แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอังคารที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระธรรม ตอนที่ ๙ เมื่อมีความเห็นผิด ยังไปยึดมั่นถือมั่นในธรรมอันมีพิษไว้ในใจของเราอยู่ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายทั้ง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำว่า “พุทธะ” ได้แก่ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติให้ถูกต้อง เรียกว่ารู้อริยสัจ ๔ คือรู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ผลกับทุกรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ยกเลิกตัวตนยกเลิกนิติบุคคลที่เป็นเราเป็นของเรา ทุกๆ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ ความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เรายกเลิกด้วยศีลด้วยปัญญาด้วยสัมมาทิฏฐิคือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่าสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ที่ทุกคนต้องพากันเข้าใจ พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ได้ว่าจากสิ่งที่ไม่มี หมายถึงว่าว่างจากนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน เหตุปัจจัยที่ได้ก่อภพก่อชาติจะจบลงได้ เพราะเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกท่านทุกคนเมื่อยังมีลมหายใจ มันก็ต้องมีผัสสะ มีผัสสะก็ต้องมีความรู้สึกทุกข์เย็นร้อนอ่อนแข็ง ผัสสะนั้นก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ แต่ผัสสะนั้นได้ถูกยกเลิกด้วยสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติใจของเราให้ถูกต้อง ความแก่ความเจ็บความตายมันเป็นสิ่งที่มีอยู่ เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราได้ยกเลิกด้วยสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อตัดวงจรปฏิจจสมุปบาท
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ดีแท้ เป็นสิ่งที่ทันโลกทันสมัย ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน เป็นของว่างจากสิ่งที่มีอยู่ คนรุ่นใหม่คนสมัยใหม่ต้องพากันเข้าใจนะ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันจะแก้ปัญหาเราได้ ทั้งทางใจทั้งทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน จิตใจของเราเข้าถึงความวิเวกได้อยู่ทุกคนทุกแห่ง เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
การมาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ได้บำเพ็ญพุทธบารมีมา เป็นประโยชน์ต่อหมู่มวลมนุษย์เทวดาพรหมและหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เราทุกคนอย่าเอาความรู้สึกเอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะดำเนินชีวิต มันต้องดำเนินชีวิตด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนจะได้มีหน้าที่พากันแก้ไขที่ตนเอง ไม่ได้แก้ไขที่คนอื่นเลย คนเรายังไม่ตายก็ย่อมมีผัสสะ เราจะเอาผัสสะนั้นมาเป็นเรา มันไม่ได้ เพราะผัสสะนั้นมันเป็นเหตุเป็นปัจจัย เป็นสิ่งภายในภายนอกกระทบกัน ที่มันเป็นข้อสอบแล้วให้ทุกคนตอบด้วยพุทธะ ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อ งให้ทุกท่านพากันเข้าใจอย่างนี้ จะได้ปฏิบัติจะได้ไม่ไปหาความดับทุกข์ที่ไหน ไม่ได้ไปหาผลนิพพานที่ไหน เพราะมันอยู่ที่ใจของเราทุกคน ใจของเราทุกคนจะได้พากันยกเลิกทาสยกเลิกการถือชั้นวรรณะ
การมาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเพื่อหยุดอวิชชาหยุดความหลง เป็นธรรมะที่เลิกทาสเลิกชั้นวรรณะ ทุกๆ คนมีสิทธิพอๆ กัน เพราะนี่เป็นกรรมเป็นการกระทำเป็นการปฏิบัติของเราทุกคน ที่จะต้องรู้ที่จะต้องปฏิบัติ เพื่อพัฒนาใจพัฒนาวัตถุพัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กัน ไม่ได้เอาความสับสนเป็นที่ตั้ง เอาความสับสนเป็นที่ตั้งนั้น มันเป็นกระบวนการแห่งความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก ที่มันถูกครอบงำด้วยอวิชชาด้วยความหลง ที่ทุกคนเป็นทาสแห่งความหลง ทุกคนพากันยกเลิกตัวเองพากันยกเลิกความเป็นทาส อย่าไปถือทาสชั้นวรรณะถือชาติถือตระกูล เพราะเราทุกคนมีความจำเป็นที่จะหยุดวัฏสงสารของตัวเอง ถ้าเอาความรู้สึกความสงบความวิเวกเป็นตัวเป็นตนอยู่ การดำเนินชีวิตของเราก็เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ การเรียนหนังสือก็เพื่อประกอบทุกข์ การทำงานก็เป็นไปเพื่อตัวเพื่อตน ไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
เราทุกคนจึงต้องพากันปรับตัวเอง มาปฏิบัติให้ถูกต้อง นั่งสมาธิก็ตัวโค้งตัวงอง่วงเหงาหาวนอนหรือไม่ก็นั่งฟุ้งซ่าน เพราะเราเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้ง เรายังไม่ได้แยกใจออกจากกาย กายก็ส่วนหนึ่งใจก็ส่วนหนึ่ง ถ้าเอาความรู้สึกเป็นเรามาก ใจของเรามันก็มืดมาก ถ้าเอาความรู้สึกนึกคิดเป็นเราน้อย ใจของเราเหมือนก็มืดน้อย พระพุทธเจ้าถึงให้พวกเรามีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องพากันปฏิบัติให้ถูกต้อง เราทุกคนจะได้หยุดก็ตัดสงสารของตัวเอง ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง อันนี้แหละคือซาตานหรือว่ามหาซาตาน เราทุกคนพากันมีสติที่เป็นสัมมาสติ ที่ไม่ได้เอาความรู้สึกนี้เป็นตัวเป็นตน สติของเราทุกคนต้องเป็นสติภาวนาวิปัสสนา ความดับทุกข์นั้นถึงมีอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเราจะเป็นคนชนบทหรือว่าเป็นคนในกรุง มันต้องดับทุกข์เหมือนกันทุกคน ความวิเวกก็ต้องมีอยู่ในชนบทอยู่ในกรุง เพราะว่าพระนิพพานคือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องได้ มีอยู่ทุกแห่งทุกแห่ง เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอริยมรรคคือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เป็นธรรมะที่ดับทุกข์อยู่ทุกคนทุกแห่ง ไม่ต้องไปหาพระนิพพานที่ไหน หาพระนิพพานที่ใจของเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
เราทำอย่างนี้เราถึงจะปฏิบัติยกเลิกทาสได้ ยกเลิกชาติยกเลิกมรณะยกเลิกความพลัดพรากได้ พระพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐจริง พระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ประเสริฐจริง พระธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐจริง พระอริยสงฆ์ผู้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องตามพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ประเสริฐจริง ที่มีอยู่กับเราในปัจจุบัน ให้ทุกท่านทุกคนพากันรู้ รู้แล้วก็พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทุกๆ ท่านทุกๆ คนจะได้รู้ว่าพระที่แท้จริงอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มันไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่กายอยู่ที่ใจของเรานี่แหละ เราจะเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้งไม่ได้ ให้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติในใจของเรา ถ้าเราไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ บวชมาแล้วก็พากันแสวงหาที่สงบที่วิเวก ที่ไหนยกเลิกตัวยกเลิกตน ที่นั้นเป็นที่สงัดเป็นที่วิเวก ถ้าไม่ยกเลิกตัวไม่ยกเลิกตน มันจะหาที่สงบวิเวกได้ยังไง เพราะตัวตนคือความไม่สงบ พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุนัขจิ้งจอกขี้เรื้อนหาที่สงบ อยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข เพราะมันเป็นขี้เรื้อน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ท่านเห็นไหมว่าเมื่อตอนเย็นวันนี้ หมาป่าตัวหนึ่งมันเดินอยู่ที่นี่เห็นไหม? มันจะยืนอยู่มันก็เป็นทุกข์ มันจะวิ่งไปมันก็เป็นทุกข์ มันจะนั่งอยู่ก็เป็นทุกข์ มันจะนอนอยู่ก็เป็นทุกข์ เข้าไปในโพรงไม้มันก็เป็นทุกข์ จะเข้าไปอยู่ในถ้ำก็ไม่สบาย มันก็เป็นทุกข์ เพราะมันเห็นว่าการยืนอยู่นี้ไม่ดี การนั่งไม่ดี การนอนไม่ดี พุ่มไม้นี้ไม่ดี โพรงไม้นี้ไม่ดี ถ้ำนี้ไม่ดี มันก็วิ่งอยู่ตลอดเวลานั้น
ความเป็นจริงหมาป่าตัวนั้นมันเป็นขี้เรื้อน มันไม่ใช่เป็นเพราะพุ่มไม้ หรือโพรงไม้หรือถ้ำ หรือการยืน การเดิน การนั่ง การนอน มันไม่สบายเพราะมันเป็นขี้เรื้อน ภิกษุทั้งหลายนี้ก็เหมือนกัน ความไม่สบายนั้นคือ ความเห็นผิดที่มีอยู่ ไปยึดธรรมที่มีพิษไว้มันก็เดือดร้อน ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย แล้วก็ไปโทษแต่สิ่งอื่น ไม่รู้เรื่องของเจ้าของเอง ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่สบาย
นี่ก็คือความเห็นผิดนั้นยังมีอยู่ในตัวเรานั่นเอง มีความเห็นผิด ยังไปยึดมั่นถือมั่นในธรรมอันมีพิษไว้ในใจของเราอยู่ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายทั้งนั้น นั่นคือเหมือนกันกับสุนัขนั้น ถ้าหากโรคเรื้อนมันหายแล้ว มันจะอยู่ที่ไหนมันก็สบาย อยู่กลางแจ้งมันก็สบาย อยู่ในป่ามันก็สบายอย่างนี้
ใจของเรามีความเห็นผิด ใจของเรามันเป็นโรค โลกก็คือตัวตน เราก็คือโลกธรรม ที่มันครอบงำธรรมะ ให้มารู้จักธรรมะ ให้มารู้จักผัสสะ มารู้จักความรู้สึกที่มันเป็นธาตุเป็นขันธ์เป็นอายตนะ ที่ทุกคนจะได้รู้หลักการประพฤติการปฏิบัติของตัวเราเอง เราจะไม่ต้องไปหาความวิเวกที่ไหนของวิเวกมันอยู่ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกท่านทุกคนพากันว่างจากสิ่งที่มีอยู่ นี้คือพุทธะ นี้คือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธจึงเป็นศีลสมาธิปัญญาเป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ ทุกๆ ท่านทุกคนให้พากันเข้าใจ ไม่เข้าใจเราก็ลุยไปเรื่อยปฏิบัติไปเรื่อย เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ธรรมะเป็นสิ่งที่ยกเลิก มันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี ให้ทุกท่านทุกคนเข้าใจอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ จะได้ปฏิบัติง่ายขึ้น ทุกอย่างเป็นสิ่งที่มีอยู่ เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกอย่างนั้นก็จะไม่มีปัญหา ถ้าผู้ที่หมดกิเลสอาสวะก็เข้าใจ ผู้ที่ปฏิบัติอยู่ก็ปฏิบัติให้เป็นวสีในปัจจุบัน จะเป็นฐานก้าวไปข้างหน้า เพราะชีวิตประจำวันของเรามันเป็นปัจจุบัน การหมุนเวียนในปัจจุบันเป็นของโลกของเหตุปัจจัย ทุกอย่างมันอยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ เราทุกคนต้องรู้จักการประพฤติการปฏิบัติของเราเอง สิ่งที่มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว สิ่งที่มันยังมาไม่ถึงก็มาไม่ถึง เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ยกเลิกตัวยกเลิกตน เพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ หลายปีก็ยังไม่ได้บัญญัติพระวินัย ท่านเพียงแต่พูดให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจก็พากันยกเลิก การยกเลิกจึงได้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เรามีธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ เรามีความรู้สึกอย่างนี้ เรามีตามันก็เห็นรูปอย่างนี้ เรามีหูมันก็ได้ยินอย่างนี้ เรามีจมูกมันก็ได้กลิ่นอย่างนี้ เรามีกายมันก็สัมผัสกระทบเย็นร้อนอ่อนแข็งอย่างนี้ เราอย่าไปตามความหลงตามผัสสะ อย่าเอาผัสสะนั้นเป็นเราเป็นของเรา มันไม่จบไม่สิ้น เอาตัวตนเป็นการดำเนินชีวิตได้ยังไง เพราะมันเป็นความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง มันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ การดำเนินชีวิตมันถึงประเสริฐอย่างนี้ ให้ทุกๆ ท่านทุกคนพากันอบรมบ่มอินทรีย์ให้กับตนเอง พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน อย่าไปตามใจตนเองอย่าไปตามอารมณ์ตนเอง ว่าฉันชอบอย่างนั้นว่าฉันชอบอย่างนี้ นั่นคือความรู้สึก นั่นคืออวิชชานั่นคือความหลง ถ้าไม่มีความรู้สึก เราก็ไม่มีการประพฤติการปฏิบัติ มรรคผลนิพพานเป็นเรื่องอย่างนี้แหละ ให้ทุกๆ ท่านทุกคนพากันเข้าใจ อย่าเอาตัวตนเป็นพระนิพพานมันไม่ได้ เพราะตัวตนคือความปรุงแต่ง ที่ในภาษาบาลีตรัสว่าความปรุงแต่งเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ความเป็นตัวเป็นตนเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เราอย่าไปให้มันว่างจากสิ่งที่ไม่มี มันไม่ฉลาด ว่างแบบตาไม่เห็นรูปหูไม่ฟังเสียงจมูกไม่รับรู้กลิ่นอย่างนั้น มันไม่ใช่ความว่างทางพระพุทธศาสนา มันต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่ คือว่าจากตัวตนนี้แหละ ว่างจากตัวว่างจากตนเมื่อไหร่ ความทุกข์ก็ไม่มี
พระพุทธเจ้าก็มีอยู่ที่ตัวเรานี่แหละ พระธรรมมีอยู่ที่ตัวเรานี้แหละ พระอริยสงฆ์ก็มีอยู่ที่ตัวเรานี่แหละมันเป็นเรื่องรู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ความดับทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ โอ้ย….ไชโยทำไมมันดับทุกข์ได้อย่างนี้ มันดับทุกข์ได้เพราะมันว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ต้องไปหาพระนิพพานที่ไหน เพราะมันอยู่กับใจของเราทุกคน จะมีคนมารวมกันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน เราก็สงบ ทำไมมันสงบ เพราะเรายกเลิกความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน มีตาก็สักแต่ว่าเห็นรูป มีหูก็สักแต่ว่าได้ยิน มีจมูกก็สักแต่ว่าได้กลิ่น มีลิ้นก็สักแต่ว่ารู้รส มีกายก็สักแต่ว่าสัมผัส มีใจก็สักแต่ว่ารู้ธรรมารมณ์ พระพุทธเจ้าให้เรามีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนจะได้เข้าใจการประพฤติการปฏิบัติการประพฤติ การปฏิบัติเหมือนเป็นเรื่องที่ทันสมัย เพราะเราไม่ได้แก้ที่ไหน แก้ที่ใจของเรา เพราะมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง
พระนิพพานต้องอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ที่มีอายตนะตาหูจมูกลิ้นกายใจ พระนิพพานเป็นสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่สูญเปล่า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่มีอยู่ ความรู้สึกเป็นสิ่งที่มีอยู่ แต่เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง สิ่งเหล่านั้นก็จะถูกยกเลิกด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญาของเราที่เป็นพุทธะ การประพฤติการปฏิบัติมันเป็นเรื่องที่พัฒนาใจพัฒนากายพัฒนาวาจาพัฒนาวิทยาศาสตร์ คือไม่ทำไม่ประพฤติปฏิบัติการดำเนินชีวิตนี้ให้ประกอบด้วยอวิชชาด้วยความหลง เราอยู่ในเมืองมองไปไหน ก็มีตึกรามบ้านช่องรถเรือ เพราะอันนั้นคือเหตุคือปัจจัยที่มี ตึกรามบ้านช่องมีบุคคล เมื่อเรายกเลิกตัวตน ทุกอย่างมันก็จะอยู่ของมันอย่างเก้อๆ ใจของเราก็สงบได้อยู่ทุกหนทุกแห่ง คนสวยคนหล่อก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ ความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ เพราะนั้นเป็นสังสารวัฏ เราต้องเข้าใจ สิ่งนี้ไม่มีไม่ได้ ให้เราเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราจะได้รู้แจ้งโลก เพื่อเราจะได้พากันยกเลิกตัวตนเราจะได้ว่างจากตัวตน ทุกท่านทุกคนต้องพากันแก้ที่ตัวเองอย่างนี้ เพราะวันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ทุกท่านทุกคนต้องพากันพัฒนาใจพัฒนาวัตถุให้เต็มที่เต็มร้อย อย่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มีความสุขในการเสียสละ เรียกว่าศีลสมาธิปัญญาในการเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละตัวตน เราก็ไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ทุกคนมีตัวตนคือไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญา ให้พากันเข้าใจ เราจะได้รู้จักความวิเวก ความวิเวกคือการเสียสละตัวตน มีตัวตนมันก็ไม่วิเวก อยู่ที่บ้านมันก็ว่าข้างบ้านเสียงดังจากวิทยุจากโทรทัศน์ แบบนี้ก็สงบ แต่เป็นแบบมีตัวมีตน หรืออยู่ในความคิดว่าคนนี้คนนั้นมันไม่ดี ความเป็นพุทธะก็ต้องรู้อย่างนี้ มันเป็นเรื่องของเรา ถ้าเอาความรู้สึกเป็นการดำเนินชีวิต จะมีความสุขได้ยังไง เพราะไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เมื่อมีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง มันก็สมควรแล้วที่ตกนรกทั้งเป็น
ฝึกเป็นคนฉลาด เมื่อตากระทบรูป หูกระทบเสียง กระทบเมื่อไหร่ให้มันเกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปัญญา อินทรีย์ของเรามันจะแก่กล้าได้ เมื่อสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มากระทบ ให้มันมีศีล สมาธิ ปัญญา อินทรีย์ของเรามันจะแก่กล้าได้ ใจของเราอารมณ์ของเรามันไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า เราจะไปเชื่อมันไม่ได้ เวลาเป็นเด็กมันคิดอย่างหนึ่ง เวลาเป็นหนุ่มเป็นสาว กลางคน แก่ เจ็บ มันก็คิดอีกอย่างหนึ่ง เวลาอารมณ์เกิดความพลัดพราก ความชอบใจ มันก็คิดอีกอย่างหนึ่ง เราอย่าไปเชื่อมัน มันกระทบแล้วก็กระทบไป มันคิดแล้วก็แล้วไป เราอย่าไปวุ่นวายกับความคิด เพราะใจคนเรามันก็เหมือนลิง ลิงมันอยู่นิ่งไม่เป็น มันกระโดดโลดเต้น ถ้าเราไม่รู้อารมณ์ไม่รู้ใจของเรา เราจะเป็นคนมีปัญหา เป็นคนที่จิตใจไม่แข็งแรง อารมณ์มาทางไหน ก็ไปตามอารมณ์ แล้วแต่อารมณ์มันจะพาไป จิตใจไม่เป็นตัวของตัวเอง เราฝึกไว้ ฝึกหายใจเข้าสบาย ออกสบาย ใจของเราจะได้อยู่กับปัจจุบัน ใจของเราจะได้อยู่กับการทำงาน เราพยายามยืนไว้ตั้งไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ล้วนแต่ดับไป
สิ่งที่มันเป็นอดีตก็ผ่านไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งที่เป็นอนาคตก็ยังไม่มาถึง เราก็อย่าได้ไปวิตกกังวล เราปฏิบัติหน้าที่ของเราในปัจจุบันให้ดีที่สุด พยายามให้เรามีศักยภาพในปัจจุบันทั้งกาย วาจา ใจ แก้ปัญหาเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ปัญหาเรื่องเล็กๆ ให้มันหายไป และเราอย่าได้ไปโทษสิ่งภายนอก สิ่งภายนอกมันก็เป็นปรากฏการณ์ตามเหตุปัจจัยของมัน เราอย่าไปว่าสิ่งโน้นเป็นอย่างโน้น สิ่งนั้นเป็นอย่างนี้ อย่าไปตัดสินนินทาวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งภายนอกมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่ฉลาดก็ไปรับเอามาใส่ใจของเรา ให้ตัวเราเป็นทุกข์ เป็นทุกข์มาก เป็นทุกข์หลาย เราจะไปปฏิเสธสิ่งต่างๆ ภายนอกนั้นไม่ได้ ถ้าใครปฏิเสธสิ่งต่างๆ แสดงว่าต้องการความว่างที่มันขาดสูญ ความว่างที่มันไม่มีอะไร หมายถึงเราไม่ต้องการให้มันมีความเกิด ความแก่ ความตาย ไม่อยากให้มีโลกธรรมทั้ง ๘ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ยศ ลาภ สรรเสริญ นินทา ทุกอย่างมันมีของมันอยู่อย่างนั้น เพียงแต่เราไปรับเอามาใส่ใจ ความรับเอามาใส่ใจเขาเรียกว่า ความปรุงแต่ง ความปรุงแต่งคือสิ่งไม่ใช่ของจริง เพราะมันเป็นของปรุงแต่ง การที่เข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลายเป็นสุขอย่างยิ่ง
นักบวชที่พากันมาบวชในประเทศไทย มีวัดสำนักสงฆ์มากกว่า ๔ หมื่นแห่ง นี้ยังไม่รู้จักวัด นึกว่าวัดคือโบสถ์คือวิหารเป็นวัด วัดนั้นคือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนมาประพฤติมาปฏิบัติตัวเอง เพื่อจะยกเลิกความหลง ยกเลิกในการเวียนว่ายตายเกิดของเราทุกคน บวชมาหลายปี กิเลสก็ใหญ่ขึ้น อยากมีวัดทางภายนอก มันไม่รู้คำว่าอิสระ อิสระก็คือความยกเลิกตัวตน นี้เป็นวัดเป็นข้อวัตรเป็นข้อปฏิบัติของเรา ไม่มีวัดที่มีอิสระอย่างนี้ อย่าไปนึกว่าไม่ได้กินไม่ได้นอนไม่ได้ทำตามอัธยาศัยมันไม่ใช่อิสระ อิสระคือความยกเลิกตัวตน จะได้เข้าถึงความเป็นพระ ที่นับเอาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ไม่ใช่เพียงโกนหัวนุ่งห่มผ้าเหลือง ที่เป็นคฤหัสถ์ก็เป็นพระได้ แต่คฤหัสถ์มีการบ้านการเมืองเยอะมีภาระเยอะ ทุกคนมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ทุกคนก็เป็นพระได้ ต้องเข้าใจความเป็นพระ ศาสนาทุกศาสนาก็เป็นพระศาสนา ให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ถ้าศาสนาสละคืนเสียซึ่งตัวตน ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ทุกศาสนาก็เป็นพระอริยเจ้าได้หมด
ทุกคนอยู่ไหนทุกมุมของโลกที่ทำมาหากินก็ให้เข้าใจความดับทุกข์คือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ทันสมัยที่รู้จักพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน มันเป็นสิ่งที่ดับทุกข์ของประชากรของโลกเราต้องพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้เราจะมีเงินมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเป็นเศรษฐีใหญ่ของโลก มันดับทุกข์ไม่ได้ พราะเรามีตัวตน ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ เราพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ดำรงชีพนั้นถูกต้องแล้ว แล้วพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ทุกอย่างนั้นจะมีแต่คุณ ทุกสิ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวด เมื่อพระพุทธเจ้าได้อุบัติมาในโลกได้มาตรัสรู้ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าคือนามธรรม ที่มีปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่เรื่องทางวัตถุ เป็นสัมมาทิฏฐิ พุทธะนี้คือเป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริง ไม่ได้สูญไปจากโลกนี้
การบริหารตนเองต้องบริหารด้วยอริยสัจ ๔ คือรู้เหตุเกิดทุกข์รู้ความดับทุกข์รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ทั้งทางจิตใจทั้งทางวัตถุ มีพุทธะทางจิตใจทางวัตถุในการดำรงชีพ เราจะได้มีนักการเมืองที่ถูกต้องมีข้าราชการที่ถูกต้อง มีศาสนาที่ถูกต้อง การเรียนการศึกษาก็เพื่อให้เกิดสัมมาทิฏฐิทางใจทางวัตถุพร้อมๆ กันไปอย่างนี้ ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันเป็นสิ่งที่ต้องการของโลก เรามีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้ต้องการ แม้แต่เราเองก็ไม่ต้องการ ทำไมเราถึงไม่ต้องการ เพราะเราไม่รู้อริยสัจ ๔ เมื่อรู้แล้ว ก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เมื่อรู้ว่าเราต้องเอาเมล็ดพันธุ์มาปลูกให้น้ำให้ปุ๋ยให้การดูแลประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ การประพฤติการปฏิบัติอย่างนี้มันเป็นอริยมรรคที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มันโง่นะ! อยากให้ตาไม่เห็นรูป อยากให้หูไม่ได้ยินเสียง อยากให้จมูกไม่ได้กลิ่น มันโง่นะ ไม่รู้จักเรื่องพระนิพพาน เพราะสิ่งเหล่านี้มันคือข้อสอบและข้อตอบของเราในปัจจุบัน มีอย่างที่ไหนจะเอาว่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่ พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นลูกหลานพวกพราหมณ์มาก่อนนั้นก็เอาแต่ความสงบตาไม่เห็นรูปหูไม่ฟังเสียงจมูกไม่ดมกลิ่นลิ้นไม่ลิ้มรสกายไม่ต้องการสัมผัสใจไม่ต้องการธรรมารมณ์ แล้วก็ไม่รู้อริยสัจ ๔ ออกจากสมาธิเมื่อไร รูปเสียงกลิ่นรถลากยศสรรเสริญทำลายยิ่งกว่าถูกฟ้าผ่าอีก เพราะไม่รู้อริยสัจ ๔ นี้เอง แล้วจะไปโทษสิ่งภายนอก ความเห็นผิดเข้าใจผิดจะไปโทษลูกโทษหลานโทษรัฐบาลโทษดินฟ้าอากาศ เพราะเรามีความเห็นผิดเข้าใจผิด มันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ เพื่อความกำหนัดย้อมใจ เพื่อสะสมกองกิเลส เพื่อความอยากใหญ่ (คือไม่เป็นการมักน้อย) เพื่อความไม่สันโดษ เพื่อความคลุกคลี เพื่อความเกียจคร้าน เพื่อความเลี้ยงยาก
เทวทัตไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล อยู่ที่เรามีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้อง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันอยู่ที่เรานี้แหละ เรานี่แหละคือโจรคือมหาโจร ไม่ต้องไปหาโจรที่ไหนหรอก คำว่าโจรก็คืออันเดียวกันทุกโจรนะ ถ้าความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งชีวิตของเรามันก็ไม่ปลอดภัย อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย มีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้อง ย่อมมีเกิดแก่เจ็บตาย อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยหรอก เพราะว่าอย่างนี้แหละ ถ้าเราอาศัยร่างกายอาศัยธาตุอาศัยขันธ์อาศัยอายตนะ เราก็ต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มันถึงไม่อันตราย ต้องมารู้จักรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ ให้ปกครองด้วยพุทธะ มันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีตาก็ย่อมมีรูป เมื่อมีหูก็ต้องได้ยินเสียง เมื่อมีจมูกก็ต้องได้กลิ่น อย่างนี้เป็นต้น ต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้รู้จัก จะได้เข้าถึงความว่าง ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องจะได้ปฏิบัติให้มันถูกต้อง เรามาอยู่ในป่าอย่างนี้แหละ มีต้นไม้ก็ว่ามันวิเวก เพราะเราไม่รู้อริยสัจ ๔ เราไปอยู่ในที่ว่าง ที่ไหนมีตึกรามบ้านช่อง ก็ว่ามันไม่วิเวก เพราะไม่รู้อริยสัจ ๔ ไม่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุเป็นปัจจัยว่า เรามีโอกาสมีเวลาอยู่ที่ไหนก็ให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะอยู่ที่ไหนมันก็ต้องมีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอยู่แล้ว ทุกอย่างนั้นคือความไม่เที่ยงแท้แน่นอน มันผ่านไปทุกลมหายใจทุกขณะจิต หาใช่ตัวหาใช่ตนไม่ ให้เข้าใจอย่างนี้ ต้องยกทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ จะได้ชำระล้างอวิชชาความหลง
เราอย่าได้ไปปฏิบัติตามความเบื่อความไม่เบื่อ ความชอบไม่ชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เราต้องรู้จักปล่อยวาง เราต้องรู้จักคำว่าช่างหัวมัน ถ้ามิฉะนั้นแล้วเราจะเป็นคนไม่รู้จักโตนะ เป็นคนมีอินทรีย์บารมีไม่แก่กล้า เป็นคนหนีความจริงหนีปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นคนที่อยากให้โลกนี้มันว่างจากสิ่งที่มีอยู่ เช่น อยากเป็นคนหูหนวก คนตาบอด คนพิการ เป็นคนคิดว่าไม่มีสิ่งโน้นสิ่งนี้มารบกวนมันดี เขาเรียกว่าความคิดแบบนี้เปรียบเสมือนคนหูหนวก ตาบอด คนพิการ เป็นคนไม่มีสติปัญญา ไม่ใช่ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า
เราจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีคุณประโยชน์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ถ้าเรารู้จักรู้แจ้งมันเป็นคุณ ถ้าไม่รู้จักรู้แจ้งมันเป็นโทษ สำหรับความสุขความสะดวกสบายมันก็มีคุณ แต่ถ้าเราไปหลงติดสุขติดสบายมันก็มีโทษ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของชั่วคราว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วมันก็ดับไป ถ้าเรามีสติปัญญาละก็ เราก็ไม่รับสิ่งที่เป็นคุณเป็นโทษมาทำร้ายตัวเอง ให้เราเอามันมาส่งเสริมการประพฤติปฏิบัติของเรา เราอาศัยพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นกัลยาณมิตร เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติดี เราเกิดมาเราก็เกิดคนเดียว เราแก่เราก็แก่คนเดียว เราตายก็ตายคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ทุกอย่างมันเป็นของชั่วคราวทั้งนั้น แต่เราไปสำคัญมั่นหมายมันผิด ว่ามีตัวเราของเรา ว่าเป็นบ้านของเรา พ่อของเรา แม่ของเรา ความเจ็บป่วยของเรา แต่สิ่งเหล่านี้แท้จริงเป็นเพียงแค่นามสมมุติเฉยๆ โดยการแต่งตั้งเฉยๆ แท้จริงมันไม่ได้มีอะไรเป็นของเรา
เราต้องขอบใจทุกสิ่งทุกอย่างที่มันปรากฏทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราทุกคนนี้โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มาประพฤติมาปฏิบัติธรรม ที่มาฉลองวันเกิดเพราะเป็นผู้ที่โชคดี เพื่อจะได้มาพัฒนาตนเอง เพื่อมรรคผลเพื่อนิพพาน จะหยุดทุกข์หยุดวัฏสงสารของตนเอง เราจะมาเอาผิดเอาถูกเอาดีเอาชอบได้ยังไง เพราะทุกอย่างเป็นเพียงผัสสะ ภาวนาทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ชีวิตของเราทุกคนมันเป็นอย่างนี้ เกิดมามีธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ มีอายตนะ ๑๒ ก็เพราะเหตุเพราะปัจจัย พระพุทธเจ้าบอกว่าอันนี้คือเหตุคือปัจจัย ให้พวกเราประพฤติปฏิบัติ ยกทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ เอาทุกสิ่งทุกอย่างพิจารณาสู่พระไตรลักษณ์ต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องที่เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างนี้
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee