แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันเสาร์ที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ข้าพรรษาเข้าหาธรรม ตอนที่ ๔๐ ผู้ที่มีความละอายชั่วกลัวบาป มั่นคงอยู่ในกุศลธรรม สงบระงับบาปได้แล้ว ท่านเรียกว่า ผู้มีธรรมของเทวดาในโลก
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ทุกคนที่เกิดมาทำไม สาเหตุที่เกิดมา พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า เพราะไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ไม่รู้อริยสัจ 4 ตามความเป็นจริง ได้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่รู้หรือว่าด้วยอวิชชาด้วยความหลง ดังพระพุทธดำรัสว่า "จตุนฺนํ ภิกฺขเว อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สริตํ มมญฺเจว ตุมฺหากญฺจ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดอริยสัจ ๔ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏ ตลอดกาลนานอย่างนี้"
ด้วยสาเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลผู้หนึ่งบำเพ็ญพุทธบารมีจนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ในพระชาติสุดท้ายได้อุบัติเกิดขึ้นมาในศากยวงศ์ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ เป็นลูกหลานของพราหมณ์ พราหมณ์นั้นก็ไปได้ถึงความสงบถึงพรหมโลก พระพุทธเจ้าถึงได้บำเพ็ญบารมีต่อ โดยที่เอาตัวเอาตนมาแก้ปัญหาแต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ จึงได้ย้อนมาพิจารณาเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย จึงได้รู้ว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ มรรคผลนิพพานนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ เพียงแต่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเขาเป็นอยู่อย่างนั้นเอง เราไม่ได้เพิ่ม เราไม่ได้ตัด เพียงแต่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ธรรมะนั้นจะเป็นสติคือความสงบ เป็นสัมปชัญญะคือตัวปัญญา ที่ก้าวไปด้วยเหตุด้วยปัจจัย ด้วยเหตุนี้มีผู้มาถามปัญหาพระพุทธเจ้าว่า ตายแล้วเกิดหรือตายแล้วสูญ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกว่า ขึ้นอยู่ที่เหตุขึ้นอยู่ที่ปัจจัย
ตามทรรศนะของพุทธศาสนาเห็นว่า ตายแล้วเกิดก็ผิด ตายแล้วสูญก็ผิด ถ้าอย่างนั่นเห็นอย่างไรจึงจะถูก ตอบว่าเห็นว่าแล้วแต่เหตุปัจจัย ถ้ามีเหตุปัจจัยให้ต้องเกิด ก็ต้องเกิด ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิด ก็ไม่เกิด เหตุปัจจัยที่ว่านั้นคือกิเลส ถ้ายังมีกิเลสอยู่ นั่นก็เป็นเหตุปัจจัยที่จะต้องให้เวียนเกิดในภพต่างๆ ถ้าไม่มีกิเลสแล้ว ถึงเราไม่ปรารถนาที่จะไม่เกิด มันก็ไม่เกิด มันไม่มีอะไรไปเกิด เมื่อจิตของท่านคลายออกแล้วในภพต่อไป
เต ขีณพีชา พืชของท่านสิ้นแล้ว พืช หมายความว่า วิญฺญาณํ พีชํ วิญญาณนั้นเหมือนพืช กมฺมํ เขตฺตํ ในการเกิดใหม่นั้นกรรมเหมือนเนื้อนา กรรมเหมือนเนื้อดิน ตณฺหาสิเนโห ตัณหาเหมือนยางในพืช พืชยังมียาง ยังมีตัวทำให้ต้องเกิด ทำให้เพาะขึ้นได้ ท่านเรียกว่ายางในพืช ถ้าเอาเมล็ดพืชไปคั่วเสียแล้ว ถ้าเป็นเมล็ดใหญ่ก็เอาเหล็กเจาะเข้าไป ให้เมล็ดมันหมดคุณภาพที่จะต้องงอกอีก
เต ขีณพีชา พืชของท่านสิ้นแล้ว อวิรุฬฺหิฉนฺทา ไม่มีความพอใจทีจะเกิดขึ้น
นิพฺพนฺติ ธีรา นักปราชญ์เหล่านั้นก็ดับสนิท ยถายมฺปทีโป เหมือนกับประทีปดวงนี้
ประทีปดวงนี้ดวงไหน ท่านเล่าว่า ตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ ก็ยืนดูดวงประทีปหลายดวงที่เขาจุดบูชาเทวดาประจำเมือง แล้วมีดวงประทีปดวงหนึ่งดับไปเพราะหมดเชื้อ หมดน้ำมัน พระพุทธเจ้าทรงชี้ว่า มันดับไปเหมือนดวงประทีปดวงนี้ พระก็เอาใจความตรงนี้มาจุ่มเทียนลงไปในบาตรน้ำมนต์ เวลาทำน้ำมนต์ นี่เป็นเรื่องของพระอรหันต์ พระอรหันต์ท่านสิ้นกรรม หมดกรรม อยู่เหนือกรรม เพราะฉะนั้นวิญญาณ ก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป เป็นอิสระจากกรรมและวิญญาณ วิญญาณที่เดินทางมาเป็นเวลานาน เกิดๆ ดับๆ มาโดยอาศัยสันตติ สืบภพชาติต่อมาเป็นเวลานาน วิญญาณหมดเชื้อก็ดับในที่สุด ไม่เกิดอีก เป็นอันจบกระบวนการของชีวิตเสียที ถ้ายังมีตัณหานุสัยอยู่ ก็ต้องเกิดบ่อยๆ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เหมือนกับเมื่อรากของต้นไม่ยังมั่นคงอยู่ ยังไม่มีอุปัทวะ ยังไม่เป็นอันตราย ต้นไม้แม้จะถูกตัดแล้ว ก็งอกขึ้นได้อีก ฉันใด
เอวมฺปิ ตณหานุสเย อนูหเต เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกถอนขึ้น
อุปปชฺชติ ทุกฺขมิทํ ปุนฺนปฺปุณฺณํ ทุกข์นี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะตัวสำคัญ
ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจแต่เรื่องตายทางร่างกาย เข้าใจแต่เรื่องเกิดทางร่างกาย ไม่ได้เข้าใจเรื่องเกิดเรื่องตายทางจิตใจ เราจะแก้ไขให้มันได้ เราก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ปฏิบัติให้ถูกต้อง หมู่มวลมนุษย์คือผู้ที่ประเสริฐ เราทุกคนได้พากันเกิดมา ทุกท่านทุกคนต้องมีความเห็นเหมือนๆ กัน มันถึงจะก้าวไปทั้งระบบ ไปทั้งนักบวช ไปทั้งคฤหัสถ์ ไปทั้งทหารตำรวจ ข้าราชการพลเรือนประชาชนทุกๆ คน ที่ต้องก้าวไปด้วยความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งความประพฤติการปฏิบัติ ทุกๆ คนพากันขวนขวายทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์
ภาพรวมของประเทศไทยเรา ถึงจะมีหลายคนมันก็คือคนคนเดียวกันนั่นแหละ คือมีความแก่ความเจ็บความตายความพลัดพรากเหมือนกันนั่นแหละ เพราะการปกครองเนี่ย ที่เราอยู่รวบรวมกันในแต่ละประเทศ อยู่ด้วยภาษีอากรของแต่ละคน คนที่ไม่เสียภาษีเลยไม่มี อย่างเราดื่มน้ำทานอาหารใช้ไฟฟ้าใช้ของทุกอย่างที่หักเป็นภาษีอากรของเราทุกคน ผู้ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ อย่างข้าราชการที่ไม่ขวนขวายในการทำงาน ไม่มีความสุขในการทำงาน นี่แหละคือการคอรัปชั่น นี่แหละคือการทอนคือการบั่นทอน ถ้าเราไปโกงกินคอรัปชั่นเหมือนกับที่ข้าราชการนักการเมืองคงกินอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าทอนเขาเรียกว่าถอน อย่างนักบวชที่บวชมาไม่ได้เอามรรคผลพระนิพพาน นี่คือทอนนี่คือทำลาย แล้วให้เข้าใจด้วยว่าผู้ที่มาบวชนอกรีตไม่ได้หมายถึงใครที่ไหน หมายถึงผู้ที่บวชมาโกนหัวห่มผ้าเหลืองแต่จุดมุ่งหมายปลายทางนั้นไม่ได้มุ่งมรรคผลพระนิพพาน มุ่งเพื่อจะเอาพระศาสนาหาเลี้ยงชีพ ถึงจะมีพระอุปัชฌาย์ถูกต้องตามกฎหมาย มีหนังสือสุทธิทำอะไรถูกต้อง แต่ก็ยังถือว่าเป็นนักบวชนอกศาสนาอยู่ เป็นในศาสนาแต่เพียงรูปแบบ เพราะการประพฤติปฏิบัตินั้นยังนอกพุทธศาสนา ไม่ใช่ในพุทธศาสนา
ประชาชนคนในปัจจุบันกำลังเรียกร้องโหยหาประชาธิปไตย แม้แต่ประชาธิปไตยในปัจจุบันพวกเราทุกคนต้องพากันคิด ประชาธิปไตยต้องเอาธรรมะเป็นหลัก การพัฒนาทุกอย่างน่ะถ้าเพื่อตัวเพื่อตน กฎหมายบ้านเมืองออกมามันก็ใช้ไม่ได้ มันก็ใช้ได้สำหรับความวุ่นวาย เหมือนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ ที่พัฒนาวิทยาศาสตร์ไปตามหลักเหตุหลักผลเพื่อตัวเพื่อตน ซึ่งก็ถือว่ายังผิดอยู่ ถามว่า มันจะไปแก้ไขได้หรือ ทั้งประเทศน่ะ? ความรู้ความเข้าใจ นี่คือการเรียนการศึกษา เมื่อเราเข้าใจเราก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ทุกคนต้องแก้ตัวเองมีความจำเป็นต้องแก้ตัวเอง ต่างคนก็ต่างแก้ตัวเอง มันก็แก้ได้ อาจจะมีคนสมองไม่ปกติส่วนหนึ่ง กับคนแก่เกิน กับคนป่วยคนไข้อย่างนี้เราก็ดูแลกันไป ถ้าบ้านเราเมืองเราไม่มีการโกงกินคอรัปชั่น ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น ประเทศที่มีศาสนามากที่สุด คือประเทศที่มีการโกงกินคอรัปชั่นน้อยที่สุด ตามสถิติที่จัดอันดับพอสังเขปคือ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สิงคโปร์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ออสเตรเลีย เป็นต้น นั่นแสดงถึงความประพฤติของประชาชนเขาเป็นศาสนามากที่สุด ถ้าถือศาสนาแต่ว่ายังโกงกินคอรัปชั่น ยังไม่ได้เอาธรรมเป็นหลัก ยังไม่ได้เอาธรรมเป็นใหญ่ ก็ถือว่ายังไม่มีศาสนา
นักวิชาการได้แบ่งคอร์รัปชั่นเป็น ๓ ระดับ คือ
๑. การคอร์รัปชั่นระดับบุคคล โดยการคอร์รัปชั่นของบุคคล เป็นคอร์รัปชั่นขั้นพื้นฐาน ที่มีอยู่ทั่วไปในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งมีสาเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก อันได้แก่ความย่อหย่อนในศีลธรรม และคุณธรรม ความขาดแคลน รายได้ไม่เพียงพอ กับรายจ่าย ความอยากได้ใคร่ดีความกลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่น การแข่งขันในทางวัตถุความมักได้ความเคยชิน และความคิดว่าคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติใครๆ เขาก็ทากันทั้งนั้น โดยเริ่ม จากการรับหรือเรียกร้องสินน้ำใจ ค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าซื้อความสะดวก เงินใต้โต๊ะ เพื่อให้เรื่องต่างๆ ดำเนินไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วไม่ติดขัด หากไม่ได้รับเงินพิเศษ หรือการเลี้ยงดู ปูเสื่อ ก็อาจจะเกิดการกักเรื่องหรือกลั่นแกล้งให้เกิดความล่าช้าและความเสียหายได้
๒. การคอร์รัปชั่นระดับสถาบัน คอร์รัปชั่นได้แพร่ขยายเข้าไปสู่สถาบัน กลายเป็นประเพณีปฏิบัติขององค์กร โดยเฉพาะบางองค์กรซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพ่อค้า นักธุรกิจ และ ประชาชน เกิดเป็นระบบหน้าม้าที่รับติดต่อกับองค์กรเหล่านั้นแทนประชาชน เกิดการกินหัวคิว สินบนการส่งส่วย การฮั้วการประมูล ไปจนถึงลูกเล่นพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งส่วนมากคอร์รัปชั่นในระดับสถาบันนี้จะทำกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่และผลประโยชน์กันอย่างเป็นขบวนการ ซึ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานเข้า ก็กลายเป็นการยากที่จะถอนยวงหรือสืบสาวไปถึงตัวใหญ่ได้
๓. การคอร์รัปชั่นในรูประบบ เป็นคอร์รัปชั่นที่อันตรายที่สุด ซึ่งมักจะเป็นการร่วมมือกันของฝ่ายคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย หรือคอร์รัปชั่นเชิงบริหาร เป็นการโกงในระดับชาติโดย นักการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย ก็คือโครงการอภิมหาโปรเจ็คต่างๆ การกำหนดคุณสมบัติของการจัดซื้อจัดจ้างให้ตรงกับของหรือบริษัทที่แอบตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือที่เรียกว่าล็อคสเป็ค รวมถึงการเรียกเงินปากถุงหรือเปอร์เซ็นต์สำหรับการเซ็นอนุมัติ โครงการต่างๆ การดักซื้อที่ดินราคาถูกเพื่อโก่งราคาขายให้รัฐในการสร้างถนนหรือสถานที่ ราชการเป็นต้น
ต้นเหตุแห่ง การทุจริต คอรัปชั่น แท้จริง คือ กิเลส ความโลภ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนแนวทางแก้ปัญหา ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือเอาธรรมะ เข้าดับไฟกิเลส โดยเฉพาะ
เราจำเป็นจะต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกัน เรามีความจำเป็นที่จะต้องหยุดตัวเอง เพื่อความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์ ที่เป็นโครงสร้างของหมู่มวลมนุษย์ เราเป็นข้าราชการนักการเมืองหรือเป็นนักบวชทุกวันนี้เราเพียงแต่ทำหน้าที่เท่ากับเป็นไปรษณีย์หรือว่าเพียงลายเซ็น ให้มีโอกาสโกงกินคอร์รัปชั่นเท่านั้นเอง ไม่ต่างอะไรกัน มันมีความจำเป็นนะ ที่เราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันต้องเข้าสู่ระบบหรือว่าเข้าสู่ภาคบำบัด ไก่มันฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ถึงออกลูกมาเป็นตัว เราเป็นมนุษย์ก็ต้องเข้าสู่ภาคบำบัดเข้าสู่ภาคปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง จนกว่าจะถึงมรรคผลพระนิพพาน จึงจะเป็นพระศาสนาเป็นพรหมจรรย์
ส่วนใหญ่นะเป็นสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ มีความลังเลสงสัย มีแต่ความตั้งมั่นในตัวตน ประชาชนของประเทศเราถึงมีสีขาวให้เปอร์เซ็นต์มากแล้วคือ 10% มีสีเทาก็ 40% มีสีดำสนิทนะประมาณ 50% มนุษย์เราพัฒนาหลักเหตุผลหลักวิทยาศาสตร์ น่าจะมีความสุขความดับทุกข์มากกว่านี้ การถือพระศาสนาน่ะ บางทีเราก็ยังไม่เข้าใจ คิดแต่ว่า เรามาบำเพ็ญบารมีไม่ได้ชาตินี้ก็อีกหลายชาติ พระพุทธเจ้าไม่ให้เราคิดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าให้เราเน้นที่ปัจจุบัน ต้องหยุดตัวเองให้ได้ในปัจจุบัน ความเข้าใจอย่างนี้มันก็ถือว่าผิด ถึงแม้จะยังอีกหลายชาติก็จริง สำหรับผู้มีอินทรีย์อ่อน แต่ก็ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติในปัจจุบัน เพื่อที่จะไม่มีสีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ ทุกๆ ศาสนาส่วนใหญ่กำลังวิกฤต ข้าราชการนักการเมืองก็วิกฤต ประชาชนก็วิกฤต แต่เมื่อตามันบอดมันสนิทก็มองไม่เห็นว่า กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต มันวิกฤตนะ เพราะมีความเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ คนเราถ้าผิดแล้วรู้ว่าผิดก็ยังดีกว่าที่ไม่รู้ เรื่องรู้อริยสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ นี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เราจะเอาความถูกต้องเป็นตัวเป็นตนไม่ได้นะ ความถูกต้องก็คือความถูกต้อง ความถูกต้องนั้นย่อมไม่มีตัวไม่มีตน
เราทุกคนมีความจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้มันสมบูรณ์ เหมือนเด็กที่เกิดมา เดี๋ยวนี้ก็ 3-4 ขวบ ก็ต้องมีความจำเป็นที่จะเข้าเรียนอนุบาล 7 ขวบก็เข้าประถม เค้าต้องมีโครงสร้าง เข้าสู่มัธยม และก็เข้าสู่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยก็เข้าสู่สถาบันต่างๆ เช่น วิศวะ สถาปนิก แพทย์ หมอ พยาบาล ตำรวจ ทหาร อย่างนี้เป็นต้น เราต้องเข้าสู่ทั้งภาคเรียน ทั้งภาคความประพฤติ อันนี้เราก็รู้กันแต่เพียงภายนอก แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า มันต้องพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เพราะการที่เราพัฒนาอย่างนี้ ทำอย่างนี้ มันจะได้เพียงความสะดวก ความสบาย ทางวัตถุ เมื่อเราพัฒนาความสุข ความสบายทางวัตถุ พวกเราก็ยิ่งที่มีความเห็นแก่ตัว ให้พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ถ้าไม่เข้าสู่ภาคการเรียนการปฏิบัติ มันเป็นไปไม่ได้เลย
อย่างผู้ที่มาบวชนี้ก็เข้าสู่สถาบันทางศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านจะให้ สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เราก็ดูอย่างประเทศไทยเรา มหาวิทยาลัยจุฬาฯ นี้ก็ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศไทย ที่มีความรู้ดี ความประพฤติดี มหิดลก็ 2 ธรรมศาสตร์ก็ 3 ธรรมศาสตร์ก็ถือว่ายังไม่เข้าใจการเมืองดี จะพัฒนาเอาแต่ประชาธิปไตยก็ทิ้งธรรมะไปเยอะ จะเอาแต่ประชาธิปไตย พวกรามคำแหง ก็เอาแต่ประชาธิปไตย พากันทิ้งธรรมะเยอะ
ตามความรู้ภาพรวม แต่ละสถาบันก็ยังมีสถาบัน อย่างวัดปฏิบัติต่างๆ ก็ดูว่าเป็นใคร เป็นลูกศิษย์ใคร มุ่งมรรคผลนิพพาน 100% หรือปฏิบัติพระกรรมฐานปลายแถว ปลายแถวก็หมายถึงไม่ได้เอามรรคผลพระนิพพาน ยังเอาวัตถุข้าวของเงินทองเป็นที่ตั้งอยู่
ประเทศไทยเรามันยากจน ก็เพราะเรายังไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติ ภาคปฏิบัติ มันยังโกงกินคอรัปชั่นเยอะอยู่ โกงกินโดยไม่ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ โกงกินของหลวงคือภาษีอากร ทุกๆ คนไม่มีใครไม่เสียภาษี เกิดมาต้องเสียภาษี การปฏิบัติมันของยาก แต่ว่ามันก็จำเป็นจะต้องประพฤติ ต้องปฏิบัติ เพราะว่าเราเกิดมาต้องเสียสละ ถ้าจะว่าไม่ยาก มันก็ไม่ยากหรอก เพราะเรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง หมู่มวลมนุษย์มันต้องนอนให้เต็มอิ่ม วันหนึ่งคืนหนึ่งมันต้อง 6 ชม. เต็มๆ ที่นอนหลับสนิท มันถึงจะเอาสมองสั่งร่างกายได้ ถ้าจะเอาไปทำธุรกิจหน้าที่การงานทั้งภายนอก มันต้อง 7 ชม. ไม่น่าเกิน 8 ชม. ให้มีความสุข ต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติ และที่ว่ามันยาก ทำไมมันยาก เพราะมันเอาธาตุ เอาขันธ์ เอาอายตนะเป็นเรา มันเอาความชอบใจ ไม่ชอบใจเป็นเรา สังขารที่มีใจครองก็จริง แต่มันครองด้วยอวิชชา ด้วยความหลง อย่างพากันมาฝึกมาปฏิบัติอย่างนี้แหละ ตื่นตี 3 อย่างนี้มันก็ยากเหลือเกิน ทำอะไรตามเวลาเป๊ะๆๆ คิดอะไรก็ต้องให้อยู่ในธรรมวินัย มันก็ยาก ถึงจะยากอย่างไร มันก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่ว่ามันยากก็เพราะตัวตนของเรา เราอย่างไปคิดว่า โอ๊ย... ใจไม่อ่อน ใจไม่เข้มแข็ง มันไปไม่ได้ เราอย่าไปเชื่อมัน อันนี้มันเป็นสีลัพพตปรามาส มันลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ อันนี้เป็นตัวเป็นตน ต้องใจเข็มแข็ง อริยมรรคมีองค์ ๘ มันต้องครอบคุมด้วยสัมมาสมาธิ อย่าไปใจอ่อน ต้องเข้าใจ นี้ความรู้ที่กล่าวมานี้ เราเป็นพุทธบริษัท ๔ หรือว่าพราหมณ์บริษัท คริสต์บริษัท หรืออิสลามบริษัท เราต้องพากันรู้จัก ศาสนาทุกศาสนานี้มันก็คืออันเดียวกันนั้นแหละ เราอย่าไปแบ่งแยกกันเลย ความมีตัวมีตนมันแยกกัน พวกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต โกงกินคอรัปชั่น ประพฤติผิดในกาม หรือ โกหก หลอกลวง ตามใจตามอารมณ์ตัวเอง ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความประมาท อันนี้มันตัวตน มันเห็นแก่ตัว อย่าไปเชื่อมันเลย อันนี้มันถูกใจแต่ว่ามันไม่ถูกต้อง ต้องพากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ
ให้เราเข้าใจเรื่องศาสนา เรื่องความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ ไม่ใช่เป็นเพียงสมาธิ ที่เรารู้เราเห็น เราเข้าใจ แต่ทำไมประเทศไทย ศาสนาพุทธมันถึงมีปัญหา ทั้งที่ศาสนาพุทธเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก ก็เพราะผู้ที่มาบวชในพระศาสนา แต่ว่าความประพฤติที่เป็นอยู่กันมันคือนอกศาสนา นอกพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ประชาชนเลยไม่เคารพนับถือ หาเงินกฐิน หาเงินพระป่า หาเงินสาระพัด เค้าเรียกว่าเป็นทั้งเดรัจฉานกถา เป็นทั้งเดรัจฉานวิชา โอ้... อย่างนี้แหละลามปามไปเหลือเกิน ทำผิดพระธรรม ผิดพระวินัยเกือบทุกอย่าง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงเช้าพรรษา อีกไม่นานก็จะทอดกฐิน มันเสียหายมาก บางทีพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป ก็จะพากันทอดกฐินกัน เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ก็เฉย เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือโจรกัน พากันทำผิดพระธรรมพระวินัย ตามปกติแล้วพระไม่ครบ ๕ รูป นั้นทอดกฐินไม่ได้ ได้แต่ผ้าป่า ประชาชนก็ไม่เข้าใจ นึกว่าทอดกฐินมันได้บุญเยอะ ต้องรู้จักว่าบุญมันคืออะไร บุญคือความดี กฐินมันทอดได้เฉพาะกาล คือเวลา ๑ เดือนหลังออกพรรษา แต่บุญก็คืออันเดียวกันนั้นแหละ ถ้าเราเสียสละ เห็นว่าอันไหนมันถูกต้อง เห็นอะไรมันควร เราอย่าไปหลงงมงาย
พระก็อย่าเป็นผู้ที่บวชในพระพุทธศาสนาแต่เป็นพระอยู่นอกพระพุทธศาสนา ที่จะมาหาผลประโยชน์ มันทำให้สถานการณ์ทั้งบ้าน ทั้งวัด ทั้งสังคมมันมีเรื่องมีปัญหา ทุกคนต้องมาเอามรรคผล มาเอาพระนิพพานกัน เราจะไม่ได้ทอนวัด หรือว่าทำลายวัด เราจะไม่ได้ถอนราก ถอนโคนพระพุทธศาสนาไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่โกนหัวห่มผ้าเหลืองอะไรอย่างนี้มันไม่ได้ พุทธบริษัทให้พากันรู้นะ ถ้าเราไม่รู้ไม่ได้ ต้องช่วยกัน เราก็ไม่ได้ว่าให้ใครหรอก เราก็พูดให้เข้าใจว่า ทุกคนต้องกลับมามีสติ ความสงบ กลับมามีสัมปชัญญะ มีปัญญา มีความสุขในการที่ดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
โลกของเรานี้ได้รับการคุ้มครองด้วยธรรม จึงทำให้สังคมมนุษย์มีความสงบสุข ธรรมที่คุ้มครองโลกอยู่นี้ เรียกว่า “หิริ โอตตัปปะ”
หิริ คือ ความละอายที่จะทำความชั่ว โอตตัปปะ คือความกลัวต่อผลของความชั่ว หิริโอตตัปปะนี้เป็นธรรมของผู้มีคุณธรรม ที่จะนำพาเราก้าวไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เพราะผู้จะเป็นเทวดาได้ ต้องมีคุณธรรม คือหิริ โอตตัปปะอยู่ในใจ ท่านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เทวธรรม” คือธรรมที่จะทำให้เราได้เป็นเทวดา อีกทั้งเทวธรรมนี้ คือธรรมคุ้มครองโลก หากคนทั้งโลกมีหิริ โอตตัปปะ ละอายต่อการทำบาปและกลัวต่อผลของบาป ก็จะไม่ทำบาปอกุศล จะตั้งมั่นอยู่ในศีล ๕ มนุษย์ทั้งหลายก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สันติภาพของโลกย่อมจะบังเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์พากันประพฤติธรรม ธรรมะก็จะคุ้มครองมนุษย์ ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงภาวะได้ด้วยแรงกรรมคือความประพฤติของตนเอง เช่น ถ้าใครประพฤติตนเป็นคนขี้ลักขโมย เขาก็จะเปลี่ยนภาวะเป็นโจรทันที ถ้าใครขยันศึกษาเล่าเรียน เขาก็จะเป็นบัณฑิต ถ้าใครบวชแล้วรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ เขาก็จะเป็นภิกษุ และถ้าใครมีความละอายใจที่จะทำชั่ว พร้อมทั้งกลัวผลร้ายที่จะเกิดขึ้นหลังจาทำชั่วนั้น คุณธรรมในใจเช่นนี้ พระท่านเรียกว่า หิริโอตตัปปะ จะมีสภาพเหมือนเกราะอันเหนียวแน่นป้องกันความชั่วทั้งปวงได้ ผู้มีสภาพจิตเช่นนี้จะเปลี่ยนภาวะเป็นเทวดาทันที ดังพุทธพจน์บทหนึ่งว่า “หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา สุกฺกธมฺมสมาหิตา สนฺโต สปฺปุริสา โลเก เทวธมฺมาติ วุจฺจเร = ผู้ที่สมบูรณ์ด้วยหิริโอตตัปปะ (ละอายชั่วกลัวบาป) มั่นคงอยู่ในกุศลธรรมคือธรรมที่ขาว สงบระงับบาปได้แล้ว ท่านเรียกว่า ผู้มีธรรมของเทวดาในโลก”
การเป็นเทวดาในโลก หรือจะเรียกว่าเป็นเทวดาเดินดินดังหัวเรื่อง เป็นเรื่องใกล้ตัว พิสูจน์ง่ายและรับประกันได้แน่นอนว่าถ้ามีคุณธรรมดังที่แสดงไว้นี้ เราก็สามารถเป็นเทวดาได้ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า และที่สำคัญที่สุดก็คือ มนุษย์เป็นเทวดาเดินดินกันมากเท่าใด โลกก็จะมีความสงบร่มเย็นมากขึ้นเท่านั้น
เราต้องมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดำให้มันเป็นสิ่งที่ขาว สิ่งที่เทาก็ให้มาเป็นสิ่งที่ขาว เพื่อเราจะเดินไปพร้อมกัน ทั้ง ข้าราชการ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ เอาธรรมะเป็นใหญ่ เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง
พระธรรมสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ทุกคนๆจะต้องพากันมาตั้งใจ เพราะความถูกต้องและความไม่ถูกต้องไม่ได้เป็นพี่น้องกับใคร มันก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม เราต้องใจตั้งเจตนามันถึงจะเข้าระบบของศีล เพื่อตัดกรรมตัดเวรเพื่อพระนิพพาน เพราะว่าศีลนี้คือ พื้นฐานของสมาธิที่มันเป็นกฎแห่งกรรมเป็นกฎของธรรมชาติ ที่มนุษย์ที่จะต้องพึงประพฤติพึงปฏิบัติ เราทำตามใจตัวเองทำตามอารมณ์ตัวเอง ธรรมชาติของสมาธินี้มันจะไม่เกิดเลย เพราะว่าฐานรองรับ เรามันไม่มี
เราต้องพัฒนาใจของเราให้เปรียบเสมือนแผ่นดิน ให้หนักแน่นตั้งมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าให้โลกมันเหนือธรรม เราจะได้ผ่านโลกด้วยพระธรรม ตัดกระแสวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ชีวิตของเรานี้ประเสริฐมาก ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ เพื่อมรรคผลเพื่อพระนิพพาน จะมีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพาน สวรรค์ ความเป็นมนุษย์ที่ร่ำรวยเราก็ต้องได้อยู่แล้ว เป็นสวรรค์มีแต่ความสุขความสบายเราก็ต้องได้อยู่แล้ว อันนี้เป็นทางผ่านที่เราจะก้าวไป พระพุทธเจ้าถึงให้เราสมาทานหยุดทำอทินนาทาน เราถึงจะได้รับผลประโยชน์ในการดำรงชีพ จิตใจของเราถึงจะเป็นธรรม เป็นปัจจุบันธรรม
เราต้องพัฒนาใจของเราให้เปรียบเสมือนแผ่นดิน ให้หนักแน่นตั้งมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราจะได้ผ่านโลกด้วยพระธรรม ตัดกระแสวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ชีวิตของเรานี้ประเสริฐมาก ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ เพื่อมรรคผลเพื่อพระนิพพาน จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพาน มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เราก็ต้องได้อยู่แล้ว อันนี้เป็นทางผ่านที่เราจะก้าวไป พระพุทธเจ้าถึงให้เราสมาทานหยุดทำอทินนาทาน เพื่อให้สัมมากัมมันตะ การงานชอบ การกระทำชอบ และสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตโดยชอบ บริสุทธิ์บริบูรณ์ เป็นหนทางอันประเสริฐเพื่อความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.