต้องนำชีวิต การทุจริตโกงกินคอรัปชั่นมันถึงจะหายไป เพราะทุกวันนี้มันเป็นความเสียหายมาก อย่างเงิน 100 บาท ประเทศไทยเรานี้ส่วนของข้าราชการนักการเมืองโกงกินไปแล้ว 60 -70 % มันจะเหลืออะไรที่พัฒนาส่วนรวม ประเทศไทยเรามันถึงมีเงินทอนวัด มีเงินทอนส่วนราชการ มีเงินทองส่วนนักการเมือง มันไปไม่ได้ เพราะมันตั้งอยู่ในความทุจริต
ทั้งสถาบันหลักทั้งศาสนานี้ต้องพากันเข้าใจ จะเข้าใจได้ก็ต้องยกเลิกตัวตน ผู้นำถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โลกนี้ต้องปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ฝ่ายสามัญชนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี้ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ประธานาธิบดีต้องปกครองด้วยทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต พวกนักบวชทั้งหลายนี้ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด ที่เป็นวัดเป็นส่วนรวม จะเป็นวัดบ้านวัดป่า จะเป็นมัสยิส หรือเป็นโบสถ์ ทุกๆ ศาสนาต้องไปในทางเดียวกันนี้แหละ ไม่ได้ไปในทางอื่น ทางสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทั้งกายทั้งวาจา ทั้งกิรยามารยาท ตลอดอาชีพ ต้องยกเลิกตัวยกเลิกตน เพื่อเราทุกคนจะได้ทำให้ถูกต้อง วัดทุกวัดต้องพากันทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เจ้าอาวาสทุกเจ้าอาวาสต้องเข้มแข็ง ต้องเน้นมาที่ตัวของเจ้าอาวาสเอง ต้องเน้นมาที่การปกครองเจ้าอาวาสเอง หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาว่า ผมนี้นะสอนตัวเอง ปฏิบัติตัวเอง 100% บอกสอนพวกท่านเพียง 5% มันถึงไปได้ เราเอาตัวเอาตนเราทุกคนมันก็ฟุ้งซ่าน เพราะความฟุ้งซ่านความไม่สงบมันคือตัวตน ความสงสัยมันคือตัวตน มันก็สงสัยไปเรื่อย มีวิกิจกิจฉาไปเรื่อย ความมีตัวมีตนมันก็ชอบใจไม่ชอบใจอยู่อย่างนั้นแหละ มันก็มีแต่ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ดับไป ไม่มีอะไรนอกจากทุกข์เลย เราต้องเข้าใจ รถไฟที่วิ่งตามรางมีตู้หลายตู้เป็นขบวน มันสำคัญอยู่ที่หัวจักรรถไฟ หัวจักรต้องดี ทุกคนต้องเข้าใจอย่างนี้ ต้องเน้นมาที่ตัวเองปฏิบัติตนเอง เพื่อไม่ให้ธรรมะอยู่แต่ในหนังสือในพระไตรปิฎก ให้อยู่ในตำแหน่งของผู้นำ อยู่ที่กาย วาจา ใจ กริยามารยาท ธุรกิจหน้าที่การงาน ต้องอยู่กับผู้นำ ต้องเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ถึงจะเป็นปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ
เราทุกคนไม่ต้องไปหาความดับทุกข์กับอวิชชากับความหลง เราต้องเอาความดับทุกข์จากพุทธะทางกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ต้องเอาความดับทุกข์จากเรานี้แหละ เราเน้นมาที่ตัวเราโฟกัสมาที่ตัวเรา มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ หมุษย์เราเมื่อมีศีลมีสมาธิมีปัญญา สมองของเราจะไม่สับสน เพราะตัวตนมันไม่ได้เผาเรา การนอนของหมู่มวลมนุษย์เราก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับฆราวาสก็นอน 6-8 ชั่วโมง เวลาตื่นขึ้นก็เป็นเวลาที่มีความสุขในการยกเลิกตัวตน มีความสุขในการทำงานและการปฏิบัติไปพร้อมๆกัน มันจะไม่มีเรื่องมีราวอะไร มันมีแต่ติดในความสุขความสะดวกสบาย พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักการให้เราพิจารณาเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อเราทุกคนจะได้ไม่ติดในความสุขความสะดวกความสบาย เพื่อจิตใจเรายิ่งแก่ยิ่งเฒ่าก็มีแต่ความสุขมีสติมีปัญญา ยิ่งสว่าไสวยิ่งเจิดจ้า เพราะเรายกเลิกตัวยกเลิกตน
เราทุกคนต้องมีความสุขอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ไม่ต้องไปหาความดับทุกข์ที่ไหนหรอก มีความดับทุกข์ที่กายวาจากริยามารยาทธุรกิจหน้าที่การงานอาชีพของเรา อาชีพของผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบท อาชีพของนักบวชก็มายกเลิกตัวตน คือเอาธรรมนำชีวิต เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันก็เข้าถึงอาชีพของนักบวชไม่ได้ เพราะตัวตนมันไม่ใช่นักบวช ตัวตนมันคือเปรต คือยักษ์ คือมาร คืออสุรกาย คือสัตว์นรกทั้งหลาย ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เราต้องเข้าถึงอาชีพของเราคืออาชีพของนักบวช คือยกเลิกตัวตน เอาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ที่ทุกคนต้องกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า ที่ท่านบำเพ็ญบารมีมาหลายล้านชาติ ทรงมาบอกมาสอน เราทุกคนน่ะได้มีโอกาสได้เวลาที่พัฒนาเข้าสู่ภาคบำบัดเข้าสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อพัฒนาตน เพื่อพระนิพพาน เราก็ต้องกตัญญูกตเวที พระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจ เมื่อเราเข้าใจแล้วเราก็จะได้บอกได้สอนกุลบุตรลูกหลานที่เขามาบวชชั่วคราว บวช 7 วัน 15 วัน 1 เดือน 3 เดือน หรือเป็นปี เมื่อเขาลาสิกขาไป เขาจะได้เอาธรรมนำชีวิต เขาจะได้ยกเลิกตัวตน หยุดโกงกินคอรัปชั่น เพราะประเทศไทยเราโกงกินคอรัปชั่นเยอะ ให้พวกเราพากันเข้าอกเข้าใจ เราอย่าไปกลัวเหน็ดกลัวเหนื่อย อย่าไปกลัวยากกลัวลำบาก เพราะการประพฤติการปฏิบัติเข้าสู่ภาคบำบัดภาคปฏิบัติ มันก็อย่างนี้แหละ มันต้องปรับตัวเข้าหาธรรมะ เข้าหาเวลา จิตใจของเราจะได้มองเห็นทุกอย่างทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันจะเป็นพระไตรลักษณ์ มันจะยกเลิกตัวยกเลิกตน พระพุทธเจ้าถึงให้ผู้มาบวชมาประพฤติปฏิบัติ พวกที่มาบำบัดมาปฏิบัติ มาพิจารณาร่างกายของมนุษย์ แยกออกมาเป็นส่วนๆ สู่พระไตรลักษณ์ ทำอย่างนี้ติดต่อต่อเนื่องหลายวัน หลายเดือน หลายปีเลย เพื่อมันจะได้เจิดจ้าสว่างไสวว่า ทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันเป็นเพียงส่วนประกอบของร่างกาย ทั้งอาหารเก่าอาหารใหม่ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ผู้ที่มาบวชนี้ ก็รุ่นใหม่สมัยใหม่ สิ่งแวดล้อมมันมากมาย จะทำเหมือนสมัยโบราณนี้ไม่ได้ เพราะสมัยโบราณมันสงบมันวิเวก ผู้คนรถเรือมันก็ไม่ค่อยมี มีแต่ ป่าเขาลำเนาไพร แต่สมัยนี้ก็สถานะการณ์บ้านเมืองมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ปัจจุบันเราต้องเอาธรรมวินัยมาเป็นภาคบำบัดภาคปฏิบัติ เพื่อตั้งอยู่ในสติสัมปชัญญะ ตั้งอยู่ในความไม่เพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะการประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมนั้นเป็นพุทธะ คือการพัฒนากาย พัฒนาวาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพการงาน เข้าสู่พระไตรลักษณ์ นักเรียนนักศึกษาผู้ที่อยู่ในเมืองในกรุงต้องพากันเข้าใจ เพราะนักเรียนนักศึกษาที่เป็นมหาเปรียญ จบปริญญา ต้องเข้าใจ เพราะท่านต้องเป็นผู้นำผู้ปกครอง เพราะท่านเป็นคนเก่งคนฉลาดคนมีปัญญา คนเก่งคนฉลาดถ้าเราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันทำลายโลก มันทำความพินาศทำความฉิบหาย เพราะการเรียนการศึกษาเพื่อตัวเพื่อตนมันทำความเสียหาย พวกนักเรียนนักศึกษามหาจุฬาฯ มหามกุฏฯ มหาเถรสมาคม พากันเข้าใจในการเรียนการศึกษา การเรียนการศึกษาต้องคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ มันถึงจะเข้าถึงปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ถ้าอย่างนั้นการเรียนการศึกษาก็เพื่อตัวเพื่อตนน่ะ มันจะมีประโยชน์อะไรในการเรียนการศีกษา ให้ทุกคนเข้าใจ อย่าคิดผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิดคิดว่าการเรียนการศึกษาจบถึงจะเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ความคิดอย่างนี้เรียกว่าไม่รู้จักกาล ไม่รู้จักเวลา ไม่รู้จักกาลเทศะ ความคิดเห็นอย่างนี้มันจะเป็นพื้นฐานไปเรื่อยๆ จนแก่เฒ่าชรา จนเขาต้องประชุมเพลิงเรา หรือว่าพระราชทานเพลิงเรานะ พวกนักเรียนนักศึกษาพวกท่านมีปัญญาเป็นนักปกครอง ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็ไม่ใช่พระศาสนา เป็นนิติบุคคลตัวตน
ประเทศไทยเรานี้เพื่อจะให้ประเทศไทยเข้มแข็ง เอาพระธรรมนำชีวิต พระราชาพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรมนำชีวิตถึงได้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะปกครอง จนถึงเจ้าอาวาส เพื่อโฟกัสเข้าถึงสมมติบัญญัติ เอากฎหมายนำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต ให้เข้าใจ ที่แล้วก็ให้แล้วกันไป ต้องทำความเข้าใจ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้การปกครองแทบไม่มีการประพฤติการปฏิบัติ มีแต่ลายเซนต์ มันจะมีประโยชน์อะไรลายเซ็นต์น่ะ เสียทรัพยากรในการสร้างโบสถ์สร้างวิหารสร้างเจดีย์ ถวายภัตตาหาร มันเป็นการพัฒนากลุ่มพัฒนาแก๊งค์ต่างหาก ตัวตนนี้แหละมันเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์ มันเป็นโจรเป็นมหาโจร ทุกคนต้องพากันเข้าใจ แต่ก่อนเราไม่เข้าใจเราไปหาโจร โจร 500 โจร 1000 แต่ภายนอก ตัวตนนี้แหละคือมหาโจร โจรนี้คือความคิดผิด ความเห็นผิด ความเข้าใจผิด ให้ทุกคนเข้าใจนะ พระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจ ทุกชาติ ทุกศาสนา ต้องเข้าใจอย่างนี้ ทั้งนักบวชทั้งบรรพชิตเราต้องไปพร้อมกันให้ได้ ทุกๆ ศาสนาคือมหาวิทยาลัยแห่งศาสนา ประเทศไทยก็มีหลายมหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฯลฯ มหาวิทยาลัยก็คือความรู้ความเข้าใจ สัมมาทิฏฐิทางจิตใจ สัมมาทิฏฐิทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน ที่เป็นศาสตร์ 18 ศาสตร์ ที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 ศาสตร์ต่างๆ เป็นหลักการชีวิตของหมู่มวลมนุษย์มีทั้งหมด 18 ศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่เจ้าฟ้าพระราชามหากษัตริย์ในสมัยอดีตส่งบุตรหลานไปศึกษาเป็นประจำ ถ้าจะเทียบกับปัจจุบันนี้ คงเป็นวิชาเหล่านี้ คือ 1. ยุทธศาสตร์ วิชาการรบ 2. รัฐศาสตร์ การปกครอง 3. นิติศาสตร์ กฎหมาย จารีตประเพณี 4. พาณิชยศาสตร์ การค้าขาย 5. อักษรศาสตร์ วรรณคดี 6. นิรุกติศาสตร์ ภาษาของตนเองและภาษาต่างประเทศ 7. คณิตศาสตร์ การคำนวณ 8. ดาราศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ดวงดาวในจักรวาล 9. โหราศาสตร์ พยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ 10. ภูมิศาสตร์ ดูพื้นที่ แผนที่ของสถานที่ต่างๆ 11. เวชศาสตร์ การพยาบาลรักษาคนป่วย 12. ตรรกศาสตร์ ว่าด้วยเหตุผล 13. สัตวศาสตร์ ดูลักษณะสัตว์ รู้จักเสียงและอาการของสัตว์ 14. วิศวกรรมศาสตร์ ช่างกล 15. ปรัชญา-ศาสนศาสตร์ วิชาการด้านแนวความคิดและศาสนาต่างๆ 16. นโยบายศาสตร์ ชั้นเชิงในการเจรจา วางแผน หรือตำรับพิชัยสงคราม 17. นาฏศาสตร์ ดนตรี นาฎศิลป์ 18. ฉันทศาสตร์ การแต่งกาพย์ กลอน โคลง
ศาสนามันก็มีชื่อต่างกันเฉยๆ ทุกๆ คนน่ะต้องพากันเข้าใจ เข้าถึงปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ต้องเน้นมาที่ตัวตนของเรานี้แหละ เพราะทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน เหมือนอาหารนี้แหละ อาหารคือสิ่งที่เป็นสากล ทุกๆ ศาสนาก็ทานอาหารก็ดับทุกข์ทั้งกาย ดับทุกข์ทั้งใจเหมือนกัน นักบวชหรือฆราวาสก็ดับทุกข์ที่ตัวเรา ต้องมาแก้ที่ตัวเรา ให้มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ทุจริตจะหายจากเราไปไม่ได้ เพราะตัวตนมันคือทุจริต ให้ทุกคนโฟกัสมาหาที่เราตัวเรา แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ต้องไปแก้ที่ปลายเหตุ เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากเหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.