แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง มนุษย์ที่สมบูรณ์ ตอนที่ ๑ เป็นมนุษย์ด้วยความเป็นผู้มีจิตใจสูง หากใจต่ำนั้นเป็นได้แต่เพียงคน
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ให้ทุกคนพากันเข้าใจ ศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือศาสนา ศาสนานี้ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ศาสนาพุทธคือความเห็นที่ถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง แล้วก็ปฏิบัติให้ถูกต้อง รู้อะไร รู้เหตุรู้ปัจจัย เพราะสิ่งนี้ สิ่งต่อไปมันต้องมี สิ่งที่มันมีอยู่แล้วถ้าจะไม่ให้มันมีก็ต้องหยุดปัจจัย ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจ การพัฒนามนุษย์นี้ ต้องพัฒนาทั้งวัตถุร่างกายของเรานี้ ก็รวมอยู่ในวัตถุ แล้วก็พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เรียกว่าทางสายกลาง มนุษย์เรานี้คือผู้ที่ประเสริฐ ต้องมีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง เราพัฒนาได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากสิ่งที่ไม่มีก็มี จากสิ่งที่ยากจนก็รวยได้ ฝนตกน้ำแห้งแล้งก็แก้ไขได้ น้ำท่วมก็แก้ไขได้ แก้ไขทางเกษตรทางอุตสาหกรรม พร้อมทั้งพัฒนาด้านจิตใจไปพร้อมๆ กัน ถ้าเราไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมๆ กันมันจะไม่เป็นศีล ศีลนี้คือภาคประพฤติภาคปฏิบัติ สมาธิคือความตั้งมั่น ภาคปัญญารู้อริจสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุให้เกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติอย่างนี้
วันหนึ่งคืนหนึ่งของเราทุกคน เราก็รู้อยู่แล้วว่ามัน ๒๔ ชม. ที่โลกหมุนรอบตัวเอง โคจรรอบดวงอาทิตย์ ที่มันเป็นเวลา แต่ทุกอย่างนั้นมันก็เป็นธรรม เป็นปัจจุบันธรรม ถ้าเรามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง
พุทธะ คือต้องเข้าสู่การปฏิบัติ ความเป็นพระมันมีอยู่กับพวกเราทุกคน ไม่ได้อยู่ที่นักบวช ไม่ได้อยู่ที่ฆราวาส ไม่ได้อยู่ในเฉพาะศาสนานั้นเฉพาะศาสนานี้ เพราะศาสนาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน แต่คือธรรมะ ศาสนาเป็นเพียงชื่อเฉยๆ ให้ทุกคนพากันเข้าใจ ประชากรของโลกก็ให้พากันเข้าใจ เราทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง รู้อริยสัจ ๔ นี้ ทั้งเหตุทั้งปัจจัย ทำเหตุทำปัจจัยให้ถึงพร้อม โดยฉันทะ คือความพอใจ การทำงานถึงคือการปฏิบัติธรรม นี้คืออันเดียวกันแยกกันไม่ได้ เป็นเรื่องกายกับเรื่องใจ มันต้องสัมพันธ์เพื่อให้มันมีความมั่นคง ของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ชาตินี้ก็คือเราเป็นมุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐ เราไม่เอาแต่ชาติเราชาติฝรั่งหรือชาติไหนๆ หรอก คือ พวกที่เกิดเป็นผู้ที่ประเสริฐทั้งหมดก็คือญาติพี่น้อง เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งสิ้น เราอย่าไปแยกเขาแยกเรา แบ่งเขาแบ่งเรา ต้องรู้จักสมมุติ เราถึงได้ไม่ได้หลงประเด็น
เราก็พยายามรับผิดชอบของตนเอง เพราะปัญหาต่าง ๆ เรื่องศีลสมาธิปัญญา เป็นเรื่องของตนเอง เป็นเรื่องที่แก้ไขตนเอง ไม่ได้แก้ไขคนอื่น คนอื่นเค้าเรียกว่าศีลเสมอกัน ก็รู้แล้วก็ปฏิบัติเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกัน คือศีลนี้แหละ คือความประพฤติ คือหนทางอันประเสริฐ เราต้องเข้าใจ เพราะพุทธเจ้าให้เรานั้นที่ปัจจุบัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี ความดับทุกข์ของเรามีได้ทุกหนทุกแห่ง ให้เราพากันรู้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นจะพากันหลงอารมณ์หลงโลกนี้มันอร่อย มันแซ่บ มันรำ มันนัว มันหรอย มันอร่อย มันโอชะ มัน delicious อย่างนี้เราต้องเข้าใจ เพราะเราทุกคนต้องเอาปัจจุบันที่มันเป็นธรรม ไม่ใช่นิติบุคคล เราทุกคนต้องพัฒนาไปอย่างนี้ เราจะได้เป็น สุปฏิปันโน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พวกที่เป็นประชาชนก็ปฏิบัติที่บ้านที่ทำงาน พระก็พากันปฏิบัติที่วัดที่อารามให้เข้าใจ ต้องแก้ปัญหาตนเอง แก้ปัญหาครอบครัวของตนเอง เพราะ เราทุกคนไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยใครหรอก พึ่งพาอาศัย ความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง การปฏิบัติที่ถูกต้อง เราจะไปคิดว่ามันยากลำบาก แม้ยากลำบากเราทุกคนก็แก้ที่ตนเอง ไม่ต้องแก้คนอื่น เพราะลูกเราหลานเราเหลนเรา เค้าก็มองดูเรา ส่วนใหญ่ก็ทำตามกัลยาณมิตร ทำตามสิ่งแวดล้อม พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกว่า อเสวนา จ พาลานัง การไม่คบคนบาล ปัณฑิตานัญจ เสวนา การคบบัณฑิต ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ บัณฑิตก็หาเอาที่ตัวเรานี้แหละ พ่อแม่เค้าก็หาที่ตัวเค้า ลูกหลานก็หาที่ตัวเค้า ทุกๆ คนก็ให้มาหาพระในตัวเองนี่แหละ คือ ผู้ที่เอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมเป็นใหญ่ในการดำเนินชีวิต
เราทุกคนต้องพากันทำอย่างนี้ เพราะไม่งั้นเราจะมืดกันไปหมด เราทุกคนจะไปหาสิ่งที่ไม่ได้มีไม่เป็น ต้องกลับมาอย่างนี้ เราจะไปมีตัวมีตน มีมานะทิฏฐิมีตัวมีตน เราต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ พระพุทธเจ้าให้เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ความดับทุกข์ของเราจะมีอย่างนี้แหละ เพราะสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้เอาไปเพิ่มหรือตัดออก จะเป็นสิ่งที่พอดี จะเป็นสติคือความสงบ จะเป็นสัมปชัญญะที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน จะมีแต่ความสงบมีแต่ปัญญา เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ ก็จะเป็นศีลสมาธิและก็ปัญญา
ทุกคนต้องพากันเข้าใจนะ ออกพรรษาแล้วก็ ก็ยิ่งประพฤติปฏิบัติ ไปพัฒนาการงานทั้งทางวัตถุทั้งภาคการเกษตรทั้งอุตสาหกรรม พัฒนาความรู้ความเข้าใจ พัฒนาใจไปพร้อมๆ กันอย่างนี้ เราไม่ต้องตามอวิชชาไม่ตามความหลง เราต้องตามธรรม ตามศาสนานี้แหละ เราก็พากันเข้าใจเรื่องอริยสัจ ๔ อย่างนี้ เข้าใจเรื่องพระศาสนา เข้าใจคำว่า มนุษย์ผู้ที่ประเสริฐผู้ที่เอาธรรมะเป็นหลัก ก็อย่างนี้ เราอย่าไปคิดว่าการปล่อยวาง คือการปล่อยปะละเลย คือการวางที่ไม่เอาอะไรเลย ดูอย่างพระพุทธเจ้า ทรงบรรทมวันหนึ่งเพียง ๔ ชม. ทำงานเพื่อคนอื่น วันละ ๒๐ ชม. ต้องเข้าใจอย่างนี้ เพราะความสุขความดับทุกข์นั้น มันอยู่ที่เราเสียสละตัวตน อยู่ที่เราทำงาน ที่เรายังไม่เข้าถึงพระอริยเจ้า เข้าสู่ภาคบำบัด ภาคบำบัดคือกฎหมายบ้านเมืองบังคับเรา เราบังคับตัวเอง อย่างนี้เค้าเรียกว่าภาคบำบัด
เราต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติคือมีศรัทธามีตั้งใจ เราจะได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นข้าราชการที่มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเสียสละ ไม่อย่างนั้นมันจะสีดำสีเทาไปอย่างนี้ไม่ได้ เราต่างคนก็ต่างโทษกันอย่างนี้แหละ เราทุกคนก็พยายามจะแก้แต่คนอื่น ไม่พยายามที่จะแก้ที่ตนเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่แก้ตนเอง ทุกคนต้องแก้ที่ตนเองหมด พระราชาผู้นำผู้ปกครองก็ต้องแก้ที่ตนเอง นายกรัฐมนตรีก็ต้องแก้ที่นายกรัฐมนตรี ข้าราชการทหารตำรวจพ่อค้า พสกนิกรทุกๆ คน ก็ต้องพากันไปแก้ที่ตนเอง อย่าว่ามันทำไม่ได้ ต้องทำได้ เพราะความเห็นแก่ตัว เลยไม่อยากเสียสละ เพราะการเรียนการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องเรียนต้องรู้ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ถึงจะเป็นชาติศาสน์กษัตริย์ ถึงจะเป็นความมั่นคง ทุกศาสนานี้ก็ต้องไปอย่างเดียวกันนี้แหละ ไม่ใช่อย่างอื่น เพราะไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน ถ้าทุกคนยังทะเลาะวิวาทกันอยู่ ครอบครัวยังทะเลาะวิวาทกัน เค้าเรียกว่ายังเป็นตัวเป็นตน เป็นนิติบุคคล อย่างนี้เค้าเรียกว่ายังไม่มีศาสนา
ทุกคนต้องแก้ที่ตนเอง ฝ่ายทางสงฆ์นี้ก็ต้องแก้ที่ตนเอง โป๊ปก็ต้องที่ตนเอง พระสังฆราชก็ต้องแก้ที่ตนเอง ทุกคนก็ต้องแก้ที่ตนเอง ทุกคนต้องแก้ตัวเอง เพราะเราจะเอาแต่ความรู้ เอาตัวตน เอาแต่ยศเอาตำแหน่งทางโลกนั้นไม่ได้ เพราะโลกนี้ไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่บุคคล เป็นธรรมะเป็นสภาวธรรม มันต้องสงบเย็นอย่างนี้ ต้องเป็นแอร์คอนดิชั่น ที่ทำให้กายวาจาใจสงบเย็น ไม่เป็นสีเทาสีดำอย่างนี้ เราก็รู้อยู่แล้วว่าแอร์มันเย็น เย็นพอดี องศาที่เราใช้การ เรามีสติมันก็สงบอบอุ่น มันต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ มนุษย์เราต้องเข้าถึงความเป็นมนุษย์ อย่าเป็นมนุษย์จัดฉากด้วยไปตั้งตนเองให้เป็นมนุษย์เฉยๆ ต้องเป็นมนุษย์ที่เป็นได้เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน...
๑. คนนรก (นนุสสเนรยิโก) ได้แก่คนที่ทุกข์ทรมานทางใจ หาความสงบสุขมิได้ ความร้อนเป็นสัญลักษณ์ของนรก คนที่มีความร้อนในใจแสดงว่ากำลังตกนรก เสวยผลของความชั่วที่ตัวได้กระทำไว้
๒. คนเปรต (มนุสสเปโต) เปรตคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่หิวโหยทรมานเพราะบาปกรรมที่ทำไว้ ต้องรอคอยผลบุญที่คนอุทิศให้ คนเปรตก็คือคนที่ไม่รู้จักทำมาหากิน ได้แต่แบมือขอคนอื่นกิน ลูกเศรษฐีไม่เอาถ่านก็เรียกเปรต คนยากจนที่เที่ยวขอทานเขากินก็เรียกว่าเปรต คนที่มีกินมากมาย แต่ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ หิวตลอดเวลาก็เรียกว่าเปรต
๓. คนเดรัจฉาน (มนุสสติรัจโน) คือคนที่มีความคิดแค่เดรัจฉานนั่นแหละครับ ท่านเคยเลี้ยงหมาไหม หมานั้นเมื่อมันอิ่มแล้วก็นอน เมื่อมีคนหรือสัตว์อื่นเดินผ่าน มันก็จะทั้งเห่าทั้งขู่ แสดงว่ามันกลัว ถ้าไม่กลัว มันจะขู่ทำไม พออาหารย่อยดีแล้วก็วิ่งหยอกล้อเพื่อนฝูง หรือเที่ยวสัดเที่ยวเสพตัวเมียตามประสาหมา หรือบรรดาหมาที่หยอกล้อกันฉันมิตรนั้น ใครอยากเห็นมันกัดกันไม่ยาก ลองโยนกระดูกไปสักชิ้น มันจะกัดกันทันที เดรัจฉานมีความคิดแค่ “กิน เกียจคร้าน กลัว และกาม”
๔. คนมนุษย์ (มนุสสมนุโส) หมายถึงคนที่มีจิตใจสูง มีศีลห้าธรรมห้าครบถ้วน ศีลห้าธรรมห้าไม่จำเป็นต้องแจกแจงว่ามีอะไรครับ เราเรียนมาตั้งแต่โรงเรียนประถม-มัธยมแล้ว ใครมีครบบริบูรณ์ก็เรียกว่าเป็นคนมีจิตใจสูงหรือมนุษย์ ถ้าทำไม่ได้หรือได้กะพร่องกะแพร่ง ก็อย่าเที่ยวคุยว่าข้าเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์มิได้เป็นง่ายๆ ดังที่คิดดอก
พระพุทธองค์ตรัสว่า “เกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยากเย็น” ที่เห็นกันทั่วๆไปนั้นก็ “สักแต่คน” เท่านั้น มิใช่ “มนุษย์” ที่เป็นผู้มีใจสูง
ท่านที่เคยบวชพระคงจำได้ว่าขณะที่เรากล่าวขอบวชนั้น พระกรรมวาจาจารย์ (พระคู่สวด) จะถามท่านคำหนึ่งในหลายคำถามว่า “มนุสโสสิ” (เธอเป็นมนุษย์หรือเปล่า) ถ้าเราไม่ฉุกคิดก็จะสงสัยว่า เอ๊ะ! ก็เป็นมนุษย์ เห็นๆ อยู่ มิใช่หมาแมวที่ไหน ทำไมต้องถาม
นี่แหละ คือเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ในพิธีกรรมทางศาสนา เพียงมองเห็นคอหยักๆ สักแต่ว่าคน ก็ไม่แน่ว่าจะเป็น “มนุษย์” (ผู้มีจิตใจสูง) ขืนบวชเปรต บวชสัตว์นรก เดี๋ยวพระศาสนาจะวุ่นวาย
๕. คนเทวดา (มนุสเทโว) หมายถึงคนที่มีคุณธรรมสองประการคือ หิริ (อายชั่ว)โอตตัปปะ (กลัวบาป) หิริทำให้คนหน้าบาง ไม่กล้าทำชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง โอตตัปปะทำให้คนกลัวบาปกรรม จะทำชั่วก็ไม่กล้า เพราะนึกถึงไฟนรก คนชนิดนี้แหละ เรียกว่ามีคุณธรรมของเทวดา
๖. มนุษย์พรหม (มนุสสพรหมา) ท้าวมหาพรหม หัวใจเช่นใดมีพรหมวิหาร มีพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ หัวใจว่างไม่มีอะไร เหมือนกะอากาศนี้แหละ ว่างเปล่าหมด เหลือแต่รูปจิต อรูปจิต ดับขันธ์ไปเป็นพรหม
๗. มนุษย์อริยะ มีหิริมีโอตตัปปะ มีสุกกะธรรม ธรรมะที่ขาวสะอาด ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ผู้ถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ดั่งเช่นพระอริยสาวกทั้งหลาย
๘. มนุษย์อรหันต์ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระอรหันต์ คือละกิเลส ละตัณหา กิเลสคือใจเศร้าหมอง ตัณหาคือใจทะเยอทะยานดิ้นรนกระวนกระวาย ท่านละกิเลสตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อวิชชา ตัณหาอุปาทาน ภพชาติ ละขาดในสันดาน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ในจิตใจ เมื่อดับขันธ์ไปก็เข้าสู่นิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสาร ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก
๙. มนุสสพุทโธ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี้ ว่าเรื่องภพเรื่องชาติของท่าน บิดามารดาของท่านก็มี บุตรภรรยาท่านก็มี ท่านเป็นมนุษย์ครือเรานี่แหละ แต่ท่านประพฤติปฏิบัติ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง เป็นสยัมภู ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ไม่มีบุคคลผู้ใดหรือใครแนะนำพร่ำสอน รู้ด้วยตนเองเป็นสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งแทงตลอดหมดซึ่งสารพัดเญยยะธรรมทั้งหลาย ไม่มีที่ปกปิด
มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ เกิดมาเพื่อเข้าถึงมรรคผลพระนิพพาน ทุกท่านทุกคนต้องเข้าถึงธรรมะ เพราะโลกเรานี้ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่ สำคัญที่สุดคือความเป็นธรรม ความยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่หมู่มวลมนุษย์จะหยุดเวียนว่ายตายเกิดได้ จึงต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ภาคศีลสมาธิปัญญา พวกที่ไม่เข้าใจพระศาสนา พากันไปทั้งศีล ทั้งสิกขาบทน้อยใหญ่มันจะเป็นไปไม่ได้ เพราะในสิกขาบทน้อยใหญ่มันเป็นเจตนาที่ไม่ตั้งใจ ไม่ตั้งใจมันก็ต้องอาบัติทุกกฎอยู่แล้ว เราก็เอาศาสนาเป็นการทำงานหาเลี้ยงชีพ ไม่ได้มุ่งสู่พระนิพพาน มันก็เป็นอาบัติถุลลัจจัย มันก็ตกต่ำ เราก็ต้องเข้าใจว่า วัดบ้าน วัดป่า หินยาน มหายาน ทุกคนก็ปฏิบัติได้หมด เพราะมาแก้ที่ตนเอง ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เพราะประเทศไทยของเรานี้ เอาธรรมะเป็นหลักเอาธรรมเป็นใหญ่ ชาติศาสน์กษัตริย์ เพราะทุกคนต้องไม่เป็นนิติบุคคล ไม่เป็นตัวตน ต้องปรับตัวเองเข้าหาธรรมะ มันถึงเป็นไปได้ ไม่งั้นมันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ถูก มันจะเป็นไปได้ไง มันเห็นผิดปฏิบัติผิด มันถึงเป็นอย่างนี้
ให้ทุกท่านทุกคน รู้จักการดำเนินชีวิต สร้างเหตุสร้างปัจจัยให้ถึงพร้อมในปัจจุบัน เราจะได้พัฒนาทั้งใจของเราพัฒนาใจ พัฒนากาย พัฒนาวาจา พัฒนาอาชีพ เพื่อปิดอบายภูมิ เราต้องปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้เเล้วมาบอกมาสอน พระพุทธเจ้าเพียงเเต่เป็นผู้บอกผู้สอน การประพฤติการปฏิบัติเป็นเรื่องของเรา ทุกท่านทุกคนต้องพากันมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เเล้วสมาทานในการประพฤติการปฏิบัติ เพื่อให้มันเป็นสัมมาสมาธิ คือ ความตั้งใจมั่นชอบ นี้เป็นคุณธรรมของพระอริยเจ้า คือพระโสดาบัน ที่จะเกิดกับเราทุกคน ทั้งฝ่ายนักบวชเเล้วก็ฆราวาสผู้ครองเรือน ตัดสิ่งภายนอกออกไปหมด ที่เค้าพากันทำอยู่ ที่เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ โกงกิน คอร์รัปชั่น มารยาสาไถย ประพฤติผิดในกาม เอาความสุข ความดับทุกข์จากผู้อื่น เราไม่ต้องไปโกหกหลอกลวงใครอีก ไม่ต้องไปเสพสิ่งเสพติด ให้มันกลายเป็นยาเสพติด
การดำรงชีวิตเราต้องดำเนินไปอย่างนี้ ชีวิตของเราต้องมีความสุขความดับทุกข์ในชีวิตประจำวันอย่างนี้เรื่อยๆ ชีวิตเราก็ให้เราดูเเลปฏิปทาตัวเอง เหมือนผู้ใหญ่ดูเเลเด็กมันมีไฟ ไม่ให้เด็กมันไปจับไฟเหยียบไฟ เพราะเราต้องรู้จัก การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างความคิด ระหว่างอารมณ์มันก็อีกอย่างนึง เราต้องรู้จัก การปฏิบัติต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตอนเช้าตอนเย็น ไม่เกี่ยวข้องกับการเข้าพรรษา ออกพรรษา ไม่เกี่ยวกับว่าเราอยู่ที่ไหนทำอะไร มันเกี่ยวข้องกับที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าให้เราทำอย่างนี้ คนเราถ้าไม่มีความเห็นถูกต้อง ไม่เข้าใจถูกต้อง ถ้าไม่มีความสุขในการคิดดีๆ พูดดีๆ ปฏิบัติดีๆ ในปัจจุบัน มันเป็นโรคจิตโรคประสาท ให้ทุกคนรู้หน้าที่ตัวเองว่าทำอย่างนี้ถูก ทำอย่างนี้ผิด การเรียนการศึกษาถึงคู่กับการเกิดมา มีพ่อเเม่บอก พัฒนาตามหลักเหตุผล มีครูสอน ความรู้เราต้องเอาไปใช้ในปัจจุบัน ให้มันเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาในปัจจุบัน เราจะเดินทางไกล เราต้องมีรถมีเครื่องบิน ถ้าข้ามทะเลก็ต้องมีเรือ เพราะว่ามันว่ายมันข้าม ถ้าเป็นเครื่องบินก็ข้ามได้ทั้งภูเขา ถึงมหาสมุทร ใครทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้ อย่าไปเข้าในอย่างอื่น ชีวิตเรามันถึงจะมีประโยชน์
ถ้าเราไม่เเก้ตัวเองมันผิด เราจะมีมหาวิทยาลัยหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านก็เเก้ปัญหาไม่ได้ จะมีทหารตำรวจหลายล้านก็รักษาประเทศไม่ได้ จะมีนักวิชาการหลายคนยังไงก็เเก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เเก้ไขตัวเอง พระพุทธเจ้าให้เราทุกคนพากันมาเเก้ไขตัวเอง เราจะไม่ได้ไป เราจะได้ทำถูกต้องทั้งส่วนร่างกาย ทั้งจิตใจ เราพากันไปเเก้เเต่ปลายเหตุไม่ได้นะ ศาสตร์คือความเป็นมนุษย์คือชาติประเสริฐ ศาสตร์ก็คือการดำเนินตามเหตุตามผลตามหลักวิทยาศาสตร์ เราดำเนินชีวิตทั้งกายทั้งใจไปพร้อมๆ กันอย่างนี้มันถึงมีความสุข มันจะไม่ได้เสียงบประมาณซื้อปืนกระบอกตั้งหลายพันหลายหมื่น มันจะไม่ได้ไปประดิษฐ์อาวุธสงคราม อย่างนี้มันไม่ใช่ มันไม่ถูก เราพัฒนาเทคโนโลยีมันถูกต้องเเล้ว ส่วนที่อำนวยความสะดวก มันต้องพัฒนาใจ
ประเทศไทยเรามันไม่มีคุกที่จะไปขังพวกโจรทั้งหลาย ไม่มีคุกจะไปขังพวกยาอียาไอซ์ยาอะไรทั้งหลาย มันไม่มีคุกที่จะไปขังพวกโกงกินคอร์รัปชั่น เพราะว่ามันไปเเก้เเต่ปลายเหตุ เราอย่าไปเเยกธรรมะออกจากการดำรงชีวิต เพราะศีลสมาธิปัญญาเป็นสิ่งที่เเยกกันไม่ได้ ความรู้กับความประพฤติมันเเยกกันไม่ได้ เราผลิตทนายมา ผลิตอัยการมา ผลิตผู้พิพากษามา เพียงเเต่ประดิษฐ์ยาเเก้ปวดยาเเก้ไข้มา มันเเก้ที่ปลายเหตุ ถ้าเราไม่เกิดมา เราก็ไม่ต้องมากินยาเเก้ปวด
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจเรื่องศาสนา พรหมจรรย์เบื้องต้นคือการมีศีลห้า พวกพระสงฆ์องค์เณรชีที่จะได้รู้จัก ถ้าเราไม่รู้จักชีวิตของเราก็จะเป็นขยะ นี้เเหละคือขยะตัวจริงที่มีมิจฉาทิฏฐิ เราเข้าใจผิดกันมากเหลือเกิน นึกว่าโบสถ์วิหารเจดีย์พระพุทธรูปนี้เป็นพระศาสนา อันนั้นมันเป็นศาสนวัตถุ ศาสนาคือพระธรรมคำสั่งสอน เเล้วก็ประพฤติตามพระธรรมคำสั่งสอน เพื่อเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ ทั้งกายด้วย เทคโนโลยีด้วย วิทยาศาสตร์ด้วย พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน
ทุกท่านทุกคนอย่าไปประมาทอย่าไปเพลิดๆ อย่าไปใจอ่อน สัมมาสมาธิคือความตั้งมั่น ตามหลักการณ์มันก็ดีอยู่เเล้ว เพราะเราต้องเข้าสู่ระบบ ระบบมันก็ดี เช่นว่า ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นระบบที่ดี เช่นว่ามีข้าราชการอย่างนี้ เราต้องกลับมา ไม่ใช่ข้าราชกิน นักการเมืองไม่ใช่นักกินเมือง พวกนี้ต้องกลับมามีความสุขในการทำงาน เพราะมันมีระบบก็ดี เเต่ถ้าไม่เอาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อมๆ กัน มันก็ผิดอยู่ดี มันนำความเสื่อมเสียมาสู่หมุ่มวลมนุษย์ โครงสร้างของโลกของประเทศมันถูกอยู่เเล้ว เเต่ว่ามันต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ถ้างั้นมันจะไปเเก้หนี้เเก้สินได้ยังไง เพราะว่ามันไปเเก้ที่โลกภายนอก เพราะเราว่าไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้จักเหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราไม่รู้จักโจรก็คืออวิชชา คือความหลง คือมิจฉาทิฏฐิ
การปฏิบัติธรรมมันต้องเข้าสู่ตัวเรา ต้องเข้าสู่วัด ต้องเข้าสู่โรงเรียน มันเป็นปฏิจจสมุปบาท เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้ถึงมี เราต้องเอาตัวตนออก เอาตัวตนมาหยุดให้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องมามีความสุขในการเสียสละ จะได้พัฒนาบ้านเรามันถึงจะมีพระพุทธเจ้ามีพระธรรม มีพระอริยสงฆ์อยู่ในตัวอยู่ในครอบครัว มันจะปลอดอบายมุข ปลอดอบายภูมิ มันถึงจะเป็นเเผ่นดินธรรมเเผ่นดินทอง เพราะว่าเราคิดอย่างนี้ เราพูดอย่างนี้ เราทำอย่างนี้ เราต้องเรียนหนังสืออย่างนี้ เราต้องเข้าสู่ระบบ เพราะว่ามันต้องมีภาคประพฤติภารปฏิบัติ เเต่มันไม่มีระบบเเบบศาสนาพุทธ มีเเต่แบรนด์เนม ไม่มีการทำวัตรเช้า ไม่มีการทำวัตรเย็น ไม่มีการทำกิจวัตรข้อวัตร ระบบเช็คชื่อ ใครไปใครมา เข้าโรงเรียนเป็นเวลา มีเปิดเทอม มีปิดเทอมอันนี้เป็นระบบ ที่จะทำให้เราเข้าสู่ระบบเพื่อพัฒนาตนเอง
เราต้องสมาทานความดี สมาทานมีความตั้งมั่น เสียสละ เราต้องละความเห็นเเก่ตัว ตัวเองถึงจะเคารพตัวเองได้ คนอื่นถึงจะเคารพผู้อื่นได้ เราไม่มีศีล ใครจะเคารพเราได้ เราต้องปรับปรุงเราหมด เราทุกคนต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติ อย่างนี้ ทั้งอยู่บ้าน ทั้งอยู่ที่สำนักงาน ต้องปรับปรุงเปลี่ยนเเปลงตัวเอง อย่าให้ความเห็นเเก่ตัวมันเหลืออยู่ อย่าให้ความคิดมันคิดหลายๆ ครั้ง มันโผล่ขึ้นมา เราก็รู้รู้หน้ารู้ตาอยู่เเล้ว มิจฉาทิฏฐิความยึดมั่นถือมั่น มันไม่ใช่ความทุกข์ยากความลำบาก ที่ว่าทุกข์ยากลำบากมันความเห็นเเก่ตัว มันไม่ใช่ธรรมะ ไม่อยากรักษาศีลห้า ไม่อยากเสียสละ เป็นคนไม่มีศีลไม่มีธรรมเป็นคนเห็นเเก่ตัว ตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง มันยิ่งเป็นโรคจิต โรคประสาท โรคฟุ้งซ่าน โรคซึมเศร้า เรามีเเต่ความวุ่นวาย โรคไม่มีความสงบ ตกนรกทั้งเป็น เราไม่ได้เอาอริยมรรคมีองค์ ๘ เข้ามาใช้ เข้ามาทำงานให้มีความสุขในปัจจุบัน เป็นคนที่วิ่งตามเงา มันไม่มีวันทันสักทีหรอก ถ้าเราวิ่งมันก็วิ่งนำหน้าเราไปเรื่อย
ในโอกาสนี้ ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกท่านทุกคน จะได้ฝึกจะได้ปฏิบัติขัดเกลากิเลสอาสวะของตัวเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัด หรือจะอยู่ในบ้านอยู่ที่ไหน ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตัวเองทั้งหมด เราอยู่ที่ไหนเราก็แก่ เราก็เจ็บ เราก็ตายเหมือนกันหมด 'สัจธรรม' คือความจริงเค้าไม่ได้ยกเว้นใคร
ความสุขทุกคนมันเป็นสิ่งเสพติด ทุกคนมันชอบมันติดเราทุกคนจำเป็นต้องทำใจเฉยๆ น่ะ เดินหน้าประพฤติปฏิบัติธรรม คำว่า 'ติด' ทุกคนก็รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันถึงติด จิตใจเราจำเป็นจะต้องเดินหน้าไป ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง อย่าไปเสียดงเสียดายอาลัยอาวรณ์มัน แข็งใจสู้มัน มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ถือว่าเราได้เดินตามรอยบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐยิ่งกว่า จงดีใจจงภูมิใจในตัวเอง ในการประพฤติปฏิบัติของตัวเองว่าเราได้เดินทางมาดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ชื่อว่า "สุคโต ปฏิบัติธรรมด้วยความสุข..."
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.