แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระธรรม ตอนที่ ๔๓ ดัชนีความทุกข์ทวีคูณขึ้น ดัชนีความสุขได้ลดน้อยลง ก็เพราะความหลงที่ไม่ได้พัฒนาจิตใจและคุณธรรม
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ประเทศไทยเรานี้ดัชนีความทุกข์มากขึ้นทวีคูณขึ้น ดัชนีความสุขได้ลดน้อยลง ดัชนีความทุกข์เพิ่มมากขึ้น สาเหตุเนื่องมาจากเราพัฒนาแต่ทางวัตถุ เราไม่ได้พัฒนาเรื่องคิดเรื่องใจเรื่องคุณธรรมไปพร้อมๆ กัน เราทุกคนต้องร่วมกันสมัครสมานสามัคคีกัน ถ้าไม่อาศัยความสมัครสมานสามัคคีก็ไปไม่ได้ เพราะนี่เป็นภาพรวมของประเทศของเรา ทั้งส่วนราชการส่วนการเมืองและนักบวชจนถึงประชาชน ต้องอาศัยความสมัครสมานสามัคคีกัน เพื่อจะได้ไปทางเดียวกัน เราจะปล่อยให้ตัวเราเสียหาย ภาพรวมเสียหายอย่างนี้ไม่ได้มันไม่ดี มันมีแต่จะทวีคูณขึ้น การแก้ทุกคนก็ต้องมาแก้ที่ตัวเองนี่แหละ ปรับตัวเองเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลา พัฒนา ๒ อย่างพัฒนาใจพัฒนาวัตถุ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ
การทุจริตโกงกินคอรัปชั่นมันมีอยู่ทุกหมู่เหล่า ทั้งส่วนราชการทั้งส่วนการเมืองและในศาสนา เราดูตัวอย่างแบบอย่างที่ผ่านมา มันไม่ได้มันเสียหาย มันต้องอาศัยความสมัครสมานสามัคคีกัน เราจะไปมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เราดูตัวอย่างอย่างพวกยาม้ายาเสพติด ยิ่งนานวันก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ ดูตัวอย่างแบบอย่างหมวกกันน็อค ตั้งแต่ปี พ.ศ ๒๕๒๒ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๔๕ ปี ก็ยังแก้ไม่ได้ ถือว่ายิ่งทวีคูณขึ้น เรื่องอุบัติเหตุต่างๆ ในเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ เป็นต้น ทำใหมีคนเสียชีวิตและพิการก็ไม่น้อย เราจะเอาแต่ความสงบเอาแต่ตัวตนในระดับหินทับหญ้าอย่างนี้ไม่ได้ จะทำให้ว่างแบบไม่มีปัญญา ตัวตนนี่คือทุจริต มีตัวมีตนทำให้ไม่ปรับตัวเข้าหาเวลาเข้าหาธรรมะ อย่างเก่งก็เป็นเพียงแค่สมาธิแบบหินทับหญ้า ไม่รู้จักพระไตรลักษณ์ การมาบริหารการบ้านการเมือง การมาบวชมาปฏิบัติอย่างนี้ ก็เป็นได้แต่เพียงการแต่งตั้ง เมื่อแต่งตั้งชื่อว่ายังมีตัวมีตนอยู่ ถ้าเรายกเลิกตัวตน มันก็ไม่มีปัญหามันก็ไม่มีความทุกข์
ทุกๆ คนก็ไม่มีเจตนาที่จะไปหลงไปอะไรหรอก แต่ว่ามันหลงทาง ถ้าเราไม่เข้มแข็ง หลายคนก็สมาทานเป็นข้าราชการที่จะทำงานเสียสละ แต่มันก็ติดขี้เกียจขี้คร้าน เพราะมันไม่เสียสละ ว่าเป็นนักการเมืองก็ว่าจะไปช่วย สุดท้ายไปตามรุ่นพี่ รุ่นพี่ก็กิน ทีนี้มันก็ติด ผู้ที่มาบวชก็ รวมถึงไวยาวัจกรมัคนายก มันก็ว่าจะเป็นมัคนายกที่ดี สุดท้ายก็เป็นวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง พระนี้ก็ยังเป็นสามัญชนก็ไปติดในพ่อ ในแม่ บางทีตักอาหารไป อย่างนี้ก็คิดถึงคนที่รู้จัก ก็เม้มอาหารไว้เพื่อให้คนที่รู้จัก ครูบาอาจารย์บางคนจะเป็นพระอริยเจ้าระดับสูงก็ไปไม่ได้ เพราะติดในอะไรอย่างนี้ ถึงมีการมีพรรค มีพวกมีอะไร เพราะว่ามันใจอ่อน วัดทุกวัดมันเสียก็เพราะเจ้าอาวาสใจอ่อน มัคนายกใจอ่อน
คนส่วนใหญ่ก็มีความสงสัยว่า ถ้าทำดีไม่ได้ดี เเต่ทำชั่วก็รวย มีความสงสัยเยอะ คิดว่าข้าราชการเค้าโกงกิน คอร์รัปชั่นเค้าไม่บาปหรอ? เพราะว่านักการเมืองโกงกิน อย่างนี้ไม่บาปหรือ ทำไมล่ะ เห็นทุกคนน่ะ รวยทุกคน พระที่ไม่ได้เอามรรคผลไม่ได้เอานิพพาน ไม่เอาธรรม ไม่เอาวินัยมีเยอะ เเต่ก็ไม่เห็นบาปอะไร เรื่องบาปมันเรื่องจิตเรื่องใจ ทุกหน่วยงาน เเม้เเต่พระเจ้าพระสงฆ์พากันเงินทอนวัดอย่างนี้เป็นต้น บาปนี้มันบาปเเน่ เพราะอันนี้มันเป็นของส่วนรวม ของประเทศ เป็นภาษีอากรของประชาชน พวกกินของสงฆ์มันก็บาปเเน่ มาจากศรัทธาประชาชนจิตใจที่บริสุทธิ์เค้าเสียสละ พวกนี้ยังไม่ตายน่ะ ใจเค้าก็ย่อมเป็นเปรตเป็นผีเป็นอสูรกายเป็นสัตว์นรกอยู่เเล้ว เพราะเงินมันมาจากความเห็นเเก่ตัว เพราะของมาจากความเห็นเเก่ตัว มันไม่ได้มาจากสัมมาอาชีพ อาชีพที่เสียสละ
ภาพรวมของประเทศไทยเรา ถึงจะมีหลายคนมันก็คือคนคนเดียวกันนั่นแหละ คือมีความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากเหมือนกันนั่นแหละ เพราะการปกครองเนี่ย ที่เราอยู่รวบรวมกันในแต่ละประเทศ อยู่ด้วยภาษีอากรของแต่ละคน คนที่ไม่เสียภาษีเลยไม่มี อย่างเราดื่มน้ำทานอาหารใช้ไฟฟ้าใช้ของทุกอย่างที่หักเป็นภาษีอากรของเราทุกคน ผู้ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ อย่างข้าราชการที่ไม่ขวนขวายในการทำงาน ไม่มีความสุขในการทำงาน นี่แหละคือการคอรัปชั่น นี่แหละคือการทอนคือการบั่นทอน ถ้าเราไปโกงกินคอรัปชั่นเหมือนกับที่ข้าราชการนักการเมืองคงกินอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าทอนเขาเรียกว่าถอน อย่างนักบวชที่บวชมาไม่ได้เอามรรคผลพระนิพพาน นี่คือทอนนี่คือทำลาย แล้วให้เข้าใจด้วยว่าผู้ที่มาบวชนอกรีตไม่ได้หมายถึงใครที่ไหน หมายถึงผู้ที่บวชมาโกนหัวห่มผ้าเหลืองแต่จุดมุ่งหมายปลายทางนั้นไม่ได้มุ่งมรรคผลพระนิพพาน มุ่งเพื่อจะเอาพระศาสนาหาเลี้ยงชีพ ถึงจะมีพระอุปัชฌาย์ถูกต้องตามกฎหมาย มีหนังสือสุทธิทำอะไรถูกต้อง แต่ก็ยังถือว่าเป็นนักบวชนอกศาสนาอยู่ เป็นในศาสนาแต่เพียงรูปแบบ เพราะการประพฤติปฏิบัตินั้นยังนอกพุทธศาสนา ไม่ใช่ในพุทธศาสนา
ประชาชนคนในปัจจุบันกำลังเรียกร้องโหยหาประชาธิปไตย แม้แต่ประชาธิปไตยในปัจจุบันพวกเราทุกคนต้องพากันคิด ประชาธิปไตยต้องเอาธรรมะเป็นหลัก การพัฒนาทุกอย่างน่ะถ้าเพื่อตัวเพื่อตน กฎหมายบ้านเมืองออกมามันก็ใช้ไม่ได้ มันก็ใช้ได้สำหรับความวุ่นวาย เหมือนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ ที่พัฒนาวิทยาศาสตร์ไปตามหลักเหตุหลักผลเพื่อตัวเพื่อตน ซึ่งก็ถือว่ายังผิดอยู่ ถามว่า มันจะไปแก้ไขได้หรือ ทั้งประเทศน่ะ? ความรู้ความเข้าใจ นี่คือการเรียนการศึกษา เมื่อเราเข้าใจเราก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทุกคนต้องแก้ตัวเองมีความจำเป็นต้องแก้ตัวเอง ต่างคนก็ต่างแก้ตัวเอง มันก็แก้ได้ อาจจะมีคนสมองไม่ปกติส่วนหนึ่ง กับคนแก่เกิน กับคนป่วยคนไข้อย่างนี้เราก็ดูแลกันไป ถ้าบ้านเราเมืองเราไม่มีการโกงกินคอรัปชั่น ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น ประเทศที่มีศาสนามากที่สุด คือประเทศที่มีการโกงกินคอรัปชั่นน้อยที่สุด ตามสถิติที่จัดอันดับพอสังเขปคือ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สิงคโปร์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ออสเตรเลีย เป็นต้น นั่นแสดงถึงความประพฤติของประชาชนเขาเป็นศาสนามากที่สุด ถ้าถือศาสนาแต่ว่ายังโกงกินคอรัปชั่น ยังไม่ได้เอาธรรมเป็นหลัก ยังไม่ได้เอาธรรมเป็นใหญ่ ก็ถือว่ายังไม่มีศาสนา
นักวิชาการได้แบ่งคอร์รัปชั่นเป็น ๓ ระดับ คือ
๑. การคอร์รัปชั่นระดับบุคคล โดยการคอร์รัปชั่นของบุคคล เป็นคอร์รัปชั่นขั้นพื้นฐาน ที่มีอยู่ทั่วไปในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งมีสาเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก อันได้แก่ความย่อหย่อนในศีลธรรม และคุณธรรม ความขาดแคลน รายได้ไม่เพียงพอ กับรายจ่าย ความอยากได้ใคร่ดีความกลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่น การแข่งขันในทางวัตถุความมักได้ความเคยชิน และความคิดว่าคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติใครๆ เขาก็ทากันทั้งนั้น โดยเริ่ม จากการรับหรือเรียกร้องสินน้ำใจ ค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าซื้อความสะดวก เงินใต้โต๊ะ เพื่อให้เรื่องต่างๆ ดำเนินไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วไม่ติดขัด หากไม่ได้รับเงินพิเศษ หรือการเลี้ยงดู ปูเสื่อ ก็อาจจะเกิดการกักเรื่องหรือกลั่นแกล้งให้เกิดความล่าช้าและความเสียหายได้
๒. การคอร์รัปชั่นระดับสถาบัน คอร์รัปชั่นได้แพร่ขยายเข้าไปสู่สถาบัน กลายเป็นประเพณีปฏิบัติขององค์กร โดยเฉพาะบางองค์กรซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพ่อค้า นักธุรกิจ และ ประชาชน เกิดเป็นระบบหน้าม้าที่รับติดต่อกับองค์กรเหล่านั้นแทนประชาชน เกิดการกินหัวคิว สินบนการส่งส่วย การฮั้วการประมูล ไปจนถึงลูกเล่นพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งส่วนมากคอร์รัปชั่นในระดับสถาบันนี้จะทำกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่และผลประโยชน์กันอย่างเป็นขบวนการ ซึ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานเข้า ก็กลายเป็นการยากที่จะถอนยวงหรือสืบสาวไปถึงตัวใหญ่ได้
๓. การคอร์รัปชั่นในรูประบบ เป็นคอร์รัปชั่นที่อันตรายที่สุด ซึ่งมักจะเป็นการร่วมมือกันของฝ่ายคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย หรือคอร์รัปชั่นเชิงบริหาร เป็นการโกงในระดับชาติโดย นักการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย ก็คือโครงการอภิมหาโปรเจ็คต่างๆ การกำหนดคุณสมบัติของการจัดซื้อจัดจ้างให้ตรงกับของหรือบริษัทที่แอบตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือที่เรียกว่าล็อคสเป็ค รวมถึงการเรียกเงินปากถุงหรือเปอร์เซ็นต์สำหรับการเซ็นอนุมัติ โครงการต่างๆ การดักซื้อที่ดินราคาถูกเพื่อโก่งราคาขายให้รัฐในการสร้างถนนหรือสถานที่ ราชการเป็นต้น
การทุจริตและประพฤติมิชอบมิได้มีแต่ในสมัยนี้เท่านั้น แม้แต่ในสมัยพุทธกาลกว่าสองพันปี มาแล้วก็มีการทุจริตและประพฤติมิชอบเช่นเดียวกัน ดังที่มีการเล่าไว้ในธนัญชานิสูตร ดังต่อไปนี้ ญาติคนหนึ่งของพระสารีบุตรมีชื่อว่าธนัญชานิพราหมณ์ เขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ใน การรับราชการช่วงแรก เขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตเพราะได้ภรรยาที่เป็นสัมมาทิฏฐิคอยตักเตือนเขา แต่ตอนหลังเขาได้ภรรยาใหม่ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม ธนัญชานิพราหมณ์จึงหันมาประพฤติทุจริตต่อหน้าที่ด้วยวิธีการ ๒ อย่าง ดังนี้
วิธีการแรก เขาอาศัยพระราชาปล้นประชาชน คือ อ้างกฎหมายหรือใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาประโยชน์จากประชาชน วิธีการนี้เรียกว่า การฉ้อราษฎร์ วิธีการที่สอง เขาอาศัยประชาชนปล้นพระราชา คือ เบิกเงินจากคลังหลวงโดยอ้างว่าจะนำไปช่วยประชาชนผู้ประสบภัย แต่เงินนั้นไม่ถึงมือประชาชนเพราะเขานำเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน วิธีการนี้เรียกว่า การบังหลวง ต่อมาเมื่อพระสารีบุตรได้พบกับธนัญชานิพราหมณ์ พระเถระได้ถามเขาว่า เขาทำการฉ้อราษฎร์บังหลวงตามที่มีผู้รายงานให้ท่านทราบจริงหรือ ธนัญชานิพราหมณ์รับสารภาพว่าเขาได้ทำเช่นนั้นจริง พระสารีบุตรถามว่า ทำไมจึงทำเช่นนั้น ธนัญชานิพราหมณ์ตอบว่า เหตุที่เขาทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะเขาต้องนำเงินที่ได้จากการทุจริตประพฤติมิชอบไปเลี้ยงดูบิดามารดา บุตร ภรรยา ทาสและกรรมกร
พระสารีบุตรได้ตักเตือนธนัญชานิพราหมณ์ว่า ผู้ทำการทุจริตประพฤติมิชอบตายไปแล้วต้องตกนรก คำแก้ตัวที่ว่าเขาจำเป็นต้องทำการทุจริตประพฤติมิชอบเพื่อนำเงินไป เลี้ยงดูบิดามารดา บุตร ภรรยา ทาสและกรรมกรนี้ฟังไม่ขึ้น
เรื่องเล่าในธนัญชานิสูตรนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีการหนึ่งที่ธนัญชานิพราหมณ์ใช้ฉ้อราษฎร์บังหลวงก็คือ การอาศัยพระราชาปล้นประชาชน นั่นคือบุคคลอย่างธนัญชานิพราหมณ์อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายบ้าง ความหละหลวมในการกำกับดูแลของผู้บังคับบัญชาบ้าง เป็นโอกาสในการ แสวงหาประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ บุคคลเช่นนี้มีปรากฏอยู่ทุกยุคทุกสมัย ดังมีเรื่องเล่า เกี่ยวกับการทุจริตของคนไทยในอดีตว่า สวนสัตว์แห่งหนึ่งได้เสือโคร่งใหม่มาตัวหนึ่ง ผู้อำนวยการสวนสัตว์แห่งนั้นตั้งงบประมาณเป็นค่าอาหารเสือตัวนี้วันละ ๑ บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากในสมัยนั้น ผู้คุมเบิกเงินวันละ ๑ บาทไปซื้อเนื้อมาเลี้ยงเสือ แต่เขาทำการทุจริตต่อหน้าที่ด้วยการเบียดบัง เงิน ๑ สลึงไปเป็นของตน เขาใช้เงินเพียง ๓ สลึงไปซื้อเนื้อมาเลี้ยงเสือทุกวัน ผลปรากฏว่าเสือไม่อ้วนสักที คนที่มาชมสวนสัตว์จึงฟ้องไปที่ผู้อำนวยการสวนสัตว์ว่า งบประมาณค่าอาหารเสือคงไม่พอ ขอให้ตั้งงบประมาณเพิ่ม ผู้อำนวยการสวนสัตว์เป็นคนรอบคอบสุขุม เขาส่งผู้ตรวจการคนหนึ่งไปตรวจดูว่าทำไมเสือจึงไม่อ้วน ผู้ตรวจการคนนี้ไปตรวจดูอยู่สามวันก็รู้ความจริงว่าเงินค่าอาหาร เสือถูกเบียดบังไป ๑ สลึง เขาจึงขอส่วนแบ่งเป็นค่าปิดปากอีก ๑ สลึง เสือได้ค่าอาหารแค่วันละ ๒ สลึง เสือจึงผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ชมสวนสัตว์เห็นว่าเสือผอมจึงร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสวนสัตว์ให้ตั้งงบประมาณค่าอาหารเพิ่ม ผู้อำนวยการสวนสัตว์ก็ส่งผู้ตรวจการระดับสูงไปตรวจดูว่าทำไมเสือจึงผอม ผู้ตรวจการคนนี้ไปตรวจดูอยู่สามวันก็รู้ความจริงว่าเงินค่าอาหารเสือถูกเบียดบังไป ๒ สลึง เขาจึงขอส่วนแบ่งเป็นค่าปิดปากอีก ๑ สลึง ตกลงว่า คนสามคนเบียดบังค่าอาหารเสือไปถึง ๓ สลึง เสือ ได้ค่าอาหารแค่วันละ ๑ สลึง เสือจึงผอมมากเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผู้ชมสวนสัตว์เห็นว่าเสือผอมมากจึงร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสวนสัตว์ให้ตั้งงบประมาณ ค่าอาหารเพิ่มโดยด่วน แต่ผู้อำนวยการสวนสัตว์กลับส่งผู้ตรวจการระดับสูงสุดไปตรวจดูว่าทำไมเสือจึงผอมมาก ผู้ตรวจการคนนี้ไปตรวจดูอยู่สามวันเสือก็ตาย เพราะเขาขอสลึงสุดท้ายเป็นค่าปิดปาก นั่นคือคน ๔ คนเบียดบังค่าอาหารเสือไปจนหมดเสือจึงตาย โคลงโลกนิติได้สรุปเหตุการณ์นี้ไว้ว่า
เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อ มังสา
นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา ไป่อ้วน
สองสามสี่นายมา กำกับ กันแฮ
บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน บาทสิ้นเสือตาย
ในเรื่องนี้ เสือก็คือประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยผู้ใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรม การป้องกันไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นต้องอาศัยการที่พระราชาหรือผู้นำรัฐต้องประพฤติสุจริตธรรมและคอยกำกับดูแลให้คนใต้ปกครองปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตตามไปด้วยทั้งนี้เพราะอาศัยระบบการให้รางวัลและการลงโทษที่เคร่งครัดและเป็นธรรม สมดังพระบาลี ที่ว่า “นิคคัณเห นิคคะหาระหัง ข่มคนที่ควรข่ม ปัคคัณเห ปัคคะหาระหัง ยกย่องคนที่ควรยกย่อง” และพระบาลีในธรรมิกสูตรที่ว่า “คุนนัญเจ ตะระมานานัง อุชุง คัจฉะติ ปุงคะโว” เป็นต้น แปลความว่า “เมื่อฝูงโคข้ามแม่น้ำไปอยู่ ถ้าโคจ่าฝูงไปตรง โคลูกฝูงเหล่านั้นทั้งหมดย่อมไปตรงตาม ในเมื่อโคจ่าฝูงไปตรง ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้น ประพฤติธรรม ประชาชนนอกนี้ย่อมประพฤติธรรมเหมือนกัน”
ธนัญชานิสูตรยังได้แสดงให้เห็นอีกวิธีการหนึ่งที่บุคคลอย่างธนัญชานิพราหมณ์ใช้ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง นั่นคือ เขาอาศัยประชาชนปล้นพระราชา ซึ่งในสมัยปัจจุบันทำกันได้หลายรูปแบบ เช่น การร่วมกับประชาชนบุกรุกป่าสงวนหรือตัดไม้ทำลายป่า การฮั้วการประมูล การทำ สัญญาชนิดที่ทำให้รัฐเสียเปรียบคู่สัญญา รวมทั้งการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งทุกระดับ ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการทุจริตและประพฤติมิชอบเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทน ดังนั้น องค์การสหประชาติจึงกำหนดให้วันที่ ๙ ธันวาคมของทุกปีเป็นวัน ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของโลก โดยรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกพร้อมใจกันที่จะไม่จ่ายและไม่รับสินบน
การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในและนอกวงราชการจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อประชาชนได้รับการปลูกฝังให้มีโลกปาลธรรมคือธรรมเครื่องคุ้มครองโลก ๒ ประการ ได้แก่ ๑) หิริ ความอายชั่ว และ ๒) โอตตัปปะ ความกลัวบาป สมดังพระบาลีที่ว่า “เทฺว เม ภิกขะเว สุกกา ธัมมา โลกัง ปาเลนติ” เป็นต้นแปลความว่า “ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้ย่อม คุ้มครองโลก ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑” ธรรมทั้งสองประการนี้เรียกว่า ธรรมเครื่องคุ้มครองโลกเพราะช่วยประคับประคองให้ระบบศีลธรรมของโลกดำรงอยู่ได้ ถ้าไม่มีธรรมเครื่องคุ้มครองโลกทั้งสองประการนี้มนุษย์ย่อมไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน สมดังภาษิตหิโตปเทศที่ว่า “การกิน การนอน การกลัวภัย และการสืบพันธุ์ทั้งสี่อย่างนี้มีเสมอกันในมนุษย์และ สัตว์เดรัจฉาน ธรรมเท่านั้นที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เมื่อปราศจากธรรม มนุษย์ก็ เสมอกับสัตว์เดรัจฉาน” ธรรมที่ทำให้มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉานก็คือโลกปาลธรรมหรือ ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการได้แก่ หิริและโอตตัปปะ สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในธรรมสูตรว่า “ถ้าธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้จะไม่พึงคุ้มครองโลกไซร้ ในโลกนี้ก็ไม่พึงเหลือคำว่า แม่ น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์หรือว่าภรรยาของครูปรากฏอยู่ ชาวโลกจักถึงการผสมปะปนกันไป เหมือน อย่างแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้ยังคุ้มครองโลกอยู่ ดังนั้น จึงยังเหลือคำว่า แม่ น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ หรือว่า ภรรยาของครูปรากฏอยู่”
ในบรรดาธรรมเครื่องคุ้มครองโลกทั้งสองอย่างนั้น หิริ ความอายชั่ว หมายถึง ความละอายต่อการทำบาปกรรมหรือความชั่วทั้งปวง เป็นการมองเห็นความชั่วหรือบาปกรรมว่าเป็นสิ่งสกปรก ที่ไม่ควรจะข้องแวะด้วย ทั้งนี้เพราะเชื่อมั่นในความดีและศักดิ์ศรีของตนจนไม่ประสงค์จะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับความชั่วทั้งหลาย ท่านเปรียบหิริเหมือนความรู้สึกของคนที่อาบน้ำชำระล้าง ร่างกายจนสะอาดหมดจดแล้วย่อมไม่ประสงค์จะให้ร่างกายไปแปดเปื้อนกับสิ่งสกปรกอีก โอตตัปปะ ความกลัวบาป หมายถึง ความกลัววิบากหรือผลของความชั่วที่จะตามมาสร้าง ความทุกข์ให้กับชีวิต ความกลัวผลร้ายที่จะตามมานี้สามารถห้ามมิให้คนทำชั่วได้ ผลร้ายนั้นเป็นได้ ทั้งความทุกข์ในชาตินี้และในชาติหน้า ท่านเปรียบโอตตัปปะเหมือนความรู้สึกของคนที่เห็นถ่านเพลิงติดไฟลุกโชนแล้วไม่กล้าจับเพราะกลัวความร้อนเผามือของตน
ต้นเหตุแห่งการทุจริตคอรัปชั่นแท้จริง คือ กิเลส ความโลภ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนแนวทางแก้ปัญหา ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือเอาธรรมะ เข้าดับไฟกิเลส โดยเฉพาะ เราจะตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตามอัธยาศัยก็เรียกว่าเป็นอบายมุขอบายภูมิ ตั้งอยู่ในความหลงความประมาท ถึงเราจะเรียนปริญญาตรีปริญญาโทปริญญาเองตั้งหลายใบ เราจะรวยเป็นเศรษฐีเป็นมหาเศรษฐีของประเทศของโลก มันก็ยังไม่ถูกต้อง มันยังทุจริตอยู่
ทุกท่านทุกคนต้องพากันมาแก้ไขตัวเอง นี่คือหน้าที่คือการงานที่รีบด่วน เรามีศาสนาที่ดีแล้วถูกต้องแล้ว ถ้าเราไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราก็มีศาสนาไว้ทำลายโลก เพราะผู้ที่ถือแบรนด์เนมของศาสนายังตามใจตัวเองตามอัธยาศัยตัวเองอยู่ มันแก้ปัญหาโลกไม่ได้
ชีวิตของเราจะมีความสุขความดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน เมื่อได้ไฟติ้งกับตัวเอง ได้แก้ไขตัวเอง ได้ประพฤติปฏิบัติ ทุกท่านต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ
อวิชชาความหลงมันเป็นเรื่องจิตใจไม่ใช่เรื่องกาย มันหยาบ มันไม่ถูกต้อง ถึงได้มีกฎหมายบ้านเมืองที่มาจัดระเบียบเพื่อควบคุมโลกนี้ให้สงบร่มเย็น แต่การที่มีกฎหมายบ้านเมืองมันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือเรามีอวิชชามีความหลงเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพื้นฐาน พื้นฐานที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ พระพุทธเจ้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ธรรมะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ กิจกรรมคือข้อวัตรข้อปฏิบัติที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาบริสุทธิคุณจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ให้ทุกท่านทุกคนพากันมีความสุขความดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน เราจะได้พากันใช้ทรัพยากรของโลกนี้อย่างถูกต้อง เราจะได้ส่งไม้ผลัดให้กับลูกหลานกับคนอื่น เราจะได้พากันเป็นพระที่อยู่ในบ้านในสังคม ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ผู้ที่มาปลงผมห่มจีวรก็พากันเป็นพระโสดาบันไปจนถึงพระอรหันต์
ถ้าปัจจุบันไม่เข้าใจศาสนาไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ ถึงจะเรียน ป.ธ.๙ ก็เรียกว่าเป็นเพียงนักปรัชญา มันเป็นการเรียนแผนที่เฉยๆ ยังไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ ถ้าเราลงมือประพฤติปฏิบัติทุกคนก็ยอมรับได้ ทุกคนก็ไว้วางใจ ทุกคนเมื่อเข้าสู่การประพฤติปฏิบัติก็เรียกว่า สุจริต
เราจำเป็นจะต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกัน เรามีความจำเป็นที่จะต้องหยุดตัวเอง เพื่อความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ ที่เป็นโครงสร้างของหมู่มวลมนุษย์ เราเป็นข้าราชการนักการเมืองหรือเป็นนักบวชทุกวันนี้เราเพียงแต่ทำหน้าที่เท่ากับเป็นไปรษณีย์หรือว่าเพียงลายเซ็น ให้มีโอกาสโกงกินคอร์รัปชั่นเท่านั้นเอง ไม่ต่างอะไรกัน มันมีความจำเป็นนะ ที่เราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันต้องเข้าสู่ระบบหรือว่าเข้าสู่ภาคบำบัด ไก่มันฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงออกลูกมาเป็นตัว เราเป็นมนุษย์ก็ต้องเข้าสู่ภาคบำบัดเข้าสู่ภาคปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง จนกว่าจะถึงมรรคผลพระนิพพาน จึงจะเป็นพระศาสนาเป็นพรหมจรรย์
ส่วนใหญ่นะเป็นสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ มีความลังเลสงสัย มีแต่ความตั้งมั่นในตัวตน ประชาชนของประเทศเราถึงมีสีขาวให้เปอร์เซ็นต์มากแล้วคือ 10% มีสีเทาก็ 40% มีสีดำสนิทนะประมาณ 50% มนุษย์เราพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ น่าจะมีความสุขความดับทุกข์มากกว่านี้ การถือพระศาสนาน่ะ บางทีเราก็ยังไม่เข้าใจ คิดแต่ว่า เรามาบำเพ็ญบารมีไม่ได้ชาตินี้ก็อีกหลายชาติ พระพุทธเจ้าไม่ให้เราคิดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าให้เราเน้นที่ปัจจุบัน ต้องหยุดตัวเองให้ได้ในปัจจุบัน ความเข้าใจอย่างนี้มันก็ถือว่าผิด ถึงแม้จะยังอีกหลายชาติก็จริง สำหรับผู้มีอินทรีย์อ่อน แต่ก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติในปัจจุบัน เพื่อที่จะไม่มีสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ ทุกๆ ศาสนาส่วนใหญ่กำลังวิกฤต ข้าราชการนักการเมืองก็วิกฤต ประชาชนก็วิกฤต แต่เมื่อตามันบอดมันสนิทก็มองไม่เห็นว่า กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต มันวิกฤตนะ เพราะมีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ คนเราถ้าผิดแล้วรู้ว่าผิดก็ยังดีกว่าที่ไม่รู้ เรื่องรู้อริยสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ นี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เราจะเอาความถูกต้องเป็นตัวเป็นตนไม่ได้นะ ความถูกต้องก็คือความถูกต้อง ความถูกต้องนั้นย่อมไม่มีตัวไม่มีตน
เราต้องพัฒนาใจของเราให้เปรียบเสมือนแผ่นดิน ให้หนักแน่นตั้งมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าให้โลกมันเหนือธรรม เราจะได้ผ่านโลกด้วยพระธรรม ตัดกระแสวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ชีวิตของเรานี้ประเสริฐมาก ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ เพื่อมรรคผลเพื่อพระนิพพาน จะมีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพาน สวรรค์ ความเป็นมนุษย์ที่ร่ำรวยเราก็ต้องได้อยู่แล้ว เป็นสวรรค์มีแต่ความสุขความสบายเราก็ต้องได้อยู่แล้ว อันนี้เป็นทางผ่านที่เราจะก้าวไป พระพุทธเจ้าถึงให้เราสมาทานหยุดทำอทินนาทาน ถึงเราจะรับผลประโยชน์ในการดำรงชีพ จิตใจของเราถึงจะเป็นธรรม เป็นปัจจุบันธรรม
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee