แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ใน วันอาทิตย์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
เราทุกคนเป็นคน คนนั้นคืออวิชชาคือความหลง
เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ให้เราทุกคนพากันรู้นะว่า เราก็คือคน คือตัวคือตน
คืออวิชชาคือความหลง เราถึงได้พากันมาบวช
มาบวชเป็นพระเป็นเณรเป็นแม่ชี การมาบวชเป็นพระเป็นเณรเป็นแม่ชี
มันก็ยังเป็นคนอยู่นะ การที่เราจะหยุดความเป็นคนได้มันไม่ใช่ของง่าย
ทุกคนต้องพากันมาตั้งใจ พร้อมทั้งพากันประพฤติพากันปฏิบัติ
พระพุทธเจ้าบอกพวกเราว่า ความเป็นพระนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่
ไม่ล้าสมัยไม่หมดสมัย ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจ
ให้ถือเอาตัวอย่างแบบอย่างพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าสงสัยพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ให้เอาหลักตัดสินธรรมวินัย ๘
ประการมาตัดสิน พระพุทธเจ้าตรัสบอกลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ
คือ
๑. สราคาย เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ
๒. สังโยคาย เป็นไปเพื่อประกอบความทุกข์
๓. อาจยาย เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส
๔. มหิจฉตาย เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่
๕. อสันตุฏฐิยา เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ
2
๖. สังคณิกาย เป็นไปเพื่อความคลุกคลีหมู่คณะ
๗. โกสัชชาย เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
๘. ทุพภรตาย เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก
ธรรมเหล่านั้นพึงรู้ว่า ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่เป็นสัตถุสาสน์
คือคำสอนของพระศาสดา
…ถ้าธรรมเหล่าใด (อิเม ธัมมา)
๑. วิราคาย เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
๒. วิสังโยคาย เป็นไปเพื่อความปราศจากทุกข์
๓. อปจยาย เป็นไปเพื่อความไม่สะสมกิเลส
๔. อัปปิจฉตาย เป็นไปเพื่อความอยากน้อย
๕. สันตุฏฐิยา เป็นไปเพื่อความสันโดษ
๖. ปวิเวกาย เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
๗. วิริยารัมภาย เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
๘. สุภรตาย เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย
ธรรมเหล่านั้น จงรู้เถิดว่า เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์
คือคำสอนของพระศาสดา
3
พวกเราทุกคนพากันมาบวชมาปฏิบัติ เราต้องหยุดถือนิสัยของตัวเอง
ต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้ายกเลิก cancel หยุด Stop
ความรู้ความเข้าใจของตนเองที่มันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน
ให้เน้นเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
เพราะการรักษาศีลนี้ก็คือมาหยุดตัวหยุดตน
การมาเจริญสมาธิให้ติดต่อต่อเนื่องก็เพื่อมาหยุดตัวหยุดตน
มาเจริญปัญญาไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หยุดมีตัวมีตน
การปฏิบัติธรรมมันเป็นเรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของเราเอง
ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ ต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ทำไมถึงมีความสุข เพราะเราได้ทำถูกต้องได้ปฏิบัติที่ถูกต้อง
ทุกท่านต้องขวนขวาย ต้องมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ
ปัจจุบันเป็นการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกๆ คน
ต้องพากันรักษาศีลรักษาธรรม ต้องพากันหยุดตรึกนึกคิดในเรื่องของกาม
หยุดตรึกนึกคิดในเรื่องพยาบาท เพราะใจของเราทุกๆ คนในปัจจุบัน
มันคิดได้ทีละอย่าง ถ้าเราไปตรึกในกามในพยาบาท นั่นคือความเป็นคน
ใจตอนนั้นไม่ได้เป็นพระแล้ว ถึงจะโกนหัวห่มผ้าเหลืองนั่นคือคน ไม่ใช่พระ
ถึงจะโกนหัวห่มผ้าเหลืองหรือห่มผ้าขาว นั่นก็คือคน
ความเป็นพระของผู้ที่มาบวช ความเป็นเณรความเป็นแม่ชีของผู้ที่มาบวช
มันต้องเป็นทั้งกายทั้งใจนะ
ความเป็นพระของผู้ที่ไม่ได้บวชเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน
ก็สามารถเป็นได้ทั้งกายเป็นทั้งใจเหมือนๆ กัน ประชาชนคนที่เขาไม่ได้บวช
4
ก็เป็นพระได้ถึงอนาคามี เพราะมีภาระเยอะภาระมาก ไหนจะทำมาหากิน
ดูแลตนเอง ดูแลคนอื่น ดูแลประเทศชาติ ดูแลพระศาสนา
คำว่าดูแลก็หมายถึงให้ความอุปถัมภ์รับผิดชอบ ไม่ใช่มองอย่างเดียว
ต้องช่วยเหลือกัน
ผู้ที่ไม่ได้บวชก็ต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเหมือนกัน
พากันเข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ ให้ทุกคนเอาธรรมนำชีวิต
ไม่เอาตัวตนหรือว่าความเป็นคนนำชีวิต ทุกๆ
คนต้องมีความสุขในการเอาธรรมนำชีวิต มีความสุขในการรักษาศีล
มีความสุขในการปฏิบัติตามศีล พร้อมกับมีความสุขในการทำงาน
เพราะเรามีกายและก็มีใจ ก็ต้องมีความสุขในการปฏิบัติธรรม
เรามีใจก็มีความสุขในการทำงาน งานของเราทุกๆ
คนนั้นต้องไม่ไปเอาความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น
ผู้ที่ไม่ได้บวชต้องพากันมีศีล ๕ ด้วยใจด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์
เพื่อเราจะได้พัฒนาใจพัฒนางานไปพร้อมๆ กัน ถ้าเรามีความสุขในการทำงาน
ถ้าเรามีความสุขในการปฏิบัติธรรมนั้น มันไม่มีปัญหา
ทุกท่านทุกคนต้องมีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม
เพื่อให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
พระพุทธเจ้าให้พวกเราพากันทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
ให้ติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำจะได้เป็นแม่น้ำจะได้เป็นมหาสมุทร
เพื่อพวกเราจะได้พากันเป็นพระ
ความเป็นพระมันถึงเป็นได้ทั้งคฤหัสถ์ทั้งนักบวช
5
เราทุกคนต้องมีความสุขในการปฏิบัติธรรมในการปฏิบัติงานอย่างนี้
ความเป็นคนนั้นมันไม่ใช่ความสุขนะ มันเป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์
มันเป็นการสร้างปัญหาให้ตนเอง พระพุทธเจ้าบอกว่า
เพราะไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
ผู้ที่มาบวชถึงต้องพากันถือนิสัยของพระพุทธเจ้าคือพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่
ที่มีอยู่ในพระวินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐
พระธรรมขันธ์ที่เรามาสวดในพระปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือน ๒๒๗ ข้อ
ทุกท่านทุกคนที่พากันมาบวช ต้องพากันรักษาให้ได้หมด
ด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา ถ้าเราไม่ตั้งใจไม่เจตนาอย่างนี้
ก็ชื่อว่าเราไม่ลงใจให้พระพุทธเจ้า ใจของเราก็ยังเป็นคนอยู่
ยังเป็นนิติบุคคลตัวตนอยู่ การที่เราไม่เป็นนิติบุคคลไม่เป็นตัวไม่เป็นตน
เป็นพระนั้น มันเป็นการประพฤติการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ผู้ที่มาบวชพระพุทธเจ้าจึงบอกว่า เธอจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด
หมายถึงไม่มีตัวไม่มีตน ไม่ได้เป็นคนเป็นพระธรรมพระวินัย
ทำถูกต้องเพื่อความถูกต้อง เรียกว่าปฏิบัติที่ถูกต้อง มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ
ไม่ถือมั่นด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิว่า เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน
ถ้าเราไม่เข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
เราพากันมาบวชพากันมายินดีในเงินในทองในปัจจัย ๔
พระพุทธเจ้าถึงให้พากันเข้าใจนะ เพราะพระพุทธเจ้าเสียสละหมด
ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงครั้งเดียว ฉันแล้วไปไม่เก็บอะไรไว้
ความดีที่พวกนักบวชมาประพฤติมาปฏิบัติ
6
มันจะเป็นธนาคารหล่อเลี้ยงสิ่งที่ถูกต้องไปเอง พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ห่วง
ต้องเสียสละนิติบุคคลตัวตน สละสิ่งที่มันเป็นคน ไม่ได้เป็นพระ
ถ้าพูดธรรมะอย่างนี้ ในโลกนี้จะมีใครมาบวชหรือ
พูดธรรมะอย่างนี้ถึงอยากจะมีคนมาบวช เพื่อมาฝึกหัดปฏิบัติตัวเอง
ถ้ามาบวชไม่ทำเหมือนพระพุทธเจ้าไม่ปฏิบัติเหมือนพระพุทธเจ้า
มันก็เป็นพระไม่ได้ มันก็เป็นได้แต่เพียงคน
ความเป็นตัวเป็นตนมันมีความทุกข์นะ
เพราะชีวิตเราเป็นไปเพื่อประกอบความทุกข์ให้กับตัวเอง
ศีลนี้ถือเป็นสิ่งที่ดับทุกข์ สมาธิถึงเป็นสิ่งที่ดับทุกข์
ปัญญาสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องถึงเป็นสิ่งที่ดับทุ
กข์น่ะ เราทำไม่ถูกต้องมันคือคนนะ ปฏิบัติไม่ถูกต้องมันคือความหลงนะ
ความหลงมันทำให้จิตใจสกปรก
มันก้าวร้าวพระพุทธเจ้ามันกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ
มันถือเอาความหลงเป็นสิ่งที่ดับทุกข์นะ ถือเงินเป็นพระเจ้า
ถือตัวตนเป็นพระเจ้า
ความหลงนี้มันหยาบ มันเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่
ที่พากันตรึกในกามตรึกในพยาบาท
การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากทางทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก
มันเป็นเรื่องตรงกันข้ามนะ นั่นคือความตายนะ
ท่านพุทธทาสภิกขุจึงได้พูดออกมาทางวาจาและตัวอักษรว่า
7
ตายจากคนถึงเป็นพระ ที่ท่านเรียกว่าตายก่อนตาย “ตายก่อนตาย” นี่มี ๒
ความหมาย
ตายก่อนตายอย่างอันธพาลก็มี ตายก่อนตายอย่างพระอริยะเจ้าก็มี
“ตายซะก่อนตายอย่างอันธพาล” ก็หมายความว่ามันเลว เลวหมดท่าเลย
มีความประมาทเต็มที่ก็เรียกว่าคนตายแล้วเหมือนกัน...
มันยังเดินได้อยู่แต่มันตายแล้ว โดยพุทธภาษิตว่า เย ปะมัตตา ยะถา มะตา
ปะมาโท มัจจุโนปทังประมาทเป็นทางแห่งความตาย เย ปะมัตตา ยะถา มะตา
“ผู้ประมาทแล้วชื่อว่าคนตายแล้ว” เป็นพระพุทธภาษิต
ตายอย่างอันธพาล คือคนโง่ คนหลง คนพาล คนประมาทถึงที่สุด
นี่ถือว่าเป็นคนตายอยู่ตลอดเวลา คนอย่างนี้ก็จะตายแล้วก่อนตายเหมือนกัน
แต่มันตายอย่างอันธพาล
ที่นี้ถ้าว่า “ตายอย่างพระอริยะเจ้า” ตายแล้วก่อนตายหมายถึงว่า
มันมีสติปัญญารู้ว่าไม่มีตัวฉัน ไม่มีของฉัน ไม่มีตัณหา ไม่มีอุปาทานเกิดขึ้นได้
อย่างนี้ตัวกูตายไป ตัวกูของกูตายไป เหลือแต่เบญจขันธ์ที่บริสุทธิ์
หรือในขณะนั้นกำลังเป็นเบญจขันธ์ที่มีปัญญา หรือความบริสุทธิ์
อย่างนี้ก็เรียกว่าตายแล้วเหมือนกัน ตัวฉันตัวกูตายแล้วตั้งแต่ก่อนตาย
แล้วไม่มีความทุกข์ เป็นตายก่อนตายชนิดที่ถูกต้อง ที่ควรปฏิบัติ
เป็นวิธีของพระอริยะเจ้า...
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรเอาไปดู ไปพิจารณาดูไป
ทดสอบดูให้เห็นชัดอยู่เสมอว่ามันมีอยู่ ๒ ความหมายอย่างนี้
8
ไอ้ตายก่อนตายชนิดหนึ่งใช้ไม่ได้ มันเลวถึงที่สุดไปเลยคือ เป็นประมาท
เป็นความไร้ ไร้ค่า ไร้ความหมาย ไร้สาระไปเลย แต่อีกทางหนึ่งเป็นเรื่องสูงสุด
มีสาระถึงที่สุด เป็นนิพพาน ไม่มีความทุกข์อีกต่อไป
นี่มันเกี่ยวกับจิตใจ มีอะไร ถ้ามีอวิชชา
มีความโง่มันก็ตายก่อนตายอย่างอันธพาล เอากิเลสตัณหาเข้าว่า
ตัวกูไม่มีเอาแต่กิเลสตัณหาตามที่มันต้องการ มันก็ทำไปอย่างอันธพาล
เป็นจิตว่างอย่างอันธพาล เอาประโยชน์ท่าเดียวไม่ต้องคิดถึงอะไร
ที่นี้ถ้ามันมีสติปัญญา มันรู้ตามความเป็นจริง รู้ธรรมะที่ว่า
ธรรมะสักว่าธรรมะ ธรรมชาติสักว่าธรรมชาติ ไม่มีสัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา
อย่างนี้มันก็เป็นว่างอย่างแท้จริง เป็นว่างอย่างพระอริยะเจ้า
หรือว่าตายเสียก่อนตายตามแบบของพระอริยะเจ้า แล้วเราก็หมายกันถึงข้อนี้
ไอ้อย่างแรกมันมีตัวกูของกู คิดดูว่าจัดจนไม่รับผิดชอบ จนไม่รับรู้
ไม่รับผิดชอบมันมีตัวกูของกูเดือดจัดขนาดนั้น อย่างนั้นตายก่อนตายเหมือนกัน
ยังหายใจได้ก็ตาย ตายจมดิ่งโลกันต์ มหานรกไปเลย ที่นี้ถ้ามันมีสติปัญญา
ไม่ยึดถือตัวกูของกู มันก็ตายก่อนตายเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องนิพพานไปเลย
มันคนละแบบ
การที่เราจะถือนิสัยของพระพุทธเจ้า เราต้องหยุดจากความเป็นคน
เพื่อให้เป็นธรรมเป็นวินัย เราต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้า
มันต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง
9
ต้องมีตั้งใจตั้งเจตนาให้เต็มที่ อย่าพากันใจอ่อน
ใจอ่อนก็คือหนังม้วนเก่าฉายไม่หยุดสักที หนังม้วนเก่าก็ฉายอยู่อย่างนั้น
การไม่หยุดตัวเองก็คือฉายหนังม้วนเก่า พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้เรารู้อริยสัจ ๔
รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ความดับทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
เพื่อจะหยุดฉายหนังม้วนเก่า เราต้องหยุดจากความเป็นคน
ไม่ตรึกในกามในพยาบาท ที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาที่ติดต่อต่อเนื่อง
ถ้าไม่เช่นนั้นเราพากันมาบวช ยังมายินดีในปัจจัย เทคโนโลยีสมัยใหม่
ได้พัฒนาจากการเรียนการศึกษา
จากการค้นคว้าตามหลักเหตุตามผลตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เป็นพุทธะทางวัตถุ
ที่มันได้ก้าวไปอย่างติดต่อต่อเนื่อง เราต้องพัฒนาพุทธะทางจิตใจ
ด้วยการตายจากความเป็นคน ที่มันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง
ทุกท่านทุกคนต้องจิตใจเข้มแข็ง จิตใจที่มีปัญญาถึงเสียสละสิ่งที่มันเป็นตัวตน
เพื่อทำตามพระพุทธเจ้า
ศีลนั้นคือความหยุด สมาธินั้นคือความหยุด ปัญญานั้นคือความหยุด
ทุกคนต้องยึดมั่นถือมั่น คือยึดมั่นในศีล มีความตั้งมั่นในสมาธิในปัญญา
เพราะศีลสมาธิปัญญานั้นเปรียบเสมือนเครื่องบินให้เราขับขึ้นสู่ท้องฟ้านภากาศ
ข้ามภูเขาข้ามทะเลข้ามมหาสมุทร เราจะเดินทางไกลข้ามภัยอันตราย
เราต้องมีญาณอย่างนี้แหละ เครื่องบินมันต้องเป็นขาขึ้น
ข้ามภูเขาข้ามทะเลข้ามมหาสมุทร
เราทุกคนต้องมีพลังที่เข้มแข็งที่พระพุทธเจ้าบอกว่าอิทธิบาท ๔
ที่เป็นพลังงานทะยานข้ามไปสู่ความสำเร็จ
10
สมัยโบราณเทคโนโลยียังไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้
ทุกวันนี้เทคโนโลยีและบ้านเมืองก็เจริญ
นักบวชพร้อมทั้งคฤหัสถ์จึงต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
เพราะยิ่งเทคโนโลยีเจริญจิตใจของเราก็ต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
เราต้องพากันปฏิบัติต่อวัตถุที่มันเจริญให้ถูกต้อง
ความเจริญทางวัตถุนั้นมันมีทั้งคุณมีทั้งโทษ
อย่าให้ไอ้วิชาอย่าให้ความหลงมันครองจิตใจของเรา
พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ให้ทุกท่านทุกคนพากันเอาใจใส่
อย่าได้พากันละเมิด ก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันปรินิพพาน
พระพุทธเจ้าก็ยังถามเหล่าภิกษุสงฆ์สาวกว่า
มีสิกขาบทไหนบ้างที่จะตัดออกที่ไม่จำเป็นน่ะ
หลังจากที่พระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพานได้ ๓
เดือนพระมหากัสสปะก็ประชุมสงฆ์ทำสังคายนาครั้งแรก
ก็สอบถามความเห็นของคณะสงฆ์
ซึ่งได้ลงมติว่าไม่มีสิกขาบทไหนที่ยกเลิกและไม่บัญญัติเพิ่มเติม
พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างไรบัญญัติไว้อย่างไรก็คงไว้อย่างนั้น
เราพากันไปตรึกนึกคิดในกามตรึกนึกคิดในพยาบาท มันหยาบนะ
สิ่งที่มองเห็นภายนอกน่ะ ที่พวกเราประมาท พากันรับเงินรับปัจจัย
รับเองก็ดีให้ผู้อื่นรับแทนก็ดี
นั่นแหละคือความประมาทความเพลิดเพลินความอาลัยอาวรณ์
11
เมื่อเรามองเห็นด้วยตาอย่างนี้ จะว่าไม่ประมาทได้อย่างไร
นั่นคือความเพลิดเพลินคือความประมาทนะ
เราไม่ต้องไปอาลัยอาวรณ์มันหรอก
ถ้าเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเหมือนที่พระพุทธเจ้าสอน โลกสมัยใหม่ทุกวันนี้
ก็ไม่มีที่จะเก็บของหรอก เพราะเขาอยากทำบุญอยากตักบาตร
เขาก็อยากอุปัฏฐากอยากอุปถัมภ์
อย่าพากันเข้าใจผิด ให้พากันเข้าใจถูกนะ เราจะได้ตามพระพุทธเจ้า
อย่างวัดเรานี้นะ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ให้เรามีโทรศัพท์มือถือ
เพราะเป็นการไม่เหมาะสมสำหรับผู้มาบวช
เพราะผู้มาบวชต้องหยุดตรึกในกามหยุดตรึกในพยาบาท
เพราะว่าโทรศัพท์นั้นมันจะทำให้จิตใจของเราหมกมุ่นในกามหมกมุ่นในพยาบ
าท จะทำให้จิตใจของเราไม่มีปัญญา
โทรศัพท์มือถือนี่แหละพากันใช้เพื่อที่ทำธุรกิจหน้าที่การงาน
พระเณรชีเราไม่ได้ทำธุรกิจหน้าที่อะไร โทรศัพท์มือถือนี้ถึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
โทรศัพท์มือถือนี้มันร้ายนะร้ายมากร้ายจริงๆ
ถ้าพระเราน่ะอยากจะมีโทรศัพท์มือถือ เพื่อตนเองจะได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่นนี้น่ะ
ต้องพากันคิดให้ดีๆ เพราะการมีโทรศัพท์มือถือนั้นน่ะ
เท่ากับพากันมีเมียนี่แหละ หรือจะหนักกว่ามีเมียซะอีก
เพราะมีเมียน่ะมันใส่กระเป๋าไม่ได้ใส่ย่ามไม่ได้
แต่โทรศัพท์มันใส่กระเป๋าใส่ย่ามได้นะ
12
ประเทศของเรา ท่านที่มีหน้าที่ปกครองต้องพากันรู้
เพราะการปกครองทุกวันนี้ต้องอาศัยโทรศัพท์อาศัยคอมพิวเตอร์ จึงต้องพากันรู้
ใช้ให้เป็นเวลา ไม่ใช่ทั้งวันทั้งคืน เราใช้วัตถุรอก็ต้องมีปัญญา
เขาให้เราเป็นนักปกครอง ก็เพื่อมาเสียสละให้ชัดเจน
มีพุทธะทั้งทางด้านจิตใจและทางวัตถุ ตำแหน่งผู้ปกครอง
ถึงเป็นตำแหน่งที่ต้องพัฒนาทั้งวัตถุทั้งใจควบคู่กันไป
นักปกครองทั้งหลายก็ต้องจัดแจงตนเองก่อน
พระพุทธเจ้านะท่านทรงสอนตนเอง 100% พระองค์จึงได้มาบอกสอนผู้อื่น
100% ได้ หลวงพ่อชาวัดหนองป่าพงท่านก็ได้สั่งสอนเราลูกศิษย์ว่า
ผมนี่สอนตนเองร้อยเปอร์เซ็นต์ สอนพวกท่านเพียง 5% นะ
พระวินัยที่รู้อยู่ทั้งหมดนี้น่ะท่านตั้งใจรักษาหมดทุกข้อ
นักปกครองผู้ที่เป็นผู้นำมีพุทธะจากการเรียนพระวินัยพระสูตรพระอภิธรรม
และมีพุทธะทางการประพฤติการปฏิบัติให้สมบูรณ์ ไม่ใช่ไปหาบอกคนอื่น
แต่ตัวเองไม่ปฏิบัติ อันนี้ไม่ใช่นะ อันนี้เป็นความวิบัตินะ
มันเป็นการเสียหายนะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันสีดำสีเทาสีสกปรก
เป็นสิ่งที่หยาบนะ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชจนถึงตำแหน่งภิกษุบวชใหม่
ล้วนแต่เป็นตำแหน่งที่เสียสละนิติบุคคลตัวตน
เราทุกคนต้องพากันมาเสียสละ เราอย่าไปว่า
เราเป็นนักเรียนนักศึกษาเป็นพระเป็นเณรวัดบ้าน
การปฏิบัตินั้นไม่มีวัดบ้านวัดป่านักเรียนนักศึกษาหรอก
แต่เป็นตำแหน่งที่ทุกท่านทุกคนต้องพากันประพฤติปฏิบัติ
13
ถ้าเราไม่มีการประพฤติการปฏิบัติ
เราจะส่งผลัดรุ่นน้องรุ่นลูกรุ่นหลานได้อย่างไร
อย่าไปคิดเรื่องวัดบ้านวัดป่านักศึกษาหรือพระกรรมฐาน
เพราะก็ปฏิบัติได้เหมือนๆ กันหมด เพราะการปฏิบัติต้องเน้นที่ตัวของเราเอง
ไม่ได้ไปแก้ไขที่คนอื่นหรอก มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ
เมื่อเราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เราก็ไม่ได้เป็นพระ เป็นได้แต่เพียงคน
เพราะเราก็ได้กลับมาแก้ไขตนเองเลย มีแต่ความหลงลามปามไปเรื่อย
เราไม่เข้าใจเราจะพากันสร้างแก๊งโจรให้กับตนเองนะ
ไม่ต้องไปหาโจรที่ไหนล่ะ โจรมันอยู่ที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี่แหละ
ตัวตนกับโจรก็คืออันเดียวกัน มันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์
เราไม่มีโทรศัพท์มือถือ สำหรับผู้ที่พัฒนาเรื่องจิตใจเป็นพุทธะ
ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะการปฏิบัติธรรมน่ะ ถ้าเราไม่มีตัวไม่มีตน
มันฉลาด ถ้ามีตัวมีตน มันไม่ฉลาด ก็จะว่าต้องมีโทรศัพท์มันจำเป็นน่ะ
อย่างนี้แสดงว่าไม่ฉลาดแล้ว มันมีตัวมีตนมีกามมีพยาบาท
ผู้ที่เป็นฝ่ายปกครองก็ต้องจัดการตนเองให้เต็มที่
ที่จะต้องใช้โทรศัพท์ก็ดีคอมพิวเตอร์ก็ดี เพื่อจะได้ทันสมัย แต่ต้องฉลาด
คือคือไม่ประมาท ต้องบริโภคใช้สอยด้วยปัญญา อย่าพากันหลงประเด็นนะ
ความหลงน่ะ มันสั่งสมความเป็นโจรเป็นมหาโจรนะ มันเพิ่มความกำหนัดยินดี
เป็นไปเพื่อตัวตน เป็นไปเพื่ออยากใหญ่อยากดัง มันระเบิดเถิดเทิงไปเรื่อย
ผู้ที่มาบวชชั่วคราว ก็ต้องพากันตั้งใจอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนนะ
ถ้าไม่เอาอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนก็อย่าพากันมาบวช
14
คนไม่ได้มาบวชก็ยังดีกว่าพากันมาเป็นโจรนะ
เพราะคนเรามันมีปากมีท้องมีข้าวมีอาหารมีที่พัก มันเสียทรัพยากรน่ะ
ถ้าเราไม่เอามรรคผลนิพพานพากันมาบวช มันไม่ถูกต้องนะ
พระเก่านะต้องพากันพิจารณาตนเอง พากันแก้ไขนะ
เพราะว่าพระเก่าต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่างให้กับพระใหม่
ถ้าปฏิบัติไม่ได้ก็ให้พากันลาสิกขาไปเสีย อย่าพากันมาบวชเลย
ไม่มีใครมาบวชเลยก็ยังดีกว่าพากันมาเป็นโจรนะ
เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอานิติบุคคลเอาตัวตนเป็นหลักมันไม่ได้
ถึงจะทำกันมากจนเป็นประชาธิปไตย แต่ก็เป็นประชาธิปไตยสีดำ
เอาตัวตนเป็นที่ต่างเรียกว่าประชาธิปไตยสีดำ
เราจะเอาประชาธิปไตยปกครองศาสนาไม่ได้ ศาสนาต้องไม่มีสีดำ
ให้ทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้นะ พระพุทธเจ้าถึงว่า
อลัชชีคนเดียวที่ไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป ไปอยู่ที่ไหน
ทำให้พระที่ยังเป็นเสขะบุคคลเสื่อมตามนะ ร้อยองค์ก็จะเสื่อมตามหมด
จะพลอยพากันถือเงินเป็นพระเจ้า ถือเอาความหลงนั้นว่าเป็นพระ
ถือเอาความหลงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราจะจัดการสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ยากหรอก
เพราะเรามาจัดการตนเองอย่างเต็มที่ มันต้องตายน่ะ ตายจากตัวจากตน
ถ้าไม่ตายจากตัวจากตัวมันก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าเราไม่มีตัวไม่มีจดเลย
เราถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยนะ พระธรรมพระวินัยไม่มีตัวไม่มีตน
เพราะทุกคนอย่าไปอวดดีอหังการ มมังการ ที่พากันไปแก้ไขคนอื่นน่ะ
ต้องพาการแก้ไขตัวเองนี่แหละ
15
ถ้าแก้ไขตัวเองไม่ได้เราจะไปปกครองคนอื่นได้อย่างไร
มันเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ พระเก่าแล้วก็โยมวัดก็พากันแก้ไขตัวเองอย่างเต็มที่
ถ้าว่าปฏิบัติไม่ได้ก็อาราธนาให้สึกไปเนาะ ไม่มีข้อแม้ใดใดทั้งสิ้น
เราทุกคนต้องมีเมตตาตนเอง จะปล่อยให้ตนเองเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างไร
คนเราถ้าประพฤติปฏิบัติธรรมในปัจจุบัน มันไม่นานหรอก
เพราะว่าการประพฤติปฏิบัติมันติดต่อต่อเนื่อง
คนเราเห็นรูปส่วนใหญ่จะมีใครพิจารณาให้เข้าสู่อนิจจัง สู่ทุกขัง สู่อนัตตา
ส่วนใหญ่มีแต่ปล่อยไปตามสัญชาตญาณเฉยๆ
พระพุทธเจ้าถึงให้เราพัฒนาจิตใจ เพราะตามสัญชาตญาณแล้ว
ถ้าอันไหนมันไม่บาป มันจะไม่คิด อันไหนไม่บาป มันจะไม่พูด อันไหนไม่บาป
มันจะไม่ทำ เพราะอันนี้มันเป็นอาหารของการเวียนว่ายตายเกิด เขาถึงเรียกว่า
ตายแล้วไปไหน ก็ไปยังที่ชอบๆ
มันก็ชอบคิดแต่ในสิ่งที่เป็นภพภูมิที่มันกำลังหลงอยู่
การประพฤติปฏิบัติจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เป็นงานของเราโดยเฉพาะ
พระพุทธเจ้าถึงไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเดรัจฉานกถา เดรัจฉานวิชา เข้าสู่ทางสายเอก
สู่การเจริญสติปัฏฐาน ๔ คนเรามันก็ขาดตอนนี้แหล่ะ
เช่นเอาเวลาที่เราจะเจริญสติสมาธิเจริญกรรมฐาน ไปเล่นโทรศัพท์ ไปเล่นไลน์
พระที่มีโทรศัพท์มือถือ มีอินเตอร์เน็ตเฟสบุ๊คนี้ ถึงไปมรรคผลนิพพานไม่ได้
เพราะเป็นเดรัจฉานกถา เพราะว่านี่มันไม่ใช่ทางเดินของพระอริเจ้า
ทุกคนต้องเห็น ต้องมีปัญญา
ต้องใจเข้มแข็งเพราะว่าการจะเอาสิ่งที่มันยากสุดออกจากจิตใจมันต้องอาศัยคว
16
ามเพียร เหมือนเขาผ่าตัดสมอง มันต้องอาศัยใจเย็น มือนิ่ง ทำช้าๆ
คนฟุ้งซ่านมันทำไม่ได้นะ...
การรักษาพระวินัย
มันก็เหมือนกับอุปกรณ์เครื่องบินถ้ามันขาดตัวใดตัวนึงมันก็บินไม่ได้
อุปกรณ์รถยนต์ก็เหมือนกันถ้ามันขาดตัวใดตัวนึงมันก็วิ่งไม่ได้
เพราะว่ามันต้องมีเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะได้ไม่เป็นเพียงนักปรัชญา
ถ้างั้นไม่ได้ พระวัดป่าก็จะกลายเป็นพระวัดบ้าน
พระวัดบ้านจะกลายเป็นประชาชน ประชาชนก็จะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เพราะเราไม่ได้เอาธรรมเอาพระวินัย เราคิดดูดีๆ มันขาลง
เราต้องเอาใหม่พระพุทธศาสนาไม่ใช่มันจะตกต่ำขึ้นลงเป็นทอดๆ
มหาวิทยาลัยนาลันทาก็ถูกเผาถูกอะไรไป เพราะว่าความประพฤติมันเป็นขาลง
ถ้างั้นไม่ได้ น่าจะต้องพัฒนา ถ้าพระเราดี พระก็คือทั้งประชาชนทั้งภิกษุมันจะดี
การบ้านการเมืองก็จะดีไปพร้อมๆ กัน เทคโนโลยีก็จะมีประโยชน์
ต้องมีศีลเสมอกันภาพรวมของประเทศ ภาพรวมของทุกวัด
ภาพรวมของทุกครอบครัว ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่
การปฏิบัติของเราถึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เราทุกคนถึงต้องพากันมาเสียสละ
เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของมหาชน เพื่อกตัญญูกตเวที
ต่อยอดสืบทอดความถูกต้อง เพราะชีวิตของเรามันไม่จีรังยั่งยืน
ไม่กี่สิบปีก็ต้องจากโลกนี้ไป เราจะมาหลงมาเพลิดเพลินอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee