แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พุทธะที่แท้จริง
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๒ เพราะเห็นภัยในวัฏสงสาร จึงได้เกิดมีพุทธะขึ้นมา เพื่อความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗
เราทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์ อายุขัยของร่างกายไม่เกิด 100 ปีส่วนใหญ่ ก็ต้องจากโลกนี้ไปตามเหตุตามปัจจัย เราทุกคนต้องมีความเห็นให้ถูกต้อง เข้าใจให้ถูกต้อง แล้วปฏิบัติให้ถูกต้อง ปฏิบัติทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ ทั้งวัตถุ ที่พวกเราจะดำรงธาตุ ดำรงขันธ์ ไปพร้อมๆกัน เพื่อทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ เพราะธรรมทั้งหลายพวกนั้นเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ร่างกายของเราประกอบด้วยอุปกรณ์ 32 อย่าง เรียกว่าอาการ 32 มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ รวมกันเป็นร่างกาย อยู่ได้ด้วยเหตุด้วยปัจจัย อยู่ได้ด้วยอาหาร ร่างกายก็ทำงาน หัวใจเป็นศูนย์ส่งของเลือดในร่างกายทุกส่วน เพราะสมองเป็นคอนโทรล ที่คอนโทรลสั่งการ ร่างกายของหมู่มวลมนุษย์เขาก็จะทำงานอย่างนี้ไม่มีเวลาหยุด หัวใจก็จะสูบฉีดเลือด ร่างกายของมนุษย์ก็มีอุปกรณ์ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เป็นหลัก ที่เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน เพื่อมาทำหน้าที่ของตัวเอง เป็นธรรมะชาติ เป็นธาตุผู้รู้ ที่หมู่มวลมนุษย์ที่พากันเวียนว่ายตายเกิด ที่พวกเราพากันเวียนว่ายตายเกิด ที่เป็นวัฏสงสาร แล้วท้ายที่สุดหาที่จบไม่ได้ เพราะยังไม่รู้และยังไม่เข้าใจ เลยเอาธาตุ เอาขันธ์ เอาอายตนะนี้เป็นเรา เป็นของๆ เรา ที่ทุกคนได้มีความยึดมั่นถือมั่น ความยึดมั่นถือมั่นที่พวกเรามีความรู้สึก สุข ทุกข์ หนาว ร้อน อ่อนแข็ง ที่เกิดติดอกติดใจ เพราะพวกเราทั้งหลายยังไม่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันคือเหตุคือปัจจัย อากาศร้อนมันก็ต้องร้อน อากาศหนาวก็ต้องหนาว อาหารไม่อร่อยมันก็ไม่อร่อย รูปสวยมันก็สวย รูปไม่สวยมันก็ไม่สวย ความแก่เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น ความเจ็บเขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น ความตายก็เป็นของเขาอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเขาก็เกิดขึ้น เขาก็จากไป เขาก็เป็นอย่างนั้น เราไม่เข้าใจ เราไม่รู้ ความไม่รู้ไม่เข้าใจ นี่ถือว่าไม่มีปัญญา ก็ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด การเวียนว่ายเกิดมันเป็นสิ่งไม่ดี มันเป็นความทุกข์ทั้งกาย เป็นความทุกข์ทั้งใจ ทุกข์ 2 ต่อเลย ถึงได้มีการบำเพ็ญบารมี เพราะเห็นภัยในวัฏสงสาร จึงให้เกิดมีพุทธะขึ้นมา พุทธะเป็นความรู้คู่ปฏิบัติ เป็นความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย เป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง
ที่นี้การประพฤติการปฏิบัติ เป็นการโฟกัสมาที่ปัจจุบัน เราเอาพุทธะในชีวิตที่ประเสริฐ ที่พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พุทธะนั้นไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นความเห็นที่ถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เป็นความรู้ เป็นการปฏิบัติ เป็นการตั้งมั่น เป็นการยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้หมู่มวลมนุษย์ก้าวไปด้วยสัมมาทิฏฐิ ความเห็นที่ถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราเอาชีวิตที่มีอายุส่วนใหญ่ไม่เกิน 100 ปีนี้ แล้วแต่การประพฤติการปฏิบัติในปัจจุบัน ในชีวิตประจำวัน การประพฤติการปฏิบัติ หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง พุทธะนั้นคือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง วันหนึ่งมนุษย์เราพากันนอนพากันพักผ่อนร่างกาย สามัญชนคนทั่วไปก็วันละ 6 ชม. ไม่เกิน 8 ชม. เพื่อให้ใจของเราได้พักผ่อน ให้สมองเราพักผ่อน เพราะการเดินทางชีวิตต้องอาศัย ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะทั้ง 6 ถ้าไม่ดำเนินชีวิตอย่างนั้น การทำงานทั้งทางร่างกาย ทั้งทางสมอง ทางสติปัญญาของมนุษย์มันจะขาดตกบกพร่อง เพราะร่างกายของเราไม่ดี สมองของเราไม่ดี ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจนะ อย่าพากันคอรัปชั่นเวลานอน
วันหนึ่งคือหนึ่งมันก็ 24 ชม. เวลากลางวัน 12 ชม. เวลากลางคืนก็ 12 ชม. มันเป็นการหมุนเวียนของโลกกับดวงอาทิทย์ เพราะโลกมันกลมมันก็มีกลางวันกลางคืน เวลาเราตื่นอยู่นี้ มัน 18 ชม. ทุกคนต้องพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เราต้องยกเลิกตัวตน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตน สมองทุกคนมันจะสับสน เราต้องมารู้จักว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันเป็นเพียงธาตุ เป็นขันธ์ เป็นอายตนะ เราต้องรู้จัก สิ่งเหล่านี้มันก็คือเจ้าของบ้าน แล้วสิ่งที่มาเยี่ยมเยียนเขาเรียกว่าแขก แขกมาเยี่ยมบ้าน เราต้องประพฤติปฏิบัติ เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ของเราทุกๆ คน มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เพราะนี่เป็นความเห็นที่ถูกต้อง นี่คือการปฏิบัติให้ถูกต้อง ทุกคนต้องมีความสุขในการยกเลิกตัวตน การประพฤติการปฏิบัตินั้น ที่เราปฏิบัติ ที่เรายกเลิกตัวตน มันจะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญาโดยอัตโนมัติ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี มันเป็นการอบรมบ่มอินทรีย์ของพวกเราทุกๆ คน พระพุทธเจ้าถึงให้เรายกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพราะตาเห็นรูปเดี๋ยวก็ตั้งอยู่เดี๋ยวก็ดับไป หูฟังเสียงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป จมูกได้กลิ่นเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของสัญชาตญาณเขาทำงานเขา เราต้องยกทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ของเราเอง การปฏิบัติต้องติดต่อต่อเนื่อง เหมือนลมหายใจของเรานี่แหละ เหมือนเลือดที่ร่างกายมีหัวใจเป็นศูนย์รวมส่งเลือดสู่ร่างกายติดต่อต่อเนื่อง เหมือนสมอง ผู้ควบคุมคอนโทรลในส่วนของร่างกาย ที่เรากำลังพัฒนาเพื่อให้เราตั้งอยู่ในความถูกต้อง ที่พุทธะนำชีวิต แต่ก่อนเราไม่ได้เอาพุทธะนำชีวิต เราเอาความหลงนำชีวิต เราถึงต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด สมองของมนุษย์นี่นะ ถ้าเส้นเลือดสมองมันตีบตัน 4 นาที 5 นาที สมองของมนุษย์ก็ตายแล้ว เสียหายแล้ว สมองถึงต้องทำงานติดต่อต่อเนื่อง ที่พวกเราเส้นเลือดตีบในสมอง ที่หัวใจสูบฉีดอยู่ ที่เป็นคนไข้ติดเตียง เพราะสมองพักงานหยุดงาน ภายใน 4 นาที 5 นาที การปฏิบัติของเราก็ต้องติดต่อต่อเนื่องเพื่อให้เป็นเหมือนฝนตกลงมา เป็นแม่น้ำ เป็นสายน้ำ ไหลไปสู่ทะเล ไหลไปสู่มหาสมุทร เราต้องพากันทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
ทุกคนต้องพากันมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัตินะ คนเรามันมีอวิชชามีความหลงมันไม่อยากประพฤติไม่อยากปฏิบัติน่ะ มันมีความขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ เพราะความมีตัวมีตนมันขี้เกียจขี้คร้าน เพราะมันเป็นสัญชาตญาณแห่งนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตนนะ พระพุทธเจ้าถึงบอกให้มีชาคริยานุโยค หมู่มวลมนุษย์ต้องยกเลิกตัวตนคือความเกียจคร้าน อย่าไปสนใจความชอบใจ ความไม่ชอบใจ อย่าไปสนใจความสุข ความทุกข์ เราทุกคนต้องเอาธรรมนำชีวิต อย่าไปเอาตัวตนนำชีวิตเลย ทุกคนพากันมีความสุข ตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง ตามความรู้สึกที่เป็นสัญชาตญาณเอาตัวเอาตน มันไม่ใช่ความสุข ไม่ใช่ความดับทุกข์ อันนั้นมันเป็นอวิชชาเป็นความหลง ทุกท่านอย่าพากันไปหลงประเด็นนะ ยกสิ่งเหล่านี้ขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ว่า อันนี้มันไม่แน่ไม่เที่ยง อันนี้ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันเป็นข้อสอบเพื่อให้เรามาตอบ เพื่อให้เรามาปฏิบัติ เพื่อให้เรามารู้ว่าไม่มีอะไรหรอก มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป เอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ มันเป็นอวิชชาเป็นความหลง มันเป็นการก่อภพก่อชาติ
ทุกท่านต้องพากันรู้อริยสัจ 4 พากันรู้ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ทุกคนต้องมีปัญญา ต้องใจเข้มแข็ง เพราะเรากำลังไฟติ้ง อยู่ ผัสสะที่เป็นข้อสอบเป็นข้อตอบด้วยพุทธะ ในการประพฤติในการปฏิบัติของเรานี่แหละ ทุกคนต้องมีความสุข อย่าเอาความไม่ถูกต้อง มันเป็นความทุกข์ มันเป็นตัวเป็นตน มันไม่ใช่ปัญญาธิคุณ ไม่ใช่บริสุทธิคุณ ไม่ใช่กรุณาธิคุณ มันเป็นอวิชชา เป็นความหลง ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ เพราะเราเป็นผู้ประพฤติผู้ปฏิบัติ เราต้องรู้กาละ รู้เทศะ ว่ารู้เรื่องการประพฤติการปฏิบัติ การทำงานกับการปฏิบัติธรรมมันคืออันเดียวกันนะ มันเป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ทางจิตใจ ความดับทุกข์ทางวัตถุ อริยมรรค 8 ข้อ พวกเราต้องพากันโฟกัสเข้าหาปัจจุบัน ทุกคนต้องรู้จักกาละเทศะ รู้จักการปฏิบัติ ต้องโฟกัส เพราะใจของเราก็คิดได้ทีละอย่าง อันไหนไม่ดีก็อย่าไปคิดมัน ปากของเราก็พูดได้ทีละอย่าง อันไหนไม่ดีก็อย่าไปพูดมัน ปากของเรามันก็ทานได้ทีละอย่าง ไม่ดีก็อย่าไปทานมัน เราต้องยกเลิกต้องหยุด ด้วยความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เราทุกคนมีตัวมีตนมันก็ไม่อยากประพฤติไม่อยากปฏิบัติ มันก็เลยว่าทำยาก ทำไม่ได้ เพราะเรามีตัวมีตนมันก็ยาก มันทำไม่ได้ ให้พากันรู้จักอย่างนี้ เพราะว่าพระนิพพานน่ะเป็นสิ่งที่ว่างจากที่มีอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีอยู่ประจำโลกนี่แหละ เพียงแต่เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนมาแก้ที่เรามาปฏิบัติที่เรา ชีวิตคนเราต้องก้าวไปด้วยสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง การเรียนการศึกษาของพวกเราตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ก็คือสัมมาทิฏฐิทั้งทางจิตใจ ทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน เราต้องรู้การประพฤติรู้การปฏิบัติ เราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งไม่รู้การประพฤติการปฏิบัติหรอก
เราทุกคนที่เวียนว่ายตายเกิดเป็นผู้ที่มีดวงตาที่บอด เพราะการไม่เข้าใจความจริง เรื่องสมมติสัจจะ เรื่องปรมัตถสัจจะ เห็นว่าผู้ที่ตาบอด ตาบอดแต่กำเนิด ผู้ที่เวียนว่ายตายเกิดเขาก็จะว่าเป็นผู้ที่บอดมาแต่กำเนิด ท่านบอกว่าบอดมาจากกำเนิดก็ไม่เป็นไร พุทธะนี่แก้ไขได้ แก้ปัญหาได้ ท่านจะตาบอดมาจากกำเนิดก็ไม่เป็นไร ถึงต้องมีธรรมะโอสถรักษา รักษาปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ที่เป็นบารมี เป็นความจริง ที่เป็นปัญญา เรียกว่า บารมีเบื้องต้น 10 ทัศ บารมีอย่างกลาง 20 ทัศ บารมีอย่างสูงสุด 30 ทัศ คำว่ารักษา บอกได้แต่ต้องมีข้อแม้คือยกเลิกตัวตน ถ้าไม่ยกเลิกตัวตน ชีวิตประจำวันของเราก็จะไปไม่ได้ เพราะว่ามันมองไม่เห็น เมื่อเรายกเลิกตัวตนสมองเราทุกคนถึงจะไม่สับสน การมาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจึงมายกเลิกตัวตน มายกเลิกทาส มายกเลิกชั้นวรรณะ มายกเลิกนิติบุคคลตัวตน ถึงแม้เราจะเป็นคนที่มีสมมติสัจจะ ก็เพื่อเอาสัมมติสัจจะมาเพื่อโฟกัสมาใช้งาน แต่ปรมัตถสัจจะนั้นรู้อยู่แล้วว่า ทุกอย่างนั้นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ทุกอย่างนั้นเป็นเหตุเป็นปัจจัย เราทุกคนต้องพากันเข้าใจ เข้าใจแล้วก็พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ยกเลิกเหตุยกเลิกปัจจัย เพราะรูปเสียงกลิ่นรสลาภยศสรรเสริญ มันเป็นของอร่อย มันเป็นของแซ่บ ของลำ ของนัว ของหรอยเนี่ย มันเป็นสิ่งเสพติด ที่พวกเราพากันติดใจ ที่พวกเราพากันเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในความประมาท ขอโอกาสขอเวลาไปเรื่อยจนทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เอาไปประชุมเพลิง เพราะเรื่องความหลงที่เราเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาท ให้ทุกคนพากันเข้าใจนะว่า ถ้ายกเลิกตัวตน มันจะทำให้เราหลงเพลิดเพลินอยู่ในความประมาท
ให้ทุกท่านมีสติ มีสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม กลับมาหายใจให้มันมีความสุขที่สุดในโลกเลยนะ หายใจเข้าหายใจออกมันมีความสุขที่สุดในโลก ยกเลิกตัวตน ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ให้มีความสุขที่สุดในโลกนะ เพราะตัวตนนั้นมันไม่ใช่ความสุข ไม่ใช่ความดับทุกข์ มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ภายนอก นอกจากทุกข์ไม่มีหรอก อย่าคิดว่ามีความสุข มันไม่ใช่ความสุข มันเป็นความหลงน่ะ เรามานึกดู เราทานอาหารอร่อยเราก็ครางอยู่ในใจ โอ้ยๆ เราฟังเสียงเพราะๆ เราหลงฟังไปเรื่อย เราต้องดูใจ ทุกอย่างมันไม่ใช่ความสุข มันไม่ใช่ความดับทุกข์ มันเป็นความหลง ร้องโอยๆ ไป เราเอาความหลงเป็นความสุขน่ะ ไม่ได้นะมันเสียหายนะ พระพุทธเจ้าบอกว่ามันไม่ถูกต้อง เอาความไม่ถูกต้องนำชีวิตมันพาเราเวียนว่ายตายเกิดนะ ถ้าเราหลงในรส มันก็ต้องมีชาติ มีชรา มีมรณะ มีความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก
เราทุกคนต้องพากันรู้จัก พากันเข้าใจ ถ้าใจมันไม่สงบมันคุมไม่อยู่ ให้พวกเราสต็อบลมหายใจไว้ มารู้ตัวทั่วพร้อมไว้ ก็รอเหมือนเขาทำฝายแม้วอยู่ในป่าใหญ่ เพื่อให้น้ำมันซับลงในดินเป็นธนาคารน้ำในพื้นดิน การทำฝายแม้วคืออยู่บนภูเขา อยู่ในป่าลึก เขาก็จะทำฝายแม้วเพื่อชะลอน้ำ ใจเราไม่สงบก็มาสต็อบด้วยลมหายใจเข้า หายใจเข้าก็ต้องฝึกไว้ หายใจเข้าก็สบาย หายใจออกก็ให้สบาย หายใจเข้าก็ให้เรารู้เรื่องพระไตรลักษณ์ว่า มันไม่แน่ไม่เที่ยงเลย หายใจออกมันไม่แน่ไม่เที่ยงเลย หายใจเข้าออกมันก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนเลย เราก็ต้องเสียสละยกเลิกตัวตน เราก็เอาลมหายใจ เอาพระไตรลักษณ์เพื่อสต็อบไว้ ถ้ามันยังไม่อยู่ก็กลั้นลมหายใจเลย ใจมันจะขาดมันก็จะกลับมา เพราะว่าเปรียบเสมือนเครื่องบินน่ะ เครื่องแรง มันทันสมัย พลังมันสูงขึ้นบนฟ้าน่ะ เราต้องคอนโทรล ที่เครื่องบินมันขึ้นสูง ลงสู่รันเวย์ เขามีรันเวย์ไว้สำหรับพักเครื่องบิน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็เปรียบเหมือนเครื่องบินที่ไม่มีรันเวย์ ไม่มีสนามเครื่องบิน ให้เข้าใจ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเปรียบเสมือนเครื่องบินนี่แหละ เครื่องบินเครื่องดีแรงสูงน่ะ มีน้ำมันเต็มสตรีมเลย พุ่งขึ้นฟ้าเนี่ย ถึงยังไงมันก็ต้องหมดน้ำมันนะ เพราะน้ำมันมันจำกัด อายุขัยของมนุษย์มันจะอยู่ได้ไม่เกิน 100 ปี เพราะร่างกายมันจะอยู่ได้ไม่เกิน 100 ปีส่วนใหญ่ น้ำมันเครื่องบินก็เช่นเดียวกัน เพราะถังน้ำมันมันก็จำกัด เดี๋ยวน้ำมันมันก็จะหมด เราต้องคอนโทรลสู่รันเวย์ เรียกว่า เข้าสู่ความถูกต้อง เราทุกคนต้องเอาความถูกต้องนำชีวิต อย่าเอาความหลงนำชีวิต ให้เข้าใจ เราพัฒนาใจของเราอย่างนี้ แล้วก็พากันมีความสุขในการปฏิบัติธรรม พากันมีความสุขในการทำงาน
การทำงานคือความสุข หมู่มวลมนุษย์ถ้าไม่ทำงานจะมีอาหารที่ไหนทาน จะมีบ้านที่ไหนอยู่ จะมีสิ่งที่อำนวยความสะดวกความสบาย ยิ่งสมัยทุกวันนี้มันมีแต่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ายานพาหนะ ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าเสื้อผ้าอาภรณ์ โอ้... เราต้องทำงาน เราต้องมีความสุขในการทำงาน คนเราต้องมีความสุขในการทำงาน ยกเลิกความมีตัวมีตน เพราะเราต้องพากันเอาความสุขในการทำงานให้ได้ ที่เราตื่นอยู่ 18 ชม. เราต้องมีความสุขในการทำงาน ในการปฏิบัติธรรม เราจะเอาความหลง เอาความฟุ้งซ่าน เอาความชอบใจไม่ชอบใจดำเนินชีวิตไม่ได้ เราต้องพัฒนาใจ ต้องพัฒนาวาจาของเรา อย่าพลาดเป็นเด็ดขาด เรามีปากปากเดียวเราก็มีปัญหา เพราะเรื่องปากนี้สำคัญ เราอย่าเป็นคนปากเน่า ปากเสีย ปากระเบิด ปาก M16 ปากอาก้า เราต้องบำเพ็ญบารมีสัมมาวาจาให้สมบูรณ์ เรามีตัวมีตน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันไม่ใช่ปัญญาธิคุณ ไม่ใช่บริสุทธิคุณ ไม่ใช่กรุณาธิคุณ เอาตัวตนมันจะทำให้เราทะเลาะกัน ทำให้แตกแยกความสมัครสมานสามัคคี มันจะเป็นสังฆเภท ตัวตนน่ะคือไม่มีความสมัครสมานสามัคคี ตัวตนมีแต่ความแตกแยก ตัวตนนี่คือทุจริต ตัวตนนี่คือโกงกินคอรัปชั่น เอาความสุขกับชีวิตของคนอื่น ตัวตนมันปิดกั้นธรรมะ ปิดกั้นกฎหมายบ้านเมือง เราต้องยกเลิกตัวตน เราอย่าไปคิดแง่มุมเดียวว่า ถ้าไม่ยกเลิกธรรมะ จะเอาจากไหนมาอยู่มากิน มาดำรงชีวิต มาดำรงธาตุ ดำรงขันธ์ เลี้ยงภรรยาสามี โอ้... มันคือความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด ปฏิบัติผิดนะ มันเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนะ มันจะเสียหายนะ คิดเห็นอย่างนั้นเรียกว่าหัวใจยกเลิกความถูกต้อง หัวใจยกเลิกมรรคผลนิพพานนะ เราต้องเข้าใจ เราต้องพัฒนากาย พัฒนาวาจา พัฒนากิริยามารยาท เพื่อเราเอาธรรมนำชีวิต ไม่ใช่เอาตัวเอาตนนำชีวิต เราต้องเข้าใจ เมื่อเรายกเลิกตัวตนแล้วความทุกข์ของเรามันจะไม่มี ตัวตนคือความทุกข์ ถ้าเรายกเลิกตัวตนเราจะอยู่ที่ไหนมันก็สบาย เหมือนพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้ายืน เดิน นั่ง นอน จะอยู่ที่ไหนก็สบาย พระพุทธเจ้าท่านบรรทมวันหนึ่งคืนหนึ่งใช้เวลาบรรทมเพียง 4 ชม. อีก 20 ชม.น่ะ เป็นการเสียสละเพื่อให้หมู่มวลมนุษย์สัตว์โลกทั้งหลายให้ได้รับผลประโยชน์ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะสัตว์ทั้งหลายตั้งอยู่ในสัญชาตญาณ ตกอยู่ในสัญชาตญาณ เอาตัวตนดำเนินชีวิต มันเป็นความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด พากันปฏิบัติผิด เพราะพระพุทธเจ้าท่านเสียสละ ทรงบรรทมวันหนึ่งเพียง 4 ชม. ทำงานวันหนึ่ง 20 ชม. เพราะธาตุขันธ์ของมนุษย์มันจะอยู่ไม่ได้นาน
เราต้องปรับตัวเข้าหาธรรมะ เข้าหาเวลา เข้าหาความถูกต้อง ท่านให้เข้าใจเรื่องพักผ่อนด้วยนะ เรายกเลิกตัวตนนี่แหละคือการพักผ่อน เราไม่ยกเลิกตัวตนน่ะคือหัวใจมันวิ่งไม่หยุด หัวใจมันทำงานให้อวิชชาให้ความหลงไม่หยุด เราต้องการพักผ่อนคือการยกเลิกตัวตน พวกหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่เอาความหลงเป็นที่ตั้งน่ะ คิดแต่เรื่องตัวเรื่องตน เอาความพักผ่อน เอาแต่ภายนอกมันก็ขี้เกียจ เรามีตัวมีตนมันก็ขี้เกียจ มันก็กินมากนอนมาก ท่านหลงพ่อชาสุภัทโท ท่านถึงได้บอกลูกศิษย์ลูกหาท่านว่า การฉันมาก นอนมาก พูดมาก คือความโง่ ต้องยกเลิกตัวตนถึงจะเป็นความฉลาด ต้องรู้จักคำว่าใจเย็น ใจเย็นหมายถึงเรายกเลิกตัวตนน่ะ ใจของเราถึงจะเย็น ใจของเราถึงไม่มีความทุกข์น่ะ เราต้องเข้าใจเรื่องภาษาธรรมไม่ใช่ภาษาคนนะ ภาษาธรรม คำว่าใจเย็นก็หมายถึงว่า ไม่ต้องไปทุกข์มันอีกแล้ว ทำตามอวิชชาตามความหลงมันทุกข์ เราต้องยกเลิกความไม่ถูกต้อง ใจของเราถึงจะเย็น ภาษาโลกหรือว่าภาษาคน ใจเย็นหมายถึงทำอะไรช้าๆ ทำตามใจ ความคิดผิดอย่างนี้ต้องพากันเข้าใจ เข้าใจคำว่าใจเย็นนะ แต่ก่อนเราไม่รู้ว่าใจเย็นไม่เป็นไร แต่ปัจจุบันนี้เรารู้แล้วนะ รู้แล้วต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ บางคนไม่อยากปฏิบัติ เพราะมันติดในความเคยชินที่พวกเราได้พากันท่องเที่ยวในวัฏสงสาร ต้องมีใจเข้มแข็ง ต้องกลับมาหาสติสัมปชัญญะ มาหายใจเข้ามีความสุข หายใจออกมีความสุข หายใจเข้าหายใจออกก็รู้ว่าไม่แน่ไม่เที่ยง รู้ว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หายใจเข้าหายใจออกก็ต้องพากันเสียสละ เพื่อสติสัมปชัญญะของเราจะได้ชัดเจน ยกเลิกตัวตน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตน สติสัมปชัญญะที่เป็นสัมมาสติสัมมาสัมปชัญญะ มันไม่ได้ สติก็มี 2 อย่าง มิจฉาสติ สติในทางสร้างตัวสร้างตน สติสร้างตัวสร้างตนก็เหมือนพระเทวทัต ที่มีมิจฉาสติในการสร้างตัวตน เหมือนฮิตเลอร์สมัย 100 ปีก่อน ฮิตเลอร์ได้เกิดที่ออสเตรีย แล้วก็ไปอยู่ประเทศเยอรมัน เขาก็มีสติสัมปชัญญะเพื่อตัวเพื่อตน มันก็ฆ่าเพื่อนตั้งหลายล้านคน มันก็เป็นมิจฉาสติ จึงให้เข้าใจ เราต้องรู้จักนะ สติอย่างนั้นไม่เอา เพราะว่ามันไม่ถูกต้อง มันทำให้หมู่มวลมนุษย์สร้างปัญหามีปัญหา อย่างไม่จบไม่สิ้น
เราทุกคนให้ทำเหมือนพระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้าสอนตัวเองปฏิบัติเอง 100% ที่ได้บอกได้สอน 100% พระพุทธเจ้าปล่อยคำสอนหมดไม่มีออมไว้ หลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านสอนลูกศิษย์ลูกหาสอนประชาชน ท่านบอกพระของท่านว่า ผมเนี่ยนะสอนตัวเอง 100% ปฏิบัติตัวเอง 100% บอกสอนพวกท่านและประชาชนเพียง 5% เท่านั้น เรามีตัวมีตนเป็นที่ตั้ง เราจะเอาอะไรมาบอกมาสอนลูกสอนหลานเรา พวกนักบวชทั้งหลาย เราจะเอาอะไรมาบอกมาสอนลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นพระและฆราวาส ก็เพราะตัวตน เราต้องทุกคนต้องพากันมาแก้ที่เราที่ตัวของเราอย่างนี้ เราต้องพากันเข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจ มันเสียหายนะ เพราะเวลามันกลืนกินเราไป อายุของเรามันน้อยลงๆ เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันเสียทรัพยากรนะ โอ้…ขวนขวายในการทำมาหากินทุกอย่าง ในทุกศาสตร์ที่มีอยู่ หมู่มวลมนุษย์ต้องรู้ต้องเข้าใจแล้วก็สู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อได้มาเป็นทรัพยากร เพื่อดำรงชีวิต ดำรงธาตุ ดำรงขันธ์ ไม่อย่างนั้น มันเสียทรัพยากร เสียงาน เสียเวลา ทุกท่านทุกคนต้องมาโฟกัสเข้าหาตัวเอง ทุกคนถ้ายกเลิกตัวตนทุกคนก็จะเข้าถึงปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ
เรามีตัวมีตน การเทศน์การสอนก็เอาแต่ในหนังสือ ก็เอาอาจารย์ครูบาอาจารย์เข้าว่า เพราะว่าตัวตนมันมืด เราต้องเข้าใจ เพราะนักบวชทั้งหลายเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี่ก็ มันหันหลังให้พระพุทธเจ้า หันหลังให้ธรรมะ หันหลังให้ความถูกต้อง ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ตัวตนนั้นไม่ใช่ความเป็นธรรม ความยุติธรรม มันคือการทุจริต เราจะไปมองเห็นแต่คนโน้นทุจริต คนนี้ทุจริตนะ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าทุจริต หมู่มวลมนุษย์ที่ไม่มีศีล 5 ไม่มีศีล 8 ภิกษุไม่มีศีล 227 ภิกษุนีไม่มีศีล 311 ตัวตนมันได้ทำความเสียหายแก่หมู่มวลมนุษย์นะ เมื่อเราทุกคนเป็นผู้ประเสริฐเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์น่ะ
เดือนนี้เป็นเดือนวิสาขบูชา เป็นเดือนที่พระพุทธเจ้าได้มาประสูติ ได้มาตรัสรู้ ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนวิสาขบูชา เราต้องเข้าใจว่า ชีวิตที่ประเสริฐนั้นต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาความถูกต้องนำชีวิต อย่าเอาตัวเอาตนนำชีวิต ทุกคนต้องเข้าใจว่าการประพฤติการปฏิบัติ เราทุกคนเราต้องพึ่งพุทธะ เราจะมีพุทธะมันก็ต้องยกเลิกตัวตน เข้าสู่การปฏิบัติ เราเป็นนักบวช เราเป็นฆราวาสก็ดับทุกข์ได้พอๆ กัน เหมือนอาหารนี่แหละ กินผัก ผลไม้ กินข้าว กินขนมปัง กินแป้งจาปาตี ถ้าใครทานก็ดับทุกข์ทางร่างกายได้ เราเอาธรรมะเป็นที่ตั้ง มันก็ดับทุกข์ได้ทางจิตใจ เราต้องพัฒนาทางใจทางวัตถุไปอย่างนี้ เราเป็นคนสมัยใหม่เป็นคนรุ่นใหม่ เราจะเอาแต่ทางตัวตนเอาแต่ทางวัตถุไม่ได้ ต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ทุกอย่างนั้นมันจะมีแต่คุณ ไม่ต้องมีโทษ เอาแต่ตัวตนมันมีโทษ
เราต้องเข้าใจว่า ความเป็นพุทธะมันไม่ได้อยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ใกล้ที่ไกล มันอยู่ที่ใจมันอยู่ที่กายวาจาของเราในปัจจุบัน ที่เราอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ให้เข้าใจอย่างนี้ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งอย่างมากก็ได้แค่สมาธิ แค่หินทับหญ้า พระพุทธเจ้าจึงให้หมู่มวลมนุษย์ได้พัฒนาใจ พัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กัน เพราะความดับทุกข์เป็นคู่ชีวิตของหมู่มวลมนุษย์ที่เกิดมา เราต้องเข้าใจ ความว่างถึงเป็นความว่างจากตัวตน ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ พระนิพพานก็มีอยู่ทั้งกับนักบวช ทั้งกับผู้ไม่บวชอย่างนี้ เข้าใจอย่างนี้ เรามาระลึกถึงการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าได้มาบอกได้มาสอน เพื่อหมู่มวลมนุษย์น่ะจะได้มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เราต้องหยุดความทุกข์ทั้งกายทั้งใจของเรา ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่จบ ให้ทุกคนพากันโฟกัสเข้าหาตนเอง เพราะโลกสมัยใหม่นี้พัฒนา จิตใจของเรามันต้องทันสมัย ด้วยเอาธรรมนำชีวิต ถ้าไม่อย่างนั้น เด็กตั้งแต่อนุบาลจนไปถึงหนุ่มสาว ผู้หลักผู้ใหญ่ อากงอาม่า นักบวชทั้งหลายก็จะเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เล่นแต่โทรศัพท์ ดูโทรศัพท์ หลงในกายหลงในวัตถุ เราต้องเข้าใจว่าเรามีสิ่งที่อำนวยความสะดวกความสบายมันถูกต้องแล้ว เราต้องพากันเข้าใจ เราจะได้คอนโทรลตัวเองว่าจะเอาธรรมนำชีวิต เราต้องพากันรู้ว่าอันไหนดี อันไหนชั่ว อันไหนผิด อันไหนถูก
พระรัตนตรัย คือ พุทธะ คือ ธรรมะ สังฆะ ก็คือตัวเรานี่เอง เราต้องเข้าใจ เข้าสู่ภาคประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา เพื่อเป็นธรรม เป็นปัจจุบันธรรม เราไม่ต้องให้เข้าใจอย่างอื่น ทุกคนอย่าพากันหลง อย่าพากันเพลิดเพลินนะ เราเป็นคนรวย เป็นคนเก่ง คนฉลาด มันก็ต้องครอบงำด้วยพระไตรลักษณ์ ก็คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็ต้องส่ง DNA ให้ลูกให้หลานเราน่ะ มันเสียหายนะ เราต้องพากันเข้าอกเข้าใจ พากันกราบพระ พากันไหว้พระ พากันระลึกถึงความดี ถึงความถูกต้อง พากันนั่งสมาธิ สมาธิก็คือยกเลิกตัวยกเลิกตนที่มันเป็นอดีต อดีตยกเลิกให้หมด อนาคตก็ยกเลิกให้หมด ปัจจุบันเข้าสู่ความว่าง ว่างจากตัวตน หายใจเข้าก็ให้มีความสุขที่สุดในโลก ก็เพราะตัวตนมันไม่มีความสุข หายใจออกให้มีความสุข หายใจเข้าไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจออกก็ไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจเข้าออกไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ให้ทุกคนว่างจากตัวตน สมาธิมีความหมายอย่างนี้ เราต้องเข้าใจ ให้ทุกคนต้องพากันทำสมาธิเช้าเย็น เพื่อชีวิตของเราจะได้สมบูรณ์ เอาแต่เล่นโทรศัพท์ เอาแต่จ้องดูโทรศัพท์ เอาแต่ดูหนังฟังเพลง โฟกัสไปแต่เรื่องอวิชชาความหลงน่ะ เราต้องรู้จักนะว่าความหลงความเพลิดเพลินเนี่ย มันทำให้เราประมาท มันทำให้เราเสียเวลา ทำให้เราไม่รู้ความจริง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งพากันเอาแต่ทางวัตถุ เน้นแต่ทางวัตถุ ก็ดูตัวอย่างแบบอย่างสิ พวกทางยุโรปเขาพัฒนาตัวตน พัฒนาวัตถุก้าวไกลกว่าเอเชีย เมื่อไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน มันก็เสียหาย เราต้องเข้าใจ โอ้... เมื่อเรามองดูแล้วว่าเอาแต่วัตถุ เอาแต่ตัวตนไปไม่ได้ เราต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เราถึงจะเป็นมนุษย์ที่ทันสมัย พัฒนาทั้งใจ พัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน เราจะได้มีความสุข จะได้ไม่เครียด เพราะตัวตนคือความเครียด เรายกเลิกตัวตนมันก็ปฏิบัติเพื่อคลายเครียด เราทำอะไรเป็นตัวตนมันสุดยอดแห่งความเครียดนะ ที่เป็นศัพท์รุ่นใหม่สมัยใหม่ที่ว่าไคลแม็กซ์ เขาเรียกว่ามันเป็นความเครียดอย่างสุดยอด ความหลงอย่างสุดยอด เราเอาตัวตน ตัวตนนั่นคือความเครียด ตัวตนนั้นมีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป นั่นแหละความเครียด เป็นการแบกความทุกข์พาไป ท่องเที่ยวในวัฏสงสาร
เราทุกคนต้องพากันเสียสละ ปรับเข้าหาเวลา เพื่อนอน 6 ชม. อีก 18 ชม. มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม ให้เข้าใจอย่างนี้ เราจะได้รู้ว่า ชีวิตที่ประเสริฐนั้น อยู่ที่เรามามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ไม่ใช่เอาอวิชชา เอาความหลง มาดำเนินชีวิต เราจะได้รู้ว่าเราเกิดมาเพราะความไม่รู้ เราจะก้าวไปด้วยพุทธะในชีวิตประจำวัน เอาธรรมนำชีวิต เราถึงจะได้รู้ความหมายที่เราเกิดมาเพื่อมาทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ ทั้งเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องกาย เรื่องวาจากิริยามารยาท ตลอดเรื่องการทำงาน พากเพียรในความตั้งมั่น เราเพื่อมาบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ ยกเลิกตัวตนอย่างนี้ ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจในการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าและของเราทุกๆ คน แล้วพากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่ผ่านๆ มาพวกเราก็ไม่ต้องไปเสียอกเสียใจว่า ทำไมเราเสียเวลา เราแก่แล้วเรามีตัวมีตนมันก็คิดอย่างนั้น ถ้าเรายกเลิกตัวตนไม่มีได้ไม่มีเสีย ไม่มีอะไร เพราะว่ามันยกเลิกตัวตน มันจะมีแต่ความสุข ความดับทุกข์ เป็นพระนิพพาน พระพุทธเจ้าบอกว่า “ผู้มีความเพียรเผากิเลสอยู่อย่างนี้ ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืน ถึงจะมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็น่าชื่นชมน่ายกย่อง” ให้ทุกคนเข้าใจอย่างนี้ อย่าไปน้อยอกน้อยใจ ต้องรู้จักความคิด รู้จักการปรุงแต่งของเรา เพราะความมีตัวมีตนมันก็คิดไปไม่หยุด เรียกว่าตัวตนมีหัวใจ มีภรรยาสามีทั้งวันทั้งคืน ความปรุงแต่งถึงเป็นความทุกข์ในโลก ปรุงแต่งทางร่างกายก็ดี ปรุงแต่งทางจิตใจก็ดีมันก็ทุกข์ในโลก กายมารู้ มามีพุทธะ เข้าอกเข้าใจในการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกคน ชีวิตของเราก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ถ้าเรามีตัวมีตนชีวิตไม่มีประโยชน์อะไร เป็นความเสียหาย เป็นการเสียชาติเกิดที่เราใช้ร่างกายประเสริฐเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่ทุจริต เป็นมนุษย์ที่ไม่มีสติไม่มีปัญญา เอาอวิชชาความหลงนำชีวิต ที่ทำให้เกิดความเสียหาย
ขออนุโมทนากับทุกท่านทุกคนนะ ที่ได้มีโอกาสพิเศษได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกท่านทุกคนต้องเดินตามพระพุทธเจ้า เดินตามพระอรหันต์ เอาธรรมนำชีวิต ไม่เอาตัวตนนำชีวิต ในปัจจุบัน ในชีวิตประจำวัน ทุกท่านก็จะเข้าถึงความสุขดับเย็นเป็นพระนิพพาน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee