แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันเสาร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง มนุษย์ที่สมบูรณ์ ตอนที่ ๒๖ การบวชที่จะมีบุญใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่นั้น ต้องฝึกฝนอบรมตนเอง เจริญรอยตามพระพุทธเจ้า
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
วันนี้เวลา ๑๐.๐๐ น. จะมีการบวชพระหนึ่งรูปคือ สามเณรสพลเชษฐ์ สว่างแจ้ง ผู้ที่มาบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ที่บวชเพื่อมรรคผลเพื่อพระนิพพาน จึงจะเรียกได้ว่าบวช พระถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ไม่ถือนิสัยของคนอื่น พระพุทธเจ้าคือใครพระพุทธเจ้าคือผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เป็นธรรมะ ที่ได้บำเพ็ญพุทธบารมีมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ผู้ที่มาบวชเป็นพระ พระคือพระธรรมพระวินัย ที่ว่าเป็นสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ประเทศไทยนี้การปกครองเอาธรรมะเป็นหลักเอาธรรมะเป็นการดำเนินชีวิต การปกครองประเทศไทยก็อยากให้บุคคลากรของประเทศไทยดีขึ้น ถึงได้มีการบวชพระบวชเณระยะสั้นให้ลาบวชได้ ๔ เดือนในพรรษาหรือ ๑๒๐ วัน แต่เข้าพรรษานี้คือ ๓ เดือน แต่ให้เตรียมตัวก่อนเข้าพรรษา ๑๕ วัน หลังออกพรรษา ๑๕ วัน เพื่อรับกฐิน
พระศาสนานี้เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวตน ผู้ที่มาบวชจึงได้รับสิทธิพิเศษคือบ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ซื้อ มีผู้ที่สนับสนันทำบุญตักบาตรสร้างเสนาสนะให้อยู่ประพฤติปฏิบัติ พระพุทธศาสนาถึงได้มีผู้ที่บรรพชาอุปสมบทเข้ามาบวชกัน เพื่อหวังเอาพระพุทธศาสนาอาศัยเลี้ยงชีพ ถ้าจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์น่าจะ 99.9 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน พอเรามองดูแล้วมีแต่โครงสร้างมีแต่แบรนด์เนม แม้ศาสนวัตถุจะเจริญด้วยเสนาสนะด้วยโบสถ์วิหารเจดีย์ แต่พระพุทธศาสนานั้นกลับตกต่ำ เพราะผู้ที่บวชเมื่อบวชหลายเดือนหลายปีก็ย่อมได้เป็นเจ้าอาวาสเป็นเจ้าคณะปกครอง การพัฒนาประเทศก็ต้องอาศัยการเรียนการศึกษา เป็นคนบ้านนอกบ้านป่าบ้านดงไม่ใช่คนในกรุงไม่ใช่คนในเมือง ไม่มีโอกาสเรียนโอกาสได้ศึกษา ถึงให้พวกเด็กๆ บวชเป็นสามเณร เพื่อพัฒนาการเรียนการศึกษาอยู่ในคราบของสามเณรและพระภิกษุหนุ่ม ถึงอย่างไรก็ดีให้พุทธบริษัททั้งหลายในประเทศไทยของเราพากันเข้าใจ เมื่อบวชมาแล้วพากันเรียนพากันศึกษาประพฤติปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น จะเป็นการโกหกพระพุทธเจ้าโกหกพุทธบริษัททั้ง ๔
เราจะเป็นพระวัดบ้านวัดป่านั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราต้องตั้งใจตั้งเจตนา ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เพราะทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีต้องเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เราจะได้เป็นมนุษย์ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ไม่ใช่เป็นได้แต่เพียงคน จะได้เป็นข้าราชการที่อุตส่าห์ขวนขวายมาเรียนศึกษาเพื่อความรู้ความเข้าใจตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาเอก จะได้เป็นข้าราชการที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง จะได้พากันมีความสุขในการทำงาน เพราะการเรียนการษาศึกษานี้ ก็เพื่อรู้เพื่อฉลาดเพื่อเป็นคนดี ไม่ใช่กินบ้านกินเมือง ผู้ที่มาบวชก็เหมือนกัน เราบวชถึงแม้จะบวชชั่วคราวก็ต้องตั้งใจให้เป็นพระธรรมพระวินัยเต็มที่ เพราะมนุษย์เรานี้ก็อายุเกือบร้อยหรือว่าร้อยปีต้นๆ มันก็ต้องพัฒนาความรู้ความเข้าใจและการดำรงชีพ ชีวิตของเราที่จะอยู่ได้ด้วยความผาสุก ด้วยหลักเหตุหลักผลหลักวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อเราจะได้ถึงความดับทุกข์ไปทั้งกายไปทั้งใจ
การมาบวชถึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเราทุกคนได้ฝึกตัวเองปฏิบัติตัวเอง การปฏิบัติทั้งระบบความคิดระบบการกระทำ มันต้องติดต่อต่อเนื่องกันทุกๆ อิริยาบถ เราถึงจะได้หยุดทั้งกายหยุดทั้งวาจาหยุดทั้งใจ เรียกว่าเป็นพระทั้งกายทั้งใจ ที่ผ่านๆ มาก็นับว่าประเทศไทยเรามีความเสียหายมาก กว่าจะรู้ว่าเสียหายก็ใช้เวลาหลายสิบปีนับเป็นร้อยๆ ปี เมื่อรู้แล้วก็ทุกคนต้องมีจิตสำนึก เพื่อที่จะแก้ไขตัวเองให้เป็นพระธรรมพระวินัย หยุดมีเพศสัมพันธุ์ทางความคิดทางอารมณ์ เพราะการจะหยุดได้ ต้องหยุดมีเพศสัมพันธุ์ทางความคิดหยุดมีเพศสัมพันธุ์ทางอารมณ์ มีเจตนาเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ต้องเอานิสัยของพระพุทธเจ้าให้ได้ ถือนิสัยของพระพุทธเจ้าให้ได้
หลายๆ สาย หลายๆ สำนักส่วนใหญ่ ก็ถือนิสัยของครูบาอาจารย์ไม่ได้เพียงแต่เอาแบรนด์เนมแต่ครูบาอาจารย์มาทำมาหากิน เหมือนกับเราบวชในศาสนาพุทธอย่างนี้ก็เป็นพุทธแต่รูปแบบ แต่ว่าจิตใจนั้นไม่ได้เป็นพุทธ เอาความหลงเอาไสยศาสตร์เป็นที่ตั้ง เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้ง ประเทศเรามันถึงเสียหาย ตามปกติแล้วผู้ที่บวชมาในศาสนาพุทธนี้ ต้องไม่รับเงินไม่รับสตางค์ ทั้งรับเองและให้ผู้อื่นรับ เพราะว่าเป็นพระต้องเสียสละทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เหลืออยู่เลย นอกจากผ้าจีวรผ้าสบงผ้าสังฆาฏิมีบาตรใบเดียว นอกจากนั้นไม่มีอะไร เป็นผู้ที่เสียสละ ถ้าเราเสียสละอย่างนี้ ไม่ต้องมีงบประมาณอะไรเลยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านกลัวชาติศาสน์กษัตริย์ไม่มีความมั่นคงเพื่อให้มีจุดยืนจึงได้แต่งตั้งมีสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ มีเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ตำบล เจ้าอาวาส เพื่อพากันมาเสียสละ เพราะความเสียสละนี้ไม่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง จึงเรียกว่าพระศาสนา พระภิกษุเหล่านี้จะได้เป็นพระที่แท้จริง สั่งสอนประชาชนเพื่อประชาชนจะได้เป็นทรัพยากรของชาติ สิ่งไหนที่เราทำกันส่วนมากที่ไม่ถูกต้อง มันจะกลายเป็นประชาธิปไตยกฎหมายทุกอย่างที่ได้บัญญัติขึ้นจากประชาธิปไตยที่ยังเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็จะเป็นเผด็จการ มันก็เป็นอย่างนี้
การบวชถึงเป็นการที่มาฝึกตัวเองเพื่อปรับเข้าหาเวลาเข้าหาธรรมะ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มีทั้งหมด ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ที่นำมาสวดเป็นพระภิกขุปาติโมกข์ ๒๒๗ ข้อ ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ ให้พากันมีฉันทะความพอใจ พากันประพฤติพากันปฏิบัติ เมื่อสึกหาลาเพศแล้ว จะได้เอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมะเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่มาบวชแค่พากันโกนหัวห่มผ้าเหลือง ทำวัตรสวดมนต์ก็บกพร่อง บิณฑบาตก็บกพร่อง จึงต้องปรับเข้าหาเวลาเข้าหาธรรมะ ผู้ที่มาบวชแล้วต้องพากันตั้งอกตั้งใจอย่างนี้ ถึงเรียกว่าบวช พอเรามาบวชแล้วพ่อแม่ก็กราบเรา ปู่ย่าตายายก็กราบเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็กราบเรา ถ้าเราไม่เอามรรคผลนิพพานมันก็เป็นพระไม่ได้ มันก็เป็นได้แต่เพียงคน เราอยู่ดีดีไม่บาป พอมาบวชกรรมมาทำบาปทำกรรม
ทุกคนต้องพากันฝึกตัวเองถึงจะเหนื่อยยากลำบาก มันก็ถูกต้อง เพราะดูๆ แล้วผู้ที่มาบวชนี้ 99.9 % ยังไม่ได้พากันตั้งอกตั้งใจตั้งเจตนาเอามรรคผลนิพพานร้อยเปอร์เซ็นต์ ธรรมวินัยนี่ก็หล่อหลอมเราเอง เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงนี้มันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เราอย่าไปคิดว่า โอ้...ปฏิบัติเคร่งคัดอย่างนี้ ใครเค้าอยากจะบวช ตามหลักการแล้ว ปฏิบัติเคร่งคัด เค้าถึงอยากบวช คนที่เค้าไม่อยากบวชนั้นแสดงว่า ใจเค้ายังไม่เอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เค้าเอาผ้าเหลืองโกนหัวมาเป็นที่พึ่งมาทำมาหากิน เค้าไม่ได้เป็นพระอะไร มาเป็นโจรในพระศาสนา ให้เข้าใจอย่างนี้
เราทุกคนที่บวชมาไม่ต้องไปขวนขวายอะไร เพราะการมาบวชคือการมาแก้ตัวเอง เพราะทุกวันนี้หลายสิบปีมานี้ คนที่มาบวชมีน้อยลงเพราะประชาชนที่มีการเรียนการศึกษาเค้ามองเห็นว่า ผู้ที่มาบวชเป็นคนที่ไม่มีศักยภาพทำมาหากินทางโลก ถึงพากันมาบวชผู้ที่บวชชั่วคราวเพื่อบำเพ็ญทานบารมีให้แก่ตัวเอง เพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่พ่อแม่ประเทศชาติ เค้าก็ไม่อยากบวช พวกที่บวชทำมาหากินอยู่ให้ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาปนะ เพราะเดี๋ยวนี้การทำไม่ดีเค้ารู้กันทั้งประเทศรู้กันทั้งโลก จะมาเป็นโจรทำมาหากินทางพระศาสนา มันน่าจะหมดยุคหมดสมัยละ เหมือนนักการเมืองที่ยุค๓๐-๔๐ ปีก่อน พากันโกงกินคอรัปชั่นเยอะ จนลูกหลานเอาเป็นตัวอย่างไปเรียนไปศึกษามา ถึงมาโกงกินมากกว่าพ่อมากกว่าปู่มันอีก
แต่เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มรู้แล้วอย่างนี้แหละ เมื่อโจรรุ่งเรือง ทีนี้โจรก็ต้องซบเซา เพราะถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไปไม่ได้ไปไม่รอด เพราะทางตัน เพราะร่างกายของเรามันอยู่ได้จำกัด แต่จิตใจของเรานั้นก็ต้องประพฤติต้องปฏิบัติ เพื่อสร้างคุณธรรมสร้างจิตสร้างใจ เพราะในส่วนร่างกายมันไม่มีความสุขอะไรหรอก มันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป สิ่งที่เราตั้งอยู่ มันไม่ใช่ความสุข มันเป็นความหลง ให้พากันปรับปรับตัวเข้าหาธรรมะ เพื่อเราจะได้ให้จิตใจของเราสว่างไสว ไปเอาความหลงเอาไสยศาสตร์ นี้มันไม่ดีไม่ถูกต้อง
ผู้ที่มาบวชให้พากันประพฤติพากันปฏิบัติ พระรุ่นพี่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเราก็ทำตาม ถ้าไม่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราก็ไม่ทำตาม เพราะว่าเราบวชมาเพื่อพระพุทธเจ้า ไม่ได้บวชมาเพื่อใคร คำว่า พระ ต้องพากันรู้จัก พระนั้นก็นับตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ถึงแม้ท่านจะสึกหาลาเพศไป ท่านก็เป็นพระได้ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติหน้าที่การงานให้ถูกต้อง มีความสุขในการทำงาน ท่านก็เป็นพระได้ เมื่อบวชก็ตั้งอกตั้งใจ เราไม่ต้องไปวิตกกังวลว่าศาสนาจะเสื่อม เราไม่ต้องวิตกกังวลหรอก ทุกคนต้องมาแก้ตัวเอง แก้คนอื่น รับประทานอาหารแทนคนอื่นก็ไม่ได้ ฉันอาหารแทนคนอื่นก็ไม่ได้ ทานยารักษาโรคแทนคนอื่นก็ไม่ได้ ทุกคนไม่ต้องไปแก้ที่คนอื่น แก้ที่ตัวเอง เราไม่ได้วิ่งตามอวิชชาตามความหลง กลับมาหาสติมันก็สงบ กลับมาหาสัมปชัญญะตัวธรรมะมันก็วิเวกทางจิตใจ สงบเย็นเป็นพระนิพพาน พระนิพพานไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอกอยู่ที่เราประพฤติปฏิบัติในปัจจุบัน
การบวชมีบุญใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ เพราะเป็นการปฏิบัติบูชา เป็นการฝึกตนเอง อบรมตนเอง สั่งสอนตนเอง เจริญรอยตาม ศีล สมาธิ ปัญญาของพระพุทธเจ้า ฝึกอะไรก็ฝึกง่าย แต่ฝึกตนฝึกยาก ทุกคนรู้ว่าดีถูกต้อง แต่มันไม่อยากปฏิบัติ เพราะมันติดสุขติดสบาย การบวช การมาฝึกตนนี้คือการมาปราบผีปราบอสูรกายออกจากใจ ต้องอาศัยศีล ต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ ต้องมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธเจ้าเป็นเดิมพัน อย่างมากก็แค่ตายเท่านั้น
ตามหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้บวชได้ทั้งนอกและในพรรษา ไม่มีพุทธบัญญัติห้าม ถ้าพระอุปัชฌาย์ใดห้ามการบวชในพรรษาก็ต้องอาบัติ แต่ถ้าตั้งใจบวช ๑ พรรษา ๓ เดือน หรือ ๗ วัน ๑๕ วัน หรือ ๑ เดือนก็แล้วแต่ ก็ต้องอยู่ให้ครบ สึกก่อนไม่ได้ เพราะแสดงว่าเป็นคนจิตใจไม่หนักแน่น สมาธิสั้น ตามจิตตามใจตามอารมณ์ตนเอง
เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจฝึกปฏิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า บูชาคุณบิดามารดา การบวชมีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าตั้งใจปฏิบัติ บุญกุศลย่อมถึงแก่พ่อแม่ การบวชไม่ใช่นุ่งเหลืองห่มเหลืองเท่านั้น ต้องตั้งใจปฏิบัติด้วย สึกออกไปต้องเปลี่ยนหมด เคยรับผิดชอบน้อยก็ต้องรับผิดชอบดีขึ้น เคยเถียงพ่อเถียงแม่ก็ไม่เถียง ความกตัญญูรู้คุณท่านก็มาอันดับหนึ่ง ถ้าบวชแล้วฝึกฝนตนได้ดีขึ้น อย่างนี้จะบวช ๗ วัน ๑ เดือน ๑ พรรษาหรือ ๑ ปีก็จะมีอานิสงส์ใหญ่ มีผลมาก จงตั้งจิตตั้งใจให้แน่วแน่เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า บูชาคุณบิดามารดา ให้ภาคภูมิใจในการได้มาปฏิบัติ
บางทีเรียนจบนักธรรมจบมหาเปรียญ สึกมายังกินเหล้า โกงกินคอรัปชั่น ก็ถือว่าล้มเหลว การเรียนการศึกษาของภิกษุสามเณรใช้ทรัพยากรของประชาชน ก็ต้องเสียสละเต็มที่
ตามความเป็นจริงแล้วทุกวันนี้ประชาชนญาติโยมยังขาดผู้ที่จะนำพาประพฤติปฏิบัติ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีปัญญา เขารู้จักสังเกตความประพฤติปฏิบัติของพระ ถ้าที่ไหนปฏิบัติย่อหย่อนเขาก็ไม่เลื่อมใสศรัทธา แต่ถ้าที่ไหนปฏิบัติถูกต้องตรงต่อหลักธรรมหลักวินัยแล้วเขาก็มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใส อยู่ใกล้ไกลแค่ไหนถ้ามีลูกมีหลานก็แนะนำให้มาบวชให้มาประพฤติปฏิบัติ เราอย่าไปเน้นทางวัตถุ ให้เน้นทางจิตทางใจ ทางข้อวัตรปฏิบัติ ถ้าเรายังไม่หมดกิเลสเราจะไปยุ่งกับการก่อสร้างมากมันไม่ดีมันจะลำบากญาติโยม หนักๆ เข้าภายหลังจะทำให้เป็นหนี้เป็นสิน ต้องวิ่งเต้นหาโยมคนนั้นคนนี้ หาวัสดุที่โน่นที่นี่ หากฐินผ้าป่า หากิจกรรมเพื่อจะได้เงินมาก่อสร้าง เน้นสร้างพระให้เป็นพระ เน้นสร้างเณรให้เป็นเณรนั้นมันประเสริฐที่สุดแล้ว.
คนเก่ง คนฉลาด คนมีทรัพย์มากก็มีมากอยู่แล้ว แต่คนดีนี้มีน้อย คนดีเป็นคนที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ฆราวาสก็ต้องมีศีล ๕ คุณแม่ชีก็ศีล ๘ สามเณรก็ศีล ๑๐ พระก็ศีล ๒๒๗ เป็นคนที่เมตตา ซื่อสัตย์ กตัญญูกตเวที เป็นผู้ที่ไม่ลุ่มหลงในอัตตา และเป็นคนที่รู้จักสัจธรรมว่าเราเกิดมาก็ไม่ได้เอาอะไรมา ตอนตายก็ไม่ได้เอาอะไรไป นี้คนดีที่พระพุทธเจ้าท่านยกเอาเกณฑ์มาพิจารณา
ในสังคมในครอบครัวก็ต้องการคนอย่างนี้ ไม่ใช่มีความต้องการแต่ทางวัตถุเท่านั้น บัณฑิตที่เข้ามาบวชก็ต้องทำตามคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เมื่อเราลาสิกขาไปแล้วจะได้มีหลักเกณฑ์ มีจุดยืนที่ประเสริฐ ทุกวันนี้สังคมต้องการคนดีมีคุณธรรม แม้ว่าจะไม่ร่ำรวยล้นฟ้า ถ้าเราปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า เราก็ไม่ยากจน มีเครดิตดี ลำบากก็มีคนช่วย คนไม่ช่วย เทวดาก็ช่วย อยู่ที่บ้านที่พักของเรา ถ้าเราปฏิบัติแล้ว พระรัตนตรัยก็อยู่ที่ใจของเรา เมื่อเรากราบไปที่เตียงนอนของเรา พระคุณพ่อแม่ก็อยู่ที่ใจของเรา
การบวชถือเป็นหนทางอันประเสริฐเพื่อที่จะทดแทนพระคุณของพ่อแม่ ผู้มีพระคุณทั้งหลาย เป็นการสร้างบุญบารมีให้กับตนเองด้วย ผู้ที่รู้จักบุญคุณและทดแทนพระคุณของผู้มีอุปการคุณย่อมจะมีแต่ความเจริญ การบวชนั้นมีบุญใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ แต่กว่าที่จะได้บุญมาก อานิสงส์มาก ก็ต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ให้ถือศีลพระวินัย จะเป็นพระได้ต้องถือศีลทุกข้อให้บริสุทธิ์
เราต้องรับผิดชอบเรื่องการรักษาศีล เราต้องรักษาเอง คนอื่นจะช่วยรักษาไม่ได้ พระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์เป็นเพียงผู้บอก เราต้องรักษาเอง เราจะได้ผลใหญ่ เราต้องรักษาศีล ตั้งใจปฏิบัติ ไม่ว่าอิริยาบถไหน เราต้องเอาพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าเป็นหลัก อย่างพระสารีบุตรที่ท่านไม่ละเมิดศีลแม้เพียงเล็กน้อยนั้นเป็นตัวอย่าง ปัจจุบันก็พระอาจารย์มั่นที่มีลูกศิษย์เกิดขึ้นมากมายเพราะการรักษาศีล
การเดินจงกรมก็ไม่มีใครเดินให้เรา จึงต้องเดินเอง ขาขวา พุท ซ้าย โธ เดินกลับไปกลับมา การนั่งสมาธิก็เหมือนกัน เราต้องนั่งเอง ที่นั่งเป็นหมู่ก็เพื่อที่จะให้เรามีหลัก เราก็ต้องนั่งทำใจให้สงบ หายใจเข้า พุท ออก โธ หายใจเข้าออกสบายๆ อยู่กับพุทโธ ชำระจิตใจของเราออกจากความคิดความฟุ้งซ่านต่างๆ ถ้าใจของเราสงบก็จะมีผลมาก มีอานิสงส์มาก เราจะนึกพุทโธตามลมหายใจเข้าและออกก็ได้
ทุกคนสามารถทำได้ ไม่เฉพาะแต่พระภิกษุ สามเณร หรือคุณแม่ชีเท่านั้น ให้เรานึกบริกรรมตามลมหายใจเข้าออกเรื่อยไป บริกรรมพุทโธจนจิตใจของเราเป็นหนึ่งสงบเย็น หรือจะนึกบริกรรมพุทโธๆๆๆๆๆ ติดต่อต่อเนื่องกันไป แล้วแต่จริตนิสัยของใครจะถนัดอย่างไร ให้กายของเราตั้งตรง ครั้งแรกนั่งให้ร่างกายนิ่งๆ ก่อน ใจยังไม่สงบไม่เป็นไร ให้ร่างกายของเรานิ่งๆ สบายๆ ๑๕-๓๐ นาที ถ้าปวดเมื่อยก็ขยับสักครั้งหนึ่ง ฝึกไปเรื่อยๆ จนชำนาญ
การภาวนานั้นเบื้องต้นต้องยึด “พุทโธ” เป็นหลักทุกอิริยาบถ ถ้าเราเจริญวิปัสสนาเลยจะข้ามขั้นตอนไป ทำให้ใจไม่มีหลัก การเจริญปัญญาด้วยการพิจารณาวิปัสสนาก็ไม่เกิดผลเท่าที่ควรหรือไม่ได้ผล กลับกลายเป็นความฟุ้งซ่านรำคาญ เป็นวิปัสสนึก ไม่ใช่วิปัสสนา เพราะนึกเอาคาดเดาเอา แล้วยึดว่าเรารู้จริงเห็นจริง ปัญญาที่แท้จริงจะเกิดจากความสงบ เยือกเย็น สติชัดเจนอยู่กับปัจจุบันทุกเวลานั่นเอง จะสามารถดับทุกข์ได้ทุกขณะทุกเวลา
การบวชที่จะมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ก็ให้ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ รักษาศีลทุกข้อให้ได้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นสิกขาบทน้อยใหญ่ ทำวัตรสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ นอนดึก ตื่นเช้า บิณฑบาต ทำอะไรให้ได้เต็มร้อย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งใจสำรวมรักษากาย วาจา ใจของเราให้สงบเรียบร้อย ไม่คึกคะนอง สรวลเสเฮฮา นิสัยทางโลก ความคิดทางโลก เราก็หยุดมันไว้ก่อน พักไว้ก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ศีลของเราด่างพร้อย พยายามเก็บตัวเพื่อให้ใจสงบ ฝึกอยู่คนเดียวด้วยการนั่งสมาธิ ด้วยการเดินจงกรม เมื่อมีกิจวัตรจึงออกมาตามเวลากิจวัตรต่างๆ เราถือว่าบำเพ็ญกุศลหมด ตั้งแต่ปัดกวาดเช็ดถูหรืออะไร ต่างล้วนเป็นเหตุให้เกิดบุญกุศล
ให้เรามารู้จักวิธีทำใจให้สงบ โดยอยู่กับการหายใจ อยู่กับการท่องพุทโธ มีสติกับการทำงาน กับกิจวัตร โดยเฉพาะการฝึกให้จิตใจอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับการท่องพุทโธ เป็นสิ่งที่ต้องฝึก เช่น เมื่อเราเจ็บไข้ไม่สบาย เราเข้าสมาธิ เราต้องอาศัยอุปกรณ์ผูกจิตผูกใจของเรา
ให้พากันมารู้จักอารมณ์ สิ่งที่กระทบทางหู ตา จมูก กาย พวกนี้เรียกว่าอารมณ์ เราต้องรู้จักมันให้ดี เมื่อเรารู้จักแล้ว เราพยายามที่จะไม่หวั่นไหว ง่อนแง่นคลอนแคลน ไม่ว่าจะมาแบบรุนแรงหรือสวยสดงดงาม ให้เรารู้จักว่านี้เป็นเพียงอารมณ์ ถ้าเรารู้จัก เราฉลาด อารมณ์ก็จะสลายไป อารมณ์นี้มีปัญหามาก ทำให้เราเป็นประสาท หงุดหงิด ที่สุดก็ทำให้เราทำตามความอยาก ความชอบ ไม่ชอบ ความเบื่อ ไม่เบื่อ อย่างนี้
ถ้าใครรู้จักจะทำจิตใจให้หนักแน่น รู้จักมีอุเบกขา รู้จักมองเป็นอนิจจัง รู้จักทำให้เป็นของว่างเปล่า สิ่งเหล่านี้ก็จะนำปัญญามาให้เราเพราะเราอยู่ในวัด เราต้องถูกใช้งาน แม้อยู่บ้านยิ่งต้องใช้งาน เราจะได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จิตใจไม่หวั่นไหว ยกตัวอย่างองค์ในหลวง ใครจะอย่างไรก็เฉย ยิ่งเราเป็นพระ เราก็ต้องฝึกเฉยอย่างนี้แหละ ตามหลักพระศาสนาท่านสอนให้ดีก็ปล่อย เพราะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอารมณ์ แม้แต่เราทานข้าว ได้พักผ่อน ถึงแม้จะสบาย ก็ไม่ยึดถือ นี้เรียกว่าปล่อย ฉะนั้นการบวชของเราคือได้มาฝึกอย่างนี้ด้วย ให้กุลบุตรได้ฝึก เรียกว่า ฝึกรู้จักดี รู้จักชั่ว ผิดถูก จะได้เลือกเฟ้นทำแต่สิ่งที่ดีๆ ไม่ใช่อะไรก็ทำไปหมด อย่างนี้ใช้ไม่ได้ โบราณเขาถึงให้บวช ให้เป็นทิด ความหมายของทิดนี้ก็คือบัณฑิต เพื่อให้มีจุดยืนของชีวิตว่าเราก็เคยผ่านการฝึกมาแล้ว
จุดยืนของทุกคนทุกท่านต้องนำความดีนี้ไปใช้ เพื่อบูชาพระคุณพ่อแม่ พระศาสนา ญาติวงศ์ตระกูล พยายามสร้างร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับตัวเอง จะได้เป็นที่พึ่งให้กับตนเองและผู้อื่น จะได้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า การบวชของเราก็จะมีอานิสงส์ใหญ่ ให้ตั้งใจ ถึงจะเหนื่อยถึงจะยากก็อดทน โรงเรียนดีๆ ก็ต้องมีระเบียบวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติสมควร บวชน้อย บวชมากไม่สำคัญ อยู่ที่ใจ ต้องฝึกรักษากาย วาจา ใจ
ขอให้ปรับตัวเองเข้าหาธรรมวินัย อย่าไปถือสักกายทิฏฐิ ถือตัวถือตน ทำอะไรตามสบายว่าเป็นทางสายกลาง มันต้องฝืน ต้องอดทน ต้องเคารพนอบน้อมในศีล ในระเบียบ ในวินัย ถึงจะตายก็ยอม เพราะศาสนาพุทธเป็นของประเสริฐของสูง ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ มันก็เป็นเพียงปรัชญา เป็นธรรมดาเหมือนทั่วๆ ไป ไม่มีประโยชน์อะไร เรามีของมีค่า จึงไม่ทำให้มีค่าอะไร พยายามสำรวจตนเองว่าเรามีข้อบกพร่องในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอะไรบ้าง แล้วพยายามตั้งตัว แก้ตัวใหม่ พยายามมีความเชื่อมั่นในการทำความดีว่าต้องได้ดี เชื่อมั่นว่าธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ถ้าจะดับก็ต้องดับเหตุก่อน
เราอยู่ในสังคมเราก็ปฏิบัติได้ เราอยู่ในหมู่คณะเยอะๆ เราก็ปฏิบัติได้ ที่ว่าเราปฏิบัติไม่ได้คือเราไม่ได้ปฏิบัติ พิจารณาว่ารูปไม่ใช่ตัวตน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่ตัวตน พยายามทำไป เมื่อตัวตนไม่มีแล้ว ใครจะมาสุขมาทุกข์อยู่เล่า มีแต่อวิชชาความหลงที่มันเกิดดับอยู่นี้ เมื่อรู้จักสมาธิ ปัญญาเราก็เจริญ อินทรีย์ก็แก่กล้า ให้เราปฏิบัติให้มีความกล้าปฏิบัติ การละการปล่อยวางทำไปเรื่อยๆ จนกว่าอินทรีย์มันสมบูรณ์ ถ้าเราบังคับตนเองไม่ได้ นานไปยิ่งจะบังคับตัวเองไม่ได้นะ เพราะมันติดสุขติดสบาย เราต้องฝึกจริงๆ ความสุขที่ว่าสุข เราก็คิดปรุงแต่งเอาหรอก ความทุกข์ที่ว่าทุกข์เราก็ปรุงแต่งเอาหรอก แท้จริงแล้วไม่มีอะไร มีแต่ใจไปคิดปรุงแต่งเอาเองทั้งนั้น
บุคคลคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้ มันต้องอาศัยศีล อาศัยข้อวัตรปฏิบัติ มันถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ มันจะเปลี่ยนแปลง
หวังว่าทุกท่านทุกคน จะได้นำเอาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาฝากให้เรา ได้พากันประพฤติปฏิบัติ เพื่ออนาคตวันข้างหน้าต่อยอดสืบทอดพระศาสนาด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee