แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง มนุษย์ที่สมบูรณ์ ตอนที่ ๗๗ การเรียนการศึกษาที่ไม่มีธรรมนำใจ ย่อมพาเราไปสู่ความพินาศ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
เราทุกคนต้องเอาธรรมนำใจ เพื่อเป็นไปให้ไม่ประกอบทุกข์ พัฒนาใจพร้อมทั้งพัฒนาวัตถุเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะได้มีแต่คุณไม่มีโทษ มีความสุขในการปฏิบัติธรรม มีความสุขในการทำงานไปพร้อมๆ กัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือเหตุนั้นคือปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี เราทุกคนจะได้เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะ มาทำประโยชน์ตนและประโยชน์คนอื่น เป็นอริยมรรคเป็นหนทางดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เอาพุทธะตัวผู้รู้ครองใจในการประพฤติการปฏิบัติ ความถูกต้องก็คือความถูกต้อง เหตุปัจจัยก็คือเหตุปัจจัย ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หากเป็นกระบวนการของเหตุของปัจจัย
ความรู้ความเข้าใจเป็นคู่การปฏิบัติในปัจจุบัน เพื่อเราทุกท่านจะได้มีสติ สติคือความสงบสติคือความหยุด สติกับสมถะนั้นคือตัวเดียวกัน สัมปชัญญะนั้นคือตัวปัญญา การประพฤติการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่องที่มันเป็นความหยุดที่มันเป็นความสงบ ที่มันเป็นสมถะอย่างนี้ เรียกว่าศีล ที่มันติดต่อต่อเนื่องกันอย่างไม่ขาดสาย มันจะเป็นสัมมาสติสัมมาสมาธิ มันจะตัดอวิชชาตัดความหลงที่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ชีวิตของเรามันจะเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราต้องเอาธรรมนำใจ ไม่ใช่เอานิติบุคคลเอาตัวเอาตัวนำใจ หยุดเอาโลกธรรมนำใจ เราจะได้มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน
ทุกท่านทุกคนต้องพากันมีสติมีสัมปชัญญะ ใจของเราทุกคนมันคิดได้ทีละอย่าง เมื่อเราเอาธรรมนำใจ สิ่งที่มันเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตนมันก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ โลกธรรมมันก็จะครอบงำใจของเราไม่ได้ ความดับทุกข์ของผู้ประพฤติผู้ปฏิบัติก็จะมีอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง โดยมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ตัวพุทธะมันจะได้ตัดอวิชชาตัดความหลง ชีวิตของเราจะเอาไสยศาสตร์เอาอวิชชาเอาความหลงครองใจของเรานั้นไม่ได้
การเรียนการศึกษาต้องให้มันเป็นสัมมาทิฏฐิ อย่าให้มันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ของพวกเรา ทุกท่านทุกคนต้องพากันรู้ มันเป็นไปไม่ได้ที่การเรียนการศึกษาเพื่อเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ที่เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง การเรียนการศึกษาของเรา เราเรียนเราศึกษาเพื่ออำนวยความสุขความสะดวกทางส่วนวัตถุ เพื่อเป็นพุทธะผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานทางวัตถุ เพื่อหยุดความทุกข์ในส่วนร่างกาย การเรียนการศึกษาต้องมาจากพุทธะ การเรียนการศึกษานั้นจะไม่มีโทษมีแต่คุณ ต้องพากันรู้เรื่องในการเรียนการศึกษา เข้าใจความหมายในหนังสือเล่มนั้นในอาจารย์ท่านสอนท่านอธิบาย ความรู้นี้ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อเราทุกคนจะได้เอาธรรมนำใจ ไม่ได้เอานิติบุคคลนำใจ ที่เราเอาการเรียนการศึกษาไปการันตีความรู้ความเข้าใจ เพื่อเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน การศึกษาอย่างนั้นมันเรียกว่าเป็นนายทุน เป็นการลงทุน การศึกษานั้นเป็นไปเพื่อการประกอบทุกข์ มันเป็นการเรียนการศึกษาเป็นไปเพื่ออวิชชาเพื่อความหลง โลกเรามีการเรียนมีการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งนิติบุคคลซึ่งตัวตน ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ นี่มันสุดยอดแห่งอวิชชาแห่งความหลง มันไม่ใช่สติมันไม่ใช่ปัญญา มันเป็นการเรียนการศึกษาของผู้ที่ไม่รู้อริยสัจ ๔ ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ หากเอาจิตใจไปตั้งด้วยความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน
ทุกท่านทุกคนมีการเรียนการศึกษา เพื่อจะแก้ไขซึ่งตัวซึ่งตน ที่เราจะได้พากันประพฤติพากันปฏิบัติ การศึกษาคู่กับการประพฤติการปฏิบัติมันแยกกันไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษาเพื่อมาเป็นนายทุน คือการลงทุนในการเรียนการศึกษาเพื่อเป็นบุคคลเป็นนิติบุคคล นี้ไม่ใช่สติไม่ใช่สัมปชัญญะ มันไม่มีประโยชน์สำหรับเรา มันไม่มีประโยชน์สำหรับคนอื่น นี่เป็นความเข้าใจผิดปฏิบัติผิด ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจชีวิตของเราต้องพากันมีสติมีสัมปชัญญะ อย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความเห็นผิดเข้าใจผิด อย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความประกอบทุกข์ ความทุกข์มันเป็นสิ่งที่มีอยู่ เราไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราได้เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราได้เอาธาตุเราได้เอาขันธ์เราได้เอาอายตนะที่มีความเห็นผิดเข้าใจผิดเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์นั้น ไม่ได้นะ
ทุกท่านทุกคนต้องเสียสละซึ่งนิติบุคคลซึ่งตัวซึ่งตน ถ้าเราไม่เสียสละร่างกายมันแก่มันเจ็บมันตายมันพลัดพราก ใจของเราที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ ไม่ใช่พุทธศาสนาไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะเลย เราได้ถูกโลกธรรมมันครอบงำใจ พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุกคนเอาธรรมนำใจเพื่ออบรมบ่มอินทรีย์สร้างบารมี เพื่อเป็นกรรมฐานคือความหยุดที่หยุดติดต่อต่อเนื่องที่เปรียบเสมือนสายน้ำที่เป็นสัมมาสมาธิ ถ้าเราเอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะเป็นตัวเรา มันก็ไปไม่ได้ ความเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตนคือการพัฒนาเข้าสู่ความมืดความเข้าสู่ความหลง
เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐ เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราทุกคนไม่ต้องเผาตัวเองด้วยอวิชชาด้วยความหลง ความหลงนี่แหละมันเผาเรา มันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ ความไม่เข้าใจเรียกว่าความหลง ความหลงนี้มันเป็นเผด็จการให้เรามีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด การดำเนินชีวิตเราจึงเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ การเรียนการศึกษาถึงเป็นไปเพื่อนิติบุคคลเป็นตัวตน นั้นเรียกว่าการลงทุน เรียกว่านายทุน พระพุทธเจ้าถึงให้เข้าใจความหมายของการเรียนการศึกษา ทั้งฝ่ายวิทยาศาสตร์ทั้งฝ่ายศาสนา ต้องพากันมีสติมีสัมปชัญญะ ถ้าเอาความหลงเป็นที่ตั้ง การเรียนการศึกษานั้นจะเรียนจะศึกษาเพื่อเอาแต่ใบประกาศอย่างเดียว
การเรียนการศึกษา ต้องศึกษาเพื่อสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราดูโลกใบนี้โลกผืนนี้ที่มีการพัฒนาการเรียนการศึกษา ไม่ได้เรียนศึกษาเพื่อให้เกิดพระนิพพาน เพื่อให้เกิดสันติภาพ มันเป็นการเรียนการศึกษาไปเพื่อประกอบทุกข์ ไม่ใช่ความดับทุกข์ เราจะเรียนจะศึกษาไม่ได้เป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ทางร่างกาย เพื่อการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ทางจิตใจ นี้ไม่ใช่การศึกษาอย่างพุทธนะ
การบริหารบ้านเมืองเมื่อไม่ได้เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ มันเป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ เราได้มีการเรียนการศึกษาแล้วมีการแข่งขันกันเพื่อนิติบุคคลเพื่อตัวตน มันไม่ได้ มันเสียหาย บ้านเราบ้านเมืองเราก็มีแต่การแตกแยกแตกสามัคคี เพราะบ้านเมืองเรามุ่งเป็นโจรเพื่อทำลายความถูกต้อง มันจะมีประโยชน์อะไรในการเรียนการศึกษาที่มีความเห็นผิดเข้าใจผิด มันมีตัวมีตนตัวตน มันได้ปลูกฝังในดีเอ็นเอคิดว่า เรียนเพราะจำเป็น ทำงานเพราะจำเป็น
การเรียนการศึกษาเป็นการพัฒนาเพื่อจะได้ไม่หลง จะได้มีทั้งสติมีทั้งปัญญา ตัวปัญญาเรียกว่าพุทธะที่เป็นอมตะที่เป็นสิ่งที่ไม่ตาย ที่เราตายคือความเกิดความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพราก การศึกษากับการปฏิบัติมันแยกกันไม่ได้ ถ้าแยกการศึกษาการปฏิบัติ นั่นแสดงว่าเราศึกษาเป็นไปเพื่อนิติบุคคล มันเป็นการที่จะแก้ภายนอก ตัวเราไม่ได้แก้ พระพุทธเจ้าท่านแก้ตัวเอง 100% เราไม่รู้ความทุกข์ เราคิดว่าไม่มีตัวไม่มีตน มันจะมีความดับทุกข์ได้ยังไง คนเราถึงต้องมีความสุขในการปฏิบัติธรรม มีความสุขในการทำงานไปพร้อมๆ กัน สำหรับพวกเด็กๆ ต้องมีความสุขในการเรียนหนังสือ การทำงานต้องปรับตัวเข้าหาธรรมะ ในการเรียนการศึกษา
การศึกษานี้มันต้องมีกับเราทุกคนในปัจจุบัน หมายถึงทุกคนมีชีวิตอยู่มันต้องมีผัสสะในกาย มันต้องมีผัสสะ เราต้องมีพุทธะ เพราะเรายังเป็นเสขะบุคคล มันต้องมีผัสสะ ต้องเจริญพุทธะ เราตามผัสสะไปไม่ได้ เรารู้ผัสสะเราหยุดผัสสะเรียกว่าศีล เราทำติดต่อต่อเนื่องเรียกว่าสมาธิ นี่ยิ่งเรียนก็ยิ่งเป็นนิติบุคคล ไม่เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มหาวิทยาลัยสงฆ์ไหนๆ ก็ต้องแย่ เพราะการเรียนการศึกษาก็เพื่อจะเอาใบประกาศอย่างเดียว ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องพากันทำได้ปฏิบัติได้ ถึงจะบอกพวกเด็กๆ ที่เป็นสามเณรที่เป็นพระนวกะ เมื่อเราศึกษาเพื่อตัวเพื่อตน จะเอาอะไรไปบอกเขา พากันเรียนในหนังสือก็เพื่อเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เพราะเราเอาอวิชชาความหลงมันคือไสยศาสตร์ เมื่อเราเป็นไสยศาสตร์ พุทธะมันไม่มี เพราะใจเราคิดได้อย่างเดียว เมื่อใจเราหลง พุทธะก็เกิดไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษาเพื่อเสียสละ ถ้าเราไม่แก้ไขมันก็ไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาคนอื่นแล้วไม่แก้ไขตนเอง อย่าไปคิดว่ามันยาก ก็เพราะเรามีตัวมีตน มันก็ยากสิ เพราะเราเอาตัวเอาตนเอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะมันก็ต้องมีความทุกข์ สักกายทิฏฐิที่มีทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน มันทำให้ตัวเองเสียหาย มันทำให้ส่วนรวมเสียหาย มันทำให้ประเทศเราไม่ค่อยมีข้าราชการ มีแต่คนมาโกงกินคอร์รัปชั่น ทำให้ประเทศเราไม่ค่อยมีนักการเมือง มีแต่มาโกงกินคอร์รัปชั่น ทำให้พระศาสนาทุกศาสนาไม่มี มีแต่ไสยศาสตร์มีแต่ความหลงมีแต่ตัวมีแต่ตน
เราพากันมาคิดดูสิ เมื่อมันไม่ถูกต้องก็คือไม่ถูกต้อง นั่นมันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันเป็นเผด็จการที่ครองด้วยอวิชชาครองด้วยความหลง พระพุทธเจ้าถึงไม่ให้เราตรึกในกามตรึกในพยาบาท เพื่อให้พุทธะให้ศีลเกิดติดต่อต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการเรียนการศึกษาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะว่ามันเป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งความประกอบทุกข์ เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งอบายแห่งการนำไปสู่ความเสื่อม
เราทุกท่านทุกคนไม่เอาความผิดความไม่ถูกต้องเป็นการดำเนินชีวิต ความอร่อยของอวิชชาของความหลงนี้มันฝังลึกมากนะ ให้ทุกคนพากันเข้าใจถ้าเราไม่หยุดไม่ Stop ด้วยศีลที่สม่ำเสมอที่ติดต่อต่อเนื่องเป็นสายน้ำ นั้นไม่ได้ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าสมณะที่ ๑ ๒ ๓ ๔ นั่นคือศีลที่ติดต่อต่อเนื่องที่เป็นสัมมาสมาธิ โลกธรรมที่เป็นอวิชชาความหลงมันไม่มีโอกาสที่ครอบครองจิตใจของเราได้ ด้วยเหตุที่เราปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง มันจะตัด DNA ของอวิชชาความหลง การปฏิบัติของเราก็จะเป็นพุทธะ มันเป็นการศึกษาที่ถูกต้องมันเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
เราเรียนเพื่อตัวเพื่อตนมันก็เครียด เพราะตัวตนมันคือความเครียด เรียนแต่ละชั้นหนังสือมันก็เยอะ หนังสือใครจะไปจำได้หมด มันต้องเข้าใจความหมายเพราะเราเรียนแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ไม่ได้เรียนเพื่อจะเอา ทุกท่านทุกท่านทุกคนต้องพากันเอาธรรมปกครองจิตใจ อย่าได้แยกศาสนาออกจากการเรียนการศึกษา เราอย่าไปแยกศาสนาออกจากการทำงาน ต้องพัฒนาการศึกษากับพัฒนาการเรียนเพื่อเข้าหาความดับทุกข์ ทั้งทางจิตใจกับทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน
เราพากันคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด ก็ต้องพากันรู้นะ เราจะไปคิดว่ารู้อยู่แต่ว่ามันปฏิบัติไม่ได้ ทุกท่านทุกคนต้องกลับมาหาสติมหาสัมปชัญญะ มามีสติรู้ตัวก็พร้อม ถ้ายังไม่สงบก็ Stop หยุดลมหายใจไว้ก่อน เมื่อมันทนไม่ไหวมันก็จะกลับมา จึงต้องกลับมาหาสติมาหาสัมปชัญญะ ต้องเอาความถูกต้อง อย่าเอาความหลงความทุกข์ใจเป็นที่ตั้ง เราพากันเสียเงินเสียสตางค์เพราะการเรียนมามากมาย เราต้องมีการเรียนการศึกษาเพื่อความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ถ้าเรามีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันทำให้เสียหาย มันจะเรียนไปทำไม ถ้าไม่เป็นไปเพื่อความถูกต้องความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง นั่นเป็นเผด็จการที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจในอริยสัจ ๔ การศึกษาของเรามีปัญหา การศึกษาของโลกนี้เลยมีปัญหา
ทุกคนต้องเรียนต้องศึกษา จะเอาความขี้เกียจขี้คร้านเป็นการปล่อยวางไม่ได้ การเรียนการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อสัมมาทิฏฐิ ไม่เป็นไปเพื่อมิจฉาทิฏฐิ สิ่งที่แสดงออกมันคือภาพรวมที่เห็นอยู่ มีการโกงกินคอร์รัปชั่นเดินขบวน แสดงถึงไม่มีความเป็นธรรมความยุติธรรม โดยอวิชชาความหลง โลกธรรมครองใจ ไม่ได้เอาใจปกครองโลกธรรม โลกกับธรรมมันต้องไปพร้อมกันด้วยทางสายกลางด้วยการศึกษาด้วยการประพฤติการปฏิบัติเราทุกคนต้องพากันเข้าใจอย่าให้เด็กๆ พากันมาเดินขบวน เพราะการเรียนการศึกษามันไม่ถูกต้อง มันเป็นไปเพื่อนิติบุคคล เพื่อการลงทุน เพื่อจะกอบโกย ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราจะเป็นการเราจะเป็นนักการเมืองได้ยังไง เราจะเป็นข้าราชการได้ยังไง เราจะเป็นพ่อแม่ได้ยังไง เราจะเป็นนักบวชได้ยังไง เพราะเราเอาความรู้ครองใจของเรา
ถ้าการศึกษาที่ถูกต้อง มันจะไม่มีเด็กนักเรียนยกพวกตีกัน พวกเด็กอาชีวะมันชอบยกพวกตีกัน นั่นแสดงถึงการเรียนการศึกษาไม่ถูกต้อง มันศึกษาเพื่อตัวเพื่อตนสร้างอวิชชาสร้างความหลง มันเป็นเครื่องการันตีว่าสถาบันนั้นมันเป็นไปด้วยอวิชชาด้วยความหลง มันแตกแยกกัน มันเป็นการเรียนการศึกษาเพื่อการเป็นฮิตเลอร์ สำหรับคณะสงฆ์ก็จะเป็นการเรียนการศึกษาเพื่อการเป็นพระเทวทัต งบประมาณในการเรียนการศึกษ าเราต้องเอาไปใช้เพื่อเป็นสัมมาทิฏฐิ ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ อย่าเอางบประมาณทั้งการศึกษาและของสงฆ์เพื่อดำเนินไปสู่มิจฉาทิฏฐิ มันไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวม เสียประโยชน์เปล่าๆ ไม่เป็นประโยชน์เลย เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์
อย่าไปคิดว่าพระก็อยู่ส่วนพระ ต้องเข้าใจคำว่าพระนะ พระนี้คือความถูกต้องคือความเป็นธรรมความยุติธรรม พระคือการศึกษาที่เป็นสัมมาทิฏฐิคือความถูกต้อง อย่าเข้าใจความหมายผิด การเรียนการศึกษาต้องเข้าสู่ความเป็นพระ เข้าสู่ความถูกต้องความเป็นธรรมความยุติธรรม ไม่ใช่ศึกษาเพื่อเป็นนิติบุคคลเป็นประชาธิปไตยสีดำสีเทา เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง สีดำสีเทาที่เป็นมูลเหตุให้พวกเด็กๆ พากันมาเดินขบวน พวกเด็กๆ มาเดินขบวนไม่รู้จักว่าเพราะอะไร เพราะการเรียนการศึกษามันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ ทุกท่านทุกคนต้องพากันสำเนียกสำนึก เราอย่าไปถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องเสียหายนะ มันเกี่ยวกับสัมมาทิฏฐิเกี่ยวกับการเข้าใจผิด
การศึกษาที่เอาแบบตะวันตกและมุ่งพัฒนาวัตถุนั้น เป็นการศึกษาที่เน้นความรู้เพื่อความรู้ ซึ่งมักให้ผลเป็นสภาพ “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” เป็นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีเป็นปรัชญา เป็นหลักการใช้เหตุผล แต่ไม่มีประโยชน์ในทางปฏิบัติ ไม่สามารถแก้ปัญหาส่วนตัว ปัญหาสังคม และทำให้ผู้เรียนพ้นทุกข์ได้ แม้แต่การเรียนพุทธศาสนาในปัจจุบันก็เป็นการเรียนแบบปรัชญา ไม่ใช่เรียนแบบศาสนา เป็นการฝึกการคิดเหตุผล และการพลิกแพลงทางภูมิปัญญาแต่ไม่ทำให้เข้าใจโลกและชีวิตตามความเป็นจริง
หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ ท่านมองเห็นข้อบกพร่องของการศึกษาของไทย และได้เรียกการศึกษาในโลกปัจจุบันว่า “การศึกษาหมาหางด้วน” พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปัญญาชนและผู้เกี่ยวข้องในด้านการศึกษาทุกท่านมาช่วย กันต่อหางสุนัข ท่านพุทธทาสมองว่าการศึกษาตามแบบปัจจุบันละเลยบทเรียนทางศีลธรรม การศึกษาที่ปราศจากการปลูกฝังจริยธรรม จึงเปรียบเหมือนสุนัขหางด้วนที่พยายามหลอกผู้อื่นว่า สุนัขหางด้วนเป็นสุนัขที่สวยงามกว่าสุนัขมีหาง ท่านจึงพยายามชี้ให้เห็นว่าสุนัขที่มีหางเป็นสุนัขที่สวยงาม การศึกษาจึงต้องเน้นบทเรียนทางศีลธรรม การศึกษาที่ไม่มีบทเรียนทางศีลธรรม ไม่เน้นภาคจริยศึกษา ย่อมไร้ประโยชน์ และอาจจะเป็นอันตรายต่อสังคมอีกด้วย “การศึกษาในปัจจุบันนี้ ทั้งโลกก็ว่าได้ มักมีแต่เพียงสองอย่าง คือ รู้หนังสือกับอาชีพแล้วก็ขมักเขม้นจัดกันอย่างดีที่สุด มันก็ไม่มีผลอะไรมากไปกว่าสองอย่างนั้น มันก็ยังขาดการศึกษาที่ทำให้มีความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องอยุ่นั้นเอง ดังนั้นอาตมาจึงเรียกการศึกษาชนิดนี้ว่า เป็นการศึกษาเหมือนกับหมาหางด้วน
ขอย้ำอีกที่หนึ่งว่า การศึกษาหมาหางด้วน มันรู้มาก รู้มาก แต่เรื่องหนังสือกับวิชาชีพ, แต่ไม่มีความรู้เสียเลย ว่าจะดับทุกข์ในจิตใจกันอย่างไร ฉะนั้นการศึกษาทั้วโลกเวลานี้เป็นการศึกษาหมาหางด้วน เพราะไม่ประกอบไปด้วยวิชชาที่ดับทุกข์, มีแต่วิชชาที่จะทำอะไรเพื่อปากเพื่อท้องเพื่ออาชีพ, พอเผลอเข้า ควบคุมไม่ได้,อันนั้นเกิดเป็นพิษขึ้นมา,เกิดปัญหาเกิดความทุกข์อะไรขึ้นมา เพราะวิชชาชนิดนั้น ไม่ควบคุมความโลภได้, ไม่ได้ควบคุมความโกรธได้, ไม่ควบคุมความหลงได้; นี้เราไม่เรียกว่าวิชชา, มีค่าเท่ากับอวิชชา. ตลอดเวลาที่เรายังไม่มีวิชชา เราก็ตกอยู่ใต้อำนาจสัญชาตญาณที่ปราศจากวิชชา, สัญชาตญานเดิมๆมีตัวตนแล้วก็เห็นแก่ตัวตน ยิ่งเห็นแก่ตัวตนก็ยิ่งไม่มีวิชชา ยิ่งมีอวิชชา อวิชชามาจากสัญชาตญาณแห่งการมีตัวตน ที่ไม่ได้รับการอบรม.”
แม้แต่การศึกษาของบรรพชิต ท่านพุทธทาสก็เห็นว่าเป็นการศึกษาที่สูญเปล่า เช่น การศึกษาของสามเณร ก็มิได้มุ่งพัฒนาจิตตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สามเณรเองก็ต้องการศึกษาเช่นเดียวกับนักเรียนฆราวาส ให้มีความรู้แบบฆราวาส ระบบสามเณรจึงสูญเปล่าเช่นเดียวกับการศึกษาของคนโดยทั่วไปซึ่งสรุปได้ว่าตามทัศนะของท่านพุทธทาส ระบบการศึกษาของไทยมุ่งส่งเสริมกิเลสตัณหาของมนุษย์ หากจะเป็นประโยชน์บ้างก็เพียงทำให้ประกอบอาชีพและมีรายได้ ซึ่งก็ได้มาเพื่อจับจ่ายสนองกิเลสตัณหาของมนุษย์เท่านั้น มิได้เป็นไปเพื่อความก้าวหน้าทางสติปัญญาและเพื่อความเจริญของจิตใจ ดังที่ท่านได้กล่าวปรารภว่า “ดูการศึกษาชั้นอนุบาล ดูการศึกษาชั้นประถม ดูการศึกษาชั้นมัธยม ดูการศึกษาชั้นวิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือถ้ามันจะมีอีก เป็นบรมมหาวิทยาลัยอะไรก็ตามใจ มันก็เป็นเรื่องให้ลุ่มหลง ในเรื่องกิน กาม เกียรติ ทั้งนั้น อย่างดีก็ให้สามารถในอาชีพ ก็ได้อาชีพแล้ว ได้เงินแล้ว ให้ทำอะไร? ให้ไปบูชาเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้”
ท่านได้เสนอแนวทางการศึกษาที่ถูกต้อง อุดมการณ์ทางการศึกษาดังกล่าวอาจจะประมวลมาได้เป็นข้อๆ ดังนี้
๑. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องมีการพัฒนาจิตวิญญาณให้มีพลังสามารถควบคุมพลังทาง วัตถุ ทางร่างกายได้ กล่าวคือ ชีวิตมนุษย์ต้องมีความสมดุลทั้งทางด้านความสามารถทางวัตถุ ทางวิชาชีพ และความมีปัญญาและคุณธรรม เปรียบเสมือนชีวิตที่เจริญก้าวหน้าและมีความสุขจะต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว คือ ตัวรู้ และตัวแรง โดยมีตัวรู้นำตัวแรงไปในทางที่ถูกต้อง
๒. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องทำลายสัญชาติญาณอย่างสัตว์ที่แฝงอยู่ในตัวมนุษย์ ให้ได้ ท่านเห็นว่ามนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับสัญชาติญาณอย่างสัตว์ เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว สติปัญญาของมนุษย์ก็เป็นไปเพื่อความเห็นแก่ตัว ดังนั้น ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ร้ายกาจมาก “เพราะฉะนั้น การศึกษาของเราก็ควรมุ่งที่จะประหัตประหารสัญชาตญาณอย่างสัตว์นั้นให้สิ้นไป ให้มีการประพฤติกระทำอย่างมนุษย์ที่มีใจสูงเกิดขึ้นแทน”
๓. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องให้มนุษย์ได้สิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่มนุษย์ควรได้ รับ นั่นก็คือ การสามารถควบคุมกิเลสตัณหาและพลังทางวัตถุได้ ท่านเห็นว่าตามอุดมคติของพุทธศาสนานิยมอุดมคติ คือ นิยมสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ แม้เป็นนามธรรมแต่ก็ส่งผลทางจิตใจ “จิตใจสำคัญกว่าร่างกาย คือนำร่างกายให้เป็นไปตามความมุ่งหมายของอุดมคติ”
๔. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องทำให้ผู้ศึกษามีจิตใจรักความเป็นธรรม มีความสำนึกที่จะประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและเพื่อธรรมะ “การศึกษานั้นเพื่อธรรม เพื่อบรมธรรม เพื่อธรรมาธิปไตย ให้ธรรมะครองโลก ฉะนั้น การศึกษานี้ไม่ใช่เพื่อความรอด หรือความเอาตัวรอดเป็นยอดดี”
๕. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องทำลายความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ซึ่งจะเป็นไปได้โดยวางแนวจริยศึกษา ให้สามารถน้อมนำผู้ศึกษาให้ควบคุมตนเองให้ได้ “จริยศึกษาต้องรีบทำลายความเห็นแก่ตัว อันนี้มันเป็นเมฆหมอกที่เข้ามากลบเกลื่อนหรือปิดบังตัวจริยศึกษา”
๖. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องส่งเสริมให้ผู้ศึกษา มีปัญญาหยั่งรู้สามารถเข้าใจโลกและตนเองอย่างถูกต้อง จนสามารถพ้นทุกข์ได้ ท่านอธิบายว่า ปัญญาที่เป็นคุณสมบัติของจิตเดิมแท้ เรียกว่าโพธิ (ธาตุรู้ปัญญานี้ทำให้เกิดศีลธรรมของจิต ทำให้จิตมีระเบียบและอยู่ในสภาวะปกติ เพื่อให้บุคคลมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุข การศึกษาตามแนวนี้จึงต้องเน้นพุทธิศึกษาในแง่ที่ส่งเสริมปัญญาอย่างแท้จริง กล่าวคือ ทำให้ผู้ศึกษามีความรู้เรื่องที่สำคัญที่สุดของชีวิต
๗. การศึกษาที่ถูกต้องจะต้องทำให้ผู้ศึกษามีความสำนึกในหน้าที่ ถ้าทวงสิทธิ์ก็ทวงเพื่อจะทำหน้าที่ ไม่ใช่ทวงเพื่อต้องการเรียกร้องจะเอานั้นเอานี่ และหน้าที่ก็จะต้องเป็นความถูกต้อง บริสุทธิ์ ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว และการศึกษาที่ถูกต้องจะต้องอาศัยครูในอุดมคติ ผู้ที่อุทิศตนเพื่อให้การศึกษาและสร้างเสริมคุณธรรมแก่ผู้เรียน ในหัวใจของครูอุดมคตินั้น จะต้องมีปัญญากับเมตตาเต็มแน่นอยู่ในหัวใจ ปัญญาคือวิชาความรู้ ความสามารถในหน้าที่ที่จะส่องสว่างให้กับศิษย์ นี้เรียกว่าปัญญาอย่างหนึ่ง เมตตาคือความรัก ความเอ็นดู กรุณาต่อศิษย์ของตนเหมือนว่าเป็นลูกของตน”
การที่เราร่ำเรียน เพื่อร่ำรวย ไม่ได้ผิดอะไร แต่เราควรร่ำเรียน เพื่อร่ำรวย ด้วยการมีศีลธรรม กำกับด้วย เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่าง สุข สงบ และสันติ
ที่โลกเรายังคงวุ่นวาย ไม่ใช่เพราะเราขาดแคลน คนเรียนเก่ง คนมีความรู้ โลกเรามีคนแบบนั้นมากมาย คนที่เราขาดแคลนคือ... เราขาดคนที่ใช้คุณธรรมนำความรู้ต่างหาก จะไปเรียนเรื่องต่างๆ ได้ปริญญา มาไม่รู้กี่สิบปริญญาแต่ไม่มีเรื่องดับทุกข์เลย ในทางธรรมะไม่เรียกว่าวิชชา, ต่อเมื่อมันมีส่วนแห่งการดับทุกข์ได้ จึงจะเรียกว่าวิชชา
การเรียนการรู้การศึกษานี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยัง ไม่ยิ่งเท่ากับนำตัวเองมาประพฤติมาปฏิบัติ การเสียสละและรับผิดชอบ มีความตั้งมั่น อนาคตบุคคลผู้นั้น ก็ย่อมเข้าถึงความสุขความดับทุกข์แน่นอน ชื่อว่า 'เป็นบุคคลที่มีหลักของชีวิต' เพราะฉะนั้น เมื่อมีปัญหาเรื่องใดเกิดขึ้น ให้ใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยใจที่สงบเยือกเย็น ปัญหาทั้งหลายนั้นมีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม จงแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญา สติมาปัญญาจะเกิด สติเตลิด มักจะเกิดปัญหา ปัญญานี่แหละที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง ยิ่งจิตว่างจิตละเอียด ปัญญายิ่งละเอียดลึกซึ้ง ความรู้ความเห็นกว้างไกล ทำให้การตัดสินใจถูกต้อง มีวินิจฉัยไม่ผิดพลาด "นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา แสงสว่างเสมอ ด้วยปัญญาไม่มี" ยิ่งกว่านั้นแสงสว่างแห่งปัญญานี้ ยังสามารถขจัดกิเลสอาสวะ และครอบงำอวิชชาที่ปิดบังใจของชาวโลกได้ ทำให้เปลี่ยนจากคนธรรมดา มาเป็นผู้รู้แจ้งโลกได้ในที่สุด
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee