แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันพฤหัสบดีที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง มนุษย์ที่สมบูรณ์ ตอนที่ ๖๑ พากันส่งอวิชชาความหลง เพื่อมีสติมีสัมปชัญญะ เพื่อรับเอาพุทธะมาดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
เราทุกคนได้พากันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ด้วยสาเหตุเพราะความไม่รู้ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุหรือทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ชีวิตจิตใจของเราที่ได้ดำเนินไปตามความไม่รู้ เรียกว่าโมหะ เรียกว่าอวิชชา เรียกว่าความหลง เรียกว่าไสยศาสตร์ มนุษย์เราในปัจจุบันได้พัฒนาวิทยาศาสตร์เพื่ออำนวยความสะดวกอำนวยความสบายในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ มันเป็นวิทยาศาสตร์ทางวัตถุเป็นวิทยาศาสตร์ทางร่างกาย อย่างนี้ไม่ใช่ทางสายกลาง พระพุทธเจ้าคือผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาทั้งทางกายทั้งทางใจไปพร้อมๆ กัน ทั้งกายและใจของเราก็จะมีแต่ความมั่นคง
ความมั่นคงของเราก็จะเป็นชาติศาสน์กษัตริย์ เราจะได้ส่งผลัดให้กับรุ่นต่อรุ่น พระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนน่ะ เป็นธรรมเป็นสภาวะธรรมที่ให้หมู่มวลมนุษย์พัฒนาวัตถุและพัฒนาใจไปพร้อมกัน ให้เป็นทางสายกลาง โลกนี้ถึงต้องมีชาติมีศาสน์มีกษัตริย์ เป็นโครงสร้างของโลก ถ้าเราไม่มีชาติศาสน์กษัตริย์ โลกนี้ก็จะเป็นเพียงโลกธรรม โลกนี้ก็จะครองด้วยอวิชชาครองด้วยความหลง ชาติหมายถึงที่ทุกคนได้ร่างกายมาเป็นมนุษย์ มนุษย์คือผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พัฒนาทางวัตถุทางใจไปพร้อมๆ กัน ถึงเรียกว่ามนุษย์ ถ้าเราทำตามความไม่รู้ตามอวิชชาตามความหลงนั้น เรียกว่าคน มันเป็นความหลง
ศาสน์คือพระศาสนา พระศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือพระศาสนา พระศาสนาไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่คนคือการพัฒนามนุษย์ทางใจพัฒนาทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน เรียกว่าพระศาสนา โลกนี้มีพระศาสนาเยอะ ประเทศไทยมีศาสนาหลักๆ อยู่พอสังเขปอย่างนี้ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู ซิกข์ ศาสนาทุกศาสนามีเป้าหมายอันเดียวกันคือไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนคือธรรมะ ทุกท่านทุกคนต้องปรับตัวเองเข้าหาธรรมะ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ให้ทุกคนมีสติความสงบ มีสัมปชัญญะคือปัญญา พระศาสนามีความเห็นเหมือนๆ กัน ทุกท่านทุกคนก็พากันมาแก้มาปฏิบัติที่ตัวของเราเองด้วยธรรมะ เราจะไม่ปกครองตัวเองด้วยอวิชชาด้วยความหลง ที่มันเป็นโลกธรรมของเรา เราต้องปกครองตัวเองด้วยพระศาสนา เรียกว่าธรรมคุ้มครองโลก
กษัตริย์ก็ได้แก่จิตใจที่มีสติคือความสงบ ได้แก่จิตใจมีสัมปชัญญะมีทั้งความสงบมีทั้งปัญญา เศียรของพระพุทธรูปที่แหลมๆ เปรียบเหมือนปัญญาสัมมาทิฏฐิ โลกนี้ถึงปกครองด้วยชาติศาสน์กษัตริย์ บางประเทศก็มีประธานาธิบดี โลกนี้ถึงปกครองด้วยรัฐธรรมนูญ พัฒนาทั้งวัตถุพัฒนาทางใจไปพร้อมๆ กัน เรียกว่ารัฐธรรมนูญ การพัฒนามนุษย์ในโลกนี้เขาต้องพัฒนาหมู่มวลมนุษย์ให้เข้าถึงให้เข้าสู่รัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยก็ยังเป็นสีดำสีเทาอยู่ สังคมนิยมประเพณีนิยมก็ยังเป็นสีดำสีเทาอยู่ เพราะความถูกต้องก็คือความถูกต้อง ไม่ได้ไปตามความชอบความไม่ชอบของใคร เราจะเอาหมู่คนส่วนมากมาออกกฎหมาย มันก็ยังเป็นความไม่ถูกต้อง กฎหมายนั้นก็ยังเป็นสีดำสีเทาอยู่ กฎหมายนั้นก็จะเป็นเผด็จการ กฎหมายมันต้องเป็นธรรมเป็นความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมแก่มนุษย์ ให้ความเป็นธรรมแก่สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย หยุดให้มีการฆ่าสัตว์ เอาของคนอื่นสัตว์อื่น ไม่หลงในกาม ไม่หลงในตัวไม่หลงในตน ไม่เอาความสุขทางวัตถุเป็นที่ตั้ง พัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ด้วยมีสติคือความสงบมีสัมปชัญญะคือธรรมะ ชีวิตของเราจะได้ดำเนินสู่ทางสายกลาง
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะการประพฤติการปฏิบัติของเราทุกคน มันเริ่มต้นที่ปัจจุบัน ทุกท่านทุกคนต้องมีสติคือความสงบต้องมีสัมปชัญญะ รู้ตัวทั่วพร้อม กลับมาหาปัจจุบัน ปัจจุบันเราทุกคนนี้มันตกอยู่ในโมหะ ตกอยู่ในอวิชชา ตกอยู่ในความหลง
มนุษย์เราต้องพากันนอนพากันพักผ่อนวันละ ๖ ชั่วโมง พระพุทธเจ้าท่านทรงบรรทมวันละ ๔ ชั่วโมง พระอรหันต์ท่านทรงพักผ่อนทางกายทางสมอง ๕ ชั่วโมง อย่างมากก็ ๖ ชั่วโมง สำหรับบรรพชิตนักบวชควรจะนอนวันละ ๖ ชั่วโมงไม่เกิน ๗ ชั่วโมง สำหรับประชาชนคนที่ไม่ได้บรรพชาอุปสมบทมีงานเยอะควรจะนอน ๖-๘ ชั่วโมง สำหรบเด็กเล็กๆ ควรจะนอน ๘-๑๒ ชั่วโมง เมื่อเราทุกคนตื่นจากการนอนต้องพากันมีสติมีสัมปชัญญะ ความเคยชินที่มันเป็นตัวเป็นตน ทุกท่านทุกคนก็พากันมีสติมีสัมปชัญญะผ่อนกำลัง พุทธเจ้าท่านถึงให้เรามีสติรู้ตัวทั่วพร้อมด้วยหายใจเข้าก็ให้รู้ชัดเจน หายใจออกก็ให้รู้ชัดเจน หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อเราจะได้มีสติรู้ตัว หายใจออกยาวๆ ให้สบาย ถ้าสติสัมปชัญญะไม่กลับมา ก็ให้กลั้นลมหายใจ เพียงแค่เราหยุดลมหายใจ คนเราใจมันจะขาด มันก็กลับมา เพื่อเราทุกท่านทุกคนจะได้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ใจของเราทุกคนมันคิดได้ทีละอย่าง มันคิดได้ไม่หลายอย่าง เมื่อเรากลับมาหาสติหาสัมปชัญญะ ใจของเราก็สงบ ใจของเราก็มีพุทธะ เพราะทุกท่านทุกคนจะได้ให้อาหารใจคือธรรมะ ที่ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เราทุกคนจะได้อยู่กับความว่างเปล่าจากนิติบุคคลจากตัวจากตน การดำรงชีพของเรามันจะได้ก้าวไปด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติที่เป็นธรรมปัจจุบันธรรมในปัจจุบัน เราจะได้พัฒนาชีวิตของเราที่เป็นทางสายกลางที่ได้ให้อาหารกายและอาหารใจไปพร้อมๆ กัน
เมื่อใจของเรามันคิดได้ทีละอย่าง ทุกๆ คนถึงต้องละสักกายะทิฏฐิที่เป็นตัวพาเราเวียนว่ายตายเกิด ไม่เอาอวิชชาไม่เอาความหลงเป็นการดำเนินชีวิต ไม่เอาสักกายทิฏฐิเป็นตัวเป็นตน ชีวิตของเรามันจะมองขาดว่ากายก็ส่วนหนึ่ง ใจก็ส่วนหนึ่ง กายคือวัตถุ ใจนั้นคือพุทธะ เราเอากายเป็นเรา นั่นเป็นความเห็นผิดเข้าใจผิด นั่นเป็นสาเหตุที่สัตว์โลกทั้งหลายพากันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณที่มันเป็นอวิชชาเป็นความหลงนี้ พระพุทธเจ้าจัดว่ามันเป็นวัตถุ เพราะใจที่มันมีตัวมีตน มันยังเป็นวัตถุอยู่ ที่มันเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชายเป็นเราเป็นเขานี้จัดเป็นวัตถุ เราทุกท่านทุกคนจะให้อวิชชาความหลงมาครอบครองใจของเราไม่ได้ มันเป็นการเวียนว่าจะเกิดของสัตว์โลกทั้งหลาย
เมื่อทุกคนมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม พากันเห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะการเวียนว่ายตายเกิดนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าสนุกไม่น่าเพลิดเพลิน เมื่อทุกท่านทุกคนมีสติคือความสงบมีสติมีสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อมที่ติดต่อต่อเนื่องกัน ใจของเราก็จะมีพลัง เราทุกคนนั้นต้องไม่ถือเอานิสัยแห่งอวิชชา ไม่ถือนิสัยแห่งความหลงเป็นที่ตั้ง มาถือเอานิสัยของพุทธะ การเจริญการปฏิบัติอย่างนี้เรียกว่ามรรค เรียกว่าอริยมรรค พระธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ในพระวินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ในพระสุตตันตปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ในพระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นยานที่จะหยุดวัฏสงสาร พาเราเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพื่อจะให้ทุกท่านทุกคนหยุดสัญชาตญาณที่มันเป็นสัตว์บุคคลเป็นตัวเป็นตน เป็นสีดำสีเทาสีสกปรกสีน่าเกลียด นี่มันเป็นกรรมนี่มันเป็นกฎแห่งกรรม เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดมาจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีในปัจจุบัน สิ่งต่อไปในอนาคตมันถึงมี ทุกท่านทุกคนต้องหยุดถือนิสัยแห่งอวิชชาแห่งความหลง นิสัยของอวิชชานิสัยความหลง ได้แก่ตัวได้แก่ตน ที่มันเป็นอารมณ์เจ้าอารมณ์
ให้ทุกท่านทุกคนเข้าใจ วัดคือข้อวัตรคือข้อปฏิบัติ หาใช่โบสถ์หาใช่เจดีย์ต่างๆ ไม่ วัดนั้นคือข้อวัตรข้อปฏิบัติ คือสติคือความสงบคือสัมปชัญญะที่เป็นธรรมเป็นวินัย ที่จะให้เราเข้าสู่ความเป็นธรรมความยุติธรรม ทุกคนต้องปกครองตนเองด้วยธรรมะ การประพฤติการปฏิบัติที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา บุคคลที่ปกครองตนเองอย่างนี้เรียกว่าเจ้าอาวาส บุคคลที่ไม่ปกครองตนเองเรียกว่าเจ้าอาละวาด ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ให้ทุกท่านทุกคนพากันรู้ตัวเองว่าเป็นเจ้าอาวาสหรือเป็นเจ้าอาละวาด ทุกท่านทุกคนน่ะที่เป็นประธานสงฆ์เป็นเจ้าอาวาสทั้งหลายต้องเป็นเจ้าอาวาส อย่าให้เป็นนิติบุคคลที่เป็นเจ้าอาละวาด ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ทั้งหลายก็ต้องพากันรู้พากันเข้าใจ อยากพากันไปเป็นเจ้าอาละวาด ต้องหยุดความเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าอาละวาดทั้งหลาย ที่มันอยู่ในตัวในตนของเรา ในตัวของตนของเรานี่แหละ มันเป็นเปรตเป็นยักษ์เป็นมารเป็นอสุรกายเป็นสัตว์นรก มันก็รวมเข้าอยู่ในเจ้าอาละวาด เจ้าอาวาสทั้งหลายที่ถือเอาตัวเอาตนเป็นหลักเรียกว่าบูชาความหลง บูชากาม คือถือความหลงเป็นพระเจ้า ถือเงินเป็นพระเจ้าพวกนี้เนี่ยทำให้โลกเดือดร้อน อวิชชาความหลงที่อยู่ในตัวเราทุกคน ที่มันเป็นเราเป็นของเรานี่แหละ คือผู้ที่ทำลายชาติทำลายศาสน์แห่งความเป็นพุทธะ ทุกท่านทุกคนมีความเห็นผิดเข้าใจผิด ก็จะพากันไปแก้แต่คนอื่น ตัวเองมันไม่แก้
ในชีวิตประจำวัน ทุกท่านทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติธรรมต้องมีความสุขในการทำงาน เมื่อเรามีความสุขในการทำงานความขาดแคลนทางอาหารทางวัตถุของเราก็เพียงพอ เพราะสิ่งเหล่านี้มันคือเหตุคือปัจจัย สำหรับเด็กๆ มีความสุขในการเรียนการศึกษา พร้อมกับการทำงาน พ่อแม่พวกนักบวชบรรพชิตต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องพากันปฏิบัติให้มันถูกต้อง เราถึงจะได้ส่งผลัดให้กับลูกกับหลานได้ ธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่สำหรับนักบวชผู้ที่บรรพชาอุปสมบทที่มันหยุดนิติบุคคลหยุดตัวหยุดตน มันจะได้เข้าถึงความเป็นธรรมความยุติธรรม มันจะได้ส่งผลัดให้กับเพื่อนสหธรรมิกคือรุ่นน้อง จะได้ส่งผลัดให้กับฆราวาสผู้ครองเรือน ถ้าเราเป็นตัวเป็นตนเป็นนิติบุคคล ไม่ได้เป็นธรรมะเป็นพระวินัยเราจะเอาอะไรไปสอนเขา เป็นได้แต่เจ้าอาละวาด เจ้าทิฏฐิ เจ้ามานะ เจ้าอัตตาตัวตน
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชคือตำแหน่งที่ให้มาเสียสละ ตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ เจ้าคณะต่างๆ คือตำแหน่งที่ให้มาเสียสละ ละมานะทิฏฐิอัตตาตัวตน ทุกคนอย่าพากันหลงประเด็น มันเป็นความหลงงมงาย ความหลงในสักกายะทิฏฐิอัตตาตัวตน ตลอดถึงเจ้าอาวาสประธานสงฆ์ทั้งหลายจะให้พากันเข้าใจ ทุกท่านทุกคนต้องพากันแก้ไขตัวเองเหมือนท่านอาจารย์ชา สุภัทโท บอกกับพระภิกษุสามเณรว่าผมสอนท่าน 5% สอนตัวเอง 95%
สำหรับฆราวาสที่ปกครองประเทศที่เขาแต่งตั้งให้เป็น พระราชา ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ข้าราชการนักการเมือง เพราะโลกนี้จะได้ปกครองเป็นธรรมาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ คือเอาธรรมะเป็นใหญ่เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นการดำเนินชีวิต เพราะตำแหน่งนี้ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน คือตำแหน่งในรัฐธรรมนูญ เป็นการหยุดสีดำสีเทาสีสกปรก ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็พากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ พากันปฏิบัติหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ อย่าพากันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง การปกครองประเทศมันถึงไปได้ เพราะประเทศนี้ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เพราะประเทศนี้คือรัฐธรรมนูญ คือสติความสงบคือสัมปชัญญะคือธรรมะ เราได้พากันแข่งขันในการเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก ตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค เป็นการเรียนการศึกษาเพื่อจะได้ดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ ต้องพัฒนาทั้งวัตถุพร้อมทั้งพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน การที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไปไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันว่างจากรัฐธรรมนูญ มันว่างจากความดับทุกข์ มันเป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ มันไปได้แค่ความหลงความงมงาย ถามว่า เราไม่ได้ตามใจตามอารมณ์ เราจะเอาความสุขความทุกข์มาจากไหน? การที่เราจะเอาความสุขความดับทุกข์จากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือความประกอบทุกข์ อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องใส่ตัว ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ทั้งหลายพากันไปบ่นให้ลูกว่า มันไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ แต่ไม่กลับมาดูตัวเองว่า ที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะเรามีผัวมีเมียน่ะ ไปว่าอย่างนั้นไม่กลับมาดูตัวเอง นั่นมันเป็นปลายเหตุแล้ว เราไม่รู้จักทุกข์ไม่รู้เหตุคือทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ไปโทษสิ่งภายนอก
การที่หยุดวัฏสงสาร ที่มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเจริญธรรมนูญชีวิต เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้มันจะดับทุกข์ได้ เพราะมีสติความสงบมีสัมปชัญญะ เราไม่ตามอวิชชาไม่ตามความหลงไม่ตามโมหะ เราตื่นมาแต่เช้าถึงต้องมีสติมีสัมปชัญญะ ถ้าสติสัมปชัญญะมันไม่มีในเบื้องต้นให้หายใจเข้าให้สบายที่สุดในโลก หายใจออกให้สบายที่สุดในโลก เอาธรรมะเป็นธรรมนูญแห่งชีวิต ทำหน้าที่ของตัวเองให้สบายให้มีความสุข เราจะเป็นคนจังหวัดไหนตำบลไหนหมู่บ้านไหน ท่านอยู่ที่ไหนถ้ามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง กลับมหาสติกลับมาหาสัมปชัญญะ ท่านมีความสุขในการทำงาน ท่านก็มีความดับทุกข์ได้ทั้งทางกายทั้งใจ ท่านนั้นไม่ต้องไปหาพระที่ไหน พระมีอยู่ในตัวของท่านเอง เราเป็นข้าราชการก็ต้องมีความสุขในการทำงาน การทำงานคือความสุข ความสุขคือการทำงาน เป็นข้าราชการก็มีความสุขในการบริหารบ้านเมือง เพราะประเทศเราจะได้ก้าวไปทางวัตถุก้าวไปทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน
ตำแหน่งของมนุษย์คือตำแหน่งธรรมนูญชีวิตนะ ตำแหน่งของข้าราชการนักการเมืองคือตำแหน่งของรัฐธรรมนูญ ท่านต้องพากันเข้าใจในโครงสร้าง ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ถนน ๘ เลนส์หรือ ๑๖ เลนส์ ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ไม่ทุจริตโกงกินคอรัปชั่น สามารถเอาทองคำหนา ๑ เมตร มาปูเป็นถนนได้สบายๆ แต่เพราะท่านทั้งหลายไม่ได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นแต่เพียงคน เพราะท่านไม่ได้เป็นข้าราชการนักการเมืองที่สมบูรณ์ที่เสียสละ แต่ยังเป็นอวิชชาเป็นความหลง ทุกท่านทุกคนต้องเข้าใจโครงสร้าง ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะว่าตำแหน่งของข้าราชการตำแหน่งของนักการเมืองตำแหน่งของนักบวช คือตำแหน่งของธรรมะ ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
ตำแหน่งของพระได้รับสิทธิพิเศษ บ้านก็ไม่ต้องเช่าข้าวก็ไม่ต้องซื้อ เขาเอาของมาให้ เขายังมากราบมาไหว้มาบูชา ตำแหน่งข้าราชการตำแหน่งนักการเมือง เป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อให้ทุกคนมาทำงานส่วนรวม เงินทุกบาททุกสตางค์ได้มาจากภาษีอากรของประชาชน ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงจากการทำมาหาเลี้ยงชีพของประชาชน ในการค้าขายในการทำเกษตรกรรมทำอุตสาหกรรม ได้มาจากการค้าทางเศรษฐกิจของคนประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาในพื้นแผ่นดินของประเทศนั้นๆ ผู้ที่เป็นข้าราชการนักการเมืองจึงต้องพากันมาเสียสละ มีความสุขในการเสียสละ มีความสุขในการทำงาน เพราะตำแหน่งของท่านนั้นคือธรรมะ คือการปฏิบัติธรรม ที่ทุกท่านทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ การที่นักบวชทั้งหลายนั้นน่ะ ที่พากันมาบวช ไม่เสียสละทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ท่านยังมีตัวมีตนนั้นเรียกว่านิติบุคคลเรียกว่าตัวตน ยังไม่ใช่พระธรรมวินัย เรียกว่าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ยังมีตัวมีตนอยู่ ยังเป็นการโกงกินคอรัปชั่น
ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจกับความเป็นพระเป็นสมณะ เพราะท่านยังเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ความเป็นมรรคผลนิพพานมันจะเกิดขึ้นกับท่านไม่ได้ เพราะท่านยังตรึกในกามหมกมุ่นในกามในอวิชชาในความหลง หมกมุ่นในปฏิฆะหมกมุ่นในพยาบาท ท่านไม่ได้เป็นสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านไม่ได้เป็นอุชุปะฏิปันโน ผู้ปฏิบัติตรง ท่านไม่ได้เป็นญายะปะฏิปันโน ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อออกจากกามออกจากพยาบาท ท่านยังยินดีในความมีตัวมีตน ท่านยังไม่ได้เป็นบุคคลที่ส่วนรวมที่จะกราบไหว้ทำอัญชลี ท่านนี้แหละเป็นผู้ที่ทำลายความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ เป็นผู้ที่ทำลายพระพุทธพระธรรมพระอริยสงฆ์ที่จะสืบทอดต่อยอดแห่งความเป็นพุทธะ เมื่อท่านมีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้อง ท่านก็ไม่ได้เป็นตัวอย่างแบบอย่าง
นักบวชทั้งหลายที่อยู่ในกรุงก็ดี ที่อยู่ในจังหวัดก็ดี ที่อยู่ในอำเภอก็ดี ที่อยู่ในตำบลก็ดี ที่อยู่ในหมู่บ้านก็ดี ที่อยู่ในชนบทก็ดี จะเป็นเถรวาทมหายานวัชรยาน วัดบ้านวัดป่าทั้งหลาย ทุกท่านทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง จะได้พากันปฏิบัติให้ถูกต้อง มันถึงจะเป็นมรรคเป็นอริยมรรค ถ้าพวกท่านทั้งหลายไม่ได้มุ่งมรรคผลนิพพาน ก็ไม่ต้องพากันมาบรรพชาอุปสมบท เมื่ออุปสมบทแล้วให้พากันรู้ตัวเองให้พากันลาสิกขาบทไปเสีย ในพระศาสนาไม่มีพระก็ไม่เป็นไร ขออย่าให้มีโจร ทุกท่านทุกคนต้องอย่าให้ศาสนาทุกศาสนามันเป็นทางออกของคนจน เป็นทางออกของผู้ที่ไม่มีศักยภาพในการทำงานทำมาหาเลี้ยงชีพ
โลกนี้ได้พัฒนาวัตถุมาไกล หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะได้เอาธรรมครองใจ ไม่ใช่เอาโลกมานำใจ ผู้ที่มีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้อง เดี๋ยวจะพากันคิดว่า พูดอย่างนี้บรรยายธรรมอย่างนี้น่ะ มันจะมีใครมาบวช เดี๋ยววัดในประเทศไทยมันก็ต้องร้างหมด พูดอย่างนี้บรรยายธรรมอย่างนี้แหละ ถึงจะมีคนอยากจะมาบวช ถึงจะมีบุตรลูกหลานมาบรรพชา แต่เมื่อพระศาสนามันไม่ได้เป็นพระ มันเป็นโจร มันเป็นแก๊งโจร ผู้มีปัญญาคงแก่เรียนทั้งหลาย มีใครบ้างเขาอยากจะมาเป็นโจรน่ะ นอกจากผู้ที่จะมาเอาพระพุทธศาสนามาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เราดูตัวอย่างแบบอย่างสมัยพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเอาธรรมะวินัย กุลบุตรลูกหลานพากันมาบวชเป็นแสนๆ ล้านๆ พากันมาบรรพชาอุปสมบทเอามรรคผลนิพพาน เอาพระธรรมเอาพระวินัย ประเทศไทยนี้ก็ได้ให้สิทธิพิเศษ เพื่อจะได้สร้างทรัพยากรบุคคลของประเทศ ถึงได้ให้กุลบุตรลูกหลานพากันมาบวช ๗ วัน ๑๕ วันหรือ ๑ พรรษา เมื่อผู้ที่มาบวชเอาพระธรรมพระวินัย ลูกหลานก็อยากจะมาบวชมาอุปสมบท ผู้ที่พากันมาบรรพชาอุปสมบท พากันมาเรียนพากันมาศึกษาพากันมาจำพระวินัยพระสูตรพระอภิธรรม แล้วพากันมาเทศน์มาสอนเรื่องการให้ทาน เพื่อจะเอาเงินเอาสตางค์ เอาสิ่งของของผู้ที่นับถือพระศาสนา มาสอนเรื่องสวรรค์เรื่องสร้างบารมี เพราะตัวผู้สอนยังเป็นนิติบุคคลเป็นตัวเป็นตน ยังเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ยังไม่รู้อริยสัจ ๔ เมื่อไม่รู้ เมื่อสอนอริยสัจ ๔ ไม่ได้ เพราะธรรมะมันไม่ได้อยู่ในใจ ธรรมะนั้นมันอยู่ในหนังสือตำรับตำรา ใจนั้นน่ะมีแต่อวิชชามีแต่ความหลง เมื่อมันหลง ก็เน้นแต่ทางวัตถุ เช่น หาสร้างโบสถ์ หาสร้างศาลา สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ การที่เรามาหลงในตัวในตน หลงในสักกายะทิฏฐิ ย่อมเอาวัตถุเป็นที่ตั้ง พระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นขาลง เป็นที่ตกต่ำ
เราทุกคนพากันใช้ศาสนาบริโภคศาสนาร่วมกัน ต้องพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง อย่าให้อวิชชาคือความหลงมันครองใจเรา เมื่ออวิชชามันครองใจของเราโลกมันก็จะครอบงำธรรม ธรรมจะไม่มีโอกาสคุ้มครองโลก
คนส่วนใหญ่ในโลกมีความคิดเห็นว่า มีวัตถุนั้นดีกว่ามีปัญญา ผู้ที่มีอวิชชามีความหลงเป็นที่ตั้งเป็นสรณะก็ว่ามีเงินมีทรัพย์สมบัติดีกว่าผู้ที่มีปัญญาสัมมาทิฏฐิ ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องก็ตอบว่า ผู้มีปัญญาสัมมาทิฏฐินั้นดีกว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ปญฺญา เว ธเนน เสยฺโย. ปัญญาแล ประเสริฐกว่าทรัพย์”
ทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง คฤหาสถ์ ที่ดิน หรืออะไรก็แล้วแต่บรรดามี เป็นสิ่งที่มนุษย์ทั้งหลายต้องการ ต้องมี เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการใช้ชีวิต แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อจะได้มาก็ย่อมหามาได้ด้วยปัญญา บุคคลจะมีทรัพย์มีสมบัติต่าง ๆ มากมายแค่ไหน ก็ต้องอาศัยปัญญาประกอบอาชีพแสวงหาให้ได้มา เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงอยู่เหนือทรัพย์สมบัติเหล่านั้น ถ้าขาดปัญญาเสียแล้ว การที่จะได้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นมานั้นเป็นเรื่องยากนักยากหนา ถึงได้มาแล้วถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้
อีกอย่างหนึ่ง ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นสามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ คือมีประโยชน์แก่มนุษย์เฉพาะในโลกนี้เท่านั้น แต่ปัญญา สามารถทำให้มนุษย์กระทำที่สุดแห่งทุกข์ ถึงสันติสุขคือมรรคผลนิพพานได้ ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์ เพราะทรัพย์สินเงินทองทั้งหลาย ไม่สามารถทำให้ความสุขอันเป็นบรมสุขเกิดขึ้นมาได้ แต่ปัญญาในทางธรรม คือปัญญาที่เกิดจากวิปัสสนานั้น สามารถทำให้ความสุขอันเป็นเอกันตบรมสุขเกิดขึ้นมาได้
สรุปแล้วในพระพุทธเจ้าให้เราพัฒนาวัตถุและจิตใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะได้มีสติมีความสงบเพื่อจะได้มีสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อมพัฒนาจิตพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ให้เป็นทางสายกลาง ท่านให้เราเรามีญาณทั้งสองอย่าง คือญาณทางร่างกายเพื่ออำนวยความสะดวกสบายทางวัตถุ ญาณทางจิตใจคือรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ ประพฤติกายประพฤติใจไปพร้อมๆ กัน
มีคนมาถามว่า รัฐบาลปัจจุบันนี้จะบริหารประเทศชาติไปรอดไหม ทุกๆ รัฐบาลในโลกนี้น่ะ ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าบริหารประเทศไหนตลอดถึงครอบครัวตลอดถึงตัวเองก็ย่อมเอาตัวไม่รอด เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องข้าราชการต้องปรับตัวเข้าหาธรรมะ เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นนิติบุคคลเป็นตัวตน ปรับตัวเข้าหาเวลา เมื่อเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่สามารถที่จะยอมรับนับถือตัวเองได้ เราก็ไม่ศรัทธาในตัวของเราเอง คนอื่นก็ไม่มีศรัทธาในตัวเรา เราทุกคนนี้จะเคารพตัวเองก็เคารพยากนะ เพราะเราเป็นโจรเป็นมหาโจร ทุกคนก็รู้ได้เฉพาะตน
การเรียนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาเอก ตั้งแต่นักธรรมตรีจนถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค จุดหมายของการเรียนการศึกษาเพื่อจะได้รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์นะ เราเรียนศึกษามาเพื่อเสียสละเพื่อมาทำงาน พัฒนาวัตถุพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะได้เป็นนักบวชเป็นข้าราชการเป็นนักการเมืองที่ถูกต้อง เป็นพ่อเป็นแม่เป็นครูบาอาจารย์เป็นอะไรต่างๆ อย่างถูกต้อง เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากเหตุ มันจะส่งผลัดทางวัตถุทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน จึงให้ทุกท่านทุกคนได้เข้าใจ ที่เรามีร่างกายเป็นมนุษย์ต้องมาทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ ต้องพากันมาแก้ไขตนเอง ที่เป็นต้นเหตุ มันจะไม่ได้ไปโทษคนอื่น มันไม่ถูกต้อง มันไม่เป็นธรรม มันไม่ยุติธรรม เพราะเราทั้งหลายพากันมาแก้ที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ ต้นเหตุอยู่ที่เรามีความเห็นไม่ถูกต้องความเข้าใจไม่ถูกต้อง เมื่อเรามีความเห็นไม่ถูกต้องความเข้าใจไม่ถูกต้อง เราก็ไม่เลื่อมใสในตัวเรา ผู้ที่มาบวช พุทธบริษัททั้ง ๔ เขาก็ไม่ให้ความเคารพนับถือเลื่อมใส พสกนิกรพ่อค้าประชาชนเขาก็ไม่ให้ความนับถือข้าราชการนักการเมือง เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอาการเสียสละเป็นที่ตั้ง ประเทศของเราจึงมีการปฏิวัติเป็นระยะ เพราะความไม่เคารพไม่ศรัทธาของผู้ที่อยู่ในการปกครองประเทศ เราทำไม่ถูกต้องปฏิบัติไม่ถูกต้องก็ยิ่งเสียหาย การทำรัฐประหารมันเสียหาย เพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ต้นเหตุคือทุกคนต้องพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องแล้วพากันปฏิบัติให้ถูกต้อง ทุกคนพากันมาเสียสละ การปกครองตนเองต้องพัฒนาทั้งใจทั้งวัตถุ มันต้องไปพร้อมๆ กัน การที่จะเป็นข้าราชการนักการเมือง มันต้องพัฒนาใจพัฒนาวัตถุไปพร้อมๆ กัน ทุกท่านทุกคนต้องให้ได้ Standard ได้มาตรฐาน ปรับตัวเองเข้าหาธรรมเข้าหาเวลา
เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ มันจะไม่เครียดเหรอ เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้มันก็ไม่เครียด ความเครียดมันอยู่ที่เรามีความเห็นไม่ถูกต้องเข้าใจไม่ถูกต้อง ไม่มีความสุขในการทำงาน มันก็ย่อมเครียด เราไม่มีความสุขในการเรียนก็ย่อมเครียด เราไม่มีความสุขในการปรับตัวเข้าหาเวลา มันก็ย่อมเครียด
ถามว่า เราจะทำไปนานสักเท่าไร เราจะได้หยุด ความคิดเห็นอย่างนี้ ก็คือความเห็นที่เราไม่รู้อริยสัจ ๔ ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ถ้าเรามีการประพฤติการปฏิบัติเราจะมีความสุขมีความดับทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงบรรทม ๔ ชั่วโมงทำงานวันละ ๒๐ ชั่วโมง เพราะท่านมีความสุข ที่เราเครียดเพราะเรามีทิฏฐิมีมานะมีอัตตาตัวตน พวกพระภิกษุสามเณรทั้งหลายที่พากันมาบรรพชาอุปสมบท ให้พากันเข้าใจ ให้พากันมีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เราจะได้หยุดวัฏสงสารให้กับตัวเอง นักบวชผู้ชายก็จะได้หยุดมีเมียมีลูกทางจิตใจ นักบวชผู้หญิงก็จะได้หยุดมีลูกมีผัวทางจิตใจ พวกที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งคือผู้ที่มีผัวมีเมียทางจิตใจ ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เราทำไม่ถูกนะ บวชมาแล้วยังมีผัวมีเมียทางจิตใจอยู่ พวกข้าราชการพวกนักการเมืองต้องพากันเข้าใจ มันก็อย่างเดียวกับพระคุณเจ้าหรือนักบวชเหมือนกัน ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็อย่างเดียวกัน นักบวชเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษ เป็นผู้ทรงเกียรติ เป็นตำแหน่งปูชนียบุคคล ข้าราชการนักการเมืองก็เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติ ธรรมะไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวตนที่พาดสังฆาฏิผูกเนคไทคือตำแหน่งผู้ทรงเกียรติ
ท่านทั้งหลายต้องกลับมาหาสติกลับมาหาสัมปชัญญะ พากันมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เพื่อการพัฒนาทางวัตถุพัฒนาทางใจไปพร้อมๆ กัน การแก้ไขที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทุกๆ ท่านต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พากันไปแก้ไขตัวของเราคนเดียว ทุกท่านทุกคนมีหน้าที่แก้ไขตนเอง โลกนี้จะได้เข้าถึงความสงบร่มเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่น เป็นมรรคผลเป็นพระนิพพาน ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ตัวเองมันคิดหนัก ตัวเองก็ไม่แก้ไข แล้วจะไปแก้ไขคนอื่น มันก็เป็นไปไม่ได้ คิดไปคิดมาสมองมันจะระเบิดเปล่า เราไปคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ที่จะแก้ไขคนอื่น ไม่แก้ไขตนเอง พระพุทธเจ้าให้เราแก้ไขตนเอง มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
ในโอกาสที่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราทั้งหลายต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พากันส่งอวิชชาส่งความหลงเพื่อมีสติมีสัมปชัญญะ เพื่อรับเอาพุทธะที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อดำเนินชีวิตที่ประเสริฐที่ได้เกิดมา เพื่อบำเพ็ญภาวนาอบรมบ่มอินทรีย์ สร้างบารมีเพื่อมรรคผลพระนิพพานในภพชาติปัจจุบัน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee