แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๖ การดำเนินชีวิตการคิดการปฏิบัติของหมู่มวลมนุษย์ในยุคปัจจุบัน จะทันโลกทันสมัยต้องเอาธรรมนำชีวิต
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗
การดำเนินชีวิตการคิดการปฏิบัติของหมู่มวลมนุษย์ ในปัจจุบันมี 8 พันกว่าล้านคน มีประมาณ 200 กว่าประเทศ ปีนี้เป็นปี พ.ศ. 2567 เป็นปีค.ศ. 2024 ความรู้ความเข้าใจต้องคู่กับการประพฤติการปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน พัฒนาใจพัฒนาวาจาพัฒนากายพัฒนาวัตถุพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน ยกเลิกความคิดเห็นผิดเข้าใจผิด ประเทศไทยเรานี้มีพื้นที่ 5 แสนกว่าตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่ใหญ่อันดับ 50 ของโลก มีประชากรประมาณ 71 ล้านคน การดำเนินชีวิตของหมู่มวลมนุษย์ ที่จะแก้ปัญหาได้ดับทุกข์ได้ ก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต พัฒนาเป็นทางสายกลาง พัฒนาธุรกิจหน้าที่การงานพร้อมกับพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม การปฏิบัตินั้นขึ้นอยู่ที่ปัจจุบัน การเรียนการศึกษาของหมู่มวลมนุษย์ ก็เพื่อให้คิดเป็นวางแผนเป็น เพราะการศึกษาเป็นหลักการเป็นวิชาการ ความจริงอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันถึงต้องมีหลักการเรียกว่ามีสมมติสัจจะ ก็เพื่อเราจะได้โฟกัสมาที่เรา สมมติสัจจะนั้นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา เป็นแต่เพียงเหตุเป็นแต่เพียงปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปจึงมี เป็นกระบวนการทั้งเรื่องเกี่ยวกับเรื่องใจทั้งเรื่องทางวัตถุ 2 อย่างนี้ต้องเดินไปพร้อมๆ กัน
โลกนี้จึงมีชาติศาสน์กษัตริย์ เราต้องพากันเข้าใจ เราถึงจะเป็นข้าราชการได้เป็นนักการเมืองได้เป็นนักบวชได้ ต้องมาเข้าใจอย่างนี้ เราต้องเข้าใจบ้านทางจิตใจบ้านทางร่างกาย พัฒนาทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน วันหนึ่งคืนหนึ่งมี 24 ชั่วโมง กลางวัน 12 ชั่วโมง กลางคืน 12 ชั่วโมง วันหนึ่งพักผ่อน 6 ชั่วโมง ไม่เกิน 8 ชั่วโมง สำหรับประชาชนคนทั่วไป สำหรับนักบวชก็ 4 ชั่วโมง ไม่เกิน 6 ชั่วโมง การปฏิบัตินั้นสามารถทำได้ทุกคน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาไหน เพราะความดับทุกข์นั้นเป็นสากล เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ต้องไปอย่างนี้ เราก็พากันรู้อยู่แล้วว่า เอาตัวตนมันไม่ได้ ต้องพากันเข้าใจ พากันประพฤติพากันปฏิบัติ
ความรู้ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญ การเรียนการศึกษาเป็นการพัฒนามนุษย์ มนุษย์เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องทั้งทางใจทั้งทางวัตถุไปพร้อมๆ กันเป็นทางสายกลาง พ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญพ่อแม่คือแบบพิมพ์เพราะลูกเราเกิดมาเค้าไม่รู้ว่าเค้าเกิดมาทำไม พ่อแม่ได้ส่งดีเอ็นเอทางร่างกายส่งดีเอ็นเอทางคำพูดทางการกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง พวกลูกพวกหลานเราจะได้ปฏิบัติถูกต้อง การเรียนการศึกษาที่อยู่กับพ่อกับแม่ในชีวิตประจำวัน การเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอกที่อยู่กับคุณครูกับอาจารย์ เมื่อทุกคนอ่านออกเขียนได้จะได้นำออกไปใช้ไปปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่เป็นอริยมรรค เป็นการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐที่ปัจจุบัน
ชีวิตของเราเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจเรียกว่าเป็นเจ้าของบ้านเป็นบ้านทางกาย สิ่งที่มาสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเค้าเรียกว่าแขกมาเยี่ยมบ้านเรา เรียกว่าอาคันตุกะมาเยี่ยมบ้านเรา เราต้องพากันรู้จักว่ามันคือแขกมาเยี่ยมบ้าน ผู้ที่มาเยี่ยมเราเค้าก็ต้องจากไป เพราะอันนี้เป็นกฎของธรรมชาติ เป็นการหมุนเวียนของโลก มันจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลตลอดเวลาด้วยปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี
พระพุทธเจ้าถึงให้พวกเราพากันรู้อริยสัจ 4 ว่าทุกอย่างนั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนเลย หากเป็นเหตุเป็นปัจจัย เราจะได้ไม่เอาตาหูจมูกลิ้นกายใจเอาสิ่งที่มากระทบตาหูจมูกลิ้นกายใจนั้นมาเป็นเราเป็นของเรา มันเป็นเพียงเหตุเพียงปัจจัย การประพฤติปฏิบัติของเราทุกคนมันอยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันก็คือปริยัติ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง ความคิดอะไรต่างๆ เรียกว่าปริยัติ เราต้องปฏิบัติในปัจจุบันเพื่อให้เรารู้จักอาคันตุกะว่าเค้ามาเยี่ยมเราแล้วเค้าก็จากไป เราจะได้รู้จักว่าทุกอย่างได้เกิดขึ้นแก่เราแล้วนะทุกอย่างก็ตั้งอยู่แล้วก็ต้องจากไปอย่างไม่มีเงื่อนไข เหมือนเราเกิดมาก็รู้ว่าสิ่งที่ผัสสะตาหูจมูกลิ้นกายใจนั้นไม่มีอะไรที่ไม่จากไปเลย ปัจจุบันก็ให้เป็นปริยัติ ปริยัติก็ให้คู่ปฏิบัติ ถ้าไม่คู่กันก็แก้ปัญหาไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นศีลสมาธิปัญญาเลย สมณะที่ 1 2 3 4 อยู่ในสัมมาทิฏฐิที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องที่ปัจจุบันนี่แหละ ให้พวกเราเข้าใจง่ายๆ เราจะเอาความไม่ถูกต้องดำเนินชีวิตนั้นมันก็ไม่จบ มันเป็นวัฏฏสงสาร ทุกคนจะได้ไม่ไปแก้ที่ปลายเหตุต้องแก้ที่ต้นเหตุที่ปัจจุบัน เราต้องเอาศีลสมาธิปัญญาออกมาทำงาน ถ้าเราไม่ปฏิบัติอย่างนี้มันก็ไม่มีการปฏิบัติ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าวิบัติ ตัวตนนั้นคือวิบัติไม่ได้ปฏิบัติ ปล่อยให้อวิชชาให้ความหลงมันทำงาน เค้าเรียกว่าไม่รู้จักเรื่องไม่รู้จักกาลเทศะ เค้าเรียกว่าคนไม่ทันโลกไม่ทันสมัย คนที่ไม่ทันปัจจุบันธรรม เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าคนไม่ทันโลกไม่ทันสมัยไม่รู้จักกาลเทศะไม่รู้จักการประพฤติปฏิบัติ อย่างนี้ก็เสียหายต่อตัวเองเสียหายต่อส่วนรวม
เราต้องเข้าใจง่ายๆ สิ่งไหนมันเกิดขึ้น มันก็ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปต้องให้เข้าใจอย่างนี้ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งปัญญามันไม่เกิด เพราะตัวตนคือความมืด ถ้าภาษาไทยเค้าเรียกว่ามืดสนิท ถ้าภาษาออกไปทางชนบทหน่อยเรียกว่ามึนตึ๊บ เราพยายามเอาพุทธะเอาศีลสมาธิปัญญามาใช้มาประพฤติปฏิบัติเรียกว่าพุทธะทางจิตใจพุทธะทางวัตถุ เพราะใจของเราคิดได้ทีละอย่าง กายของเราทำได้ทีละอย่าง ปากของเราก็พูดได้ทีละอย่างทานอาหารได้ทีละอย่าง ให้เราเข้าใจง่ายๆ อย่างนี้
ถ้าเราไม่รู้เรื่องปัจจุบันเราก็ไม่มีการปฏิบัติ เราปล่อยตัวเองเซ่อๆ เบลอๆ งงๆ ไป เค้าเรียกว่าไม่รู้อริยสัจ 4 ทำให้ความหลงมันกลืนกินเรา เรียกว่าโลกธรรมนำชีวิตไม่ใช่พุทธะนำชีวิต ให้เข้าใจง่ายๆ ทุกคนทำไมเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอกทำไมไม่มีปัญญา มีปัญญาได้ยังไง เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อย่างมากได้แต่อวิชชาได้แต่ความหลง ถ้ารวยก็รวยอวิชชารวยความหลง เป็นมหาบิ๊กแห่งความหลง ถ้ารวยก็รวยสิ่งที่ไม่ถูกต้องเรียกว่าเป็นมหาเศรษฐีรวยความโง่ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าต้องเดินทางสายกลาง ใจต้องมีความสุขแล้วก็ชีวิตได้รับความสะดวกสบายที่เกิดจากเราเสียสละ มันก็ต้องมีความสุขมากมาย มนุษย์เราต้องพัฒนา 2 อย่าง อย่างนี้
พระพุทธเจ้าสอนเราให้ว่างจากตัวตน สิ่งภายนอกมันมีอยู่ ถ้าไม่มี ก็ไม่มีพระนิพพาน ส่วนมากพวกเราได้แค่สมาธิหินทับหญ้า ทุกคนต้องปรับตัวเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลา เราอย่าเอาทุกข์เลยอย่าแบกความทุกข์ไปเลย เพราะความทุกข์มันเป็นของหนัก ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า มันเป็นของหนักเน้อ อย่าได้แบกเอาไปเลย เราต้องยกเลิกตัวตน การประพฤติการปฏิบัติของเราถ้าเรายกเลิกตัวตนมันเป็นของง่าย ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตน ไม่มีทาง ใครก็ปฏิบัติไม่ได้ เพราะว่ามันไปคนละทางกับพระพุทธเจ้าเลย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าเราไม่ได้เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เราเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต เราต้องเข้าใจอย่างนี้
เราต้องตัดสินใจนะว่า เราจะเป็นลูกศิษย์พระเทวทัตหรือว่าเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ถ้าเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเราต้องพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ถ้าเป็นลูกศิษย์พระเทวทัตก็พัฒนาแต่วัตถุเอาแต่ตัวเอาแต่ตน ถือความหลงเป็นพระเจ้า ถือเงินถือสตางค์เป็นพระเจ้า ไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมๆ กันเลย เรียกว่าเป็นหมู่มวลมนุษย์ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ในปัจจุบันเลย เราต้องพากันเข้าใจ ที่แล้วก็แล้วไป ช่างมัน เอาปัจจุบันเป็นหลัก ถ้าเรามีตัวมีตน เราก็จะเสียอกเสียใจเรานึกว่าตัวเองเสียเวลา เพราะมันมีตัวมีตนมันก็คิดว่าตัวเองเสียเวลา ถ้าเราไม่มีตัวมีตน มันก็ไม่คิดว่าตัวเองได้ตัวเองเสียอะไรอย่างนี้ ถ้ายกเลิกตัวตนมันก็ไม่มีใครได้ใครเสีย มันก็มีแต่ความดับทุกข์ทางจิตใจความดับทุกข์ทางวัตถุ มีความสุขอย่างนี้ เพราะยกเลิกตัวตนคือความหยุดหมุนของวัฏฏสงสารหยุดหมุนของโลก ชีวิตของเราต้องจบลงด้วยพุทธะทางจิตใจจบลงด้วยพุทธะทางวัตถุ พระพุทธเจ้าสอนเราให้เข้าใจง่ายๆ อย่างนี้
โครงสร้างของประเทศเราเอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมนำชีวิต ที่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ทรงทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาตัวตนนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต โลกนี้ถึงจะมีข้าราชการ นักการเมือง ก็ต้องเอาธรรมนำชีวิต พวกข้าราชการก็ยกเลิกตัวตนถึงจะเป็นข้าราชการได้ด้วยการเอาธรรมนำชีวิต นักการเมืองก็เหมือนกันถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง โลกนี้ก็ไม่มีนักการเมืองหรอก มีแต่นักกินเมือง ไม่มีข้าราชการมีแต่ข้าราชกิน ข้าราชการกินถาวร นักการเมืองกินสัญจรแต่สัญจรมันกินหนักหน่อย
เอาตัวเอาตนประชาชนก็กินสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าทุจริต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งพวกเราก็ยากจน ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ไม่มีความสุขในการทำงาน ผลกรรมออกมาก็คือยากจน เอาความหลงเป็นที่ตั้ง เอาเหล้าเอาเบียร์เอาการพนันเป็นที่ตั้ง ตนตนน่ะมันขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากจะหายใจ เราต้องพากันรู้ว่าไอ้เจ้าปัญหามันคือตัวตนนี่เอง ต้องทำตามพระพุทธเจ้า หมู่มวลมนุษย์ตื่นขึ้นมาต้องยกเลิกตัวตน ต้องปรับตัวเข้าหาเวลาปรับตัวเข้าหาธรรมะ มีความสุขในการทำงาน งานคือความสุข วันหนึ่งคืนหนึ่งให้พากันนอนสัก 6 ชม. สำหรับประชาชนนะ อีก 18 ชม. ก็มีความสุขในการทำงานมีความสุขในการปฏิบัติธรรม เด็กน้อยก็มีความสุขในการเรียนหนังสือหรือมีความสุขในการทำงาน เพื่อเสียสละยกเลิกตัวตน เราทำอย่างนี้เราก็จะมีทรัพยากรพัฒนาทรัพยากร ความยากจนมันจะมีมาจากไหน
ความยากจนมีก็เพราะคนเรามีความเห็นผิดเข้าใจผิด เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันขี้เกียจขี้คร้าน ขี้เกียจขี้คร้านยังไม่พอยังไปกินเหล้ากินเบียร์อีก เค้าเรียกว่าโง่แล้วก็ยังไปทำตัวเองให้โง่อีก สมองไม่ดีก็ไปทำให้สมองเสียอีก มันก็สมควรที่จะยากจน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อย่างโลกนี้มีหวยออนไลน์ทุกประเทศเลย วันหนึ่งตั้งหลายรอบ ฟุ้งซ่านกับตัวตนเอาแต่ถูกหวยถูกเบอร์ อย่างกลุ่มคนงานในประเทศไทยหลายกลุ่ม วันไหนหวยออกจะไม่ทำงานจะลุ้นจะถูกหวยอย่างเดียว อย่างนี้มันก็ไม่ถูกต้อง เพราะตัวตนมันมาปรากฏขึ้นมาให้ผู้มีปัญญาเห็นว่า โอ้... ตัวตนมันทำให้ไม่มีความสุขในการทำงานเลย ตัวตนมันทำให้ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือเลย ตัวตนน่ะมันหยาบ สกปรก ก้าวร้าว ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มันเถียงพ่อเถียงแม่ ไม่รู้จักเอาสมมติสัจจะมาใช้ มีกฎหมายก็ไม่ทำตาม กิริยามารยาทดีๆก็ไม่ทำตาม ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มันหยาบ สกปรก ตัวตนมันยกเลิกความถูกต้องยกเลิกมรรคผลนิพพาน ความถูกต้องคือมรรคผลนิพพาน เพราะมีตัวตนมากมันเอาสมมติสัจจะมาใช้งานไม่ได้ ทุกคนต้องรู้จัก
เราทุกคนเป็นคนโชคดีมาก เมื่อเราโชคดีมากเราก็อย่ามาเซ่อมาเบลอ เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ทำตามอัธยาศัย ทำตามอัธยาศัยเค้าเรียกว่าสีลัพพตปรามาส มันไม่ปรับตัวเข้าหาเวลาเข้าหาธรรมะ ท่านถึงบอกว่าสีลัพพตปรามาส มันเอาปัจจุบันไม่ดี ปัจจุบันมันไม่เก่ง มันไม่รู้จักกาลเทศะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งทำอะไรก็ช้ากว่าเวลา คำว่าใจเย็นไม่ได้หมายถึงทำอะไรช้าๆ นะ คำว่าใจเย็นหมายถึงยกเลิกตัวตน ไม่เข้าใจเรื่องวัตถุ รู้แต่ทางเรื่องจิตเรื่องใจ คำว่าใจเย็นหมายถึงอันไหนไม่ดีไม่คิดไม่พูดไม่ทำ ยกเลิกตัวตนเรียกว่าใจเย็น ให้เข้าใจ ไม่เข้าใจในภาษาคนภาษาธรรมไม่ได้นะ เพราะว่าใจเย็นที่แท้จริงนั้น มันต้องยกเลิกตัวตน ยกเลิกตัวตนเหมือนพระพุทธเจ้าบอกองคุลีมาล องคุลีมาลไล่พระพุทธเจ้าไม่ทัน องคุลิมาลก็บอกหยุดก่อน สมณะหยุดก่อน พระพุทธเจ้าบอกเราหยุดแล้ว องคุลิมาลไม่เข้าใจ จึงทูลถามไปว่า “ท่านกำลังเดินอยู่แต่กล่าวว่าหยุดแล้ว ส่วนข้าพเจ้า ผู้หยุดแล้วแต่กลับกลายว่าไม่หยุด ท่านหมายความว่าอย่างไร”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ดูก่อนองคุลีมาล เราเลิกเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายแล้ว เราวางศาสตราวุธแล้ว ส่วนท่านสิไม่สำรวมในสัตว์ เที่ยวเบียดเบียนล้างผลาญชีวิตสัตว์ เราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว ท่านชื่อว่ายังไม่หยุด”
หยุดแล้ว คือยกเลิกตัวตน อันไหนไม่ดีไม่คิดไม่พูดไม่ทำ มาเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าคนไม่หยุด คนไม่รู้อริยสัจ 4 สร้างความทุกข์ให้กับตัวเองสร้างความทุกข์ให้กับคนอื่น ต้องเข้าใจอย่างนี้
ในปัจจุบันนี้ต้องพากันมาเสียสละ วางแผนการเดินทางของชีวิต ต้องเสียสละ เอาตัวตนมันไม่เสียสละ อย่างพระเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมนต์ที่เคยสวดได้ปาฏิโมกข์ที่เคยสวดเคยท่องมันก็ลืม เพราะเราไม่บ่นไม่สาธยายเอาแต่ตัวตนมันก็ลืม บทสวดมนต์ที่พระเจ้าพระสงฆ์ต้องใช้มันก็ลืม ตัวตนเยอะมันเป็นอย่างนี้แหละ ตัวตนเยอะมันกลัว วัดนี้เคร่งครัดตื่นตี 3 อย่างนี้ กลัว ตัวตนมันกลัว สัญชาตญาณคือตัวตนมันกลัว กลัวอดตาย พระพุทธเจ้าบอกอย่าเอาอะไรเลย ไม่รับเงินรับทองรับของ ไม่เก็บสังฆทานเพราะเรายกเลิกตัวตนแล้วประชาชนเขาให้ความศรัทธาอุปถัมภ์อุปฐาก มันก็ไม่ยอม ตัวตนนี่นะ มันเอาแต่นับเงินนับสตางค์นับสังฆทานเก็บสังฆทาน กลัวอดตาย พูดกับคนมีเงินมีสตางค์เสียงต่ำเสียงสูงนะจ๊ะๆ ทั้งประเทศทั้งโลกเลย ตัวตนมันฉายแสงออกมา
ตัวตนมันทำลายชาติศาสน์กษัตริย์ ทำลายความมั่นคงทั้ งนักบวชทั้งข้าราชการทั้งนักการเมืองทั้งประชาชนทุกคน ให้เข้าใจหน้าตาตัวตนนะ มันเอาตัวรอดในทางไม่ถูกต้องน่ะ พระพุทธเจ้าให้ทำอย่างหนึ่งก็ทำไปอย่างหนึ่ง กฎหมายบ้านเมืองให้ทำอย่างหนึ่งก็ทำไปอย่างหนึ่ง ตัวตนมันมีอิทธิพลมาก เพราะว่าตัวตนมันครองโลกนะ มนุษย์ 8 พันกว่าล้านคน ถ้าถูกตัวตนครอบงำหมด ไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาความถูกต้องนำชีวิต ชีวิตมันเลยมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์นั้นไม่มี ตัวตนนั้นเป็นทุกข์ ตัวตนนี่แหละ ทำให้พระคุณเจ้าทั้งหลายที่บวชมาไม่ยอมพิจารณาร่างกายสู่พระไตรลักษณ์ ไม่ยอมแยกร่างกายออกเป็นชิ้นเป็นส่วน มันกลัวหมดตัวหมดตน มันคิดว่าหมดตัวตนแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร รูปยิ่งสวยยิ่งดีซิ เสียงยิ่งเพราะยิ่งดีสิ มันไม่อยากพิจารณา มันกลัว มันกลัวหมดนรก หมดอเวจี หมดความทุกข์
ความกลัวเกิดขึ้นได้โดยสัญชาตญาณนั่นคือตัวตน ให้ทุกคนพากันเข้าอกเข้าใจ มีแต่ง่ายๆ ทุกคนจะได้แก้ปัญหาตัวเองแก้ปัญหาคนอื่น ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า ท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายทั้งปวงมีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา อย่าได้ประมาทนะ เราจะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้มันเสียเวลา เพราะเวลามันเอากลับคืนมาไม่ได้ ต้องเห็นธรรมะเป็นสิ่งที่สำคัญเห็นเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติในปัจจุบัน เราจะได้เข้าถึงความสุขความดับทุกข์กัน เพราะการสร้างบารมีเราต้องเอาพุทธะนำชีวิตไม่ใช่เอาตัวตนนำชีวิต บารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ อย่างต้น อย่างกลาง อย่างละเอียด มันต้องยกเลิกตัวตน ชีวิตนี้ถึงจะเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ถึงจะได้พัฒนาทางใจทางวัตถุไปพร้อมๆ กันอย่างมีความสุข หัวใจของเราจะติดแอร์คอนดิชั่น หัวใจของเราจะได้สงบอบอุ่น มันจะได้ไม่เป็นหัวใจที่ฟุ้งซ่านอย่างนี้ มันจะได้ไม่เป็นทุกข์ร้องโอ้ยๆ ทั้งวันทั้งคืน ยังไม่รู้ตัวเลยขนาดทุกข์ขนาดนี้ เทวทูตมาให้เห็นทุกวัน เห็นความแก่ความเจ็บความตาย มันยังไม่เห็นเลย มันยังยินดีปรีดาให้ความทุกข์มันเล่นงานด้วยสัญชาตญาณ พากันร้องโอ้ยๆ ไปโดยที่ไม่รู้ความจริงไม่รู้จักอริยสัจ 4 ทางจิตใจทางวัตถุ ต้องพัฒนาเพราะทุกๆ คนพัฒนาได้ปฏิบัติได้ ความรู้คู่การปฏิบัติในปัจจุบันอย่างนี้ จะมีประโยชน์อะไรถ้าเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง มันต้องได้รับวิบากกรรมอย่างสาสม คือ ความเกิดความแก่ความเจ็บความตาย
เราทุกคนต้องพากันแก้ที่ต้นเหตุอย่าไปแก้ที่ปลายเหตุ หมู่มวลมนุษย์ที่มีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง พากันไปแก้ที่ปลายเหตุอยากให้ทุกอย่างได้ตามปรารถนามันก็เป็นได้แต่เพียงคน เป็นได้เพียงอวิชชาเพียงความหลง เค้าเรียกว่าบิ๊กหลง ประเทศไทยเดี๋ยวนี้ใครเป็นใหญ่เป็นโตเค้าชอบเรียกว่าบิ๊กนั่นบิ๊กนี่ รู้หรือเปล่าว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกว่าบิ๊กหลง เราอย่าได้ไปหลงตัวหลงตนเลย รู้หรือเปล่าว่าที่เค้าแต่งตั้งให้เราเป็นนั่นเป็นนี่เพื่อโฟกัสให้เราเสียสละ เอาสมมติสัจจะมาเสียสละ เอาธรรมนำชีวิตเอาธรรมนำวัตถุพัฒนาทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆ กัน เราต้องพากันเข้าใจอย่างนี้
ทุกคน ศีล สมาธิ ปัญญามันมีกับเราในชีวิตประจำวันที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง กฎหมายถึงจะสมบูรณ์ เราจะได้ไม่มีโจรประจำตัวทุกๆ คน ความเห็นไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้องทำให้เรามีโจรประจำตัวหรือว่ามีโจรประจำชาติน่ะ ชาติคือความเกิด เค้าเรียกประจำชาติน่ะ เรามีตัวตนเป็นที่ตั้งเค้าเรียกมีใจรประจำชาติ โจรคือไม่ถูกต้อง เราเอาตัวตนเราไม่ได้เป็นนักการเมืองเราไม่ได้เป็นข้าราชการเราเป็นโจรนะ โจรคือความไม่ถูกต้อง โจรคือทุจริต เราทุกคนต้องปรับเข้าหาพื้นฐาน ทุกคนพื้นฐานอย่างต่ำที่สุดต้องพากันมีศีล 5 ยกเลิกตัวยกเลิกตนมันถึงจะมีศีล 5 ได้ ถ้าอย่างนั้นมันไม่ได้ มันเสียหาย
ท่านพุทธทาสภิกขุถึงบอกว่าเป็นมนุษย์เป็นได้ที่ใจสูง เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน... อันนี้เป็นอมตะ อันนี้เป็นคำพูดของพระอริยเจ้าของพระอรหันต์ เป็นคำพูดออกจากพุทธะ เราต้องเอาศีล 5 เป็นหลักยกเลิกตัวตน ถ้ายกเลิกตัวตนมันก็ได้ ถ้าไม่ยกเลิกมันก็ไม่ได้ ต้องเข้าใจอย่างนี้
ศีล 5 ก็ไม่พอต้องสมาธิอีก ยกเลิกตัวตนเช้าเย็นนั่งสมาธิ อย่างหมู่มวลมนุษย์ประเทศไทยของเราต้องทานอาหารวันละ 3 ครั้ง สมาธิก็เหมือนกัน สมาธิก็คือพักยก ยกเลิกตัวตน เวลาครึ่งชั่วโมง 1 ชม. อย่างนี้เป็นต้น เพราะว่าตัวตนน่ะมันเล่นแต่ความหลง เล่นแต่โทรศัพท์ ทั้งเด็กน้อยจนถึงอากงอาม่าจนถึงพระคุณเจ้าทั้งหลายพากันเล่นแต่โทรศัพท์ไลน์โทรศัพท์ เอาแต่บันเทิงเอาแต่ตัวตนเอาแต่ทางวัตถุไม่ได้พัฒนาใจเพื่อให้ใจไม่ฟุ้งซ่าน พระพุทธเจ้าถึงให้มี 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ ในเดือนหนึ่งก็เพื่อจะให้ได้พัฒนาใจ เพราะเอาศีล 5 ยังติดสุขติดสบายอยู่ ไม่ได้ยกเลิกตัวตนไม่ได้พัฒนาใจ ตัวตนนั่นแหล่ะพาเรายากจนพาครอบครัวเรายากจน ความมั่นคงแห่งการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เค้าถึงมีธรรมนำชีวิต มีบ้านมีวัดมีโรงเรียนนำทางชีวิต
ประเทศไทยเราตั้งอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ ในสมัยโบราณสุวรรณภูมิประกอบกันด้วยหลายประเทศ ทั้งไทย พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เป็นต้น เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
การพัฒนาก็ต้องก้าวไป สิ่งที่แล้วมาก็มีทั้งผิดทั้งถูกทั้งดีทั้งชั่ว ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาที่เราได้รับทราบ ทั้งที่ได้เห็นด้วยตาได้ฟังด้วยหู ก็ต้องโฟกัสกลับมาหาปัจจุบัน ถ้าเราทำไม่ถูกอย่างไรมันก็ไม่ถูก จึงต้องมายกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เอาแต่ตัวเอาแต่ตนเราก็จะไปแก้แต่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ อริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าแสดงถึงผลคือความทุกข์ ต้นเหตุที่ให้เกิดทุกข์ พร้อมทั้งวิธีแก้ปัญหาคือการปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
ประเทศไทยเรานี่ก็ การปกครองของประเทศก็เอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมเป็นใหญ่ พัฒนาประชาธิปไตยก็เข้าสู่ธรรมะ พัฒนาสังคมนิยมที่นิยมธรรม เข้าสู่ธรรมะ เพื่อจะได้ไม่มีนิติบุคคล ถึงสร้างทรัพยากรขึ้น ให้คนไทยบวชเณรบวชพระได้ ให้ลาบวชได้ ๔ เดือน ในพรรษา ให้เข้าใจ พวกที่มาบวชถึงเข้าสู่ระบบทางความคิด อันไหนไม่ดีไม่คิด เพราะว่าความเคยชิน เราไม่รู้จักศาสนา เพราะศาสนาเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา แยกกันไม่ได้ เป็นของอันเดียวกัน เพราะประเทศไทยการเรียนการศึกษา กับการประพฤติการปฏิบัติ ไม่สอดคล้องกัน ศาสนามันเลยล้มเหลว มีแต่ความรู้แต่ไม่มีการปฏิบัติ
เรามาบวช จะมาบวชวันเดียวหรือไม่กี่วัน ก็ให้เอาให้มันเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย อย่างนี้ ผู้ที่มาบวชถึงเป็นผู้งาม งามในเบื้องต้นคือศีล งามในท่ามกลางคือสมาธิ สมาธิคือความตั้งมั่นในความถูกต้อง ความยุติธรรม ตั้งมั่นในธรรมวินัย เค้าเรียกว่า พรหมจรรย์ มันเป็นสภาวธรรมที่ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งต่อไปมันถึงมี ศีล สมาธิ ปัญญา ถึงแยกกันไม่ได้
ความสมัครสมานสามัคคีกัน ไม่ใช่มีโลกส่วนตัว เอาสมาธิเป็นหลัก ไม่เอาตัวตนเป็นหลัก ศาสนาพุทธถึงตัดเรื่องทิฏฐิ มานะ อัตตา ตัวตน มานะต่าง ๆ ผู้ที่มาบวชถึงไม่เกี่ยวกับวรรณะเลย ตัดระบบเรื่องทาสเรื่องอะไรออกหมด มันถึงจะไปอย่างนี้ หมู่มวลมนุษย์ถึงจะมีความสุข เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ยังเป็นทาสอยู่ เป็นทาสของอวิชชาความหลง ทางฝ่ายศึกษา ยังมีการเรียนการลงทุน ก็เพื่อจะเป็นนายทุน ทำธุรกิจ เพื่อเป็นนายทุน อย่างนี้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าให้เราพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้มันเจริญรุ่งเรือง สำหรับประชาชน มีบ้านมีรถมีเครื่องบินก็ไม่มีปัญหา พร้อมกับพัฒนาใจของเราไม่ให้หลง มันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ถ้าไม่เอาศีลสมาธิปัญญา ที่ปราศจากตัวตน นี่มันจะไม่ได้เข้าถึงศาสนาให้พากันเข้าใจ ถึงจะเหนื่อยยากลำบาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทุกคนความที่ว่าทุกข์ยากลำบากทำไม่ได้ มันเป็นตัวตนเราอย่าไปเชื่อ อย่าไปถือนิสัยอวิชชาถือนิสัยความหลง ให้ถือนิสัยแห่งพุทธะ เหนือเหตุผลเหนือชอบเหนือไม่ชอบ เหตุผลมันคือตัวตน เราต้องทวนโลกทวนกระแส มีความสุขในการบวช เพราะมันต้องมีความสุข มันถึงจะรัก ศีล สมาธิ ปัญญา พอเราไม่เข้าใจไม่รู้จักอริยสัจ ๔ เราเลยไม่รักศีล ไม่รักสมาธิ ไม่รักปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ รักความเห็นแก่ตัว รักทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน อย่างนี้มันไม่ใช่ความมั่นคงของ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
การมาบวชถึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเราทุกคนได้ฝึกตัวเองปฏิบัติตัวเอง การปฏิบัติทั้งระบบความคิดระบบการกระทำ มันต้องติดต่อต่อเนื่องกันทุกๆ อิริยาบถ เราถึงจะได้หยุดทั้งกายหยุดทั้งวาจาหยุดทั้งใจ เรียกว่าเป็นพระทั้งกายทั้งใจ ที่ผ่านๆ มาก็นับว่าประเทศไทยเรามีความเสียหายมาก กว่าจะรู้ว่าเสียหายก็ใช้เวลาหลายสิบปีนับเป็นร้อยๆ ปี เมื่อรู้แล้วก็ทุกคนต้องมีจิตสำนึก เพื่อที่จะแก้ไขตัวเองให้เป็นพระธรรมพระวินัย หยุดมีเพศสัมพันธุ์ทางความคิดทางอารมณ์ เพราะการจะหยุดได้ ต้องหยุดมีเพศสัมพันธุ์ทางความคิดหยุดมีเพศสัมพันธุ์ทางอารมณ์ มีเจตนาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ต้องเอานิสัยของพระพุทธเจ้าให้ได้ ถือนิสัยของพระพุทธเจ้าให้ได้
บวชน้อย บวชมากไม่สำคัญ อยู่ที่ใจ ต้องฝึกรักษากาย วาจา ใจ ขอให้ปรับตัวเองเข้าหาธรรมวินัย อย่าไปถือสักกายทิฏฐิ ถือตัวถือตน ทำอะไรตามสบายว่าเป็นทางสายกลาง มันต้องฝืน ต้องอดทน ต้องเคารพนอบน้อมในศีล ในระเบียบ ในวินัย ถึงจะตายก็ยอม เพราะศาสนาพุทธเป็นของประเสริฐของสูง ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ มันก็เป็นเพียงปรัชญา เป็นธรรมดาเหมือนทั่วๆ ไป ไม่มีประโยชน์อะไร เรามีของมีค่า จึงไม่ทำให้มีค่าอะไร พยายามสำรวจตนเองว่าเรามีข้อบกพร่องในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอะไรบ้าง แล้วพยายามตั้งตัว แก้ตัวใหม่ พยายามมีความเชื่อมั่นในการทำความดีว่าต้องได้ดี เชื่อมั่นว่าธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ถ้าจะดับก็ต้องดับเหตุก่อน
เราอยู่ในสังคมเราก็ปฏิบัติได้ เราอยู่ในหมู่คณะเยอะๆ เราก็ปฏิบัติได้ ที่ว่าเราปฏิบัติไม่ได้คือเราไม่ได้ปฏิบัติ พิจารณาว่ารูปไม่ใช่ตัวตน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่ตัวตน พยายามทำไป เมื่อตัวตนไม่มีแล้ว ใครจะมาสุขมาทุกข์อยู่เล่า มีแต่อวิชชาความหลงที่มันเกิดดับอยู่นี้ เมื่อรู้จักสมาธิ ปัญญาเราก็เจริญ อินทรีย์ก็แก่กล้า ให้เราปฏิบัติให้มีความกล้าปฏิบัติ การละการปล่อยวางทำไปเรื่อยๆ จนกว่าอินทรีย์มันสมบูรณ์ ถ้าเราบังคับตนเองไม่ได้ นานไปยิ่งจะบังคับตัวเองไม่ได้นะ เพราะมันติดสุขติดสบาย เราต้องฝึกจริงๆ ความสุขที่ว่าสุข เราก็คิดปรุงแต่งเอาหรอก ความทุกข์ที่ว่าทุกข์เราก็ปรุงแต่งเอาหรอก แท้จริงแล้วไม่มีอะไร มีแต่ใจไปคิดปรุงแต่งเอาเองทั้งนั้น
บุคคลคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้ มันต้องอาศัยศีล อาศัยข้อวัตรปฏิบัติ มันถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ มันจะเปลี่ยนแปลง
หวังว่าทุกท่านทุกคน จะได้นำเอาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาฝากให้เรา ได้พากันประพฤติปฏิบัติ เพื่ออนาคตวันข้างหน้าต่อยอดสืบทอดพระศาสนาด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee