แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ใน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง เข้าพรรษาเข้าหาธรรม ตอนที่ ๖๗ ความสุขความดับทุกข์มีอยู่ทุกแห่งหน ที่พัฒนาตนให้มีธรรมนำใจ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
การประพฤติการปฏิบัติ ต้องให้ทุกคนเข้าใจและกระชับในการประพฤติปฏิบัติลงรายละเอียด ในเรื่องจิตเรื่องใจของเรา ลงรายละเอียดทั้งกายทั้งวาจาทั้งกิริยามารยาทคำพูดและการกระทำ เพราะว่ามันคือการปฏิบัติ เพื่อจะเข้าสู่สิ่งที่ดีดีและถูกต้อง ที่ประกอบด้วย ศีล สมาธิ และปัญญา มนุษย์เรานี้ทำได้และปฏิบัติได้ เมื่อเราไม่เข้าใจอริยสัจ ๔ ไม่เข้าใจความจริง ก็วิ่งไปตามความไม่เข้าใจน่ะ มันทำให้เราเสียหาย ถ้าเรามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เน้นที่ปัจจุบัน
ให้พากันเข้าใจ ถึงแม้โลกนี้จะเป็นทะเลทรายของความแห้งแล้ง หมู่มวลมนุษย์ก็สามารถจะพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้เป็นพื้นที่สีเขียวสูงได้ โดยความเห็นความเข้าใจ เรียกว่าพุทธะ ถึงแม้จะเป็นที่ราบสูง เป็นที่แห้งแล้ง พื้นดินนี้มีปุ๋ยน้อย เราก็สามารถทำได้ เพราะการประพฤติปฏิบัติ มันอยู่ที่เรามีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เข้าสู่มรรคเป็นหนทางเดิน เราดูตัวอย่างแบบอย่างอย่างนี้แหละ ที่ราบสูงมีพื้นที่ทำไร่ทำนาทำสวนเต็มไปด้วยทรายหินลูกรัง แต่มนุษย์เราก็สามารถพัฒนาได้ เราย้อนมาหาตัวเราก็เหมือนกัน เรารู้อริยสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ พยายามเน้นที่ปัจจุบัน หยุดมีเซ็กส์ทางความคิด ทางอารมณ์ เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่หมู่มวลมนุษย์จะแก้ปัญหาได้ จะดับทุกข์ได้ เพราะแต่ก่อน เราไม่รู้จักวิธี เราพากันทำนา 20 ไร่ 30 ไร่ 40 ไร่ 50 ไร่ ได้ข้าวไม่กี่ตัน เพราะว่าพื้นดินนั้นมันขาดน้ำขาดปุ๋ย ด้วยที่เรายังคิดไม่เป็น วางแผนไม่เป็น เราไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เพราะที่จริงทุกหนทุกแห่ง คือ ความดับทุกข์ คือข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
งานของญาติของโยม งานทำมาหากิน การค้าการขายเกษตรกร ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจต่างๆ เราก็ต้องตั้งอกตั้งใจทำ ทำงานให้สบายให้มีความสุข ให้ใจมันอยู่กับตัว เราถือว่าเราทำงานเพื่อเสียสละ เราอย่าไปว่างานหนักงานยุ่ง มันเหน็ดมันเหนื่อยไม่ได้พัก เราอย่าไปคิดอย่างนั้น คนเราต้องมีความสุขในการทำงาน มันจะเบื่อหรือไม่เบื่อเราอย่าไปสนใจมัน
เราทำงานทำความดีตั้งแต่เช้าจนถึงนอนหลับ ตื่นขึ้นก็ทำใจดีใจสบายอย่างนั้นทุกๆ วันนั่นแหละ ถ้าใจเรามีความสุขในการทำงานนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม เราอาจจะไม่เห็นคุณค่าในการทำงาน ควรมีความสุขในการปฏิบัติงาน เราคิดว่าการทำงานก็คือเอาแรงกายแรงวาจาได้มาซึ่งวัตถุ ที่แท้จริงนั้นนะคือการทำความดี ความเสียสละของเรา
คนรุ่นใหม่ คนสมัยใหม่ต้องฝึกทำใจให้มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเสียสละ อย่าเอาแต่บันเทิงอย่างนี้ มันไม่ได้ มันไม่ได้ให้อาหารใจ มีแต่ทำลายจิตใจ ทำลายคุณธรรม ต้องรู้จักว่าความสุข เด็กๆ มีความสุขในการเรียนหนังสือ ในการทำงาน พ่อแม่ก็อย่าพากันโง่มาก รักลูก หลงลูก แต่ว่าไม่ได้เป็นตัวเองแบบพิมพ์ให้กับลูก ไม่ฝึกงานลูกตั้งแต่เด็กๆ ถ้ามันใหญ่มันโต มันบอกไม่ได้ สอนไม่ได้ เมื่อไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูลูกให้ดี เราก็อย่าไปมีสามี เราก็อย่าไปมีภรรยา อย่างนี้มันทำความเสียหายให้ส่วนรวม เมื่อตัวเองอยากจะมีสามีภรรยา ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่มัวแต่ไปด่ารัฐบาลไปด่าสารพัด เราต้องพัฒนาตัวเองเข้าสู่เศรษฐกิจพอเพียง เราอย่าไปหาเงินอย่างมักง่าย คิดแต่จะหาเงินจากคนอื่น เราต้องคิดขยัน คิดทำเพื่อจะเลี้ยงตัวเองและเพื่อช่วยเหลือคนอื่น
ความสุขของเรามันจะเกิดจากที่เรามีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องในปัจจุบันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ใหม่ๆ มันยังไม่เข้าเส้น เข้าทาง มันก็ลำบากธรรมดา เหมือนทหารใหม่มันก็ลำบาก เหมือนนักเรียน เข้าโรงเรียนมันไม่รู้ว่ามันลำบาก แต่การปฏิบัติของเรา ต้องปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ความรู้มันต้องปฏิบัติด้วยไปพร้อมๆ กัน เราจะได้จัดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ มันไม่ถูก จะไปแก้แต่คนอื่น จะไปเรียนหนังสือ แก้คนอื่น จะมีปืน มีระเบิด เอาไว้แก้คนอื่นไม่ได้ เอาไว้แก้ตัวเอง สิ่งที่ไม่ดีมันจะได้หยุดไป มันอาศัยความสมัครสมานสามัคคีกัน ทุกคน ทุกครอบครัวทั้งประเทศ พร้อมเพียงกันเขาเรียกว่ามีความเห็นเหมือนกัน มีความสามารถเหมือนกัน
เราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ เราก็จะมีความสุข ความสงบ ความร่มเย็น ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง มันจะดับทุกข์ ให้แก่เราทุกคน มันจะไปอย่างนี้ ให้ศึกษาธรรมะ เข้าใจธรรมะ เราจะได้ไม่สงสัยว่าตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญ ใจของเรามันจะได้เป็นศีล เป็นธรรม เป็นมรรคผล นิพพานไปในปัจจุบันของมันไปเรื่อย เราจะได้ไม่มีโอกาสไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน คนเราต้องทำอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ถึงจะมีความสุข เราจะไม่ได้พลัดถิ่นไปหากินทางไกล ผู้อยู่ภาคอีสานก็พัฒนาครอบครัวทางภาคอีสาน ผู้อยู่ภาคเหนือก็พัฒนาตัวเอง ครอบครัวในภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง แต่ทุกคนก็ต้องเอาธรรมะไปประพฤติปฏิบัติในครอบครัว เพราะทุกคนนั้นเป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติกันหมด ไม่มีใครไม่เป็นญาติ เราฟุ้งซ่านไปเรื่อยไม่ได้ เราอย่าไปโทษใคร เพราะว่ามันอยู่ที่เรายังมีความเห็นไม่ถูกต้อง ยังเข้าใจไม่ถูกต้อง เพราะคนเราอย่างถ้ามีที่ไม่กี่ไร่เขาพัฒนา นาเพื่อเป็นที่ทำมาหากินมันก็ไปได้อยู่แล้ว ความสุขมันอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องอย่างนี้ เราทำไปเรื่อยๆ ไม่หยุด แล้วเราก็ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย ประหยัดในการใช้น้ำ ประหยัดในการใช้ไฟ ดูแลวัสดุที่เราใช้ในครอบครัวบ้านเราก็ให้มันสะอาด ห้องน้ำ ห้องครัวก็ให้สะอาด มีหน้าต่างให้ถ่ายเทอากาศ ถ้าใจสกปรก บ้านก็สกปรกมันไม่ไหว
เราจะปล่อยให้ประเทศแห้งแล้ง ปล่อยให้ประเทศน้ำท่วม ปล่อยให้ครอบครัวขี้เกียจ ขี้คร้าน ปล่อยให้ครอบครัวเมาเบียร์ เจ้าชู้ เล่นการพนัน อย่างนี้มันเสียหาย มันไม่ได้อยู่ที่ใครหรอก มันอยู่ที่พ่อที่แม่มันไม่ดี คนรุ่นใหม่ คนสมัยใหม่ก็ต้องพากันคิด วัสดุ ทรัพยากรของเรา เราขายออกไปต่างประเทศ แล้วเราก็กลับเอามาใช้อีก พวกข้าว พวกมันสัมปะหลัง เราขายให้เขาราคาถูก เขามาขายแปรรูปให้เราแพง แสดงว่าเรายังไม่ฉลาด เรายังไม่รู้จักเศรษฐกิจพอเพียง เพราะใจมันไม่สงบ ใจมันฟุ้งซ่าน
ข้าราชการก็ต้องมีความสุขในการทำงาน เพราะงานก็คือความสุข งานก็คือเราจะช่วยเหลือญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลของเรา ไม่ตั้งใจทำงานเขาเรียกว่าคอรัปชั่น ยิ่งไปเอาเงินที่เขามาสนับสนุนไปกินไปเซ็นอย่างนี้เขาเรียกว่าโกงกินคอรัปชั่นๆ ทุกๆ หน่วยงาน เพราะทุกคนก็ต้องเสียภาษีให้บ้านเมืองตัวเองแต่ว่ามันทำใจไม่ได้เพราะข้าราชการ เราต้องพากันเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนประพฤติกรรมใหม่ เราอย่าไปตั้งตระกูลมาเพื่อโกงกินคอรัปชั่น เรารู้เฉยๆ ไม่ได้ เราต้องสมาทานเราต้องตั้งใจ และเข้าสู่ภาคปฏิบัติ ต้องใช้เวลาหลายวันหลายเดือน ชีวิตของเราถึงจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
ตั้งใจทำดีๆ ต้องให้ใจมีความสุข เราต้องการให้มันเสร็จเร็วก็ให้รีบทำแบบมีความสุข ถ้าเราเป็นคนขยัน เป็นคนเสียสละ เป็นคนที่มีศีลมีธรรม ทุกคนจะรักเคารพนับถือเราเพราะเรามีคุณค่า เป็นคนที่มีผลประโยชน์ต่อคนอื่น คนเราต้องเป็นคนที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่ว่าทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจ ต้องให้คนอื่นมีผลประโยชน์ในตัวเรา เราอย่าไปเอาผลประโยชน์จากคนอื่น อย่างน้อยต้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกๆ คนต้องเป็นมือเป็นเท้าเป็นใจให้ซึ่งกันและกัน
ถ้าเรามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง พื้นที่ก็สามารถทำเกษตรไม่กี่ไร่ ก็สามารถเหลือกินเหลือใช้ ด้วยความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เน้นที่ปัจจุบัน มรรคผลนิพพานถึงมีทุกหนทุกแห่ง ที่มีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง แล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ชีวิตของเราเป็นของที่ประเสริฐ ก็ต้องเอาชีวิตของเรามาปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน ทางร่างกายก็ต้องให้มันสบายอย่างเต็มที่ ตามอายุขัย ทางจิตใจก็ต้องพัฒนาให้เพื่อใจของเราสบาย ด้วยการประพฤติปฏิบัติที่ไม่เอาตัวตนเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นหลัก เพราะการพัฒนาการปฏิบัติ มันต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์กับจิตใจไปพร้อมๆ กัน ตามสภาพภาพเป็นจริง
เราไม่ต้องซมซานไปหาความสุขที่ไหน เมื่อหลาย 10 ปีก่อน มีพระเดินทางจากภาคอีสาน ไปกราบพระพุทธทาสภิกขุ ที่สวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านก็ถามว่ามาจากไหน ก็บอกว่ามาจากภาคอีสาน ท่านก็ถามว่ามาทำไม เขาตอบว่า จะมาขอปฏิบัติธรรมอยู่ที่สวนโมกข์ หลวงพ่อพุทธทาส ถามว่า ท่านไม่มีวัดหรอ มีครับ ท่านก็ปฏิบัติอยู่ที่วัดของท่าน หลวงพ่อพุทธทาสก็บอกวิธีปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นอยู่ที่มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง อยู่ที่ปัจจุบัน
ที่มันมีหนี้มีสินก็เพราะเราไม่รู้อริยสัจ 4 เราพากันไปสร้างหนี้สร้างสิน สร้างอะไรทั้งภายนอกไม่พอ เป็นหนี้ในทางจิตใจ เพราะดูแล้วว่า ถ้าไม่อย่างนี้มันจะแก้ไขประชาชนไม่ได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งต้น ตนต้องพึ่งความเข้าเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนน่ะ คือพระพุทธเจ้าต้องเกิดกับเรา พระธรรมต้องเกิดแก่เรา พระอริยสงฆ์ต้องเกิดแก่เราด้วยภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ด้วยศีลสมาธิปัญญา เพราะมันแก้ปัญหาได้ เราจะได้ส่งผลัดให้กับลูกกับหลานเรา เรามีทรัพยากรที่ประเสริฐ คือได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เราจะได้มีโรงเรียนมีวัดมีที่อยู่ที่อาศัยที่เป็นสัมมาทิฏฐิ เราจะได้ใช้อะไรพวกนี้อย่างคุ้มค่า
คนเราต้องมีความสุขในการทำงาน เพราะงานก็คือความสุขของเรา เราจะได้พัฒนาทั้งใจพัฒนาทั้งการอยู่การกิน นี่ก็เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่าไปทำอย่างที่เขาทำกัน เรียนหนังสือก็เพราะเพื่อจะมีที่อยู่ที่อาศัยการกินมีบ้านมีรถมีลาภมีสรรเสริญ แต่ไม่ได้มีสัมมาทิฏฐิ นี่มันระดับธรรมดา เป็นสัญชาตญาณ ไม่ใช่ระดับสัมมาทิฏฐิ คนเรานี่ทำไปทุกข์ไป ถึงเป็นโรคประสาทถึงเป็นโรคจิต เป็นโรคทรัพย์จาง ไม่ได้เข้าถึงความพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง ไม่มีความสุขในปัจจุบันอย่างนี้แหละ
พวกพระพวกเณรเรามาอยู่วัดให้ถือโอกาสพิเศษ บ้านก็ไม่ได้เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ ระบบของประเทศไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อพรหมจรรย์ เพื่อที่จะกลับมาหาอริยมรรคมีองค์ ๘ ในการประพฤติในการปฏิบัติอย่างนี้ และทุกคนเก่งหมด มีความสามารถหมด ที่เรานี้ไม่ฉลาด เพราะเราไม่เสียสละ ถ้าเราเสียสละอย่างนี้ ตัวตนของเราไม่มี เราก็ไม่เก้อเขิน ที่เราทำอะไรเซ่อๆ เบลอๆ งงๆ เพราะตัวตนเรามันเยอะ เหมือนผู้ใหญ่บ้านตกจากบ้านสู่พื้นดินเกือบถึงถนนแล้ว เขาก็ถามว่าเป็นอะไร ตัวเองก็บอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้บอกว่าเจ็บแทบตายเลย ไม่ได้ตอบตามเป็นจริง มันก็อยู่ที่ความยึดมันถือมั่น
ทุกคนต้องกลับมาหาสติสัมปชัญญะนะ สตินี่คือ รู้ได้ว่าอันนี้ชั่ว อันนี้ผิด อันนี้ถูก สัมปชัญญะคือตัวปัญญา ว่าเราต้องตัด เราต้องละ เราต้องเลิก เราต้องเสียสละ เพื่อทำให้เป็นธรรมเป็นปัจจุบัน จะได้เดินไป เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นมันถึงมี ให้เข้าใจ ความเครียดของเราจะได้ลดน้อยลง
คนเราน่ะ ไปพัฒนาแต่เทคโนโลยีอย่างนี้ มันไม่เข้าใจ อย่างนี้มันทำเพื่อตัวเพื่อตัน อย่างประชาชนนี่นะ ทำไร่ทำนาทำสวนก็รังเกียจกัน เพราะมันทำแล้วปวดหลังปวดเอวปวดขา หน้ามันดำอย่างนี้แหละ เขาไม่รู้จักว่าความสุขความดับทุกข์เนี่ย เราต้องมีความสุขในการเสียสละ หน้ามันดำเราก็ใช้ผ้าปิดหน้าปิดตาใช้หมวกก็ได้ แต่เราต้องรู้จักความหมายนะ เราต้องมีความสุขในการทำงาน เราสงสารตัวเราเองหรือตัวคนอื่น ว่ามันเป็นมิจฉาทิฏฐิ มันน่าสมเพชเวทนากับเราเองกับคนอื่น ที่มันไม่รู้จักธรรมะ เพราะความสุขความดับทุกข์มันอยู่ที่เราเห็นความถูกต้องเข้าใจถูกต้อง มีความสุขที่ทำเกษตรกรรม ไม่ใช่วิ่งตามอารมณ์ จนกลายเป็นหนุ่มโรงงานสาวโรงงาน กินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง
เราเข้าใจนะความสุขความดับทุกข์น่ะ มันอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องในชีวิตประจำวัน เราจะได้พากันประพฤติพากันปฏิบัติ เราจะได้จนอย่างมีความสุขรวยอย่างมีความสุข ทำไมมีความสุขหล่ะ ก็หมายถึงว่ามีความสุขและมีปัญญา เราไม่หลงไปเรื่อยที่เขาว่า ติดในรสอาหารติดในรสภัตตาคารติดในทุกอย่าง เราใช้รถที่ยี่ห้อดีๆ ใช้ที่ก็แอร์ดีๆ เลย เราก็ต้องใช้ที่หัวจิตหัวใจของเรา เพราะเราเพียงใช้สุขภาพร่างกายไม่เกิน 100 ปี ก็ต้องจากไป เราจะไปเอาหน้าเอาตาอะไร “เอาหน้า” สุดท้ายหน้าเราก็ต้องแก่ แก่ยังไม่พอ ก็หน้าเจ็บ หน้าตาย เราต้องพากันเข้าใจ ผูกเนคไทใส่สูตร พวกเป็นท่าน ท่านไม่จริง เป็นท่านอวิชชาท่านความหลง ท่านนี้ก็ต้องเป็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เนี่ย สององค์นี้เราเรียกท่าน หรือว่า ผู้มีพรหมวิหารทั้ง ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีสติสัมปะชัญญะที่สมบูรณ์ มีศีล
ทุกท่านทุกคนต้องพัฒนานะ หายใจเข้าก็รู้ชัดเจน หายใจออกก็รู้ชัดเจน หายใจเข้าก็สบาย หายใจออกก็สบาย หายใจเข้าก็พุธ หายใจออกก็โท เราอย่าไปกับความเคยชิน เราต้องมาหากับสติสัมปชัญญะ เพราะลมหายใจเป็นทั้งความสงบเป็นทั้งวิปัสสนา
เราต้องเสียสละ อย่ามีโลกส่วนตัวเยอะ อย่างนี้แหละ โลกส่วนตัวมันก็ได้แค่สมาธิ คนสมาธิมากน่ะยิ่งเป็นฮิตเลอร์นะ ใช่มั้ย ฮิตเลอร์เลย ตั้งมั่นในการปราบปรามคนอื่น ไปฆ่าคนอื่น ไม่ได้จัดการกับตัวเอง สมาธิรุนแรง ไม่กลัวตายเลย สมาธิต้องเป็นสัมมาสมาธิ มีความสุข เรามาอยู่วัดก็มีความสุข หายใจออกมีความสุข จะหายใจเข้าสบายหายใจออกสบาย ให้สติสัมปชัญญะมันอยู่กับเนื้อกับตัว อย่าไปอยู่แต่กับความคิด คิดไปไม่ได้อะไร ได้แต่โรคประสาท
เราต้องทำในปัจจุบันนี่ เราเป็นประชาชนเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เราต้องเอาใหม่ พระพุทธเจ้าท่านขยันนะ วันหนึ่งท่านทำงาน 20 ชั่วโมงนะ บรรทมเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง เราก็ต้องเสียสละอย่างนี้แหละ เราก็จะมีความสุขไปในตัวอยู่แล้ว เราเป็นประชาชนยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า ก็พักผ่อนสัก 5-6 ชั่วโมง พวกที่อยู่ทางบ้านก็ 7-8 ชั่วโมงก็พอ ตอนนอนก็พากันนอน อย่าพากันโสเหร่กัน พากันไปเล่นแต่โทรศัพท์ เล่นแต่อะไรกัน มันเป็น sex ทางอารมณ์ sex ทางความคิด เราต้องหยุด เราต้องเบรค เราต้องรู้จักมามีสติสัมปชัญญะ หายใจเข้ามีความสุข หายใจออกมีความสุข หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบายอย่างนี้นะ เราต้องมีความคม เราต้องตัดให้ได้ ก็คือให้เลิกเสีย เมื่อเลิกก็ต้องมีภาคปฏิบัติเพื่อจะเลิกให้ได้ เขาฟักไข่กันสามอาทิตย์ แต่เราเป็นคนกิเลสมาก มันต้องพัฒนาไปมากกว่านั้น นั่งสมาธิตอนเช้า ตอนกลางคืน มันก็ง่วงเหงาหาวนอน มันฟังเทศน์ก็อยากจะหลับ เจริญอานาปานสติรู้ลมเข้าชัดเจน รู้ลมออกชัดเจน ถ้ามันสงบก็เอาลมไว้ที่ท้อง ท้องพองเราก็รู้ ท้องยุบเราก็รู้ ถ้าท้องยุบท้องพอง ให้มันละเอียดไปอีก ก็เอาสติไว้ในหน้าอก รู้ชัดเจน เราจะถึงสติออกจากหัว ออกจากสมอง สมองเราจะได้พักผ่อน เขาเรียกว่าเราเข้าสมาบัติ มันเป็นอย่างนั้น
เราต้องพัฒนาให้มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เราจะมาบวชโกนหัวเล่นๆ ให้เวลามันผ่านไป โดยเวลากินเราไม่ได้ปฏิบัติ เราก็ไม่ได้กินเวลา เพราะเราไม่ได้ฝึกไม่ได้ปฏิบัติ ดูๆ แล้วทุกคนระบบสมอง สติปัญญา มันก็ไปได้ทุกคน เมื่อเข้าใจแล้วก็พากันประพฤติปฏิบัติ อย่างนี้ครูบาอาจารย์มาบังคับเรา เราก็ต้องบังคับตัวเองด้วยอย่างนี้นะ
การประพฤติปฏิบัติธรรมมีหลายคนหลายท่านมีความสงสัยว่า ตัวเองปฏิบัติถูกหรือเปล่า เพราะว่าการปฏิบัติที่ผิดนั้นทำให้เดินทางผิดและเสียเวลา การปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าท่านให้เดินทางสายกลาง เอาศีลเป็นหลัก เอาธรรมเป็นหลัก ศีล คือทางสายกลาง ธรรม คือทางสายกลาง คนเรามันมีตัวมีตน มันไม่เดินทางสายกลาง เอาตัวเองเป็นใหญ่ เอาตัวเองเป็นประธาน การปฏิบัติที่ถูกต้อง ต้องปรับตัวเองเข้าหาศีลหาธรรม ข้อวัตรปฏิบัตินี้เป็นปลีกย่อย มันได้แก่พระวินัย ที่เราทำวัตรสวดมนต์ ทำกิจวัตรต่างๆ จัดว่าเป็นศีล
ศีลนี้คือการจัดการเรื่องทางกาย เพื่อที่จะเข้ามาหาทางจิตใจ เพราะว่าคนเราใจมันไม่มีตัวไม่มีตน มันต้องอาศัยกายอยู่ การปฏิบัติศีลต้องมาปฏิบัติที่กาย "การมาปฏิบัติที่กาย ก็คือการปฏิบัติที่ใจนั่นแหละ"
ผู้ปฏิบัติตามศลถือว่าปฏิบัติถูกต้อง ปฏิบัติตามทางสายกลาง มีเจตนาที่จะงดเว้นในศีลทุกๆ ข้อ ศีลนี่แหละ ถ้าเราไม่มีเจตนา ถ้าเราทำผิดโดยไม่ตั้งใจ เป็นอันว่า ไม่ผิดศีล
ถ้าเราสงสัยอยู่แล้วฝืนทำลงไป ถึงแม้จะไม่ผิดศีลโดยตรง มันก็ ผิดศีลในข้อที่สงสัย ยกตัวอย่างเช่น เราเดินไปเหยียบแมลงตายโดยที่เราไม่ตั้งใจ เราก็ไม่ผิดศีล ให้ผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมให้คิดอย่างนี้ ถ้าเราปฏิบัติถูกต้องตามศีลแสดงว่าเราปฏิบัติถูก
การปฏิบัติธรรม คือปฏิบัติเพื่อละความเห็นแก่ตัว เพราะเรามีตัวมีตนมาก มันถึงต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด มันมีอัตตาตัวตนมาก มันถึงมีภพมีชาติ มีการเวียนว่ายตายเกิด
การประพฤติปฏิบัติธรรม ให้ทุกๆ ท่าน ทุก ๆ คนเน้นการเสียสละ เน้นการละความเห็นแก่ตัว การรักษาศีล ก็ให้เป็นผู้เสียสละละความเห็นแก่ตัว ละความมักง่ายของตัวเองเสียสละไม่ตามใจตัวเอง
ความคิดของเราก็เหมือนกัน บางอย่างก็เป็นยาพิษ บางอย่างก็เป็นธรรมโอสถ... สิ่งไหนมันเป็นไปไม่ได้ เราก็อย่าไปคิดมัน เสียเวลา เสียสมองเปล่าๆ เช่น เราอยากได้ดวงอาทิตย์ อยากได้ดวงจันทร์ อยากได้ดวงดาว เราก็อย่าไปคิดมัน เพราะคิดไปแล้วมันก็ไม่ได้
เราคิดไม่อยากให้มันแก่ คิดไม่อยากให้มันเจ็บ คิดไม่อยากให้มันตายอย่างนี้ "เราคิดแล้วมันก็ไม่เป็นไปตามความคิด เราคิดแล้วมัน ไม่ได้อะไร แล้วเราจะไปคิดไปทำไม...?"
เราคิดอยากให้เรารวยมันก็ไม่ได้ เราก็ได้ตามอัตภาพตามการงาน เราคิดอยากได้วันละพันมันก็ไม่ได้ อยากได้มากก็ต้องเพิ่มกิจการงานขึ้นอีก
ไม่ใช่คิดไปให้ตัวเองเป็นทุกข์ ถ้าเราคิดไม่เป็นมันก็ทำร้ายตัวเอง หาความทุกข์ให้กับตัวเอง อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องหาราวให้กับตัวเอง ลักษณะในการคิด พระพุทธเจ้าท่านให้เราคิดอย่างนี้
การงาน ก็ให้ทำการงานที่ชอบ เป็นการงานที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ปกติคนเราในชีวิตประจำวัน มันก็ทำแต่สิ่งที่เก่าๆ ซ้ำๆ ซากๆ มันต้องนอน ต้องมีที่อยู่ที่นอน มันต้องจัดที่นอน ดูแลที่อยู่ที่นอน ดูแลห้องน้ำห้องสุขา ทำอย่างนี้ทุกวัน พระพุทธเจ้าท่านให้เรามีความสุขในการทำการทำงานอย่างนี้
เวลาเรากวาดบ้านก็ดี ทำอะไรทุกอย่างก็ดี ก็ให้ใจของเราอยู่กับเนื้อกับตัว ให้ใจของเราอยู่กับการกระทำสิ่งนั้น เราทำช้า ทำเร็ว ก็ให้ใจเรามีสติ...แล้วแต่เวลามันจะเร่งรัด ให้เราเอาสติ เอาสมาธิ เอาการกระทำของเราเป็นการประพฤติปฏิบัติธรรม ลงรายละเอียดให้กับตัวเองให้มากขึ้น
เราทำงานเพื่องาน ทำงานเพื่อเสียสละ... เราทำอะไรอย่าไปหวังผลตอบแทน อย่าไปหวังคำว่าขอบคุณ มันมีความทุกข์ ถ้าเราหวังผลมันมีความทุกข์ ถ้าเราหวังคำว่า 'ขอบคุณ' ให้เราทำงานเพื่องาน ทำงานเพื่อเสียสละ จิตใจของเราจะได้สงบ จิตใจของเราจะได้เย็นอยู่กับการทำงาน
คนส่วนใหญ่ไม่รู้นะว่าการทำงาน คือการปฏิบัติธรรม การทำงาน คือการทำความดี การทำงาน คือการเสียสละ การทำงาน คือการฝึกตัวเอง ฝึกสติ เราอย่าไปคิดว่าการปฏิบัติธรรม คือการเดินจงกรม นั่งสมาธิ นั่นมันแค่ขั้นตอนหนึ่ง แต่ชีวิตของคนเรามันมีหน้าที่ที่มองเห็นเป็นหลักใหญ่ๆ ตั้ง ๘ อย่าง ยังมีคนเข้าใจผิดเยอะว่าไม่มีเวลารักษาศีล ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมเลย... ฮันนี้ก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจเรื่องพระศาสนา ไม่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม
ในทุกหนทุกแห่งในโลกนี้นั่นคือการปฏิบัติธรรม...
เราปฏิบัติธรรมในที่ทำงาน เราปฏิบัติธรรมในที่บ้านของเรานั่นแหละ... เขาอย่าไปมีช้อแม้ว่าอยู่ในที่ทำงานปฏิบัติไม่ได้ มันมีแต่เรื่องวุ่นวาย
พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาตรัสบอกพวกเราว่า ถ้ามันไม่มีสิ่งวุ่นวายต่างๆ เหล่านี้แล้ว เราจะรักษาศีลไปทำไม เราจะมีโอกาสทำใจของเราให้มันสงบหรือ เราจะมีโอกาสทำใจของเราให้มันเย็นหรือ?
ในบ้านในสังคมมันต้องมีทั้งคนดีคนไม่ดี เราจะได้มาปรับที่ใจ ปรับที่การกระทำ ปรับที่คำพูดของเรา
เราจะไปรอให้ปัญหาต่างๆ ให้มันหมด มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นโลก เป็นวัฏฎสงสาร พอเรื่องเก่าจบเรื่องใหม่ก็มาอีกเหมือนกับตัวเรานี้แหละ วันนี้ก็ทานอาหาร วันต่อไปก็ต้องทานอีก มันไม่จบ...
เราอย่าไปทุกข์ไปร้อนกับสิ่งต่างๆ ว่าสิ่งนี้มันก็ไม่ดี สิ่งนั้นมันก็ไม่ดี เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันเป็นธรรมชาติ มันเป็นกฎของธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรายึดเราถือ สิ่งต่างๆ ที่เข้ามาทางตาทางหู ถ้าเราเอามาแบกมายึดมาถือมันก็ทุกข์มาก ทุกข์จากขันธ์ ๕ มันก็ทุกข์มากอยู่แล้ว ทุกข์ทางกายทุกข์ทางใจของเรามันก็มากอยู่แล้ว เราก็ยังเอาทุกข์ของคนอื่นมาแบกอีก
ที่เรามีปัญหา ที่เรามีความทุกข์อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเรายังไม่รู้จัก เราเที่ยวไปแบกเอาทุกข์ของเขา ไปคิดแทนเขา เราเข้าไปมีส่วนร่วมหมด อย่างนี้เขาเรียกว่า 'เป็นผู้เกิดมาแบกโลก'
สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่น เราต้องตั้งใจมั่นตลอดกาล เป็นผู้ที่เที่ยงแท้แน่นอนในความดี เป็นผู้ที่เดินหน้าอย่างเดียว ไม่หยุด ไม่กลับหลัง เขาเรียกว่าเข้าถึงกระแสของความดี เข้าถึงกระแสของ “พระนิพพาน” ถ้าเราทำไปเดี๋ยวก็หยุดอะไรอย่างนี้ การประพฤติการปฏิบัติธรรมมันก็ไม่ได้ผล เมื่อเราไม่เข้าถึงความดี ตนเองก็เคารพนับถือตนเองไม่ได้ ทุกอย่างมันขัดข้องไปหมด ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงวิทยฐานะเราได้ นอกจากเราเป็นคนดี เป็นคนเสียสละ
ชีวิตของเรามันก็เหมือนที่เขาไปเข้าโรงเรียนนี้แหละ เขาไปเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก แต่นั่นมันเป็นการเรียนหนังสือ แต่นี่มันคือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมเป็นการทำปริญญาในจิตใจ การทำปริญญาทางหนังสือนี่ก็ยังลำบาก แต่การทำปริญญาในการประพฤติปฏิบัติธรรมมันลำบากกว่ากันตั้งเยอะ
พระพุทธเจ้าตอนที่ท่านตรัสรู้ใหม่ๆ ท่านยังท้อพระทัยเลยว่า ธรรมะที่เราตรัสรู้นี้มันทวนกระแส มันเห็นตรงกันข้ามกับโลกที่เป็นอยู่ เราจะไปเทศน์ไปสอนให้ใครเข้าใจได้ เพราะมันเป็นธรรมะที่ไม่ตามใจใคร มันทวนกระแส ต้องอด ต้องทน ต้องฝืน พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพระบารมีมามาก ท่านอาศัยความเมตตา ความกรุณา ท่านก็ได้มาระลึกนึกถึงดอกบัว ๔ เหล่า ท่านถึงได้ทรงเมตตาสั่งสอนเวไนยสัตว์
ให้ทุกท่านทุกคนนี้จงเข้าใจคำว่าปฏิบัติธรรม มันเป็นสิ่งที่ทวนกระแส ทุกๆ คนปฏิบัติได้ ทุกๆ คนทำได้ มันยากมันลำบากก็จริงอยู่ แต่ว่ามันมีคุณค่ามากๆ มันนำความสุขความดับทุกข์มาให้เราในอนาคตได้แน่นอน ไม่ต้องสงสัย
หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้นำพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐอันมีค่าหาประมาณมิได้ ไปประพฤติปฏิบัติด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.