แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ใน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระธรรม ตอนที่ ๗๑ ต้องรู้เหตุรู้ปัจจัย ยกเลิกตัวตน เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนำวัตถุ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
การเวียนว่ายตายเกิดเป็นสิ่งที่พวกเราทั้งหลายต้องพากันเข้าใจ เพราะการเวียนว่ายตายเกิดนั้น มีขึ้นเกิดขึ้นเพราะอะไร การเวียนว่ายตายเกิดนี้เกิดจาก อวิชชา เกิดจากความหลง เกิดจากความไม่รู้ ศาสตร์นั้นหมายถึงเหตุ หมายถึงปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี พุทธศาสตร์หมายถึงรู้เหตุ รู้ปัจจัย รู้กระบวนการของเหตุ ให้พวกเราทั้งหลายพากันรู้ว่า วัฏฏะสงสารคือความไม่รู้ เหตุปัจจัยของการเกิด พุทธะหมายถึงความรู้ความเข้าใจ ของหมู่มวลมนุษย์ ที่พากันรู้เหตุ รู้ปัจจัย แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่เป็นความประพฤติ หรือว่าเป็นศีลนี้อันเดียวกัน เป็นความตั้งมั่นในพุทธะ เป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ ที่ยกเลิกเหตุยกเลิกปัจจัย แห่งการเวียนว่ายตายเกิด ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ต้องรู้เหตุรู้ปัจจัย เพื่อเอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนำวัตถุ พัฒนาใจให้เป็นธรรม พัฒนาวัตถุให้เป็นธรรม เพื่อให้เป็นทางสายกลาง
ในชีวิตประจำวันของเรานี้ ก็จะมีตาหูจมูกลิ้นกายใจ... ตาหูจมูกลิ้นกายใจนั้นเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน สิ่งที่มากระทบต่างๆ นั้นคือ แขกมาเยี่ยมเจ้าของบ้าน ปกติแขกเขามาเยี่ยมเขาต้องจากไป เพราะทุกอย่างนั้นต้องเป็นอดีตทั้งหมด ทุกอย่างย่อมผ่านไปตามกฎของธรรมชาติ หรือว่าสภาวธรรม เราต้องพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดผัสสะกับเราทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ล้วนแต่เป็นแขกมาเยี่ยมเรา เขามาเยี่ยมเราแล้วเขาก็จากไป พระพุทธเจ้าให้เราพากันเข้าใจอย่างนี้ เพื่อเราจะได้พัฒนาใจพัฒนากายพัฒนาวัตถุ ที่เป็นปัจจัย 4 ที่อำนวยความสะดวกสบายทางร่างกาย กายกับใจต้องไปพร้อมกันทั้ง 2 อย่าง ทางกายก็ให้ถูกต้อง ทางใจก็ให้ถูกต้อง โฟกัสที่ปัจจุบัน เพราะทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นได้ทีละอย่าง มันเกิดขึ้นทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันเกิดได้ทีละอย่าง ให้ทุกคนรู้ว่าคือแขกคืออาคันตุกะ มาเยี่ยมเรา มาเยี่ยมบ้านของเรา แม้แต่ตัวเรานี้ก็ยังไม่ใช่เรา มันเป็นอวิชชา มันเป็นความหลง เหมือนบ้านหลังหนึ่ง แต่ก่อนก็ไม่มีบ้าน ซึ่งเราเอาอุปกรณ์หลายอย่างมารวมกันมันถึงเป็นบ้าน มีเสา มีคาน มีพื้นกระดาน มีขื่อ มีแป แล้วมารวมกันถึงเป็นบ้าน แต่ก่อนไม่มีบ้านหรอก พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราพิจารณาอย่างนี้ เพื่อเราจะได้มีปัญญา พวกที่มาบวชในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าถึงให้พากันภาวนาพิจารณาร่างกายของเรา ที่มันเป็นมาอย่างนี้ เพราะว่าเป็นเหตุเป็นปัจจัย ท่านถึงให้แยกออกเป็นชิ้นเป็นส่วน แยกออกกันหมด มันก็จะไม่มีร่างกาย พอไปประกอบเข้าไปมันก็จะมีร่างกาย ทุกอย่างนั้นมันไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มีแต่ที่ประกอบด้วยเหตุด้วยปัจจัย
เราทุกคนต้องพัฒนาใจของเราให้เกิดปัญญา แล้วเราก็มาตั้งสมมติสัจจะขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการดำเนินชีวิต เพื่อโฟกัสให้เราเอาสมมติมาใช้งาน เพราะว่ามนุษย์เป็นผู้ที่มีระบบสมองสติปัญญา ที่ต้องพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน มาแต่งตั้งว่าสิ่งเหล่านี้ ว่าชื่อนั้น ชื่อนี้ วัสดุภายนอก วัสดุทางร่างกายก็มาตั้งอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วก็มาตั้งว่าเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย เพื่อให้เราจะได้ใช้สมมติสัจจะ แต่สภาวธรรมที่เป็นพระนิพพาน คือหยุดการเวียนว่ายตายเกิด เราต้องรู้เรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องวัตถุ รู้เรื่องสมมติสัจจะ ทุกคนต้องก้าวไปด้วยพุทธะ ทุกๆ คนต้องพากันเข้าใจ พากันประพฤติพากันปฏิบัติ เพราะนี้เป็นข้อสอบ แล้วเป็นข้อตอบในชีวิตประจำวัน เราทั้งหลายจะได้ไม่พากันหลง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป เรียกว่าการหมุนเวียนของเหตุของปัจจัย เราก็มารู้เรื่องเหตุปัจจัย ของการเวียนว่ายตายเกิด แล้วเราจะได้ยกเลิกอวิชชายกเลิกความหลง ที่เขาแต่งตั้งให้เราเป็น มันเป็นเพียงสมมติสัจจะ ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนเลย ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้ทำหน้าที่เต็มรูปแบบ ตาก็มีหน้าที่ของตา หูก็มีหน้าที่ของหู จมูกก็มีหน้าที่ของจมูก ลิ้นก็มีหน้าที่ของลิ้น กายก็มีหน้าที่ของกาย ใจก็มีหน้าที่ของใจ ตัวเราทุกคนให้พากันรู้จักความเป็นจริงของตาหูจมูกลิ้นกายใจ เขาก็ทำหน้าที่ของเขาสมบูรณ์ สิ่งภายนอกมากระทบกับตาหูจมูกลิ้นกายใจ คือแขกมาเยี่ยม แขกมาเยี่ยมเขาก็จากไปหรอก ไม่มีอะไรที่ไม่จากไป เพราะนี้เป็นกฎความจริงของพระไตรลักษณ์ พระพุทธเจ้าให้เราทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้
พระพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีมารู้เรื่องอย่างนี้ เข้าสู่การประพฤติเข้าสู่การปฏิบัติ แล้วก็ตั้งมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง เรียกว่าพุทธะที่เป็นสัมมาสมาธิ ที่ติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำ เป็นแม่น้ำเข้าสู่ทะเลมหาสมุทร พระอรหันต์ฟังพระพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า เราทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้ ความถูกต้องนั้นมันอยู่ที่เรา ความไม่ถูกต้องมันก็อยู่ที่เรา เราต้องเห็นความสำคัญของความประเสริฐ ที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราต้องมาโฟกัสในปัจจุบันนี้ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เรามาโฟกัสในอริยมรรคมีองค์ 8 เวลาเราทำอะไรเราก็เอาธรรมนำใจ จะทางวัตถุหรือทางวิทยาศาสตร์ ยกเลิกสิ่งที่จะทำให้พวกเรามีความทุกข์ หรือว่าเวียนว่ายตายเกิด เราทุกคนจะได้ทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ เราทุกคนจะได้เข้าสู่ความบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณ เราเอาความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เราจะเข้าสู่ความบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณ ไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นอวิชชาเป็นความหลง ความหลงเรียกว่าไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์เรียกว่าความหลง ไสยศาสตร์คือการเวียนว่ายตายเกิด เราจะได้พากันรู้ว่า เรานี้เกิดมาทำไม มาเรียนหนังสือทำไม เราทำงานทำไม เรามาบวชมาเป็นนักบวชทำไม เพราะเราจะได้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน
วันหนึ่งคืนหนึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่ามี 24 ชั่วโมง หมู่มวลมนุษย์พากันนอนวันละ 6 ชั่วโมงไม่เกิน 8 ชั่วโมง สำหรับฆราวาสนะ... สำหรับนักบวชแล้วจำวัดวันละ 4 ชั่วโมง 5 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว เวลาเราตื่นอยู่นี้นะมันก็มากถึง 16 ถึง 18 ชั่วโมง ก็ต้องเอาธรรมนำชีวิตหรือเอาพุทธะนำชีวิต ทางใจทางวัตถุไปพร้อมๆ กันอย่างมีความสุข มนุษย์เราถ้าเอาพุทธะนำชีวิตยกเลิกตัวตน ความสับสนมันจะไม่มี เราเอาตัวตนนำชีวิต ความสับสนมันก็มี เขาถึงเรียกมนุษย์ทั้งหลายว่าคน คนแปลว่าสมองมันสับสน สมองมันวุ่นวาย สมองมันไม่สงบ เอาความไม่ถูกต้อง หรือเอาตัวตนไม่ถูกต้อง มันถึงเป็นได้แต่เพียงคน มันยังไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ มันเป็นได้แต่เพียงคน พวกคนทั้งหลาย พวกตัวตนทั้งหลาย พวกไสยศาสตร์เป็นตัวตนทั้งหลาย มันถึงมีความทุกข์ ความทุกข์มันได้เผาพวกคนนี้ ยังไม่ตายวาระทางจิตใจมันก็เผาทุกๆ คน ใจของเรามันเป็นคนเป็นอวิชชาเป็นความหลง ควบคุมในชีวิตประจำวัน มันถึงเป็นเปรต ผี ยักษ์ มาร อสุรกาย เป็นสัตว์นรก เรียกว่ายังไม่ตากก็ถูกเผาทั้งเป็น เป็นความทุกข์ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป ตัวตนมันไม่มี มีแต่ความทุกข์ เราทุกคนต้องพากันเข้าใจ อย่าไปตามอวิชชาตามความหลง ถึงแม้เราจะมีความรู้สึก หนาวร้อน สุข ทุกข์ ชอบ ไม่ชอบ พระพุทธเจ้าบอกว่าอันนี้ก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันเป็นโอกาสพิเศษ ที่ให้พวกเราได้ประพฤติได้ปฏิบัติ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ มรรคผลนิพพานมันก็ไม่มี ถ้าไม่มีข้อสอบก็ไม่มีข้อตอบ พระพุทธศาสนาจึงเป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันต้องว่างจากตัวเราของเรา รู้จักความจริงทางจิตใจ ความจริงทางวัตถุ ที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ หรือพระอรหันต์ทุกองค์ ที่ท่านพูดว่าเรียกว่ารู้อริยะสัจ 4 การประพฤติการปฏิบัติเราต้องถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญ เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ เรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เป็นสิ่งที่สำคัญ เราทุกคนอย่าตามสิ่งแวดล้อมไป สิ่งแวดล้อมก็เหมือนแขกที่มาเยี่ยมเรานี้แหละ แล้วเขาก็จากไป ดูสิปู่-ย่า-ตา-ยาย ทวดทั้งหลายก็จากไป ไม่มีใครที่จีรังยั่งยืน เราต้องพากันรู้จักพระไตรลักษณ์ เราทั้งหลายต้องพากันโฟกัสเข้าหาตัวเอง เราจะได้เข้าถึงบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณ
ความดับทุกข์มันอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเราจะอยู่ในเมืองกรุง หรืออยู่ในเมืองอยู่ต่างจังหวัด อยู่ในหมู่บ้าน ป่าเขาลำเนาไพร ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันดับทุกข์ได้ทุกหนทุกแห่ง พระพุทธเจ้าท่านถึงเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลก เพราะท่านยกเลิกตัวตน พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ยกเลิกตัวตน ท่านก็ทรงบันทมพักผ่อนวันละ 4 ชั่วโมง ทำงานวันละ 20 ชั่วโมง ไม่ว่าใครก็ดีที่ยกเลิกตัวตน มันถึงจะไม่มีความทุกข์ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความทุกข์ อยู่ที่ไหนก็มีความวิเวกหมด เพราะความวิเวกความสงบนั้นมันอยู่ที่ยกเลิกตัวตน เหมือนพวกสมัยใหม่อย่างนี้แหละ ถึงจะมีตึกรามบ้านช่องสูงอลังการตระหง่านฟ้า ประชาชนเป็นหลายร้อยหลายพัน หลายหมื่นหลายล้าน เมื่อเรายกเลิกตัวตนมันก็สงบ ให้ทุกท่านทุกคนให้พากันเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่สงบ พากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง พากันโฟกัสมาที่ตัวเรา เราจะได้รู้ว่า โอ้... ชีวิตของเรานี้ประเสริฐจริง เราต้องเอาธรรมะเป็นหลักในการครองธาตุ ครองขันธ์ ต้องเอาความถูกต้องเป็นหลัก เพราะตัวตนนี้มันก็คือตัวตน ตัวตนนั้นมันก็จะขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ มันมีตัวตนคือความคิดเห็นผิดเข้าใจผิด เราเรียนเราศึกษาก็เพื่อตัวเพื่อตน เราทำงานก็เพื่อตัวเพื่อตน เรามาบวชมาปฏิบัติก็เพื่อตัวเพื่อตน มนุษย์เราต้องพากันพัฒนาใจพัฒนาวัตถุ ทางวิทยาศาสตร์ทางอุตสาหกรรม ทางเกษตร ทางแพทย์ ทางพยาบาล มันพัฒนาได้ เพราะมนุษย์เราต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ ความถูกต้องมันเป็นสากล ทุกชาติทุกศาสนา ชาติชั้นวรรณะ ก็ต้องเอาสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เหมือนกันทั้งหมด ความถูกต้องคือการยกเลิกตัวตน มันจะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา มันจะเป็นข้าราชการเป็นนักการเมือง ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเป็นไม่ได้ เขาแต่งตั้งเราก็เป็นไม่ได้
ความทุจริตเพราะตัวตนนี้แหละ มันเป็นสัญชาตญาณ มันเป็นความรู้สึก มันเป็นความหลงมันเป็นความยึดมั่นถือมั่น เหมือนเขาแต่งตั้งบุคคลคนหนึ่งให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านตกบ้านมาใต้ถุน คนอื่นเขาถาว่าเป็นอะไร ก็มีความหลงในสมมติสัจจะ ความหลงมีตัวตน ก็ตอบว่า เป็นผู้ใหญ่บ้าน แทนที่จะบอกว่า เจ็บแย่แล้วพาไปโรงพยาบาลหน่อย ตัวตนนี้เป็น DNA แห่งการเวียนว่ายตายเกิด ตัวตนนี้เขาเรียกว่ามันเป็นบิ๊ก บิ๊กคือตัวตน พระพุทธเจ้าบอกว่า ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อตัวตน เป็นไปเพื่ออยากใหญ่อยากดัง อยากเด่ง อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ อันนี้มันไม่ใช่ธรรมะ อันนั้นเป็นตัวเป็นตน ให้เข้าใจ
เราต้องรู้จักสมมติ รู้จักสัจจะ รู้เรื่องพระไตรลักษณ์ว่าทุกอย่างนั้นไม่ใช้ตัวไม่ใช่ตน เขาแต่งตั้งที่เป็นสมมติสัจจะเฉยๆ หรอก อย่าหลงประเด็น อย่าหลงผัสสะ อย่าหลงนิมิต ตาเห็นรูปก็หลงไป หูได้ฟังเสียงก็หลงไป อะไรที่เกิดผัสสะจากตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็หลงไป เขาเรียกว่าหลงนิมิต ที่เกิดขึ้นที่แขกมาเยี่ยมเยียน หรือว่าอาคันตุกะมาเยี่ยมเยียน เราก็หลงไปตามสิ่งต่างๆ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ตื่นขึ้นมามันหลง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่ามันมึนตึ๊บ มันมืด เมื่อเรายกเลิกตัวตน ความถูกต้องมันถึงจะเกิดได้ แสงสว่างเกิดขึ้นได้ เหมือนปัญจวัคคีย์ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ได้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เอาความถูกต้องนำชีวิต ถึงได้อุทานออกมาจากใจว่า จักขุนั้นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ญาณเกิดขึ้นแล้วแก่เรา แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ที่ท่านตรัสไว้ที่ท่านเทศน์ไว้ในธัมมจักกัปวัตนสูตร เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็หลงอยู่นั่นน่ะ เดี๋ยวก็ชอบเดี๋ยวก็ไม่ชอบ มันไม่หยุด หลงนิมิตไปเรื่อย มันไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ เราทำอย่างไงมันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเอาความไม่ถูกต้องนำชีวิต มันแก้ปัญหาไม่ได้ เราถึงต้องพากันรู้บริสุทธิคุณ ต้องมีความเห็นถูกต้อง ต้องยกเลิกตัวตนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามายกเลิกทาส ยกเลิกชนชั้นวรรณะ ยกเลิกตัวตน เรียกว่าอย่าเอาตัวตนหรือเอาอวิชชาความหลงมาดำเนินชีวิตเลย เขาเรียกว่ายกเลิกทาส ตัวตนนี้มันเป็นทาส เป็นทาสของอวิชชาของความหลง เราทุกคนเราต้องยกเลิกตัวตน เพราะมันเป็นโอกาสพิเศษ เราอย่าให้มันเสียเวลาเสียโอกาส ให้รู้ว่าสิ่งถูกต้องมันสำคัญ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะสำคัญได้อย่างไร ให้ทำแบบนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เพราะว่าเราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติอย่างนี้นะ เอาตัวตนมันเป็นที่ตั้งมันก็ถูกเผา มันก็จะไปจัดการเอาแต่ภายนอก แก้ไขแต่ภายนอก แล้วก็ให้สิ่งภายนอกมันว่างหมด เหลือตัวตนอยู่อย่างนี้มันไม่ถูกต้อง เพราะว่าพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ พระพุทธศาสนาเป็นพทุธะที่ยกเลิกทาส ยกเลิกชั้นวรรณะ เข้าใจสมมติสัจจะ ที่เป็นธรรมที่เป็นปัจจุบันธรรม เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็วิ่งไปวิ่งมา เหมือนพระพุทธเจ้าถามสาวกว่า เห็นสุนัขจิ้งจอกวิ่งไปวิ่งมาไหม มันเป็นเพราะอะไร เพราะมันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ต้องมีความทุกข์อย่างนี้แหละ หัวใจมันเป็นโรค พระพุทธเจ้าก็บอกให้ฟังว่ามันเป็นโรคขี้เรื้อน หัวใจมันเป็นโรคอวิชชา โรคความหลง มันก็วิ่งอยู่อย่างนี้แหละ วิ่งอยู่อย่างนี้เพราะมันไม่รู้ มันเอาความไม่รู้ มันก็วิ่งอยู่อย่างนี้ มันก็ถูกเผาอย่างนี้แหละ เราได้ฟังพระพุทธเจ้าเราก็ย้อนกลับมาดูเรา เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราก็เป็นโรคทางจิตทางใจ แล้วก็เป็นโรคทางกาย เป็นทุกข์ทั้ง 2 อย่างเลย ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ
เราต้องมีพุทธะทั้งกายทั้งใจ ทั้งวัตถุ เราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 พระพุทธเจ้ามีพื้นฐานมาจากลูกหลานของศาสนาพราหมณ์ แต่ทุกวันนี้เขาเปลี่ยนเป็นศาสนาฮินดู เขาก็ได้เพียงความสงบ หมู่มวลมนุษย์มันต้องมีปัญญามากกว่านั้น เราเอาแต่ความสงบ เราจะเอาปัจจัย 4 ที่ไหนมาดำรงธาตุดำรงขันธ์ ดำรงอายตนะ ต้องพัฒนาเป็นอริยะมรรคมีองค์ 8 เพราะสมาธิของเราระดับที่ใช้งานได้ ใช้งานได้อยู่ขณิกสมาธิหรืออุปจาระสมาธิ สมาธิที่เดินเหินนั่งนอน มันได้ความสงบได้ความตั้งมั่น ได้ปัญญา รู้เรื่องพระไตรลักษณ์ คนเราต้องมาพัฒนาใจ เพราะว่าใจมันคิดได้ทีละอย่าง ปากมันก็จะพูดได้ทีละอย่าง ทานอาหารก็ทานได้ทีละอย่าง นั้นเป็นอริยมรรค การทำงานอย่างนี้ก็เพื่อดำรงค์ธาตุดำรงค์ขันธ์ ถ้าเรายกเลิกตัวตนมันก็ไม่มีความทุกข์อะไร ที่เรามีความทุกข์ก็เพราะมีตัวมีตน พระพุทธเจ้าตรัสรู้พูดเรื่องอริยมรรคมีองค์ 8 จะเอาแต่สมาธิไม่ได้ เพราะว่าสมาธิมันก็จะกดข่มอริยมรรค 7 ข้อ เพราะสัมมาสมาธิมันเป็นอริยมรรคข้อสุดท้าย เพราะมันมีความตั้งมั่น มันก็ไม่ได้ภาวนาพิจารณาพระไตรลักษณ์ การทำการทำงาน การพูด การทำความเพียร การมีสติ ต้องอยู่กับเราที่ปัจจุบัน โฟกัสที่ปัจจุบัน ให้หมู่มวลมนุษย์พากันเข้าใจ ความเป็นพระมันมีได้กับทุกๆ คน ที่ทุกคนมีร่างกายเป็นมนุษย์ มีธาตุมีขันธ์ มีอายตนะ แล้วก็อยู่ทุกหนทุกแห่งด้วย เพราะเรายกเลิกตัวตน มันก็เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เป็นความสุขเป็นความดับทุกข์ อยู่กับพวกเราทุกคน เราจะได้พากันรู้จักความเป็นพระ อยู่กับเรานี้เอง พวกที่ไปบวชอยู่ที่วัด โกนหัวห่มผ้าเหลือง ห่มผ้าจีวร นี้มันยังไม่ใช่พระ พระที่แท้จริงคือยกเลิกตัวตนต่างหาก เราเป็นคฤหัสถ์ผู้ที่ไม่ได้บวชก็เป็นพระได้พอๆ กัน ก็เหมือนข้าวเหมือนอาหาร ใครบริโภคใครทานอาหารก็ดับทุกข์ได้ เพราะความดับทุกข์มันเป็นสากล เข้าใจอย่างนี้ ผู้ที่เขาไปบวช เขาก็ไปปลงผม นุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์ มันเป็นสมมติสัจจะ มันเป็นแบรนด์เนม พวกนี้สมาทานต่อสังคมส่วนรวมว่า จะดำรงชีวิต ด้วยเอาธาตุ เอาขันธ์ เอาอายตนะนี้เป็นธรรมะ ยกเลิกตัวตนไม่เป็นนิติบุคคลอีกต่อไป ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งกิริยามารยาท ยกเลิกตัวตนหมด จะได้เป็นพระธรรมพระวินัยที่มีในพระวินัยปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์ ที่มาในภิกขุปาฏิโมกข์ 227 ข้อ พวกเราพากันเข้าใจอย่างนี้นะ
พวกที่มาบวช ถึงได้มีสิทธิพิเศษ บ้านก็ไม่ได้เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ เขาเอาของมาให้ก็ยังมากราบมาไหว้เราอีก ถ้าเรายังไม่เข้าใจว่าเราบวชมาทำไม ผู้ที่มาบวชก็เป็นพระไม่ได้ เพราะพระคือยกเลิกตัวตน พระคือพระธรรมพระวินัย เราทุกคนให้เข้าใจความเป็นพระนะ เราเป็นฆราวาสผู้ที่อยู่ในตระกูลอย่างนี้ เราต้องพากันเข้าใจ เข้าใจเรื่องสมมติ สมมตินี้เขาโฟกัสให้ทำอะไร เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ ทุกท่านทุกคนจะได้เข้าถึงความบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณ ในทางนักบวชก็ดี ผู้ที่ไม่ได้บวชก็ดี ให้เข้าใจความเป็นพระ มันอยู่กับเราทุกคน พระพุทธเจ้าท่านถึงมีหลักการว่า เออ... ผู้ที่ครองเรือน 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15ค่ำ ต้องพากันมารักษาศีลอุโบสถ เพราะเอาศีล 5 มันจะติดสุข มันจะเอาความสุขแต่ทางวัตถุ มันไม่ได้พัฒนาใจ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เอา 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ มันเอาสากลคือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ความหมายก็คืออันเดียวกัน คือให้หมู่มวลมนุษย์พัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน ใจของเราก็ไม่ยิ่งหย่อน วัตถุของเราก็ไม่ยิ่งหย่อน เพื่อเราจะได้ส่งไม้ผลัดให้ลูกให้หลาน เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง โอ้...ลูกหลานเราก็แย่เลย เพราะเราไม่ได้เป็นพ่อพิมพ์เป็นแม่พิมพ์เป็นตัวอย่างแบบอย่าง เรามาบรรพชาอุปสมบทก็ยังเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พระพุทธเจ้าให้ทำอย่างนี้ ให้ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า เราก็เอาแต่ตัวแต่ตนก็ยังไม่ยอม พระพุทธเจ้าบอกให้ไปทางหนึ่ง เราก็ไปอีกทางหนึ่ง เราทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ ทำลายตัวเราครอบครัวของเรา
เราต้องรู้จักความจริงรู้จักอริยะสัจ 4 รู้จักสมมติสัจจะ เพื่อเอาสมมติสัจจะมาทำงาน เราเอาตัวตนศีลมันก็ไม่มี สมาธิก็ไม่มี กฎหมายบ้านเมืองก็ทำไม่ได้ เพราะตัวตนมันทำไม่ได้ ปฏิจจสมุปบาทเราต้องเอานำใจ เอาธรรมนำชีวิต เอาธรรมนำวัตถุ ตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็เป็นอบายมุขอบายภูมิ ตัวตนนี้แหละคือภพชาติ เราต้องเข้าใจ ถ้างั้นเราก็เอาแต่อวิชชาเอาแต่ความหลง เอาแต่ตัวเอาแต่ตน นักบวชทั้งหลายบวชมา พระพุทธเจ้าบอกให้ทำอย่างนี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะเอาแต่ตัวแต่ตน ข้าราชการที่มีอำนาจวาสนา ที่จะให้ของเรา ให้ยศตำแหน่งเรา ทุกคนพากันยินดีปรีดา พินอบพิเทา นะจ๊ะๆ อะไรอย่างนี้นะ แล้วคนจนคนไม่รวยไม่มีสตางค์ ให้พรไม่ออก ถ้าคนรวยน่ะ นะจ๊ะๆ มันเป็นกันทั่วทั้งโลก ทั่วทั้งประเทศ เขาเรียกว่าความหลงนั้นมันเป็นประชาธิปไตยที่สง่างาม ความหลงมันเป็นบิ๊ก มหาบิ๊ก มันใหญ่ เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกเราต้องพากันมารู้ตัวเอง ที่พูดอย่างนี้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ เพราะว่าเราต้องกลับมาหาสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเราเอาความไม่ถูกต้องครองใจครองชีวิตไม่ได้ มันมีปัญหา มันสร้างปัญหา เราจะเป็นอะไรเราต้องเอาธรรมะนำชีวิต เราจะพากันมาหลงขยะ มาแย่งขยะกัน เหมือนอยู่ในสภาในรัฐสภา สภานั้นต้องเข้าใจว่า สภาแปลว่าสถานที่มีธรรมะ ธรรมสภา ดังพระพุทธองค์แสดงไว้อย่างชัดเจน "เนสา สภา ยตฺถ น สนฺติ สนฺโต = ที่ใดไม่มีสัตบุรุษ ที่นั้นมิใช่สภา" สัตบุรุษ คือ ผู้รู้จักเหตุผล-รู้จักตน รู้จักประมาณ-รู้จักกาล-รู้จักชุมชุม และรู้จักความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้เป็นสภา มันเป็นแต่แก๊งค์ แก๊งค์กับก๊กกับโจร มันก็อันเดียวกัน พรรคต่างๆ ที่ประเทศไทยเราตั้งขึ้นมาเพื่อตัวตน ตัวตนนี้เป็นอวิชชาคือความหลง คือเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าอวิชชาความหลง เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เข้าใจมันก็กลับมาแก้ที่ตัวเอง เราก็ต้องกลับมาแก้ที่ตัวเอง เมื่อประชากรของโลกมี 8 พันกว่าล้านคน ก็รู้ว่ามันหลงก็จะไปตามเขาทำไม กลับมามีสติสัมปชัญญะ มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีความสุขในการหายใจเข้าหายใจออก มีความสุขในการเสียสละ มีความสุขในการทำงานให้ได้ เอาแต่ตัวเอาแต่ตนเด็กตั้งแต่ ขวบ 2 ขวบ ถึงอากง อาม่า ถึงพระคุณเจ้าทั้งหลายมันเอาความหลงเป็นที่ตั้ง เล่นแต่โทรศัพท์ ไลน์แต่โทรศัพท์ อย่างนั้นแสดงถึงประชากรของเราที่เป็นประชาธิปไตยแห่งความหลง ต้องรู้ว่าอันไหนมันถูกต้อง แก้ไขที่ตัวเรานี้แหละ เราไม่ต้องไปแก้ไขคนอื่นหรอก มันแก้ไขได้ไหม ถ้าพากันไปแก้ไขคนอื่นให้เป็นคนดี แต่เราเป็นคนแย่ เราเป็นโจรใหญ่เราเป็นบิ๊ก เรียกว่ามหาบิ๊กมหาหลง ทำอย่างนั้นมันถูกต้องไหม มันไม่ถูกต้องนะ ไม่ถูกต้องแล้วยังส่งลูกส่งหลานไปเรียนเมืองนอก มาเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันโกงมากินต่อ ประเทศเราส่วนรวมของเรา อย่างมีเงินอยู่ 100 บาท เราเอาไปกินแล้ว 60-70 บาท มันจะพัฒนาส่วนรวมได้อย่างไร เพราะตัวตนมันเสียหาย รู้หรือเปล่าว่าเรานี้มีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันเสียหาย มันตื่นขึ้นมามันก็จะเอาจะมีจะเป็น หลงตั้งแต่เช้า จนนอนหลับ นอนหลับก็ยังไม่พอยังฝันไปเรื่อย
คนบ้านนอกคนบ้านนา สมัยปลายปี 2400 พวกนั้นมันไม่มีการเรียนการเรียนการศึกษา คนบ้านนอกบ้านนาส่งลูกไปบวชเณรไปบวชพระ เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะได้พัฒนาฐานะ เพื่อจะได้อยู่ดีกินดี การเรียนการศึกษานั้นมันดีมันถูกต้อง เราเรียนเราศึกษาเพื่อให้มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาใจของตนเอง พัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน อย่าเอาการเรียนการศึกษานั้นเพื่อมาเห็นแก่ตัว เดี๋ยวนี้การเรียนการศึกษานี้ก็ทิ้งศีล ทิ้งธรรมะ ทิ้งพระธรรมวินัย ปัจจุบันไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ ทิ้งหมดพระวินัย เหลืออย่างเดียวเหลือแต่แบรนด์เนม ปลงผม นุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์ มันเสียหาย พวกนี้ทางธรรมมันไม่เอาเลยเอาแต่ตัวตน ไม่ว่ามหามกุฏราชวิทยาลัย ไม่ว่ามหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย พากันตระหนักนะ บางรูปเอาแต่ทางสามัญเอาแต่ทางโลก ทางธรรมหลายท่านไม่ได้เปรียญธรรม แต่จบปริญญาตรี-โท-เอก มันก็เป็นตัวเป็นตนมากที่เรามองเห็น ถึงแม้เราจะมาจากคนยากจนคนบ้านนอก เราก็ต้องเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เรามาบวชมาปฏิบัติ ต้องประพฤติปฏิบัติต้องเอาพระธรรมวินัยในปัจจุบัน
พระศาสนานี้เป็นสิ่งที่ประเสริฐ กว่าพระพุทธเจ้าจะได้บำเพ็ญพุทธบารมีมาเป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลาตั้งหลานล้านชาติ หลายอสงไขย เราเอาตัวตนมาเป็นที่ตั้งมาทำลายความมั่นคงของพระศาสนา เราต้องพากันเข้าใจนะ เราพากันฉันข้าวชาวบ้าน เราใช้ของชาวบ้าน เราต้องพากันทำหน้าที่ของความเป็นพระธรรมพระวินัย พระวินัยในพระไตรปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์ ที่มีอยู่ในภิกขุปาฏิโมกข์ 227 ข้อ เราเอาตัวตนมันก็เสียหายมาก มันเป็นการเรียนการศึกษาเพื่อทำลายโลก เพื่อทำลายธรรมะ เรารู้จักความถูกต้องเราต้องรู้จักความกตัญญูกตเวที เราจะได้มีพื้นฐาน ถ้าเราลาสิกขาไปแล้ว เราก็จะได้เป็นคนดีเป็นประชากรณ์ที่สมบูรณ์ เรามาบวชได้เป็นเจ้าคุณได้เป็นสมเด็จ จะเป็นทรัพยากรที่ดี เพราะเราเอาความถูกต้องนำชีวิต เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ชีวิตของนักบวชก็เก่งแต่เรื่องรับประเคน เก่งเทศน์ ก็เก่งแต่กำพัดยศจับพัดยศอย่างนี้ๆ พาดสังฆาฏิอย่างนี้เก่งอย่างนี้ เก่งแต่ศาสนพิธี แต่ไม่เข้าสู่พระรัตนตรัย ไม่เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ต้องพากันเข้าใจ ความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องเห็นความสำคัญในความประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งยิ่งเรียนสูง จบปริญญาเอกหลายใบ ก็ยิ่งทำให้โลกพินาศ จบเปรียญธรรมสูงๆ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี้ไม่ได้ มันเสียหาย มันทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก พระพุทธเจ้าคือผู้ที่ยกเลิกตัวตน เราเอาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเป็นหลัก พระองค์ท่านยกเลิกตัวยกเลิกตน พัฒนาใจพัฒนาวัตถุด้วยเอาธรรมนำชีวิต เราถึงจะเข้าถึงความดับทุกข์ทางใจ ทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน
เพราะคนเราน่ะมันยกเลิกตัวตนมันไม่จนหรอก เพราะวันหนึ่งคืนหนึ่งมัน 24 ชั่วโมง โลกหมุนรอบตัวเองหมุนรอบดวงอาทิตย์ เราตื่นอยู่ เราทำงาน 16-18 ชั่วโมงมันจะจนได้อย่างไง บ้านเรามีเท่านั้นคน เท่านี้คน ทุกคนทำอย่างนี้มันจะจนได้อย่างไง เมื่อหลายปีก่อนทางวิทยาศาสตร์เรายังไม่ก้าวหน้า ทำนาทำไร่หลายไร่ ไม่พออยู่ไม่พอกิน หน้าแล้ง หน้าฝนน้ำท่วม บางปีก็แห้งแล้ง ทุกอย่างมันพัฒนาได้ พระพุทธเจ้าบอกให้ต้องเอาพุทธะนำชีวิต เอาพุทธะนำวัตถุ เราต้องตั้งมั่นในความถูกต้อง เอาตัวเองเป็นที่ตั้งมันไม่รู้ว่าอันไหนผิดอันไหนถูก มันเป็นได้แต่เพียงคน ทุกคนต้องตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ถึงจะว่าอันไหนดีอันไหนชั่วอันไหนผิดอันไหนถูก กราบพระไหว้พระพากันนั่งสมาธิ นั่งสมาธิทำอย่างไง นั่งสมาธิยกเลิกอดีต อนาคตก็ยกเลิก ปัจจุบันก็เข้าสู่ความว่างจากตัวตน เป็นอยู่กับลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ ประเทศไทยของเราต้องท่องพุทโท หายใจเข้าก็พุท หายใจออกก็โธ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เอาหลักสากล หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ หายใจเข้าสั้นออกสั้น ละเอียดประณีต อยู่กับลมหายใจ ใจของเราว่างจากตัวตน หายใจเข้าก็เกิดปัญญาว่าไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจออกก็ไม่แน่ไม่เที่ยง หายใจออกก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ต้องพากันทำพากันปฏิบัติ เอาแต่ตัวเอาแต่ตน ละครไม่จบ นิยายไม่จบ คอนเสิร์ตไม่จบ ไม่หลับไม่นอน คอรัปชั่นเวลานอน
ตัวตนนั้นก็คือระเบิดตัวเองระเบิดคนอื่น ที่ผ่านมาก็แล้วๆ ไป เอาใหม่ช่างหัวมัน ช่างพ่อช่างแม่ ช่างลูกช่างหลาน ช่างเหลนมัน เอาตัวตนเป็นที่ตั้งอย่างมากก็เป็นได้แต่เพียงพระเทวทัต เอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็เป็นญาติพี่น้องกับฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์ที่ประเทศเยอรมัน แต่เป็นคนของออสเตรียที่มาอยู่ประเทศเยอรมัน เมื่อประมาณ 100 ปีก่อน ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันทำลายคนอื่น ระเบิดตัวเอง ต้องพากันเข้าใจ เอาตัวตนเขาเรียกว่าสีลัพพตปรามาส ขอโอกาสไปเรื่อย มันไม่ว่างลูกยังไม่มั่นคง หลานมันยังไม่มั่นคง มีหนี้มีสิน มันเรื่องจิตเรื่องใจ ถ้าเรายกเลิกตัวตนความมั่นคงมันเกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจ เราก็คิดไปอย่างนั้นสุดท้ายก็ได้ประชุมเพลิง แล้วลูกหลานก็พากันมาร้องไห้ พากันมาอาลัยอาวรณ์ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง คือเปรต คือยักษ์ คือมาร คืออสุรกาย
ความไม่เข้าใจคิดว่าเราเป็นคฤหัสถ์แล้วปฏิบัติไม่ได้ คิดว่าเราเป็นพระวัดบ้านปฏิบัติไม่ได้ เราเป็นพระ เป็นนักเรียนนักศึกษามันปฏิบัติไม่ได้ อันนี้มันเป็นความไม่เข้าใจ ตัวตนมันปฏิบัติไม่ได้ต่างหาก เราไม่เข้าเราจะให้มันสงบจากสิ่งที่ไม่มีอยู่ อย่างนี้มันเป็นความเสียหาย มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ตัวตนเป็นที่ตั้ง ตัวตนเป็นที่ตั้งศาสนาก็จะหายไป เหลือแต่ปรัชญา เหลือแต่จิตวิทยา ทุกๆ คนให้พากันเข้าใจ มีความสุขในมีความสะดวกสบายเป็นคนรวยก็อย่าพากันก๋ากันกร่าง เพราะตัวตนของเราทุกคนนั้นถูกครอบงำด้วยพระไตรลักษณ์ คือความจริง เพราะทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เรามีความเกิด ความแก่ มีความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก เราอย่าพากันก๋าอย่าพากันกร่าง เราต้องเห็นความถูกต้องเป็นหลักเป็นสิ่งสำคัญ ที่พูดอย่างนี้ก็เพื่อจะให้คนรุ่นใหม่สมัยใหม่ นักวิทยาศาสตร์ เมื่อเรามีปัญญาทางเหตุผล มีปัญญาทางวิทยาศาสตร์ เราต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน หมู่มวลมนุษย์จะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ ทั้งทางกายทั้งทางใจไปพร้อมๆ กัน อย่างนี้ถึงจะสงบเย็นเป็นมรรคเป็นผลเป็นพระนิพพาน เพื่อเราจะได้หยุดสายแห่งวัฏฏะสงสารทั้งกายทั้งใจ คนรุ่นใหม่สมัยใหม่ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นความหลงครองใจให้เราหลงขยะ เพราะทุกอย่างเราต้องมีพุทธะ เพราะอาคันตุกะเขามาเยี่ยมเรา มันก็ต้องจากไป พุทธะต้องมีกับเราทางจิตใจและทางวัตถุไปอย่างนี้
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee