แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ใน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระธรรม ตอนที่ ๔๙ วันมหาสงกรานต์ ให้ชีวิตเบิกบานด้วยปัญญาความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมวันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
หลักความเข้าใจ ความเห็นที่ถูกต้อง การดำเนินชีวิตของเราทุกๆ คน ตั้งแต่ต้นจนอวสานของอายุขัยของร่างกายและจิตใจ พระพุทธเจ้าให้เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ใจของเราก็ไม่ยิ่งหย่อน วัตถุของเราก็ไม่ยิ่งหย่อน เราทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาธรรมะนำชีวิต ยกเลิกตัวยกเลิกตน มีความรู้ความเข้าใจ แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ วันหนึ่งคืนหนึ่งของมนุษย์มี ๒๔ ชั่วโมง เวลานอนต้องนอนหลับสนิท ๖ ชั่วโมง เวลาตื่น ๑๘ ชั่วโมง เราต้องมีความสุขในการยกเลิกตัวยกเลิกตน ไม่เอาตัวตนนำชีวิต แต่เอาธรรมะนำชีวิต เราตื่นขึ้นมาเราต้องมาเสียสละ มีความสุขในการเสียสละ เสียสละตัวตน มีความสุขในการทำงาน อันไหนไม่ดีไม่คิด อันไหนไม่ดีไม่พูด อันไหนไม่ดีไม่ทำ เพราะทุกคนต้องมีความสุขในการทำงาน ในการเสียสละ ชีวิตนี้ถึงเรียกว่าอริยมรรค เดินอยู่บนทางที่ประเสริฐที่ยกเลิกตัวยกเลิกตน
ทุกท่านทุกคนต้องพากันปฏิบัติอย่างนี้ จะเป็นเด็กหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ คนแก่ คนเฒ่า นักบวช ก็ต้องพากันทำอย่างนี้ พากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างนี้ ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความถูกก็คือความถูก ความผิดก็คือความผิด ให้เน้นที่ใจที่เจตนาของเราทุกๆ คน เพราะทุกคนต้องพากันมีสัมมาทิฏฐิ พากันรู้ดีรู้ชั่วรู้ผิดรู้ถูก การเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ก็เพื่อให้ทุกคนมีสัมมาทิฏฐิ รู้ดีรู้ชั่วรู้ผิดรู้ถูก เพื่อเราจะได้มีสัมมาทิฏฐิในทางจิตใจ มีคุณธรรมในการดำเนินชีวิต พัฒนาทางจิตใจ พัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ชีวิตของเราจะได้เอาความถูกต้องนำ เรียกว่าเอาปัญญานำการปฏิบัติ ปัญญาเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ทางจิตใจและความดับทุกข์ทางวัตถุ
เราทุกคนต้องยกเลิกตัวยกเลิกตน อย่าให้ใจของเรามีตัวมีตน ถ้ามีตัวมีตนมันก็ย่อมมีอคติทั้ง ๔ การดำเนินชีวิตของเราทุกคนที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าทุจริต การที่เราจะแก้ไขทุจริต เราทุกคนต้องมายกเลิกตัวยกเลิกตน มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการปฏิบัติธรรม เมื่อเรายกเลิกตัวตน สมองของเรามันจะไม่สับสนทันที ศีลสมาธิปัญญา จะเกิดขึ้นกับเราทันที เพราะเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันจะเป็นความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ ในชีวิตของเรามันจะมีข้อสอบมีข้อตอบกับผัสสะ กับสิ่งที่มาเกี่ยวข้อง ใจของเราทุกคนจะรู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์อยู่ที่ปัจจุบัน การประพฤติการปฏิบัติของเรานั้นอยู่ที่ปัจจุบันนะ เหมือนนักกีฬานี่แหละ นักกีฬานั้นมีการซ้อม มีการวอร์ม ใช้เวลาเป็นแรมเดือน แรมปี ปัจจุบันเราต้องคิดให้ถูกต้อง พูดให้ถูกต้อง ทุกอย่างต้องถูกต้อง มาแก้ไขที่ปัจจุบัน ตัวตนของเรานี้คือความเพลิดเพลิน คือความประมาท ทุกคนคิดในใจว่าค่อยเป็นค่อยไป ปีหน้าเราถึงจะเอาจริงเอาจัง นี่คือสีลัพพตปรามาส คือลูบคลำในศีลในข้อวัตรในข้อปฏิบัติ คนที่คิดอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ย่อมพลาดโอกาส ไม่มีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติ แล้วความคิดอย่างนี้มันก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ จนไปจบลงตรงที่คนอื่นเขามาประชุมเพลิงให้ตัวเราเอง ปัจจุบันนี้มันมีข้อสอบ เราก็ต้องมีข้อตอบในปัจจุบัน เหมือนรู้จักเมล็ดพันธุ์เล็กๆ เมื่อเราปล่อยไว้หลายปีมันก็สูงตระหง่านฟ้า เราต้องพากันรู้ทุกข์รู้เหตุให้เกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ที่อยู่ในปัจจุบัน ทุกๆ คนต้องพากันปฏิบัติตัวเองแก้ไขตัวเอง มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ทางกายเราก็ปฏิบัติเต็มที่ ทางวาจาเราก็ปฏิบัติเต็มที่ กิริยามารยาทเราก็ปฏิบัติเต็มที่ ใจของเราก็เต็มที่อยู่ที่ปัจจุบัน ยกเลิกตัวยกเลิกตน มีความสุขในการประพฤติ การปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบัน
การยกเลิกตัวตนเรียกว่าการพักผ่อน เพราะตัวตนเป็นภาระหนัก พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า เป็นผู้แบกของหนักพาไป พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ยกเลิกตัวตนท่านจึงมีความสุข วันหนึ่งคืนหนึ่งท่านทรงบรรทมวันละ ๔ ชั่วโมง ทำงานเพื่อเสียสละเพื่อคนอื่นวันละ ๒๐ ชั่วโมง เพราะการยกเลิกตัวตนมันมีความสุข ให้ทุกคนมีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราทุกคนจะได้แก้ปัญหาให้กับตัวเอง เมื่อก่อนเรามีความเห็นผิดความเข้าใจผิด เราไม่ไปแก้ที่ต้นเหตุ แต่จะไปแก้ที่ปลายเหตุ อย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสอริยสัจ ๔ ให้พวกเราเข้าใจ ท่านจะพูดเรื่องทุกข์ก่อน แล้วก็เหตุให้เกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ส่วนนิโรธมันเป็นผล ทุกข์เพราะเรามีความเห็นผิด ความเข้าใจผิด ทุกข์เพราะเรามีตัวมีตน เมื่อเรามีตัวมีตนนั่นแหละ เมื่อเรามีตัวมีตนนั่นน่ะมีข้อสอบแล้ว ข้อตอบคือเราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายพากันพูดกันคุยกัน วิพากษ์วิจารณ์กันว่า การปฏิบัติมันเป็นเรื่องยาก การปฏิบัติธรรมยากเพราะอะไร ยากก็เพราะว่าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมยกเลิกตัวตน มันเลยเป็นของยาก ความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ให้ทุกคนเข้าใจนะว่าคือตัวตน พระพุทธเจ้าตรัสว่าทาง ๒ ทาง คือชอบ ไม่ชอบ เราต้องรู้จักหน้ารู้จักตาว่า คือตัวตน เราต้องรู้จัก เราอย่าเอาความชอบความไม่ชอบเป็นที่ตั้ง เราต้องยกเลิกความชอบความไม่ชอบ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่มีอยู่ รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเป็นสิ่งที่มีอยู่ เราจะเอาชอบไม่ชอบไม่ได้ เพราะความชอบไม่ชอบคือตัวคือตน เมื่อเรามีตัวมีตน มันก็ต้องมีปัญหาอย่างนี้แหละ ตัวตนที่แท้จริงนั้นมันไม่มี มีแต่เหตุมีแต่ปัจจัย เมื่อเรามีความหลง ความไม่เข้าใจ วัฏสงสารวัฏวนจึงมีกับเราทุกๆ คน เราจะเอาความชอบ ความไม่ชอบ มันจะไปไหนได้ มันก็วนอยู่อย่างนี้แหละ ผู้ปฏิบัติธรรมต้องรู้หลักการ เราต้องมีสัมมาทิฏฐิ เราทุกคนยกเลิกตัวยกเลิกตน ยกเลิกตัว ยกเลิกตนให้มัน 100% เราทุกคนถึงจะได้สัมผัสกับพระพุทธเจ้า ได้สัมผัสกับพระอรหันต์ได้ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็เข้าถึงพระพุทธเจ้าไม่ได้ เข้าถึงพระอรหันต์ไม่ได้
ความเป็นพระศาสนามีอยู่กับเราทุกคน ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเราเป็นนักบวช เราเป็นฆราวาส จะอยู่ประเทศไหน นับถือศาสนาอะไร ทุกคนก็เป็นพระศาสนาได้ พระศาสนาได้แก่ยกเลิกตัวยกเลิกตน ที่ศาสนามีชื่อแตกต่างกันนั้น ก็เหมือนคนในโลก 8,000 ล้านคน ที่มีชื่อคนละอย่างแตกต่างกันไป เพราะเราต้องเอาสมมติมาใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย ชื่อ แซ่ของเรา ตำแหน่งที่แต่งตั้งทั้งหลาย ให้เราเข้าใจว่าเพื่ออำนวยความสะดวกสบายทางวัตถุ เหมือนเขาแต่งตั้งบุคคลแสดงภาพยนตร์ แสดงละคร อันนี้คือตำแหน่งที่แต่งตั้ง เพื่อทุกคนจะได้เอาตำแหน่งนี้มาปฏิบัติธรรมมาทำงาน มามีความสุขในการเสียสละ ที่เราได้รับตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ เราเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ยกเลิกตัวยกเลิกตน เราเป็นอาจารย์ก็ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ยกเลิกตัว ยกเลิกตน เป็นทหารเป็นตำรวจ เป็นข้าราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ยกเลิกตัวยกเลิกตน เพราะเป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งให้ทุกคนเสียสละ ตำแหน่งที่พระเจ้าอยู่หัวแต่งตั้งก็เพื่อให้มาเสียสละ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่รับมอบหมายจากโลกจากสังคม ก็ให้เรามาเสียสละ ละตัวละตน ให้ทุกคนเข้าใจ เราถึงจะเข้าถึงโครงสร้างที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้อง ไม่อย่างนั้นไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือทุจริต ให้เราเข้าใจความหมายนะว่า ตัวตนคือทุจริต ทุกคนเมื่อมีความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันไม่มีความทุกข์นะ ถ้าเรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ยกเลิกตัวยกเลิกตน เพราะความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มันไม่ได้เพิ่ม ไม่ได้ตัด เราเอาตัวตน เดี๋ยวเราก็มาเพิ่มมาตัด มันเป็นสิ่งที่เวียนหัว มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้อง อยากจะมีความสุขของมนุษย์ มันต้องมีสัมมาทิฏฐิทางวัตถุทางจิตใจ ทั้งสองทางไปพร้อมๆ กัน พัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ความสะดวกสบาย เราต้องเข้าใจว่า ความดับทุกข์คือนิพพาน คือศานติ มันอยู่ที่ยกเลิกตัวตน มันเป็นแอร์คอนดิชั่น มันเป็นความสงบอบอุ่น มันจะไม่มีล็อกแล็ก มองดูหน้าล็อกแล็ก มันจะไม่มีใจล็อกแล็ก มองดูหน้าล็อกแล็ก เอาตัวเอาตน ใจก็เป็นขโมย ใจมันทุจริต เพราะเราวิ่งตามความหลง
ถึงเทศกาลสงกรานต์ก็พากันกลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ ไปหาครอบครัว วิ่งตามความหลงไปหาอาหาร หลงเพลิดเพลินไปกับสิ่งภายนอก ความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันแก้ที่ตัวเอง พัฒนาใจพัฒนาวัตถุ พัฒนาวิทยาศาสตร์ของเราที่ปัจจุบัน เพราะใจของมนุษย์พัฒนาได้ วิทยาศาสตร์พัฒนาได้ ความทุกข์มันก็ไม่มี เพราะเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ยกเลิกตัว ยกเลิกตน มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เพราะเรามีสัมมาทิฏฐิ ยกเลิกความหลง ถ้าเอาความหลงเป็นที่ตั้ง เขาเรียกว่ามันเป็นกาฝากให้กับครอบครัวของเรา กาฝากของสังคม กาฝากของประเทศ ผู้ที่มาบวชก็เป็นกาฝากของสังคม เป็นกาฝากของพระศาสนา ทุกๆ คนมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เสียสละกันทุกคน มันก็ไม่หนักคนใดคนหนึ่ง เพราะทุกคนมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการทำงานพัฒนาใจพัฒนาเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ให้เต็มที่
พระนิพพานเป็นสิ่งที่ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ว่างจากตัวจากตน ต้องเข้าใจอย่างนี้ ตัวตนนั่นแหละคือสีลัพพตปรามาส ตัวตนนั่นแหละมันทำให้สงสัยไม่จบ ความสงสัยอยู่อย่างนั้นแหละ ฟุ้งซ่านอยู่อย่างนั้นแหละ ตัวตนก็เผาเราทุกคน ยืนก็เผาเรา นั่งก็เผาเรา ต้องเข้าใจ อดีตที่ผ่านมาทุกคนให้พากันเข้าใจนะ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป ให้มันเป็นบทเรียน ลบให้เป็นศูนย์ เราต้องมีสติสัมปชัญญะให้สมบูรณ์ในปัจจุบันให้ดี ยกเลิกตัวตน สิ่งที่เป็นอดีตไปแล้วยกเลิกสู่พระไตรลักษณ์ มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อวิชชาความหลงก็ยิ่งเจริญ ยิ่งแก่กล้าไปเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันเป็นฐานของอนาคต เพราะปัจจุบันเราคิดอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร มันก็จะเป็นฐานของอนาคตที่จะเป็นอย่างนั้นๆ ที่ท่านเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท ถ้าเรายกเลิกตัวตนมันก็จะไม่มีปัญหา มันก็จะดับเย็นเป็นพระนิพพาน การปฏิบัติของเราต้องปฏิบัติต่อเนื่องให้เป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำ ให้เป็นทะเล เป็นมหาสมุทร อยู่ที่ปัจจุบัน ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีที่มาอำนวยความสะดวกความสบาย พัฒนามามันก็ทันสมัย มันให้ความสุข ความสะดวกความสบาย พระพุทธเจ้าให้เราพิจารณาสิ่งเหล่านี้สู่พระไตรลักษณ์ ทุกอย่างไม่แน่ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พิจารณาสู่พระไตรลักษณ์ ไม่ติดไม่หลง ในสิ่งที่มันเป็นวัตถุที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบาย ให้พากันมีสติสัมปชัญญะ สิ่งที่ผ่านไป ๑ นาที ๑ ชั่วโมง ๑ วันมันก็ผ่านไป เราก็ต้องพิจารณาสู่พระไตรลักษณ์ เพราะความเห็นผิดความเข้าใจผิด ทุกคนจะไม่มีใครเลยที่อยากจะพากันพิจารณาทุกสิ่งที่สะดวกสบายสู่พระไตรลักษณ์ ทุกคนก็เอาแต่ความสงบ ความสงบก็มีตัวมีตนเป็นพื้นฐานแบบหินทับหญ้า ความเห็นผิดความเข้าใจผิดมีตัวมีตน ออกจากสมาธิเมื่อไหร่เมื่อถูกโลกธรรมเล่นงานก็ยิ่งกว่าโดนฟ้าผ่าอีก เราต้องเข้าใจ ทุกคนอย่าลืมว่าเป็นสภาวะธรรม อายุขัยอยู่ได้ก็ไม่เกิน ๑๒๐ ปี นี่ให้อย่างมากเลย เมื่อเอาตัวตนติดในความสุข ความสะดวกความสบาย ความร่ำรวย ลูกหลานรวมญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล ตัวตนก็เรียกว่าโลกธรรม ถูกโลกมันกระทำ ตัวตนมันก็ครอบงำธรรมะอยู่ มันเป็นความบอดสนิท
พระพุทธเจ้าให้หมู่มวลมนุษย์พากันพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครเลยที่อยากพิจารณาทุกอย่างสู่พระไตรลักษณ์ ยิ่งมีความสุขก็ยิ่งดี ยิ่งสวยยิ่งหล่อก็ยิ่งดี ยิ่งอร่อยก็ยิ่งดี สิ่งเหล่านี้มีอยู่ แต่พุทธเจ้าให้พิจารณาสู่ไตรลักษณ์ เพื่อจิตใจของเราจะได้ไม่หลง เราจะคิดว่ารู้แล้ว อีกหลายปีแก่เฒ่าชราค่อยว่ากัน ค่อยจัดการ อันนี้เป็นสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีล ในข้อวัตรข้อปฏิบัติ พระพุทธเจ้าตรัสว่ามนุษย์หลงเพลิดเพลินในความสุข เทวดาหลงเพลิดเพลินในความสุข ยิ่งพรหมก็ยิ่งหนักลงในความสงบ ไม่ยอมภาวนา จิตใจสู่พระไตรลักษณ์เลย ความเห็นผิด ความเข้าใจผิดเนี่ยเป็นความฉิบหาย
อย่างการสอนธรรมะ การแสดงธรรมะเพื่อให้ญาติโยมมุ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เพื่อสร้างบารมี แต่ว่าไม่ได้เน้นเรื่องความบริสุทธิ์ที่เป็นทานบริสุทธิ์ ศีลบริสุทธิ์ ปัญญาบริสุทธิ์เนี่ย ไปสอนว่าเพื่อผลประโยชน์ เพื่อตัวตน เป็นการสอนที่ฉิบหาย ทำให้โลกเสียหาย อย่างสอนว่า การให้ทานจะมีสวรรค์วิมานรองรับ ทานมากถวายมากมีสุคติเป็นที่หวัง อันนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ผู้ที่ติดอยู่ในตัวตนน่ะพากันสอน สอนอย่างนี้ก็เพิ่มความหลงให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ปกติก็หลงอยู่แล้ว เพิ่มความหลงเข้าไปอีก พวกนายทุนก็อยากจะลงทุน ข้าว ๑ จาน กลายเป็นหลายร้อยจาน หลายพันจาน สร้างสวรรค์ สร้างวิมานรองรับ สบายนั่น สบายนี่ ในอนาคตจะได้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี แต่ว่าไม่ได้สอนธรรมมะที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อริยสัจ ๔ เลย ความสุขของมนุษย์อยู่ที่ยกเลิกตัวตน ยกเลิกตัวตนคือศีล ยกเลิกตัวตนคือสมาธิ ที่เราพากันนั่งสมาธิ ๑ ชั่วโมงนี้ก็เป็นการยกเลิกตัวตนชั่วคราว ยกเลิกอดีต ยกเลิกอนาคต มันก็ว่างจากตัวตน เรานั่งสมาธิก็เครียดก็เพราะว่าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เข้าได้บางครั้งบางคราวก็เพราะมีตัวมีตน ก็ต้องเข้าใจนะ
เราต้องให้ทาน รักษาศีล ทำสมาธิ เจริญปัญญา ก็คือพิจารณาทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ทุกคนไม่ต้องมองหาพระที่ไหนหรอก เพราะว่าพระนี่อยู่ที่ใจของเราทุกคน พระศาสนานี้อยู่กับมนุษย์ผู้ที่ประเสริฐที่เกิดมา ศาสนาไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ศาสนาคือความดับทุกข์กาย ดับทุกข์ใจ เป็นความสงบอบอุ่นเยือกเย็น เราทุกคนมองโครงสร้างศาสนาอย่างนี้ เราจะได้ตั้งเป้าหมายชีวิตเรียกว่าสัมมาทิฏฐิ เราจะได้ลดความเครียดลง เพราะเสขะบุคคลที่ยังมีตัวมีตน ก็จะได้ลดความเครียดลง ผู้ที่ยกเลิกตัวตนแล้วก็ไม่เครียด เพราะว่ารู้อริยสัจ ๔ ทุกคนยกเลิกตัวตนก็เก่งทุกคน นอกจากว่าจะเป็นบ้า ยกเลิกตัวตนก็ฉลาดทุกๆ คน อยู่วัดอยู่บ้านก็พากันปฏิบัติอย่างนี้ อย่าเอาตัวตนดำเนินชีวิต ให้เอาธรรมะดำเนินชีวิต ถ้าเรายกเลิกตัวตน เราก็ไว้วางใจตัวเอง คนอื่นก็วางใจเรา เหมือนกับสมัยก่อนพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ตอนที่หลวงปู่มั่นยังมีชีวิตอยู่ หลวงปู่มั่นท่านเอานิพพาน 100% ลูกศิษย์ลูกหาก็ไว้วางใจไม่ต้องคิดอะไร เพราะหลวงปู่มั่นดำเนินชีวิตโดยเอาธรรมวินัยเป็นหลัก ยกเลิกตัวยกเลิกตน พระเณรก็ไม่ลังเลสงสัย ประชาชนก็ไม่ลังเลสงสัย
ผู้ที่เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง ถ้าไปถามว่า ท่านบวชแล้วจะสึกไหม ท่านก็จะตอบว่า ไม่แน่ เพราะว่าตัวตนน่ะมันไม่แน่ ถ้าเรายกเลิกตัวตนมันจะลาสิกขาได้อย่างไร มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ยกเลิกตัวยกเลิกตน มันจะลาสิกขาได้อย่างไร ถ้าไม่เอาความถูกต้องเรียกว่าลาสิกขาแล้ว ถึงจะปลงผมห่มผ้าเหลืองก็ถือว่าลาสิกขาแล้ว ร่างกายไม่ได้ปาราชิก แต่ว่าหัวใจปาราชิก คนที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือคนหัวใจปาราชิก ไม่ต้องไปมองหาที่ไหน มองดูที่หัวใจตัวเองนี่แหละ เมื่อว่างจากมรรคผลพระนิพพาน เป็นตาลยอดด้วน เอาตัวเอาตน มันก็สงสัยนั่นสงสัยนี่ ต้องอาบัติปาราชิกหรือเปล่า ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือเปล่า เพราะตัวเพราะตนนี่แหละ ก็สงสัยว่าพระอุปัชฌาย์บริสุทธิ์หรือเปล่า สวดถูกต้องตามหลักมคธหรือเปล่า มันต้องเข้าใจว่า ถ้าไม่ยกเลิกตัวตน บุคคลนั้นก็หัวใจปาราชิก ผู้ที่มาบวชแล้วเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจปาราชิก เพราะว่ามันเน้นมาที่ใจที่เจตนา เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจก็มีผัวมีเมียมีลูกมีหลานทั้งวันทั้งคืน ตัวตนคือภพชาติ ตัวตนคือยักษ์มาร เปรต ผี อสุรกาย สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน ต้องรู้จัก มันไม่ได้อยู่ใกล้อยู่ไกลหรอก อยู่ในใจของเราในปัจจุบันนี้
ทุกคนต้องมีสติสัมปชัญญะ คนเราไม่ต้องทำอะไร ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ ที่เป็นสัมมาทิฏฐิมันยกเลิกตัวตนไปในตัว สติสัมปชัญญะที่เป็นสัมมาทิฏฐินี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ยกเลิกตัวยกเลิกตน ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญ มีความสุขในการรักษาศีล มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการทำสมาธิภาวนา พิจารณาสู่พระไตรลักษณ์ เราเป็นเสขะบุคคล เราต้องรู้โครงสร้างชีวิตของเราอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราดูตัวอย่าง แบบอย่าง พระกรรมฐานสายหลวงปู่ชา สายหลวงตามหาบัว สายหลวงปู่ศรี มหาวีโร หรือว่าท่านพระอาจารย์พุทธทาส สายไหนที่ว่ามันเสื่อม ที่หลงขยะก็เพราะว่าเอาตัวตนเป็นหลัก หลงในลาภสักการะ เสียงสรรเสริญเยินยอ ยกเลิกธรรมวินัย พระที่บวชอยู่ด้วยกันก็ไม่มีความไว้วางใจ เพราะว่าเห็นครูบาอาจารย์ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ตกอยู่ในอคติทั้ง ๔ เอาแต่โลกธรรมครองใจ ฐานของชีวิตมันก็เปลี่ยน เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ฐานชีวิตมันก็เปลี่ยน ถึงแม้ครูบาอาจารย์สายนี้จะมีสาขาเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ละสายก็หลายร้อยสาขา การปฏิบัติมันก็เพี้ยนไป มันขาดจุดยืน ขาดสัมมาทิฏฐิ ขาดความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง วัดวาอารามกลายเป็นแหล่งซ่องสุม ตัวตนเนี่ยคือแหล่งซ่อมสุม ให้เข้าใจนะ พวกโจร ยักษ์ มาร เปรต ผี อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เนี่ยไม่ต้องหาไกล แต่หาที่ใจของเราทุกๆ คน ที่พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ว่าให้ใคร แต่ให้ทุกคนเข้าใจ จะได้เห็นความผิดพลาดที่ผ่านมา กาลเวลาผ่านไปหลาย ๑๐ ปี กว่าจะรู้ตัวเองก็เสียหายมาก เป็นประชาธิปไตยเอาตัวตนเป็นที่ตั้งกันทั้งประเทศ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ถูกต้องนะ
เมื่อสมัยก่อนหลวงปู่ชาท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มุ่งมรรคผลพระนิพพาน พูดธรรมะออกจากใจ ออกจากพระนิพพาน ชาวบ้านชาวชนบทก็พากันมาขอให้หลวงปู่ชาส่งพระไปอยู่ที่ป่าช้าบ้าง ที่ป่าสงวนบ้าง ในเขตบ้าน ในเขตชุมชนของตัวเอง เมื่อพระออกไปอยู่ การปฏิบัตินี่เข้มข้น ทุกคนก็ทำเหมือนหลวงปู่ชา ทุกคนก็มีความสุขไปทุกหนทุกแห่ง แต่ว่าเมื่อเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็เริ่มเพี้ยนจากหลวงปู่ชา ความประมาทเนี่ยเป็นความเริ่มต้นของความเพี้ยนของชีวิต เมื่อมันเริ่มเพี้ยนจากหลวงปู่ชา ผู้คนก็ไม่มีความสุขที่จะไป เพราะว่าที่ไหนมันก็บุคคลไม่สัปปายะ ธรรมะไม่สัปปายะ แม้อาหารสัปปายะ เสนาสนะสัปปายะอยู่ เราจะแก้ปัญหาอย่างไรเล่า เมื่อเราไม่มีประสบการณ์ว่าเอาตัวตนไม่ได้ ต้องยกเลิกตัวตน พวกเรียนมาก เข้าใจมาก เรียนสูงเนี่ยก็ยิ่งเป็นโจรใหญ่ เป็นโจรมากกว่าพวกที่ไม่ได้เรียน พวกที่ยากจน เราจะไม่ได้พัฒนาใจ พัฒนาวัตถุ ที่เอาธรรมะไปพร้อมๆ กัน โลกนี้ก็จะมีแต่สีดำ อย่างกลางๆ ก็สีเทา เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งก็ย่อมมีปัญหา
พุทธศาสนาขยายไปทางฝั่งยุโรป ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ทางยุโรปก็ยิ่งเป็นแก๊งใหญ่ เพราะว่ามีคนที่มีปัญญามาก มีความรู้มากมีการศึกษามาก ผู้ที่จะไปเผยแผ่ศาสนาก็ให้โฟกัสมาที่การยกเลิกตัวยกเลิกตน เอานิพพาน 100% ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน บ้านไหน เมืองไหน ถ้ายกเลิกตัวตนบ้านเมืองนั้นก็สงบเย็น มีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง แม้จะมีคนมากมาย วัตถุมากมาย ตึกสูงตระหง่านเสียดฟ้า ความสงบวิเวกก็อยู่ที่นั่น อยู่ทุกหนทุกแห่ง เพราะว่าสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีนิพพานทางจิตใจ นิพพานทางวัตถุ ความเห็นถูกต้องว่างจากตัวตนอย่างนี้ เมื่อเราไม่พากันปฏิบัติเพื่อยกเลิกตัวตน เป็นได้เพียงสมาธิ มันไม่ใช่ ไม่เข้าถึงพระนิพพาน ถ้าพระพุทธเจ้าพาทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ให้เข้าใจ นี่เราไม่ตามพระพุทธเจ้านะ ตามความหลง มันจะดับทุกข์ได้อย่างไร ที่แล้วก็แล้วไปนะ ให้ทุกคนมีความสำนึกในแผ่นดิน ในศาสนา พ่อแม่ บรรพบุรุษ เพื่อเราทุกคนต้องเอาธรรมะเป็นที่ตั้ง ความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่สำคัญ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง ความกตัญญูกตเวทีก็ไม่มี เอาตัวเอาตนอย่างพระเจ้าอชาตศัตรู เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งก็ปลงพระชนม์พระราชบิดา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็ทำลายความดี ทำลายมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง หลังจากเจ้าชายอชาตศัตรูได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอชาตศัตรูแล้ว พระเทวทัตก็ยังคงทูลยุยงว่า พระเจ้าพิมพิสารจะเป็นภัยแก่ราชสมบัติได้ในอนาคต ควรจะปลงพระชนม์เสีย พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทรงส่งพระบิดาไปคุมขังไว้ในห้องขัง รมด้วยควันไฟ อีกทั้งให้อดพระกระยาหาร ในเบื้องต้นพระเจ้าอชาตศัตรูอนุญาตให้พระมารดาเข้าเยี่ยมพระบิดาได้ แต่พระมารดาแอบลักลอบถวายพระกระยาหาร ด้วยวิธีการน่าสังเวชสลดใจทั้งสิ้น เช่น ทำอาหารให้ละเอียดที่สุดแล้วทาที่พระวรกายของพระนาง เมื่อเข้าไปเยี่ยม ก็ถวายพระกระยาหารโดยให้พระเจ้าพิมพิสารเลียอาหารจากพระวรกาย เป็นต้น ด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้ พระเจ้าพิมพิสาร ก็ยังคงทรงพระชนม์ชีพได้ ในเวลาถัดมา พระเจ้าอชาตศัตรูก็สั่งพระมารดาไม่ให้เยี่ยมพระบิดาอีกต่อไป
พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งทรงเป็นพระโสดาบันบุคคล ก็ยังคงดำรงพระชนม์ชีพได้ด้วยปีติสุขอันเป็นความสุขประกอบด้วยมรรคผลจากการเดินจงกรม อีกทั้งพระองค์ยังสามารถมองเห็นพระคันธกุฎีที่พระพุทธองค์ทรงประทับบนยอดเขาคิชชกูฎ พระเจ้าพิมพิสารจึงยังคงอยู่ได้ แม้ไม่ได้เสวยพระกระยาหาร อีกทั้งปีติสุขยังทำให้พระวรกายกระปรี้กระเปร่า เปล่งปลั่งอีกด้วย
เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูทรงทราบเรื่อง จึงรับสั่งให้ช่างตัดผม เอามีดโกนกรีดฝ่าพระบาททั้งสองข้างของพระเจ้าพิมพิสารเอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วยถ่านไม้ตะเคียนที่กำลังคุแดงอีกต่อหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารทรงเกิดทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าไม่นานนักก็สวรรคต
ในวันที่พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต พระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูก็ประสูติพอดี พระเจ้าอชาตศัตรูทรงบังเกิดความรักพระโอรสอย่างลึกซึ้ง ทั้งทรงตระหนักในพระทัยว่า พระราชบิดาของพระองค์ ก็ทรงมีความรักต่อพระองค์ไม่แตกต่างกับที่พระองค์ทรงมีต่อพระโอรส พระเจ้าอชาศัตรูทรงสำนึกในทันทีว่า พระองค์ได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง จึงมีรับสั่งให้ปล่อยพระราชบิดา
แต่อำมาตย์ได้ถวายรายงานว่า พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต เสียแล้วข่าวนี้ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูทรงทุกข์โทมนัสอย่างสุดซึ้ง เมื่อทรงทราบความเป็นไปดังนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงกันแสง เสด็จไปเฝ้าพระมารดา ทูลว่า “ข้าแต่เสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉันเกิด พระบิดาของหม่อมฉันเกิดความรักหม่อมฉันหรือไม่ ?”
พระนางเวเทหิ ผู้เป็นพระมารดามีรับสั่งว่า “เจ้าลูกโง่ เจ้าพูดอะไร เวลาที่ลูกยังเล็กอยู่ เกิดเป็นฝีที่นิ้วมือ ครั้งนั้นพวกแม่นมทั้งหลายไม่สามารถทําให้ลูกซึ่งกําลังร้องไห้หยุดร้องได้ จึงพาลูกไปเฝ้าเสด็จพ่อของลูกซึ่งประทับนั่งอยู่ในโรงศาล เสด็จพ่อของลูกได้อมนิ้วมือของลูกจนฝีแตกในพระโอษฐ์นั้นเอง แต่ทรงกลืนพระบุพโพปนพระโลหิตนั้นด้วยความรักลูก เสด็จพ่อของลูกมีความรักลูกถึงปานนี้”
แม้พระเจ้าอชาตศัตรูจะสำนึกผิดเพียงไร แต่กรรมได้สำเร็จลุล่วงลงไปแล้ว อีกทั้งเป็นอนันตริยกรรมคือปิตุฆาต ผลแห่งกรรมนั้นทำให้พระองค์ร้อนพระทัยและหวาดระแวง กลัวต่อกรรมของตัวเองอย่างยิ่ง จนไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้
พระนางเวเทหิ พระมารดาของพระเจ้าอชาตศัตรู ผู้เป็นกนิษฐภคินีของพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงรู้สึกอดสูเกินกว่าจะอยู่ร่วมกับพระราชโอรสอกตัญญู จึงเสด็จกลับไปประทับอย่างถาวร ณ กรุงสาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล ต่อมาไม่นานก็สวรรคตด้วยความตรอมพระทัย
เมื่อพระญาติและสหายของพระเจ้าพิมพิสาร ได้ทราบเรื่องความโหดร้ายทารุณและอกตัญญูของพระเจ้าอชาตศรัตรู ต่างก็พากันเคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง
พระเจ้าปเสนทิโกศลถึงกับทรงกรีฑาทัพบุกยึดหมู่บ้านกาลิกคามของแคว้นมคธ ส่วนพระจัณฑปัชโชติแห่วแคว้นอวันตี ซึ่งเป็นแคว้นมหาอำนาจด้านตะวันตก ก็ทรงเตรียมทัพบุกมคธเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าอำมาตย์ราชบริพารยังแตกความสามัคคีกันอีกด้วย พระเจ้าอชาตศรัตรูจึงต้องผจญศึกทั้งจากภายในและภายนอกราชอาณาจักร
นับแต่วันที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา ครั้งใดที่พระเจ้าอชาตศรัตรูหลับพระเนตรลงด้วยความหวาดระแวงภัยทุกครั้ง พระองค์จึงไม่อาจบรรทมหลับได้เลยไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน ได้แต่ประทับนั่งเพื่อบรรเท่าความง่วงเท่านั้น
หากแต่ได้พระมหากรุณาของพระพุทธเจ้า โปรดให้พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทำมหากุศลต่างๆ ตลอดพระชนม์ชีพ ก็ยังพอช่วยบรรเทาความรุนแรงของวิบากกรรมไปได้บ้าง ถึงกระนั้น ผลแห่งอนันตริยกรรมก็ห้ามมรรคผลพระนิพพาน
ความกตัญญูกตเวทีเป็นธรรมะของคนดี คนที่ประเสริฐ พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญบารมีหลายล้านชาติ เราจะมาหวังเอาผลประโยชน์จากพระศาสนา หาอยู่ หาฉันเลี้ยงชีพ มันไม่ถูกต้อง ทุกๆ คนต้องกลับมาดูตัวเองว่ามีตัวมีตนหรือเปล่า ผู้ที่มาบวชทุกคนก็พากันเข้าใจ เข้าใจแล้วก็พากันประพฤติปฏิบัติ ยกเลิกตัวตน เราจะได้ดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ จะได้ส่งไม้ผลัดให้กับรุ่นน้อง ประเทศไทยเราเอาธรรมะเป็นหลัก เปิดโอกาสให้บวชชั่วคราวได้ ผู้ที่บวชก่อนก็ต้องปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเป็นสแตนดาร์ดทุกๆ คน เราจะได้ไม่ลังเลสงสัย จะได้ไว้วางใจ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วมีช่องโหว่ เพราะว่าเมตตากลบปัญญา มองข้ามไป ปล่อยให้ผู้ที่ไม่เอามรรคผลนิพพานพากันมาบวช พระพุทธเจ้าถึงให้ระวัง อลัชชีคนเดียวเนี่ย จะทำให้ผู้ที่เป็นเสขะบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เป็นอลัชชี ผู้ที่ไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาปเนี่ย กลายเป็นอลัชชีไปโดยไม่รู้ตัว กลมกลืนไปโดยเป็นธรรมชาติ ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจ ทุกท่านทุกคนต้องปรับตัวเข้าหาเวลาเข้าหาธรรมะ มีความสุขทุกคน ต้องยกเลิกตัวตนทุกคน มีคุณภาพ เข้าสู่มาตรฐานสู่สแตนดาร์ด
พวกคนแก่คนเฒ่า ที่พากันมาอยู่วัด สิ่งภายนอกอาจจะทำไม่ได้ เช่น ข้อวัตร ก็ให้ยกเลิกตัวตน อย่ามีตัวตนเลย ต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ เอาแต่ตัวตน เอาแต่วัตถุ เอาร่ำรวย ห่วงลูก ห่วงหลาน อย่างนี้มันไม่ถูกนี่หน่า มาอาศัยวัดศาสนาเพื่อบำรุงชีวิตชีวา เมื่อตอนแก่เฒ่า แต่แล้วอีกไม่นานก็ตาย เข้าใจว่าค่อยเป็นค่อยไปนะหลวงพ่อ ความคิดอย่างนี้จะคิดไปเรื่อย จนเขามาประชุมเพลิงให้เรานะ ช่างหัวมัน ช่างพ่อช่างแม่ ช่างลูกช่างหลานมัน เอาใหม่ ตั้งใจใหม่ ให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เน้นที่ปัจจุบัน ชีวิตนี้ยังไม่สาย กว่าจะรู้ตัวก็ผมขาวเต็มหัวแล้วหลวงพ่อ ฟันหายหมดปากแล้วหลวงพ่อ ก็ช่างหัวมัน ให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะว่าแม้มีชีวิตอยู่ ๑ วัน ก็ดีกว่าผู้ที่มีความหลงเป็นที่ตั้ง
ขออำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลายผู้ที่เป็นคนดีเป็นผู้ที่ประเสริฐ เป็นผู้ที่มีปัญญา มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มุ่งหวังมรรคผลพระนิพพาน เข้าถึงความสุขความดับทุกข์ ด้วยกันทุกท่านทุกคน ในโอกาสสงกรานต์ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ ให้ทุกท่านทุกคนเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ เดินตามรอยของพระพุทธเจ้า ด้วยกันทุกท่านทุกคน ณ โอกาสนี้ด้วยเทอญ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee