แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง มนุษย์ที่สมบูรณ์ ตอนที่ ๗๐ เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันน่าอายมันน่าเกลียดนะ เกิดมาเป็นผู้ประเสริฐแล้วยังโง่ยังหลงยังเซ่อยังเบลออยู่
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
การเวียนว่ายตายเกิดของเรามันมีได้อย่างไร การเวียนว่ายตายเกิดเนื่องจากเหตุเนื่องจากเกิดจากปัจจัย เนื่องมาจากใจของเราไม่รู้กระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ความไม่เข้าใจนี้เองคือ ความไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุของความทุกข์ การเกิดการตายเนื่องมาจากไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ หนทางที่หยุดการเวียนว่ายตายเกิด ที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยเพื่อหยุดเวียนว่ายตายเกิด ใจเป็นตัวผู้รู้ แต่ผู้รู้นั้นเป็นตัวผู้รู้ที่เป็นอวิชชาเป็นความหลง เมื่อการเวียนวายตายเกิดได้เกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เมื่อเราจะแก้ไขในการเวียนว่ายตายเกิด ก็ต้องแก้ด้วยเหตุด้วยปัจจัย ใจของเราตัวผู้รู้นี้มันคิดได้ทีละอย่าง เมื่อใจของเราคิดได้ทีละอย่าง พระพุทธเจ้าท่านได้บอกให้เราได้รู้ข้อปฏิบัติ ไม่ให้เราพากันตรึกในกาม นึกคิดในกาม กามนั้นได้แก่อวิชชาความหลง ความหลงนั้นคือเวียนว่ายตายเกิด เป็นขบวนการเป็นเหตุเป็นปัจจัย เกิดทางจิตใจติดต่อต่อเนื่องเป็นกระแสเป็นสายน้ำ เพราะความไม่รู้เราได้พากันตรึกนึกคิด ความพอใจนี้เองที่มันก่อภพก่อชาติให้กับเราทุกคน มันตกผลึกเป็นดีเอ็นเอ ความพอใจนี้จะหยุดได้เพราะศีล ศีลนี้เป็นอุปกรณ์ที่หยุดภพหยุดชาติทางจิตใจ ศีลนี้เริ่มต้นจากอย่างหยาบอย่างกลางอย่างละเอียด สำหรับนักบวชต้องมีศีลทั้งระดับหยาบระดับกลางระดับละเอียด จุลศีลมัชฌิมศีลมหาศีล ไปจนถึงธุดงควัตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสบอกพวกเราทั้งหลาย ต้องพากันมีความหมายถูกต้องเข้าใจถูกต้องแล้วพากันปฏิบัติให้ถูกต้อง เข้าสู่กระบวนการเพื่อหยุดเวียนว่ายตายเกิด ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทจึงพากันหยุดทั้งกายหยุดทั้งใจ เพราะการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมันเป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
ครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์อยู่ จึงมีกุลบุตรลูกหลานทั้งหลายพากันออกบวช เพราะเป็นนักบวชได้รับสิทธิพิเศษบ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ซื้อ มีโอกาสพิเศษให้ได้เจริญสติเจริญสัมปชัญญะที่ติดต่อต่อเนื่อง ที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยเพื่อจะได้อบรมบ่มอินทรีย์ อิริยาบถทั้ง ๔ นั้นถึงเป็นสติเป็นสัมปชัญญะของนักบวช ตัดสิ่งภายนอกออกหมด ตัดอดีตตัดอนาคต อยู่กับสติอยู่กับสัมปชัญญะ หยุดตรึกในกามหยุดตรึกในพยาบาท เพราะใจของเราทุกคนมันเกิดได้ทีละขณะจิต เมื่อเราไม่ตรึกในกามในพยาบาท อวิชชาคือความหลงก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำงาน เมื่อเรามีสติมีสัมปชัญญะตัวพุทธะก็เกิดขึ้น เพราะใจของเราทุกคนมันคิดได้ทีละอย่าง พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่นั้นที่เราได้รักษาทุกสิกขาบททุกข้อ ทั้งอย่างหยาบอย่างกลางอย่างละเอียดที่ติดต่อต่อเนื่องในปัจจุบัน จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยเกิดสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธินี่แหละมันจะเกิดเป็นฐานของปัญญา เพราะมันเริ่มต้นมาจากใจที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องคือศีล ใจของเราจะได้ไม่มีโอกาสตรึกในกามตรึกในพยาบาท ใจของเราจะได้ตั้งอยู่ในศีล ใจของเราจะได้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิ มันจะเป็นขณิกสมาธิได้ในอิริยาบถทั้ง 4 จะเป็นอุปจารสมาธิ เมื่อเรายกใจเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ศีลสมาธิปัญญามันก็จะทำงานไปอย่างนี้แหละ
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ เมื่อเราไม่ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง มันไม่ได้ พระพุทธเจ้าให้เราปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเหมือนสายน้ำ เพื่อจะได้ไม่เปิดโอกาสให้จิตใจของเราตรึกในกามตรึกในพยาบาล เพื่อปิดอบายมุขเพื่อไม่ตกไปสู่อบายภูมิ อบายภูมิได้แก่คำว่าเป็นคน คนน่ะมีภพภูมิ ภพภูมิที่เป็นออบายภูมิที่จะมารวมอยู่ในศัพท์คำว่าเป็นคน เดรัจฉานกถาที่ทุกคนพากันรู้จัก ที่มันเป็นอุปกรณ์ที่เป็นอาหารของอวิชชาของความหลง ที่มันเป็นโลกธรรมที่มันครองใจเรา พระพุทธเจ้าถึงบอกให้เรารู้ทุกคน ผู้ที่บวชมาท่านต้องพากันเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ ตัดสิ่งภายนอกออกไปเสีย ใจจะได้พากันเจริญสติเจริญสัมปชัญญะ อย่าได้พากันคลุกคลีกัน อย่าพากันไปพูดไปคุยเรื่องทางโลกเรื่องการบ้านการเมืองเรื่องการทำมาหากิน จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เราไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ
ความดับทุกข์ที่แท้จริงนั้นน่ะ มันไม่ได้อยู่ที่ใกล้ไกลหรอก แต่หากมันอยู่ที่เราทุกคนมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องอยู่ที่ปัจจุบันของเราทุกคน ถึงต้องกลับมาหาสติคือความสงบ กลับมาหาสัมปชัญญะคือธรรมะ สละคืนซึ่งนิติบุคคลซึ่งตัวซึ่งตน การประพฤติการปฏิบัติธรรมมันเป็นเรื่องเฉพาะตนอย่างนี้ เมื่อเรามีสติมีสัมปชัญญะ ความดับทุกข์ของเราก็ย่อมมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ใจของคนเราที่ยังไม่รู้ ถูกเผาด้วยอวิชชาความหลง มีการถูกเผาทั้งเป็น ด้วยความไม่รู้ความไม่เข้าใจ รูปสวยๆ รูปหล่อๆ มันก็เผาใจของเราร้องโอยๆๆ เสียงไพเราะมันก็เผาใจเราร้องโอยๆ อาหารอร่อยสัมผัสที่มันเป็นความสุขความสะดวกสบายมันก็เผาใจเราร้องโอยๆ ไปเรื่อย ทุกอย่างมันเผาเรานะ มันไม่ใช่ความดับทุกข์ มันเป็นความหลง นั่นคือการเวียนว่ายตายเกิด
พระพุทธเจ้าให้พากันมีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง เราจะได้ปฏิบัติให้มันถูกต้อง มนุษย์เราต้องพัฒนาใจพร้อมพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กันโดยไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เพราะทุกอย่างนั้นมันมีทั้งคุณมีทั้งโทษ เราต้องเอาประโยชน์จากความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติให้มันถูกต้อง เราจะได้มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน เราจะได้เป็นมนุษย์ที่รู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง เราทุกท่านจะได้ไม่หลง ความหลงเรียกว่าเสพติด ท่านได้บอกกล่าวว่าทุกอย่างนั้นมันเป็นข้อสอบ ทุกอย่างนั้นมันเป็นข้อตอบ เรียกว่าข้อปฏิบัติในปัจจุบัน ให้พวกเราทั้งหลายพากันเข้าใจเพื่อเราทุกคนจะได้มีสติ เพื่อเราทุกคนจะได้มีสัมปชัญญะ ทุกท่านทุกคนต้องมีสติมีปัญญา เพื่อไม่ให้อวิชชาความหลงที่เป็นอดีตเข้ามาตรึกมานึกมาคิดในปัจจุบันได้ ทุกท่านอย่าหลงอย่าเพลิดเพลินอยากตั้งอยู่ในความประมาท
ให้ทุกท่านมีสติมีสัมปชัญญะ นี่คือข้อสอบแล้วก็ข้อตอบที่เราจะสอบจะตอบด้วยสมาธิด้วยปัญญาในปัจจุบัน เพราะศาสนาพุทธของเรานั้นเป็นเรื่องของสติเรื่องสัมปชัญญะเรื่องพุทธะเรื่องธรรมวินัย ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เราจะให้อวิชชาให้ความหลงมาตรึกมานึกมาคิด มาครองธาตุครองขันธ์ครองอายตนะของเรานั้นไม่ได้ ส่วนใหญ่เราไม่เข้าใจกัน ปล่อยให้อวิชชาให้ความหลงมันตรึกในกามในพยาบาท เราไม่ได้เอาศีลเอาสมาธิเอาปัญญาของเรามาใช้มาปฏิบัติกันเลย ปล่อยให้อวิชชาความหลงมันปรุงแต่ง เราพากันมาบวชทางกายแต่ใจไม่ได้บวช ใจพวกเราที่ยังไม่ได้บวชคือใจของอวิชชาใจของความหลง เรียกว่าใจมีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืน ทุกท่านทุกคนลองกลับมาย้อนดูตัวเองนะว่า มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ว่าใจของเรามีผัวมีเมียอยู่หรือเปล่า ถ้าเราไม่เอาศีลเอาสมาธิออกมาใช้มาปฏิบัติมาเข้าถึงใจเข้าถึงเจตนา ใจของเรานั้นก็จะมีผัวมีเมีย ใจของเรายังไม่ได้บวช เมื่อใจของเราไม่ได้บวช ก็ไม่ได้อบรมบ่มอินทรีย์อะไร
ที่เราพากันคิดว่ามีความสุข มันไม่ใช่ความสุขนะ มันคือความหลงนะ การพัฒนาตนเองทั้งทางจิตใจทั้งทางวัตถุที่เป็นทางสายกลาง เป็นเรื่องที่เรารู้อริยสัจ ๔ ที่จะทำให้เราทุกคนบริโภครูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณด้วยพุทธะ สิ่งเหล่านี้มันก็จะไม่เป็นสิ่งเสพติด ตามที่เรามีสักกายทิฏฐิที่เป็นตัวเป็นตน เมื่อกายของเราแก่เจ็บตายพลัดพราก เราก็ย่อมมีความทุกข์ เพราะเอากายเอารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเป็นเรา พระพุทธเจ้าบอกเราว่าให้มีพุทธะเราจะเอารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณมาเป็นเราไม่ได้ให้เราเอารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณนี้มาเป็นเพียงข้อสอบแล้วก็ข้อสอบซึ่งเป็น fighting ซึ่งเป็นไฟท์ในปัจจุบัน เราทุกคนจะได้มีสติคือความสงบมีสัมปชัญญะ เราจะได้แยกกายออกจากใจ การแยกกายออกจากใจก็ได้แก่เราหยุดอวิชชาหยุดความหลง อวิชชาคือความหลงมันเป็นตัวตน ที่ครอบงำธรรมะ ทุกท่านทุกคนต้องเจริญสติเจริญสัมปชัญญะให้ได้ เราจะได้ไม่เป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน พากันมีแต่สติมีแต่สัมปชัญญะ
สำหรับฆราวาสพระพุทธเจ้าท่านให้เรามีความเห็นให้ถูกต้องให้เข้าใจถูกต้องให้ปฏิบัติถูกต้อง ฆราวาสต้องพัฒนาทางวัตถุพัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน ตั้งอยู่ในฐานความเห็นถูกต้อง เอาธรรมะนำใจ ไม่เอาโลกธรรมนำใจ เพราะฆราวาสมีภาระเยอะ มีธุรกิจการงานมาก ต้องช่วยเหลือทั้งตัวเองช่วยเหลือทั้งคนอื่น ช่วยเหลือญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล ช่วยเหลือประเทศชาติ ด้วยจ่ายภาษีอากร เพื่อประเทศชาติเพื่อส่วนรวม ต้องช่วยเหลือพระศาสนา โดยให้ปัจจัย ๔ สำหรับนักบวชสำหรับคนเฒ่าคนแก่คนพิการที่เป็นฆราวาส ต้องมีความสุขในการปฏิบัติธรรมในการทำงาน วันหนึ่งคืนหนึ่งฆราวาสจะนอนกันอย่างน้อยวันละ ๖ ชั่วโมง อย่างมากไม่เกิน ๘ ชั่วโมง สำหรับเด็กแรกเกิดเด็กเล็กจนถึง ๖-๗ ขวบนอน ๘-๑๒ ชั่วโมง ฆราวาสก็ต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เวลาตื่นอย่างนี้เป็นเวลาที่มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน เราฆราวาสจะไปคิดว่าเราเรียนหนังสือเพราะความจำเป็น เราทำงานเพราะความจำเป็นนี้ ให้เข้าใจไว้ว่านี่คือเหตุคือปัจจัยที่จะให้ร่างกายของเราจะได้รับความสุขความสบาย ถ้าเราไม่มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม ความสุขทางกายของเรามันก็มีไม่ได้ ความสุขทางใจของเรามันก็มีไม่ได้ จึงต้องเสียสละนิติบุคคลเสียสละตัวตน ให้มีสติมีสัมปชัญญะในการทำงานในการปฏิบัติธรรม การที่เราพากันเรียนหนังสือให้ลูกให้หลานเรียนหนังสือจนถึงปริญญาเอก เพื่อทุกคนจะได้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาใจแล้วก็พัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะได้หยุดเหตุหยุดปัจจัย
เจ้าอาวาสก็ต้องปรับตัวเข้าหางานเข้าหาเวลา ด้วยมีสติมีสัมปชัญญะ ความดับทุกข์มันอยู่ที่เรามีสติมีสัมปชัญญะ ความสุขความดับทุกข์มันอยู่ที่เรามีความสุขต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เรามีความสุขในการทำงานจากใจอย่างนี้ เป็นใจที่มีความสุข เป็นเอกัคคตา เป็นใจที่มีปัญญา ทุกท่านทุกคนถึงต้องมีสติมีปัญญา เราจะไปวิ่งตามอวิชชาวิ่งตามความหลงนั้นไม่ได้ ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ ฆราวาสก็เป็นพระอริยเจ้าได้ เพราะพระที่แท้จริงนั้นคือผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะพระนับเอาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ไม่ใช่ผู้ที่โกนหัวห่มผ้าเหลือง พวกฆราวาสพากันเข้าใจ อย่ามีความเห็นผิดเข้าใจผิดว่า ผู้โกนหัวนุ่งห่มผ้าเหลือง พระนั้นอยู่ที่ทุกคนนี่แหละ สำหรับฆราวาสเรานะเป็นพระได้ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอนาคามี ถ้าฆราวาสที่เป็นพระอรหันต์ต้องออกบวช สรีระแห่งความเป็นฆราวาสถ้าไม่ออกบวช จะต้องละสังขารวายชนม์เหมือนกับพระเจ้าสุทโธทนะ ที่พระพุทธเจ้าไปโปรดจนได้เป็นพระอนาคามี สุดท้ายจะละสังขารวายชนม์ พระพุทธเจ้าไปดูแลอุปัฏฐากแสดงธรรมสั่งสอนจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ แต่ไม่ได้บวชเพราะอาการพระประชวรหนัก จึงครองธาตุครองขันธ์แห่งความเป็นอรหันต์ขีณาสพไม่ได้
ให้ทุกคนมีความสุขในการพัฒนาวัตถุในการพัฒนาใจนี่แหละ ทุกคนสามารถเป็นพระอริยเจ้าได้ อย่าไปยกความดีความเป็นพระให้เฉพะผู้ที่พากันบรรพชาอุปสมบทนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์เท่านั้น ฆราวาสต้องมีความสุขในการปฏิบัติธรรม เราไม่มีความสุขในการทำงาน ทุกคนก็ย่อมยากจน เพราะมันเป็นเหตุเป็นปัจจัยของความยากจน พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราเอาการทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม ฆราวาสต้องเข้าใจ ความไม่เข้าใจมันเป็นอบายมุขเพื่อที่จะนำเราไปตกสู่อบายภูมิ อบายมุขคือไม่มีความสุขในการทำงานไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ
มนุษย์เราต้องพัฒนา ๒ อย่าง พัฒนาวิทยาศาสตร์แล้วพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน การพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็คือพัฒนางาน การพัฒนาใจได้แก่ใจของเราจะได้เป็นพุทธะ เพื่อที่จะไม่มีความหลง พัฒนากายพัฒนาใจ เราพัฒนา ๒ อย่างนี้ มันจะเป็นทางสายกลาง ความมั่นคงของชาติความมั่นคงของวิทยาศาสตร์ มันจะเป็นพุทธะ มันจะเป็นทางสายกลาง ความสุขนี้คือความรวดเร็ว คือกาลผ่านไปเร็ว ถ้าเรามีความสุขในการทำงานเวลามันจะผ่านไปเร็ว วันเวลาของเทวดามันจะผ่านไปเร็ว วันเวลาของพรหมโลกจะผ่านไปเร็ว ความเร็วความช้านั้นอยู่ที่ใจของเรามีความสุข การพัฒนามนุษย์จึงต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์อย่างมีความสุขพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ๒ อย่างนี้มันจะสมบูรณ์ เพื่อให้วิทยาศาสตร์นั้นเป็นพุทธะ เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง สติที่เป็นสัมมาทิฏฐิ สตินั้นจะมีความสุขในการทำงาน ถ้ามีความสุขในการทำงาน เวลาจะผ่านไปเร็ว ถ้าเราไม่รู้อริยสัจ ๔ เราทุกคนจะไม่มีความสุขในการทำงาน การที่เรามีความสุขในการทำงานและการปฏิบัติธรรมมันต้องไปพร้อมๆ กัน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
ชีวิตของเรานี้จะเริ่มต้นจากสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ชีวิตของเราจะมีแต่ความดับทุกข์ทั้งทางวัตถุทั้งทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน ด้วยความไม่หลง ความหลงนั้นคือสิ่งเสพติด ที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนกำลังหลงในสิ่งเสพติด หลงในตัวหลงในตน แสดงว่าเราไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ นั่นเป็นเครื่องหมายของคนไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ
เราทุกคนต้องรู้เรื่องอริยสัจ ๔ รู้เหตุรู้ผลรู้กระบวนการทั้งทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทั้งทางจิตใจ ปีนี้เป็นปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นศักราชครึ่งพุทธกาล ประชากรมนุษย์ในโลกปัจจุบันนี้มีประมาณเกือบ ๘,๐๐๐ ล้านคน ส่วนใหญ่พากันอยู่ในคนละซีกโลก อยู่ตามแหล่งที่ทำมาหากินเพื่อการดำรงชีพ เราจะไปอยู่ตำแหน่งไหนของโลกก็ตาม มนุษย์เราก็ต้องพัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งพัฒนาใจที่เป็นสัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้องความเข้าใจที่ถูกต้องปฏิบัติที่ถูกต้อง หมู่มวลมนุษย์ถึงจะดับทุกข์ได้ หมู่มวลมนุษย์ก็จะมีความสุข มีความสุขแล้วจะไม่หลงในความสุข ใจของเราจะได้ก้าวไปด้วยความสงบจะได้ก้าวไปด้วยปัญญา มนุษย์เราต้องเข้าถึงความเป็นมนุษย์เป็นเทวดาเป็นพรหมเป็นพระอริยเจ้าในปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์ด้วยการพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน
การเรียนการศึกษาของมนุษย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เราถึงได้พากันเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก เพื่อให้มีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ถ้าไม่อย่างนั้นความมั่นคงของชาติของวิทยาศาสตร์นั้นจะตั้งอยู่ไม่ได้เลย ถ้าเรามีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด
การพัฒนาวิทยาศาสตร์กับพัฒนาจิตใจมันถึงเป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม มันถึงเป็นสิ่งที่ทันสมัย ทุกคนถึงจะได้หยุดความทุกข์หยุดกามหยุดพยาบาท คำว่าพุทธ คือหลักเหตุหลักผลทางวัตถุ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี มันจะมีได้เนื่องจากการเรียนการศึกษาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ คำว่า พุทธะ ก็คือรู้เหตุรู้ผลรู้กระบวนการพร้อมทั้งเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่หมู่มนุษย์เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติเพื่อให้เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา เพื่อไม่ให้มีนิติบุคคลไม่ให้มีตัวมีตน ที่เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘
ให้ทุกท่านทุกคนเข้าใจเรื่องอริยมรรคทั้ง ๘ อย่าง ความดับทุกข์ของเราทุกคนจะมีได้อยู่ที่เราประพฤติอยู่ที่เราปฏิบัติ ทั้งนักบวชทั้งฆราวาสก็ต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเลยกึ่งพุทธกาลแล้ว การประพฤติการปฏิบัติก็เริ่มเลือนลาง ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่ออวิชชาเพื่อความหลง เพราะสาเหตุเราไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ความเป็นพระ คือความถูกต้องคือความเป็นธรรมเป็นความยุติธรรมย่อมเลือนลางไปจากคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน ย่อมเลือนลางไปจากบรรพชิตนักบวช
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องนี้ มันคือความถูกต้อง คือความเป็นธรรมยุติธรรม มันไม่ได้เร็วไม่ได้ช้า ทุกท่านทุกคนต้องกลับมาหาสติคือความสงบ ทุกคนต้องกลับมาหาสัมปชัญญะ พากันมามีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เราทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ เพราะเราไม่ได้ไปแก้ไขคนอื่น เพราะเราแก้ตัวเราเอง เราทำหน้าที่ของเราด้วยความพอใจ มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม เพราะเรามีความเห็นผิดเข้าใจผิด เราไม่มีความสุขในการทำงานไม่มีความสุขในการปฏิบัติธรรม นรกมันเป็นอวิชชาเป็นความหลงมันจะเผาเราทั้งเป็น มันมีความรู้สึกว่ามันช้า กาลเวลานั่นน่ะมันช้าเหลือเกิน มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนทะเลมหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ อวิชชาความหลงไม่อิ่มด้วยกามด้วยพยาบาท มันกำลังเผาเราทุกคนร้องโอ๊ยๆๆ ทุกคนพากันรู้ไหมว่าทำไมเวลาพากันช้าแท้ เพราะเราได้ถูกเผาทั้งเป็น เราถึงพากันได้เป็นแต่เพียงคน คนนั้นเป็นภพภูมิที่เรากำลังตกอยู่ในนรก โลกนี้ที่กำลังเผาเราอยู่ เพราะเรามีตัวมีตน เราก็ย่อมต้องถูกเผาเป็นธรรมดา
ทุกท่านทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ต้องมีความสุข สละเสียซึ่งนิติบุคคลตัวตน ต้องมามีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม สิ่งแวดล้อมที่หมู่มวลมนุษย์ได้พัฒนาขึ้นตามหลักเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ที่เรามองเห็นอยู่ปัจจุบันว่ามันเป็นของแซ่บของรำของอร่อยของนัว ถ้าเราไม่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง อวิชชาความหลงมันเผาเราในปัจจุบัน ที่พากันมีความทุกข์ร้องโอ๊ยๆๆ ใจของเราทุกคนมันคิดได้ทีละอย่าง เมื่อเราเอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง เอาความหลงเป็นที่ตั้ง พุทธะจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะว่ามันเกิดได้ทีละอย่าง เมื่ออวิชชาเมื่อความหลงมันเกิดติดต่อต่อเนื่อง
การปฏิบัติมันง่ายอยู่นะ ทุกคนถึงต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อพุทธะจะได้เกิดติดต่อต่อเนื่องกันเป็นสายน้ำ เราทุกคนจะได้รู้ความเป็นพระ พระไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาใจพัฒนาวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน เราดูตัวอย่างแบบอย่างสัตว์อื่นที่ไม่ได้เป็นมนุษย์ เขาไม่ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ เขาไม่ได้สร้างเหตุสร้างปัจจัยความเป็นอยู่ของเขาก็อย่างที่เรารู้เราเห็นนั่นแหละ นั่นเป็นวิทยาศาสตร์ทางวัตถุ หมู่มวลมนุษย์ที่ไม่ได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ทางจิตใจ การพัฒนานั้นหมายถึงมีความรู้ความเข้าใจ พร้อมทั้งประพฤติพร้อมทั้งปฏิบัติ ถึงเรียกว่าความรู้คู่การปฏิบัติ ที่เป็นสติเป็นสัมปชัญญะ เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ที่หยุดตรึกในกามหยุดตรึกในพยาบาท ที่มีความสุขในการทำงาน ที่มีความสุขในการปฏิบัติธรรม เพื่อจะได้ไม่เป็นนิติบุคคลไม่เป็นตัวไม่เป็นตน อย่างนี้เรียกว่าการพัฒนาใจ เราไม่พัฒนาใจเราก็ตกอยู่ในสัญชาตญาณแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ที่เอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะดำเนินชีวิตด้วยอวิชชาด้วยความหลง ที่ไปตรึกในกาม ร้องโอ๊ยๆๆ ในกาม ที่ไปตรึกในพยาบาท ร้องโอ๊ยๆๆ ในพยาบาท มันเจ็บปวดไหมที่มันถูกเผาทั้งเป็น นี่เป็นความหลง ไม่ได้มีสติมีสัมปชัญญะ พระพุทธเจ้าให้เรารู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เพราะทุกอย่างมันคือเหตุคือปัจจัย เราจะไปหลงมันทำไม เราจะไปร้องโอ๊ยๆๆ ไปทำไม เพราะความหลงมันเป็นความทุกข์ที่สุดในโลก ที่เราไปตรึกไปนึกไปคิดในกาม มันเป็นความทุกข์ที่สุดในโลก ที่เราไปตรึกไปนึกไปคิดในพยาบาท มันเป็นความทุกข์ที่สุดในโลก ความหลงในตัวในตน เป็นการที่เราพากันพัฒนาวัตถุที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อทำลายตัวเอง เราพากันยิ้มแย้มแจ่มใสเอาเชื้อเพลิงมาเพื่อเผาตัวเอง เราหลงพากันยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วก็พากันขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะเราไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ทุกท่านต้องหยุดความหลงตัวเอง ด้วยการไม่ตรึกในกามในพยาบาท หยุดไปเลย… ให้มันตายชักดิ้นชักงอไปเลย เราจะได้ตายจากอวิชชาจากความหลงที่หยุดตรึกหยุดนึกคิดในกามในพยาบาท
ให้ทุกท่านทุกคนรู้กรรมรู้กฎแห่งกรรม กรรมคือเราไปตรึกไปนึกคิดในกามในพยาบาทเรียกว่ากรรม เวรคือความเป็นทุกข์มันเผาเราให้ร้องโอยๆ เราจะไปหาพระพุทธเจ้าที่ไหน เราจะไปหาพระธรรมที่ไหน เราจะไปหาพระอริยสงที่ไหน ทุกท่านทุกคนพากันรู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เมื่อเราไม่หลง เมื่อเราไม่เอาความหลงเป็นที่ตั้ง การบรรลุธรรมของเรามันถึงมี เราไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั่นคือการบรรลุธรรม การบรรลุธรรมเป็นยังไง? คือการไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเมื่อไหร่ เราก็ไม่ได้บรรลุธรรม การบรรลุธรรมมีความสุข เออ…มันมีความสุข ไม่เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องให้ตัวเองเป็นวัฏสงสาร
ทุกท่านทุกคนอย่าพากันมีเมตตากับอวิชชามีเมตตากับความหลง ส่วนใหญ่เราไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราพากันไปเมตตาอวิชชาเมตตาความหลง พากันคิดว่าตัวเราเป็นเราเป็นของเรา นั่นคืออวิชชาความหลง ความหลงแปลว่าไปไม่ได้ แปลว่าเป็นได้แต่เพียงหลง เป็นได้แต่เพียงคน การบรรลุธรรมของเราไม่มี เพราะเราเอาธาตุเอาขันธ์เอาอายตนะเป็นเรา เพราะเราเอาสิ่งเหล่านี้เป็นธาตุเป็นขันธ์เป็นอายตนะครองใจด้วยอวิชชาด้วยความหลง เราเอาตัวตนเป็นหลักเป็นใหญ่ เราเลยไม่มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม ไม่มีความสุขในการเสียสละ ไม่เสียสละเรียกว่ายึดมั่นถือมั่น ยึดมั่นถือมันก็แปลว่าติดไปไม่ได้ ยึดมั่นก็ถือมั่น ถ้าส่วนทางกายเรียกว่าท้องผูก เป็นอาหารเก่าที่ต้องกลับมาเลี้ยงร่างกายอีก ร่างกายก็ต้องป่วย ใจมันติดใจมันหลง อวิชชาความหลงก็กลับมาเลี้ยงเรา เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง การบรรลุธรรมถึงไม่มี เราเอาตัวตนเป็นนิพพานไม่ได้ แม้แต่สมาธิยังไม่ใช่นิพพาน สมาธิเป็นหนทางไปนิพพาน เป็นปากทางของศีลสมาธิปัญญา ทำไมต้องพูดอย่างนี้ ต้องพูดอย่างนี้แหละเว้ย มันจะไปมีตัวมีตนที่ไหนมาบรรลุธรรม เพราะการมีตัวตนคือไม่มีมรรคผลนิพพาน เมื่อตัวตนเรามี ร่างกายเราแก่ตัวก็แก่ใจก็ต้องแก่ เมื่อกายเราเจ็บใจก็ต้องเจ็บ เมื่อเราตายใจก็ต้องตาย ความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้เรียกว่าไม่รู้อริยสัจ ๔ ใจครองธาตุครองขันธ์ครองอายตนะ ถูกครอบครองด้วยอวิชชาความหลง เรียกว่าสังขารที่มีใจครองด้วยอวิชชาความหลง นั่นยังไม่ใช่พระพุทธศาสนา เราไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ อวิชชามันเลยจัดโปรแกรมให้เราเวียนว่ายตายเกิด ผู้มีปัญญาสัมมาทิฏฐิให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง พากันเรียนศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ที่เป็นปริยัติตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค ได้ศึกษาได้ปฏิบัติธรรม เราต้องพากันเสียสละเสียซึ่งนิติบุคคลตัวตน เพื่อจะเอาความรู้เข้าสู่การเสียสละ เพื่อละเสียซึ่งนิติบุคคลตัวตน มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม เพื่อเราจะได้มีพุทธะแห่งวัตถุ มีพุทธะทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน ทุกท่านทุกคนจะได้พากันเป็นพระตั้งแต่ยังไม่ตายนี่แหละ เพราะการพัฒนาวัตถุการพัฒนาใจ มันต้องไปอย่างนี้ พระพุทธเจ้าไม่ให้เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เพราะทุกอย่างไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวตน ผู้ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่า “ผู้มีหัวใจปาราชิก” มันว่างจากความถูกต้อง ว่างจากความประเสริฐ เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์ มันไม่ใช่วิปัสสนา มันเป็นวิทยาศาสตร์หลงนะ มันหลงทาง มันเป็นการเวียนว่ายตายเกิด ที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าจมในความหลง จมในการจมในพยาบาท เราทุกคนต้องระลึกด้วยสติด้วยสัมปชัญญะว่า เราจะดำเนินชีวิตเพื่อหยุดเวียนว่ายตายเกิด หรือจะเวียนว่ายตายเกิด ถ้าเราต้องการที่จะหยุดเวียนว่ายตายเกิด เราต้องเสียสละคืนซึ่งตัวตน เอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เอาพระธรรมเป็นสรณะ เอาพระอริยสงฆ์เป็นสรณะ สรณะหมายถึงเอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก ทำเหมือนท่านปฏิบัติเหมือนท่าน จะได้เป็นทั้งแบรนด์เนมเป็นทั้งภาภประพฤติภาคปฏิบัติ เป็นทั้งศีลเป็นทั้งสมาธิเป็นทั้งปัญญา มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ถ้ามีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เวลามันผ่านไปเร็ว ให้เข้าใจอย่างนี้
เราไม่มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ อวิชชาความหลงมันเผาเรา เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันน่าอายนะ เป็นบุคคลที่น่าเกลียดนะ เกิดมาเป็นผู้ประเสริฐแล้วยังโง่ยังหลงยังเซ่อยังเบลออยู่ ไม่ปรับตัวเองเพื่อมีความสุขในการปฏิบัติธรรม อวิชชาความหลงนี้มันเป็นสิ่งเสพติด มันทำให้เราหยาบ มันทำให้เรากระด้าง มันทำให้เราหน้าด้านหน้ามืน เอาความหลงเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นสรณะ การปฏิบัติถึงต้องปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง มรรคคือการประพฤติการปฏิบัติเป็นสิ่งที่อบรมบ่มอินทรีย์ เมื่อเรามีความสุขในการทำงานเมื่อเรามีความสุขในการปฏิบัติธรรม เราทุกคนก็ย่อมไม่มีความทุกข์อยู่แล้ว เราจะได้ไม่ต้องไปถามใครว่า เราอิ่มหรือยัง เราจะได้ไม่ต้องไปถามใครว่า เราได้บรรลุธรรมหรือยัง จะได้ไม่เป็นอรหันต์แต่งตั้ง เหมือนข้าราชการนักการเมืองเหมือนผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆ หากเกิดจากเรามีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้เพิ่มไม่ได้ตัด เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee