แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอาทิตย์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง มนุษย์ที่สมบูรณ์ ตอนที่ ๕๘ อดีตได้ผ่านไป ปัจจุบันอยู่เฉพาะหน้า อนาคตยังไม่มาถึง ให้เราพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
พระพุทธศาสนาเป็นวิทยาการที่สอนเน้นหนักไปในเรื่องของทุกข์ ชี้ให้เห็นทุกข์ทั้งหลายตลอดจนทุกข์ที่ละเอียด ที่ชาวโลกทั้งหลายมองเข้าไปไม่ถึง และสอนให้เห็นหนทางเดินที่จะพ้นไปจากทุกข์ไม่ต้องแก้ปัญหาให้แก่ชีวิตอีกต่อไป (ทุกข์ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่มีจะกิน ไม่มีเงินจะใช้ หรือเจ็บป่วย ไม่สบายเท่านั้น) นั่นก็คือ ตัวการสำคัญที่สุดที่เป็นต้นเหตุทำให้คนโง่ คนหลง ทำให้ทุกข์เกิดขึ้นมาและสอนให้รู้จักทำลายต้นเหตุเหล่านั้นด้วย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเน้นในเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิต พร้อมทั้งนี้แนะแนวทางเอาไว้ให้ด้วยว่าจะแก้ปัญหา คือ ทำลายโมหะหรืออวิชชา ณ ที่ตรงนี้ (ในขณะที่เห็น ได้ยิน) ได้อย่างไร เพราะที่ตรงรู้สึก “เห็น, ได้ยิน” นี่เอง ที่เป็นตัวการทำให้สัตว์ทั้งหลายได้รับความทุกข์โศกโรคภัย แล้วแก้ปัญหาของทุกข์กันไม่หวาดไหว ด้วยมันเป็นตัวการทำให้การเวียนว่ายตายเกิดอุบัติขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนนับชาติที่เกิดไม่ได้
ผู้มีปัญญาพิจารณาปัญหาของชีวิตจากพระพุทธศาสนามาด้วยดี ก็จะกำหนดพิจารณา คือ โยนิโสมนสิการอารมณ์ตามทวารต่างๆ ให้บ่อยๆ จนชำนาญเป็นวสี เพราะเป็นการสร้างมหากุศลญาณสัมปยุต คือ มหากุศลที่ประกอบด้วยปัญญาบารมี ซึ่งเป็นกุศลที่มีกำลังมากที่สุด ให้ติดตัวไปทุกชาติๆ จนกว่าจะถึงซึ่งความพ้นทุกข์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้หยิบใบไม้ในป่าขึ้นมากำมือหนึ่งต่อหน้าภิกษุจำนวนมากแล้วถามว่า ใบไม้ในป่าหรือใบไม้ในมือที่มีจำนวนมาก พระภิกษุทั้งหลายทูลว่าใบไม้ในป่ามีจำนวนมาก ใบไม้ในมือมีจำนวนน้อย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า จะแสดงธรรมเป็นส่วนน้อยเฉพาะใบไม้ในมือเท่านั้น นั่นก็คือ ปัญหาเรื่องชีวิตและความพ้นทุกข์ และได้แสดงมาตลอดเวลา ๔๕ พรรษา
แม้จะเป็นแต่เพียงใบไม้ในมือซึ่งเป็นส่วนน้อย ถึงกระนั้นผู้ที่จะเข้าถึงแก่นแท้ และกว้างขวางลึกซึ้งจริง ๆ ก็จะต้องใช้เวลามากมายอาจตลอดชีวิตก็ได้
พระองค์มุ่งหมายที่จะแสดงเรื่องของทุกข์และหนทางพ้นทุกข์เป็นหลักสำคัญจึงแสดงแต่ใบไม้ในมือ ไม่ใช่ใบไม้ในป่า แต่ถึงกระนั้น ผู้ศึกษาก็ได้พบกับความน่าอัศจรรย์ใจในความตรัสรู้ของพระองค์
คนเราวิ่งตามอารมณ์ วิ่งตามความคิดนั้น มันไม่จบ พระพุทธเจ้าจึงให้เรารู้ทุกข์ รู้เหตุให้เกิดทุกข์ รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เมื่อเราเป็นเด็กเราก็คิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่เราจะมีความสุข พอเป็นผู้ใหญ่แล้วก็อยากเป็นคนรวยอยากเป็นคนดีอยากเป็นมหาเศรษฐี มีสิ่งอำนวยความสะดวกความสบายพรั่งพร้อม พระพุทธเจ้าให้เรารู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ความดับทุกข์มันอยู่ที่ปัจจุบันนี่แหละ ที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ความดับทุกข์มันถึงไม่เกี่ยวกับความจนความรวย ไม่เกี่ยวกับเซ่อซ่า แต่อยู่กับปัจจุบันที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มันเป็นเรื่องของความเข้าใจ และการปฏิบัติที่เป็นศีลสมาธิปัญญาในปัจจุบัน เราจะไม่ได้วิ่งไปหาทุกข์อยู่ที่ไหน ความดับทุกข์มันอยู่ที่ใจของเรานี่แหละ พระพุทธเจ้าน่ะ ท่านค้นคว้ามาอย่างสมบูรณ์แล้ว เราทุกคนจะต้องพากันจัดแจงตัวเอง
อดีตได้ผ่านไป ปัจจุบันอยู่เฉพาะหน้า อนาคตยังไม่มาถึง ให้เราพากันมีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องและจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เราทุกคนมีร่างกายเป็นมนุษย์เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ถ้าไม่อย่างนั้นจะเป็นได้แต่เพียงคน คำว่าคนนั้นยังมีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เป็นได้แต่เพียงคน คนแปลว่าความหลง เป็นกระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ นี้เรียกว่าพุทธะ พระพุทธเจ้าท่านใช้เวลาบำเพ็ญบารมีเป็นเวลานานหลายล้านชาติหลายอสงไขย ได้มาบอกมาสอนพวกเราที่เป็นหมู่มวลมนุษย์ เพื่อให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องและปฏิบัติถูกต้อง ให้ทุกท่านทุกคนเดินตามอริยมรรคคือธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ที่มีในพระวินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ที่มีในพระภิกขุปาฏิโมกข์ ๒๒๗ สิกขาบทที่เอามาสวดกันในวันอุโบสถทุกกึ่งเดือน สำหรับประชาชนนั้นที่ยังเป็นฆราวาสก็เรียกว่าศีล ศีล ๕ ศีล ๘ ศีลอุโบสถในวันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เพื่อเป็นกระบวนการเพื่อหยุดกระแสแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เพราะสภาวะธรรมทุกอย่างเกิดจากเหตุจากปัจจัยเพราะสิ่งนี้มี สิ่งต่อไปจึงมี เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ที่หยุดเวียนว่ายตายเกิด หยุดกระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องและปฏิบัติถูกต้อง ทุกท่านทุกคนต้องมีความสุขในการปฏิบัติ เราต้องมีฉันทะความพอใจ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง และมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ
การพัฒนามนุษย์ก็ต้องพัฒนาทั้งใจพัฒนาทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสสอนว่านี่คือทางสายกลาง ที่เป็นศีลสมาธิปัญญาไปพร้อมๆ กันด้วยสัมมาทิฏฐิ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นพระธรรมพระวินัย เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นความดับทุกข์ทั้งกายใจแบบพร้อมๆ กัน เราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุท่านได้ประพันธ์บทกลอนที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งในเบื้องต้นท่ามกลางและที่สุด ว่า เราจะเป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง…
สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ในสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องเป็นปัจจุบันธรรม เราทุกคนจะได้ทำงานชีวิตไปสู่ความเป็นมนุษย์เป็นเทวดาเป็นพระพรหมเป็นพระอริยเจ้า ทุกท่านทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องมีสติสัมปชัญญะ
พระพุทธศาสนาที่กุลบุตรลูกหลานพากันมาบรรพชาอุปสมบท ได้รับสิทธิพิเศษ บ้านไม่ได้เช่าข้าวไม่ได้ซื้อ เขาเอาของมาให้ยังมากราบมาไหว้ เป็นปูชนียบุคคล คือเป็นพระธรรมพระวินัย ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวตน ถือพระธรรมพระวินัย ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า สละคืนนิสัยของตัวเอง ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนาเพื่อจะได้บวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทและบวชทั้งใจ เราถึงจะเข้าถึงความเป็นพระธรรมพระวินัย ไม่ใช่นิติบุคคลตัวตน
หมู่มวลมนุษย์ผู้ที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร เพราะไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ความดับทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ด้วยความเป็นมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพระพุทธบารมีมาบอกมาสอนหนทางที่จะหยุดวัฏสงสารได้คือพระธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา เราทุกท่านนะเข้าใจตั้งแต่ภาษาคน เข้าใจแต่เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกาย เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ การมาบรรพชาอุปสมบท เราอุปสมบททางร่างกาย ทางจิตใจยังไม่ได้อุปสมบท คือใจที่ยังมีอาการที่ครองด้วยอวิชชาครองด้วยความหลง ยังเอาความหลงเป็นที่ตั้งเป็นสรณะเป็นที่พึ่งอยู่ ใจมันถูกครองด้วยตัวด้วยตน พระพุทธเจ้าถึงได้ให้เราทุกคนต้องพากันบวชใจ ที่พระพุทธเจ้าท่านเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ท่านจึงได้อุทานกับตัวเองว่า เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว คือตัวตัณหาเจ้าจะสร้างบ้านสร้างเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป ทรงรู้จักกระแสปฏิจจสมุปบาท เราต้องหยุดภพหยุดชาติของตัวเอง ด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพราะเราไม่ได้เพิ่มไม่ได้ตัดเป็นอริยมรรค เราปฏิบัติถูกต้องมันก็จะเป็นผลของมันเอง
ทุกท่านทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการภาคประพฤติภาคปฏิบัติ สมัยปัจจุบันนี้ใช้ศัพท์ว่า หยุดมีเพศสัมพันธ์ทางอารมณ์ทางความคิด คนสมัยใหม่จะได้เข้าใจ เมื่อได้มาบรรพชาอุปสมบทต้องพากันหยุดมีเพศสัมพันธ์ทางความคิดทางอารมณ์ ด้วยการปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องให้เป็นเหมือนสายน้ำ ที่ไหลติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ใช่หยดน้ำที่นานๆ หยดที ไก่มันฟักไข่ที่จะออกมาเป็นลูกไก่ต้องใช้เวลา ๓ อาทิตย์ เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องทุกอิริยาบถ เป็นเรื่องหยุดทางใจ เพื่อไม่มีเพศสัมพันธ์ทางใจทางอารมณ์ หยุดให้อาหารอวิชชาความหลงน่ะ
ศาสนาพุทธเป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน เราจะหยุดวัฏสงสารได้ ต้องหยุดด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม การดำรงชีวิตของบรรพชิตนักบวช จึงเป็นการทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมคือการทำงาน จะแยกกันไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของใจ เป็นเรื่องหยุดมีเพศสัมพันธ์ทางความคิดทางอารมณ์ มันจะทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ทั้งกายใจไปพร้อมๆ กัน ผู้ที่เป็นบรรพชิตก็ปฏิบัติได้สมบูรณ์ ผู้ที่ครองเรือนก็ปฏิบัติได้สมบูรณ์ ด้วยการดับทุกข์ทั้งกายใจไปพร้อมๆ กัน เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เป็น Super Power เป็นการดำรงชีวิตที่ประเสริฐ เป็นความรู้แจ้งเห็นจริง รู้ยิ่งเห็นธรรม เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ยิ่งประพฤติยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งอบรมบ่มอินทรีย์ สติสัมปชัญญะก็สมบูรณ์ ยิ่งเราทำยิ่งเราปฏิบัติด้วยความเห็นถูกต้อง ก็จะไม่มีความทุกข์ทางจิตใจเลย เมื่อเรามีความสุขในการรักษาศีลในการปฏิบัติธรรม ความทุกข์มันจะมาจากไหน ผู้ครองเรือนก็มีความสุขในการทำงาน ความทุกข์มันจะมาจากไหน ที่มีความทุกข์ก็เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง การละสักกายทิฏฐิ การถอนอัสมิมานะเสียได้จึงเป็นความสุขอย่างยิ่ง
ทุกท่านทุกคนต้องพากันปรับตัวเข้าหาธรรมะเต็มที่เข้าหาเวลาเต็มที่ พากันมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ มนุษย์เราต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ ถ้าไม่มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ ก็อุปมาเหมือนกับพื้นดินที่แห้งแล้งฝนไม่ตก ๗ ปี ๗ เดือน ใจของเราที่มีความเห็นผิดเข้าใจผิดไม่รักษาศีลไม่ประพฤติปฏิบัติธรรม ก็เป็นจิตใจที่แห้งแล้งด้วยมิจฉาทิฏฐิไม่รู้ทุกข์ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจในการประพฤติปฏิบัติธรรม พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มีหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านข้อก็ยิ่งดี เพื่อจะได้มีสติสัมปชัญญะ จะได้ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มีแต่พระธรรมวินัยเป็นอุปกรณ์พาเราออกจากวัฏสงสาร ด้วยศีลสมาธิปัญญา สำหรับฆราวาสยิ่งมีศีลเยอะก็ยิ่งดี เราจะได้หยุดความหลงหยุดมีเพศสัมพันธ์ทางอารมณ์ทางความคิด มีการมีงานเยอะก็ไม่เป็นไร เราจะได้พากันเสียสละ จะได้หยุดซึ่งตัวซึ่งตน มีความสุขในการทำงานในการปฏิบัติธรรม
ทุกท่านทุกคนไม่ต้องไปแก้ที่ไหน มาแก้ไขที่ตัวเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง สิ่งภายนอกเราก็แก้ไขไปด้วยเหตุด้วยปัจจัย เพื่อดูแลสุขภาพตนเองและผู้อื่น ต้องเน้นมาที่ใจของเราที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เราต้องมีความสุขในการทำงาน เราจะไปยากจนได้อย่างไร เรามีความสุขในการเรียนหนังสือ แล้วก็มีสมาธิแล้วก็เก่งก็ฉลาด พระพุทธเจ้าท่านให้เราเป็นคนเก่งเป็นคนฉลาดเป็นคนดีไปพร้อมๆ กัน เพียบพร้อมไปด้วย IQ EQ RQ
ที่พึ่งที่ประเสริฐของเราก็คือพระพุทธเจ้า คือพระธรรมวินัย คือกระบวนการแห่งการประพฤติปฏิบัติของเราเอง ไม่ใช่ของคนอื่น เราไม่ต้องไปหาพระที่ไหน พระอยู่ใกล้ๆ อยู่ที่กายวาจาใจของเรานี่เอง ที่เราเข้าถึงข้อวัตรข้อปฏิบัติที่เป็นศีลสมาธิปัญญาในปัจจุบัน
วัดที่เป็นกุฏิหารเป็นโบสถ์เป็นศาลา เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบท นั่นคืออารามอาวาส วัดนั้นคือข้อวัตรข้อประพฤติข้อปฏิบัติที่เป็นศีลสมาธิปัญญา เป็นธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ของผู้มาบรรพชาอุปสมบท วัดของประชาชนก็คือศีลคือธรรมะคือสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาศีลเอาธรรม เอาการทำงานกับการปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งเดียวกัน เพราะเราว่าผู้ครองเรือนมีภาระเยอะ ต้องดูแลตัวเองดูแลพี่น้องดูแลธุรกิจหน้าที่การงาน ดูแลประเทศชาติพระศาสนา มีภาระหน้าที่มากก็ไม่เป็นไร ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ เมื่อมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณเป็นประโยชน์ทำให้เราพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ที่มีพุทธะตัวผู้รู้ ดำเนินชีวิตที่ประเสริฐไม่เอาความหลงเป็นที่ตั้ง ความหลงก็คือไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์ก็คือความหลง เราต้องเอาพุทธะผู้รู้สภาวะธรรมตามความเป็นจริง ความเป็นพระที่แท้จริงก็จะเกิดมีได้ ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ท่านให้เราพากันเข้าใจ อย่าไปคิดว่าผู้ที่โกนหัวห่มผ้าเหลืองจึงจะเป็นพระได้ นั่นยังไม่ใช้พระ เป็นแต่เพียงรูปแบบหรือแบรนด์เนมเฉยๆ ความเป็นพระที่แท้จริงอยู่ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ถึงแม้เรายังไม่ได้พระนิพพานเราก็ได้พรหมสมบัติ สวรรค์สมบัติและมนุษย์สมบัติอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าให้เราตั้งเป้าหมายไว้คือพระนิพพาน อันบรมสุขเกษมสานติ์ เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม
ที่มีความสงสัยว่า เราจะปฏิบัติไปนานเท่าไหร่ ถึงจะได้หยุดปฏิบัติ ความคิดเช่นนี้คือไม่รู้อริยสัจ ๔ ไม่รู้ความจริงอันประเสริฐ ถ้าเรารู้ความจริงแล้ว ก็ยิ่งจะทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ให้ตนเอง เราดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์เต็มเปี่ยม ทรงอยู่ด้วยวิหารธรรมคือพระนิพพาน วันหนึ่งคืนหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงบรรทมวันละ ๔ ชั่วโมง ทรงทำงานเสียสละวันละ ๒๐ ชั่วโมง เพราะเรามีความเห็นผิดเข้าใจผิดเราเลยกลัวในการทำงาน กลัวในการรักษาศีล ด้วยความรู้สึกที่เป็นอวิชชาความหลงนั่นเอง
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจใหม่ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเอาความหลงเป็นที่ตั้งก็เลยพากันคิดอย่างนี้แหละ กลัวศีลกลัวธรรมกลัวการปฏิบัติธรรม ทุกท่านต้องเข้าถึงเจตนาเพื่อเราจะต้องหยุดทางจิตทางใจก่อน ต้องหยุดตัวหยุดตนก่อน ถ้ามีตัวมีตนมันไปไม่ได้ เพราะตัวตนคือความมืดบอด เพราะตัวตนคือความเศร้าหมอง หมู่มวลมนุษย์ที่เรามองเห็น มันเป็นมนุษย์แต่ทางร่างกาย แต่ว่าจิตใจมักจะไม่ได้เป็นมนุษย์ ถึงจะเรียนจบปริญญาเอก จบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ถึงจะเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีทางวัตถุก็ไปไม่ได้ เพราะมีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด จึงพากันเป็นได้แต่เพียงคน หลงตัวหลงตน เอาตัวตนเป็นพระเจ้า เอาวัตถุเป็นพระเจ้า เอาเงินเอาสตางค์เป็นพระเจ้า บูชากาม บูชาเกียรติ เป็นการบูชาอบายมุข บูชาอบายภูมิ จนถึงบูชานรกอเวจี ไม่มีอะไรที่จะเสียหายเท่ากับความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด
มิจฉาทิฏฐิ หรือความเห็นผิดนั้น เป็นภัยร้ายแรงในสังสารวัฏ ถ้าไม่ยอมสละ ละทิ้งออกไปจากใจ ย่อมจะเกิดโทษมากมาย ยิ่งถ้าเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิแล้ว เท่ากับเป็นตอในวัฏฏะ ชีวิตจะไม่มีวันเจริญงอกงามได้ เพราะฉะนั้น เราต้องหมั่นไปหาผู้รู้ที่เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ที่แท้จริง ที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ทางด้านปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ สมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิปัญญา เราจึงจะสามารถเข้าใจ และสละทิฏฐิอันไม่ถูกต้องนั้นได้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า "นาหํ ภิกฺขเว อญฺญํ เอกธมฺมํปิ สมนุปสฺสามิ ยํ เอวํ มหาสาวชฺชํ ยถยิทํ ภิกฺขเว มิจฺฉาทิฏฺฐิ มิจฺฉาทิฏฺฐิปรมานิ ภิกฺขเว วชฺชานิ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้สักอย่างเดียว ที่มีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง"
สรุปคำสอนของท่านพุทธทาส ภิกขุ ที่ผู้คนจดจำมากที่สุด
๑) ความเข้าใจผิด เข้าใจผิดว่า ทำดี ต้องได้ดี ทำบุญต้องได้บุญ
ที่ถูก คือ ทำดีไม่ได้อะไร ได้แค่ละกิเลส ทำบุญ ได้แค่สบายใจ
๒) เข้าใจผิดว่า ดีกับใคร คนนั้นต้องดีตอบ
ที่ถูก คือ เรามีหน้าที่ดี ใครจะดีกับเรา ไม่ดีกับเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา
๓) เข้าใจผิดว่า ให้อะไรใคร ต้องได้กลับคืน ที่ถูก คือ การ “ให้” คือ ยินดีเสียสละ ให้แล้วคาดหวัง..ไม่ใช่การให้ อ้างบุญคุณไม่ได้
๔) เข้าใจผิดว่า แก่แล้วทำอะไรก็ได้
ที่ถูก คือ แก่แล้วต้องยิ่งสำนึก ทำชั่วไม่ได้ เวลาเหลือน้อย
๕) เข้าใจผิดว่า ต้องทำเพื่อความมั่นคงของชีวิตในภายหน้า
ที่ถูก ความมั่นคงไม่มีในโลก ตายได้ทุกเมื่อ
๖) เข้าใจผิดว่า ความต้องการของตัวเองสำคัญที่สุด เราสำคัญที่สุด
ที่ถูก คือ ไม่มีความต้องการนั่นแหละสำคัญที่สุด ไม่มีเราต่างหากสำคัญที่สุด ๗) เข้าใจผิดว่า เข้าวัด ใจสงบ. ที่ถูก คือ วัดอยู่ในใจ ใจสงบ
๘) เข้าใจผิดว่า ความสบายเลือกได้.
ที่ถูก คือ เกิดมาก็ทุกข์แล้ว มันเลือกไม่ได้ ไม่มีใครสบายตลอดชาติ
๙) เข้าใจผิดว่า สิ่งของ คนของเรา ตัวตนของเรา เราต้องยึดไว้ รักษาไว้
ที่ถูก คือ ไม่มีอะไร หรือใครให้ต้องยึด ต้องรักษา ทุกอย่างไม่ใช่ของเราและที่สุดแล้วก็ไม่มี
ท่านจึงไม่ให้เราก๋ากร่าง ถึงจะรวยทางวัตถุ มีอำนาจวาสนา เป็นมหาเศรษฐีของโลก ก็ยังตกอยู่ในกฎพระไตรลักษณ์ คือความไม่แน่ไม่เที่ยง เกิดแก่เจ็บตายพลัดพราก ท่านจึงสอนให้เป็นมหาเศรษฐีทางวัตถุด้วยทางธรรมด้วย คำว่าเศรษฐี แปลว่าผู้มีความประเสริฐที่สุด
เราจะได้ส่งผลัดให้กับลูกกับหลาน เมื่อเรามีอวิชชาความหลง มรดกตกทอดแห่งความหลงก็จะตกไปสู่ลูกสู่หลานของเรา ความเห็นผิดเข้าใจผิด ไม่ดำเนินชีวิตตามหลักเหตุผลตามหลักธรรม เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พัฒนาเหตุผลเพื่อความมั่นคงทางวัตถุ คิดแต่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ ความคิดอย่างนี้มันเป็นมนุษย์สีดำมนุษย์มืด ถึงจะมีตาก็มองเห็นแต่วัตถุภายนอก แต่ตายใจมันบอด พากันพัฒนาเพื่อตัวเพื่อตน จึงได้มีการฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ ทุจริตคอรัปชั่น ประพฤติผิดในกามโกหกหลอกลวง ตั้งอยู่ในความหลงประมาทเพลิดเพลิน เขาได้พัฒนาความหลงที่ยิ่งใหญ่ ความคิดเห็นอย่างนี้ความเข้าใจอย่างนี้ มันถูกควบคุมด้วยทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ตัวตนมาเลยควบคุมธรรมะ เรียกว่าโลกครอบคลุมธรรมะ จึงถูกครอบงำด้วยโลกธรรม การโกงกินคอร์รัปชั่นถึงมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยในหมู่มวลมนุษย์ที่มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดเป็นความหลงเป็นการแย่งขยะ เป็นสายมู เป็นสายมัวเมา เป็นสายโง่งมงาย เป็นสายของพระเทวทัต เป็นสายของฮิตเลอร์ เมื่อ ๘๐ ปีก่อนที่ฆ่าคนตายไปหลายล้านคน
ความคิดผิดความเห็นผิดความเข้าใจผิดเป็นพลังงานแห่งอวิชชาความหลง คิดว่าชีวิตนี้จบลงเมื่อหมดลมหายใจ เลยยังกอบโกยโกงกิน เสพอวิชชาความหลง เสพกามเต็มที่ พระพุทธเจ้าจึงได้สอนว่าจะเข้าใจอย่างนั้นมันไม่ได้ ความดับทุกข์ที่แท้จริงนั้น เราต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง อย่าไปวิ่งตามอวิชชาความหลง ต้องมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม อย่าเอาความหลงเป็นที่ตั้ง ต้องปฏิบัติใจและทำงานให้มีความสุขไปพร้อมๆ กัน จะได้เป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ไปพร้อมๆ กัน
เราต้องรู้จักความว่างที่แท้จริง อันหนึ่งว่างจากตัวตน อันหนึ่งว่าจากมรรคผลพระนิพพาน ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งเราจะว่างจากมรรคผลนิพพาน มันเป็นกระบวนการของอวิชชาความหลง มันเป็นการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง สร้างปัญหาให้กับผู้อื่น มันไปเอาความดับทุกข์ของตัวเองจากความทุกข์ของคนอื่น เรียกว่าเป็นมนุษย์สีดำสีเทาสีสกปรก ร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจไม่ได้เป็นมนุษย์ จิตใจเป็นเปรตยักษ์มารอสุรกายสัตว์นรกสัตว์เดรัจฉาน นั่นคืออบายภูมิ ร่างกายยังไม่ตาย แต่ว่าใจมันตายจากความดี ตายจากมรรคผลพระนิพพาน การเรียนการศึกษาก็เป็นการเข้าสู่ความพินาศ ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีที่ถูกต้องให้กับลูกหลาน
ทุกท่านทุกคนต้องหยุดตัวเองด้วยยานคือธรรมวินัย คือการให้ทานรักษาศีลด้วยเจตนาด้วยความตั้งใจ เมื่อเราทำได้ปฏิบัติได้ ถึงจะบอกคนอื่นได้ ทุกอย่างต้องมาทำที่เราปฏิบัติที่เรา เพื่อเข้าถึงความเป็นอริยวินัย อริยศีล อริยธรรม มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเศร้าหมอง ไม่เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติมันก็เศร้าหมอง ปล่อยให้ตัวเองตรึกนึกคิด ไม่ดำริออกจากกาม ไม่ดำริออกจากพยาบาท เราก็เศร้าหมอง กาลเวลามันหมุนเวียนเปลี่ยนไป พาให้เราเป็นโมฆะบุรุษโมฆะสตรี มีชีวิตที่เป็นหมัน พระพุทธเจ้าถึงให้เราเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ด้วยให้พากันรู้อริยสัจ ๔ ให้พากันรู้เรื่องของกายให้รู้เรื่องของใจน่ะ เมื่อเข้าใจแล้วเราต้องทำให้ถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง กายของเราคือสภาวะธรรมที่เกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย ใจของเราคือสภาวะธรรมที่เกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย ถึงต้องให้อาหารกายและอาหารใจไปพร้อมๆ กัน มีความสุขในการทำงานและปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน กายของเราทุกคนจะอยู่ได้ไม่เกิน ๑๒๐ ปี กาลเวลามันกลืนกินสภาวะธรรมแห่งชีวิตก็ไม่เกิน ๑๒๐ ปี ทุกท่านทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป จึงต้องรู้จักสภาวะธรรมทางจิตใจ ถ้าเราเอาวิชาความหลงเป็นอาหาร ต่อย่อมเกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี
ปัจจุบันต้องมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อหยุดการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเรารู้จักสภาวะธรรม เราก็ต้องทำให้ถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ร่างกายของเราก็ส่วนหนึ่ง ใจของเราก็ส่วนหนึ่ง มันคนละอย่างกัน ถ้าเราเอากายมาเป็นเรามันก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าเราเอารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณมาเป็นเรา มันก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ใจของเราจะหยุดเวียนว่ายตายเกิดได้ ก็มีอยู่อย่างเดียวคือธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ สำหรับประชาชนก็คือทานศีลสมาธิปัญญา ที่จะนำพาให้หยุดได้ ด้วยเหตุด้วยปัจจัยนี้
เราต้องปรับใจเข้าหาเวลาเข้าหาพระธรรมวินัย เพื่อเข้าถึงความเป็นพุทธะ เราจะได้ไม่ติดในอะไร ไม่ติดในความสุขความสะดวกความสบายความสงบ เราจะได้ไม่เอาความร่ำรวยทางวัตถุเป็นความดับทุกข์ ไม่เอาความสะดวกความสบายอารมณ์สวรรค์เป็นความดับทุกข์ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นทางผ่าน พระพุทธเจ้าให้เราก้าวไปด้วยสติสัมปชัญญะ เพื่อใจเราจะได้สงบเย็นเป็นพระนิพพาน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee